รีวิวมีดเก่าทั้งหมด: อดีตสายลับแห่งความรัก

[Narada]

หน้าหนังชวนให้นึกถึงคนรักสายลับหนัง ด้วยฉากแอคชั่น การยิงปืนก็ลดลง คนที่คาดหวังให้เรื่องนี้เป็นหนังที่ดีจะทิ้งมันไว้ใน IMDB แต่ถ้าพวกเขาดูหนังทั้งเรื่องหรือเข้าใจได้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นก็ควรค่าแก่การดู คุณจะได้รับคะแนนสูงอย่างที่คุณคาดไว้ นี่เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่แตกร้าว หนังไม่เสียหายเพราะมีปัญหา เป็นการตีความที่ผิดและดูเหมือนว่าผู้ชมจะยังทำไม่เสร็จ

นี่คือหนังสายลับที่ใช้บทสนทนาเท่านั้น ไม่มีฉากแอคชั่น หนังไม่เน้นระทึกขวัญ นี่คือภาพยนตร์ที่ถือว่าแหวกแนวในประเภท อะไรที่ทำให้หนังเรื่องนี้ยอดเยี่ยมมาก? ผู้ชมประหลาดใจกับครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของภาพยนตร์ ชั่วโมงแรกของภาพยนตร์เรื่องนี้มุ่งเน้นไปที่จุดเริ่มต้นของการสืบสวนของเด็กอายุแปดขวบเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายชาวมุสลิมที่จี้เครื่องบินของออสเตรเลีย หนังจะไม่ลงรายละเอียด แต่จะทำให้เห็นชัดเจนว่ามีการปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยตัวนักโทษหลายคน ข้อมูลนี้ค่อยๆ รวบรวมจากบทสนทนาที่ตัวเอกติดตามข้อมูลจากเพื่อนร่วมงานของเขาเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ฉากหลักเกิดขึ้นที่โต๊ะอาหารค่ำของตัวเอกทั้งสอง บทสนทนานี้จะเน้นที่ชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอกทั้งสอง หากพวกเขาเคยเป็นคู่รักกัน แต่การจี้เครื่องบินได้เปลี่ยนชีวิตพวกเขา อาจไม่มีวันได้กลับมาคบกันอีก


หนังอาจดูเรียบง่ายในชั่วโมงแรก เราได้รับเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับวันจี้เครื่องบินเท่านั้น หนังเรื่องนี้เทลงไปแล้ว นึกว่าจะยังไม่มีใครเห็น รออีกหน่อยแล้วคุณจะพบบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ความประหลาดใจครั้งแรกจะถูกเปิดเผยให้เราทราบโดยที่All the Old Knives (2022)เรามั่นใจว่าจะต้องตกใจ แล้วก็มีหนังสายลับอีกเรื่องที่เกี่ยวกับการหักหลังที่คาดไม่ถึง ฉากไคลแม็กซ์เปลี่ยนเรื่องราวทั้งหมดให้กลายเป็นหนังรัก เป็นที่น่าแปลกใจที่ปูทั้งหมดจบลงที่นั่น นี่คือฉากที่ดีที่สุดในหนังเรื่องนี้ มาจากการสนทนาง่ายๆ แม้ว่าจะเกือบจะเป็นภาพยนตร์ที่มีงบประมาณต่ำ แต่ก็เล่นด้วยบทสนทนาเท่านั้น แต่ยังคงอารมณ์สายลับที่จริงจัง มันดูและรู้สึกเหมือนจริง นี่เป็นเหมือนผู้ชายเจมส์บอนด์มากกว่า


แม้ว่าหนังจะดูมีไม่กี่ฉาก แต่ก็ยังชัดเจนว่ามีหลายฉากบนเครื่องบิน ฉากที่สำนักงาน CIA ฉากที่โต๊ะอาหารค่ำ แต่การผลิตสุรานี้ไม่ได้ต่ำ แม้ว่าหนังจะสั้น แต่ก็มีฉากที่พอจะเล่าได้ แทนไดฟ์ นิวตันและคริส ไพน์ทำหน้าที่นักแสดงในภาพยนตร์ได้ยอดเยี่ยม เราเห็นได้แค่บทบาทของลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์นในฐานะหัวหน้าทีมจนถึงตอนจบ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เล่นมากนัก แต่ภาพลักษณ์ของเขาทำให้บทนี้เหมาะสมมากในตอนท้าย