• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - kaidee20

#3181












ขายคอนโด สวย หรู สง่างาม ที่ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่อยู่ติดกับนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี่ ย่านบางกะดี่ ตำบลบางกะดี่ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ห้องชุดอยู่ชั้น 7
เนื้อที่ห้องชุด 76.84 ตร.ม. ขาย1,200,000 บาท เช่า 15,000 บาท/เดือน
ปาล์มสปริงคอนโด ตกแต่งแล้ว พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ติดถนนใหญ่ คอนโดหรูโครงการหรู โครงสร้างทันสมัย
วิวสวย บรรยายกาศดี เหมาะแก่การพักอยู่อาศัย สาธารณูปโภคครบครัน สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส รปภ. ยามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. 
ทางเข้านิคมอุตสาหกรรมบางกะดี่ เชื่อมต่อ เข้าออกถนนหลักๆได้หลายสาย เข้าออกง่ายสบาย
เดินทางสะดวกสบาย

โทร  083-712-4115
LINE ID : 0837124115

ปาล์มสปริงคอนโดมิเนี่ยม
ตำบล บางกะดี อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
https://maps.app.goo.gl/qMEqgSPk5wDKNJ489
 
#3182









เช่ารถโควิดแสนถูก600บาท/วัน เช่านานยิ่งคุ้ม แสนถูก เช่าง่าย รถสะอาดปลอดภัย คุ้มค่า วีออส  ยาริส ซิตี้ อัลเมร่า แคมรี่ อัลติส ซีวิค กระบะมิตซูไททั้น ตู้Volkswagen
รับรถแคราย นนทบุรี สถาบันโรคทรวงอก  
มีบริการส่งถึงที่ ประกันรถ 5000 โทร

083-7124115  
Line id : 0837124115
www.รถเช่าดี.com

https://www.facebook.com/profile.php?id=100004405322209
#3183
บริการให้เช่ารถไม่ใช้บัตรเครดิต
รถดี สะอาด ง่าย ถูก คุ้มค่า
 
700-1200 บาทต่อวัน

วีออส ยาริส  ซิตี้  อัลเมร่า แคมรี่  อัลติส ซีวิค กระบะมิตซูไททั้น  ตู้Volkswagen
รับรถจุดบริการ แยกแคราย ใกล้สถาบันโรคทรวงอก  
ส่งถึงที่ ค่าส่งเริ่มที่ 500 แล้วแต่ระยะทาง 
ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นและจำนวนวันที่เช่า 
เช่าหลายวันยิ่งได้ส่วนลด 
รถเล็กทั่วไปเช่นวีออส ยาริส อัลเมร่า ซิตี้ 

Deposit เงินประกัน 5,000 ได้คืนตอนคืนรถ 4,000  เก็บตรวจสอบค่าจราจร 1,000  ครบ 30 วัน คืนหากมีใบสั่งปรับตามจริง

ประกัน ‭4000‬ บาท 
จอง/แจ้งเช่า 087-048-6085‬ 
สำเนาเอกสารที่ใช้
ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน
ใบขับขี่ สลิปอื่นๆ
โทร 087-048-6085 คนคุมรถ , 
0837124115  ,  
086-521-3573 

Line id : 0837124115
www.รถเช่าดี.com
#3184












 โควิดลดกระหน่ำราคา ที่ดินติดทะเล ริมทะเล สูงจากน้ำทะเลประมาณ 6-9 เมตร ขนานนามฝั่งแดง ทะเลสวยสดชื่นสดใส 5ไร่ ไรละ 3.5ลบ. แบ่งขายโฉนดครุฑแดง ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ 

ธรรมชาติฟินอารมณ์สุดสุด วิวสวยงาม Unseen Thailand พร้อมสวนมะพร้าวเต็มพื้นที่ เก็บเกี่ยวได้เลย ที่ดินที่หายาก ลักษณะทางธรรมชาติไม่เหมือนที่ใด  เห็นวิวทะเลหมู่เกาะต่างๆ เช่น เกาะทะลุ เกาะสิงห์ เกาะสังข์ อื่นๆ

นับแสนปีหินกรวดมนมากมายกองกันจนเป็นแนวจากกรดที่ทับถมกันเป็นหินทรายที่มีอายุ 60-214 ล้านปี อยู่ด้านใต้ลงไปแล้วถูกน้ำพามาถมกันนอกจากจะเห็นเป็นศิลาแลงแล้วยังมีหินทรายที่แข็งแทรกตัวอยู่ในชั้นหินกรวดมนซึ่งเป็นลักษณะเด่น นับได้ว่าที่ดินแห่งนี้เป็นที่ดินที่ ทำเลหายาก ที่ดินทำเลทอง ที่ดินติดทะเลหน้ากว้าง มีทางสาธารณะรถยนต์ขับเข้าถึงที่ดิน
น้ำไฟเข้าถึง แหล่งชุมชน สัมผัสได้ถึงความงามเด่นอันตระการตา สนใจโทร/ไลน์

โทร  0837124115
line id : 0837124115

ปักหมุด
ใกล้ ตำบล ทรายทอง อำเภอบางสะพานน้อย ประจวบคีรีขันธ์
https://maps.app.goo.gl/PL2am3Ehn6rWut786
#3185


สมัยก่อนอาจพูดได้ว่า ช่องทางออนไลน์ไม่ใช่ "สไตล์" ลูกค้าผู้ซื้อสินค้าลักชัวรี แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไป พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปด้วย ปฏิเสธไม่ได้ว่าแบรนด์หรู หรือ Luxury Brand ยังติดกรอบความคิดที่ว่า "ลูกค้าไม่ซื้อลักชัวรีแบรนด์ด้วยวิธีออนไลน์" 

ศรีสุภาคย์ อารีวณิชกุล ผู้อำนวยการธุรกิจองค์กร LINE ประเทศไทย กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หากพิจารณาการเติบโตสินค้าลักชัวรีแบรนด์ และกำลังซื้อลูกค้ากลุ่มนี้ พบว่า มีหลายเหตุผลที่แบรนด์หรูควรบังคับ "หางเสือ" พุ่งตรงมายังตลาดชอปปิงออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น 

ข้อมูลของ Altagamma เผยความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านภาพลักษณ์ของสินค้าลักชัวรี ชี้ว่า ตลาดลักชัวรีแบรนด์จะขยายตัวต่อเนื่องกว่า 7% ต่อปียาวไปถึงปี 2567 โดยเฉพาะเครื่องแต่งกาย กระเป๋า รองเท้า ซึ่งปัจจัยขับเคลื่อนตลาดลักชัวรีแบรนด์ให้สูงขึ้น คือ โครงสร้างและเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ลักชัวรีแบรนด์พาเหรดสู่ออนไลน์ 

ไลน์ ระบุว่า มีข้อมูลที่น่าสนใจชี้ว่า ลูกค้าส่วนใหญ่หันมาซื้อลักชัวรีแบรนด์ ด้วยวิธีออนไลน์มากขึ้น ซึ่งกำลังถูกขับเคลื่อนโดยผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลและ GEN Z  ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของนักช้อปทั้งหมด ที่สำคัญผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังสร้างการเติบโตมากถึง 85% ของการเติบโตของสินค้าลักชัวรีแบรนด์ทั่วโลกตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา

อีกปัจจัยที่เห็นชัด คือ การเข้ามาของดิจิทัลมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อมากขึ้น McKinsey พบว่า 40% ของการซื้อของลักชัวรีทั้งหมด ได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ออนไลน์ของผู้บริโภคไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง Boston Consulting Group (BCG) บริษัทที่ปรึกษาชื่อดังระดับโลก ยังคาดว่าปี 2567 ผู้ที่ซื้อลักชัวรีแบรนด์จะช้อปผ่านออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ช้อปได้ทุกที่ทุกเวลามากถึง 50%

หลายแบรนด์ลักชัวรี เห็นความสำคัญเดินหน้าทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นมากขึ้น หลายแบรนด์หันมาให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ สร้างช่องทางอีคอมเมิร์ซ เปิดโอกาสให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้า พบว่า ลักชัวรีแบรนด์ระดับโลกและไทยต่างลงมาสนุกกับโลกออนไลน์มากขึ้นเช่นกัน


เปิดรับการมาของ "แชทคอมเมิร์ซ"

การปรับตัวของลักชัวรีแบรนด์ที่ให้ความสำคัญออนไลน์มากขึ้น สะท้อนถึงการปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่ที่ลงลึกสู่หลัก Localization คือ การปรับกลยุทธ์การตลาดให้เข้ากับท้องถิ่นมากขึ้น 

ลักชัวรีแบรนด์อินเตอร์หลายแบรนด์ที่ทำตลาดในเมืองไทย หันมาทำความเข้าใจและปรับตัวตามพฤติกรรมลูกค้าไทยในยุคนิวนอร์มอล หนึ่งในพฤติกรรมสำคัญที่เป็นเสน่ห์การซื้อขายในแบบคนไทยที่มองข้ามไม่ได้นั่น คือ การซื้อขายผ่าน "แชท" 

แบรนด์เนมดังระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Burberry, Chanel, Cartier, Dior, Gucci, Lacoste, Louis Vuitton, Swarovski, Tiffany & Co. ฯลฯ ลงมาเล่นในตลาดออนไลน์ ด้วยกลยุทธ์ แชท คอมเมิร์ซ เพื่อเข้าถึงคนไทยแล้ว ทั้งเปิด LINE Official Account เพื่อสื่อสารสร้างแบรนด์ ปิดการขาย โฆษณาสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์

Louis Vuitton เปิด LINE OA พร้อมมีสติกเกอร์ไลน์ให้ลูกค้าและแฟนคนไทยได้ดาวน์โหลด ปัจจุบันมีจำนวนเพื่อนเกิน 3 แสนคน Louis Vuitton ใช้วิธีไลฟ์สดแฟชั่นโชว์ส่งตรงจากปารีสผ่าน LINE OA ให้กลุ่มลูกค้าไทยรับชมอยู่หลายครั้ง นับเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของลักชัวรีแบรนด์แรกๆ ที่ปรับสู่ออนไลน์ด้วยแชท คอมเมิร์ซ

Chanel นอกจากจะมี LINE OA หลักแล้ว ยังแตกไลน์เปิด LINE OA เพิ่มอย่าง Chanel Beauty เพื่อกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ด้านบิวตี้โดยเฉพาะ ไลฟ์สดแฟชั่นโชว์ส่งตรงมาถึงไทยผ่าน LINE OA ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และล่าสุดการไลฟ์แฟชั่นโชว์ CHANEL Haute Couture Show เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

อีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าสนใจ คือ Cartier ได้ออกสติกเกอร์ไลน์ เพิ่มฐานเพื่อนให้ LINE OA ลงโฆษณาบนแพลตฟอร์มไลน์ เป็นการเปิดมิติใหม่ของลักชัวรีแบรนด์ที่ไม่ยึดติดหลักการเดิม สู่การเปิดโลกค้าขายสร้างแบรนด์บนโลกดิจิทัลเพื่อเข้าถึงคนไทย


โอกาสใหม่แห่งการขาย

แบรนด์แฟชั่นใหญ่ระดับโกล.เหล่านี้ ใช้เทคนิคการสื่อสารผ่าน LINE OA สื่อถึง Brand Story เล่าถึงคุณค่าความเป็น Heritage ของแบรนด์ ด้วยการเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างมีสไตล์ ผ่านช่องทางแชทที่คนไทยเข้าถึงได้ง่าย ใกล้ชิด มีแอดมินคอยพูดคุยให้ข้อมูลพร้อมปิดการขายด้วยแชทส่วนตัวกับลูกค้า เป็นการเข้าถึงลูกค้าได้แบบ Personalized เสมือนหนึ่งได้พบกันที่ร้าน

การเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล กำลังซื้อกลุ่มใหม่ที่หลายคนนึกไม่ถึง และเทรนด์การตลาดใหม่ที่มีดิจิทัลมาเกี่ยวข้องเต็มตัว สะท้อนชัดเจนแล้วว่า แค่บูติกช็อป หรือการขายแบบออฟไลน์ไม่เพียงพอสำหรับแบรนด์หรูอีกต่อไป การซื้อขายออนไลน์ผ่านกลยุทธ์แชท คอมเมิร์ซ อาจเป็นคำตอบที่ใช่ของการค้าแนวใหม่สำหรับแบรนด์หรู เพื่อตอบสนองลูกค้าปัจจุบันและอนาคต
#3186


กูเกิล (Google) เอาจริงเอาจังกับการผลิตฮาร์ดแวร์ แทนที่จะรอพึ่งพาบริษัทอื่นให้ผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการ ล่าสุดกูเกิลลงมือสร้างระบบชิป SoC (System on a Chip) สำหรับโทรศัพท์พิกเซล (Pixel) ขึ้นเอง ส่งสัญญาณพร้อมรบกับแอปเปิล (Apple) และซัมซุง (Samsung)

ชิปใหม่ของกูเกิลมีชื่อเรียกว่า "เท็นเซอร์" (Tensor) มีกำหนดเปิดตัวในโทรศัพท์ Pixel 6 และ Pixel 6 Pro เพื่อแจ้งเกิดในไตรมาส 3 ปีนี้ เบื้องต้น กูเกิลให้ข้อมูลว่าใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา บนเป้าหมายที่ไม่เพียงแต่ทำให้โทรศัพท์ Pixel มีความสามารถมากขึ้น แต่ยังจะทำให้ฟีเจอร์สำหรับปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้ใช้ สามารถทำได้ยืดหยุ่นมากกว่าเดิม

จุดเด่นของชิปนี้คือความปลอดภัยที่ทรงพลังยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับชิป Titan M2 ก็ยิ่งทำให้ Pixel 6 เป็นอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยในระดับฮาร์ดแวร์มากที่สุดเมื่อเทียบกับโทรศัพท์ทุกเครื่องในตลาด ซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบ ที่ทำให้ Pixel แข่งขันกับไอโฟน (iPhone) ได้ดีขึ้น



ริก ออสเตอร์โลห์ (Rick Osterloh) รองประธานอาวุโสฝ่ายอุปกรณ์และบริการของ Google กล่าวกับสำนักข่าวอินไซเดอร์ (Insider) ว่าสิ่งที่กูเกิลสร้างขึ้นคือคอมพิวเตอร์ AI แบบพกพา เนื่องจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ เป็นสิ่งสำคัญที่จำกัดความสามารถในการประมวลผลระบบ ดังนั้นชิปนี้จึงสามารถผลักดันให้สมาร์ทโฟนของ Google ดีขึ้น

ผู้บริหารกูเกิล ยอมว่าข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ทำให้บริษัทไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาฟีเจอร์ด้านปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง

จุดนี้สอดรับกับแนวทางของกูเกิล ที่พยายามขยายวงไปยกระดับการถ่ายภาพและการวิเคราะห์รู้จำคำพูด ที่ผ่านมา กูเกิลมุ่งมั่นที่จะพาคุณสมบัติ AI มาเปล่งประกายบนกล้องของ Pixel 6 รวมถึงการติดปีกให้ทักษะการแปลภาษาเก่งกาจไร้เทียมทานมากขึ้น



สำหรับชิป Tensor อีกความสามารถที่โดดเด่นในการช่วยให้การถ่ายภาพได้คมชัด แม้จะถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวอยู่ เช่น ภาพเด็กวัยหัดเดินที่กำลังเล่น ขณะเดียวกัน ชิปนี้ทำให้เครื่องสามารถเล่นวิดีโอภาษาฝรั่งเศสซึ่งถูกแปลและมีคำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษแบบเรียลไทม์ขณะกำลังเล่นวิดีโอ ทั้งหมดนี้ทำได้ไหลลื่นไม่มีสะดุด

กูเกิลมั่นใจว่าชิปใหม่ Tensor จะทำให้ฟีเจอร์ UI เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัวในลักษณะที่ "เป็นธรรมชาติอย่างไม่น่าเชื่อ" นำไปสู่การยกเครื่องระบบภาพทั้งหมดของโทรศัพท์ได้

ในภาพรวม ชิปใหม่จะเพิ่มความสามารถหลักตั้งแต่ระบบกล้องที่จะเก่งขึ้น ไปจนถึงการรู้จำเสียงพูด และอื่นๆ อีกมากมาย ตรงนี้กูเกิลแซวในบล็อกโพสต์ว่า ไม่ว่าใครจะพยายามถ่ายภาพครอบครัวโดยที่ลูกน้อยไม่ยอมอยู่นิ่ง หรือใครที่พยายามสื่อสารกับคนรู้จักในภาษาอื่น ทั้งหมดนี้ Pixel จะช่วยได้ และจะมีประโยชน์มากกว่าที่เคย

https:// m.mgronline.com/cyberbiz/detail/9640000075801
#3187


วิจัยกรุงศรีรายงานว่าอุปสงค์ในประเทศเดือนมิถุนายนยังคงซบเซา แต่เศรษฐกิจยังพอได้แรงหนุนจากการส่งออก ส่วนภาคการผลิตในไตรมาส 3 อาจได้รับผลกระทบมากขึ้นจากการระบาด ดัชนีการบริโภคภาคเอกชนเดือนมิถุนายนแม้ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนบ้างเล็กน้อย (+1.2% MoM sa) แต่โดยรวมยังอ่อนแอ สอดคล้องกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านการลงทุนภาคเอกชนค่อนข้างทรงตัวจากเดือนก่อน (+0.2%) โดยการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับดีขึ้นเล็กน้อยตามทิศทางการส่งออก ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างปรับลดลง เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอและมาตรการควบคุมการระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง ขณะที่ภาคท่องเที่ยวยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียงเล็กน้อย จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกที่เติบโตในอัตราสูง (46.1%YoY) ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลให้การส่งออกเติบโตกระจายตัวทั้งในตลาดและหมวดสินค้า ช่วยพยุงการผลิตภาคอุตสาหกรรมได้บ้างในช่วงที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอ



เศรษฐกิจไตรมาส 2 อ่อนแอลงจากไตรมาสแรก ผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกสามของ COVID-19 ที่เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน โดยวิจัยกรุงศรีคาดว่า GDP ในไตรมาส 2 อาจหดตัวจากไตรมาสแรกที่ -0.6% QoQ sa แต่หากเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อนอาจขยายตัวได้ 7% YoY ซึ่งเป็นผลของฐานที่ติดลบหนักเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ในไตรมาส 3 เศรษฐกิจยังเผชิญกับการระบาดที่รุนแรงขึ้นจากสายพันธุ์เดลต้า โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.และปริมณฑล มาตรการควบคุมการระบาดจึงเข้มงวดขึ้น ทำให้หลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักมากขึ้น อีกทั้งการระบาดที่เริ่มแผ่ลามถึงภาคการผลิตและอาจกระทบในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกได้ เศรษฐกิจในไตรมาส 3 จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้และอาจจะติดลบมากกว่าในไตรมาส 2



โดยกระทรวงการคลังประเมินเศรษฐกิจปีนี้เติบโต 1.3% และจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 4-5% ในปีหน้า ด้านวิจัยกรุงศรีชี้ในระยะข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูงจากหลายปัจจัย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2564 เหลือขยายตัว 1.3% จากเดิมคาด 2.3% ผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเดินทางระหว่างประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาไทยลดลงจากเดิม อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก นอกจากนี้ สศค. ยังชี้ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นเป็น 4-5% ในปี 2565 แรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายลงและมีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น กอปรกับการส่งออกจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง

ด้านวิจัยกรุงศรีคาดการณ์ GDP ปีนี้จะขยายตัว 1.2% (เดิมคาด 2.0%) ผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงและยาวนานกว่าคาด และจากแบบจำลองชี้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันจะลดลงต่ำกว่า 1,000 ราย ในเดือนพฤศจิกายน สะท้อนมาตรการควบคุมยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเดือนตุลาคม กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศจึงยังคงซบเซา ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะมีเพียง 2.1 แสนคน (เดิมคาด 3.3 แสนคน) นอกจากนี้ อานิสงส์จากการกลับมาเปิดดำเนินการของกิจกรรมเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ หนุนให้มูลค่าส่งออกของไทยในปีนี้เติบเติบโตถึง 15% แม้ในช่วงครึ่งปีหลังการส่งออกอาจชะลอลงบ้าง ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นในช่วงปลายไตรมาส 4 ปีนี้ ตามเศรษฐกิจโลกที่ปรับดีขึ้นและการฉีดวัคซีนจำนวนมาก กอปรกับการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดในประเทศ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนจากการจัดหาและการกระจายวัคซีนของไทย รวมถึงประสิทธิภาพของวัคซีนและประสิทธิผลของมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งนับเป็นประเด็นที่ยังต้องติดตามในระยะข้างหน้า

ด้านเศรษฐกิจโลก การฟื้นตัวของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วกับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีแนวโน้มแตกต่างกันมากยิ่งขึ้น IMF คาดเศรษฐกิจโลกปีนี้ขยายตัว 6% แต่การเติบโตยังถูกกดดันจากไวรัสสายพันธุ์เดลต้าและความไม่แน่นอนหลายด้าน จากประมาณการเศรษฐกิจรอบล่าสุด IMF คงตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตของ GDP โลกในปี 2564 ที่ 6.0% แม้จะปรับเพิ่มการขยายตัวของ GDP กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเป็น 5.6% (เดิม 5.1%) นำโดยสหรัฐฯเป็น 7.0% (เดิม 6.4%) และยูโรโซน 4.6% (เดิม 4.4%) แต่ปรับตัวเลขคาดการณ์ GDP ของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ลงสู่ 6.3% (เดิม 6.7%) โดยเฉพาะจีนเป็น 8.1% (เดิม 8.4%)

สำหรับการคาดการณ์ล่าสุดของ IMF สะท้อนว่าการฟื้นตัวของหลายประเทศมีความแตกต่างกันมากขึ้นอยู่กับการเข้าถึงวัคซีน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยท้าทายเศรษฐกิจโลกทั้งแรงกดดันชั่วคราวด้านราคาจากข้อจำกัดด้านอุปทาน การระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่รุนแรงขึ้นอาจเพิ่มความเสี่ยงและส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น รวมทั้งซ้ำเติมการฟื้นตัวของประเทศกำลังพัฒนาที่ขาดแคลนวัคซีนและมีภาระหนี้สูง และความไม่ต่อเนื่องของนโยบายภาครัฐเพื่อจัดการกับการแพร่ระบาดที่อาจยืดเยื้อ เนื่องจากข้อจำกัดในการก่อหนี้สาธารณะเพิ่มเติม

ส่วนการปรับตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตของ GDP จีนนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากต้นปี ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากการใช้มาตรการเพื่อควบคุมการเก็งกำไรในบางภาคเศรษฐกิจและสร้างความเป็นธรรมในตลาด ล่าสุดทางการจีนห้ามบริษัท Tencent ผูกขาดธุรกิจเพลงออนไลน์ และห้ามการแสวงหากำไรในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การใช้นโยบายดังกล่าวบ่งชี้ว่าจีนให้ความสำคัญกับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพมากกว่าการขยายตัวของ GDP ในอัตราสูง ขณะที่ยังสนับสนุนการเติบโตของภาคเศรษฐกิจจริงต่อไป

เฟดประเมินเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตต่อเนื่องและอาจเริ่มส่งสัญญาณ QE Tapering ปลายเดือนนี้ ขณะที่ GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 6.5% QoQ เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE ทั้งนี้ เฟดประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายระยะยาว มุมมองดังกล่าวสอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่อง โดย GDP ไตรมาส 2/2564 ขยายตัว 6.5% QoQ เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อน ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) เดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 3.5% YoY สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2534 สำหรับเดือนกรกฎาคมดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Conference Board แตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนที่ 129.1 ส่วนจำนวนผู้ยื่นขอรับสิทธิสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 กรกฎาคมลดลงจากสัปดาห์ก่อนสู่ระดับ 4.0 แสนราย

เศรษฐกิจสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฟดประเมินว่าการฟื้นตัวอยู่บนเส้นทางที่จะบรรลุเป้าหมายระยะยาว จากปัจจัยหนุนทั้งความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนและมาตรการภาครัฐ ทั้งนี้ เฟดอาจส่งสัญญาณ QE Tapering ในช่วงการประชุมธนาคารกลางทั่วโลกที่เมืองแจ็กสัน โฮล ระหว่างวันที่ 26-28 สิงหาคมนี้ และคาดว่าจะประกาศแผน Tapering ในไตรมาส 4/2564 จากนั้นอาจจะเริ่มปรับลด QE ช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า

GDP ยูโรโซนกลับมาขยายตัวในไตรมาส 2/2564 โดยเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ในไตรมาสที่ 2 GDP ยูโรโซนขยายตัว 2.0% QoQ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนอัตราการว่างงานเดือนมิถุนายน ลดลงสู่ระดับ 7.7% ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน สำหรับในเดือนกรกฎาคมอัตราเงินเฟ้อทั่วไปแตะระดับ 2.2% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2561 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 119.0

ข้อมูลล่าสุดสะท้อนการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดย GDP ไตรมาส 2/2564 กลับมาขยายตัวหลังจากที่เผชิญภาวะการถดถอยทางเทคนิคในช่วง 2 ไตรมาสก่อน จากแรงหนุนทั้งการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเร่งกระจายวัคซีนโดยมีผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสสูงถึง 59.2% ของประชากร ปัจจัยดังกล่าวอาจช่วยบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ประกอบกับการเริ่มเบิกจ่ายเงินภายใต้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูของสหภาพยุโรป (EU Recovery Fund) ในไตรมาส 3/2564 จึงคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
#3188


ธนาคารเกียรตินาคินภัทร โดยสายงานสินเชื่อธุรกิจ วิเคราะห์การระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 เริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจน  โดยเฉพาะในกลุ่มกำลังซื้อที่เป็นกลุ่มตลาดโรงงาน อีกทั้งภาพรวมการเปิดโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีปริมาณลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ การปรับตัวและมองหาช่องว่างของตลาดยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในสถานการณ์การระบาดที่ยังไม่เห็นบทสรุป

การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 เริ่มมีผลกระทบชัดเจน ในพื้นที่ที่กำลังซื้อหลักเป็นพนักงานในนิคมอุตสาหกรรมหรือกลุ่มโรงงานซึ่งมีโอกาสที่จะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลกระทบโดยตรงจากรายได้ที่ไม่แน่นอนและการระบาดของคลัสเตอร์ใหม่ในกลุ่มโรงงาน สะท้อนให้เห็นจากยอดการโอนกรรมสิทธิ์ของบ้านใหม่ (นิติบุคคล) ในไตรมาสแรกปีนี้ของกลุ่มสินค้าทาวน์เฮ้าส์ ที่ปรับตัวลดลงมากในจังหวัดนครปฐม (-88%)  สมุทรสาคร (-45%) และ สมุทรปราการ (-28%)  
ส่วนภาพรวมการเปิดโครงการใหม่พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลในไตรมาสแรกปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 โดยมีจำนวนยูนิตเปิดใหม่รวม 12,985 ยูนิต ลดลง 7,212 ยูนิต (-35%) จากการที่ผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวโดยจับกลุ่มเป้าหมายที่ยังมีกำลังซื้อและได้รับผลกระทบจากโควิด-19  ไม่มาก พบว่ากลุ่มสินค้าที่มียูนิตเปิดขายสูงสุดคือคอนโดมิเนียม โดยมียูนิตขายใหม่เข้ามาในตลาด 5,857 ยูนิต ลดลง (-15%) จากไตรมาสแรก 2563 ซึ่งกลุ่มนี้เริ่มเห็นภาพการชะลอเปิดตัวตั้งแต่ต้นปี 2563  รองลงมาคือ กลุ่มทาวน์เฮ้าส์มียูนิตเปิดขายใหม่ 4,159 ยูนิต ลดลง (-56%) จากไตรมาสแรก 2563 ส่วนบ้านเดี่ยวมียูนิตเปิดขายใหม่ 1,274 ยูนิตลดลง (-44%) จากช่วงเดียวกัน  

กลุ่มโครงการที่เปิดใหม่และขายดี เป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยในระดับราคา 3-5 ล้านบาท และกลุ่ม 5-10 ล้านบาท ซึ่งถ้าเจาะลึกลงไปในรายสินค้าจะเห็นว่ากลุ่มทาวน์เฮ้าส์เป็นสินค้าเปิดใหม่ที่ขายดีที่สุด โดยกลุ่มระดับราคาที่ขายดีเป็นช่วงระดับราคา 3-4 ล้านบาท (ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น) และระดับราคา 5-7 ล้านบาท (ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น) และที่น่าสนใจคือ บ้านแฝดในระดับราคา 5-7 ล้านบาทในพื้นที่เมืองรอบนอก ซึ่งเป็นสินค้าทดแทนบ้านเดี่ยวที่ขยับราคาสูงขึ้นเป็น 8-10 ล้านบาท โดยพื้นที่ที่ทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝดมีการเปิดขายใหม่มากที่สุด คือโซนฝั่งบางนา-ศรีนครินทร์ รามอินทรา รังสิต-ลำลูกกา (ไม่เกินแนววงแหวนตะวันออก) ส่วนกลุ่มคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่และขายดีมีแนวโน้มที่จะปรับราคาลดลงเป็นกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังไม่แน่ชัดว่ายาวนานเพียงใด ปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าการฉีดวัคซีนที่ล่าช้าและอาจจะไม่ได้ตามเป้าหมายในปี 2564  การติดเชื้อโควิด-19 ที่กระจายเพิ่มในกลุ่มแรงงานก่อสร้างและภาคอุตสาหกรรม สัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น กลุ่มกำลังซื้อใหม่ยังมีอัตราการว่างงานสูง กลุ่มกำลังซื้อต่างชาติที่ยังไม่กลับมาในปีนี้  หรือการอนุมัติสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยที่เข้มงวดขึ้น จะเป็นอุปสรรคที่ชะลอความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้ตลาดมีแนวโน้มหดตัวลงเป็นกลุ่มกำลังซื้อที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น และเกิดการแข่งขันแย่งตลาดที่ยังมีกำลังซื้อดังกล่าว  


ด้วยเหตุนี้ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร โดยสายงานสินเชื่อธุรกิจ เห็นว่าการปรับตัวและมองหาโอกาสจากช่องว่างของตลาดเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่อุปสงค์ชะลอตัว อาทิ การเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบน้อย การกำหนดเซ็กเมนต์โดยนำเสนอสินค้าที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น

 การสร้างรูปแบบบริการที่รองรับสถานการณ์การใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มัล การบริหารสภาพคล่องของกระแสเงินสด การบริหารจัดการต้นทุนและความสมดุลของสต็อคบ้านที่ก่อสร้างกับอัตราการขายที่เหมาะสม การกำหนดแผนสำรองกรณีกลุ่มเซ็กเมนต์เดิมไม่สร้างยอดขาย การปรับรูปแบบสินค้าได้เร็ว การมองหาโอกาสในทำเลใหม่ๆ และกลุ่มเซ็กเมนต์ที่อุปทานในพื้นที่มีเหลือไม่มากหรือมีคู่แข่งขันน้อย

รวมทั้งการพัฒนาสินค้าใหม่ในทำเลซึ่งได้ประโยชน์จากการปรับปรุงผังเมืองกรุงเทพมหานคร จะเป็นช่องสำหรับเติมเต็มความต้องการสินค้าในบางระดับราคาที่ไม่สามารถเป็นไปได้ตามผังเมืองเดิม และเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ระหว่างสถานการณ์ที่โควิด-19 ยังไม่เห็นบทสรุป
#3189


กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รับโควิดกระทบซัพพลายเชนสะดุด หวั่น 6 เดือนหลังสถานการณ์ในไทยไม่ดีขึ้น อาจกระทบซัพพลายเชนทั้งโลก เสี่ยงถูกโยกกำลังการผลิตไปประเทศอื่น งัดทุกมาตรการดูแล "พนักงาน" ไม่ให้เกิดความเสี่ยง เผยพร้อมจัดซื้อวัคซีนให้กลุ่มพนักงานเพิ่ม หลังอัตราการฉีดยังครอบคลุมไม่มากพอ 

นายสัมพันธ์ ศิลปนาฎ ประธานสมาคมนายจ้างอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า สถานการณ์ภาพรวมในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ช่วงนี้ หากมองทั้งซัััพพลายเชนที่มีอยู่ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พบว่า "เริ่มสะดุด" ในไทยถูกผลกระทบจากโควิด ส่งผลให้บางบริษัทได้ปิดไปในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ มาตรการที่ถูกนำมาใช้ขณะนี้ ทุกบริษัทจะมุ่งดูแล "คน" ก่อน "ธุรกิจ" แต่ละบริษัทจะมีมาตรการดูแลพนักงานไม่ให้มีการติดเชื้อภายในบริษัท ขณะเดียวกัน ให้ความรู้พนักงานกรณีที่ต้องออกไปภายนอก แจ้งเตือนทำความเข้าใจถ้าไม่จำเป็นอย่าออกไปเสี่ยง


หวั่นสะเทือนซััพพลายเชนทั้งโลก

"แต่ละโรงงานในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ การจะใช้มาตรการ Bubble and seal หรือ Home Isolation รวมไปถึงโรงพยาบาลสนาม ก็อาจจะมีติดขัดอยู่บ้างไม่น้อย ที่ผ่านมาในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เองได้มีการจัดหาวัคซีนเพื่อฉีดให้กับพนักงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นเป็นวัคซีนซิโนฟาร์มของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นหลัก วัคซีนที่มาจากภาครัฐน้อยมาก" 

นายสัมพันธ์ ย้ำว่า ภาคอิเล็กทรอนิกส์เองพร้อมที่จะจัดซื้อวัคซีนเพื่อนำมาฉีดให้กับกลุ่มพนักงานมาก แต่ไม่รู้ว่าจะซื้อที่ไหน ซึ่งปัจจุบันอัตราการฉีดวัคซีนในกลุ่มนี้ก็ยังครอบคลุมไม่มากพอ 

"ถ้าตัวเลขการติดเชื้อในประเทศไม่ลดลง ไทยจะกลายเป็น Bottleneck ของซัพพลายเชนอิเล็กทรอนิกส์ทั้งโลก"

ทั้งนี้ใน 6 เดือนแรกที่ผ่านมา กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ยังเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว 10% แต่ 6 เดือนข้างหน้า มีความไม่แน่นอนสูง หากตัวเลขติดเชื้อในประเทศไม่ลด จะกระทบไปหมด ซึ่งมาตรการที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์นำมาใช้ก็อาจจะป้องกันไม่ได้ 100% ซึ่งหลักๆ พยายามดูแลคนในภาคอิเล็กทรอนิกส์ไม่ให้เป็นภาระของภาครัฐ  

"ช่วงเดือน ก.ค ถือว่าหนักมาก ดังนั้นไตรมาสนี้ถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก ถ้ายังเป็นสถานการณ์ลักษณะนี้ อาจเห็นภาพการโยกการผลิตจากประเทศไทยไปประเทศอื่น" นายสัมพันธ์ กล่าว 


เปิดรายได้ยักษ์ฮาร์ดดิสก์โลกในไทย

โควิดระลอกล่าสุด ส่งผลกระทบกับกลุ่มโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางโรงงานต้องปิดตัวลงชั่วคราว ข้อมูลจาก Creden data เผยรายได้ในกลุ่มบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ 2 ยักษ์ใหญ่ บริษัทซีเกท ประเทศไทย ฐานการผลิตฮาร์ดดิสก์สำคัญของโลก มีรายได้ปี 2563 ที่ 154,499,475,430 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีรายได้ 149,568,157,717 บาท

บริษัทเวสเทิร์น ดิจิตอล ประเทศไทย หรือดับบลิวดี ฐานการผลิิตและส่งออกฮาร์ดดิสก์โลกที่สำคัญเช่นกัน มีรายได้ปี 2563 ที่ 88,178,228,057 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีรายได้ราว 78,092,718,973 บาท อย่างไรก็ตาม ย้อนหลังไป 5 ปีที่ผ่านมารายได้ของ ดับบลิวดีอยู่ในระดับแสนล้านบาทมาโดยตลอด


การ์ทเนอร์ชี้โควิดกระทบชิพขาด

นายคานิสกัส ชัวฮาน นักวิเคราะห์หลัก ฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานและการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายๆ ประเภทในปีนี้ ขณะที่โรงงานผลิตขึ้นราคาแผ่นเวเฟอร์ ที่เป็นส่วนประกอบหลักผลิตชิพ และมีผลต่อเนื่องไปถึงบริษัทผู้ผลิตชิพก็ขึ้นราคาตามไปด้วย

ปัญหาการขาดแคลนชิพ เริ่มเกิดกับอุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ ก่อน เช่น อุปกรณ์สำหรับการจัดการพลังงาน จอแสดงผล และไมโครคอนโทรลเลอร์ ที่ผลิตจากบนโหนดการทำงานแบบเดิม ของโรงงานผลิตชิพขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้ว ซึ่งมีวัตถุดิบจำกัด เวลานี้ปัญหาการขาดแคลนส่งผลต่อไปยังอุปกรณ์อื่นและมีข้อจำกัดด้านความจุ 

รวมถึงขาดสารตั้งต้นในการผลิต กระบวนการเชื่อมลวดทองคำ ส่วนประกอบแบบพาสซีฟ วัสดุและการทดสอบ ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน ที่กำลังเป็นปัญหานอกจากเรื่องโรงงานผลิตชิพ การ์ทเนอร์คาดว่าปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์แทบทุกหมวดหมู่จะกระทบต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสที่ 2 ปี 2565

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952257
#3190


ตลท. กำหนด "GL -MAX- NOK' ส่งงบการเงินงวดปี63ภายใน1ก.ย.นี้ หากไม่สามารถทำได้จะประกาศให้เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และขึ้นเครื่องหมายNC จนกว่าบริษัทจะสามารถดำเนินการให้เหตุเพิกถอนกลับมาซื้อขายได้

ตามที่บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือGL บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือMAX และบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือNOK ยังไม่นำส่งงบการเงินปี 2563 มายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ภายในวันที่ 1 มี.ค.2564)


ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ทั้ง 3 บริษัทเร่งนำส่งงบการเงินดังกล่าวเพื่อเผยแพร่แก่ผู้ลงทุนได้รับทราบ


ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอเรียนว่าในกรณีที่ GL MAX และ NOK ยังไม่นำส่งงบการเงินปี 2563 ภายใน 6 เดือนนับแต่วันครบกำหนดระยะเวลานำส่งงบการเงิน กล่าวคือ ภายในวันที่ 1 ก.ย. 2564

ตลาดหลักทรัพย์ฯจะประกาศว่าทั้ง 3 บริษัทข้างต้นเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และขึ้นเครื่องหมายNC (Non-Compliance)จนกว่าบริษัทจะสามารถดำเนินการให้เหตุเพิกถอนหมดไปและดำเนินการให้มีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขายได้
#3191


วิกฤติชิพเกิดจากในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ทั่วโลกออกข้อจำกัดควบคุมการเดินทางการใช้รถใช้ถนนน้อยลง ผู้ผลิตชิพให้ความสำคัญกับสินค้าประเภทสมาร์ทโฟนและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นมากกว่าก่อน

ชิพถูกประดิษฐ์ขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อนเพื่อใช้ในคอมพิวเตอร์ จากนั้นพัฒนามาใช้ในรถยนต์จนกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดและราคาแพงสำหรับอุปกรณ์ทันสมัยที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ การที่อุปทานชิพมีไม่พอทำให้ขาดแคลนไปทั้งโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากความต้องการสมาร์ทโฟนและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สูงเกินคาดในช่วงโควิด

เป็นที่ทราบกันดีว่า ระยะหลังชิพหรือเซมิคอนดักเตอร์ ถูกออกแบบมาให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น การผลิตก็ยากขึ้น นี่คือเหตุผลเบื้องต้นที่ทำให้ซัพพลายโลกขาดแคลน หากจะตั้งโรงงานใหม่ต้องใช้เวลาและเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นเนื่่องจากโควิด-19 ระบาดทำให้ซัพพลายชิพน้อยลง ปัจจัยหลักมาจากมาตรการกักตัวเปิดทางให้ผู้คนทำกิจกรรมที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือความบันเทิง ซึ่งต้องกระทำผ่านคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แทบเล็ต แม้แต่เครื่องเล่นเกม

โควิดยังบีบให้หลายๆ บริษัทพัฒนาระบบการทำงานทางไกล และติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์หรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งชิพนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับเทคโนโลยีทุกด้าน ตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่ได้ไปจนถึงในระบบรถยนต์ไฟฟ้า ปัญหาคอขวดช่วงโควิดจึงเริ่มที่อุตสาหกรรมรถยนต์ก่อน

สำนักข่าวอนาโดลูของตุรกีรายงานอ้างข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (เอสไอเอ) ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกปี 2563 เพิ่มขึ้น 6.5% จากปี 2562 ทะลุ 4.39 แสนล้านดอลลาร์ หากเทียบเป็นรายภูมิภาคยอดขายในตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้น 19.8% ขณะที่ยอดขายในจีน ตลาดชิพใหญ่สุดของโลกเพิ่มขึ้น 5%

ดีมานด์สูงเกินคาด

ความต้องการที่สูงมากชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมแรกที่รู้สึกได้ถึงวิกฤติขาดแคลนชิพทั่วโลก รายงานจากบริษัทที่ปรึกษา "ดีลอยต์" เผยว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ซึ่งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่จอแอลซีดีไปจนถึงระบบภายในจะมีสัดส่วนถึง 45% ของต้นทุนการผลิตรถหนึ่งคันภายในปี 2573

ต้นทุนส่วนประกอบที่มีเซมิคอนดักเตอร์เป็นพื้นฐานสำหรับใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้คาดว่าเพิ่มเป็น 475 ดอลลาร์ในปี 2563 และ 600 ดอลลาร์ในปี 2573

แม้ความต้องการชิพเพื่อใช้กับระบบคอมพิวเตอร์ในรถเพิ่มสูงขึ้น แต่ด้วยความกังวลว่ามาตรการจำกัดการเดินทางช่วงโควิดจะส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์ ทำให้ผู้ผลิตยกเลิกคำสั่งซื้อชิพ กลายเป็นว่าความต้องการจากบริษัทอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มสูงขึ้นแทน ผู้ผลิตรถยนต์จะมาซื้อชิพทีหลังย่อมทำได้ยาก

ความยากลำบากในการหาซื้อชิ้นส่วนที่ต้องใช้ชิพและไมโครชิพทำให้ฟอร์ด เจนเนอรัลมอเตอร์ส โตโยต้า โฟล์คสวาเกน ฮอนด้า สเตลแลนติส และบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า "นีโอ" ต้องลดการผลิตหรือปิดโรงงาน

ความปั่นป่วนนี้ก่อให้เกิดความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์บีบให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องแข่งกับยักษ์ใหญ่อิเล็กทรอนิกส์อย่างแอ๊ปเปิ้ลซื้อชิพที่มีอุปทานจำกัด

บริษัทที่ปรึกษาอลิกซ์พาร์ทเนอร์สคาดว่า การขาดแคลนชิพอาจบั่นทอนรายได้อุตสาหกรรมรถยนต์โลกลงมากถึง 6.06 หมื่่นล้านดอลลาร์

เท่านั้นยังไม่พอ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นวิกฤติชิพอาจเป็นสาเหตุให้การผลิตหลายสาขาปั่นป่วนตามไปด้วย เช่น การผลิตสมาร์ทโฟน

เมื่อโควิดกระจายไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมชิพกำลังเตรียมการสำหรับช่วงหลังโควิดด้วยการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อรับมือวิกฤติ


ขณะนี้ชิพถูกมองว่าเป็นปัจจัยการแข่งขันระหว่างประเทศต่างๆ เมื่อบริษัทและนานาประเทศต่างพยายามกำหนดความเป็นไปในอุตสาหกรรมชิพผ่านการลงทุนมหาศาล เช่น อินเทล หนึ่งในผู้ผลิตชิพรายใหญ่สุดของโลก ประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตชิพใหม่อีกสองโรงในรัฐแอริโซนาด้วยเม็ดเงินลงทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์

ซัมซุง ยักษ์อิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้ก็กำลังวางแผนใช้งบประมาณ 1.16 แสนล้านดอลลาร์ ตั้งเป้าเป็นบริษัทผลิตชิพรายใหญ่สุดของโลกภายในปี 2573 เพื่อให้เป็นไปตามเป้าซัมซุงกำลังก่อสร้างโรงงานใหญ่แห่งหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปีนี้

ด้านไต้หวันเซมิคอนดักเตอร์แมนูแฟคเจอริง (ทีเอสเอ็มซี) ผู้รับจ้างผลิตรายใหญ่สุดของโลก ก็กำลังก่อสร้างโรงงานแห่งหนึ่งมูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในแอริโซนาเหมือนกับอินเทล คาดว่าเริ่มผลิตได้ในปี 2567

ในจีนที่ต้องการลดการพึ่งพาชิพจากต่างประเทศ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติสองรายให้เงินทุนราว 2.25 พันล้านดอลลาร์แก่เอสเอ็มไอซี ผู้ผลิตชิพชั้นนำของจีน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ คาดว่าโรงงานแห่งนี้จะมีศักยภาพการผลิตเพิ่มเป็นสามเท่าในอนาคต

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า อุตสาหกรรมชิพกำลังเตรียมตัวรับระเบียบใหม่จากการที่เศรษฐกิจโลกเปิดดำเนินการอีกครั้ง และนักออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ก็มีงานใหญ่รออยู่ข้างหน้าในการกำหนดระเบียบโลกใหม่หลังโควิด-19

จ่อลากยาวถึงปีหน้า

คาร์ลอส ทาวาเรส ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)สเตลแลนติส บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก กล่าวในงานสมาคมสื่อรถยนต์ที่เมืองดีทรอยต์ของสหรัฐ เมื่อกลางเดือน ก.ค.ตอกย้ำความเห็นของเดมเลอร์เอจีที่กล่าวไว้ก่อนในวันเดียวกันนั้นว่า การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่เล่นงานผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกส่งผลให้การผลิตรถยนต์ติดขัด อาจลากยาวไปถึงปี 2565

"วิกฤติเซมิคอนดักเตอร์เท่าที่ผมเห็นตอนนี้ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเห็นได้ทุกอย่าง กำลังลามเข้าสู่ปี 2565 ได้ไม่อยาก เพราะผมยังไม่เห็นสัญญาณการผลิตเพิ่มเติมจากแหล่งผลิตในเอเชีย เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับโลกตะวันตกในอนาคตอันใกล้" ทาวาเลสกล่าวและว่า สเตลแลนติสกำลังตัดสินใจเปลี่ยนชิพที่ใช้ให้หลากหลาย ซึ่งการปรับไปใช้ชิพที่แตกต่างออกไปต้องใช้เวลาราว 18 เดือน เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีอันซับซ้อน

ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากโควิดทำให้ความต้องการรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ช่วยหนุนราคารถยนต์ใหม่และรถมือสองต่อเนื่องมาถึงความต้องการชิพ ผู้ผลิตบางรายรับมือปัญหาขาดแคลนชิพด้วยการลดบางฟีเจอร์ในรถยนต์ลง บางรายใช้วิธีผลิตโดยไม่ต้องใส่ชิพก่อนรอให้ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยประกอบทีหลัง

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952271
#3192


ฌอน สตริคแลนด์ นักสู้ชาวอเมริกัน ยังคงรักษาฟอร์มเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม หลังอาศัยทักษะชั้นเชิงการต่อสู้ โดยเฉพาะพลังหมัดเอาชนะคะแนน ยูเรียห์ ฮอลล์ คู่ต่อกรชาวจาเมกาไปได้ ในการต่อสู้คู่เอกของศึก UFC FIGHT NIGHT: Hall VS Strickland เมือช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ไฮไลท์ของรายการเป็นการต่อสู้ในพิกัดรุ่นมิดเดิลเวต ระหว่าง "TARZAN" วัย 30 ปี ที่ยังไม่เคยแพ้แบบซับมิทชันให้กับผู้ใดและชนะมาแล้ว 4 ไฟต์ติดต่อกัน พบกับ "PRIMETIME" จอมโหดจากจาเมกาวัย 36 ปี เริ่มยกแรก สตริคแลนด์ ดูดีกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะจังหวะเดินออกหมัด ในขณะที่ ฮอลล์ รอกะระยะบวกหวังปิดบัญชีเร็วเช่นกัน ยก 2 TARZAN ยังคงมีอาวุธหมัดชุดไว้ทิ้งระยะไม่ให้ ฮอลล์ ที่เริ่มมีลูกเตะ ได้เข้าประชิด

ยกที่ 3 สตริคแลนด์ สบโอกาสเทคดาวน์ใส่ ฮอลล์ และเป็นฝ่ายคอนโทรลเกมได้จนจบยก ยกที่ 4 สตริคแลนด์ ได้ใจเดินรุกไล่ทันทีหวังน็อคให้ได้แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ เข้าสู่ยกสุดท้าย ฮอลล์ รู้ตัวว่าเป็นรองเป็นฝ่ายเดินเข้าใส่ แต่เหมือนยิ่งเดินยิ่งเจ็บ เมื่อ สตริคแลนด์ มีแย็ปสกัดจังหวะการเข้าทำของ PRIMETIME สวยๆหลายครั้ง ครบ 5 ยก ฌอน สตริคแลนด์ ชนะคะแนน ยูเรียห์ ฮอลล์ ไปได้อย่างเป็นเอกฉันท์

หลังเก็บชัยชนะ 5 ไฟต์ติดต่อกัน และยังเพิ่มสถิติเป็นชนะ 24 แพ้ 3 เจ้าของฉายา TARZAN ให้สัมภาษณ์กับ UFC ถึงฟอร์มของตัวเองว่า "ผมยังคงทำงานอย่างหนัก ทุกคนรู้ว่าไม่ใช่ไฟต์ง่าย มันก็สนุกดีนะ มันโคตรจะเหนื่อยเลยกับการต่อสู้แบบ 5 ยกและถึงตอนนี้ผมต้องมองไปที่คู่แข่งคนต่อไปแล้ว"

ในขณะที่รองคู่เอกเป็นการต่อสู้ในรุ่นสตรอว์เวตหญิงระหว่าง เชยานเน บายส์ สาวน้อยอเมริกันวัย 26 ปี เจ้าของสถิติชนะ 5 แพ้ 2 ขึ้นสังเวียนพบกับ กลอเรีย เด เปาลา คู่แข่งวัย 26 ปี จากบราซิล ที่มีสถิติชนะ 5 แพ้ 3 และไม่เคยถูกน็อคหรือแพ้ซับมิทชัน โดยการต่อสู้คู่นี้จบลงด้วยเวลาเพียงแค่นาทีแรกของยกที่ 1 เท่านั้น เมื่อ ชายาเน บายส์ ได้จังหวะวางแข้งซ้ายใส่ปลายคาง เด เปาลา ในจังหวะลุกขึ้นยืน ก่อนตามถล่มจนกรรมการสั่งยุติการต่อสู้

ผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการศึก UFC FIGHT NIGHT: Hall VS Strickland

คู่หลักในรายการ

คู่เอก - รุ่นมิดเดิลเวต
ฌอน สตริคแลนด์ ชนะคะแนน ยูเรียห์ ฮอลล์

รองคู่เอก - รุ่นสตรอว์เวตหญิง
เชยานเน บายส์ ชนะ TKO กลอเรีย เด เปาลา ยกที่ 1

รุ่นเวลเตอร์เวต
เจสัน วิตต์ ชนะคะแนน ไบรอัน บาร์เบเรนา

รุ่นเวลเตอร์เวต
จาเร็ด กูเดน ชนะ TKO นิคลาส สโตลเซ ยกที่ 1

รุ่นฟลายเวต
ซารุคห์ อดาเชฟ ชนะคะแนน ไรอัน เบอนัวต์

รุ่นเฟเธอร์เวต
เมลซิค บัคห์ดาซาร์ยาน ชนะ TKO คอลลิน แอนกลิน ยกที่ 2

รุ่นไลต์เวต
คริส กรูสซ์ตเซมัคเชอร์ ชนะคะแนน ราฟา การ์เซีย

รุ่นเฟเธอร์เวต
แดนนี ชาเวซ เสมอ ไค คามากา

รุ่นสตรอว์เวตหญิง
ยินห์ ยู เฟรย์ ชนะคะแนน แอชลีย์ โยเดอร์

รุ่นเวลเตอร์เวต
ฟิลิป โรว์ ชนะ TKO โอเรียน กอสซี ยกที่ 2
#3193
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#3194


กสิกรไทย ออกแคมเปญแรง "ร่วมด้วย ช่วยเปย์" จ่ายมื้ออร่อยให้สูงสุด 100 บาท/ออเดอร์ แค่สั่งผ่าน Grab หรือ LINE MAN ช่วยกันอุดหนุนร้านค้าให้มีแรงสู้ต่อ

ธนาคารกสิกรไทย ระดมกำลังช่วยเหลือร้านอาหารกว่า 80,000 ร้านให้มีแรงสู้ต่อ เปิดตัวแคมเปญแรง "ร่วมด้วย ช่วยเปย์" คุณช่วยสั่ง เราช่วยจ่าย เพียงสั่งอาหารผ่าน Grab หรือ LINE MAN กสิกรไทยช่วยจ่ายมื้ออร่อยให้สูงสุด 100 บาท/ออเดอร์ ได้อิ่มท้องและอิ่มใจ ช่วยเติมกำลังให้ร้านอาหารเล็กๆ ได้มีแรงสู้ต่อ เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม – 31 สิงหาคม 2564 นี้

"ร่วมด้วย ช่วยเปย์" คุณช่วยสั่ง เราช่วยจ่าย สั่งอาหารผ่าน Grab หรือ LINE MAN

 *   จ่ายผ่านบัตรเดบิต/บัตรเครดิตกสิกรไทย, บัตรเดบิต LINE BK หรือ GrabPay Wallet
 *   ใส่โค้ด: KBANK
 *   กสิกรไทยช่วยจ่ายมื้ออร่อยให้สูงสุด 100 บาท/ออเดอร์ เมื่อสั่งขั้นต่ำ 100 บาท/ออเดอร์
 *   จำกัดท่านละ 2 สิทธิ์ต่อแอปพลิเคชัน ตลอดแคมเปญ สิทธิ์มีจำนวนจำกัดต่อวัน
#3195



ที่ประชุมบอร์ดผู้สูงอายุแห่งชาติ มีมติอนุมัติมาตรการช่วยผู้สูงอายุ จ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการ คืนเบี้ยยังชีพ พร้อมพักชำระหนี้ 6 เดือน

นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30ก.ค.ที่ผ่านมาจากการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ครั้งที่ 2/2564 เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วย นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และคณะผู้บริหารกระทรวง พม.

ทั้งนี้คณะกรรมการฯได้เห็นชอบแนวทางขับเคลื่อนการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจ่ายเงินสงเคราะห์ฯ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน - กันยายน 2563 เป็นเวลา 4 เดือน และในปีงบประมาณ 2564 เสนอให้จ่ายในอัตราการจ่ายเดิม โดยจ่ายแบบเดือนเว้นเดือน เริ่มตั้งแต่ตุลาคม 2563 โดยผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือฯ 100 บาทต่อเดือน และผู้สูงอายุที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือฯ 50 บาทต่อเดือน ส่วนระยะยาว เห็นควรให้มีการจัดตั้งคณะทำงานฯ เพื่อพิจารณาการงบประมาณดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

นางพัชรีกล่าวว่าที่ประชุมยังได้เห็นชอบแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาผู้สูงอายุที่รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น โดยจ่ายเงินคืนให้กับผู้สูงอายุที่รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น และได้นำเงินมาคืนให้ทางราชการแล้ว พร้อมระงับการดำเนินคดีเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยจะเสนอ ครม. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง พิจารณากระบวนการคืนเงินฯ ให้กับผู้สูงอายุ โดยจะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพื่อกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนต่อไป

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566–2580) และแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะกลาง 5 ปี (พ.ศ. 2566–2570) รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2563 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กองทุนผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยพักชำระหนี้ของลูกหนี้กองทุนผู้สูงอายุ ครั้งที่ 3 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 31 มีนาคม 2565

https:// m.mgronline.com/politics/detail/9640000075096
#3196



รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้ง ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงต่อเนื่อง ล่าสุดวันที่31 ก.ค.ติดเชื้อเพิ่ม18,912 ราย เสียชีวิต 178 ราย ขณะที่มาตรการตามข้อกำหนดฉบับที่28 ให้มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่20 ก.ค.จะครบเวลาประเมินสถานการณ์อย่างน้อย14 วัน ตามประกาศ ในวันที่2 ส.ค.นี้ 

 ในวันที่1 ส.ค.นี้ เวลา13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(โควิด-19)หรือศบค. จะเป็นประธานประชุมศบค. ครั้งที่11/2564 ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ผ่านระบบซูมจากบ้านพักกรมทหารราบที่1 


โดยจะพิจารณาวาระต่างๆ และมาตรการที่ประกาศตามข้อกำหนด ฉบับที่28 ที่มีผลบังคับใช้มาแต่วันที่20 ก.ค.โดยเฉพาะการล็อกดาวน์ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ที่จะยังคงมาตรการไว้ต่อเนื่องไประยะเวลาหนึ่ง ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอ หากล็อกดาวน์เข้มข้นและมีประสิทธิภาพจะลดจำนวนการติดเชื้อลงได้ หากไม่ล็อกดาวน์ตัวเลขจะยิ่งพุ่งสูงขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีหารือปรับระดับพื้นที่จ.สีแดงเข้ม เพิ่มเติมหลังพบว่าหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากการเดินกลับภูมิลำเนา


รวมถึงจะพิจารณาผ่อนปรนบางมาตรการ เช่น ขายอาหารในห้างสรรพสินค้า ให้ขายแบบเดลิเวอรี่สั่งกลับบ้านเท่านั้น โดยจะเข้มงวดมาตรการป้องกันส่วนบุคคลของพนักงานในครัวมากขึ้น นอกจากนั้นติดตามการจัดสรรวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มแรงงาน รวมถึงจัดสรรวัคซีนให้บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าและกลุ่มเป้าหมาย และการติดตามความคืบหน้าหลังการปรับแผนการฉีดวัคซีน
#3197



ธปท.ขยายเวลางานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้"เช่าซื้อรถยนต์"ถึง 31 ส.ค. 64  เพื่อช่วยประชาชนที่มีหนี้เช่าซื้อรถยนต์ทุกสถานะที่มีความยากลำบากในการชำระหนี้ช่วงที่โควิดระบาดหนัก แจงตั้งแต่1มิ.ย.มีประชาชนร่วมลงทะเบียน24,199 คัน

นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้ขยายเวลาจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้เช่าซื้อรถยนต์ออนไลน์ออกไปอีก 1 เดือน จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีหนี้เช่าซื้อรถยนต์ทุกสถานะที่มีความยากลำบากในการชำระหนี้ช่วงที่โควิด 19 ยังระบาดอย่างรุนแรง

ตามที่ ธปท. ร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และผู้ให้บริการ 12 แห่ง ได้ร่วมกันจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ออนไลน์ขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา พบว่า มีประชาชนให้ความสนใจและทยอยลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องรวมจำนวน 24,199 คัน ซึ่งผลการไกล่เกลี่ยสามารถที่ช่วยเหลือลูกหนี้ที่เข้าเงื่อนไขได้ประมาณร้อยละ 75

นางธัญญนิตย์ เปิดเผยว่า กำหนดเดิมงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้เช่าซื้อรถยนต์จะหมดวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ยังมีความรุนแรงประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถออกมาทำงานได้ตามปกติ ธปท. จึงตัดสินใจต่ออายุงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้เช่าซื้อรถยนต์ออกไปอีก 1 เดือนเพื่อรองรับประชาชนที่อาจจะต้องการความช่วยเหลือ 

ธปท. ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มีหนี้เช่าซื้อรถยนต์ สมัครลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการภายในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ โดยงานมหกรรมครั้งนี้รองรับหนี้เช่าซื้อรถยนต์ทุกสถานะซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

(1) กลุ่มที่ยังผ่อนชำระปกติแต่เริ่มมีปัญหาการผ่อนชำระในช่วงนี้ ท่านสามารถขอลดจำนวนค่างวดที่ต้องจ่าย หรือ ขอพักชำระหนี้ ซึ่งดอกเบี้ยในช่วงพักชำระหนี้จะคำนวณจากฐานของค่างวดในช่วงที่พักชำระหนี้ตามแนวทางของ สคบ. ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มมีไม่มาก

(2) กลุ่มที่รถถูกยึดไปไม่นาน รถยังไม่ถูกขายทอดตลาด และเป็นรถที่ใช้ประกอบอาชีพ รวมทั้งกรณีที่ได้จ่ายค่างวดไปมากระดับหนึ่ง ท่านสามารถที่จะขอไกล่เกลี่ยที่จะรับรถคืน โดยแนวการไกล่เกลี่ยส่วนนี้คือผู้ให้เช่าซื้อจะยอมให้รับรถที่ยึดมากลับไป โดยจะให้ผ่อนชำระหนี้ต่อจากที่หยุดไป และจะคิดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มจากค่างวดที่ค้างชำระเท่านั้น ซึ่งจะจ่ายไม่มาก

(3) กลุ่มที่รถถูกขายทอดตลาดไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถตกลงกับเจ้าหนี้เกี่ยวกับจำนวนหนี้เช่าซื้อส่วนขาดที่เจ้าหนี้เรียกร้องให้ชำระเพิ่มเติม ก็สามารถใช้ช่องทางของงานมหกรรมครั้งนี้เจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ โดยยอดหนี้ที่ต้องชำระหนี้เพิ่มจะคำนวณด้วยวิธีที่เป็นธรรม และสามารถผ่อนชำระหนี้ส่วนนี้ได้นาน 3 ปีโดยไม่มีดอกเบี้ย


สคบ. สำนักงานศาลยุติธรรม และ ธปท. ได้จัดทำ application สำหรับผู้ที่มีปัญหาติ่งหนี้ ที่จะสามารถเข้าไปเช็คเบื้องต้นได้ง่ายๆ ว่ามีภาระหนี้เหลือสักเท่าไหร่ ซึ่งสามารถเข้าเช็คได้ที่เว็บไซต์ของ สคบ. (www.ocpb.go.th/debt/) เราเชื่อว่าความโปร่งใสที่มีมากขึ้นจะทำให้เจ้าหนี้และลูกหนี้สามารถหาข้อยุติได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ได้รับประโยชน์ทั้งลูกหนี้และผู้ให้บริการเช่าซื้อ

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของ ธปท. หรือที่ https://www.1213.or.th/App/DMed/V1 และหากมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการลงทะเบียนออนไลน์ ท่านสามารถโทรสอบถามได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร. 1213 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น. หรือ นอกเวลาทำการ ท่านสามารถส่งอีเมลมาที่ Debtfair@bot.or.th พร้อมแจ้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของท่านไว้ เจ้าหน้าที่ของ ธปท. จะติดต่อท่านกลับในลำดับต่อไป

สุดท้ายนี้ ธปท. ขอย้ำว่า แม้ท่านไม่ได้เป็นลูกค้าของผู้ให้เช่าซื้อทั้ง 12 แห่งที่ร่วมงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้เช่าซื้อรถยนต์ แต่ได้รับความเดือดร้อนประสบปัญหาจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด 19 ท่านสามารถยื่นขอความช่วยเหลือผ่านช่องทาง "ทางด่วนแก้หนี้" ของ ธปท. ที่ https://www.1213.or.th/App/DebtCase  ธปท. จะเป็นคนกลางในการส่งคำขอไกล่เกลี่ยหนี้ของท่านไปที่เจ้าหนี้ เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952133
#3198



"กมลภัทร แสวงกิจ" ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นอุปสรรคสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกระทบภาพรวมการเติบโตของทุกธุรกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้

ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงและมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงจากความยืดเยื้อของการแพร่ระบาด อุปสงค์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกล่าสุดส่งผลให้ครัวเรือนจำนวนมากมีปัญหาในการชำระหนี้ เห็นได้จากระดับหนี้ครัวเรือนปัจจุบันสูงถึง 90.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทย ได้รับผลกระทบไม่น้อย! ทั้งทางตรงจากมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง และทางอ้อมจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง แม้ผู้พัฒนาอสังหาฯ จะผลักดันโปรโมชัน สงครามราคา และ ใช้ช่องทางออนไลน์มาลดช่องว่างในการซื้อขาย แต่สภาพคล่องทางการเงินและผลกระทบด้านอาชีพของผู้บริโภคยังเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้จำเป็นต้องชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม ออกไปก่อน แม้จะยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยก็ตาม

"แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 42.7 จาก 41.6 ในเดือนก่อนหน้า แต่ผู้บริโภคก็ยังไม่เชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจ จึงวางแผนการเงินอย่างรัดกุมและใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยนานขึ้น แนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยทุกประเภทลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นในปีนี้ ขณะที่ดัชนีอุปทานเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 7% สะท้อนว่ายังคงมีสินค้าคงค้างอยู่ในตลาดอีกพอสมควร"

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันผู้ประกอบการได้ปรับแผนเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ นักลงทุน และผู้บริโภคที่มีสินค้าอยู่ในมือต่าง "ชะลอการขาย" เพื่อรอผลตอบแทนที่ดีกว่าในช่วงอื่นแทน คาดว่าจำนวนที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีจะไม่สูงไปกว่านี้ และจะไม่เกิดภาวะล้นตลาด!!


"กุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวเร็วขึ้น คือ การจัดหาและกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้รุนแรงมากไปกว่านี้ และภาครัฐควรมีมาตรการเพิ่มเติมช่วยเหลือเยียวยาและพักหนี้ให้ผู้บริโภคที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยในขณะนี้ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง"

รายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ระบุ ข้อมูลเชิงลึกและวิเคราะห์ทิศทางตลาดอสังหาฯ ไทยไตรมาสล่าสุด พบว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้ผู้บริโภคประสบปัญหาทางการเงินและว่างงานมากขึ้น ทำให้ต้องชะลอการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไปรวมถึงการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย แม้จะมีสงครามราคาที่อัดความคุ้มค่าเพื่อเปิดโอกาสทองให้ผู้ซื้อมากเพียงใด แต่ด้วยกำลังซื้อที่ค่อนข้างจำกัดจึงไม่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อเท่าที่ควร

จะเห็นได้จากจำนวนที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสล่าสุด ดัชนีอุปทานปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 428 จุด จาก 399 จุด หรือเพิ่มขึ้นถึง 7% จากไตรมาสก่อน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 37% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นดัชนีอุปทานที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2558

หากพิจารณาในแต่ละทำเล กรุงเทพฯ ที่มีจำนวนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบไตรมาส ได้แก่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา เพิ่มขึ้นถึง 34% ตามมาด้วย แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง เพิ่มขึ้นในสัดส่วน 11% เท่ากัน

อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกนี้ ส่งผลต่อทิศทางการเติบโตในตลาด ผู้พัฒนาอสังหาฯ ตัดสินใจชะลอการเปิดโครงการใหม่ออกไป เพื่อเร่งระบายสต็อกคงค้าง รวมถึงผู้บริโภคที่มีสินค้าอยู่ในมือก็ชะลอการขายออกไปเพื่อรอจังหวะที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่านี้

"ผลกระทบจากโควิดทำให้มุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อบทบาทของที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไป หลายคนต้องใช้เวลาในแต่ละวันที่บ้านมากขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคนี้ซึ่งต้องมีพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอและตอบโจทย์การใช้ชีวิตหลากหลายรูปแบบ ทั้งรองรับการเรียนออนไลน์ ทำงานออนไลน์ ทำให้ที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงได้รับความสนใจในกลุ่มผู้บริโภคที่กำลังมองหาบ้านอย่างต่อเนื่อง"

แม้ว่า คอนโดจะมีการจัดโปรโมชันออกมากระตุ้นยอดขายจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เห็นได้ชัดจากดัชนีอุปทานล่าสุดที่คอนโดมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 7% โดยปัจจุบัน คอนโด มีสัดส่วนสูงถึง 87% ของจำนวนอุปทานทั้งหมดในกรุงเทพฯ ขณะที่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์มีสัดส่วนเพียง 7% และ 5% ตามลำดับ ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลให้หลายครอบครัวยังคงเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมากกว่าเช่นกัน

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951819
#3199



Webometrics จัดอันดับ เป็นที่ 1 ในกลุ่มมทร.ทั้ง 9 แห่ง อันดับ 25 ประเทศ และอันดับ 2,990 โลก

รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) เปิดเผยว่า มทร.อีสาน เป็นมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เน้นผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติมืออาชีพเพื่อเข้าไปตอบโจทย์การพัฒนาสังคมและประเทศชาติ โดยในช่วงปีที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสโลกที่เปลี่ยนไป มทร.อีสาน ได้รับนโยบายจาก ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภา มทร.อีสาน ให้มุ่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่ตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงของประเทศในด้านการพัฒนาเข้าสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งจากการขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลังในการเป็นมหาวิทยาลัยดิจิทัลที่สอดรับกับการพัฒนาประเทศนั้น ส่งผลให้ มทร.อีสาน คว้าแชมป์มหาวิทยาลัยคุณภาพจากการจัดอันดับของ Webometrics Ranking of World Universities ซึ่งจัดทำโดย Cybermetrics Lab หรือ Internet Lab ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยของสภาวิจัยแห่งชาติ ประเทศสเปน มีการประกาศผลการจัดอันดับเว็บไซต์ ผ่านทางเว็บไซต์ www.webometrics.info โดยได้จัดอันดับเว็บไซต์เพื่อวัดผลงานทางวิชาการที่มีการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตนอกเหนือจากผลงานที่มีการตีพิมพ์ลงในวารสารหรืออื่น ๆ วัดความสามารถในการเป็น "มหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์ (E-university)" ซึ่งมีมหาวิทยาลัยทั่วโลกเข้าร่วมการจัดอับดับทั้งสิ้น 11,987 แห่ง



สำหรับการจัดอันดับของ Webometrics Ranking of World Universities มีการประกาศผลการจัดอันดับเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง ในเดือน มกราคม และเดือน กรกฎาคม ซึ่งจากการประกาศผลรอบล่าสุด มทร.อีสาน สามารถครองแชมป์มหาวิทยาลัยคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องถึง 3 สมัย ในการเป็นอันดับ 1 จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ทั้ง 9 แห่ง โดยผลการจัดอันดับ เดือนกรกฎาคม 2564 มทร.อีสาน ได้รับการจัดอันดับที่ 25 ของประเทศ และอยู่ในอันดับที่ 2,990 ของโลก ซึ่งในรอบที่ผ่านมาเดือน มกราคม 2564 อยู่อันดับที่ 25 ของประเทศ และอยู่ในอันดับที่ 3,179 ของโลก และเดือน กรกฎาคม 2563 อยู่อันดับที่ 25 ของประเทศ และอยู่ในอันดับที่ 2,939 ของโลก



นอกจากนี้ หากเทียบผลการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่ง ในครั้งนี้ พบว่า มทร.อีสาน อยู่อันดับที่ 25 ของประเทศ มทร.ธัญบุรี อันดับที่ 35 ของประเทศ มทร.พระนคร อันดับที่ 42 ของประเทศ มทร.ล้านนา อันดับที่ 46 ของประเทศ มทร.รัตนโกสินทร์ อันดับที่ 47 ของประเทศ มทร.ศรีวิชัย อันดับที่ 49 ของประเทศ มทร.ตะวันออก อันดับที่ 50 ของประเทศ มทร.กรุงเทพ อันดับที่ 54 ของประเทศ และ มทร.สุวรรณภูมิ อันดับที่ 59 ของประเทศ ตามลำดับ ซึ่งจะเห็นได้ว่า มทร.อีสาน แม้ว่าจะอยู่ในอันดับที่ 25 ของประเทศติดต่อกัน 3 ครั้ง แต่ในครั้งล่าสุดนี้ มทร.อีสาน ได้ก้าวกระโดดในการพัฒนาศักยภาพของอาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาในการผลิตผลงานวิจัย ผลงานบริการวิชาการ รวมถึงข่าวสารให้มีการเผยแพร่ไปสู่สาธารณชนในโลกออนไลน์เยอะมากขึ้น ซึ่งทำให้ มทร.อีสาน มีผลการจัดอันดับที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง และเรายังคงมุ่งหน้าพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดนิ่ง



อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่มหาวิทยาลัยคุณภาพเชิงวิชาการอันดับ 1 ของประเทศในปัจจุบันนี้ เป็นผลพวงจากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย ขอขอบคุณสภามหาวิทยาลัย สภาคณาจารย์ ผู้บริหาร อาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาทุกคน ที่ร่วมกันผลักดันยุทธศาสตร์สำคัญของมหาวิทยาลัยทั้งด้านของวิทยาศาสตร์สุขภาพ ด้านเกษตรอินทรีย์ การวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์ การขับเคลื่อนโครงข่ายระบบรางและอากาศยานของประเทศ และการพัฒนาบัณฑิตให้เป็นบัณฑิตนักปฏิบัติที่มีพลังขับเคลื่อนสังคมดิจิทัลนั้น ผมเชื่อมั่นว่า มทร.อีสาน มีศักยภาพและความพร้อมเป็นแกนหลักของประเทศในการพัฒนาสังคม ชุมชน และประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ รศ.ดร.โฆษิต กล่าวทิ้งท้าย
#3200



เป็นซีรีส์จีนที่มาแรงแซงทุกเรื่อง และมียอดสตรีมสูงสุดบนแพลตฟอร์มวีทีวีทั่วภูมิภาคใน ขณะนี้ สำหรับซีรีส์เรื่อง "ฟอลลิ่ง อินทู ยัวร์ สไมล์" (รัก) ยิ้มของเธอ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศรายชื่อศิลปินดังทัพไอดอลที่มาร่วมร้องเพลงประกอบให้ซีรีส์เรื่องนี้เมื่อเดือน มิ.ย.

ล่าสุดทาง NSMG ประกาศวันจำหน่ายอัลบั้มอย่างเป็นทางการทั่วโลก ในวันศุกร์ที่ 30 ก.ค.นี้ หลังซีรีส์จบลงทาง NSMG ก็ได้ปล่อยวิดีโอเบื้องหลังการทำอัลบั้มเพลงประกอบซีรีส์ชุดนี้ออกมาทางยูทูบช่อง NSMGroup โดยมี สวีข่าย, เฉิงเซียว, เซเว่นทีน, เวย์วี, แองเจล่า จาง, จ๋าย เซียวเหวิน, เกาหาน และอีกหลายศิลปินมาร่วมบอกเล่าความรู้สึกถึงเพลงของพวกเขา ความท้าทายที่ต้องเผชิญ รวมถึงเรื่องราวเบื้องหลังในระหว่างการบันทึกอัลบั้มชุดนี้ด้วย


นอกจากอัลบั้มเพลงประกอบซีรีส์แล้ว เร็วๆนี้ยังจะมีอัลบั้มเพลงบรรเลงที่จะปล่อยออกมาให้แฟนๆได้ฟังและได้ระลึกถึงฉากประทับใจ ติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมได้ที่โซเชียลมีเดียหลักของ NSMG.