• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - kaidee20

#3161


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สุดยอดดาวยิงชาวโปรตุกีส กลับสู่บ้านหลังเก่าอีกครั้ง ก่อนจะมีคำถามตามมาว่าเจ้าตัวจะยังสามารถใส่เสื้อหมายเลข 7 ได้หรือไม่ ในเมื่อเบอร์นี้มีนักเตะรุ่นใหญ่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

โรนัลโด้ แจ้งเกิดเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกในช่วงเวลาที่อยู่กับ แมนฯยู ปี 2003-2009 โดยสวมเสื้อหมายเลข 7 สืบทอดตำนานอย่าง จอร์จ เบสต์, เอริค คันโตน่า, เดวิด เบ็คแฮม ก่อนยิงประตูถล่มทลาย 118 ประตู และมีฉายาว่า "CR7" ที่กลายเครื่องหมายการค้าในเวลาต่อมา

นักเตะวัย 36 ปี สวมเสื้อเบอร์ 7 กับทุกทีมที่ย้ายไปทั้ง รีล มาดริด, ยูเวนตุส รวมถึงทีมชาติโปรตุเกส จนกลายเป็นภาพจำของแฟน.ไปแล้ว ทว่าการกลับมาถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในยามนี้ โรนัลโด อาจจะไม่ได้สวมเสื้อเบอร์เอกลักษณ์นี้ด้วยเหตุผลบางประการ

เพราะว่าเบอร์ 7 ของ "ผีแดง" คนปัจจุบันคือ เอดินสัน คาวานี ดาวยิงตัวเก๋าชาวอุรุกวัย ซึ่ง แมนฯยู ได้ส่งรายชื่อนักเตะและเบอร์เสื้อไปยืนยันกับ พรีเมียร์ ลีก เรียบร้อยแล้ว ทำให้ตามกฎแล้วยอดแข้งบัลลง ดอร์ 5 สมัย หมดสิทธิ์ใช้เสื้อหมายเลข 7 ไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม โรนัลโด้ จะใส่เบอร์ 7 ได้ต่อเมื่อมี 2 กรณี คือ 1. คาวานี ย้ายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ ซึ่งจะทำให้เสื้อเบอร์ 7 ว่างลง และ 2. แมนฯยู ต้องยื่นเรื่องไปที่คณะกรรมการ พรีเมียร์ ลีก เพื่อขอเปลี่ยนแปลงเบอร์เสื้อ ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีทีมใดทำแบบนี้ แต่หากฝ่ายผู้คุมกฎอนุมัติเป็นกรณีพิเศษ โรนัลโด้ ก็จะได้ใส่เบอร์ 7 สมใจ

คาวานี ปัจจุบันกลับมาซ้อมกับ แมนฯยู แล้ว แต่ยังไม่ได้ลงสนามสักเกม ซึ่งทางสโมสรคงมีการพูดคุยเรื่องนี้กับเจ้าตัวไว้แล้ว แต่อยู่ที่ว่าหัวหอกชาวอุรุกวัย จะตัดสินใจอย่างไร

ทั้งนี้ สมัยย้ายไปอยู่ รีล มาดริด ปีแรก โรนัลโด้ ก็ไม่ได้ใส่เสื้อเบอร์ 7 ตั้งแต่แรก เพราะมี ราอูล กอนซาเลซ กองหน้าขวัญใจตลอดกาลของ "ราชันชุดขาว" ถือครองอยู่จนปีกจอมสับขาต้องใส่เบอร์ 9 แก้ขัดไปก่อน กระทั่งเมื่อตำนานหอกชาวสเปนย้ายออกไป เสื้อหมายเลข 7 เลยตกเป็นของ โรนัลโด้

มีการคาดเดาว่า หากปีนี้ โรนัลโด้ ไม่ได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ของแมนฯยู เจ้าตัวก็อาจได้ใส่เบอร์ 28 อันเป็นเบอร์ที่เคยใส่ตอนเป็นดาวรุ่งที่ สปอร์ติง ลิสบอน แต่หากใส่เบอร์อื่นก็มีผลกระทบต่อแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่ใช้ชื่อ CR7 อย่างแน่นอนเป็นเครื่องหมายการค้าด้วย ดังนั้น ต้องรอติดตามดูกันต่อไป
#3162


ประชาคมข่าวกรองของสหรัฐฯไม่ได้ข้อสรุปเด็ดขาดในการสืบสวนต้นตอของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และเชื่อว่าพวกเขาคงไม่สามารถคลี่คลายข้อถกเถียง ในสมมุติฐานอุบัติเหตุที่ห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งของจีนคือต้นตอของโควิด-19 หากปราศจากข้อมูลที่มากกว่านี้ บรรดาเจ้าหน้าที่อเมริการะบุในรายงานสรุปที่ไม่ถูกจัดในชั้นลับสุดยอดในวันศุกร์(27ส.ค.)

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่ามีเพียงแค่จีนเท่านั้นที่สามารถช่วยคลี่คลายคำถามต่างๆเกี่ยวกับต้นกำเนิดที่แท้จริงของไวรัส ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกแล้วมากกว่า 4.6 ล้านราย "ความร่วมมือของจีนจะเป็นสิ่งจำเป็นมากที่สุด สำหรับการบรรลุคำประเมินที่ได้ข้อสรุปของแหล่งต้นตอโควิด-19"

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งได้รับรายงานสรุปลับสุดยอดเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ระบุว่าวอชิงตันและพันธมิตรจะเดินหน้ากดดันรัฐบาลจีนต่อไปเพื่อให้ได้คำตอบต่างๆนานาเหล่านั้น

รายงานการสืบสวนของประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯฉบับนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ผู้นำสหรัฐฯออกคำสั่งให้หน่วยข่าวกรองเพิ่มความพยายามสืบหาต้นตอโควิด-19 และรายงานผลภายใน 90 วัน

"ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับต้นตอของโรคระบาดใหญ่ มีอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ใช่ตั้งแต่แรกเริ่ม เจ้าหน้าที่รัฐบาลในจีนขัดขวางคณะสืบสวนนานาชาติและสมาชิกประชาคมสาธารณสุขโลกไม่ให้เข้าถึงมัน" ไบเดนระบุในถ้อยแถลง หลังมีการเผยแพร่รายงานสรุป

รายงานสรุปที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ น่าจะทำให้ความไม่ลงรอยระหว่างปักกิ่งและวอชิงตันเลวร้ายลงไปอีก ในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ ขณะที่ในสหรัฐฯ พวกนักเคลื่อนไหวกังวลว่าผลการสืบสวนอาจปะทุเหตุใช้ความรุนแรงกับคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียขึ้นมาอีกระลอก

จีนเย้ยหยันมาตลอดต่อทฤษฎีหนึ่งว่าเชื่อว่าโควิด-19 หลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาของภาครัฐในเมืองอูฮั่น และยังนำเสนอสมมุติฐานต่างๆของตนเอง ในนั้นรวมถึงไวรัสหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการหนึ่งในฐานทัพฟอร์ต ดีทริค แห่งกองทัพสหรัฐฯ ในแมรีแลนด์ ปี 2019

รายงานของสหรัฐฯยังเผยให้เห็นรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับขอบเขตความเห็นที่ขัดแย้งกันภายในรัฐบาลของไบเดนเกี่ยวกับทฤษฎีไวรัสหลุดมาจากห้องปฏิบัติการ

หลายหน่วยงานของประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯคิดว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่น่าจะอุบัติขึ้นจากการสัมผัสโดยธรรมชาติกับสัตว์ที่ติดเชื้อไวรัสหรือใกล้ชิดกับรากเหง้าไวรัส รายงานสรุประบุ

อย่างไรก็ตามรายงานสรุประบุว่าพวกเขามีความมั่นใจในข้อสรุปดังกล่าวในระดับต่ำ ขณะที่บางส่วนก็ไม่สามารถให้ความคิดเห็นที่หนักแน่นใดๆต่อต้นกำเนิดของไวรัส

กระนั้นก็มีอยู่บางส่วนในประชาคมข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่มีความเชื่อมั่นพอประมาณว่ามนุษย์คนแรกที่ติดเชื้อโควิด-19 น่าจะเป็นผลจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ บางทีอาจเกี่ยวข้องกับการทดลอง การจัดการสัตว์หรือการสุ่มตัวอย่างโดยสถาบันไวรัสวิทยาอูฮั่นของจีน

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า คณะทำงานที่นำโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งใช้เวลา 4 สัปดาห์ ตรวจสอบทั้งในและรอบๆเมืองอู่ฮั่นในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ปฏิเสธทฤษฎีดังกล่าว แต่ในรายงานขององค์การอนามัยโลกในเดือนมีนาคม ซึ่งพวกนักวิทยาศาสตร์จีนร่วมเขียนด้วย ไม่ได้ให้หลักฐานอย่างพอเพียงสำหรับบอกปัดทฤษฎีนี้

รายงานฉบับใหม่ของสหรัฐฯสรุปว่าพวกนักวิเคราะห์จะไม่สามารถมอบคำอธิบายชัดเจนเด็ดขาดกว่านี้หากปราศจากข้อมูลใหม่ๆจากจีน อย่างเช่นตัวอย่างทางคลินิกและข้อมูลระบาดวิทยาของเคสผู้ติดเชื้อรายแรกๆ

ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่าหน่วยงานของเขายังไม่ตัดข้อสันนิษฐานใดๆ โดยองค์การที่มีสำนักงานใหญ่ในเจนีวาแห่งนี้เตรียมตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อวางแผนขั้นต่อไปสำหรับศึกษาไวรัส SARS-CoV-2

อย่างไรก็ตามบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาบอกว่าประตูสำหรับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใดๆที่รวบรวมมาได้กำลังปิดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบุคคลที่ติดเชื้อไวรัสในปี 2019 ครั้งที่โควิด-19 อุบัติขึ้นเป็นครั้งแรก

(ที่มา:รอยเตอร์)
#3163


นางสุภาพร  ลีนะบรรจง  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า "ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว แต่การเติบโตที่สูงในปีนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน หากพ้นจากช่วงที่เศรษฐกิจโลกได้รับประโยชน์จากฐานต่ำไปแล้ว  เศรษฐกิจอาจมีการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงและมีแนวโน้มที่จะอยู่ในช่วงโตต่ำ นักลงทุนจึงต้องมองหาทางเลือกการลงทุนที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้กับพอร์ตการลงทุน"

"หุ้นเติบโตสูงถือเป็นธีมการลงทุนที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก และมีแนวโน้มเติบโตได้อีกหลายเท่าจากปัจจุบัน จึงเป็นที่มาของการเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีโกล.โกรท (KFGG) ที่ลงทุนในกองทุนหลักคือ Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund และได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว*"

"กองทุนหลักมีผลงานที่โดดเด่นมาก ด้วยการบริหารสไตล์ Baillie Gifford ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ใช้มุมมองการลงทุนที่แตกต่างโดยเน้นการลงทุนระยะยาว เลือกลงทุนเพียงไม่กี่หลักทรัพย์ที่เชื่อมั่นในศักยภาพและจะเป็นตัวขับเคลื่อนผลตอบแทนของตลาดในระยะยาว และไม่เน้นการซื้อขายตามตลาด โดยปัจจุบันถือการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์เฉลี่ย 9 ปี"

"หัวใจสำคัญคือกระบวนการคัดสรรหุ้น ซึ่งจะไม่ยึดติดกับภูมิภาค อุตสาหกรรม และดัชนีชี้วัด กรอบการเลือกก็อย่างเช่น รายได้ของธุรกิจนั้นสามารถปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2 เท่าภายใน 5 ปีข้างหน้าหรือไม่ อะไรคือความได้เปรียบในการแข่งขัน การบริหารจัดการเงินทุนเป็นอย่างไร รวมถึงอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ระดับราคามีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 เท่าหรือมากกว่านั้น เป็นต้น ทำให้หุ้นที่ผู้จัดการกองทุนคัดสรรเข้ามาในพอร์ตนั้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นเหนือคู่แข่ง   และเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแรงขับเคลื่อนของกระแสโลกาภิวัฒน์และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เช่น ธีม E-commerce ธีมเกี่ยวกับสื่อออนไลน์   ธีมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ  และ ธีมนวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์ "

"ตัวอย่างหลักทรัพย์ที่กองทุนหลักลงทุนเช่น Netflix เป็นผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง ที่สมาชิกสามารถรับชมซีรีย์โทรทัศน์  สารคดี และภาพยนตร์ต่างๆ ได้หลากหลายประเภท และหลากหลายภาษา  Coupang บริษัทด้าน E-commerce ที่มีสมญานามว่าเป็น Amazon แห่งเกาหลีใต้  Adyen แพลตฟอร์มที่ช่วยให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่ายและสร้างการเติบโตทั่วโลก  เป็นต้น"

"กองทุน KFGG เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสร้างความเติบโตให้กับพอร์ตการลงทุนระยะยาวผ่านการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นเติบโตสูงทั่วโลก สามารถรับความผันผวนในระยะสั้นได้ และมีระยะเวลาการลงทุนในระยะกลางถึงยาวเพื่อให้หลักทรัพย์ในพอร์ตมีเวลาสร้างการเติบโตได้เป็นไปตามเป้าหมาย" นางสุภาพร กล่าว
URL
 11
 
#3164


เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม จีนและลาวได้ร่วมกันปล่อยขบวนรถบรรทุกสินค้าทางถนน เชื่อมระหว่างนครคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน กับนครหลวงเวียงจันทน์ เมืองหลวงของลาว

โดยรถคอนเทนเนอร์ขนาด 18 ล้อ บรรทุกเครื่องจักร อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่ารวม 3 ล้านหยวน ได้ออกเดินทางจากนครคุนหมิง ข้ามด่านชายแดนจีนที่เมืองบ่อหาน เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา เข้ามายังดินแดนลาวที่เมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา จากนั้นเดินทางต่อลงมาตามถนนหมายเลข 13 จนถึงนครหลวงเวียงจันทน์

ในเวลาเดียวกัน รถคอนเทนเนอร์บรรทุกสินค้า ซึ่งถูกระบุเพียงว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของลาว ได้เดินทางออกจากนครหลวงเวียงจันทน์ ข้ามชายแดนบ่อเต็น-บ่อหาน ต่อขึ้นไปถึงนครคุนหมิง ซึ่งถูกใช้เป็นจุดกระจายสินค้าที่บรรทุกจากลาวไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศจีน

ขบวนรถบรรทุกสินค้าข้ามประเทศครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บข้อมูลการจราจร ต้นทุน ค่าใช้จ่าย รวมถึงอุปสรรคและข้อบกพร่องที่อาจพบ ในการเดินทางระหว่างนครคุนหมิงกับนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับเตรียมเปิดเส้นขนส่งสินค้าทางถนนจีน-ลาว ซึ่งจะใช้คู่ขนานกับเส้นทางรถไฟลาว-จีน (เวียงจันทน์-คุนหมิง) ที่กำหนดเริ่มเปิดให้บริการในวันที่ 2 ธันวาคมที่จะถึงนี้

ที่ผ่านมา ในช่วงที่โควิด-19 ยังไม่ระบาด มีข้อตกลงให้รถจีนและลาววิ่งข้ามไป-มาระหว่างกันได้ เพราะเป็น 2 ประเทศที่มีชายแดนติดกัน อย่างไรก็ตาม รถจากจีนสามารถเดินทางไปยังทุกแขวงของลาว แต่รถจากลาว ไม่สามารถเดินทางไปได้ทุกมณฑลของจีน เพราะแต่ละพื้นที่มีกฏระเบียบที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ หากเป็นรถสัญชาติลาว ส่วนมากมักวิ่งขึ้นไปไม่ถึงนครคุนหมิง ต้องเปลี่ยนไปใช้หัวรถจีน หรือเปลี่ยนไปใช้รถบรรทุกสัญชาติจีนเสียก่อน
#3165


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 53.39 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 35,352.11 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 10.14 จุดหรือ 0.23% ปิดที่ 4,486.05 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 22.96 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 15,018.90 จุด

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในการประชุมดังกล่าว

การประชุมปีนี้จะเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นปีที่ 2 เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ในการประชุมแจ็กสัน โฮลปีนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวสุนทรพจน์ในประเด็น "แนวโน้มเศรษฐกิจ" โดยเขามีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย

นักลงทุนคาดหวังว่า นายพาวเวลจะเปิดเผยโร้ดแมพที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีหลังจากที่เฟดได้ส่งสัญญาณในรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ว่า กรรมการส่วนใหญ่สนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีในปีนี้ จากปัจจุบันที่เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีอย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน


อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า นายพาวเวลจะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการว่า เฟดพร้อมที่จะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมประจำปีของเฟดในครั้งนี้

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

"เราคาดว่านายพาวเวลรับรู้เป็นอย่างดีทั้งในเรื่องการจ้างงานที่แข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และความเสี่ยงช่วงขาลงที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เรายังคงคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณเตือนในเดือนก.ย. และจากนั้นในเดือนพ.ย.จึงจะประกาศการปรับลดวงเงินคิวอี" นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าว

ทางด้านนายทิม ดอย หัวหน้านักวิเคราะห์จากเอสจีเอช แมคโคร แอดไวเซอร์ส คาดการณ์เช่นกันว่า เฟดอาจจะประกาศปรับลดวงเงินคิวอี ในเดือนพ.ย. โดยกล่าวว่า "ข้อมูลที่ได้รับเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า โพลสำรวจส่วนใหญ่บ่งชี้ว่าเดือนพ.ย.จะเป็นเดือนที่เฟดประกาศลดวงเงินคิวอีเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาอาจจะทำให้เฟดยังไม่ตัดสินใจประกาศเรื่องดังกล่าวในเดือนก.ย.

รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีในปีนี้ แต่ในรายงานไม่ได้ระบุกำหนดเวลาที่ชัดเจน

นอกจากนี้ ผู้สันทัดกรณีให้ความเห็นว่า เนื่องจากขณะนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะต่ออายุการดำรงตำแหน่งประธานเฟดของนายพาวเวลออกไปอีก 1 ปีหรือไม่ จึงทำให้คาดว่านายพาวเวลจะไม่นำตำแหน่งของเขามาเสี่ยงกับเรื่องนี้ เนื่องจากหากเขาประกาศปรับลดวงเงินคิวอีอย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเกิดความตื่นตระหนก และทรุดตัวลงอย่างหนักได้ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2556 ในสมัยของนายเบน เบอร์นันเก้ ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อตัวนายพาวเวลเอง

ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เข้าร่วมการประชุม ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

นายพาวเวลได้กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลเมื่อปีที่แล้ว โดยได้ประกาศการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งใหญ่ในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งเฟดจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.6% ในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 6.5% หลังจากที่ขยายตัว 6.3% ในไตรมาส 1

อย่างไรก็ดี ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.7%

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 353,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 349,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 350,000 ราย

ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 2.86 ล้านราย
#3166


"สุรเชษฐ กองชีพ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า โครงการมิกซ์ยูสที่มีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่องนั้น เริ่มเกิดคำถามและความวิตกกังวลกันมากขึ้น ด้วยโครงการขนาดใหญ่และใช้เงินลงทุนมากมายมหาศาลจะเหมาะสมหรือคุ้มค่ากับการลงทุนในช่วงเวลานี้หรือไม่

"แนวโน้มโครงการมิกซ์ยูส คาดว่าจะลดความร้อนแรง และมีจำนวนโครงการลดลง ยกเว้นอาคารที่มีการใช้ประโยชน์มากกว่าหนึ่งประเภทจะยังคงมีการพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่อง เพียงแต่ช่วง 1-2 ปีนี้อาจมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับก่อนหน้า ยกเว้นจะเป็นโครงการที่อยู่ในทำเลที่ดี มีศักยภาพ หรือมิกซ์ยูสที่ก่อสร้างไปแล้ว"

ทั้งนี้ หลังเกิดวิกฤติโควิด-19 จะเห็นว่า แนวโน้มการใช้พื้นที่สำนักงานเริ่มลดความสำคัญลง! ฉะนั้นการพัฒนาอาคารสำนักงานจึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังและต้องทบทวนแผนในระยะยาว หลายอาคารสำนักงานรวมไปถึงมิกซ์ยูสบางโครงการที่ยังไม่ได้เริ่มการก่อสร้างจึง "ชะลอ" การก่อสร้างออกไปก่อน

รวมถึงส่วนที่เป็นพื้นที่ค้าปลีก จากภาพชัดเจนว่าปัจจุบันคนไทยหันมาใช้ช่องทางออนไลน์ในการซื้อสินค้ามากขึ้น แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับบางประเทศ แต่ก็เห็นทิศทางแล้วว่าพื้นที่ค้าปลีกในอนาคตอาจจะมีเพื่อเป็นโชว์รูมแสดงสินค้าหรือรับสินค้าเท่านั้น ร้านค้าต่างๆ อาจจะมีพื้นที่เล็กลงก็เป็นไปได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในมุม "เจ้าของโครงการ" และ "นักลงทุน" อาจมองอีกแบบเพราะ "มิกซ์ยูส" ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว จึงไม่ได้คาดหวังว่าโครงการจะประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น บางโครงการวางกรอบเวลาในการคืนทุนไว้มากกว่า 10 ปี ระหว่างที่เปิดให้ดำเนินการก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาหรือปรับปรุงโครงการอีกด้วย ดังนั้น ผู้ประกอบการเจ้าของโครงการและนักลงทุนที่ลงทุนในโครงการมิกซ์ยูสจึงยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการต่อเนื่อง อาจมีชะลอบ้างในโครงการที่ยังไม่ได้เริ่มการก่อสร้างเท่านั้น!

สุรเชษฐ ระบุว่า มิกซ์ยูสในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่มีพื้นที่สำนักงานเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทั้งสิ้น โดยพื้นที่สำนักงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2564-2567 มีราว 2 ล้านตร.ม. เป็นพื้นที่สำนักงานที่อยู่ในโครงการมิกซ์ยูสมากถึง 1.65 ล้านตร.ม.หรือประมาณ 83% ของพื้นที่สำนักงานที่กำลังก่อสร้างในกรุงเทพฯ

สำหรับพื้นที่ค้าปลีกประมาณ 67% ของที่กำลังก่อสร้างในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการมิกซ์ยูส ส่วนที่เป็นโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ และคอนโดมิเนียม มีจำนวนไม่มากนักเทียบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก

"กรรมสิทธิ์บนที่ดินและขนาดของที่ดินมีส่วนในการกำหนดรูปแบบการพัฒนาโครงการเช่นกัน หากเป็นที่ดินเช่าระยะยาวไม่ว่าจะ 30 ปี หรือ 75 ปีจากเจ้าของที่ดินที่มีทั้งหน่วยงานราชการ หรือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และเอกชนต่างๆ รูปแบบของโครงการที่เกิดขึ้นจะเป็นโครงการที่เก็บรายได้จากค่าเช่าหรือขายแบบสัญญาเช่าที่มีกำหนดระยะเวลาในการถือครองกรรมสิทธิ์ทั้งหมด"

ยกตัวอย่าง โครงการสามย่านมิตรทาวน์ซึ่งมีส่วนของคอนโดมิเนียมที่ขายแบบสัญญาเช่าระยะยาว ดังนั้น เมื่อเช่าที่ดินขนาดใหญ่มากจึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาโครงการให้สอดคล้องกับศักยภาพและกรรมสิทธิ์บนที่ดิน การเช่าที่ดินในระยะยาวในทำเลใจกลางเมืองเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นที่สนใจของนักลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากลดค่าใช้จ่ายในการซื้อที่ดินไปได้ส่วนหนึ่งแต่สัญญาเช่าต้องยาวนานเพียงพอต่อการทำกำไรเมื่อโครงการแล้วเสร็จ

ที่ดินแปลงใหญ่ใจกลางเมืองจึงมีการเปิดให้เอกชนเช่าเพื่อพัฒนามิกซ์ยูสขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ซึ่งมีการใช้ประโยชน์หลากหลายมากกว่า 1 ประเภท ปัจจุบันอาจมีไม่มากนัก โครงการที่เป็นที่รู้จักและอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง อาทิ วัน แบงค็อก, พาร์ค สีลม และ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งทั้ง 3 โครงการอยู่บนที่ดินเช่าระยะยาว

สำหรับ มิกซ์ยูส ที่เป็นอาคารเดี่ยว หรือ 2 อาคาร ที่ไม่ได้เป็นโครงการขนาดใหญ่นักมีอยู่หลายอาคารเช่นกัน อาทิ เอส โอเอซิส ของ สิงห์ เอสเตท, เดอะยูนิคอร์น ของยูนิซิตี้ และ หมอชิตแลนด์ของบีทีเอส เป็นต้น อาคารเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สำนักงานที่มีส่วนหนึ่งเป็นโครงการพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งอาจจะมีทั้งพื้นที่ค้าปลีกขนาดใหญ่ 3,000-4,000 ตร.ม. รูปแบบใกล้เคียงกับศูนย์การค้า และบางอาคารมีพื้นที่ค้าปลีกไม่เกิน 1,000 ตร.ม. เพื่อสนับสนุนคนที่เข้ามาใช้อาคารเท่านั้น อาคารมิกซ์ยูสรูปแบบนี้กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ

"3-4 ปีที่ผ่านมา เส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายกระจายออกไปในหลายพื้นที่ ผู้ประกอบการหรือเจ้าของที่ดินที่มีศักยภาพจึงเลือกที่จะพัฒนาอาคารสำนักงานที่มีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งเจ้าของที่ดินหลายแปลงเป็นกลุ่มของนักลงทุนหรือมีความสามารถในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ อยู่แล้ว"

อย่างไรก็ดี การบริหารจัดการโครงการมิกซ์ยูสบางแห่งขณะนี้เข้าไปอยู่ในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือกองรีท (REIT) เป็นการลดความเสี่ยงและสามารถนำเงินที่ได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์มาหมุนเวียนเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ต่อไปได้ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเจ้าของโครงการและอาคารมิกซ์ยูสต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและไม่ต้องการหยุดพัฒนา หรือยกเลิกโครงการ
#3167


MacroScope โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ จากการยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา หรือ SEC ถึงบริษัทธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Morgan Stanley ถือหุ้นหลายตัวใน Grayscale Bitcoin Trust (GBTC)

bitcoinist ระบุถึงรายละเอียดดังกล่าวว่า ก.ล.ต. กล่าวฟ้องว่ากองทุนมอร์แกนสแตนลีย์กว่า 30 กองทุนถือหุ้น GBTC จำนวนมาก ที่ใหญ่ที่สุดความว่าน่าจะเป็นกองทุน Insight ของ Morgan ที่มีมูลค่ามากกว่า 928,051 มูลค่าประมาณ 36 ล้านดอลลาร์หรือมากกว่า 700 Bitcoin (BTC)

อย่างไรก็ตาม Morgan Stanley Institutional Fund Inc, Morgan Stanley Institutional Trust, Morgan Stanley Variable Insurance Fund และอื่นๆ ดูเหมือนจะมีจำนวนมากเช่นกัน

ทั้งนี้หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2021 เมื่อ Bitcoin ยังคงซื้อขายในระดับต่ำสุดที่ $30,000 มอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยตำแหน่งใหญ่ใน GBTC ผ่านกองทุนโอกาสแห่งยุโรป

อย่างไรก็ดีตามที่รายงานโดย Bitcoinist ธนาคารเป็นเจ้าของหุ้นจำนวน 28,298 หุ้น ในการลงทุนที่มีมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับการยื่นเอกสารในวันนี้ โดยเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ยักษ์ใหญ่ด้านการธนาคารกลายเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่นำเสนอลูกค้าเกี่ยวกับกองทุน Bitcoin ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยธนาคารได้เพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโตเป็นสองเท่าในช่วงเวลานั้น

นอกเหนือจากเข้าลงทุนอย่างมหาศาลใน Grayscale Bitcoin Trust แล้ว Morgan Stanley ยังได้ลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจคริปโตอื่น ๆ อีก โดยในเดือนเมษายน ธนาคารได้เพิ่มคำแนะนำในการลงทุน Bitcoin หรือ BTC เพิ่มเติมผ่านเครื่องมือการลงทุน 12 แบบ

นอกจากนี้ ธนาคารยังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในบริษัทคริปโตที่ได้รับการสนับสนุนจาก Coinbase ซึ่ง Morgan Stanley เป็นผู้นำในการระดมทุน Series B มูลค่า 48 ล้านดอลลาร์จากแพลตฟอร์ม Securitize ที่ใช้บล็อคเชน

ขณะที่ Wells Fargo, JP Morgan, Goldman Sachs และธนาคารรายใหญ่ทุกแห่งในสหรัฐฯ ได้มีการขยายงานด้านการลงทุนใน Bitcoin ในลักษณะที่การลงทุนที่แตกต่างกัน โดยการแลกเปลี่ยน crypto จัดเป็นการลงทุนยอดนิยมอันดับต้นๆ ซึ่ง Coinbase ได้รับประโยชน์จากเทรนการลงทุนนี้ เนื่องจาก JP Morgan และผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ ซื้อหุ้นจำนวนมาก
#3168


สถานการณ์โควิด-19 ยังคงอยู่กับประเทศไทยอีกยาวนาน การดูแลผู้ป่วยเพื่อไม่ให้กลุ่มสีเขียว กลายเป็นสีเหลืองและแดงคือการได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ทว่าในสถานการณ์ที่ผู้ป่วยมีจำนวนมาก โรงพยาบาลในการรองรับการรักษารวมถึงบุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอ ทำให้ต้องมีการสร้างโรงพยาบาลสนามกระจายไปยังสถานที่ต่างๆให้มากที่สุดเพื่อให้ได้รับการรักษาและพบแพทย์แบบทางไกลผ่านการสื่อสารด้วยระบบสื่อสารที่ทันสมัย

ดังนั้นนอกจากเรื่องเตียง ยารักษาโรค และอาหารในการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนามแล้วสิ่งสำคัญคือการติดต่อสื่อสารกับแพทย์ผ่านระบบโทรคมนาคม การดูแลผู้ป่วยเรื่องความปลอดภัย ผ่านกล้อง CCTV รวมถึงฟรีไวไฟสำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลสนาม ล้วนต้องได้รับการสนับสนุนและดูแลจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมซึ่งบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ก็มีโอกาสทำหน้าที่ให้สมกับการเป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติจริงๆ ด้วยการสนับสนุนระบบสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อให้โรงพยาบาลสนามสามารถให้บริการประชาชน ผู้ป่วยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

***อาสานำศักยภาพระบบสื่อสารหนุนรพ.สนาม

นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ NT ระบุว่าในสถานการณ์เช่นนี้ NTต้องเข้ามาช่วยเหลือด้วยสรรพกำลังด้านบริการสื่อสารโทรคมนาคมที่มีอยู่ โดยได้ดำเนินการสนับสนุนติดตั้งระบบ Internet Wi-Fi โทรศัพท์ IP Phone รวมถึงกล้องวงจรปิด (CCTV)ให้บริการแก่เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ใช้ในการติดต่อสื่อสารพร้อมอำนวยความสะดวกในการใช้งานให้แก่โรงพยาบาลสนามทุกแห่งที่แจ้งความประสงค์เข้ามาที่ NTซึ่งปัจจุบัน NT ได้ดำเนินการติดตั้งให้บริการระบบสื่อสารให้แก่โรงพยาบาลสนามแล้วในหลายจังหวัดตามที่มีการขอรับการสนับสนุน



เริ่มจากการสนับสนุนระบบสื่อสารภายในโรงพยาบาลสนามที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ7รอบพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2554 จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นพื้นที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนามสามารถรองรับได้ 280 เตียง แบ่งเป็นผู้ชาย 140 เตียงและผู้หญิง 140 เตียง ด้วยการติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็ว 1000/500 Mbps จำนวน 2 วงจรและโทรศัพท์ IP Phone จำนวน 24 เลขหมาย

รวมถึงพื้นที่ในบริเวณปตอ.1 กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน แจ้งวัฒนะ จำนวน 300 เตียง ซึ่งพบว่าสัญญาณโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ปกติแต่มีปัญหาในพื้นที่บางจุดซึ่งสัญญาณจะดรอป ลง ดังนั้นจะมีการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อขยายสัญญาณและ อุปกรณ์ Fixed Wireless Broadband ซึ่งเป็นอุปกรณ์ติดตั้งง่ายทุกที่ไม่ต้องเดินสายที่ผ่านมาแม้ดำเนินการไปบ้างแล้วแต่จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์รองรับความต้องการใช้งานที่มากขึ้น



ปัจจุบัน NT ได้สนับสนุนโรงพยาบาลสนามไปแล้วกว่า 100 แห่งทุกภาคของประเทศไทยในหลายจังหวัด อาทิจ.นครสวรรค์, จ.ฉะเชิงเทรา,จ.ขอนแก่น,จ.ประจวบคีรีขันธ์,จ.สงขลา,จ.เพชรบูรณ์ และ จ.สุรินทร์ เป็นต้น ซึ่งนอกจากอินเทอร์เน็ตแล้ว NT ยังมีการเพิ่มระบบ CCTV ติดตามอาการผู้ป่วย รวมถึงการส่งมอบอุปกรณ์ my 3G Router สำหรับติดตั้งประจำรถพระราชทานให้แก่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 จ.เชียงใหม่และส่งมอบอุปกรณ์ my 3G Router ให้แก่ รพ.ลำปาง,รพ.ลำพูน,สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่,สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกนอกจากนี้ NT ยังเข้าไปสนับสนุนระบบโทรคมนาคมพร้อมคอมพิวเตอร์ จำนวน 400 เครื่อง พรินเตอร์จำนวน 50 เครื่องที่ศูนย์ฉีดวัคซีน สถานีกลางบางซื่อ ด้วย

***รุกช่วยเหลือรพ.สนามในกทม.

การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยจำนวนมากโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ทำให้ NT ต้องรีบสนับสนุนระบบโทรคมนาคมกับโรงพยาบาลสนามอย่างเร่งด่วนโดยล่าสุดได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานครในการติดตั้งระบบสื่อสารโทรคมนาคมชั่วคราวครอบคลุมพื้นที่ศูนย์พักคอยในสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวนกว่า 10 แห่งโดยเริ่มจากศูนย์พักคอยสถานีกลางบางซื่อ ด้วยการสร้างโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมชั่วคราวเป็นระยะทาง 1.5 กิโลเมตรพร้อมติดตั้ง FTTx (ระบบเคเบิลใยแก้ว) จำนวน 7 วงจร AP (access point) 5 ตัวแบ่งเป็นในห้องวอร์รูม 1 วงจร สำหรับใช้เชื่อมกล้อง cctv 1 วงจร และบริเวณโรงนอนจำนวน 5 วงจรเพื่อให้บริการแก่เจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์รวมถึงผู้ป่วยโควิด-19 ได้ใช้ในการปฏิบัติงานและรักษาตัวได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดย





ทั้งหมดนี้หวังผลให้ระบบทั้งหมดสามารถสนับสนุนภารกิจหลักของศูนย์ในการเป็นจุดรองรับผู้ป่วยติดเชื้อให้มาพักรักษาตัวแยกออกมาจากบ้าน ระหว่างรอส่งต่อรักษาในโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย CCTV Dome จำนวน 32 ตัว CCTV Bullet จำนวน 8 ตัว NVR 16 Ch (Network video recorder) จำนวน 2 ตัว NVR 8 Ch จำนวน 1 ตัว HDD (Hard Disk Drive) 4 TB จำนวน 5 ตัว Switch 16 Port จำนวน 3 ตัว ทีวี 43 นิ้ว จำนวน 3 ตัว Intercom Master จำนวน 1 ตัว และ Intercom Sub จำนวน 5 ตัวเพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆ ดำเนินการได้อย่างสะดวก รวดเร็วและสามารถรองรับผู้ป่วยจำนวน 400 เตียงได้อย่างเต็มศักยภาพ

ส่วนศูนย์พักคอยที่เหลืออีกจำนวน 10 แห่งประกอบด้วยศูนย์กีฬารามอินทรา เขตบางเขน,ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์เขตจตุจักร, ศูนย์สร้างสุขทุกวัย เขตจตุจักร,ศูนย์เยาวชน เขตดอนเมือง,ศูนย์พักคอยวัดมัชฌินติการาม เขตบางซื่อ,ศูนย์พักคอยส่งเสริมและสนับสนุน เขตลาดพร้าว1,ศูนย์พักคอยวัดราษฎร์นิยมธรรม เขตสายไหม,ศูนย์พักคอยส่งเสริมและสนับสนุน เขตลาดพร้าว2,ศูนย์พักคอยอาคารคลังสินค้าบริษัท อาร์ บี เอส โลจิสติกส์ จำกัด และศูนย์พักคอยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เขตหลักสี่

นอกจากนี้ NT ยังได้รับมอบหมายจาก ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอสให้ NT ประสานกับกรมการแพทย์เพื่อปรับปรุงระบบโทรสายด่วน 1668,1646 และเพิ่มคู่สายให้สามารถรองรับปริมาณการโทรจำนวนมากได้

ศักยภาพของ NT ในการเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมแห่งชาติหลังจากการควบรวมทีโอทีและกสท โทรคมนาคมเป็นองค์กรเดียวกันแล้วทำให้เห็นได้ชัดว่าทรัพยากรที่ NT มีอยู่นั้นสามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่ในเชิงธุรกิจที่ต้องหารายได้เท่านั้นแต่ในมุมของการช่วยเหลือสังคม NT ก็ทำงานได้เต็มศักยภาพเพื่อลดช่องว่างทางสังคมให้ทุกคนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
#3170


พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 จัดเต็มแมตช์สด ส่งท้ายเดือนสิงหาคมนี้ กับความมันส์อัดแน่น 3 แมตช์รวด ตั้งแต่เย็นยันค่ำ ในวันเสาร์ที่ 28 ส.ค.นี้ ประเดิมด้วย ศึกบิ๊กแมตช์ พรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ พบ อาร์เซน่อล เวลา 18.30 น. ต่อด้วยบิ๊กทีม ศึกบุนเดสลีกา เอาก์สบวร์ก พบ เลเวอร์คูเซ่น เวลา 20.30 น. และ บาเยิร์น มิวนิค พบ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เวลา 23.30 น.

สัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมนี้ เป็นการแข่งขันในแมตช์ที่ 3 ของ ทั้งพรีเมียร์ลีก และบุนเดสลีกา ในฤดูกาล 2021/22 ซึ่งมีหลายคู่ หลายทีมที่กำลังเป็นประเด็น และน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง พีพีทีวี จึงคัดเอา 3 แมตช์ที่แฟน.ไม่ควรพลาด มาถ่ายทอดสดให้แฟน.ได้ชมกันอย่างต่อเนื่อง ในวันเสาร์ที่ 28 ส.ค. นี้ จะประเดิมด้วย ศึกพรีเมียร์ลีก คู่บิ๊กแมตช์ เวลา 18.30 น. "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าของกุนซือหัวใส เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่แม้จะเปิดม่านไม่ค่อยสวยนัก ด้วยการบุกไปพ่าย สเปอร์ส ในแมตช์แรก 0-1 แต่ก็กลับคืนฟอร์มโหดอย่างรวดเร็ว ด้วยการเปิดบ้านกระซวก นอริช ถึง 5-0 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แถมดาวเตะตัวใหม่อย่าง แจ็ค กรีลิช ก็ซัดประตูแรกในสีเสื้อเรือใบ เรียกความมั่นใจไปเต็ม ๆ เป็นที่เรียบร้อย

ผิดกับฝั่ง "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ผู้มาเยือนจากลอนดอนที่อาการน่าเป็นห่วง หลังบุกไปพ่ายน้องใหม่ เบรนท์ฟอร์ด 2-0 ในนัดแรก และเปิดบ้านพ่ายให้กับ เชลซี ไป 0-2 ในศึกดาร์บี้แมตช์ลอนดอน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำเอาเก้าอี้ของกุนซือหนุ่ม มิเกล อาร์เตตา เริ่มร้อน เพราะนี่คือผลงานเปิดฤดูกาลที่แย่ที่สุดในรอบ 118 ปี ของประวัติศาตร์สโมสร กับการแพ้ 2 รวดเกมติด แถมไม่สามารถยิงประตูได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ส่งผลให้ทีมร่วงไปอยู่อันดับรองบ๊วยของตาราง และเจ้าตัวก็ถูกปรับให้เป็นเต็งหนึ่งของผู้จัดการทีมที่อาจจะถูกปลดในฤดูกาลนี้อีกด้วย ศึกบิ๊กแมตช์ครั้งนี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อทั้ง อาร์เตต้า และอาร์เซน่อล คงต้องดูกันว่า เรือใบ แชมป์เก่าจะยัดเยียดความพ่ายแพ้เป็นนัดที่ 3 ให้กับอาร์เซน่อล และกดพวกเขาลงสู่ก้นตาราง หรือ ไอ้ปืนใหญ่ จะขืนใจหักปากกาเซียน บุกมาคว้าชัยแมตช์แรกได้สำเร็จ สร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์! ส่งท้ายเดือนสิงหาคมนี้กันแน่



นอกจากบิ๊กแมตช์ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว พีพีทีวียังมีอีก 2 บิ๊กทีมจาก ศึกบุนเดสลีกา มาให้แฟนๆ ได้ชมกันต่อเนื่องในวันเดียวกัน เวลา 20.30 น. ชม เอาก์สบวร์ก รองบ๊วยเปิดบ้านรับศึกหนัก "ห้างขายยา" ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่เพิ่งโชว์ฟอร์มแจ่ม ถล่ม กลัดบัค ไป 4-0 ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และปิดท้าย เวลา 23.30 น. "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค แชมป์เก่า ที่เพิ่งเปิดบ้านเชือด โคโลญจน์ ไป 3-2 ในนัดก่อน อยู่เฝ้ารังรอซดทีมท้ายตารางอย่าง แฮร์ธ่า เบอร์ลิน โดยทัพเสือใต้ต้องปักหมุดหมายด้วยการคว้าชัยในแมตช์นี้เท่านั้น เพื่อเรียกความฮึกเหิม ก่อนที่จะบุกไปทำศึกบิ๊กแมตช์กับรองแชมป์เก่าอย่าง ไลป์ซิก ต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

พลาดไม่ได้! กับความมันส์ของบิ๊กแมตช์ และบิ๊กทีม ต่อเนื่อง 3 แมตช์รวด วันเสาร์ที่ 28 ส.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ถ่ายทอดสดบนหน้าจอฟรีทีวี ทางพีพีทีวี เอชดี ช่อง36 (รับสัญญาณผ่านกล่องทีวีดิจิทัล หรือโทรทัศน์รุ่นใหม่ที่มีอุปกรณ์รับสัญญาณในตัวเครื่องเท่านั้น) รวมทั้งชมสดออนไลน์ได้ทาง www.pptvhd36.com
#3171


นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วานนี้(24 ส.ค.) ว่า ที่ประชุม ได้เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ฯตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เสนอ

โดยในส่วนแรกเป็นการอนุมัติโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 2 รวม 12 จังหวัด 2,186 โครงการ กรอบวงเงินรวม 3.58 พันล้านบาท โดยใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ.2564 ในการจัดสรรให้ 

ซึ่งโครงการนี้มุ่งเน้นในเรื่องของการจ้างงานและการพัฒนาพื้นที่โดยตรง แบ่งเป็น 4 กลุ่มลักษณะได้แก่ 1.กลุ่มโครงการพัฒนาสินค้า ท่องเที่ยว บริการ และการค้า 2.กลุ่มโครงการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร 3.กลุ่มโครงการส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และ 4.กลุ่มโครงการที่เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชุมชน

สำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขยายระยะเวลาดำเนิน "โครงการกำลังใจ" จากเดิมที่สิ้นสุดระยะเวลาการเบิกจ่ายภายในเดือนส.ค. 2564 เป็นเดือนธ.ค. 2564 เนื่องจากขณะนี้มีผู้ที่อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารและรอการตราจสอบข้อมูลการเดินทางภายใต้โครงการฯ จึงจำเป็นต้องขยายระยะเวลา

"โครงการเราเที่ยวด้วยกัน" และ "โครงการทัวร์เที่ยวไทย" ที่ประชุม ครม.มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พิจารณาความเหมาะสมของช่วงระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนินการ พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดให้เหมาะสม 

หากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถเริ่มต้นดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการได้ภายในเดือนต.ต. สามารถพิจารณาเสนอขอยุติโครงการฯ และคืนกรอบวงเงินกู้เหลือจ่ายต่อไป

นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการยกระดับหน่วยบริการกรมอนามัยรองรับการระบาดของโรคโควิด19 จากเดิมที่ระยะเวลาการดำเนินโครงการกำหนดไว้ระหว่างเดือนมิ.ย. - ก.ย. 2564 ขยายไปจนถึงเดือนธ.ค. 2564 ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยบริการอนามัยหรือศูนย์อนามัยมีศักยภาพรองรับผู้ป่วยโควิด19 ในพื้นที่ทั่วประเทศได้
#3172


พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์ Efferin ทางสื่อออนไลน์ โดยระบุสรรพคุณ "กระตุ้นการเผาผลาญได้อย่างดีเยี่ยม...ส่งเสริมการกำจัดไขมันขั้นสุด...กระตุ้นเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาล... ช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเลือด ช่วยสลายและใช้งานไขมัน กำจัดไขมันส่วนเกินจากกระแสเลือด ทำให้เนื้อเยื่อไขมันลดลง... มีประสิทธิภาพในการต้านภาวะซึมเศร้า... ช่วยให้การทำงานของตับดีขึ้น" เป็นต้น โดยมีการสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์หญิงชื่อดังชาวไทยถูกไล่ออกจากประเทศชั้นนำ เนื่องจากปฏิเสธที่จะขายผลิตภัณฑ์เผาผลาญไขมันสูตรพิเศษให้แก่บริษัทยาในประเทศนั้น จึงได้กลับประเทศไทยและร่วมกับผู้ทรงอิทธิพลผลิตผลิตภัณฑ์เอฟเฟอร์รินขายเฉพาะในประเทศไทย

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เป็นข้อมูลลวง โดยผลิตภัณฑ์ Efferin ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในชื่อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอฟเฟอร์ริน/Efferin Dietary Supplement Product เลขสารบบอาหาร 10-1-03958-5-0272 โฆษณาดังกล่าวแสดงข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นเท็จและแสดงคุณประโยชน์หรือสรรพคุณของอาหารที่ไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากในการยื่นขออนุญาตไม่มีการยื่นข้อมูลเพื่อประเมินประสิทธิผลตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใดอีกทั้งผลิตภัณฑ์อาหารไม่มีผลในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค นอกจากนี้ ยังพบมีการแอบอ้างชื่อบุคลากรทางการแพทย์ในตำแหน่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพต่อมไร้ท่อเป็นผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวานและนักโภชนาการเป็นผู้รับรองผลิตภัณฑ์แต่แท้จริงแล้วนั้น ไม่มีตำแหน่งดังกล่าวตามที่กล่าวอ้าง และภาพหญิง-ชายที่อ้างว่าเป็นผู้คิดค้นและรับรองผลิตภัณฑ์นั้น เป็นภาพหญิง-ชายที่เผยแพร่ทั่วไปอยู่บนอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว

ข้อแนะนำ

ขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังอย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์ที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง หรือสร้างเรื่องราวดึงดูดความสนใจที่เป็นไปไม่ได้ หากมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวควรปรับพฤติกรรมการบริโภค ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ไม่ควรหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาโอ้อวดเกินจริงทางสื่อออนไลน์ เพราะอาจมีสารที่เป็นอันตราย มีผลข้างเคียงรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากผู้บริโภคพบเห็นเบาะแสการโฆษณา การผลิต/จำหน่ายผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งมาที่สายด่วน อย. 1556 หรือ Oryor Smart Application หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
#3173


วันนี้ (24 ส.ค. 2564) นายวิลาศ เฉลยสัตย์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEAร่วมแสดงความยินดีในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 61 ปี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พร้อมสนับสนุนเงินสำหรับการผลิตเครื่องจ่ายออกซิเจน High Flow พร้อมระบบมอนิเตอร์ทางไกล จำนวน 40 เครื่อง ในโครงการ "ให้เพื่อต่อลมหายใจ" ของ สจล. เป็นจำนวน 2.2 ล้านบาท โดยมี นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สจล. เป็นผู้รับมอบ ณ อาคารกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สจล.

รองผู้ว่าการ MEA เปิดเผยว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีภารกิจที่สำคัญในการขับเคลื่อนพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร พร้อมสนับสนุนทุกภาคส่วนรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และจากสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่นี้ ทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมากที่มีภาวะติดเชื้อลงปอด เกิดการหายใจที่ไม่สะดวกหรือเหนื่อยหอบง่าย MEA จึงเร่งสนับสนุนงบประมาณ 2.2 ล้านบาท แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สำหรับผลิตเครื่องจ่ายออกซิเจน High Flow จำนวน 40 เครื่อง เพื่อนำไปมอบให้โรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาลที่ขาดแคลนให้มีอุปกรณ์ในการรักษาผู้ป่วย COVID-19 อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ สจล. ถือเป็นหน่วยงานแรกของไทยที่สามารถพัฒนาเครื่องจ่ายออกซิเจน High Flow เพื่อช่วยพยุงการหายใจของผู้ป่วย โดยแพทย์จะกำหนดอัตราไหลเวียนอากาศ ความเข้มข้นของออกซิเจนที่ต้องการ ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ก่อนปล่อยผ่านทางจมูกได้อย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ พร้อมด้วย ระบบมอนิเตอร์ทางไกลเพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและติดตามอาการผู้ป่วยทางไกล โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศ แต่ราคาเพียงเครื่องละ 55,000 บาท ซึ่งถูกกว่าเครื่องนำเข้า 3-4 เท่า

ที่ผ่านมา MEA ได้ให้การสนับสนุนทุกภาคส่วนในทุกมิติ เช่น การออกแบบติดตั้งจัดการระบบไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการใช้ไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในโรงพยาบาลสนามหลายพื้นที่ ทั้งในด้านระบบแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ ระบบปั๊มน้ำและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ และแผนรองรับการจ่ายไฟฟ้าในอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้ให้ความช่วยเหลือแก่ทุกภาคส่วน โดยสนับสนุนงบประมาณการบริหารจัดการพลังไฟฟ้าให้กับ รพ.บุษราคัม ส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งของจำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่างๆ ส่งมอบอาหารกล่องจำนวน 10,000 กล่อง ในโครงการ Food For Fighters รวมถึงการเร่งลงพื้นที่ส่งมอบถุงยังชีพและหน้ากากอนามัยจำนวนกว่า 300,000 ชิ้น ให้แก่ชุมชนในพื้นที่บริการ พร้อมจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและให้บริการแก้ไขไฟฟ้าขัดข้องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ทุกภาคส่วนร่วมสู้วิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

#พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร
Energy for city life, Energize smart living
#3174


สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อตลาดโรงแรมระดับลักชัวรีในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า ภาพรวมอุปทาน ณ สิ้นครึ่งแรกปี 2564 ยังคงอยู่ที่ประมาณ 12,943 ห้องพัก ไม่พบว่ามีโรงแรมระดับลักชัวรีเปิดบริการใหม่ในช่วงที่ผ่านมา มีเพียงแค่โรงแรมระดับอัปสเกลและมิดสเกลเปิดบริการใหม่จำนวน 2 โรงแรม รวมทั้งสิ้น 371 ห้องพัก คือ โรงแรมมายเทรียณ์ พระราม 9 กรุงเทพฯ-เอ ชาเทรียม คอลเลคชั่น เปิดบริการในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 230 ห้องพัก และโรงแรม เดอะ ควอเตอร์ สีลม บาย ยูเอชจี พัฒนาโดย เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 141 ห้องพัก และมีอีกหนึ่งโรงแรมคือ โอ๊ควู๊ด โฮเทล แอนด์ เรสซิเด้นท์ แบงค็อก เป็นการรีโนเวตมาจากโรงแรมแอสเทรา สาทร และเปิดบริการใหม่ จำนวนห้องพัก 142 ห้องพัก

'เราพบว่ามีโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดบริการในช่วงครึ่งหลังปี 64 อีกประมาณ 4 แห่ง ประมาณ 726 ห้องพัก และในปีถัดไปอีกประมาณ 600 ห้องพัก และพบว่ามีโรงแรมระดับลักชัวรีในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 2 โครงการ 423 ห้องพัก ยังคงเลื่อนการเปิดตัวออกไปจากในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา และอาจมีการปรับแผนและทบทวนการเปิดตัวใหม่อีกครั้งหากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกและในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง' นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย จำกัด กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลดำเนินการจัดหาวัคซีน และขับเคลื่อนแผนการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากขึ้น และสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 4 ในประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว สามารถผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ให้ธุรกิจต่างๆ กลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติในระยะเวลาที่รวดเร็ว อาจส่งผลให้ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการบางรายที่ปิดกิจการชั่วคราวในช่วงก่อนหน้าอาจสามารถกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้งตามแผนของผู้ประกอบการที่วางไว้

นอกจากนี้ รัฐบาลควรให้การสนับสนุนค่าจ้างแรงงานคนละครึ่งร่วมกับผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรม (โค-เปย์) ฝั่งละ 7,500 บาทต่อเดือน (หรือประมาณ 3,375 ล้านบาท) สำหรับค่าจ้างแรงงานไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน จากพนักงานโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องที่มีทั้งหมดราว 4.5 แสนคน พิจารณาลดจำนวนวันที่นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถเดินทางออกจากการกักตัวได้จาก 14 วันเหลือ 7 วัน และที่สำคัญที่สุด ควรเร่งการฉีดวัคซีนในพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศซึ่งถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศให้กลับมาฟื้นตัวในระยะเวลที่รวดเร็ว

สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวลดลงอย่างมาก ซึ่งจากเดิมคาดการณ์ในปี 64 ไว้ประมาณ 10 ล้านคน แต่ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์สฯ มองว่า คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้อาจเหลือเพียงแค่ประมาณ 100,000 คนเท่านั้น ซึ่งจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทาเข้ามาในประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่ 40,447 คน ปรับตัวลดลงร้อยละ 99.40 เทียบประมาณ 6,691,574 คน ในช่วงเดียวกันปี 63 ซึ่งในแต่ละเดือนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน คือประมาณ 5,741-8,529 คนต่อเดือน ส่วนใหญ่มาจากยุโรป ร้อยละ 42.30 ประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออก ร้อยละ 29.88 ประเทศในกลุ่มอเมริการ้อยละ 16.3 และจากประเทศจีนมีเพียงร้อยละ7.39

โรงแรมแบกค่าใช้จ่ายไม่ไหว ปิดกิจการถาวร-ขายทิ้ง

สำหรับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ ในครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 18.00 ปรับตัวลดลงร้อยละ 10.00 โดยพบว่าอัตราเข้าพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยในเดือนมกราคม อยู่ที่ร้อยละ 10.64 และปรับตัวดีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ตามแนวโน้มของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ18.74 และเดือนมีนาคมที่ร้อยละ 23.21 และเริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งเมื่อเกิดการระบาดระลอกใหม่ในเดือนเมษายน ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 16.22 ในเดือนเมษายน และยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคมที่ร้อยละ 6.97 และเดือนมิถุนายนที่ร้อยละ 7.89

'คาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ และโรงงแรมทุกระดับในประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปีจะยังคงใกล้เคียงกับในช่วงครึ่งแรกของปีหรือปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหญ่ประจำวันมากกว่า 10,000 คน และตัวเลขผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คนต่อวัน เป็นผลให้รัฐบาลขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 2 เดือน ทุกเขตพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2564 ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวล้วนส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมเป็นอย่างมาก'

ขณะที่ราคาเฉลี่ยห้องพักรายวัน (ADR) ของโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ ในครึ่งปีแรก ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมมาอยู่ที่ประมาณ 3,264 บาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 15.00 จากในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลกระทบจากการมอบส่วนลดให้แก่ลูกค้าภายในประเทศ เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมบางรายปรับลดราคาห้องพัก-อาหารลงกว่าร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม จากมาตรการควบคุมโรคของรัฐบาลที่ยังมีความยืดหยุ่น ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหลายรายจึงหันมาปรับตัวด้วยการบริการด้านอาหารให้ลูกค้าแบบเดลิเวอรี เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้อีกช่องทางในภาวะที่อัตราการเข้าพักตกต่ำ

กว่า 234 โรงแรมเข้าร่วมฮอสพิเทล เพิ่มยอดอัตราเข้าพัก

แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้อัตราการจองโรงแรมลดลงและอีกกว่าร้อยละ 50 มีการยกเลิกห้องพัก เนื่องจากมองว่าการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมาอาจไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ขณะที่การกระจายวัคซีนยังคงล่าช้า ซึ่งกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยมีตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียงร้อยละ 16.16 ต่อสัดส่วนประชากรทั้งประเทศเท่านั้น

'อัตราการเข้าพักและราคาเฉลี่ยรายวันคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี 2564 มีเพียงโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นฮอสพิเทลเท่านั้นที่มีอัตราการเข้าพักที่ทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 30.00 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเข้าพักที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นฮอสพิเทลรวมกว่า 234 แห่ง ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมจำนวนมากเลือกที่จะปิดกิจการชั่วคราวเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่มีความหวังว่าจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้'
#3175


คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบยาของสหรัฐฯในวันจันทร์(23ส.ค.) อนุมัติใช้เต็มรูปแบบวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทค นับเป็นวัคซีนตัวแรกที่ได้รับอนุมัติเต็มรูปแบบจากสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ(เอฟดีเอ) กระตุ้นให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกมาเร่งเร้ารอบใหม่ให้คนที่ยังคลางแคลงใจรีบเข้ารับวัคซีน ในความพยายามต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ยังคงระบาดไม่หยุด

ก่อนหน้านี้ เอฟดีเอ อนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินวัคซีน 2 เข็มของไฟเซอร์/ไบออนเทค ในเดือนตุลาคม และเมื่อวันจันทร์(23ส.ค.) ได้อนุมัติใช้เต็มรูปแบบสำหรับบุคคลอายุ 16 ปีขึ้นไป บนพื้นฐานของข้อมูลอัพเดทจากการทดลองทางคลินิกและทบทวนการผลิตของทางบริษัท เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแสดงความหวังว่าความเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะช่วยโน้มน้าวชาวอเมริกันชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเชื่อมั่นว่าวัคซีนของไฟเซอร์นั้นมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

อเมริกันชนบางส่วนยังคงมีความคลางแคลงในต่อวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มคนหัวอนุรักษ์นิยม และจากข้อมูลพบว่าเคสโควิด-19 อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตา ที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก เพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ต่างๆของสหรัฐฯที่มีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำ

ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวที่ทำเนียบขาว เรียกการอนุมัติของเอฟดีเอ ว่าเป็น "ช่วงเวลาที่สำคัญของเราในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่" และเร่งเร้าภาคเอกชนบงคับพนักงานฉีดวัคซีนมากขึ้น "ถ้าคุณเป็นหนึ่งในอเมริกันชนหลายล้านคนที่เคยบอกว่าจะไม่ฉีดวัคซีนจนกว่ามันจะได้รับการอนุมัติเต็มรูปแบบและขั้นสุดท้ายจากเอฟดีเอเสียก่อน ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว มันถึงเวลาที่คุณจะเข้ารับวัคซีนแล้ว ฉีดมันวันนี้เลย อย่าปล่อยให้เสียเวลาเปล่า"

เพนตากอนระบุว่าพวกเขากำลังเตรียมการสำหรับบังคับบุคลากรทางทหารฉีดวัคซีน

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯคาดหมายด้วยว่าความเคลื่อนไหวของเอฟดีเอจะกระตุ้นให้รัฐต่างๆและรัฐบาลท้องถิ่น เช่นเดียวกับนายจ้างเอกชน บังคับฉีดวัคซีนกันมากขึ้น โดยนิวยอร์กซิตีบอกว่าจะบังคับครูโรงเรียนรัฐฉีดวัคซีน ส่วนนิวเจอร์ซีย์ระบุลูกจ้างขอรัฐทุกคนต้องฉีดวัคซีนภายในช่วงกลางเดือนตุลาคม ไม่อย่างนั้นก็ต้องเข้ารับการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นประจำ

"ในขณะที่ประชาชนหลายล้านคนเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ด้วยความปลอดภัยไปแล้ว เราตระหนักว่าสำหรับบางคน การอนุัติวัคซีนเต็มรูปแบบของทางเอฟดีเอ เวลานี้อาจช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการเข้ารับวัคซีน" จาเน็ต วู้ดค็อค รักษาการผู้อำนวยการเอฟดีเอระบุ

เวลานี้มีประชาชนในสหรัฐฯแล้วมากกว่า 204 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนของไฟเซอร์

เอฟดีเออนุมัติขยายระยะเวลาเก็บรักษาวัคซีนไฟเซอร์จาก 6 เดือนเป็น 9 เดือน พร้อมยืนยันว่าวัคซีนเพิ่มความเสี่ยงหัวใจอักเสบ โดยเฉพาะในคนหนุ่มสาวในไม่กี่สัปดาห์หลังจากเข้ารับวัคซีนเข็ม2

การอนุมัติใช้เต็มรูปแบบ ช่วยให้พวกแพทย์ดำเนินการได้ง่ายขึ้น ในการจ่ายวัคซีนเข็ม 3 ของไฟเซอร์นอกข้อบ่งใช้(off-label) สำหรับบุคคลที่อาจจำเป็นต้องได้รับการปกป้องจากโควิด-19 เพิ่มเติม

หุ้นของไฟเซอร์ปิดบวกราวๆ 2.5% ส่วนไบออนเทคพุ่งขึ้นมากกว่า 9.5%

วัคซีนตัวอื่นอีก 2 ตัวที่ได้รับอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินในสหรัฐฯ ประกอบด้วยของโมเดอร์นา อิงค์ และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แต่ทั้ง 2 ยังไม่ได้รับอนุมัติใช้เต็มรูปแบบจากเอฟดีเอ

เอฟดีเออนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินวัคซีนของไฟเซอร์สำหรับบุคคลอายุ 16 ปีขึ้นไปในเดือนตุลาคม ก่อนที่จะอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินเพิ่มเติมสำหรับบุคคลอายุ 12 ปีขึ้นไปในเดือนพฤษภาคม

ในเรื่องนี้ทางไฟเซอร์และไบออนเทคเปิดเผยว่าพวกเขามีแผนอนุมัติใช้เต็มรูปแบบสำหรับเด็กอายุ 12-15 ปี เร็วที่สุดเท่าที่ข้อมูลที่จำเป็นปรากฎออกมา

วู้ดค็อค บอกว่าที่เอฟดีเอยังไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีในตอนนี้ ก็เพราะจำเป็นต้องมีคำรับประกันก่อนว่ามันมีความปลอดภัยสำหรับเด็กกลุ่มนี้ "มันจะกลายเป็นความกังวลใหญ่หลวง หากฉีดวัคซีนแก่เด็ก เพราะว่าเรายังไม่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจง"

คาดหมายว่าไฟเซอร์จะยื่นข้อมูลในฤดูใบไม่ร่วง(ปลายเดือนกันยายนถึงปลายเดือนธันวาคม) สำหรับสนับสนุนการขออนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินกับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี บนพื้นฐานลดปริมาณวัคซีนลง

สหรัฐฯรายงานพบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก จนถึงตอนนี้พบผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 625,000 ราย ในขณะที่ค่าเฉลี่ยผู้เสียชีวิตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมาพุ่งแตะระดับมากกว่า 600 คนต่อวัน

จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) พบว่าอเมริกันชนอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนโควิด-19 เข้าฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็มคิดเป็นสัดส่วนถึง 71% และ 60.2% ฉีดวัคซีนครบแล้ว

แต่หากคิดตามประชากรทั้งหมด ซึ่งนับรวมเด็กอายุ 11 ปีลงไป ที่ยังไม่ได้รับอนุมัติฉีดวัคซีน พบว่าสัดส่วนอเมริกันชนที่ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็มจะลดลงมาเหลือ 60.7% และฉีดวัคซีนครบแล้วเหลือ 51.1%

อัลเบิร์ต บูร์ลา ซีอีโอของไฟเซอร์ระบุในถ้อยแถลงว่าการอนุมัติของเอฟดีเอ "เป็นเครื่องยืนยันข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยวัคซีนของเรา ในช่วงเวลาที่มันมีความจำเป็นเร่งด่วน"

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม เอฟดีเออนุมัติฉีดวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาเข็ม 3 แก่กลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นวัคซีนของไฟเซอร์ยังไม่ได้รับอนุมัติใช้ในประชาชนทั่วไปในฐานะเข็มกระตุ้น

(ที่มารอยเตอร์)
#3176


ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า TQM ได้เซ็นสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด และ บริษัท ทรู เอ็กซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด เพื่อทำการขยายตลาดประกันภัยและประกันชีวิต ช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับกลุ่มบริษัท TQM ได้ในอนาคต พร้อมดันเบี้ยขายรวมปี 2564 ให้โตตามเป้าที่ 25,000 ล้านบาท และทยานสู่ 50,000 ล้านบาทในปี 2569 โดย TQM ได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 51% ของทั้ง 2 บริษัท

สำหรับบริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด เป็นบริษัทนายหน้าประกันชีวิตนิติบุคคลที่มีฐานลูกค้ารายย่อยมากกว่า 500,000 ราย มีเบี้ยขายประกันชีวิตเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย TQM ได้เข้าร่วมลงทุนในมูลค่า 250 ล้านบาท เบี้ยขายประกันชีวิตในปี 2564 คาดว่าโต กว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่ารายได้รวมมากกว่า 120 ล้านบาท กำไรมากกว่า 40%

ขณะที่บริษัท ทรู เอกซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด เป็นบริษัทประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยประเภทค้ำประกันบุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งมีผู้เอาประกันรวมกว่า 30,000 ราย โดย TQM ได้เข้าร่วมลงทุนในมูลค่า 16 ล้านบาท เบี้ยขายประกันประกันภัยในปี 2564 คาดการกว่า 100 ล้านบาท คาดการรายได้รวมมากกว่า 10 ล้านบาท กำไรกว่า 30%

ด้านนายสิทธิบัญญ์ บุญสาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมลงทุนจาก TQM ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะในการนำนวัตกรรม InsurTech ที่ TQM เป็นโบรคเกอร์ที่เชี่ยวชาญมาปรับใช้ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการนำเสนอแบบประกันต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ให้แก่สมาชิกทรูไลฟ์ที่ปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 5 แสนราย และจะเดินหน้าขยายตลาดสู่ลูกค้าประกันภัยในอนาคต

ด้านนายศิวพงศ์ วัชระกิติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทรู เอ็กซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า นับเป็นโอกาสอันดีมากสำหรับทั้ง 3 บริษัท ที่จะสามารถรวมกันเพื่อเอาทรัพยากรและจุดแข็งของแต่ละแห่งที่มีอยู่มาสนับสนุนและต่อยอดในอนาคตได้ต่อไป อีกทั้งจากประสบการณ์ด้านประกันภัยกว่า 68 ปีของ TQM โดยเฉพาะในด้านนวตกรรมซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะมาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของทรู เอ็กซ์ตร้า ด้วยความเข้าใจผู้บริโภคประกันภัยเป็นอย่างดีในการคัดสรรสินค้าประกันภัยให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม

ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าร่วมทุนของ TQM กับทั้ง 2 บริษัท จะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มลูกค้าองค์กร ช่วยเสริมให้ธุรกิจของ TQM โดยเฉพาะด้านโบรคเกอร์ประกันชีวิตมีการขยายตัวและเติบโตต่อไป
#3177


เอพี/เอเจนซีส์ – สาธุคุณนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชื่อดังสหรัฐฯ เจสซี แจ็คสัน และภรรยา แจ็คเกอร์ลีน เมื่อวานนี้(22 ส.ค) ยังคงอยู่ในการดูแลของคณะแพทย์ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ หลังเข้ารับการรักษาโรคโควิด-19 พบมีการตอบสนองการรักษาด้วยดี

เอพีรายงานวันนี้(23 ส.ค)ว่า ทั้งสาธุคุณ เจสซี แจ็คสัน (Jesse Jackson )และภรรยา แจ็คเกอร์ลีน (Jacqueline ) ที่แต่งงานมานานเกือบ 60 ปีถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล นอร์ทเวสเทิร์น เมโมเรียล( Northwestern Memorial Hospital) 1 วันก่อนหน้า โดยคณะแพทย์เฝ้าสังเกตอาการคนทั้งคู่ด้วยความเฝ้าระวังเนื่องมาจากปัญหาการสูงวัยของทั้งสอง โจนาธาน แจ็คสัน หนึ่งในบุตรทั้ง 5 คนของสาธุคุณกล่าวผ่านแถลงการณ์

สาธุคุณแจ็คสันอยู่ในวัย 79 ปี ส่วนภรรยาอายุ 77 ปี

"ทั้งสองได้รับการพักผ่อนอย่างดีและมีการตอบสนองที่ดีต่อการรักษา" บุตรชายแจ็คสันแถลง และเสริมว่า "ครอบครัวของผมรู้สึกซาบซึ้งต่อความห่วงใยทั้งหมดและการสวดภาวนาที่ให้กับคนทั้งคู่ และพวกเราจะยังคงสวดภาวนาต่อครอบครัวของเราต่อไปเช่นกัน"

เจสซี แจ็คสัน เป็นผู้นำด้านสิทธิมนุษยชนชื่อดังจากเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ นั้นได้รับวัคซีนโควิด-19แล้วโดยเขาได้รับมาตั้งแต่มกราคมต้นปีผ่านหน้ากล้องทีวีเพื่อเชิญชวนให้ประชาชนอเมริกันเข้าร่วมการฉีดวัคซีนโควิด-19โดยเร็วที่สุด แต่ทว่าสถานะการฉีดวัคซีนของแจ็คเกอร์ลีนนั้นไม่เป็นที่แน่ชัดในเวลานี้ สมาชิกครอบครัวต่างกล่าวว่ามารดาของพวกเขามีปัญหาด้านสุขภาพด้วยโรคที่ไม่เปิดเผยและทำให้เกิดความวิตกเมื่อไม่กี่วันมานี้

"ผมขอให้พวกคุณยังคงสวดภาวนาต่อไปเพื่อการฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ของบิดามารดาของพวกเรา และพวกเราจะยังคงแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้พวกคุณต่อไปเป็นระยะๆ" โจนาธาน แจ็คสันกล่าว

เอพีรายงานว่า สาธุคุณสีผิวนักต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมล้มป่วยด้วยโรคพาร์กินสัน และเขาได้เข้ารับการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีเมื่อต้นปี

ฟอร์บส์รายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้องค์กรสมาพันธ์ผลักดันเพื่อสายรุ้ง( Rainbow Push Coalition) ที่สาธุคุณก่อตั้งขึ้นในปี 1996 ได้ออกแถลงการณ์ด่วนในวันเสาร์(21)มีใจความว่า ทั้งสาธุคุณแจ็คสันและภรรยาขณะนี้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลังจากมีผลการตรวจโควิด-19 เป็นบวก และร้องขอให้บุคคลที่เคยเข้าใกล้และสัมผัสคนทั้งคู่ในช่วงระหว่าง 5 – 6 วันล่าสุดให้ทำตามข้อปฎิบัติของศูนย์การควบคุมและการป้องกันโรคสหรัฐฯ CDC
#3178


ล่าสุดคือ "แอร์เอเชีย ดิจิทัล" หน่วยธุรกิจด้านดิจิทัลของกลุ่มแอร์เอเชีย เปิดตัวบริการใหม่ "แอร์เอเชียฟู้ด" (airasia food) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 ส.ค.2564 เพื่อยกระดับ "แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ" (airasia super app) โดดเด่นเรื่องสินค้าท่องเที่ยว โดยเฉพาะการจองเที่ยวบินและโรงแรมที่พัก พุ่งเป้าสู่จุดหมายสำคัญ นั่นคือการเป็นซูเปอร์แอพชั้นนั้นของภูมิภาคอาเซียน!

หลังจากเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2564 เจ้าพ่อสายการบินโลว์คอสต์แห่งอาเซียน "โทนี่ เฟอร์นันเดส" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแอร์เอเชีย ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของ "โกเจ็ก" (Gojek) ส่วนที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทย ด้วยมูลค่าลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท (50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ขณะที่โกเจ็ก สตาร์ทอัพสัญชาติอินโดนีเซียผู้ให้บริการแพลตฟอร์มมัลติเซอร์วิสรายใหญ่ชั้นนำของอาเซียน จะเข้าถือหุ้นบางส่วนในแอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ ซึ่งมีมูลค่าประเมินทางตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) และทำให้โกเจ็กสามารถเพิ่มการลงทุนในการดำเนินงานได้ โดยเฉพาะในตลาดเวียดนามและสิงคโปร์

วรุฒ วุฒิพงศาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ กล่าวว่า ด้วยการผนึกความรู้ที่ได้จากความสำเร็จของซูเปอร์แอพในมาเลเซียและสิงคโปร์ ความเชี่ยวชาญของทีมเทเลพอร์ต ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจด้านโลจิสติกส์ของกลุ่มแอร์เอเชีย ความแข็งแกร่งของทีมแอร์เอเชียในเรื่องของธุรกิจท่องเที่ยว และความเข้าใจในตลาดของทีมงานโกเจ็ก ประเทศไทย จึงเชื่อว่า "แอร์เอเชียฟู้ด" จะสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้าที่สุดและกลายเป็นทางเลือกที่ผู้คนในกรุงเทพฯนิยมใช้อย่างแน่นอน

โดยบริการ airasia food เปิดตัวพร้อมแคมเปญฟรี 30,000 มื้อตลอดระยะเวลา 30 วัน และส่วนลดอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมให้บริการสำหรับลูกค้าในกรุงเทพฯ 4 พื้นที่ ได้แก่ ดินแดง จตุจักร ลาดพร้าว และห้วยขวาง

จากนั้นจะขยายพื้นที่ให้บริการอีก 4 เขตเร็วๆ นี้ ได้แก่ พญาไท ราชเทวี ปทุมวัน และวัฒนา โดยในแอพพลิเคชันมีร้านค้ามากมายหลากหลายให้เลือก ตั้งแต่แบรนด์ดังอย่างแมคโดนัลด์ แฟลช คอฟฟี่ หรือคาเฟ่ อเมซอน ไปจนถึงร้านค้าเอสเอ็มอี และเปิดให้บริการตั้งแต่ 6.30 น. ถึง 19.00 น. ของทุกวัน พร้อมตั้งเป้าขยายสู่พื้นที่อื่นๆ อาทิ เชียงใหม่และภูเก็ตในอนาคตอันใกล้

"และสำหรับร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ในการเปิดตัวเราขอมอบค่าคอมมิชชั่นเพียง 5% ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนตุลาคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนร้านค้าในขณะนี้" วรุฒกล่าว



ฟาก "โรบินฮู้ด" (Robinhood) ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด บริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หลังจากรุกทำตลาด "ฟู้ดดิลิเวอรี่" ด้วยการชูจุดขายค่าจีพี (GP: Gross Profit) หรือค่าบริการระบบที่ร้านอาหารจ่ายให้กับแพลตฟอร์มที่ 0% จนสามารถสร้างฐานลูกค้ามากกว่า 2 ล้านรายในปัจจุบัน ให้บริการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 4 จังหวัด มีร้านอาหารเข้าร่วมมากกว่า 1.3 แสนราย ไรเดอร์ 2.6 หมื่นคน

ล่าสุดขอกระโดดร่วมวงชิงส่วนแบ่งตลาดบริษัทตัวแทนขายท่องเที่ยวออนไลน์ หรือ "Online Travel Agents" (OTA) ด้วยการนำคอนเซ็ปต์เดียวกับการบุกตลาดฟู้ดดิลิเวอรี่ ชูจุดขาย "Zero GP OTA" เก็บค่าคอมมิชชั่น 0% จากผู้ประกอบการโรงแรมและท่องเที่ยว เพื่อหนุนโรบินฮู้ดสู่หมุดหมายการเป็นซูเปอร์แอพ!

สีหนาท ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า โรบินฮู้ดเตรียมเปิดตัวบริการ "โรบินฮู้ด ทราเวล" อย่างเป็นทางการในต้นปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดคนไทยน่าจะออกท่องเที่ยวภายในประเทศได้อีกครั้ง โดยออกแบบบริการให้ครอบคลุมความต้องการสินค้าท่องเที่ยวตลอดเส้นทางการเดินทางของลูกค้า ทั้งที่พักโรงแรม เที่ยวบิน ทัวร์และกิจกรรม รวมถึงบริการรถเช่า

"ธุรกิจ OTA หลายๆ รายของต่างประเทศจะแข่งกันที่ราคา และมีการเก็บค่าคอมมิชชั่นจากผู้ประกอบการประมาณ 30-35% เพื่อทำกำไร แต่โรบินฮู้ดเก็บค่าคอมมิชชั่นที่ 0% เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถออกโปรโมชั่น ขายแพ็คเกจแบบมัดรวม (Bundle Packages) ในการดึงดูดลูกค้าได้ เช่น แพ็คเกจห้องพักแถมสปา แพ็คเกจห้องพักแถมอาหารมื้อค่ำ และอื่นๆ"

พงศ์ศักดิ์ ตฤณธวัช ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ โรบินฮู้ด กล่าวเสริมว่า และในเมื่อไม่มีการเก็บค่าคอมมิชชั่นและค่า Visibility Booster ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มอัตราการปรากฏของสินค้าท่องเที่ยวบนหน้าแพลตฟอร์ม ทางโรบินฮู้ดเลือกใช้วิธีเรียงการนำเสนอผู้ประกอบการกลุ่มที่เป็น "Preferred Partners" ซึ่งมีการนำเสนอดีลพิเศษ เพิ่มสิทธิประโยชน์ เช่น ให้วอยเชอร์ส่วนลดสำหรับใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ และของแถมต่างๆ จัดเป็นแพ็คเกจให้แก่ลูกค้า ให้ปรากฏอยู่ในหน้าแรกๆ ของแพลตฟอร์ม

"ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและโรงแรมบางแห่งมีข้อตกลงกับ OTA รายอื่นว่าไม่สามารถขายในราคาต่ำกว่านี้ได้ ถ้าเช่นนั้น...โรบินฮู้ดบอกไม่เป็นไร ผู้ประกอบการสามารถเสนอขายในราคาเท่ากับ OTA รายอื่นได้ แต่ขอมีสิทธิประโยชน์เพิ่มแต่แก่ลูกค้าแทน โดยโรบินฮู้ดทราเวลเตรียมให้บริการอย่างไม่เป็นทางการในเดือน พ.ย.นี้ และให้บริการอย่างเป็นทางการทั่วประเทศในไตรมาส 1 ปี 2565"
#3179


    คู่รักบางคู่โชคดีมีลูกง่ายโดยไม่ต้องพยายามมากนัก  แต่มีอีกหลายคู่ที่พยายามกันแล้ว ใช้เวลานานก็ไม่สำเร็จ ไม่ตั้งครรภ์สักที ปัญหามีลูกยากแท้จริงแล้วอธิบายง่าย ๆ ว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ การใช้ชีวิตประจำวันและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราเป็นสาเหตุสำคัญทำให้มีลูกยาก ความเครียดนั้นเกิดจาก ภารกิจที่ยุ่งวุ่นวายในแต่ละวัน ใจผูกติดอยู่กับงาน ส่งผลต่อฮอร์โมน และ การตกไข่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้โอกาสตั้งครรภ์น้อยลงไปด้วย

     แต่ถ้ามาที่คลินิก Genesis Fertility Center (GFC) ศูนย์รวมบริการทางการแพทย์ สำหรับผู้มีบุตรยากแบบครบวงจร ทุกอย่างจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปที่จะเติมคำว่า ครอบครัว ให้เต็มด้วยคำว่าแก้วตาดวงใจ ลูกน้อย ที่เป็นโซ่คล้องใจสำคัญสำหรับพ่อแม่ทุกคู่ ที่ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอลูกน้อยมานานจนเกือบท้อแต่อย่าหมดหวัง เพราะ "คุณหมอเอ็ม ชมพูนุช จันทรกระวี" (หมอเอ็ม) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสำหรับผู้มีบุตรยาก พร้อมให้ทำปรึกษาและทำให้หลายครอบครัวต่างก็ประสบความสำเร็จได้ลูกอย่างที่หวังมาหลายครอบครัวแล้วนั้น

    งานนี้เลยต้องขอส่องโปรโฟล์ของ คุณหมอเอ็ม ชมพูนุช จันทรกระวี ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายๆบ้านมีลูกสมดั่งที่ใจหวัง ก็ต้องบอกเลยว่าโปรไฟล์ คุณหมอเอ็ม เพอร์เฟคมาก เพราะได้เรียนจบ แพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถมยังชอบกีฬาที่หลากหลาย อาทิ ต่อยมวย โยคะ แล้ว

    คุณหมอเอ็ม ยังได้เผยอีกว่าที่เลือกมาทำด้านนี้ก็เพราะ ความรู้ของด้านนี้สนุก และมีอัพเดตไม่สิ้นสุด มีวิทยาการใหม่ๆที่สามารถนำมาใช้รักษาคนไข้ นอกจากนั้นมันเหมือนเป็นความท้าทายเล็กๆ ว่าเราจะทำอย่างไรให้คนไข้ตั้งครรภ์ได้และคลอดน้อง มีน้องที่สมบูรณ์ แข็งแรง ความสำเร็จประมาณ 70% ค่ะ ทุกเคสก็มีความยากมาก ยากน้อยต่างกันไป (ถ้าเคสง่ายก็มักจะท้องได้เองไม่ได้มาเจอหมอค่ะ) เคสที่ยาก เช่น เคสที่รักษาจากที่อื่น เก็บไข่มา 3 รอบ โดยน้ำเชื้อที่ใช้มาจากการทำ TESE (ตัดชิ้นเนื้อบางส่วนจากอัณฑะ เพื่อหาอสุจิมาใช้ในการปฏิสนธิ) ได้ตัวอ่อน ตรวจโครโมโซมทุกครั้ง ใส่ตัวอ่อนไป 2 รอบ ยังไม่ตั้งครรภ์ เปลี่ยนมารักษาที่ GFC ก็เริ่มกระตุ้นไข่ใหม่และทำ TESE ตัวอ่อนที่ได้เราเลี้ยงในตู้เลี้ยง EEVA เพื่อเพิ่มคุณภาพตัวอ่อน หลังตรวจโครโมโซมผ่าน เตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกค่อนข้างยาก เพราะเยื่อบุบางมาก ใช้ยาเยอะมาก แต่พอได้ใส่ตัวอ่อนรอบแรกติดค่ะ เคสนี้ลุ้นมาก ซึ่งในทุกขั้นตอนการดูแลให้คำปรึกษาและรักษาตั้งแต่ต้นจนจบ ระหว่างทางเราจะมีคุณพยาบาลที่ช่วยให้คำแนะนำทั้งการฉีดยา การดูแลตัวเองตั้งแต่ก่อนท้องจนตั้งครรภ์เราก็ดูแลกันไปตลอด ที่ขาดไม่ได้คือทีมนักวิทยาศาสตร์เลี้ยงตัวอ่อนที่ช่วยดูแลเด็กน้อยให้แข็งแรงก่อนที่จะส่งไปอยู่กับคุณแม่ ทุกฝ่ายดูแลจากใจจริงๆค่ะ จนวันนี้ก็ยังดีใจไม่หายที่ช่วยให้หลายๆครอบครัวได้มีคุณลูกตัวน้อยสมหวังอย่างที่ตั้งใจ หากคุณประสบปัญหากับภาวะมีบุตรยากมาหาเราที่ GFC นะคะ เราพร้อมสร้างฝันให้เป็นจริงได้ สามารถปรึกษาและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-108-6413-14 หรือ 0974845335 หรือ ทางเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/GFC.Bangkok และ Line OA : @gfcclinic "
#3180


ฟิลลิปประกันชีวิต อำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือกรมธรรม์ช่วงโควิด-19 ด้วยการกู้เงินตามกรมธรรม์ออนไลน์ (eLoan) ผ่าน Application 'PhillipLife TH' โดยไม่ต้องเดินทางมายังสาขา หรือสำนักงานของบริษัทฯ และได้รับเงินเร็วสุดภายในวันทำการถัดไป ขอกู้ได้สูงสุดถึง 1,000,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าเวนคืนตามกรมธรรม์ประกันชีวิต เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยที่ยังคงความคุ้มครองชีวิตตามเงื่อนไขกรมธรรม์

การกู้เงินตามกรมธรรม์ผ่านช่องทางออนไลน์ (eLoan)นี้ จะช่วยให้ลูกค้าใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวล ได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางไปกรอกเอกสารที่สาขา หรือสำนักงานของบริษัทฯ ก็สามารถที่จะขอกู้เงินตามกรมธรรม์ได้ทันทีตามแบบฉบับของวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามฉุกเฉินที่ต้องการตัวช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตและขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้อย่างไม่ติดขัด eLOAN ถือเป็นเรื่องใหม่ ที่ในปัจจุบันยังมีคนเข้าถึงไม่มาก โดยไม่ทราบว่ากรมธรรม์ของตนสามารถกู้เงินออกมาใช้ได้ อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ สูงสุดไม่เกิน 8% ต่อปี บริการ eLOAN เป็นการกู้เงินตามกรมธรรม์ (Policy Loan) ดำเนินการผ่าน 'PhillipLife TH' Application บน Mobile Phone หรือ Tablet ทั้งในระบบ iOS และ Andrioid สามารถดำเนินการได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมีเอกสาร หรือกระดาษใดๆ มาเกี่ยวข้อง (Paperless) และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันใดๆ และได้รับเงินกู้ฯ โอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้เอาประกัน (ATS) อย่างรวดเร็วไม่เกิน 1-2 วันทำการ (ขึ้นกับเวลาที่ทำการกู้ฯ) และในทางกลับกัน ผู้เอาประกันจะสามารถชำระคืนเงินกู้ด้วยความสะดวกรวดเร็ว ด้วยการหักจากบัญชีธนาคารของผู้เอาประกัน (ATS) เช่นเดียวกัน นับได้ว่าบริการ eLoan นี้มีส่วนช่วยให้ผู้ถือกรมธรรม์ของบริษัทฯ ได้รับความสะดวก และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้