• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Joe524

#3161


นายธนา สราญเวทย์พันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือเออาร์วี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า เออาร์วี กับบริษัท โรโตเทค จำกัด  ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญบริการด้านหุ่นยนต์จากสิงคโปร์ ได้ร่วมมือพัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์ "โรโต ไคลม์เบอร์" (Roto Climber) เครื่องแรกของโลก เพื่อให้บริการตรวจสอบ และบํารุงรักษา รวมทั้งทําความสะอาดท่อประเภทต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ท่อส่งปิโตรเลียม ท่อขุดเจาะปิโตรเลียม ท่อสูบน้ำทะเลบนแท่นผลิตปิโตรเลียมนอกชายฝั่ง ท่อในท่าเทียบเรือ และหอกังหันลม เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาสำหรับท่อแนวตั้งครั้งแรกของโลก จากเดิมที่มีการพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับท่อแนวนอนเท่านั้น

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลายรายในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ความสนใจที่จะใช้บริการโรโต ไคลม์เบอร์

"ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการพลิกโฉมธุรกิจบริการด้านการตรวจสอบ และบำรุงรักษาโครงสร้าง สิ่งติดตั้งด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับท่อในแนวตั้ง สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ด้วยนวัตกรรมและวิธีการแบบใหม่ ขณะนี้เออาร์วี และโรโตเทคกำลังเดินหน้าพัฒนาศักยภาพของโรโต ไคลม์เบอร์ไปอีกขั้น เพื่อให้บริการซ่อมแซม เจาะ และตัดโครงสร้างต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถรองรับ ตอบโจทย์ และแก้ปัญหาของธุรกิจได้หลากหลายมากขึ้น" นายธนากล่าว

นายไซมอน ฮาร์ท็อก กรรมการผู้จัดการ โรโตเทค กล่าวว่า โรโต ไคลม์เบอร์ปฏิบัติงานด้วยการควบคุมจากระยะไกล โดยไม่ต้องอาศัยนักประดาน้ำและเรือสนับสนุน จึงลดความเสี่ยงของบุคลากรจากการทำงานในพื้นที่อันตราย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างมาก รวมทั้งช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกด้วย

โรโต ไคลม์เบอร์ปฏิบัติงานได้ทั้งในพื้นที่เหนือระดับน้ำ บริเวณระดับน้ำ และใต้ผิวน้ำลึกสุดถึง 200 เมตร หุ่นยนต์มีน้ำหนักเบาจึงติดตั้งได้ง่าย โรโต ไคลม์เบอร์ ทำงานโดยยึดเกาะและเคลื่อนที่ไปตามแนวตั้งของท่อเพื่อตรวจสอบโครงสร้างของท่อโดยละเอียด สามารถวัดความหนาของผนังเพื่อตรวจจับการสึกกร่อน และทําความสะอาดโครงสร้างภายนอกไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ยังติดตั้งกล้องคุณภาพสูงเพื่อรายงานการทำงานในรูปแบบวิดีโอได้อย่างเรียลไทม์ สำหรับการติดตามและวิเคราะห์ผลอีกด้วย
#3162


วันนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อ ผู้ที่ได้รับทุนได้ที่ www.มิสทินสู้โควิด.com ประกาศครั้งที่ 2 จำนวน 3,000 ทุน เวลาเที่ยง

คลิกที่นี่ 

"มิสทินสู้โควิด" สามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ในวันที่ 23 ส.ค. 64

วิธีตรวจสอบสิทธิ์

1. คลิกที่นี่ หรือเข้าเว็บไซต์ มิสทินสู้โควิด.com
2. คลิกปุ่ม ตรวจสอบสิทธิ์
3. กรอกเลขที่บัตรประชาชน
4. คลิกปุ่ม ตรวจสอบสิทธิ์
5. แสดงผล


ทั้งนี้ เครื่องสำอางมิสทิน และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ ตั้งงบ 10,000,000 บาท (สิบล้านบาท) สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเวลานี้

ทุน "มิสทินสู้โควิด" รวมมูลค่า 10,000,000 บาท มอบให้ครอบครัวละ 1 ทุน ทั้งหมด 5,000 ทุน (ขอสงวนสิทธิ์สำหรับที่อยู่และนามสกุลเดียวกัน) โดยแต่ละทุนประกอบด้วย เงินสด 1,000 บาท และ กล่องสินค้ามิสทินเพื่อดำรงชีพ มูลค่า 1,000 บาท

กรณีผู้ที่ตรวจสอบสิทธิ์และผ่านการพิจารณา ระบบจะแจ้งว่า "ชื่อ -นามสกุล"ได้รับเงินทุนมิสทินสู้โควิดมูลค่า 2,000 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

1. หลังจากประกาศผู้ได้รับพิจารณามอบทุนมิสทินสู้โควิดแล้ว ทางเครื่องสำอางมิสทิน และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ จะส่ง SMS ไปที่เบอร์ที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อเป็นการยืนยันผลการพิจารณา

2. การมอบเงินทุน เครื่องสำอางมิสทิน และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ จะรับเงินทุน 1,000 บาท เข้าสู่บัญชีธนาคารตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ การโอนเงินจะดำเนินการในวันที่ 31 สิงหาคม 2564

3. การส่งกล่องยังชีพและเงื่อนไขการรับกล่องยังชีพ ซึ่งเครื่องสำอางมิสทินและมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ จะดำเนินการจัดส่งกล่องยังชีพให้ตามที่อยู่ที่ได้ลงทะเบียนไว้ โดยจะทำการจัดส่งตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2564 ถึง 30 กันยายน 2564 ผู้รับกล่องยังชีพจะต้องเป็นผู้ลงทะเบียน หรือ คนในครอบครัว หรืออาศัยอยู่ เลขที่บ้านที่ทำการลงทะเบียนไว้เท่านั้น หากผู้รับกล่องยังชีพ ไม่ใช่บุคคลที่ลงทะเบียนไว้ จะต้องยื่นสำเนาบัตรประชาชน พร้อมเซ็นกำกับเพื่อรับกล่องยังชีพ หากไม่มีสำเนา ทางเครื่องสำอางมิสทินและมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ ขอไม่นำส่งกล่องยังชีพ เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ์ ของผู้ที่ได้รับสิทธิ์มอบทุน

4. กรณีที่ได้รับสิทธิ์แต่ไม่ได้รับการโอนเงิน หลังจากวันที่ 31 สิงหาคม โปรดติดต่อ 02-118-5111 ได้ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.30 น.



อ้างอิง - www.มิสทินสู้โควิด.com , มิสทิน
#3163


​นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้ประกอบการ SME และวิสาหกิจชุมชน กว่า 1.33 ล้านราย โดยเฉพาะ SME ในภาคบริการ ได้รับผลกระทบในหลายด้าน  จากการสำรวจของ สสว. พบว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 SME 22.75% ต้องปิดกิจการชั่วคราว และ 1.91% ปิดกิจการถาวร นอกจากนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด เช่น การเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล การทำงานที่บ้าน การเพิ่มความใส่ใจสุขภาพกายและสุขภาพจิต ยังเร่งให้ SME ต้องปรับตัวอย่างมาก

​ด้วยเหตนี้ สสว. จึงได้ร่วมกับ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย จัดงานสัมมนาออนไลน์ ภายใต้ชื่อ 'ปลดล็อค SME ไทย ปรับตัวอย่างไรในยุค Next Normal' โดยมูลนิธิคีนันฯ นำเสนอผลการศึกษา "การเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกภายใต้บริบท Next Normal" เสนอแนะเทรนด์สำคัญของโลกธุรกิจและผลกระทบต่อ SME และมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ และตัวแทนจากองค์กรและบริษัทชั้นนำ อาทิ ประสบการณ์ อาทิ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) Facebook ประเทศไทย (Facebook Thailand) บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด (SCG-CBM) บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (Ngern Tid Lor) บริษัท ไลน์แมน วงใน (LINE MAN Wongnai) บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) (LINE Thailand) บริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด (JD Central) เดอะ แมคคินซี่ โกล. อินสติติว (The McKinsey Global Institute) บริษัท ออร์กานอน (ประเทศไทย) จำกัด (Organon Thailand) บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด (PwC)

โดยทั้งหมดได้ร่วมพูดคุยและถอดบทเรียนใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ Digital Transformation (พลิกองค์กรด้วยวิถีดิจิทัล) Sustainability (ความยั่งยืนและโอกาสทางธุรกิจ) Future of Work (เทรนด์งานแห่งโลกอนาคต) และ Next Normal Consumers (โลกปรับ ผู้บริโภคเปลี่ยน) โดยเน้นให้ผู้เข้าสัมมนาได้เข้าใจแนวทางรับมือผลกระทบของดิจิทัลต่อโลกหลังโควิด-19 เรียนรู้หลักความยั่งยืนเพื่อเปิดโอกาสธุรกิจสู่สากล ทำความรู้จักกับเทรนด์รูปแบบการทำงานและแรงงานในอนาคต และตามทันและเข้าใจเทรนด์ใหม่ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

โดย ในช่วงการเสวนา Digital Transformation: พลิกองค์กรด้วยวิถีดิจิทัล​จากการเสวนาในช่วงการเสวนา Digital Transformation: พลิกองค์กรด้วยวิถีดิจิทัล แสดงให้เห็นว่าโควิด-19 มีส่วนทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเป็นไปได้รวดเร็วและง่ายมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และองค์กรกล้าท้าทายการทำงานรูปแบบเดิม อีกทั้งการเข้าถึงเทคโนโลยีก็มีราคาถูกลง ทำให้องค์กรทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ควรใช้ 'โอกาส' ใน 'วิกฤต' นี้พาองค์กรสู่วิถีดิจิทัล อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านคือ 'คน' ที่ต้องมีทัศนคติและพร้อมปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง

​สำหรับการบรรยายช่วง Sustainability: ความยั่งยืนและโอกาสทางธุรกิจ ผู้เข้าร่วมสัมมนาต่างเห็นพ้องกันถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในธุรกิจทุกขนาด ในยุคที่หลัก Sustainable Development Goals และ Environmental Social and Governance กำลังเป็นที่สนใจจากทั่วโลก SME จึงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับกฎหมายและการตรวจสอบด้านความยั่งยืนต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต ในขณะที่ การบรรยายช่วง Future of Work: เทรนด์งานแห่งโลกอนาคต ชี้ถึงโลกการทำงานที่เปลี่ยนไปทั้งด้านแรงงาน ตำแหน่งงาน และสถานที่ทำงาน โดย SME ต้องตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงและปรับตัวทั้งด้านทักษะแรงงานและการบริหารให้คล่องตัวมากขึ้น รวมทั้งจัดรูปแบบการทำงาน การสรรหาและพัฒนาพนักงานให้สอดคล้องกับแรงงานยุคใหม่

​สุดท้าย การเสวนา Next Normal Consumers: โลกปรับ ผู้บริโภคเปลี่ยน แสดงให้เห็นถึงเส้นแบ่งระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ไม่ชัดเจนเหมือนเคย โดยเมื่อก่อนผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ใช้งานแพลตฟอร์มด้วยวัตถุประสงค์ในการซื้อที่ชัดเจน แต่ปัจจุบันพวกเขาใช้เวลาสำรวจและเลือกสรรสินค้าบนแพลตฟอร์มมากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการต้องเข้าใจจุดแข็งของตัวเอง เพื่อที่จะสามารถสื่อสารได้ตรงจุด และสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ SME มีข้อได้เปรียบที่ความคล่องตัวในการบริหาร ทำให้สามารถปรับตัวได้รวดเร็ว

​ทั้งนี้ งานสัมมนาได้รับความสนใจอย่างมากจาก SME สมาคมการค้า หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนทั่วไป มีผู้เข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในงานสัมมนารวมกว่า 430 คน และมีผู้เข้าร่วมในแต่ละช่วงของการสัมมนาประมาณ 200 คน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิคีนันแห่งเอซีย คุณเอษา โชติชาครพันธุ์ ที่เบอร์โทรศัพท์ 099 429 6945
สามารถติดตามชมคลิปงานสัมมนาย้อนหลังได้ที่เว็บไซค์ SME Academy 365
#3164


โรเมลู ลูกากู ประเดิมซัดตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนาม พา "สิงห์บลูส์" เชลซี บุกเก็บชัยเหนือ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล 2-0 คว้าสามแต้มในศึกลอนดอนดาร์บีแมตช์

ศึกฟุต.พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2021/22 วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564 เกมลอนดอนดาร์บีแมตช์ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เปิดเอมิเรตส์ สเตเดียม รับการมาเยือนของ "สิงห์บลูส์" เชลซี

อาร์เซนอล ของกุนซือมิเกล อาร์เตต้า เกมที่แล้วบุกพ่าย เบรนท์ฟอร์ด ทีมน้องใหม่ 0-2 เกมนี้นำทัพมาโดย นิโคลัส เปเป้, บูกาโย่ ซากา, เอมิล สมิธ โรว์ และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี

ขณะที่ เชลซี ของเฮดโค้ช โธมัส ทูเคิล เกมที่แล้วทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เปิดบ้านเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 3-0 เกมนี้ โรเมลู ลูกากู หัวหอกเบลเยียม ประเดิมลงสนามให้ทีมเป็นนัดแรกตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมอีกครั้ง ประสานงานในเกมรุกร่วมกับ เมสัน เมาท์ และไค ฮาแวร์ตซ์

น.15 เชลซี ออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ เมสัน เมาท์ จ่ายออกขวาไปให้ รีซ เจมส์ ก่อนปาดเข้ากลางมาให้ โรเมลู ลูกากู วิ่งมาแท็บอินโล่งๆ ถือเป็นการทำประตูแรกของตัวเองในการประเดิมลงเล่นซีซันนี้ให้ เชลซี

น.35 เชลซี ได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ เมสัน เมาท์ จ่ายออกขวาไปให้ รีซ เจมส์ หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษ และยิงหนีมือ แบรนด์ เลโน่ เข้าไปตุงตาข่าย และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง อาร์เซน่อล พยายามเปิดเกมบุกมากขึ้นเพื่อหวังทวงประตูคืนให้ได้ แต่จังหวะจบสกอร์ยังทำได้ไม่เฉียบคมพอ ขณะที่ เชลซี อาศัยเกมโต้กลับเล่นงานแผงหลังของเจ้าถิ่นได้หลายครั้ง แต่ยังทำประตูไม่ได้เช่นกัน

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลา 90 นาที อาร์เซนอล พ่ายคาบ้านให้กับ เชลซี 0-2 ทำให้ทีม "ปืนใหญ่" ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ด้วยการปราชัย 2 เกมติดต่อกัน ยังไร้แต้ม ขณะที่ "สิงห์บลูส์" มี 6 คะแนนเต็ม ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงร่วมกับ ลิเวอร์พูล

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล : แบรนด์ เลโน่ (GK), เซดริค โซอาเรส, ร็อบ โฮลดิง, พาโบล มารี, คีแรน เทียร์นีย์, อัลเบิร์ต แซมบี โลกองกา, กรานิต ชากา, นิโคลัส เปเป้, เอมิล สมิธ โรว์, บูกาโย ซากา, กาเบรียล มาร์ติเนลลี

เชลซี: เอดูอาร์ด เมนดี (GK), รีซ เจมส์, เซซาร์ อัซปิลิกวยตา, อันเดรส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, มาร์กอส อลอนโซ่, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, ไค ฮาแวร์ตซ์, เมสัน เมาท์, โรเมลู ลูกากู
#3165


อากิระ นิชิโนะ อดีตกุนซือทีมชาติไทย ทำจดหมายเปิดผนึก แสดงความขอบคุณ และเผยความรู้สึกถึงทุกๆสิ่งที่เคยผ่านช่วงเวลาการทำงานกับ "ช้างศึก"

ก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬาฟุต.แห่งประเทศไทยฯ ประกาศยกเลิกสัญญากับ อากิระ นิชิโนะ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังพาทีมทำผลงานล้มเหลวในฟุต.โลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย

ล่าสุดยอดเทรนเนอร์จากแดนอาทิตย์อุทัยเขียนจดหมายเปิดผนึกบอกเล่าถึงความรู้สึกต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานกับ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย

เรียน ครอบครัวฟุต.ไทยทุกท่าน
สวัสดีครับ

หลังจากจบการแข่งรอบคัดเลือกที่ดูไบ เดิมที ผมจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เลย แต่เนื่องจากมีธุระ จึงขอเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นชั่วคราวก่อน ซึ่งตอนนี้ หลังจากกักตัว ASQ ผมกลับมาพักอยู่ในกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว

ก่อนอื่น หลังจากที่ผมไปรายงานสรุปผลการทำงานให้กับ FA แล้ว ผมจะต้องแถลงข่าว และรายงานสรุปผลการทำงานให้กับแฟน. และผู้สนับสนุนทุกท่านทราบ แต่เนื่องจากสถานการณ์ โควิด-19 จึงยังไม่สามารถทำได้ ต้องขอโทษด้วยครับ

ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่การเข้าแคมป์ฝึกซ้อม รวมไปถึงการแข่งขันฟุต.โลก รอบคัดเลือก ที่ดูไบ ในครั้งนี้ ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของแฟน.ชาวไทยทุกคนได้

แต่ผู้ที่รู้สึกแย่ และหนักหน่วงมากที่สุด คือนักฟุต.ทุกคน หลังจากที่ได้พักเป็นเวลา 1 เดือน การเข้าแคมป์เก็บตัวฝึกซ้อมราบรื่น และทุกคนอยู่ในสภาพดี แต่เนื่องจากมีผู้ติดโควิด-19 ทำให้มีความจำเป็นต้องกักตัว 2 สัปดาห์ จึงไม่สามารถฝึกซ้อมเพื่อคัดเลือกนักเตะได้ และต้องพานักเตะทั้ง 42 คนไปยูเออีด้วยกัน

ซึ่งการที่ไม่สามารถตัดสินคัดเลือกนักเตะได้นั้น ทาง FA ก็เข้าใจดี และผมขอขอบคุณที่ช่วยพาทุกคนไป ในขณะเดียวกัน ก็ต้องทำให้เจ้าหน้าที่สมาคม และสต๊าฟฟ์โค้ช ต้องพลอยรับภาระหนัก และลำบากไปด้วย ผมจึงขอกล่าวคำขอบคุณพวกเขามา ณ ที่นี้ด้วยครับ

สำหรับตัวผมเองก็รู้สึกถึงความยากของการดูแลจัดการแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเช่นกัน

นักเตะทุกคนสู้อย่างแข็งขัน และเด็ดเดี่ยวภายใต้สภาพที่ไม่พร้อมเท่าที่ควร

น่าเสียดายที่มีทั้งนักเตะในประเทศ และนักเตะที่สร้างผลงานอยู่ในญี่ปุ่นถอนตัวไป แต่ผมเชื่อว่า หากทีมชาติไทย สร้างความแข็งแกร่งโดยขับเคลื่อนไปพร้อมกับไทยลีก ทีมชาติไทย จะสามารถยกระดับสเตตัส และกลายเป็นทีมชาติที่แข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน

สำหรับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ผมต้องขอขอบคุณอย่างสูง สำหรับความร่วมมือของ FA, ทีมสโมสร, สปอนเซอร์ และขอขอบคุณแรงเชียร์อันล้นหลามจากแฟน. และผู้สนับสนุนที่ต่อสู้มาด้วยกันในฐานะผู้เล่นหมายเลข 12

ผมขอให้สถานการณ์โควิด-19 จบลงโดยเร็วที่สุด และขอให้ฟุต.ลีกในประเทศได้กลับมาเริ่มการแข่งขัน ก่อนจะถึงวันนั้น เรามาสู้ไปด้วยกันนะครับ
#3166


วินิซิอุส จูเนียร์ กลายเป็นซูเปอร์ซับ ลงไปยิงคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ รีล มาดริด รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ ไล่ตีเสมอ เลบานเต้ ไปแบบสุดมัน 3-3 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งแต้ม

ศึกฟุต.ลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2021/22 วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2564 เกมที่น่าสนใจ "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด ยกพลไปเยือน เลบานเต้ ที่เอสตาดี ซิอูตัต เดอ บาเลนเซีย

"ราชันชุดขาว" ภายใต้การคุมทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ เกมที่แล้วบุกไปเอาชนะ อลาเบส มาแบบขาดลอย 4-1 เกมนี้ยังนำทัพโดย 3 ประสานแนวรุก อย่าง คาริม เบนเซม่า, แกเร็ธ เบล และเอเด็น อาซาร์ ขณะที่ เลบานเต้ นำทัพโดย มาร์ตี โรเจอร์, โฆเซ่ โมราเลส และฮอร์เก เดอ ฟรูตอส

นาทีที่ 5 รีล มาดริด ออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ คาริม เบนเซม่า ได้.ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ แกเร็ธ เบล ตวัดยิงด้วยซ้ายหนีมือนายทวารเจ้าถิ่นเข้าไป และเป็นเพียงประตูเดียวในครึ่งแรก

ครึ่งหลัง เลบาเต้ ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้เวลาเพียง 34 วินาที ก็มาตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ โรเจอร์ มาร์ตี หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนยิงสวนตัว ธีโบต์ กูร์ตัวส์ เข้าไป

หลังได้ประตูตีเสมอ เลบานเต้ ยังเล่นกันอย่างคึกคัก และมาได้ประตูพลิกนำ 2-1 ในนาทีที่ ฮอร์เก เดอ ฟรูตอส เปิด.จากริมเส้นฝั่งขวามาให้ โฆเซ คัมปานา ยิงแบบไม่จับ .ซุกก้นตาข่ายอย่างสุดสวย

นาทีที่ 73 รีล มาดริด ที่โหมบุกอย่างหนักก็มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากจังหวะที่ คาเซมิโร่ จ่ายคิลเลอร์พาสให้ วินิซิอุส จูเนียร์ หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษ ยิงหนีมือผู้รักษาประตูเลบานเต้เข้าไป

นาทีที่ 79 เลบานเต้ ที่ถึงแม้จะบุกน้อยกว่าแต่ก็เป็นฝ่ายขึ้นนำอีกครั้ง 3-2 จากจังหวะลูกฟรีคิก .ไปตกใส่ศีรษะของดาวิด อลาบา เด้งมาเข้าทาง โรแบร์ ปิแอร์ ยิงจ่อๆเข้าไป

นาทีที่ 85 รีล มาดริด มาได้ประตูไล่ตามตีเสมออีกครั้ง 3-3 จากจังหวะที่ วินิซิอุส จูเนียร์ หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนชิพอย่างเหนือชั้น.ชนเสาเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

นาทีที่ 87 สถานการณ์ของ เลบานเต้ ก็ย่ำแย่ไปอีก เมื่อไอเตอร์ เฟร์นานเดซ ผู้รักษาประตู ตั้งใจออกมาตัด.นอกกรอบเขตโทษ แต่ดันไปใช้มือเล่น ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที ทำให้เจ้าถิ่นเหลือ 10 คน

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที รีล มาดริด บุกไปเสมอกับ เลบานเต้ แบบสนุก 3-3 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนน ส่งผลให้ทีม "ราชันชุดขาว" มี 4 แต้ม จาก 2 นัด รั้งรองจ่าฝูง ส่วนเจ้าถิ่น มี 2 แต้ม จาก 2 นัด รั้งอันดับ 8

รายชื่อ 11 ตัวจริงของ รีล มาดริด
ธิโบต์ กูร์ตัวส์ (GK), ลูกัส บาซเกซ, เอแดร์ มิลิเตา, นาโช่ เฟร์นานเดซ, ดาวิด อลาบา, คาเซมิโร่, เฟเดริโก บัลเบร์เด, อิสโก, แกเร็ธ เบล, เอเด็น อาซาร์, คาริม เบนเซม่า


ผลลาลีกา สเปน วันที่ 22 สิงหาคม 2564 คู่อื่นๆ 
รีล โซเซียดัด 1-0 ราโย บาเยกาโน
แอตเลติโก มาดริด 1-0 เอลเช่ 
#3167


วันนี้ (22ส.ค.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงปัญหาการจัดซื้อชุดตรวจโควิด 8.5 ล้านชุด มูลค่า 1,014 ล้านบาท แม้จะมีผู้ชนะการประมูลขององค์การเภสัชกรรมแล้วคือ บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด แต่ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในมติ ครม. วันที่ 17 สิงหาคม ว่า ชุดตรวจต้องได้รับการรับรองจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) จึงเป็นประเด็นว่า องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ยังไม่กล้าเซ็นสัญญากับบริษัทที่ชนะประมูล แต่รัฐต้องแข่งกับเวลา ทุกชั่วโมงที่ชัตดาวน์คือความเดือดร้อนของประชาชน เป้าหมายคือการกันตัวผู้ป่วยออกมาให้เร็ว การตรวจเชิงรุกสำคัญมากอย่าทำให้สะดุด

"ที่เถียงกันมันคือชุดตรวจ "เบื้องต้น" แบบ ATK เท่านั้น ไม่ใช่กรณีการตรวจละเอียดแบบ RT-PCR ท่านนายกฯ ต้องเข้าใจว่ายี่ห้อที่ได้ WHO มันมีน้อยและแพง ถ้าท่านเป็น "นักปฏิบัตินิยม" และเข้าใจว่านี่คือวิกฤตใหม่ที่ต้องการรับมือต้องทันต่อสถานการณ์ ผมเห็นว่า ควรไปวัดกันที่หน้างาน บริษัทไหนแน่ ไปทดลองกัน โดยเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ถ้าเสถียรพอๆ กัน ก็เอาอันที่ราคาถูกกว่าสิครับ จะได้กระจายให้ทั่วถึง" นายอรรถวิชช์ กล่าว

เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวต่อว่า ถ้าทดลองภาคสนามแล้ว ชุดตรวจที่ชนะการประมูลมีประสิทธิภาพเทียบเท่ายี่ห้อในรายการที่อนุญาตให้ใช้กรณีฉุกเฉินเร่งด่วน (Emergency Use Listing) ของ WHO ผมว่ามันก็ใช้ได้แล้ว อย่าติดยึด เพราะเวชภัณฑ์ใหม่ๆ ถูกพัฒนาให้ทันเชื้อโรคที่พัฒนาไปอยู่เรื่อย วัดกันที่หน้างานสำคัญกว่า
#3168


หลังจากผนึกหยิน-หยางส่งต่อพลังบวกกับเพลง "อีกไม่ช้า (SOON)" ที่ร่วมงานกับ Slot Machine ไปได้ไม่นาน วงร็อกหัวมันPOTATO ขอสาดความมันใส่กันไม่ยั้ง จัดหนัก! จัดเต็ม! อีกหนึ่งซิงเกิลใหม่ "ทำเป็นเล่น" จากอัลบั้ม Friends ที่การันตีความมันโดยชักชวนเพื่อนรุ่นน้อง เต้ -Bomb At Track นักร้องร็อกรุ่นใหม่ ที่เอกลักษณ์เฉพาะตัวมาฟีทเจอริ่ง และร่วมเขียนเนื้อในท่อนแร็พ ผสมกับเพลงร็อกแบบPOTATO ให้เพลงนี้กลายเป็น Rap Rock ที่ลงตัว และเป็นอีกสีสันใหม่ให้กับอัลบั้มชุดนี้ โดย ปั๊บ เล่าถึงเพลงนี้ให้ฟังว่า...

" ทำเป็นเล่น " เพลงที่พูดถึงความมุ่งมั่น การทำในสิ่งที่รัก ทำมันด้วยใจ ซื่อสัตย์กับสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร รักที่จะเป็นอย่างไร ขอให้สุขกับสิ่งที่ทำ แม้ว่าเรื่องนั้นมันอาจจะเป็นเรื่องเล่นๆในสายตาใคร แต่ทำเป็นเล่นไป! สิ่งนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปตลอดกาล เพลงนี้ได้คุณปู๋ Hens -ปิยวัฒน์ มีเครือ มาร่วมแต่งเนื้อร้อง โดยความพิเศษของเพลงนี้คือการได้ร่วมงานกับ เต้- Bomb at Track ซึ่งเขียนท่อนแร็พในเพลงนี้อีกด้วย เต้เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกข้างในที่มีต่อสังคมได้อย่างชัดเจน อัลบั้มนี้ชื่อว่า friends "ทำเป็นเล่น" ก็เป็นอีกเพลงที่ถูกสร้างขึ้นมา โดยที่เราต้องตามหาใครสักคนมาร่วมถ่ายทอดความรู้สึกของเพลงให้ชัดเจนขึ้น และยังไม่รู้ว่าจะต้องเป็นใคร คือทำเพลงขึ้นมาก่อนเลยครับ แล้วคิดว่าถึงเวลาเราก็จะพบศิลปินคนนั้นเอง และในวันหนึ่งบนรถตู้ ซึ่งเรากำลังเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อแสดงคอนเสิร์ต ปกติวงเราก็จะชอบประชุมหารือกันบนรถตู้ ในทุกๆเรื่องรวมถึงเรื่องงานเพลง Bomb At Track เป็นชื่อที่เราพูดกันขึ้นมาบนรถตู้ และความรู้สึกของเราตรงกัน เลยให้ทางค่ายรีบติดต่อไปในทันที (ตอนนั้นทางวง Bomb at Track ยังไม่ได้เข้ามาที่จีนี่ฯครับ) จากที่ผมติดตามผลงานเค้ามาซักพัก ผมชอบสไตล์ที่เค้าเป็น เห็นแววตาที่มุ่งมั่น เห็นพลังจากสิ่งที่เค้าถ่ายทอด บวกกับการที่เค้าเป็นคนรุ่นใหม่ จึงมาเติมเต็มความรู้สึกของเพลงให้เข้มข้นอย่างเต็มที่ ต้องขอบคุณเต้มากๆ ที่ตอบตกลง และให้เกียรติมาร่วมสนุกในอัลบั้มนี้ แล้วก็ยินดีต้อนรับเข้าสู่ genie records ด้วยนะครับ

ด้าน " เต้ Bomb At Track " บอกว่า...รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากๆครับ แต่ก่อนผมยังแกะเพลงของพี่ๆ Potato เล่นงานที่โรงเรียนอยู่เลย นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะได้มีส่วนร่วมในเพลงของพี่ๆ เพลงนี้ผมใช้เวลาแต่งท่อนแร็พเร็วมาก เพราะเนื้อหาของเพลงนี้ผมค่อนข้างเข้าใจและอินกับมัน ผมก็กำลังทำเรื่องเล่นๆของผมให้มันเป็นจริงเหมือนกัน ก็อยากจะฝากให้แฟนของทั้ง Potato และ Bomb at Track ติดตามเพลง "ทำเป็นเล่น" ด้วยนะครับ นี่เป็นอีกครั้งที่ได้ร่วมงานกับพี่ๆศิลปินแถวหน้าของเมืองไทย และเป็นการเชื่อมกันระหว่างเจเนอเรชั่น ผมเลยรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ถ้าได้ฟังเพลงนี้ ต้องมีไฟและกำลังใจในการใช้ชีวิตหรือทำตามความฝันอย่างแน่นอน
#3169


วิกฤตโควิด-19 เป็นเรื่องรอไม่ได้ ทำให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หาช่องออกข้อบังคับนำเข้าวัคซีนทางเลือก "โนวาแวกซ์" ต้านเชื้อกลายพันธุ์ ตามรอยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่นำเข้า "ซิโนฟาร์ม" มาก่อนหน้า ขณะที่การพัฒนาวัคซีนฝีมือคนไทย "จุฬาคอฟ19" ผลทดสอบในอาสาสมัครระยะที่ 1 พบกระตุ้นภูมิสูงเทียบเท่าไฟเซอร์ ยังมีไบโอเทคเริ่มขยับทดสอบวัคซีนโควิดชนิดพ่นจมูกในมนุษย์ 

ทั้งความสับสนอลหม่าน ทั้งซีนดรามาน้ำตารินที่เกิดขึ้นในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางการจัดหาวัคซีนที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของบุคลากรด่านหน้าและประชาชนทั้งประเทศ เป็นแรงผลักดันให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีโรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วย หาช่องผ่าทางตันในการจัดหาวัคซีนของภาครัฐ โดยมองข้ามชอตไปข้างหน้าที่ประเทศไทยต้องมีวัคซีนรุ่นสองรับมือกับเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ รวมทั้งการจัดหาชุดตรวจเชื้อและยารักษาตัวใหม่ๆ ด้วย

จังหวะก้าวของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นการเดินตามรอยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งก่อนนี้ได้ออกประกาศราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ว่าด้วยการให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุข ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ ในการนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาแล้ว
คราวนี้ก็เช่นกัน สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2564 เป็นต้น ความว่า มธ. มีโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติและคณะวิชาทางวิทยาศาสตร์สุขภาพจำนวนมาก ซึ่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงในการให้บริการแก่สังคมในเรื่องการป้องกัน การแก้ไขปัญหาและการรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ดังนั้น สภามหาวิทยาลัยฯ จึงกำหนดให้หน่วยงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สามารถเสนอต่ออธิการบดีให้สามารถจัดหา ผลิต จำหน่าย นำเข้า หรือขออนุญาตและออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียนยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งอื่นที่จำเป็นหรือเกี่ยวข้อง ทั้งที่ดำเนินการในประเทศและกับต่างประเทศได้

 ถือเป็นการคลายล็อกเปิดทางให้มีการนำเข้าวัคซีน เวชภัณฑ์และยา ได้โดยไม่ถูกมัดมือมัดเท้าอีกต่อไป เพราะอย่างที่รู้กันว่าในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ รวมทั้งโรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้นนั้นมีเรื่องราวดรามาผ่านหน้าเพจไม่ว่างเว้น ทั้งบรรยากาศการทำงานที่แสนจะหนักหน่วง ระบบการรองรับผู้ป่วยใกล้ล่มสลายขาดทั้งเตียงทั้งห้องไอซียู อีกทั้งวัคซีนเข็ม 3 ที่ขอเพื่อฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้าก็ได้มาไม่เพียงพอ จนกระทั่งกระทรวงสาธารณสุข ต้องรีบจัดสรรให้เพิ่ม ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ที่ มธ. เผชิญอยู่จะคลี่คลายลงเมื่อมีการปลดล็อก รวมถึงยังสามารถแสวงหาพันธมิตรร่วมมือช่วยเหลือประชาชนคนติดเชื้อได้มากขึ้น แบ่งเบาภาระของรัฐบาลอีกทางหนึ่ง 

ถ้อยแถลงของ รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวถึงการออกประกาศข้างต้นว่าเนื่องจาก ดร.สุรพล นิติไกรพจน์  ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เห็นถึงปัญหาความต้องการวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ในภาวะวิกฤตไม่เพียงกับความต้องการ ทางโรงพยาบาลจึงมีความคิดออกข้อบังคับดังกล่าวขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกในการจัดหา ผลิต จำหน่าย นำเข้า ขออนุญาต และออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียนยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์

 "การออกประกาศมาครั้งนี้จะปลดล็อกสิ่งที่เป็นปัญหาเรื่องวัคซีน รวมทั้งยาต่างๆ...." ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ระบุ พร้อมกับย้ำว่าไม่ได้มีเป้าประสงค์เพื่อแสวงหารายได้หรือผลกำไรใดๆ ทั้งสิ้น 

วัคซีนที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ สนใจนำเข้านั้น รศ.นพ.พฤหัส ระบุว่า จะเป็นวัคซีนที่ไม่ซ้ำซ้อนกับการนำเข้าของหน่วยงานอื่นหรือทำสัญญาสั่งจองไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนฟาร์มของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โมเดอร์นาจากเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน หรือไฟเซอร์ที่รัฐบาลเพิ่งเซ็นสัญญาสั่งซื้อ โดยวัคซีนที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ให้ความสนใจจะเป็นวัคซีนเจนเนอร์ชัน 2 เพื่อเป็นบูสเตอร์โดสให้ประชาชนในรูปแบบวัคซีนทางเลือก โดยตัวอย่างวัคซีนที่จะหารือเพื่อนำเข้าอาจเป็นวัคซีนชนิด mRNA รุ่นที่ 2 หรือโปรตีนซัปยูนิตซึ่งปัจจุบันมียี่ห้อโนวาแวกซ์ ที่ใช้เทคโนโลยีนี้

การนำเข้าวัคซีนเจนเนอเรชัน 2 ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ยังต้องหาผู้ร่วมสนับสนุนเพราะงบประมาณมีจำกัด ทำให้ไม่สามารถนำเข้าวัคซีนในปริมาณมากเป็นหลักล้านโดสได้ มธ.จึงเปิดกว้างหาพันธมิตรร่วมมือกับองค์กรภายนอก ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับเครือข่ายโรงเรียนแพทย์ ราชวิทยาลัย สมาคม รวมถึงเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถนำเข้าได้ในปี 2565

อย่างไรก็ตาม การจัดหาวัคซีนของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาด การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของวัคซีน เงื่อนไขในการจัดหาต้องจัดซื้อผ่านรัฐบาลหรือองค์กรร่วมที่เป็นหน่วยงานรัฐ ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรธรรมศาสตร์จะเข้าไปดำเนินการในส่วนที่ภาคส่วนอื่นทำไม่ได้หรือทำได้ไม่เพียงพอ ส่วนการกระจายวัคซีนอาจยึดแนวทางของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และองค์กรที่ร่วมเป็นพันธมิตรเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

แม้การนำเข้าวัคซีนของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ จะยังไม่มีความชัดเจนเพราะอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม และเจรจาหาพันธมิตร หาช่องทางต่างๆ แต่ภารกิจที่เป็นเป้าหมายแรกในระยะเร่งด่วนนี้ ผอ.โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ระบุว่า จะดำเนินการจัดซื้อชุดตรวจแอนติเจนตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ ATK เพื่อแก้ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของชุดตรวจสำหรับการใช้ในหน่วยงานของ มธ. ที่มีทั้งโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และการจัดบริการรักษาพยาบาลแบบกักตัวที่บ้าน รวมทั้งแก้ปัญหาเรื่องราคาโดยชุดตรวจด้วยตัวเองต้องเป็นราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้ ด้วยราคาประมาณ 45-50 บาท เนื่องจากคุณสมบัติของ ATK ไม่ได้ไวเท่า RT-PCR จึงต้องมีราคาถูกเพื่อใช้ตรวจหลายครั้ง

ส่วนเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ คาดว่าการนำเข้าและเริ่มกระบวนการผลิตเองขององค์การเภสัชกรรมเพียงพอแล้ว ปัจจุบันมีการใช้ทั้งฟ้าทะลายโจร ฟาวิพิราเวียร์ และแอนติบอดี้ค็อกเทลที่รพ.ธรรมศาสตร์ฯ จัดหาผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ในอนาคต มธ.อาจศึกษาค้นคว้าวิจัยหาตัวยาใหม่ๆ ต่อไป

กล่าวสำหรับการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณเพื่อซื้อวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 20 ล้านโดส เป็นเงิน 9,372 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การจัดหาวัคซีนมูลค่า 8,439 ล้านบาทและค่าบริหารจัดการอีก 933 ล้านบาท คาดว่าจะส่งมอบในไตรมาสที่ 4 และรับทราบการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส โดยมอบหมายให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ลงนามกับตัวแทนบริษัทไฟเซอร์ กำหนดส่งมอบช่วงไตรมาส 4 เช่นกัน

ในขณะที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ออกประกาศคลายล็อกหาช่องทางจัดหาวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความหวัง ฟากฝั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กำลังวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ก็มีข่าวคราวความคืบหน้าในทิศทางที่ดีเช่นกัน โดยศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยผลวิจัยวัคซีนต้านโควิด-19 ชนิด mRNA ของจุฬาฯ ที่ชื่อว่า   "จุฬาคอฟ 19"  ที่มีการทดสอบระยะแรกในอาสาสมัคร 36 คน พบว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิดแอนติบอดีได้สูงเทียบได้กับวัคซีน mRNA อย่างไฟเซอร์-ไบออนเทค และสามารถยับยั้งไวรัสกลายพันธุ์ได้ 4 สายพันธุ์

วัคซีนต้านโควิด-19 ชนิด mRNA ของจุฬาฯ ที่ชื่อว่า  "จุฬาคอฟ 19"
วัคซีนต้านโควิด-19 ชนิด mRNA ของจุฬาฯ ที่ชื่อว่า "จุฬาคอฟ 19"

วัคซีนแบบพ่นจมูกที่พัฒนาโดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 
วัคซีนแบบพ่นจมูกที่พัฒนาโดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดแถลงข่าวเรื่องการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 
รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดแถลงข่าวเรื่องการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19

 ศ.นพ. เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.บริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และ รพ.จุฬาลงการณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยความคืบหน้าของการทดสอบระยะแรกในอาสาสมัคร อายุ 18-55 ปี ในเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ว่า วัคซีนจุฬาคอฟ19 กระตุ้นแอนติบอดีได้สูงมากในการยับยั้งเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิม รวมทั้งเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ทั้งอัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่กำลังระบาดในไทยอยู่ขณะนี้
ศ.นพ.เกียรติ ย้ำว่า ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้มีการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ และยังเป็นกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก ซึ่งต้องมีการศึกษาวิจัยในระยะต่อไป โดยการตรวจทดสอบผลประสิทธิภาพของวัคซีนจุฬาคอฟ19 มีการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ 3 ศูนย์วิจัยวัคซีน จุฬาฯ ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

"จุฬาคอฟ19 ตัวเลขอยู่ที่ 94% เท่ากับไฟเซอร์ 94%" ศ.นพ. เกียรติ กล่าว พร้อมเสริมว่า จุดตัดประสิทธิภาพวัคซีน ถ้าตัวใดเกิน 68% แปลว่า "น่าจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้" ศ.นพ. เกียรติ กล่าว และไม่พบว่ามีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ สำหรับการทดสอบนี้ แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับปริมาณโดสไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 10,25 และ 50 มิลลิกรัม

อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบนี้เป็นการนำผลข้างเคียงของวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์และเนเจอร์ ซึ่งเป็นทอป 5 อันดับของโลกมาเทียบเคียง โดยเป็นงานวิจัยคนละชิ้น ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบโดยตรงได้

นอกจากจุฬาฯ จะตรวจสอบผลประสิทธิภาพของวัคซีนในกลุ่มตัวอย่างเองแล้ว ผลประสิทธิภาพของวัคซีน ยังถูกนำไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาของมหาวิทยาลัยมหิดล ด้วย โดย  รศ.พญ.อรุณี ธิติธัญญานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาระดับโมเลกุล ได้ตรวจเชื้อไวรัสที่เพาะเลี้ยงแต่ละสายพันธุ์ เพื่อดูว่าภูมิคุ้มกันในเลือดสามารถจะยับยั้งไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ในหลอดทดลองที่ทำการศึกษาหรือไม่

"เปรียบเทียบเข็ม 1 กับเข็ม 2 ระหว่างจุฬาคอฟ19 กับ ไฟเซอร์ จะเห็นว่า 3 อาทิตย์ หลังฉีดเข็ม 1 ภูมิก็ใกล้เคียงกัน หลังฉีดเข็ม 2 ก็ใกล้เคียงกัน เพราะขนาดตัวอย่างไม่เยอะ ก็คืออยู่ที่ 4,500 ไตเตอร์ สำหรับจุฬาคอฟ และ 1,700 สำหรับไฟเซอร์" ศ.นพ.เกียรติ กล่าว

ส่วนประสิทธิภาพในการยับยั้งข้ามสายพันธุ์ วัคซีนจุฬาคอฟ19 ได้รับการทดสอบโดยห้องปฏิบัติการของ สวทช. ซึ่งทำการตรวจโดยเทคนิค  "สูโดไวรัส" ซึ่งการทดสอบนี้ได้ใช้เกณฑ์เทียบของออกซ์ฟอร์ด วัคซีน กรุ๊ป ซึ่งระบุไว้ว่าระดับประสิทธิภาพของวัคซีนที่น่าจะป้องกันอาการของโรคได้ 80% จะต้องมีค่าภูมิในน้ำเหลืองเกิน 185 ไตเตอร์ นั่นหมายความว่ายิ่งค่าไตเตอร์สูง ภูมิจะยิ่งสูง ซึ่งจากผลวัดระดับไตเตอร์ วัคซีนจุฬาคอฟ19 มีระดับภูมิ เมื่อทดสอบกับไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม 1,285 ไตเตอร์ สายพันธุ์เดลตา 977 ไตเตอร์ สายพันธุ์อัลฟา 964 ไตเตอร์ ขณะที่สายพันธ์ที่ค่าภูมิในน้ำเหลืองต่ำ ได้แก่ เบตา และแกมมา

ผลทดสอบของอาสาสมัครที่กล่าวมาข้างต้น เป็นกลุ่มอายุ 18-55 ปี ขณะนี้อาสาสมัครกลุ่มที่สอง อายุ 56-75 ปี อีก 36 คน ได้รับวัคซีนจุฬาเข็มที่ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม จะเริ่มระยะที่ 2A คือ การฉีดวัคซีนจุฬาคอฟ19 ในอาสาสมัครจำนวนมากขึ้น คือ 150 คน อายุตั้งแต่ 18-75 ปี

อย่างไรก็ตาม สำหรับการขึ้นทะเบียนเป็นวัคซีนเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ต้องรอกติกาที่ชัดเจนจากองค์การอาหารและยา (อย.) ที่จะออกมาภายในเดือนกันยายนนี้ ว่าการขึ้นทะเบียนจะต้องทำวิจัยในระยะ 2 B หรือระยะ 3 อย่างไร ซึ่งจะเป็นเกณฑ์สำหรับวัคซีนไทยที่กำลังพัฒนาอยู่ทั้งหมด 4 ทีม ในขณะนี้ หลังขึ้นทะเบียนแล้ว จุฬาคอฟ-19 มีพันธมิตรยุทธศาสตร์ฝ่ายผลิตคือ บริษัทไบโอเนทเอเชีย ซึ่งมีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นหลัก ผลิตวัคซีนมากว่า 10 ปี เชี่ยวชาญทั้ง mRNA วัคซีน และโปรตีนวัคซีน

ศูนย์วิจัยวัคซีน จุฬาฯ ตั้งเป้าการวิจัยและผลิตวัคซีน จุฬาคอฟ - 19 ในการเป็นวัคซีนเข็มสาม หรือเข็มกระตุ้นภูมิสำหรับคนไทย ซึ่งคาดว่าจะเป็นจริงในช่วงปลายไตรมาสแรกของปี 2565

อีกหนึ่งความหวังของคนไทย คือ  "วัคซีนใบยา"  ความคืบหน้าล่าสุด  ผู้ช่วยศาสตราจารย์เภสัชกรหญิง ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การทดสอบวัคซีนในคนระยะแรกจะเริ่มภายในเดือนกันยายนนี้ ขณะนี้บริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมพัฒนาวัคซีน รุ่นที่ 2 เพื่อบูสเตอร์โดสรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์อย่างเดลตา คาดจะทดสอบในคนช่วงเดือนธันวาคม และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด คาดว่าจะสามารถฉีดให้ประชาชนทั่วไปประมาณกลางปี 2565

ทั้งนี้ บริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการมาตั้งแต่ 3-4 ปี ที่แล้ว มีแพลตฟอร์มการผลิตโปรตีนด้วยพืชที่สามารถออกฤทธิ์ทางยาได้ ซึ่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ผลิตเป็นการพัฒนาเทคนิคการนำไปรตีนจากใบยาสูบสายพันธุ์ดั้งเดิมจากออสเตรเลีย เพื่อใช้เป็นยาซึ่งเป็นชิ้นส่วนโปรตีนของไวรัสโควิด-19 ที่ไม่สามารถไปแพร่เชื้อต่อได้ เมื่อฉีดวัคซีนใบยาเข้าไปในร่างกายจะช่วยกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา

การพัฒนาเทคนิคการได้ไปรตีนจากใบยาเป็นเทคโนโลยีที่มีมามากกว่า 15 ปีแล้ว และเคยทำสำเร็จในการรักษาโรคอีโบลาในอดีต สำหรับวัคซีนใบยามีแพลตฟอร์มการผลิตที่เหมือนกับวัคซีนโนวาแวกซ์ ของอเมริกาซึ่งใช้เซลล์แมลงในการผลิต แต่วัคซีนใบยาใช้ต้นพืชเป็นตัวผลิต

กระบวนการผลิตวัคซีนที่ใช้พืชสามารถผลิตเป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง และสามารถยกระดับจากการผลิตวัคซีนในห้องทดลองมาเป็นการผลิตวัคชีนระดับอุตสาหกรรมได้ทันที สำหรับวัคซีนจากใบยาครั้งนี้ คาดราคาประมาณ 300-500 บาทต่อโดส แต่ถ้าผลิตในปริมาณมากราคาก็จะลดลงไปอีกเนื่องจากต้นทุนต่ำ

ขณะเดียวกัน ยังมีข่าวคราวความคืบหน้าของวัคซีนชนิดพ่น โดย  ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา  ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และนักไวรัสวิทยา โพสเฟซบุ๊ก "Anan Jongkaewwattana" ว่า "วัคซีน COVID-19 ที่สร้างขึ้นจากอนุภาคไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza-based) Lot แรก ระดับ GMP ถูกผลิตขึ้นโดยทีมวิจัยขององค์การเภสัชกรรมแล้ว วัคซีน Lot นี้จะส่งไปทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลองที่ ม.นเรศวร ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อทำการทดสอบในมนุษย์ครับ วัคซีนสูตรนี้เป็นวัคซีนตัวที่สองของทีม สวทช. โดยตัวที่จะออกมาทดสอบก่อนจะเป็น Adenovirus-based ซึ่งได้ทำการทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลองไปแล้ว...วัคซีนทั้งสองชนิดออกแบบเป็นชนิดพ่นจมูกทั้งคู่...Product of Team Thailand ครับ"

 การแสวงหาโอกาสและทางเลือกใหม่ๆ เป็นความหวังของคนไทยในภาวะวิกฤตเช่นนี้นับเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็นอย่างยิ่ง
#3170


นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้แถลงข่าวประกาศแจ้งเตือนการชักชวนให้ลงทุนในระบบออนไลน์ที่มีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความชัดเจนและระมัดระวังในการเข้าร่วมลงทุนออนไลน์ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 (พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินฯ) จึงขอชี้แจงดังนี้

สืบเนื่องจากปัจจุบันมีกลุ่มบุคคลหรือบริษัทหลายแห่งได้จัดหาวิธีการหรือรูปแบบการระดมทุนในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อจูงใจให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมลงทุน อาทิ การชักชวนให้ลงทุนเก็งกำไรในอัตราแลกเปลี่ยน (Forex) การเล่นแชร์ออมเงินออมทอง แชร์บัตรเติมเงิน แชร์ลอตเตอรี่ หรือการซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่มีลักษณะเป็นการเน้นหาสมาชิกรายใหม่ให้เข้าร่วมลงทุน


กระทรวงการคลังจึงขอแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง เนื่องจากพฤติการณ์ดังกล่าวน่า​จะมีลักษณะเป็นการหลอกลวงและอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินฯ กล่าวคือ มีลักษณะของการโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชน โดยสัญญาว่าจะจ่ายหรืออาจจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราที่สูงจากการเข้าร่วมลงทุน จากนั้นก็ใช้วิธีการหมุนเวียนเงินจ่ายให้กับผู้ร่วมลงทุนโดยนำเงินจากผู้ร่วมลงทุนรายใหม่จ่ายคืนให้กับผู้ร่วมลงทุนรายต้นๆ โดยมิได้มีการประกอบกิจการที่ชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราที่สูงตามที่สัญญานั้นได้

ทั้งนี้ ประชาชนที่ถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนออนไลน์ ขอให้ตระหนักไว้ว่า ปัจจุบันได้มีกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาเพื่อหลอกลวงประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก หากร่วมลงทุนออนไลน์แล้วอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของท่านได้ ส่วนประชาชนที่ร่วมลงทุนออนไลน์แล้วเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินสามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ (เพื่อไม่ให้คดีขาดอายุความ) หรือส่งเรื่องร้องเรียนมาที่สำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่ง สศค. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
หากท่านมีข้อสงสัยประการใด สามารถสอบถามได้ที่ ส่วนป้องปรามการเงินนอกระบบ สำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง ถนนพระราม 6 เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 0 2169 7128 ถึง 36 ต่อ 153 - 160 หรือศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ โทร. 1359 หรือ e-mail 1359@mof.go.th
#3171


หญิงสาวญี่ปุ่นติดเชื้อโควิดระหว่างตั้งครรภ์ หาโรงพยาบาลรับรักษาไม่ได้ คลอดก่อนกำหนดที่บ้าน สุดท้ายต้องสูญเสียลูกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลก

ว่าที่คุณแม่ในวัย 30 ปีตั้งครรภ์ได้ 29 สัปดาห์ อาศัยในจังหวัดชิบะ ใกล้กรุงโตเกียว เธอถูกพบว่าติดเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม หน่วยงานสาธารณสุขประเมินอาการแล้วให้เธอพักรักษาตัวที่บ้าน

หลายวันต่อมา เธอพยายามร้องขอเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะอายุครรภ์มากแล้ว และกังวลว่าอาการจะทรุดลงอย่างกะทันหัน ส่งผลต่อทารกในครรภ์ แต่ไม่มีโรงพยาบาลแห่งไหนยอมรับตัว

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม เธอปวดท้องและตกเลือด จึงเรียกรถพยาบาลเพื่อร้องขอให้ผ่าคลอดโดยด่วน แต่ไม่สามารถหาสถานพยาบาลที่จะรับเธอเข้ารักษาได้ เธอคลอดที่บ้านในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ทารกที่คลอดก่อนกำหนดเสียชีวิตหลังจากคลอดได้ไม่นาน



โรงพยาบาลปฏิเสธถึง 3 ครั้ง

ในวันที่มีอาการรู้สึกว่าจะคลอด หญิงสาวรายนี้พยายามติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่ง แต่เธอถูกปฏิเสธถึง 3 ครั้ง แม้กระทั่งครั้งสุดท้ายที่เธอแจ้งว่าได้คลอดที่บ้านแล้ว ทารกยังหายใจอยู่ แต่โรงพยาบาลก็ยังปฏิเสธที่จะรับตัว

หน่วยงานสาธารณสุขในจังหวัดชิบะ ระบุว่า โรงพยาบาลที่รับผู้หญิงที่อยู่ใกล้คลอดและติดเชื้อไวรัสโควิด ต้องเตรียมการสำหรับการผ่าคลอด โดยต้องสามารถแยกตัวทารกได้โดยทันที ซึ่งหลายโรงพยาบาลไม่มีความพร้อมที่ทำเช่นนี้ได้ จึงต้องปฏิเสธที่จะรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล



ผู้หญิงท้องติดเชื้อเพิ่มเท่าตัว ส่วนใหญ่ยังไม่ได้วัคซีน

สมาคมสูตินรีแพทย์แห่งญี่ปุ่นระบุว่า เฉพาะในกรุงโตเกียว ในเดือนกรกฎาคม มีผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด 98 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึงเท่าตัว แพทย์ระบุว่า ผู้หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่จะอาการทรุดหนักได้ง่าย และไม่สามารถใช้ยาบางชนิดเพื่อรักษาโควิดได้ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ ผู้หญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ถึงคิวที่จะได้รับวัคซีน จึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น.
#3172


ททท.สนับสนุนผู้ประกอบการโรงแรมไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 เปิดโครงการ "Unseen New Series" อัดโปรโมชั่น "น้ำใจไทยช่วยไทย" ซื้อก่อนเที่ยวทีหลัง ช่วยเสริมสภาพคล่องธุรกิจ มอบส่วนลดโรงแรม-รีสอร์ตกว่า 50 แห่งทั่วไทยในราคาสุดอันซีน

พร้อมเตรียมเปิดตัว 25 แหล่งท่องเที่ยวใหม่ "Unseen New series" หลังรัฐบาลประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ หวังปลุกกระแสเที่ยวไทยฟื้นอีกครั้ง

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีการชะลอตัว โดยเฉพาะภาคธุรกิจโรงแรมของไทยอัตราการเข้าพักมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยครึ่งปีแรก มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพียง 12.20% เท่านั้น ส่งผลธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ประสบกับปัญหาการขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้ ททท.จึงได้มีนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการโรงแรมไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ผ่านแคมเปญ "Unseen New series" โดยแบ่งรูปแบบการส่งเสริมการท่องเที่ยวออกเป็น 2 ระยะ

โดยในระยะแรก ททท. ได้รวบรวมโรงแรม รีสอร์ตกว่า 50 แห่งทั่วประเทศในการจัดทำโปรโมชั่นพิเศษในโครงการ "Unseen New Series : น้ำใจไทยช่วยไทย" ในรูปแบบ "ซื้อก่อน เที่ยวทีหลัง" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยผู้ประกอบการในการเสริมสภาพคล่องธุรกิจ โดยททท. จะทำหน้าที่เสมือน Market Place ในการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในการประชาสัมพันธ์ ช่วยกระตุ้นการส่งเสริมการขายผ่าน Facebook Fan page : Amazing ไทยแลนด์ โดยผู้ที่สนใจสามารถจองได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ตุลาคม 2564  และสามารถเข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565 ทั้งนี้ รายละเอียดการจองและการเข้าพักเป็นไปตามเงื่อนไขที่แต่ละโรงแรมกำหนด

ยกตัวอย่างเช่น อนันตรา หัวหิน รีสอร์ท ราคาเริ่มต้นที่ 2,564 บาท/คืน อนันตรา บ่อผุด เกาะ สมุย รีสอร์ท ราคาเริ่มต้นที่ 3,000 บาท/คืน อวานี พลัส ไม้ขาว ภูเก็ต สวีทส์ แอนด์ วิลล่าส์ ห้องสวีทส์ 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้นที่ 1,999 บาท/คืน แคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 2,400 บาท เดอะ เฮเว่น เขาหลัก ราคาเริ่มต้นที่ 1,990 บาท/คืน พิเศษพัก 2 คืน รับเครดิตมูลค่า 500 บาทสำหรับอาหารเครื่องดื่มที่ห้องอาหารของโรงแรม โรงแรมทอแสง เฮอริเทจ โขงเจียม ราคา 2,250 บาท จากปกติ 4,500 บาท รอยัล ริเวอร์แคว รีสอร์ท แอนด์ สปา ราคาเริ่มต้นที่ 1,550 บาท เป็นต้น

นอกจากนี้ ททท.ยังจับมือกับ 3 พันธมิตร ประกอบด้วย สายการบินไทยสมายล์ รถเช่า Avis และ Agoda ในการจัดโปรโมชั่นพิเศษ ได้แก่ สายการบินไทยสมายล์มอบส่วนลดบัตรโดยสาร 200 บาท ทุกเส้นทาง ซื้อก่อนวันนี้ใช้ได้ถึงสิ้นปี 2564 *จำกัด 1,000 สิทธิ์เท่านั้น (ระยะเวลาในการจอง 16 สิงหาคม - 31 ตุลาคม 2564 เดินทางได้ตั้งแต่ 1 กันยายน – 31 ธันวาคม 2564) รถเช่า AVIS มอบส่วนลดสุดพิเศษราคาเริ่มต้นเพียง 590 บาททั่วไทย *ซื้อก่อนวันนี้ใช้ได้ถึงสิ้นปี 2564 *จำกัด 1,000 สิทธิ์เท่านั้น (ระยะเวลาในการจอง 16 สิงหาคม - 31 ตุลาคม 2564 เดินทางได้ตั้งแต่ 16 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2564) และ Agoda มอบส่วนลดโรงแรมที่พักทั่วไทยกว่า 50% (ระยะเวลาในการจอง 1 กันยายน - 31 ตุลาคม 2564 เข้าพักได้ตั้งแต่ 1 กันยายน – 31 มีนาคม 2565)

สำหรับในส่วนของระยะที่ 2 เมื่อสถานการณ์เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังรัฐบาลประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์  ททท. ได้ดำเนินการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวใหม่ทั่วประเทศไทย เพื่อเตรียมเปิดตัว 25 แหล่งท่องเที่ยวใหม่ "Unseen New Series" เพื่อปลุกกระแสการเดินทางภายในประเทศให้นักท่องเที่ยวได้ออกเดินทางครั้งใหม่ ในมุมมองที่ Amazing ยิ่งกว่าเดิม โดยใช้แหล่งท่องเที่ยวนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่/มุมมองใหม่ หรือแหล่งท่องเที่ยว Unseen เป็น Hotspot ให้เกิดการกระจายตัวการเดินทางท่องเที่ยว และเชื่อมไปยังแหล่งท่องเที่ยวหรือกิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ ชุมชน อาหารถิ่น ฯลฯ พร้อมทั้งสอดแทรกแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคม (Responsible Tourism) เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์จากการเดินทางท่องเที่ยวอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

"ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวไทยมีแนวโน้มพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป แต่ยังคงมีความต้องการเดินทาง ท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายภาวะความตึงเครียดจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รูปแบบการท่องเที่ยววิถีใหม่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจัดทำมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Amazing Thailand Safety and Health Administration (SHA) เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้สถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวร่วมกันยกระดับสินค้าและบริการตามมาตรฐาน SHA การรักษาระยะห่างทาง สังคม (Social Distancing) การเดินทางท่องเที่ยวในระยะใกล้ขึ้น การเดินทางโดยพาหนะส่วนตัว การใช้จ่าย ผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น หรือแม้กระทั่งการมองหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่ยังไม่มีความหนาแน่น ของนักท่องเที่ยว (Unseen Destination) รวมทั้งการให้ความสำคัญในเรื่องการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ต่อสังคมมากยิ่งขึ้น"
#3173


ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการบริหารทุน วว. และ กรรมการ ปณท. เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือ ระหว่าง ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) มุ่งศึกษา วิจัย พัฒนา นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าทุกรูปแบบ ผ่านช่องทางของไปรษณีย์ไทย ให้มีความแข็งแรง ทนทาน ได้มาตรฐาน ป้องกันความเสียหายของสินค้า ช่วยลดต้นทุนและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้รับสินค้า พร้อมรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งเป็นการเสริมแกร่ง เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย / ขนส่งสินค้า ให้แก่ผู้ประกอบการ OTOP วิสาหกิจชุมชน SMEs ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 อย่างเข้มแข็ง ด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 2 ปี โอกาสนี้ ดร.พัชรา มณีสินธุ์ รองผู้ว่าการบริการอุตสาหกรรม วว. และ ดร.อาภากร สุปัญญา รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และจัดการนวัตกรรม วว. ร่วมเป็นเกียรติด้วย ในวันที่ 18 สิงหาคม 2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์

ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า วว. มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา บริการวิเคราะห์ทดสอบ ด้านวิทยาศาสตร์และถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อยกระดับมาตรฐานสู่สากล รวมทั้งสร้างนวัตกรรมการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ในปัจจุบัน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มีบทบาทสำคัญยิ่ง ในการเข้าไปตอบโจทย์แก้ปัญหา รวมทั้งสร้างโอกาสผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง สอดคล้องกับบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดำเนินงานร่วมกับ วว. มาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือทั้งสองหน่วยงานมุ่งพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ขนส่งผ่านช่องทางไปรษณีย์ ดังนี้ 1.บรรจุภัณฑ์ที่มีความแข็งแรง ได้มาตรฐาน ช่วยป้องกันความเสียหายของสินค้า และมีต้นทุนการผลิตที่เหมาะสม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในการตลาดยุคอีคอมเมิร์ซ 2.บรรจุผลิตภัณฑ์ที่เสื่อมสภาพได้ง่าย หรือต้องการดูแลเป็นพิเศษ เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ ยา เวชภัณฑ์ และปลาสวยงาม เป็นต้น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจัดส่งในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม และ 3.การพัฒนามาตรฐานการใช้งานบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งผลิตภัณฑ์ ผ่านช่องทางไปรษณีย์ในประเทศ

นอกจากนี้จะมีการใช้ศักยภาพของหน่วยงานในการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายหรือขนส่งสินค้านวัตกรรม การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์ ให้กับผู้ประกอบการ OTOP วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SMEs ในเครือข่ายของทั้งสองหน่วยงาน ตลอดจนการส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าที่ ปณท วว. หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่นที่เป็นพันธมิตรของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า และอำนวยความสะดวกในการให้บริการ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการประกอบกิจการและการขยายกิจการของธุรกิจไทยด้วย

"วว. และ ปณท. จะดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ 2 ปี โดยมุ่งผลิตผลงานให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ช่วยเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบไทย ทั้งนี้ วว. โดย ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย เป็นหน่วยงานกลางของชาติด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์มาตรฐาน ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลระดับนานาชาติ เพื่อช่วยรักษาคุณภาพสินค้า ลดความสูญเสียของสินค้าจากการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออก ตลอดจนส่งเสริมให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ให้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป เพื่อยกระดับมาตรฐานการบรรจุหีบห่อของประเทศ วว. พัฒนาบรรจุภัณฑ์ซึ่งมีบทบาทในตลาดอีคอมเมิร์ซ และจะช่วยเสริมให้การดำเนินงานร่วมกันของ 2 หน่วยงานเข้มแข็งยิ่งขึ้น อาทิ กล่องขนส่งมะม่วงสำหรับจำหน่ายออนไลน์ขนาดบรรจุกล่องละ 5 กิโลกรัม กล่องเก็บกลิ่นทุเรียนล็อคกลิ่นได้ 100% กล่องบรรจุต้นไม้ ขนาด 20 x 20 x 50 ซม. เป็นต้น ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตร สร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการไทย พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอล" ผู้ว่าการ วว. กล่าว

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) กล่าวถึงภารกิจหลักของไปรษณีย์ไทย ในการให้บริการด้านการขนส่งที่มีความเชี่ยวชาญในการนำส่งพัสดุ สิ่งของ สินค้าต่างๆ ให้ถึงมือผู้รับครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทยมาอย่างยาวนาน นอกจากศักยภาพด้านการขนส่ง ไปรษณีย์ไทยยังให้ความสำคัญเรื่องของบรรจุภัณฑ์มาโดยตลอด ได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับสินค้าแต่ละประเภท เช่น บรรจุภัณฑ์สำหรับขนส่งต้นไม้ ผลไม้ตามฤดูกาล หรือปลาสวยงาม เป็นต้น เพื่อรองรับการขนส่งให้มีความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดความเสื่อมสภาพของสิ่งของที่บรรจุอยู่ภายใน ด้วยราคาคุ้มค่า คุ้มต้นทุน ช่วยให้ธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs ร้านค้าออนไลน์ ได้เติบโตขึ้น


ครั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยได้จับมือกับหน่วยงานที่แข็งแกร่งในด้านงานวิจัยและการพัฒนา ด้านวิทยาศาสตร์และถ่ายทอดเทคโนโลยี อย่าง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น ไม้ดอก ไม้ประดับ หรือ ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ ที่มีความจำเป็นและมีปริมาณการส่งจำนวนมากขึ้นในช่วงสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ โดยเราคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้บริการเป็นหลัก จึงได้มุ่งเน้นที่จะออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับการใช้งานให้มากที่สุด เพื่อช่วยคงสภาพสิ่งของในระหว่างการนำส่งให้มีความปลอดภัย รวมทั้งลดต้นทุนของผู้ส่งซึ่งส่วนใหญ่
#3174


"บล.กรุงศรี" คาดหุ้นไทยวันนี้ (20 ส.ค.) แกว่งตัว 1,535-1,555จุด ปัจจัยบวกวลับลบ แม้มีแรงเฟดลดคิวอีในปีนี้ -ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลง-ม็อบไล่รัฐบาลยืดเยื้อกดดันแต่ยอดผู้ติดเชื้อโควิดเริ่มทรงตัว ฉีดวัคซีนเร่งตัว หวังผ่อนคลายล็อกดาวน์หนุน

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (20 ส.ค.2564) คาดดัชนี SET แกว่งตัว 1,535 – 1,555 จุด จากปัจจัยบวกและลบที่คละเคล้าโดยภาวะตลาดมีแรงกดดันจาเฟด ส่งสัญญาณลดการใช้ คิวอีลงในปีนี้ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงและการชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตามยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเริ่มทรงตัวรวมถึงการฉีดวัคซีนที่เร่งตัวขึ้นจึงคาดหวังการผ่อนคลาย ล็อกดาวน์ ซึ่งช่วยหนุนเศรษฐกิจและภาวะการลงทุน


กลยุทธ์การลงทุน แนะเลือกลงทุน ( Selective Buy) เช่น กลุ่มส่งออก HANA KCE TU CPF GFPT ASIAN EPG NER อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า ,กลุ่มเดินเรือ PSL TTA RCL แนวโน้มค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น และกลุ่มเปิดเมือง AOT CPN CRC HMPRO AAV BA MINT CENTEL AMATA WHA 

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ EPG (ปิด 12.6 ซื้อ/เป้า 16 บาท) แนวโน้ม 2Q22 (ก.ค.- ก.ย.) ยังแกร่งต่อจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทั้ง 3 ธุรกิจ คือ ฉนวนกันความร้อน, ชิ้นส่วนรถยนต์ และ Packaging ขณะที่วันนี้ได้ Sentiment บวกจากเงินบาทอ่อนค่าและน้ำมันดิบร่วงแรงหนุนมาร์จิ้นเพิ่ม

และTMT (ปิด 11 ซื้อ/เป้า 12.5) ดักซื้อก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 ส.ค. ให้เงินปันผล 0.6 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield 5.5% ขณะที่แนวโน้ม 3Q21 ยังดีต่อเนื่องจากราคาเหล็กยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงและคาดว่าตลาดจะทยอยปรับเพิ่มคาดการณ์
#3175


นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT  เปิดเผยครึ่งปี 2564 คาดการณ์ว่า ความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้าภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ผลจากการเริ่มมีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย และมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐปี 2564 เพิ่มขึ้นถึงสองแสนกว่าล้านบาท โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเหนี่ยวนำการลงทุนภาคเอกชนให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกกว่าหนี่งแสนล้านบาท สำหรับการส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้า แม้ภาวะเศรษฐกิจโลก อาจจะยังค่อยๆ ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้น และมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีนโยบายที่จะรักษาฐานตลาดเดิม และมุ่งขยายฐานตลาดใหม่ในต่างประเทศ

"และในครึ่งปีหลังของปี 2564 บริษัทฯ คาดว่าจะเป็นอีกปีที่จะมีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในส่วนของผลิตภัณฑ์หม้อแปลงไฟฟ้าขยายตัวมากขึ้น บริษัท มีงานในมือ (Backlog) ณ.สิ้นมิถุนายน 2564 มูลค่า 1,151 ล้านบาทแล้ว แบ่งเป็นงานในภาครัฐบาลและเอกชน 1,022 ล้านบาท และ อีก 129 ล้านบาท จะเป็นงานภาคส่งออกต่างประเทศ" 

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ว่า บริษัทและบริษัทย่อย มีผลกำไรขาดทุนสุทธิ 3.18 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดบัญชีเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 80.05 ล้านบาท โดยมีมีรายได้จากการขาย 857.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 83.51 ล้านบาท หรือ 10.80 % ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้หม้อแปลงไฟฟ้า และบริษัทฯ มีรายได้จากการบริการ 69.30 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 3.46 ล้านบาท หรือ 5.25% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการบริการหม้อแปลงไฟฟ้า

ทั้ง้นี้บริษัทมีรายได้ตามสัญญาก่อสร้าง จากการดำเนินการของบริษัทย่อย 16.86 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 10.18 ล้านบาท หรือ 37.65% เนื่องจากสภาพการแข่งขันในช่วงโควิดสูงขึ้น ทำให้รายได้ของบริษัทย่อยลดลงบริษัทยังมีกำไรขั้นต้นจากการขาย 18.52 % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีอัตรากาไรขั้นต้นเท่ากับ 13.53 % เนื่องจากในไตรมาสนี้ส่งมอบงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยเฉพาะธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า และยังมีกำไรขั้นต้นจากการบริการ 48.44 % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36.99 % ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของการบริการหม้อแปลงไฟฟ้า
#3176


"วันสารทจีน 2564" เป็นวันที่ลูกหลานแดนมังกรจะตั้งโต๊ะอาหารคาวหวานเพื่อไหว้ผีบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูและเป็นนัยว่าทำบุญส่งมอบอาหารไปถึงญาติผู้ล่วงลับให้ได้กินอิ่มหนำอีกครั้งในช่วงปลายปี (หลังจากที่ไหว้บรรพบุรุษไปแล้วในวันตรุษจีนช่วงต้นปี) และเมื่อพูดถึงการซื้อ  "ของไหว้"  สำหรับวันสารทจีนในปีนี้อาจจะไม่คึกคักเหมือนปีที่ผ่านๆ มา เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดที่ทำให้สภาพเศรษฐกิจฝืดเคืองกว่าทุกปี 


แต่ไม่ว่าจะฝืดเคืองอย่างไร บางครอบครัวก็ยังคงสืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติในการไหว้  "สารทจีน"  เอาไว้เหมือนทุกปี แต่ปีนี้อาจจะต้องมีเทคนิคในการซื้อของไหว้ให้ประหยัด และงบไม่บานปลายกันหน่อย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รวบรวมทริกดีๆ สำหรับการซื้อของไหว้ให้ครบและคุ้มค่า รวมถึงแนะนำวิธีการตั้งโต๊ะไหว้ว่าต้องทำอย่างไร เตรียมของไหว้อะไร และไหว้เวลาไหนบ้าง? มาเช็คลิสต์ทางนี้...

1. เตรียมของไหว้มงคล "วันสารทจีน" 2564

ตามคติความเชื่อของชาวจีน (และชาวไทยเชื้อสายจีน) เวลาถึงวันสำคัญประจำปีที่จะต้องมีการตั้งโต๊ะไหว้เจ้า ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือไหว้บรรพบุรุษก็ตาม "ของไหว้"  เหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นของคาว ของหวาน หรือผลไม้ จะต้องมีความหมายมงคล ตามความเชื่อที่ว่าเมื่อไหว้ด้วยสิ่งของมงคลแล้ว ความดีอันเป็นมงคลทั้งหลายก็จะตกแก่ผู้ไหว้ ทำให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้า ราบรื่น ค้าขายรุ่งเรืองเฟื่องฟู เป็นต้น

สำหรับ "ของไหว้" ที่ต้องใช้ในไหว้บรรพบุรุษในวัน "สารทจีน"  จะมีความคล้ายคลึงกับของไหว้ในวันตรุษจีน โดยจะใช้ทั้งของคาวจำพวกเนื้อสัตว์ที่มีความหมายมงคล ขนมมงคล และผลไม้มงคล ดังนี้

'สารทจีน' ความหมาย 'มงคล' ของไหว้ และไหว้อะไรบ้าง
'สารทจีน' VS 'ตรุษจีน' ลูกหลานแดนมังกรรู้ไหมต่างกันยังไง?

- เนื้อสัตว์ : เนื้อสัตว์ 3 อย่าง  (ซาแซ)  หรือเนื้อสัตว์ 5 อย่าง  (โหงวแซ) ต้องเลือกซื้อเนื้อสัตว์ที่มีความหมายมงคล  เช่น เป็ดพะโล้ต้ม ไก่ต้ม หมูสามชั้นต้ม หมูกรอบ ขาหมู ปลานึ่ง  กุ้งต้ม เป็นต้น ส่วนเนื้อสัตว์ที่้ไม่ควรนำมาเป็นของไหว้คือเนื้อวัวและเนื้อแพะ

- ผลไม้ :  ถัดมาก็ต้องเตรียมผลไม้มงคล 3 (ซาก้วย) หรือผลไม้มงคล 5 อย่าง (โหงวก้วย) ก็ได้ โดยต้องเลือกผลไม้ที่มีความหมายมงคลเช่นกัน ได้แก่ แอปเปิ้ลแดง ส้ม สาลี่ ลูกพลับ องุ่นแดง แก้วมังกร  สับปะรด กล้วยหอมทอง  ทับทิม  เป็นต้น  สังเกตว่าจะเน้นผลไม้สีแดงและสีเหลืองทอง ซึ่งชาวจีนเชื่อกันว่าเป็นสีแห่งความเฮงและความโชค ส่วนผลไม้ที่ไม่ควรนำมาเป็นของไหว้คือ ผลไม้ที่มีสีดำ เช่น องุ่นดำ เป็นต้น

- ขนม :  ส่วนขนมที่ขาดไม่ได้ในการไหว้สารทจีนก็คือ  "ขนมเข่ง"  ส่วนขนมเทียนและขนมเปี๊ยะนั้นจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ และข้อสำคัญคือช่วงสารทจีนไม่นิยมใช้ขนมจันอับมาไหว้บรรพบุรุษ


2. เลือกซื้อ "ของไหว้" สุดประหยัดจัดได้ครบ!

อย่างที่บอกไปว่าปีนี้เกิดวิกฤติโรคระบาดโควิด ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคือง การจับจ่ายหาซื้อ "ของไหว้"  ปีนี้จึงต้องประหยัดงบเข้าไว้ สำหรับวิธีการเลือกซื้อของไหว้สำหรับวัน  "สารทจีน"  นั้นก็คือ เน้นซื้อให้ครบทั้ง 3 หมวด คือ ของคาว ขนม และผลไม้ แต่ให้ลดปริมาณลง แม้ว่าตามความเชื่อของลูกหลานแดนมังกร เวลาจะซื้อเนื้อสัตว์ที่เป็นของไหว้ต้องซื้อให้เต็มทั้งตัวก็ตาม  แต่ยังไงก็ควรจับจ่ายตามความสะดวกและตามกำลังทรัพย์ของแต่ละบ้านมากกว่า

วิธีเลือกซื้อเนื้อสัตว์มงคล : เปลี่ยนจากซื้อเป็ดต้มและไก่ต้มทั้งตัว เป็นซื้ออย่างละครึ่งตัว เปลี่ยนจากซื้อขาหมูทั้งขา เป็นสามชั้นต้ม 1 ชิ้น และซื้อของทำกับข้าวที่บรรพบุรุษชอบทานอีกสัก 2-3 อย่าง

วิธีเลือกซื้อผลไม้มงคล : ซื้อแค่ 3 ชนิดก็เพียงพอแล้ว เช่น แอปเปิ้ลแดง สาลี่ กล้วยหอม

วิธีเลือกซื้อขนมมงคล : เน้นขนมเข่ง ขนมเทียนเป็นหลัก ส่วนขนมอื่นๆ ไม่ต้องก็ได้ และอย่าลืมถ้วยน้ำชาและชามข้าวสวยตามจำนวนญาติผู้ล่วงลับที่จะไหว้

ซื้อของจำเป็นอื่นๆ : กระดาษเงินกระดาษทอง กงเต๊ก ชุดเสื้อผ้ากระดาษ เล็กๆ น้อยๆ พอเป็นพิธีสำหรับเผาส่งไปให้ผู้ล่วงลับ


3. วิธีตั้งโต๊ะไหว้ "สารทจีน" 3 ครั้ง  พร้อมเวลาไหว้

ส่วนการจัดโต๊ะไหว้  "สารทจีน"  นั้นจะแบ่งการไหว้ออกเป็น 3 ครั้ง โดยแบ่งออกเป็น

-  ตั้งโต๊ะไหว้เจ้าที่ : ไหว้กันในตอนเช้า ไม่เกินเที่ยงวัน โดยต้องเตรียมทั้งของคาว ขนม และผลไม้ โดย "ของไหว้"  ที่ต้องมีในการไหว้ช่วงนี้คือ ขนมเทียน ขนมเข่ง และต้องแต้ม จุดสีแดง ไว้ตรงกลาง เนื่องจากความเชื่อของชาวจีนที่ว่าสีแดงเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคล นอกจากนั้นก็มี น้ำชา หรือ เหล้าจีน และ กระดาษเงินกระดาษทอง

วิธีไหว้ :  จัดอาหารมงคลเหล่านี้ไว้บนโต๊ะ จุดธูป 5 ดอกยกขึ้นไหว้พร้อมตั้งจิตอธิษฐาน จากนั้นพอไหว้เสร็จก็เผากระดาษเงินกระดาษทอง

-  ตั้งโต๊ะไหว้บรรพบุรุษ :  ไหว้ช่วงสายๆ และไม่เกินเที่ยงวันเช่นกัน โดยใช้ชุดของคาว ขนม ผลไม้ เหมือนกับที่ไหว้เจ้าที่ และให้เพิ่มอาหารเมนูโปรดของเหล่าบรรพบุรุษเข้ามา และให้จัดชามข้าวสวย ถ้วยน้ำชา เก้าอี้ ตามจำนวนของบรรพบุรุษที่จะไหว้ด้วย ขณะที่ไหว้ก็สามารถเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษ ชุดกงเต็ก ฯลฯ ไปพร้อมๆ กันเลยก็ได้ 

วิธีไหว้ :  จัดอาหารมงคลเหล่านี้ไว้บนโต๊ะ ไหว้บรรพบุรุษที่เสียนานแล้วใช้ธูป 3 ดอก สำหรับบรรพบุรุษที่เพิ่งเสียได้ไม่นานใช้ธูป 1 ดอก


-  ตั้งไหว้ผีไม่มีญาติ สัมภเวสี  :  ไหว้ช่วงบ่ายแก่ๆ ถือเป็นการให้เกียรติผู้อื่นของคนจีน และเป็นการให้ทาน โดยการทำเช่นนี้เชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ไหว้ทำการงานลื่นไหลไม่ติดขัด ค้าขายดี มีความเจริญรุ่งเรือง

วิธีไหว้ :  ต้องจัดโต๊ะไหว้บริเวณนอกตัวบ้าน ของไหว้จะมีทั้งของคาว ขนมหวาน และผลไม้ ตามต้องการ ที่พิเศษคือต้องมีข้าวคลุกกระเทียมเจียวแบบจีนโบราณ  เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง ให้เจ้าบ้านจุดธูปจำนวนมากไหว้ แล้วปักธูปที่อาหารหรือภาชนะอย่างละ 1 ดอก ส่วนคนอื่นๆ ในบ้านใช้ธูปเพียงดอกเดียวไหว้ เมื่อธูปหมดดอกต้องจุดประทัดเพื่อไล่ผีที่มาร่วมกินอาหารให้เตลิดไป และใช้ไล่สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ให้พ้นไปด้วย
#3177


ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการตรวจพบโควิดบนบรรจุภัณฑ์ทุเรียนไทยในมณฑลเจียงซี ซึ่งเป็นการสุ่มตรวจเชื้อตามปกติในพื้นที่ และส่งผลให้สำนักงานป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แขวงซงโจว เขตไป๋หยุน นครกว่างโจว ออกประกาศเกี่ยวกับการระงับทุเรียนไทยที่มีแหล่งผลิตในบางพื้นที่ของไทย ไม่ให้เข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ซึ่งมีตลาดเจียงหนานเป็นตลาดค้าส่งขนาดใหญ่และตลาดอื่น ๆ เนื่องจากพบความเชื่อมโยงจากกรณีของมณฑลเจียงซี  จึงได้มอบหมายให้ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบประเด็นดังกล่าว โดยสั่งการให้ทูต/กงสุลเกษตรในจีนประสานงานแก้ไขปัญหาและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง จนมีการยกเลิกประกาศฯ สามารถปลดล็อคการระงับการจำหน่ายในตลาดเจียงหนาน นครกว่างโจวได้สำเร็จ



ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ตลาดค้าส่งผักและผลไม้เจียงหนาน นครกว่างโจว ซึ่งเป็นตลาดผักผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของจีน ได้ออกประกาศการกลับมาดำเนินการปกติ ไม่มีการห้ามสินค้าผลไม้ไทยมาจำหน่ายในตลาด แต่จะอนุญาตให้สินค้าผลไม้ที่มีรับรองครบเท่านั้นถึงจะเข้าตลาดได้ คือ ใบรับรองการผ่านพิธีการศุลกากร ใบตรวจสอบกักกัน ใบรับรองการฆ่าเชื้อ และผลการตรวจโควิด ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกอบการอย่าหลงเชื่อข่าวลือ (fake news)


นอกจากนี้ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เตรียมนัดหมายหารือทวิภาคีกับฝ่ายจีนเพื่อหารือร่วมกันแก้ไขปัญหาและผลักดันผลไม้ไทยสู่ตลาดจีน พร้อมทั้งได้แจ้งให้ผู้ประกอบการและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องของไทยเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันเชื้อโควิดปนเปื้อนในผลไม้ไทยส่งออก ต้องทำการฆ่าเชื้ออย่างรัดกุมและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าสินค้าเกษตรไทยมีมาตรการคุมเข้มการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิดตั้งแต่ต้นทาง

 


นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงระบาดในไทยและหลายประเทศทั่วโลก ประกอบกับไทย  ยังมีอัตราผู้ติดเชื้อ    ในประเทศสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายต่างเกิดความกังวลนั้น

 ในส่วนของสินค้าเกษตรทั้งในประเทศและสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก  ทาง ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเข้มงวดในมาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อของสินค้าเกษตรในทุกกระบวนการให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ  โดยมีการกำชับและคุมเข้ม ครอบคลุมในทุกมาตรการ ตั้งแต่มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันสำหรับเกษตรกรในการดูแลตนเอง การทำความสะอาดพื้นที่และสวนเกษตร

 

 มาตรการสำหรับผู้ประกอบการสถานประกอบการโรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) และมาตรการสำหรับผู้ปฏิบัติงาน ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเกษตร  มีการเฝ้าระวัง ตั้งแต่การพ่นยาฆ่าเชื้อตั้งแต่ต้นทางจากสวน จนถึงระบบขนส่ง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ภายในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชของกรมวิชาการเกษตร ติดตามกำกับดูแลที่โรงคัดบรรจุให้ปฏิบัติตามมาตรการ และตรวจสอบใบรับรอง GAP และศัตรูพืช เพื่อออกใบรับรองสุขอนามัยพืชให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกอย่างเคร่งครัด โดยยึดตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO)  และ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)

ขณะที่ด้านปศุสัตว์ ได้เน้นย้ำมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ โดยกรมปศุสัตว์ กรมควบคุมโรค ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ และผู้ประกอบการ มีมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในโรงงาน และตรวจสอบประสิทธิภาพในการควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการเก็บสินค้าตัวอย่าง หากพบมีความเสี่ยงหรือปนเปื้อนเชื้อ กรมปศุสัตว์จะไม่อนุญาตให้ทำการจำหน่ายหรือส่งออกในทันที นอกจากนี้   จากที่โรงานผลิตมีขอบเขตพื้นที่ชัดเจน ดังนั้น หากพบการติดเชื้อของพนักงานในโรงงาน จะสามารถคัดแยกผู้ติดเชื้อออกได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นไปตามแนวทางบับเบิลแอนด์ซีล (Bubble and Seal) ของกรมควบคุมโรค



สำหรับสินค้าประมง กรมประมงได้เข้มงวดระบบการควบคุมตรวจสอบ ตั้งแต่ต้นทาง เช่น เรือประมง มีการผ่านการตรวจสอบ มาตรฐานสุขอนามัย มีมาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งจะต้องได้มาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี (GAP) โดยสินค้าประมงส่งออก     มีการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยตลอดสายการผลิต ตั้งแต่วัตถุดิบที่นำเข้าโรงงาน กระบวนการในการแปรรูป การบรรจุ              ตามมาตรฐาน Good Man.cturing Practice หรือ GMP และ Hazard Analysis Critical Control Point หรือ HACCP เพื่อให้ ระบบคุณภาพของโรงงานและผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานสากล  นอกจากนี้ กรมประมงได้ร่วมกับผู้ประกอบการ กำหนดมาตรการ ในการเฝ้าระวัง ติดตามและดูแลแรงงานในสถานประกอบการตามมาตรฐานการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทางกระทรวง สาธารณสุขกำหนดไว้ทั้งมาตรการ Bubble and seal และอื่นๆ ที่จำเป็น


"ผมขอเรียนให้ประชาชนผู้บริโภคสินค้าเกษตร ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คลายความกังวลและสบายใจได้ว่า             กระบวนการผลิตสินค้าเกษตรไทย ปราศจากการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19  โดยหลายประเทศ ในขณะนี้ ได้ยกระดับมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 ในสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก สินค้านำเข้าจะต้องมีการฆ่าเชื้อบรรจุภัณฑ์ก่อนเข้าสู่ตลาดในประเทศต่าง ๆ และตรวจถูกตรวจเพื่อหาเชื้อโควิด-19"

 ซึ่งปลัดกระทรวงเกษตรฯ ได้สั่งการและกำชับให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ เข้มงวดตลอดสายการผลิตให้มากยิ่งขึ้น มีการสุ่มเก็บตัวอย่างสินค้า ทั้งกลุ่มพืช ไม้ผล ปศุสัตว์ ประมง เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อน อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่พบการปนเปื้อนของเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใดในกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร นอกจากนี้            ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการทุกท่าน ควบคุม กำกับดูแล ป้องกันการปนเปื้อนของเชื้ออย่างเข้มงวดให้มากกว่าเดิม ทั้งนี้ หากมีการตรวจพบเชื้อปนเปื้อนในกระบวนการผลิต กระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพณิชย์ กระทรวงแรงงาน และผู้ประกอบการ เราจะร่วมมือกันในการตรวจสอบย้อนกลับ ถึงสาเหตุการปนเปื้อนอย่างเร่งด่วนและเร่งแก้ปัญหาในทันที" 
#3178


ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซถือเป็นอีกช่องทางที่เปิดกว้างสำหรับผู้ขาย ไม่จำกัดเรื่องอายุ เพศ หรือการศึกษา ทุกคนสามารถสร้างอาชีพและมีรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ ลาซาด้าในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้ขายให้สามารถสร้างธุรกิจและประสบความสำเร็จผ่านแพลตฟอร์มของลาซาด้า โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างโอกาสและช่องทางหารายได้ตั้งแต่วัยรุ่น จึงเปิดตัวโครงการ "Lazada Young Millionaires Club ปลุกฝันปั้นแสนแรกกับลาซาด้า" ผลักดันคนรุ่นใหม่ให้สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ สร้างรายได้หลักแสนด้วยตัวเอง เพื่อต่อยอดเป็นเจ้าของธุรกิจหลักล้านในอนาคต อีกทั้งยังติดอาวุธการตลาดออนไลน์ให้วัยรุ่นรวยเงินแสนได้อย่างรวดเร็วแบบไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย

นายวีระพงศ์ โก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า "ในสถานการณ์ปัจจุบัน ช่องทางออนไลน์ถือเป็นช่องทางที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ ที่ผ่านมาเราได้เห็นความฝันของคนรุ่นใหม่มากมาย โดยเฉพาะการเป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์ เราจึงอยากผลักดันความฝันของคนเหล่านั้นให้สำเร็จ ด้วยการต่อยอดโครงการในปีก่อน นั่นคือ "Lazada Millionaires Club" มาเป็น "Lazada Young Millionaires Club" ในปีนี้ โดยมุ่งถ่ายทอดเคล็ดลับความสำเร็จสู่กลุ่มวัยรุ่นที่ฝันอยากจับเงินแสนบาทแรก เพื่อตั้งต้นสู่ธุรกิจหลักล้าน โดยสามารถเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองกับลาซาด้า ที่ทั้งสมัครง่ายและมี Lazada University คอร์สถ่ายทอดทุกกลยุทธ์การตลาดออนไลน์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมทั้งเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยสนับสนุนการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้เลือกใช้ และแคมเปญหลากหลาย โดยเฉพาะลาซาด้า 9.9 ลดอลัง ปังทุกแบรนด์ ที่กำลังจะมาถึงนี้ ถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่เริ่มต้นสร้างรายได้ และลาซาด้ายังมีแคมเปญโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายให้ร้านค้าสามารถเข้าร่วมได้ตลอดทั้งปี ทั้งหมดนี้เพื่อให้ผู้ขายวัยรุ่นสามารถเติบโตในธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างมั่นคง"



โดย Lazada Young Millionaires Club เผย How-to พิชิตเงินแสนแรกกับลาซาด้า ชวนคนรุ่นใหม่ปลุกฝันสร้างโอกาสและรายได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ทำได้ ดังนี้
• สมัครเปิดร้านค้าออนไลน์ผ่าน Lazada Seller Center เพียงแค่ 5 นาที ก็เริ่มต้นการทำธุรกิจออนไลน์บนแพลตฟอร์มลาซาด้า สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ได้ง่ายๆ
• พร้อมลุยตลาด ด้วย Lazada University คอร์สออนไลน์สอนเทคนิคการขายของออนไลน์แบบครบวงจร เรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
• จัดเต็มด้วย Lazada Sponsored Solutions เครื่องมือช่วยขาย โซลูชั่นทางการตลาดให้ผู้ขายเจาะกลุ่มลูกค้าได้แม่นยำ ช่วยเพิ่มการมองเห็นและกระตุ้นยอดขายสำหรับธุรกิจออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพดันยอดให้พุ่งผ่านแคมเปญ ซึ่งลาซาด้ามีแคมเปญให้ร่วมได้ตลอดทั้งปี มาเริ่มจับแสนแรกไปกับแคมเปญลาซาด้า 9.9 ลดอลัง ปังทุกแบรนด์ ที่กำลังจะมาถึงนี้ได้เลย



พิเศษไปอีกขั้นกับโปรโมชั่นร้านใหม่ ติดเทอร์โบ เปิดร้านกับลาซาด้าในเดือนสิงหาคม รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ
• คูปองส่วนลดกระตุ้นยอดขายจากลาซาด้า ส่วนลดสูงสุด 50% และส่วนลด 120 บาท
• คูปองส่งฟรีจากลาซาด้า ส่วนลดค่าขนส่งมูลค่าสูงสุด 30 บาท
• ทีมงานดูแลร้านค้าแบบพิเศษส่วนตัวเป็นเวลา 30 วัน
• แคมเปญลาซาด้าช่วยไทย

นอกจากนี้ลาซาด้ายังผนึกกำลังกับรายการ "อายุน้อยร้อยล้าน" ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ที่สนใจเปิดร้านค้าออนไลน์ พร้อมแชร์ประสบการณ์ตรงจากผู้ขายรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง ปลุกฝันปั้นแสนแรกได้สำเร็จจาก Lazada Young Millionaires Club เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 20 สิงหาคมนี้ โดยสามารถติดตามเรื่องราว และแรงบันดาลใจดีๆ จากผู้ขายของลาซาด้า ที่ https://www.facebook.com/Ryounoi100lan
#3179


นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลังว่า จากความคืบหน้าในการกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 ในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมในระดับที่มีภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 นี้ จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่า COVID-19 สายพันธ์เดลต้าที่กำลังระบาดในบางประเทศขณะนี้ อาจส่งผลให้แผนการเปิดประเทศล่าช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนแต่แนะนำให้นักลงทุนทำการลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยแนะนำให้มีการกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายสินทรัพย์เพื่อเป็นการลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนโดยรวม ด้วยการจัดพอร์ตการลงทุนในรูปแบบ Risk Target Fund ตามระดับความเสี่ยง

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แนะนำกองทุนผสมจำนวน 3 กองทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์โดยคำนึงถึงระดับความเสี่ยงของตนเอง และสามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว กองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนในตราสารที่หลากหลาย อาทิ ตราสารหนี้ หุ้น เงินฝาก กองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ พร้อมทั้งกำหนดมูลค่าความเสี่ยง (VaR หรือ Value-at-Risk) ให้อยู่ในกรอบที่กำหนด โดยทั้ง 3 กองทุนนี้ ประกอบด้วย

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สมาร์ทแพลน 2 (SCBSMART2) จัดสรรสินทรัพย์โดยควบคุมมูลค่าความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่กำหนดประมาณ -5% ต่อปี กองทุนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 25% และลงทุนเฉพาะในประเทศไทย โดยกองทุนนี้ได้เปิดให้นักลงทุนได้ลงทุนได้เลือกลงทุนถึง 3 Share Class ได้แก่ 1) SCBSMART2 - ชนิดจ่ายเงินปันผล 2) SCBSMART2A - ชนิดสะสมมูลค่า และ 3) SCBSMART2-SSF – ชนิดกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการลงทุน ซึ่งรวมถึงการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากการลงทุน 

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สมาร์ทแพลน 3 (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBSMART3) จัดสรรสินทรัพย์โดยควบคุมมูลค่าความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ประมาณ -10% ต่อปี กองทุนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 34% รวมทั้งยังมีการลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 35% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน SCBSMART3 จัดเป็นกองทุน 4 ดาว ประเภท Thailand Fund Moderate Allocation ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2564)

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สมาร์ทแพลน 4 (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBSMART4) จัดสรรสินทรัพย์โดยควบคุมมูลค่าความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ประมาณ -15% ต่อปี กองทุนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 43% รวมทั้งยังมีการลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 36% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน SCBSMART4 จัดเป็นกองทุน 5 ดาว ประเภท Thailand Fund Moderate Allocation ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2564) ทั้งนี้ กองทุน SMART3 และกองทุน SMART4 อาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ณ ขณะใดขณะหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงแรกความกังวลต่อการระบาดของ COVID-19 รวมถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าจะมีอิทธิพลต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังคงทรงตัวในระดับสูง ซึ่งทำให้เกิดการปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อป้องกันการติดเชื้อของประชากรที่เพิ่มขึ้นจนระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับได้ ในขณะที่การกระจายการฉีดวัคซีนยังคงล่าช้าทำให้โอกาสการกลับมาเปิดประเทศในช่วงปลายปียังมีความท้าทายอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนก.ค.การฉีดวัคซีนจะมีการเร่งตัวขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ติดเชื้อภายในประเทศมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป และคาดว่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกให้กับตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในเรื่องการลดวงเงินอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ สงครามทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ และเสถียรภาพของรัฐบาลจากการชุมนุมประท้วงที่เพิ่มขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

สำหรับตราสารหนี้ เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาวได้ปรับลดลงมาค่อนข้างมาก โดยล่าสุดอยู่ในกรอบประมาณ 1.3 – 1.4% ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนระยะยาวอาจปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน FED เริ่มพิจารณาการลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ (QE) และแนวโน้มการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศหลัก ๆ มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นและยังคงเป็นปัจจัยบวกในระยะถัดไป

ในส่วนของตลาด REITs และ Infra จะสามารถกลับมา outperform ตลาดหุ้นโลกด้วยธีม recovery จากภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นจากปัจจัยหลัก ๆ อาทิเช่น การเปิดเมืองในบางประเทศที่มีแนวโน้มเป็นไปค่อนข้างเร็ว รวมถึงผลประกอบการของ REIT ทั่วโลกที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 ปี 2563 กำลังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง เห็นได้จากการปรับประมาณการ Earnings ของ REIT ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นหลังจากเริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown เป็นต้น
 
#3180


เช็คด่วน! ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นัดลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนโควิด สำหรับบุคคลธรรมดาทั่วไป 20,000 ราย ที่ยังไม่ได้เข็มแรก

เช้าวันนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประกาศแจ้งเปิดลงทะเบียนขอรับการจัดสรรวัคซีนหลัก สำหรับบุคคลธรรมดา

ขอเชิญประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 มาก่อน ลงทะเบียนและจองคิวนัดหมายการฉีดวัคซีนโควิด-19 หลัก AstraZeneca และ Sinovac (เข็มที่ 1) ณ ศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ CAT Convention Hall ถนนแจ้งวัฒนะ

ลงทะเบียนนัดหมายการฉีดวัคซีน คลิกที่นี่ 

กำหนดการนัดฉีดตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม – 3 กันยายน 2564

เปิดลงทะเบียน วันพุธที่ 18 สิงหาคม 2564 เวลา 9.09 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะเต็มจำนวน (ประมาณ 20,000 ราย)


เงื่อนไขจองฉีดวัคซีนโควิด

ผู้ลงทะเบียนต้องระบุเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน หรือเลขที่หนังสือเดินทาง หรือเลขที่บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ไม่มีนโยบายให้ฉีดวัคซีนสลับชนิดกัน เนื่องจากเป็นวัคซีนที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน
ผู้ลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนหลักกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ไม่สามารถเลือกชนิดของวัคซีนได้ โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะให้บริการตามโควต้าวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรมาจากกระทรวงสาธารณสุข
ผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จ และได้วัน-เวลานัดหมายเข้ารับวัคซีนแล้ว กรุณาเตรียม QR Code ที่ได้รับจากระบบ พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อนำมาใช้เช็กอินในวันนัดฉีดวัคซีน
เข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ที่ "ศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ CAT Convention Hall ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 7 กรุณามาตรงตามเวลาที่ลงนัด หรือมาก่อนเวลาไม่เกิน 15 นาที เพื่อลดความแออัดในพื้นที่การให้บริการ