• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Beer625

#9873
รองโฆษกรัฐบาล เผยมติครม.ล่าสุด แก้กฎกระทรวงการคลัง แลกเงินไทยใช้บัตรเครดิตได้ เพิ่มประสิทธิภาพ-ความคล่องตัวธุรกิจแลกเปลี่ยนเงิน

วันที่ 23 พ.ย.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับ 13 (พ.ศ.2497) และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินพ.ศ.2485 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพของการประกอบธุรกิจซื้อขายแลกแปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (ธุรกิจปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ) ของไทย รวมทั้งให้การดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และมาตรฐานสากลเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการก่อการร้าย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

โดยเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรูปแบบการอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจปัจจัยชำระเงินต่างประเทศที่มีรูปแบบเป็นนวัตกรรมซึ่งนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ และผ่อนคลายหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตหรือได้ขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี



รวมถึงเพิ่มเติมลักษณะต้องห้ามของกรรมการ ผู้มีอำนาจในการจัดการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของผู้ประกอบธุรกิจปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้

1.ขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจของบุคคลที่ได้รับอนุญาต โดยให้สามารถบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในรูปแบบอื่น ที่ไม่ใช่เฉพาะธนบัตรเงินตราต่างประเทศได้ เช่น นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถชำระเงินค่าซื้อธนบัตรเงินบาท ด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่ออกโดยธนาคารในต่างประเทศได้ จากเดิมที่ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้เฉพาะธนบัตรเงินตราต่างประเทศ 

2.เพิ่มประเภทการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ โดยให้สามารถประกอบธุรกิจในรูปแบบการขึ้นทะเบียน (Register) จากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ จากเดิมที่มีเฉพาะรูปแบบการให้ใบอนุญาต (License) จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น

3.ขยายขอบเขตของการให้ใบอนุญาตและใบขึ้นทะเบียน โดยให้ใบอนุญาตที่ได้รับ สามารถใช้ได้กับทั้งสานักงานใหญ่ สาขา และช่องทางการให้บริการอื่น (One-to-Many) ได้ จากเดิมที่ใบอนุญาตสามารถใช้ได้กับสถานประกอบการที่ยื่นขออนุญาต (One-to-One) เท่านั้น หากมีหลายสาขาต้องขอใบอนุญาตทุกสาขา


4.ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับรายได้สกุลเงินตราต่างประเทศที่ได้รับมาจากต่างประเทศทั้งรายได้ที่เป็นค่าของส่งออกและรายได้ประเภทอื่น โดยสามารถนำรายได้จากสกุลเงินตราต่างประเทศไปใช้ในการทำธุรกรรมประเภทอื่นได้ เช่น การชำระหนี้การค้า หรือนำรายได้สกุลเงินตราต่างประเทศไปขาย จากเดิมที่อนุญาตเพียงการขายหรือฝากเงินตราต่างประเทศกับธนาคารพาณิชย์

5.ปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต โดยกำหนดให้ผู้ขออนุญาตประกอบธุรกิจปัจจัยชำระเงินต่างประเทศต้องเป็นนิติบุคคลเท่านั้น จากเดิมเป็นบุคคลธรรมดาได้ สำหรับบุคคลธรรมดาจะสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้อีก 3 ปี นับแต่วันที่ร่างกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ โดยกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล

6.เพิ่มเติมข้อกำหนดเกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามของกรรมการ ผู้ซึ่งมีอำนาจในการจัดการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยผู้ประกอบธุรกิจหรือกรรมการต้องไม่เคยได้รับโทษจำคุก ซึ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ในความผิดเกี่ยวกับการประกอบปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับการขึ้นทะเบียน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการก่อการร้าย

ทั้งนี้ ในลำดับต่อไปจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้
#9874

คปภ. สั่ง "อาคเนย์" จ่ายเคลม "น้องหญิง" นศ.ถูกเบนซ์ชนเสียชีวิต 2.5 ล้านบาท พร้อมดำเนินคดีบริษัทข้อหาประวิงจ่ายสินไหม โทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 20,000 บาท จนกว่าจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วเสร็จ

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 พ่อแม่ของน้องหญิงผู้เสียชีวิตขับขี่รถจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถเบนซ์ของคู่กรณี ได้ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริษัทประกันภัยผู้รับประกันภัยรถเบนซ์ของคู่กรณี ทั้งที่มีคำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564

 

โดยมีคำพิพากษาให้ผู้ขับขี่รถเบนซ์เป็นผู้ประมาทแต่ฝ่ายเดียว และตามความเห็นของสำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ให้บริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.)  500,000 บาท และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 1) จำนวน 2 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2.5 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ถนนสายบุรีรัมย์-สุรินทร์ ตำบลสองชั้น อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น



ทั้งนี้สำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ได้เร่งดำเนินการและแจ้งความเห็นให้บริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตตามกรมธรรม์ประกันภัย ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแล้ว

 

แต่บริษัทแจ้งใช้สิทธิโต้แย้งความเห็นว่า กรณีพิพาทน่าจะประมาทร่วมทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม ต่อมาเมื่อมีการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง และสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ได้รับเรื่องเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของทายาทของผู้เสียชีวิต จึงได้เรียกบริษัทชี้แจ้งข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 พร้อมให้ส่งเอกสารหลักฐาน

 

และเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 สำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ได้รายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ว่าได้ประสานไปยังบริษัทเพื่อให้พิจารณาทบทวนจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทผู้เสียชีวิตโดยเร่งด่วนอีกครั้งแล้ว บริษัทยังไม่แจ้งผลการพิจารณากลับมา


เมื่อบริษัทยังคงโต้แย้งว่า รถยนต์คันเอาประกันภัยมิได้ประมาท ซึ่งขัดแย้งกับผลของคำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดแล้วข้างต้น หรือปฏิเสธไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย

 

หากบริษัทยังปฏิเสธไม่จ่ายเคลมดังกล่าวการกระทำของบริษัทเข้าข่ายเป็นความผิดฐานประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่ถือว่าเป็นการประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือประวิงการคืนเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2549 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 20,000 บาท จนกว่าบริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วเสร็จ โดยสำนักงาน คปภ. จะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา และนำเรื่องเสนอเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการเปรียบเทียบ ซึ่งจะมีการประชุมพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว

 
#9876
ปัญญาเคมีภัณฑ์จำหน่ายเครื่องจักร เครื่องปันครีม เครื่องกวนผสม มีทั้งรุ่นแบบ
overhead stirrer / homojinizer 
จำหน่าย ในราคาถูก เหมาะสมกับธุรกิจ SME ที่กำลังเริ่ม 
เรามีทั้งมือ 1 มือสอง 


✅หากลูกค้าท่านใดสนใจสอบถาม/สั่งซื้อ
➡️LINE : @PYCM (มี@นะคะ)
➡️website : https://www.panyachemipan.com/
➡️FB : https://m.me/panyachemipan

#เคมีภัณฑ์ #ส่วนประกอบเครื่องสำอาง #chemi #โรงงาน #เครื่องสำอาง
#ร้านขายเคมีภัณฑ์ #หัวน้ำหอม #perfume #เครื่องปั่นครีม #เครื่องบรรจุครีม เครื่องอบฟิล์มหด


#9877
เปิดสอนการตลาดออนไลน์ 6 วัน 6 วิชา เพียง 98 บาท
#9878
​​​​​​​https://katoacademy.com/facebook-ads/
สอนเฟสบุ๊ค สอนยิงแอดเฟสบุ๊ค
#9879

สศค. จับตา 4 ปัจจัยเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจไทยปี 65 หวังจีนเปิดประเทศหนุนตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 1 ล้านคน เผยไม่ฟันธงลดมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ เชื่อรัฐบาลมุ่งใช้เม็ดเงินอัดการจ้างงาน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค.  เปิดเผยว่า ในปี 2565 สศค. ได้ประมาณการเศรษฐกิจไทยไว้ที่ 3.5% - 4%  ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ได้คาดการณ์ โดยมี 4 ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิด เนื่องจากมีผลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทย คือ 1.การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่อาจกลับมาระบาดซ้ำ แม้หลายประเทศรวมทั้งไทย จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว

 

2. ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ หลังการส่งออกเริ่มฟื้นตัว ทำให้มีการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลต่อจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อภาคการส่งออก

 

3.การขาดแคลนแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะในภาคการผลิตและภาคการก่อสร้าง หลังก่อนหน้านี้แรงงานได้เดินทางกลับประเทศ และยังไม่สามารถเดินทางกลับเข้ามาได้เต็มจำนวนเหมือนก่อนเกิดโควิด

 

4. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน และขยายตัวไม่เท่ากัน  ทั้งราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด  ซึ่งทั้ง 4 ปัจจัยนี้ มีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยด้วย

 

พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง  
พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง



สำหรับปัจจัยหนุนต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 65 นายพรชัย กล่าวว่า มาจากการที่ภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาดีขึ้น หลังจากหลายๆ ประเทศรวมทั้งไทยมีการเปิดประเทศมากขึ้น ซึ่ง สศค. คาดว่าในปี 65 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยประมาณ 6 - 7 ล้านคน

 

โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งถือเป็นมุมมองเชิงบวกกรณีประเทศจีนมีการเปิดประเทศ ให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ในช่วงครึ่งปีหลัง 65 แต่หากจีนยังคงมาตรการปิดประเทศตลอดทั้งปี 65 ก็คาดว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยทั้งปีจะลดลงเหลือ 6.3 ล้านคน


นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 5% และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่คาดว่าขยายตัวดีขึ้น รวมทั้งได้รับอานิสงส์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่หนุนต่อการส่งออกของไทย

 

ขณะที่ปัจจัยหนุนจากดีมานต์ในประเทศ คือ เม็ดเงินจากภาครัฐที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 4 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำ 3.1 ล้านล้านบาท งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3.7 แสนล้านบาท และเม็ดเงินจาก พ.ร.ก. กู้เงินเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 อีก 2.5 แสนล้านบาท

 

ส่วนมาตรการกระตุ้นการบรโภคภายในประเทศนั้น นายพรชัย กล่าวว่า ณ ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการกระตุ้นการบริโภคใดออกมาเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่าหลังจากหมดมาตรการกระตุ้นการบริโภคในปลายปี 64 นี้แล้ว รัฐบาลจะมุ่งเน้นไปที่การจ้างงานมากขึ้น ผ่านการลงทุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งเมื่อคนในประเทศมีงานทำ ก็จะส่งผลดีต่อรายได้และการบริโภคภายในประเทศตามมา
#9880
www.sctransformer.com
หม้อแปลง หม้อแปลงไฟฟ้า
#9881
ศาสตร์แห่งชะตาฟ้า ศาสตร์แห่งชะตาคน และศาสตร์แห่งชะตาดิน สอดคล้อง หรือขัดแย้งกัน