• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Thetaiso

#5716
รังนกเขาหลง  



ตั้งบูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้านค้าขาย เรียกโชคเรียกลาภเรียกเงินเรียกทอง ค้าขายดี ส่งเสริมเรื่อง ความรักครอบครัวคู่ครอง 

วิธีบูชา เครื่องบูชาใส่พานประกอบด้วย ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก

แล้วอธิษฐาน ขอในสิ่งที่ต้องการ


รังนกเขาหลง เป็นรังนกกายสิทธิ์ ท่านพญาแถนกล่าวว่า มีประวัติเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ถ้าใครได้เห็นรังนกเขาหลง คนนั้นมีบุญบารมีสูงส่ง เขาเป็นรังนกกวักเงินกวักทอง หรือไทรเงินไทรทอง ขอพรได้สิบประการ เช่น ที่อยู่เรือนชานเข็ดขวางอยู่ไม่ได้ หรือบ้านนั้นมีทรวงขวางลูกขาวงเมียเจ็บออดๆแอดๆ อยู่อย่างนี้ ถ้ามีรังนกเขาหลงบูชา เจ้าจงเก็บดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิรน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก แล้วใส่ลงไปในรังนกเขาหลง แล้วจงอธิฐานว่า สาธุฯ สิ่งร้ายๆหรือเสนียดจัญไรรำคาญใจบ่อยๆ ให้ออกไป เมื่อท่านทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสุขสบายทั้งกายใจ เจ้ารังนกกายสิทธิ์ เขาจะกวักเงินกวักทองเข้าเรือนชาน ตัวผู้กงัดเข้า ตัวเมียเก็บไว้ ถ้าใครมีไว้สักการะบูชาคนนั้นมีบุหลาย ถ้าใครมีประจำบ้าน สามารถคุ้มครองบ้านเรือน และประสบลาภบันดาลผลให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขอยู่เป็นทุกทิวาราตรี ของกายสิทธิ์ใครมีบุญก็ได้ไป ไว้บูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้าน เรียกเงินเรียกทอง เรื่องมหาเสน่ห์ก็ดี ใครมีแฟนคิดนอกใจ ลองนำไปบูชาดู ของกายสิทธิ์ หายาก เครือเขาหลงที่อยู่ในรังก็ถือว่าเป็นของดี ม้วนเก็บเป็นก้อนบูชาพกใส่กระเป๋าตังค์ ก็เป็นมหาเสน่ห์ โชคลาภ เรียกเงินเรียกทองได้ดี



เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง คือ ไม้ชนิดเดียวกันที่อยู่ในป่าลึก มีเทวดารักษา ผู้มีวิชาอาคมถึงไปขอตัดเอามาได้ ที่ชื่อ อย่างนี้ก็เพราะว่า ไม้นี้ ถ้าคนหรือสัตว์เผลอไปข้ามเข้าก็จะหลงป่า

แม้แต่นกที่บินผ่านต้นก็จะหลงอยู่ที่ต้นไปไหนไม่ได้ ปละตกลงมาตาย ตรงใต้ต้นเครือเขาหลง นี้จึงเต็มไปด้วยซากสัตว์

ส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้ส่วนปลายเครือเล็กๆ จะคล้ายเส้นผมขน เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย ครับ

และสมัยก่อนเอาเครือนี้ฝังตรงคอกวัวควายโขมยที่มาโขมยก็จะลักไปไม่ได้

โดยจะหลงอยู่แถวคอกนั้น เครือสาวหลงนี้ เป็นการม้วนตัวของเครือไม้เขาหลง หรือ สาวหลงที่ม้วนเองตามธรรมชาติ ม้วนเป็นบ่วง ที่เรียกว่า บ่วงนาคบาท

ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้น หวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้

ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งทาปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของเครือเล็กๆ เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i1140758172.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.27.2f304edfpNDteq



#5718
รังนกเขาหลง  



ตั้งบูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้านค้าขาย เรียกโชคเรียกลาภเรียกเงินเรียกทอง ค้าขายดี ส่งเสริมเรื่อง ความรักครอบครัวคู่ครอง 

วิธีบูชา เครื่องบูชาใส่พานประกอบด้วย ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก

แล้วอธิษฐาน ขอในสิ่งที่ต้องการ


รังนกเขาหลง เป็นรังนกกายสิทธิ์ ท่านพญาแถนกล่าวว่า มีประวัติเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ถ้าใครได้เห็นรังนกเขาหลง คนนั้นมีบุญบารมีสูงส่ง เขาเป็นรังนกกวักเงินกวักทอง หรือไทรเงินไทรทอง ขอพรได้สิบประการ เช่น ที่อยู่เรือนชานเข็ดขวางอยู่ไม่ได้ หรือบ้านนั้นมีทรวงขวางลูกขาวงเมียเจ็บออดๆแอดๆ อยู่อย่างนี้ ถ้ามีรังนกเขาหลงบูชา เจ้าจงเก็บดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิรน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก แล้วใส่ลงไปในรังนกเขาหลง แล้วจงอธิฐานว่า สาธุฯ สิ่งร้ายๆหรือเสนียดจัญไรรำคาญใจบ่อยๆ ให้ออกไป เมื่อท่านทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสุขสบายทั้งกายใจ เจ้ารังนกกายสิทธิ์ เขาจะกวักเงินกวักทองเข้าเรือนชาน ตัวผู้กงัดเข้า ตัวเมียเก็บไว้ ถ้าใครมีไว้สักการะบูชาคนนั้นมีบุหลาย ถ้าใครมีประจำบ้าน สามารถคุ้มครองบ้านเรือน และประสบลาภบันดาลผลให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขอยู่เป็นทุกทิวาราตรี ของกายสิทธิ์ใครมีบุญก็ได้ไป ไว้บูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้าน เรียกเงินเรียกทอง เรื่องมหาเสน่ห์ก็ดี ใครมีแฟนคิดนอกใจ ลองนำไปบูชาดู ของกายสิทธิ์ หายาก เครือเขาหลงที่อยู่ในรังก็ถือว่าเป็นของดี ม้วนเก็บเป็นก้อนบูชาพกใส่กระเป๋าตังค์ ก็เป็นมหาเสน่ห์ โชคลาภ เรียกเงินเรียกทองได้ดี



เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง คือ ไม้ชนิดเดียวกันที่อยู่ในป่าลึก มีเทวดารักษา ผู้มีวิชาอาคมถึงไปขอตัดเอามาได้ ที่ชื่อ อย่างนี้ก็เพราะว่า ไม้นี้ ถ้าคนหรือสัตว์เผลอไปข้ามเข้าก็จะหลงป่า

แม้แต่นกที่บินผ่านต้นก็จะหลงอยู่ที่ต้นไปไหนไม่ได้ ปละตกลงมาตาย ตรงใต้ต้นเครือเขาหลง นี้จึงเต็มไปด้วยซากสัตว์

ส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้ส่วนปลายเครือเล็กๆ จะคล้ายเส้นผมขน เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย ครับ

และสมัยก่อนเอาเครือนี้ฝังตรงคอกวัวควายโขมยที่มาโขมยก็จะลักไปไม่ได้

โดยจะหลงอยู่แถวคอกนั้น เครือสาวหลงนี้ เป็นการม้วนตัวของเครือไม้เขาหลง หรือ สาวหลงที่ม้วนเองตามธรรมชาติ ม้วนเป็นบ่วง ที่เรียกว่า บ่วงนาคบาท

ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้น หวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้

ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งทาปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของเครือเล็กๆ เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i1140758172.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.27.2f304edfpNDteq



#5720


"เฟิร์ส-ปิยังกูร เสาหิน" และ "พี-พีรวิชญ์ พลอยนำพล" สองนักแสดงสุดฮอต แท็คทีม "ชีวิน-ธนะมินทร์ วงษ์สกุลพัชร์" ผู้กำกับฯ จากซีรีย์ดัง Y-Destiny พร้อมใจกันมาเปิดเผยความจริงที่โหดร้ายของ "ช้างไทย" มากกว่า 2,800 เชือก ที่ถูกใช้ในกิจกรรมเพื่อความบันเทิง กับเบื้องหน้ากิจกรรมโชว์ความฉลาด แสนรู้ เชื่อฟังคำสั่ง เรียกความสุข เสียงหัวเราะ และรอยยิ้มจากนักท่องเที่ยว แต่เบื้องหลังคือการบังคับ กักขัง ทั้งถูกขอสับล่ามโซ่ ใช้งานหนัก และการทำร้ายอย่างทารุณ

โดยวันนี้ "เฟิร์ส-พี-ชีวิน" ขอเดินหน้าเต็มกำลัง ร่วมกับ WORLD ANIMAL PROTECTION และ BAD EXAMPLE เป็นกระบอกเสียงในการรณรงค์เชิญชวนคนไทยให้เลิกสนับสนุนกิจกรรมทำร้ายช้าง ผ่านยีนส์คอลเลกชั่นพิเศษ The Entertainer's Pain Collection เผยรอย ripped หรือรอยขาดแต่ละรอยที่ดีไซน์มาจากรอยแผลที่ช้างไทยถูกทำร้ายในกิจกรรมเพื่อความบันเทิง กับแคมเปญ Elephants Not Entertainers เพื่อรณรงค์ไม่ให้ช้างถูกนำไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมเพื่อความบันเทิงที่โหดร้าย พร้อมปกป้องสิทธิให้ช้าง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และได้ใช้ชีวิตตามวิถีธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น

ซึ่ง "พี-พีรวิชญ์" เผยความรู้สึกว่า "ผมเห็นว่าการทารุณช้าง หรือว่าการทรมานช้าง ไม่ว่าจะเป็นการตี การล่ามโซ่ การทารุณ และ ฝึกหนัก ไหนจะต้องพรากช้างจากครอบครัว เพื่อมาแสวงหาผลประโยชน์ มันไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะเบื้องหน้าที่เราเห็นช้างเชื่อฟังคำสั่ง ฉลาด แสนรู้ น่ารัก แสดงกิจกรรมต่างๆ เพื่อความบันเทิงให้คนดูได้หัวเราะ มีความสุข แต่เบื้องหลังเค้าต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด แคมเปญ Elephants Not Entertainers จะทำให้ทุกคนรับรู้ว่าการทรมานช้างในทุกรูปแบบมันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย แคมเปญนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่ช้าง เค้าไม่สามารถบอกเราได้ แต่เราสามารถบอกให้ทุกคนรู้ได้ว่าช้างเจ็บปวดแค่ไหนผ่านกางเกงยีนส์ตัวนี้และแคมเปญนี้ครับ"

ด้าน "เฟิร์ส-ปิยังกูร" เผยว่า "The Entertainer's Pain Collection นี้เป็นการคอลแลปส์กันระหว่าง World Animal Protection และ Bad Example ดีไซน์กางเกงส์ยีนส์ให้มีรอย ripped หรือรอยขาด โดยแต่ละรอยที่ปรากฏในกางเกงยีนส์ตัวนั้นดีไซน์มาจากรอยแผลที่หู ขา หรือที่เท้าของช้างไทยถูกทำร้ายในกิจกรรมเพื่อความบันเทิง สะท้อนความรู้สึกถึงอารมณ์ความเจ็บปวดของช้าง บอกเล่าเรื่องราวความรุนแรงของช้าง ที่สะเทือนใจมากๆ เมื่อผมได้สวมใส่กางเกงยีนส์คอลเลกชั่นนี้ทำให้ผมรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ช้างได้รับ เพราะฉะนั้นผมจึงอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับช้างไทยผ่านแคมเปญนี้ครับ"

และ "ชีวิน-ธนะมินทร์" สะท้อนมุมมองที่มีต่อแคมเปญนี้ว่า"รอยขาดของกางเกงยีนส์คอลเลกชั่นพิเศษ The Entertainer's Pain Collection จะทำให้ทุกคนเห็นว่ากางเกงตัวนี้เป็นรอยขาดที่สวยงาม แต่จริงๆ มันมีสตอรี่ซ่อนอยู่ เพราะรอยขาดนั้นมันคือบาดแผลของช้างที่มาจากกิจกรรมเพื่อความบันเทิง ดังนั้นสำหรับใครก็ตามที่ยังให้การสนับสนุนกิจกรรมความบันเทิงที่เกี่ยวกับช้างอยู่ ได้โปรดหยุดเถอะครับ ผมอยากขอเป็นหนึ่งเสียงในการเรียกร้องให้คืนช้างกลับคืนสู่ธรรมชาติ เพราะช้างเค้าก็มีจิตใจเหมือนที่เรามี และมาช่วยกันสนับสนุนแคมเปญนี้ ด้วยการร่วมกันแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับแคมเปญนี้ ไปให้ทุกๆ คนได้เห็นกันเยอะๆ ด้วยนะครับ"

เรียกว่าเป็นแคมเปญดีๆ ที่ทั้งนักแสดงและผู้กำกับ "เฟิร์ส-พี-ชีวิน" จากซีรีย์ดัง Y-Destiny พร้อมใจกันมาเชิญชวนคนไทยให้เลิกสนับสนุนกิจกรรมทำร้ายช้าง มาร่วมสนับสนุน The Entertainer's Pain Collection ยีนส์คอลเลกชั่นพิเศษนี้ ได้ที่ Bad Example Shop หรือ Facebook: Badexamplebkk และร่วมกันหยุดยั้ง และสนับสนุนกิจกรรมเพื่อความบันเทิงต่างๆ ที่ทำร้ายช้าง และหยิบยื่นคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมให้ช้างด้วยการช่วยกันแชร์ข้อมูลนี้ให้กระจายไปในวงกว้าง พร้อมใส่ #ElephantsNotEntertainers #TheEntertainersPainCollection #WorldAnimalProtection #Badexample
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการดูได้ที่ https://bit.ly/3x02HFG
#5721
รังนกเขาหลง  



ตั้งบูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้านค้าขาย เรียกโชคเรียกลาภเรียกเงินเรียกทอง ค้าขายดี ส่งเสริมเรื่อง ความรักครอบครัวคู่ครอง 

วิธีบูชา เครื่องบูชาใส่พานประกอบด้วย ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก

แล้วอธิษฐาน ขอในสิ่งที่ต้องการ


รังนกเขาหลง เป็นรังนกกายสิทธิ์ ท่านพญาแถนกล่าวว่า มีประวัติเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ถ้าใครได้เห็นรังนกเขาหลง คนนั้นมีบุญบารมีสูงส่ง เขาเป็นรังนกกวักเงินกวักทอง หรือไทรเงินไทรทอง ขอพรได้สิบประการ เช่น ที่อยู่เรือนชานเข็ดขวางอยู่ไม่ได้ หรือบ้านนั้นมีทรวงขวางลูกขาวงเมียเจ็บออดๆแอดๆ อยู่อย่างนี้ ถ้ามีรังนกเขาหลงบูชา เจ้าจงเก็บดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิรน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก แล้วใส่ลงไปในรังนกเขาหลง แล้วจงอธิฐานว่า สาธุฯ สิ่งร้ายๆหรือเสนียดจัญไรรำคาญใจบ่อยๆ ให้ออกไป เมื่อท่านทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสุขสบายทั้งกายใจ เจ้ารังนกกายสิทธิ์ เขาจะกวักเงินกวักทองเข้าเรือนชาน ตัวผู้กงัดเข้า ตัวเมียเก็บไว้ ถ้าใครมีไว้สักการะบูชาคนนั้นมีบุหลาย ถ้าใครมีประจำบ้าน สามารถคุ้มครองบ้านเรือน และประสบลาภบันดาลผลให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขอยู่เป็นทุกทิวาราตรี ของกายสิทธิ์ใครมีบุญก็ได้ไป ไว้บูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้าน เรียกเงินเรียกทอง เรื่องมหาเสน่ห์ก็ดี ใครมีแฟนคิดนอกใจ ลองนำไปบูชาดู ของกายสิทธิ์ หายาก เครือเขาหลงที่อยู่ในรังก็ถือว่าเป็นของดี ม้วนเก็บเป็นก้อนบูชาพกใส่กระเป๋าตังค์ ก็เป็นมหาเสน่ห์ โชคลาภ เรียกเงินเรียกทองได้ดี



เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง คือ ไม้ชนิดเดียวกันที่อยู่ในป่าลึก มีเทวดารักษา ผู้มีวิชาอาคมถึงไปขอตัดเอามาได้ ที่ชื่อ อย่างนี้ก็เพราะว่า ไม้นี้ ถ้าคนหรือสัตว์เผลอไปข้ามเข้าก็จะหลงป่า

แม้แต่นกที่บินผ่านต้นก็จะหลงอยู่ที่ต้นไปไหนไม่ได้ ปละตกลงมาตาย ตรงใต้ต้นเครือเขาหลง นี้จึงเต็มไปด้วยซากสัตว์

ส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้ส่วนปลายเครือเล็กๆ จะคล้ายเส้นผมขน เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย ครับ

และสมัยก่อนเอาเครือนี้ฝังตรงคอกวัวควายโขมยที่มาโขมยก็จะลักไปไม่ได้

โดยจะหลงอยู่แถวคอกนั้น เครือสาวหลงนี้ เป็นการม้วนตัวของเครือไม้เขาหลง หรือ สาวหลงที่ม้วนเองตามธรรมชาติ ม้วนเป็นบ่วง ที่เรียกว่า บ่วงนาคบาท

ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้น หวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้

ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งทาปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของเครือเล็กๆ เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i1140758172.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.27.2f304edfpNDteq



#5722


นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานร่วมในการประชุม APEC High Level Policy Dialogue on Agricultural Biotechnology (HLPDAB) 2021 ผ่านระบบวีดีทัศน์ทางไกล โดยมีประเทศนิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดและบทบาทของเทคโนโลยีชีวภาพด้านต่าง ๆ


        โดยการประชุมดังกล่าว นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ ได้มุ่งเน้นประเด็นหลัก 5 เรื่อง ได้แก่ 1) ความปลอดภัยด้านอาหารและความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากรอย่างเพียงพอ 2) การบูรณาการระบบอาหารที่ยั่งยืนโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติแบบเป็นมิตรกับธรรมชาติมากที่สุด 3) "การนำนโยบาย 3-S" 'ความปลอดภัย' (Safety), 'ความมั่นคง' (Security) และ 'ความยั่งยืน' (Sustainability) ในการปรับใช้ด้านการเกษตร 4) การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่เป็นหลักการพื้นฐานสำหรับการพัฒนาประเทศไทย


5) การปรับตัวสู่ระบบอาหารและการเกษตรที่ยั่งยืน นับเป็นวาระแห่งชาติในการกำหนด Food Security Roadmap ถึงปี 2030 ซึ่งเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรจะเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเกษตรกรทั้งในด้านการเพิ่มผลผลิต การควบคุมคุณภาพ การควบคุมแมลงศัตรูพืช และช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ในระยะยาว

ซึ่งมีความสอดคล้องกับของประเทศไทยที่นำโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG Model (Bio-Circular-Green Economy)) เป็นวาระแห่งชาติ รวมถึงการประชุม UN 2021 Food Systems Summit ที่จัดขึ้น ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่าระบบการผลิตอาหารได้สร้างผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ และทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

ดังนั้น "ระบบอาหารและเกษตรที่ยั่งยืน" จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม APEC High Level Policy Dialogue on Agricultural Biotechnology (HLPDAB) ในปีถัดไป (2565)

        "การเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือโดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนำนวัตกรรมในด้านเทคโนโลยีชีวภาพใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ จะช่วยยกระดับการพัฒนาระบบอาหารและเกษตรที่ยั่งยืน โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Green Kitchen of the World ได้อย่างแท้จริง" นายระพีภัทร์ กล่าว
#5723


เมื่อวันที่ 3 ส.ค. นางสาวลัดดา แซ่ลี้ รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่มีครม. เมื่อวันที่ 13 ก.ค.64 และ 20 ก.ค.64 โดยมีรายละเอียดในส่วนของผู้ประกอบอาชีพอิสระมาตรา 40 คือ รัฐบาลจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้ 5,000 บาท ต่อคน และยังให้สิทธิผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ให้ขึ้นทะเบียนตาม ม. 40 ภายในเดือนเดือนก.ค. 2564 เพื่อรับค่าช่วยเหลือ 5,000 บาท เช่นกัน ปรากฏว่าจนถึงวันที่ 31 ก.ค.มีผู้ขึ้นทะเบียนสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งสมัครด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ www.sso.go.th และเครือข่ายประกันสังคม แต่ยังไม่ได้ชำระเงินสมทบงวดแรก ทำให้สถานะความเป็นผู้ประกันตนของยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะส่งผลต่อการรับเงินเยียวยา

"ขอแจ้งให้ผู้สมัคร ม.40 รีบดำเนินมาชำระเงินสมทบงวดแรกให้ทันภายในวันที่ 10 ส.ค.2564 นี้ โดยสามารถชำระเงินผ่านช่องทางที่สะดวก ได้แก่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11) เคาน์เตอร์เทสโก้โลตัส เคาน์เตอร์บิ๊กซี เคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัดมหาชน หรือผ่าน Mobile Application ShoppyPay และตู้บุญเติม ฟรีค่าธรรมเนียมทุกช่องทาง" นางสาวลัดดา กล่าว

รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวย้ำว่า นอกจากการชำระเงินสมทบมาตรา 40 เพื่อรับเงินเยียวยาในพื้นที่เยียวยา 13 จังหวัด แล้ว การชำระเงินสมทบมาตรา 40 อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทุก ๆ เดือน ก็จะทำให้ท่านได้รับสิทธิประโยชน์อย่างครบถ้วนทุกกรณี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับ "แรงงานอิสระ" ที่เพิ่งสมัครเข้าระบบประกันสังคม ม.40 รายใหม่ และอยากทราบว่า ชื่อของตนเอง เข้าสู่ระบบประกันสังคมหรือยังนั้น

สำนักงานประกันสังคม ให้ข้อมูลว่า การสมัครเป็น "ผู้ประกันตนตาม มาตรา 40" จะมีสถานะความเป็นผู้ประกันตนตามกฎหมาย เมื่อจ่ายเงินสมทบงวดแรกแล้ว เท่านั้น

โดยผู้ประกันตนทุกราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33,39 หรือ มาตรา 40 ต่างก็สามารถ ตรวจสอบสถานะ การเป็นผู้ประกันตนด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ผ่านระบบ อีเซอร์วิส ของประกันสังคม ผ่านเว็บไซต์ของประกันสังคม 

หากมีข้อสงสัยสอบถามสายด่วนประกันสังคม 1506 ให้บริการไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ คุณสมบัติของ "แรงงานอิสระ" หรือผู้ประกอบ "อาชีพอิสระ" ที่จะสมัครประกันสังคม มาตรา 40 ได้มีดังนี้

- มีสัญชาติไทย
- อายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
- แรงงานอิสระหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ
- ไม่เป็นลูกจ้างในบริษัท ห้างร้าน โรงงาน (ม.33)
- ไม่เป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจ (ม.39)
- ไม่เป็นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- ผู้ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยขึ้นต้นด้วยเลข 0,6,7 (ยกเว้นขึ้นต้นด้วย000)
- ผู้พิการที่รับรู้สิทธิก็สมัครได้

โดยผู้ประกันตน สามารถเลือกจ่ายเงินสมทบได้ 3 ทางเลือก ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ ที่แตกต่างกัน ดังนี้

ทางเลือกที่ 1 จ่าย 70 บาท : เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต
ทางเลือกที่ 2 จ่าย 100 บาท : เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ
ทางเลือกที่ 3 จ่าย 300 บาท : เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ สงเคราะห์บุตร
ทั้งนี้ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดหนัก และเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงได้สั่งการให้ลดการจ่ายเงินสมทบ จากเดิมการจ่ายเงินสมทบ สำหรับ ประกันสังคมมาตรา 40 มีด้วยกัน 3 ทางเลือก คือ 70 บาท, 100 บาท และ 300 บาท แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด ได้มีการปรับลดอัตราเงินสมทบ 40% เป็นเวลา 6 เดือน (1 ส.ค.64 - 31 ม.ค.65) เหลือเป็นเงินที่ต้องจ่ายสมทบ คือ 42 บาท, 60 บาท และ 180 บาท ตามลำดับ
#5725


นางสาวพรวิสาข์ มังกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต (INETREIT) เข้าจดทะเบียนและซื้อขายหน่วยทรัสต์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 9สิงหาคมนี้ หลังจากที่ปิดการเสนอขายหน่วยทรัสต์แก่นักลงทุนเป็นที่เรียบร้อยในปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุน แม้อยู่ในช่วงที่มีมาตรการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ ความสำเร็จในการเสนอขายหน่วยทรัสต์ที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของ INETREIT กองทรัสต์กองแรกที่เข้าลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีในประเทศไทย ซึ่งเป็นเทรนด์ธุรกิจแห่งอนาคตที่มีแนวโน้มเติบโตไปพร้อมกับยุคดิจิทัล โดยเชื่อว่าการที่กองทรัสต์ INETREIT เข้าลงทุนในโครงการ INET-IDC3 เฟส 1 จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลที่มีความทันสมัยระดับโลก อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ที่จะเกิดความเสียหายจากภัยพิบัติต่างๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร 24 ชั่วโมง สามารถเชื่อมต่อกับโครงการ INET-IDC 1 และ INET-IDC 2 อย่างสมบูรณ์แบบ จะได้รับประโยชน์จากความต้องการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความต้องการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลและเพิ่มขึ้นทุกวันไว้ในระบบคลาวด์ เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง

​"บริษัทฯ ต้องขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นและตอบรับการเสนอขายหน่วยทรัสต์ของ INETREIT ที่ดีมาก แม้สถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมามีปัจจัยต่างๆ เข้ามากดดันบรรยากาศการลงทุน กองทรัสต์ INETREIT จะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและจัดเก็บข้อมูลสู่ดิจิทัล (ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น) ของภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อโครงการ INET-IDC3 เฟส 1 ที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ในระบบคลาวด์"  

ทั้งนี้ โครงการ INET-IDC3 เฟส 1 จังหวัดสระบุรี มีลูกค้าภาครัฐและเอกชนใช้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลที่มีจำนวนมหาศาลในยุคดิจิทัล และเป็นส่วนหนึ่งของการดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นองค์กร แสดงถึงความต้องการใช้งานระบบคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   โดยINETREIT ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับในปีแรก ตามประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ตามงบกำไรขาดทุนตามสมมติฐานอยู่ที่ 8.96% สำหรับช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565


นางสาวพรวิภา ตั้งตรงจิตร ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า ขอขอบคุณนักลงทุนสำหรับกระแสการตอบรับที่ดีที่ผ่านมา การลงทุนในกองทรัสต์เป็นการถือสินทรัพย์ทางเลือกที่ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีรายได้ค่าเช่าที่สม่ำเสมอและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มั่นคงในระยะยาว

นายอภิชาติ เนตรจรัสแสง ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า กองทรัสต์ INETREIT เป็นทางเลือกการลงทุนที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวจากเงินปันผล โดยการเข้าลงทุนครั้งแรกของกองทรัสต์ INETREIT มีมูลค่ารวม 4,300 ล้านบาท โดยมาจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์ 330 ล้านหน่วย ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท รวมมูลค่า 3,300 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาว 1,000 ล้านบาท INETREIT มีจุดเด่นเป็นกองทรัสต์ ที่ลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ในประเทศไทยกองแรก ซึ่งเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่จะได้รับประโยชน์การความต้องการจัดเก็บข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลในยุคดิจิทัล และทรัพย์สินที่เข้าลงทุนยังอยู่ในสภาพที่ดี

ทั้งนี้ กองทรัสต์ INETREIT มีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อรอบปีบัญชี ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว และยังมีโอกาสขยายการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยได้รับสิทธิในการปฏิเสธก่อน (Right of First Refusal) ในโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 เฟส 3 และ เฟส 4 และศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลอื่นๆของ INET ในอนาคต
#5726


เป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว ที่เหล่าเซเลบริตีซึ่งมีธุรกิจของครอบครัวและต่างสืบทอดธุรกิจกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่จะมีบางบ้านที่อาจจะมีลูกหลายคน และอาจจะมีบางคนไม่อยากทำธุรกิจของครอบครัว แต่อยากที่จะทำตามฝันสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง และมีอีกหลายคนที่จำเป็นต้องช่วยทำธุรกิจของครอบครัวบ้าง แต่มุ่งเดินหน้าธุรกิจของตัวเองอย่างสุดกำลัง ซึ่งจะมีใครบ้างนั้นตามมาดูกัน

อุณาวรรณ ตั้งคารวคุณ
"ยูกิ-อุณาวรรณ ตั้งคารวคุณ" ทายาทคนโตของ อรสา ตั้งคารวคุณ หนึ่งในเจ้าของธุรกิจสี TOA ภายใต้บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยูกิเป็นทายาททางธุรกิจที่ไม่ประสงค์จะสืบสานธุรกิจของครอบครัว แต่รักที่จะเดินทางตามฝันของตัวเองซึ่งชอบแฟชั่นและรักการแต่งตัวมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยการสร้างแบรนด์ "ยูนา" (YUNA) แบรนด์เสื้อผ้าที่เธอปลุกปั้นมากับมือ จนเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว นอกจากนี้ เธอยังนำร้านชานมไข่มุก The Alley จากไต้หวันมาเปิดในไทย จนเป็นที่นิยมของสาวกชานม และขยายสาขาไปกว่า 20 แห่ง โดยเธอนั่งบริหารในตำแหน่งเอ็มดีของบริษัท มิลลาร์รี่ กับธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่เธอหมายมั่นปั้นมือมาจนสำเร็จสมใจ



กรัชเพชร อิสสระ
รายนี้เป็นทายาทของอาณาจักรใหญ่แห่งไขมุกอันดามัน "ปลาเข็ม-กรัชเพชร อิสสระ" ลูกสาวคนเล็กของ สงกรานต์ กับศรีวรา อิสสระ แห่งศรีพันวา ภูเก็ต ที่พี่ชายทั้งสองคน ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ และปลาทู-ดิฐวัฒน์ ต่างก็มุ่งมั่นสืบทอดธุรกิจของครอบครัว มีแต่ตัวเธอเท่านั้นที่แม้จะช่วยธุรกิจของที่บ้านอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีธุรกิจในฝันของตัวเอง ที่ไม่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ นั่นก็คือ แบรนด์ KEMISSARA ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นที่เธอภาคภูมิใจ สมกับที่เธอร่ำเรียนทางด้านแฟชั่นมาจากอังกฤษ



มธุนาฏ ซอโสตถิกุล
สาวเก่งร่างเล็กแต่ใจใหญ่ ทายาทธุรกิจห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์, รองเท้านันยาง และผงชูรสตราชฎา "ผึ้ง-มธุนาฏ ซอโสตถิกุล" เป็นลูกสาวของ ธีระ และบุศรา ซอโสตถิกุล หลานสาวของคุณปู่กอบชัย ซอโสตถิกุล หลังจบการศึกษาระดับปริญญาโท เธอก็มุ่งหน้าทำงานด้านศิลปะที่เธอรัก ด้วยการเป็นศิลปินอิสระเจ้าของ "มธุนาฏดีไซน์" ที่มีผลงานเพนต์กำแพงร้านอาหารจนเป็นที่ยอมรับ แม้กระทั่ง ร้านอาหารในสหรัฐอเมริกา ยังต้องใช้บริการฝีมือเพนต์กำแพงของเธอมาแล้วหลายแห่ง จึงทำให้เป็นกำลังใจให้เธอมุมานะที่จะสร้างผลงานของตัวเอง ให้คนจดจำเธอได้ในฐานะมธุนาฏดีไซน์ ไม่ใช่เพราะเธอเป็นทายาทธุรกิจใหญ่



สุวดี พึ่งบุญพระ
ประธานกรรมการบริษัท PP Group Thailand ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นสุดหรูชื่อดังระดับโลก Givenchy, Loewe, Tory Burch, Longchamp, Roger Vivier, MCM, Off White, Maison Kitsune และ Palm Angels แม้ว่า "ปิ่น-สุวดี พึ่งบุญพระ" จะเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านการสื่อสารมวลชนและสิ่งพิมพ์ ของคุณพ่อสวาสดิ์ และคุณแม่ประพีร์ ปุ้ยพันธวงศ์ แต่ตัวเธอกลับมาบริหารจัดการในเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์สินค้าที่หลากหลายรวมทั้งแบรนด์สตรีทแวร์ ร่วมกับน้องชาย "โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์" จนเป็นที่ยอมรับของหนุ่มสาวในแวดวงสังคม



อภินรา ศรีกาญจนา
"ปรางค์-อภินรา ศรีกาญจนา" ทายาทนักธุรกิจพันล้านแห่งเอเชียประภันภัย ลูกสาวคนโตของ คุณพ่อจุลพยัพ ศรีกาญจนา เจ้าของบริษัท เอเชียประกันภัย กับคุณแม่ยูกิ-นราวดี ผู้บริหารบริษัท เพนดูลัม จำกัด (Pendulum) ที่นอกจากจะช่วยคุณแม่ดูแลร้านธุรกิจร้านอาหาร NARA ร่วมกับน้องๆ แล้ว เธอยังทำธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อสังคมของตัวเองในชื่อ U Drink I Drive ให้บริการส่งคนขับรถรับส่งบุคคลที่ไปดื่มในงานสังสรรค์กลับบ้านอย่างปลอดภัย เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุเมาแล้วขับ ล่าสุด เธอได้ร่วมแรงร่วมใจกับเพื่อนสาวรุ่นพี่ ทำธุรกิจใหม่ ONNA ที่แปล "ผู้หญิง ผู้หญิง" ในภาษาญี่ปุ่น เพราะทั้งคู่เรียนจบจากญี่ปุ่น และสาวปรางค์ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากญี่ปุ่นมาโดยตลอด จึงตกลงกันว่าควรที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้ที่รักสวยรักงามได้ดูแลตัวเอง จึงเป็นที่มาของ @onnaonna2021 นับเป็นธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจของสาวปรางค์



วารีนิธิ-วาริธร กันท์ไพบูลย์
ดีไซเนอร์สาวสวย "บูบี-วารีนิธิ กันท์ไพบูลย์" ผู้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า Varithorn Boutique ร่วมกับพี่สาว "เปเป้-วาริธร กันท์ไพบูลย์" ทั้งสองเป็นลูกสาวของนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชาวฮ่องกง คุณพ่อไกรวุฒิ กับคุณแม่ศศิ กันท์ไพบูลย์ และสร้างแบรนด์เสื้อผ้าให้เป็นที่รู้จักมาได้ถึง 9 ปีแล้ว ไม่เพียงฮอตฮิตในประเทศไทยเท่านั้น ยังส่งออกไปจำหน่ายในหลายประเทศอีกด้วย และด้วยความที่สาวบูบีรักและหลงเสน่ห์ในซูเปอร์คาร์ ปัจจุบันสาวบูบียังทำธุรกิจ The Ultimate Rides ซึ่งเป็นตัวกลางในการซื้อขายรถยนต์ระดับลักชัวรีอีกด้วย ขณะที่ เปเป้ พี่สาวก็มีธุรกิจแบรนด์น้ำตาลโตนด "ตาลสยาม" (Tansiam), ร้านชานมไข่มุก "ราก" (Raak) และคลินิกเสริมความงาม "Infinity Clinic"



ระริน ธรรมวัฒนะ
แม้ว่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ ผู้ทำธุรกิจตลาดยิ่งเจริญอันโด่งดังแห่งหนึ่งของเมืองไทย แต่สาวระรินเธอกลับมาปลุกปั้นแบรนด์ไอศกรีมฝีมือคนไทย Guss Damn Good ร่วมกับเพื่อนสนิท นที จรัสสุริยงค์ ซึ่งเป็นคราฟต์ไอศกรีมที่มีคาแรกเตอร์ของตัวเองมาได้ 7 ปี จนเป็นที่ถูกอกถูกใจเหล่าไอศกรีมเลิฟเวอร์



ชยพล หลีระพันธ์
ลูกหลานตระกูลธรรมวัฒนะอีกหนึ่งคน โดยปอนด์เป็นลูกชายคนโตของ อ.มัลลิการ์ (ธรรมวัฒนะ) หลีระพันธ์ แต่เขากลับมุ่งเดินหน้าทำธุรกิจของตัวเอง ไม่ได้สนใจในธุรกิจใหญ่โตของตระกูล ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะเป็นผู้สืบทอดธุรกิจร้านอาหาร มัลลิการ์ ต่อจากคุณแม่ของเขา แต่เขากลับทำให้ธุรกิจนี้โด่งดังและเป็นที่จดจำด้วยตัวของเขาเอง ด้วยไอเดียที่สร้างสรรค์ ไม่ซ้ำใครของเขานั่นเอง



วฤธ หงสนันทน์
คุ้นหน้าคุ้นตากันดีทางหน้าจอทีวี ในบทบาทนักแสดงหนุ่ม "เป๋า-วฤธ หงสนันทน์ บุตรชายคนเล็กของ ศักดิ์ชัย หงสนันทน์ ประธานกรรมการ บริษัท สุปรีมทรัค จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถบรรทุกยี่ห้อ FAW ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ กับวิสาขา หงสนันทน์ น้องชายของพ่อหนุ่มกล้ามล่ำ ปาล์ม-ฐณส หงสนันทน์ ที่ปล่อยให้คุณพี่ชายสุดหล่อลุยธุรกิจของครอบครัวไปอย่างเต็มตัว ส่วนตัวเองหันมาเอาดีด้านการแสดงและนายแบบไปพลางๆ เพราะความที่รักทางด้านแฟชั่นและศิลปะ หล่อเลือกได้ของจริงคร่า



ฐิติกุล อยู่วิทยา
"พลอย-ฐิติกุล อยู่วิทยา" หนึ่งในทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มกระทิงแดง หลานสาวของคุณปู่เฉลียว อยู่วิทยา ที่เธอฉีกแนวมาทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร "พอว์พาลส์" นับเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของครอบครัวอย่างสิ้นเชิง แต่เป็นธุรกิจที่สาวพลอยทำเพราะใจรักอย่างแท้จริง จากพื้นฐานที่เป็นคนรักสุนัขมาก จึงอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับน้องหมา ปัจจุบันสาวพลอยทำธุรกิจในฝันของตัวเองมาได้ถึง 8 ปีแล้ว
#5727


"กิมตึ้ง" เป็นชื่อของเครื่องลายครามจีนที่นำมาจัดเป็นเครื่องโต๊ะบูชาของไทย ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในสมัยรัชกาลที่ ๕ งานใหญ่ในสมัยนั้นจะขาดการจัดประกวด "โต๊ะกิมตึ้ง" เสียมิได้ ส่วนกฎกติกาประกวดก็ถึงกับออกเป็น พ.ร.บ.ในปี ๒๔๔๔ มีชื่อว่า "พระราชบัญญัติข้อบังคับในการตัดสินเครื่องโต๊ะ รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๙" มีหลักเกณฑ์ว่า เครื่องลายครามที่นำมาจัดโต๊ะนั้นจะต้องเป็นลายเดียวกันทั้งชุด มีรูปร่างสวย เนื้อดี สีสวย ลวดลายดี และต้องเป็นของเก่าที่มีการเก็บรักษาไว้อย่างดีไม่มีบุบสลาย ทั้งต้องเป็นของที่ไม่มีใครเหมือน ความนิยมเครื่องกิมตึ้งนี้ถึงขนาดมีการเอาชื่อลายต่างๆ ซึ่งบางลายก็เป็นภาษาจีน ไปตั้งเป็นชื่อถนนที่อยู่รอบพระราชวังสวนดุสิตถึง ๑๙ สาย

เหตุที่มาของความนิยมโต๊ะกิมตึ้งได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ ๑ แล้ว ซึ่งบ้านเมืองอยู่ในช่วงว่างศึก มีความสงบร่มเย็น ศัตรูที่เข้ามารังควานตลอดนั้นได้ถูกปราบปรามจนขยาดไปแล้ว การค้าขายจึงรุ่งเรือง มีสำเภาส่งไปค้าขายกับเมืองจีนไม่ขาดสาย เริ่มแรกมีการเล่นป้านถ้วยชา มีการสะสมป้านถ้วยชาจีนยี่ห้อต่างๆ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๒ เมื่อมีการสร้างพระตำหนักสวนขวา ราชทูตไทยที่ไปเมืองจีนได้เห็นการตกแต่งวังและบ้านขุนนางด้วยเครื่องลายคราม จึงนำกลับมาใช้ตกแต่งพระตำหนักสวนขวาด้วย ทำให้พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางนิยมตามไปด้วย เริ่มมีการประกวดกัน บ้างก็ส่งลายเบญจรงค์ของไทยไปให้ช่างจีนทำ

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ ซึ่งทรงมีพระราชนิยมสร้างวัด นอกจากจะทรงใช้ถ้วยชามจีนตกแต่งวัดจอมทองหรือวัดราชโอรสาราม ที่ทรงสร้างแล้ว ยังได้จัดเครื่องโต๊ะลายครามไปถวายวัดด้วย

เมื่อได้รับความนิยมมากขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระยาโชฎึกเศรษฐี (พุก) จึงสั่งทำเครื่องโต๊ะจากเมืองจีนมาเป็นชุดสำเร็จรูป จากโรงงานยี่ห้อ "กิมตึ้งฮกกี่" เรียกกันว่า "โต๊ะกิมตึ้ง" ขายชุดละ ๒๔๐ บาท เมื่อโต๊ะกิมตึ้งมาเป็นโต๊ะโหลแบบนี้ ความนิยมโต๊ะกิมตึ้งจึงซาลง เพราะใครๆที่มีเงินก็มีได้ ไม่ต้องสะสม

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรวบรวมเครื่องถ้วยชาม "ลายผักกาด" จากสมัยรัชกาลที่ ๒ กับ "ลายมังกรห้าเล็บ" อีกโต๊ะหนึ่ง มาตั้งในงานฉลองหอสมุดวชิรญาณในปี ๒๔๓๐ บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางก็หันมานิยมโต๊ะกิมตึ้งกันอีกครั้ง จนมีการประกวดกันอย่างแพร่หลายและใหญ่โตยิ่งกว่ายุคที่ผ่านมา การจัดโต๊ะกิมตึ้งนี้ แม้จะใช้เครื่องลายครามจีนเป็นหลัก แต่ก็จัดตามความนิยมแบบไทย ไม่ได้จัดตามแบบจีน

เครื่องกิมตึ้งมาโด่งดังแรงสุด เมื่อมีการสร้างพระราชวังสวนดุสิต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯได้ทรงพระราชทานนามถนนรอบพระราชวังแห่งนี้เป็นชื่อของเครื่องกิมตึ้งทั้งหมด ๑๙ สาย แต่ในสมัยรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานนามใหม่ถนนชุดนี้ ๑๕ สาย คงชื่อเดิมไว้เพียง ๔ สาย คือ

๑. ถนนซังฮี้ จากแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานกรุงธนบุรี หรือ "สะพานซังฮี้" ไปจนถึงถนนราชปรารภ เปลี่ยนเป็น "ถนนราชวิถี"

๒. ถนนฮก จากถนนลูกหลวง ริมคลองผดุงกรุงเกษม ผ่านหน้าทำเนียบรัฐบาล ข้ามถนนพิษณุโลก มาสุดที่หน้าวัดเบญจมบพิตร เปลี่ยนเป็น "ถนนนครปฐม"

๓. ถนนลก จากถนนลูกหลวง ตรงข้ามฝั่งคลองกับทำเนียบรัฐบาล ขนานคลองเปรมประชากร จนไปบรรจบกับถนนเตชะวณิชที่สะพานแดง เปลี่ยนเป็น "ถนนพระรามที่ ๕"

๔. ถนนสิ้ว หรือ ซิ่ว จากสะพานยมราช ขนานทางรถไฟไปถึงคลองสามเสน เปลี่ยนเป็น "ถนนสวรรคโลก"

๕. ถนนดวงตะวัน จากแม่น้ำเจ้าพระยา ข้างวัดเทวราชกุญชร ข้ามถนนสามเสน ผ่านหน้าบ้านสี่เสา ไปจนถึงถนนราชปรารภ เปลี่ยนเป็น "ถนนศรีอยุธยา"

๖. ถนนดวงเดือน จากแม่น้ำเจ้าพระยาไปจดถนนสิ้ว เปลี่ยนเป็น "ถนนศุโขทัย"

๗. ถนนดวงดาว จากถนนพิษณุโลกถึงคลองสามเสน เปลี่ยนเป็น"ถนนนครราชสีมา"

๘. ถนนพุดตาน จากถนนซังฮี้ไปถึงคลองสามเสน เปลี่ยนเป็น "ถนนพิชัย"

๙. ถนนเบญจมาศ จากสะพานมัฆวานรังสรรค์ถึงพระราชวังวังสวนดุสิต เปลี่ยนเป็น "ถนนราชดำเนิน" เป็นส่วนหนึ่งของถนนราชดำเนินนอก

๑๐. ถนนประทัดทอง จากถนนประทุมวัน ผ่านถนนประแจจีนที่สี่แยกอุรุพงษ์ เลียบคลองประปาไปจนถึงถนนเตชะวณิชที่บางซื่อ ซึ่งเรียกกันเพี้ยนเป็น "บรรทัดทอง" เปลี่ยนเป็น "ถนนพระรามที่ ๖"

๑๑. ถนนส้มมือ แยกจากถนนสุโขทัยถึงคลองสามเสน เปลี่ยนเป็น "ถนนสุพรรณ"

๑๒. ถนนใบพร จากถนนสามเสนหน้าท่าวาสุกรีถึงถนนนครราชสีมาเปลี่ยนชื่อเป็น "ถนนอู่ทองนอก" กับอีกส่วนจากลานพระบรมรูป เลียบข้างพระที่นั่งอนันตสมาคม จดถนนราชวิถี เปลี่ยนเป็น "ถนนอู่ทองใน"

๑๓. ถนนคอเสื้อ จากถนนสามเสนถึงสะพานยมราช เปลี่ยนเป็น "ถนนพิษณุโลก"

๑๔. ถนนราชวัตร จากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ศรีย่าน ถึงถนนพระรามที่ ๖ เปลี่ยนเป็น "ถนนนครไชยศรี"

๑๕. ถนนประแจจีน จากสะพานยมราชตรงไปถึงสะพานเฉลิมโลก เปลี่ยนเป็น "ถนนเพชรบุรี"

ยังมีถนนที่ได้ชื่อตามเครื่องลายครามในยุคนั้น แต่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนชื่อไปด้วย คือ

"ถนนเขียวไข่กา" จากถนนสามเสนข้างโรงเรียนราชินีบนถึง "ท่าเขียวไข่กา" ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

"ถนนขาว" จากถนนซังฮี้ ขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านหลังวชิรพยาบาล มาถึงถนนสุโขทัย

"ถนนสังคโลก" จากถนนสามเสนข้างวชิรพยาบาลด้านใต้ ไปเชื่อมถนนขาว

"ถนนทับทิม" แยกจากถนนสุโขทัย คู่ขนานกับถนนส้มมือ

นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในความเป็นมาของบ้านเมืองเราก่อนจะถึงวันนี้
#5728
รังนกเขาหลง  



ตั้งบูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้านค้าขาย เรียกโชคเรียกลาภเรียกเงินเรียกทอง ค้าขายดี ส่งเสริมเรื่อง ความรักครอบครัวคู่ครอง 

วิธีบูชา เครื่องบูชาใส่พานประกอบด้วย ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก

แล้วอธิษฐาน ขอในสิ่งที่ต้องการ


รังนกเขาหลง เป็นรังนกกายสิทธิ์ ท่านพญาแถนกล่าวว่า มีประวัติเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ถ้าใครได้เห็นรังนกเขาหลง คนนั้นมีบุญบารมีสูงส่ง เขาเป็นรังนกกวักเงินกวักทอง หรือไทรเงินไทรทอง ขอพรได้สิบประการ เช่น ที่อยู่เรือนชานเข็ดขวางอยู่ไม่ได้ หรือบ้านนั้นมีทรวงขวางลูกขาวงเมียเจ็บออดๆแอดๆ อยู่อย่างนี้ ถ้ามีรังนกเขาหลงบูชา เจ้าจงเก็บดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิรน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก แล้วใส่ลงไปในรังนกเขาหลง แล้วจงอธิฐานว่า สาธุฯ สิ่งร้ายๆหรือเสนียดจัญไรรำคาญใจบ่อยๆ ให้ออกไป เมื่อท่านทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสุขสบายทั้งกายใจ เจ้ารังนกกายสิทธิ์ เขาจะกวักเงินกวักทองเข้าเรือนชาน ตัวผู้กงัดเข้า ตัวเมียเก็บไว้ ถ้าใครมีไว้สักการะบูชาคนนั้นมีบุหลาย ถ้าใครมีประจำบ้าน สามารถคุ้มครองบ้านเรือน และประสบลาภบันดาลผลให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขอยู่เป็นทุกทิวาราตรี ของกายสิทธิ์ใครมีบุญก็ได้ไป ไว้บูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้าน เรียกเงินเรียกทอง เรื่องมหาเสน่ห์ก็ดี ใครมีแฟนคิดนอกใจ ลองนำไปบูชาดู ของกายสิทธิ์ หายาก เครือเขาหลงที่อยู่ในรังก็ถือว่าเป็นของดี ม้วนเก็บเป็นก้อนบูชาพกใส่กระเป๋าตังค์ ก็เป็นมหาเสน่ห์ โชคลาภ เรียกเงินเรียกทองได้ดี



เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง คือ ไม้ชนิดเดียวกันที่อยู่ในป่าลึก มีเทวดารักษา ผู้มีวิชาอาคมถึงไปขอตัดเอามาได้ ที่ชื่อ อย่างนี้ก็เพราะว่า ไม้นี้ ถ้าคนหรือสัตว์เผลอไปข้ามเข้าก็จะหลงป่า

แม้แต่นกที่บินผ่านต้นก็จะหลงอยู่ที่ต้นไปไหนไม่ได้ ปละตกลงมาตาย ตรงใต้ต้นเครือเขาหลง นี้จึงเต็มไปด้วยซากสัตว์

ส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้ส่วนปลายเครือเล็กๆ จะคล้ายเส้นผมขน เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย ครับ

และสมัยก่อนเอาเครือนี้ฝังตรงคอกวัวควายโขมยที่มาโขมยก็จะลักไปไม่ได้

โดยจะหลงอยู่แถวคอกนั้น เครือสาวหลงนี้ เป็นการม้วนตัวของเครือไม้เขาหลง หรือ สาวหลงที่ม้วนเองตามธรรมชาติ ม้วนเป็นบ่วง ที่เรียกว่า บ่วงนาคบาท

ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้น หวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้

ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งทาปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของเครือเล็กๆ เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i1140758172.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.27.2f304edfpNDteq



#5729


กระแสการเลือกใช้ยาสมุนไพรเพื่อช่วยต้านโควิด-19 มีข่าวออกมาให้เห็นกันเรื่อยๆ จากยาฟ้าทะลายโจร มาจนถึงกระชาย และล่าสุดกับ "โกฐจุฬาลัมพา" ที่ล่าสุดนี้มีข่าวออกมาว่า มีการวิจัยในขั้นต้นว่าสมุนไพรชนิดนี้ช่วยต้านโควิด-19 ได้

โดยทางเพจ BIOTHAI (มูลนิธิชีววิถี) ได้ออกให้ข้อมูลว่า มีคณะนักวิจัยจาก Columbia University และ University of Washington สหรัฐอเมริกา ได้วิจัยพบว่า "โกฐจุฬาลัมพา" สามารถต้านเชื้อโควิดได้ในห้องปฏิบัติการ ผลวิจัยดังกล่าว พบว่าสารสกัดโดยน้ำร้อนของสมุนไพรนี้มีฤทธิ์ยับยั้งโควิดได้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ของนักวิจัยในจีน และการส่งเสริมโดยประธานาธิบดีแห่งมาดากัสการ์

สารสกัดรวมของโกฐจุฬาลัมพา (โดยมีตัวอย่างหนึ่งเป็นใบแห้งมีอายุการเก็บมานานกว่า 10 ปี) มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งเชื้อโควิด ซึ่งรวมทั้งสายพันธุ์แอฟริกา และอังกฤษ โดยนักวิจัยเชื่อว่าสารที่มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งไวรัสมรณะนี้นอกจากสาร artemisinin และองค์ประกอบแล้วน่าจะมาจากการทำงานของสารอื่นๆ ในโกฐจุฬาลัมพาด้วย

ในบัญชียาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เดิม ตามประกาศของคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) มีปรากฏการใช้สมุนไพรโกฐจุฬาลัมพาในหลายตำรับ ได้แก่ ยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิตหรือยาแก้ลม ซึ่งมีปรากฏในตำรับ "ยาหอมเทพจิตร" และตำรับ "ยาหอมนวโกฐ" ที่มีส่วนประกอบของโกฐจุฬาลัมพาอยู่ในพิกัดโกฐทั้งเก้าร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ อีกในตำรับ

โดยมีสรรพคุณเป็นยาแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืดตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน และแก้ลมจุกแน่นในท้อง และในยาแก้ไข้ก็มีปรากฏในตำรับ "ยาจันทน์ลีลา" และตำรับ "ยาแก้ไข้ห้าราก" ที่มีส่วนประกอบของโกฐจุฬาลัมพาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ อีกในตำรับ โดยมีสรรพคุณเป็นยาบรรเทาอาการไข้ตัวร้อน ไข้เปลี่ยนฤดู

ทั้งนี้ งานวิจัยเกี่ยวกับโกฐจุฬาลัมพาช่วยต้านโควิด-19 ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองในห้องปฏิบัติการ การจะเลือกใช้โกฐจุฬาลัมพา เป็นยาสมุนไพรช่วยต้านโควิดจึงต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ และติดตามผลการทดลองทั้งในไทยและต่างประเทศ

ในเบื้องต้น ทาง BIOTHAI แนะนำข้อควรระวังไว้ว่า ต้นโกฐจุฬาลัมพามีทั้งพันธุ์ดอกสีขาวและดอกสีแดง มีสรรพคุณทางยาเหมือนกัน สามารถนำมาใช้แทนกันได้ นอกจากนี้ ยังมีพันธุ์ดอกสีเหลือง ชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artemisia princeps Pamp ด้วย แต่พันธุ์นี้จะมีพิษ ถ้าใช้เกินขนาดก็อาจทำให้เสียชีวิตได้

การใช้ยา ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ควรใช้ตามคำแนะนำของหมอพื้นบ้าน และแพทย์แผนไทย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อตับไต หญิงตั้งครรภ์ หรือไข้เลือดออก

https:// m.mgronline.com/travel/detail/9640000075833
#5730


กสศ. เดินหน้า Reskill – Upskill ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ผ่านทุนพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน สร้างกระบวนการให้เกิดการยกระดับความรู้ ความสามารถ ในการประกอบอาชีพตามความถนัดและศักยภาพของตนเอง

ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ประธานอนุกรรมการกำกับทิศทางโครงการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคประชาสังคม) ในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

กล่าวตอนหนึ่งในเวทีเสวนาออนไลน์ เรียนให้รู้...อยู่ให้รอด ภายใต้วิกฤตโควิด 19 บทเรียนการทำงานทุนพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 ในหัวข้อ "ทุนพัฒนาอาชีพที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน  ทางรอด ทางเลือกในยุค New Normal" เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาว่า โครงการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 หรือ ทุนพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ภายใต้การสนับสนุนของ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เริ่มดำเนินโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 2562  กสศ. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือประชากรวัยแรงงานที่เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยใช้ชุมชนเป็นฐานสร้างกระบวนการให้เกิดการยกระดับความรู้ ความสามารถ ในการประกอบอาชีพตามความถนัดและศักยภาพของตนเองให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ เพิ่มทักษะใหม่ที่จำเป็น (Reskill) เสริมทักษะใหม่ในบริบทใหม่ (Upskill) พัฒนาทักษะอาชีพรายบุคคล โดยใช้ทุนชุมชนในการพัฒนาอาชีพ

"เรากำลังเปิดพื้นที่การเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สร้างนิเวศแห่งการเรียนรู้ใหม่ การเรียนรู้รูปแบบนี้เป็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ของประเทศ ที่น่าจะเป็นคำตอบให้กับสังคมไทยได้ และที่สำคัญกำลังรอให้คนนำไปขยายผลต่อ"ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ กล่าว

ดร.สมคิด แก้วทิพย์ ผู้จัดการโครงการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 กล่าวว่า องค์ประกอบที่สำคัญของโครงการฯ นี้ คือ "ระบบการจัดการร่วม" ที่ กสศ.มี "อนุกรรมการกำกับทิศทางโครงการฯ" และจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีการทำงานร่วมกับ "พี่เลี้ยง" ที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศทำหน้าที่ กระตุ้น หนุนเสริมองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้แก่ "หน่วยพัฒนาอาชีพ" ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเข้าไปทำงานและร่วมเรียนรู้กับ "ผู้เข้าร่วมโครงการฯ" ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการฯ องค์ประกอบเหล่านี้เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดการบริหารจัดการร่วมเชิงบูรณาการบนฐานพื้นที่ ทำงานเชื่อมประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีจุดร่วมคือการนำปัญหาของพื้นที่เป็นตัวตั้ง

ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ ชี้ว่า เรากำลังสร้าง "ต้นแบบ" การพัฒนาทักษะอาชีพบนฐานทุนชุมชนในมิติใหม่ ที่ตอบโจทย์เรื่องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ด้วยการเข้าไปดูว่าเขาต้องการแก้ปัญหาอะไร ชุมชนมีต้นทุนอะไร และสุดท้ายเรานำข้อมูลมาวิเคราะห์ออกแบบเป็นหลักสูตรเฉพาะร่วมกับชุมชนที่เหมาะสม เพื่อคลี่คลายปัญหาของชุมชน

ตลอดการทำงาน 2 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดกลุ่มแรงงานนอกระบบ แรงงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นแรงงานที่มีฝีมือ จำนวน 14,414 คน จาก 194  โครงการ ใน 51 จังหวัด ครอบคลุม 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ  เกิดหลักสูตรการยกระดับการประกอบอาชีพที่ตอบโจทย์ท้องถิ่นและตลาดแรงงาน นำไปสู่การเป็นผู้ประกอบการและแรงงานที่มีฝีมือในชุมชน เกิดเครือข่ายคนทำงานรุ่นใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในการร่วมพัฒนา อีกทั้งยังเกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิชาการ สถาบันการศึกษาในการพัฒนากลไกเสริม เครื่องมือ และชุดความรู้ร่วมกับหน่วยพัฒนาอาชีพ และเกิดเป็นนวัตกรรมการพัฒนาอาชีพในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การพัฒนาส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการ การรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน และเกิดผลิตภัณฑ์ งานบริการที่ถูกยกระดับให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นผ่านการใช้เทคโนโลยีออนไลน์

"การใช้ชุมชนเป็นฐานเป็นต้นแบบหนึ่งของ กสศ. ถือเป็นมิติใหม่ของการทำงานเชิงพื้นที่ที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน โดย กสศ.เข้าไปหนุนเสริมทักษะความรู้และงบประมาณบางส่วน ทำให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นความสุขมากขึ้น ผมคิดว่ารูปแบบการทำงานแบบบนี้น่าจะเป็นทางเลือกทางรอดของประเทศได้"


ขณะที่ ดร.สมคิด กล่าวเสริมว่า ผลจากการทำโครงการ 2 ปีที่ผ่านมา วันนี้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น คือ เห็นระบบของการดึงโครงสร้างความรู้ มาร่วมปฏิบัติการในพื้นที่ เป็นระบบการศึกษาใหม่ในการพัฒนาอาชีพโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สร้างทักษะและองค์ความรู้ที่จะนำมาประกอบอาชีพให้เกิดรายได้แล้ว ความรู้ที่เกิดขึ้นยังเป็นเกราะกำบังให้คนในชุมชนเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และที่สำคัญคือ เกิดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างคนในชุมชน คือ "หาได้" และ "ให้ได้" สร้างสังคมแห่งการดูแลกันและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

ดร. สมคิด กล่าวสรุปว่า การสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการยกระดับทักษะความรู้ให้กลุ่มแรงงานสามารถประกอบอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว ถือเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุณภาพการศึกษา สังคม วัฒนธรรม ให้ค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างเข้าใจ อันจะนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในชุมชน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการลดความเลื่อมล้ำในสังคมโดยใช้ชุมชนเป็นฐานได้อย่างแท้จริง