“สุวรรณภูมิ” ปิดพื้นที่! ลุยขยายจุดตรวจค้น-ตรวจหนังสือเดินทางเพิ่ม

[Chigaru]

"สนามบินสุวรรณภูมิ" ลุยขยายพื้นที่จุดตรวจค้น-ตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาออกอินเตอร์ โซน 1-2 เริ่ม 15 พ.ย.64-5 ม.ค.65 เพิ่มความสะดวกสบาย ตรวจได้ชั่วโมงละ 660 คน ลดแออัดในสนามบิน มั่นใจไม่กระทบการบริการ ผู้โดยสารน้อยยังไม่เท่าก่อนเกิดโควิด

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.64-5 ม.ค.65  ทสภ.จะดำเนินการปรับปรุงพื้นที่จุดตรวจค้น และจุดตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศโซน 1 (บริเวณหลังเคาน์เตอร์เช็กอิน Row A) และจุดตรวจค้น และจุดตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ช่องทางพิเศษโซน 2 (Fast Track) ชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการในอาคารผู้โดยสาร โดยได้กำหนดปิดพื้นที่ทีละโซน


นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า ช่วงแรก จะปิดพื้นที่จุดตรวจค้นฯ โซน 1 ปรับปรุงให้เป็นพื้นที่บริการผู้โดยสารช่องทางพิเศษ (Fast Track) ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (Wheelchair) ผู้โดยสาร First Class, Premium Lane และลูกเรือ เพื่อขยายพื้นที่ให้บริการ โดยมีจำนวนเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทางเพิ่มเป็น 13 ช่องตรวจ จากปัจจุบัน 6 ช่องตรวจ,  พื้นที่รอตรวจหนังสือเดินทางเพิ่มเป็น 348 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากปัจจุบัน 80 ตร.ม. ซึ่งขีดความสามารถในการตรวจหนังสือเดินทางจะเพิ่มเป็น 660 คนต่อชั่วโมง (ชม.) จากปัจจุบัน 232 คนต่อ ชม. พื้นที่รอรับการตรวจค้น เพิ่มเป็น 114 ตร.ม. จากปัจจุบัน 50 ตร.ม. เครื่องเอกซเรย์ เพิ่มเป็น 5 เครื่อง จากปัจจุบัน 2 เครื่อง


นายกิตติพงศ์ กล่าวอีกว่า ระหว่างปิดปรับปรุงพื้นที่จุดตรวจค้นฯ โซน1 ผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินไทย ประเภทชั้น 1 (Royal First Class) และชั้นธุรกิจ (Royal Silk Class) และลูกเรือ สามารถใช้บริการจุดตรวจค้นฯ ช่องทางพิเศษ (Fast Track) โซน 2 แทนเป็นการชั่วคราว สำหรับการปรับปรุงช่วงที่สอง ในส่วนของพื้นที่จุดตรวจค้นฯ ช่องทางพิเศษ (Fast Track) โซน 2 เป็นการปรับปรุงให้เป็นพื้นที่บริการจุดตรวจค้นและตรวจหนังสือเดินทางสำหรับผู้โดยสารทั่วไปประเภทชั้นประหยัด (Economy) เต็มรูปแบบ โดยจะเพิ่มเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทาง 8 ช่องตรวจ รวมเป็น 28 ช่องตรวจ เพื่อขยายพื้นที่รอตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาออกโซน 2 เพิ่ม 260 ตร.ม. รวมเป็น 860 ตร.ม. ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้ใช้บริการ และแก้ไขปัญหาความคับคั่งในอาคารผู้โดยสาร

นายกิตติพงศ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้  ทสภ. ได้ประสานงานกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ (AOC) และสายการบินถึงการดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งประเมินแล้วว่าระยะเวลาดำเนินการ 52 วัน ในการปรับปรุงพื้นที่ทั้ง 2 โซนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการผู้โดยสารขาออก เนื่องจากเป็นการทยอยปิดพื้นที่ทีละโซน และระหว่างดำเนินการยังคงมีพื้นที่ให้บริการรองรับ ขณะเดียวกันแม้จำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการ ณ ทสภ. มีปริมาณเพิ่มขึ้นตามนโยบายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่การคาดการณ์ผู้โดยสารขาออกในระยะนี้ยังคงมีจำนวนไม่หนาแน่นเมื่อเทียบกับก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19.