• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

อสังหาฯขานรับธปท.คลายล็อคLTV ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ-หนุนที่อยู่อาศัยพร้อมโอน7.5แสนล.

Started by Jenny937, October 22, 2021, 06:48:15 PM

Previous topic - Next topic

Jenny937

ผู้ประกอบการภาคอสังหาฯ เด้งรับ ธปท.การคลายล็อค "แอลทีวี" ในกลุ่มขอกู้สินเชื่อใหม่ ปลุกตลาดอสังหาฯพร้อมโอน 7.5 แสนล้านบาท ให้มีโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อมากขึ้น "อธิป พีชานนท์" ขอบคุณธปท.แต่ยอมรับ การฟื้นตัวอสังหาฯคงไม่ฉับพลัน คนซื้อไม่มีเงิน รายได้ยังไม่เข้ามา จ่อชงคลัง ขอยืดลดภาษีค่าโอนฯไปสิ้นปี 65 บิ๊กเอพี ไทยแลนด์ ชี้ เพิ่มความสามารถในการซื้อของลูกค้ามากขึ้น ด้าน"กานดา พร็อพเพอร์ตี้" หนุนผู้ประกอบการกล้าที่จะลงทุน ขยายเปิดโครงการใหม่ ขณะที่ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เตรียมปรับมุมมองปี 64 ดีขึ้นจากBase Case

ต้องถือว่าเป็นข่าวดีในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ และ ผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในหลังที่ 2 เมื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) เป็นการชั่วคราว โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) เป็นร้อยละ 100 (กู้ได้เต็มมูลค่าหลักประกัน) สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (รวมสินเชื่ออื่นนอกเหนือจากเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยและมีที่อยู่อาศัยนั้นเป็นหลักประกันหรือสินเชื่อ Top-up แล้ว) ทั้งกรณี มูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ กรณีมูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 1 เป็นต้นไป สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565

จากประเด็นดังกล่าว ผู้บริหารระดับสูงในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เสียงส่วนใหญ่ ขานรับ กับแนวทางของธปท.ในการเปิดช่องให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ได้มีโอกาสได้รับวงเงินสินเชื่อที่เต็ม และยังมีสภาพคล่องที่สามารถนำเงินที่อาจจะต้องไปวางเงินดาวน์ ไปดำเนินธุรกิจหรือใช้จ่ายในส่วนต่างๆได้

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์

ปลุกตลาดที่อยู่อาศัยพร้อมโอน7.5แสนล้าน

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ "LPN" กล่าวถึงปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการของธปท.ว่า สามารถช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้น จากหลักเกณฑ์เดิมที่ผู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 (สัญญาที่ 2) ต้องวางเงินดาวน์ขั้นต่ำ 10% หากผ่อนสัญญาแรกมาแล้ว 2 ปี หรือมากกว่านั้น และถ้าผ่อนสัญญาที่ 1 น้อยกว่า 2 ปี จะต้องดาวน์ 20% และบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไป (สัญญาที่ 3 ขึ้นไป) ต้องวางเงินดาวน์ขั้นต่ำ 30%

"มาตรการผ่อนคลายที่ออกมา ทำให้ผู้ซื้อมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น แทนที่จะต้องมีเงินก้อนเพื่อวางเงินดาวน์ ร้อยละ 10-30 ของมูลค่าหลักประกัน ก็ไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อนเพื่อมาวางดาวน์ ช่วยให้ผู้ซื้อที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ที่มีความสามารถในการผ่อนชำระ แต่ไม่มีเงินก้อนสามารถที่จะเป็นเจ้าของบ้านได้ โดยกลุ่มสินค้าที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการผ่อนคลายนี้ เป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่พร้อมโอน ซึ่งมีอยู่ในตลาดตอนนี้ประมาณ 750,000 ล้านบาท เป็นส่วนของคอนโดมิเนียมประมาณ 300,000 ล้านบาท และแนวราบประมาณ 450,000 ล้านบาท ในส่วนของ LPN เองมีสินค้าที่พร้อมอยู่พร้อมโอนประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้" นายโอภาส กล่าว

อย่างไรก็ตาม นอกจากมาตรการผ่อนคลาย LTV แล้ว นายโอภาส กล่าวว่า มาตรการสำคัญที่จะสามารถกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ได้คือ การผ่อนคลายความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ซื้อบ้าน โดยปัจจุบันมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 40-50% ในกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 3 ล้านบาท ถ้าสถาบันการเงินผ่อนคลายการพิจารณา หรือ ภาครัฐมีเครื่องมือมาช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น ก็จะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อภาคอสังหาฯ ให้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ต่อไป

นายอธิป พีชานนท์ 
นายอธิป พีชานนท์

"อธิป"ขอบคุณธปท. คาดเห็นสัญญาฟื้นตัวปลายปีต่อปี65

นายอธิป พีชานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ,ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาสมาคมการค้า และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ต้องขอบคุณในการคลายล็อก LTV ของธปท.ซึ่งการออกมาตรการ ดีกว่าไม่ออกอะไรออกมาช่วยเลย แต่ก็ต้องรอดูว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวหรือไม่ เพราะกำลังซื้ออยู่ในช่วงถดถอย ดีมานด์ไม่มีเงิน รายได้ยังไม่เข้ามา เพราะมีการเลิกจ้างงาน แต่ก็คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวในปลายปีนี้ไปจนถึงปี2565 แต่ไม่เต็ม 100% เหมือนในช่วงที่ผ่านมา อย่าคาดหวังว่าจะดีขึ้นอย่างฉับพลัน เพราะไม่ดีขึ้นเหมือนในอดีต แต่ก็จะช่วยระบาย สต๊อกที่สร้างเสร็จแล้วได้ จนถึงปลายปีอาจจะช่วยระบายได้พอสมควร โดยเฉพาะตลาดคอนโดฯจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น เพราะมีพื้นที่เหลือขายและมีสต๊อกอยู่มาก จะทำให้ดีมานด์กล้าซื้อมากขึ้น

นอกจากนี้ ตนในนามสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยังเตรียมหารือกับผู้ประกอบการทั้ง 3 สมาคม เพื่อทำหนังสือถึงภาครัฐ ในการเสนอเปลี่ยนเงื่อนไข-ขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ให้ขยายเป็นระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท เพื่อขยายตลาดและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น โดยจะขอให้ยืดไปสิ้นสุดมาตรการในปลายปี 2565 โดยจะรีบทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังในเร็วๆนี้

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ "AP" กล่าวว่า การผ่อนคลายมาตรการ LTV เท่ากับเป็นการเพิ่มความสามารถในการซื้อให้กับลูกได้มากขึ้น รวมถึงส่วนหนึ่งภาคอสังหาฯ ถือเป็นอีกหนึ่ง Key Drive สำคัญในการช่วยขับเคลื่อน จีดีพี ของประเทศ โดยเฉพาะเป็นอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่ทำให้เกิดการจ้างจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการนำมาสู่โอกาสที่ดีอีกมาก

นายอิสระ บุญยัง
นายอิสระ บุญยัง

อสังหาโค้งท้ายปีคึกคัก บรรยากาศดีขึ้น
ห่วงแบงก์ เข้มปล่อยกู้ รีเจกต์เรตพุ่ง!

นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวเห็นด้วยว่า เป็นเรื่องที่ดี ไม่เพียงแต่กำลังซื้อจะดีขึ้น ยังทำให้ผู้ประกอบการกล้าที่จะลงทุน และขยายการเปิดโครงการใหม่ ซึ่งข้อดีการผ่อนคลาด LTV ทำให้ผู้กู้สัญญาแรกซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น เพราะที่ผ่านมาต้องหาผู้กู้ร่วมถึงจะกู้ได้ง่ายขึ้น และผู้กู้ร่วมก็ไม่ต้องกลายเป็นสัญญาที่ 2 เมื่อจะซื้อบ้านของตัวเอง ก็ทำให้ง่ายขึ้น

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์

REICเตรียมปรับมุมมองอสังหาปี 64 ดีขึ้นจากBase Case

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ด้วยแนวโน้มที่ดีขึ้น และการคลายล็อค LTV น่าจะทำให้ทางศูนย์ข้อมูลฯจะปรับมุมมองต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2564 โดยคาดว่าตัวเลขน่าจะปรับดีขึ้นจากเส้น Base Case ซึ่งเดิมทางศูนย์ข้อมูลฯประเมินว่า ในปีนี้ จะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ลดลงเหลือเพียง 164,861 หน่วย ลดลงจากปี 63 ที่เคยมีหน่วยโอนฯ 196,639 หน่วย หรือร้อยละ - 16.2 (ห่างจากค่าเฉลี่ยร้อยละ -15.4) และมูลค่าโอนฯลดลงจะเหลือเพียง 587,539 ล้านบาท ลดลงจากปี 63 ที่เคยมูลค่าโอนฯ 613,590 ล้านบาท หรือร้อยละ -4.2 (แต่สูงกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ + 12.9)

"เราเชื่อว่า ในช่วง 2 เดือนที่เหลือ ผู้ประกอบการจะอาศัยโอกาส จัดโปรโมชั่นที่หนักมากขึ้น เพื่อรับกับมาตรการเรื่อง LTV ขณะที่ยังมีปัจจัยเสริมเรื่อง มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือร้อยละ 0.01 ในกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 3 ล้านบาท ที่จะสิ้นสุดปลายปี ยิ่งทำให้ บรรยากาศการแข่งขันจะมีมาก เพื่อกระตุ้นยอดขายและยอดโอนส่งท้ายปี ปิดตัวเลขบัญชีให้สวย" ดร.วิชัย กล่าว