• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Hanako5

#9781


นางสุภาพร  ลีนะบรรจง  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  (บลจ.) กรุงศรี  เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว แต่การเติบโตที่สูงในปีนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน หากพ้นจากช่วงที่เศรษฐกิจโลกได้รับประโยชน์จากฐานต่ำไปแล้ว  เศรษฐกิจอาจมีการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงและมีแนวโน้มที่จะอยู่ในช่วงโตต่ำ  นักลงทุนจึงต้องมองหาทางเลือกการลงทุนที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้กับพอร์ตการลงทุน

"หุ้นเติบโตสูง" ถือเป็นธีมการลงทุนที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก และมีแนวโน้มเติบโตได้อีกหลายเท่าจากปัจจุบัน จึงเป็นที่มาของการเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีโกล.โกรท (KFGG) ที่ลงทุนในกองทุนหลักคือ Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund และได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว"


นางสุภาพร กล่าวว่า กองทุนหลักมีผลงานที่โดดเด่นมาก ด้วยการบริหารสไตล์ Baillie Gifford ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใช้มุมมองการลงทุนที่แตกต่างโดยเน้นการลงทุนระยะยาว เลือกลงทุนเพียงไม่กี่หลักทรัพย์ที่เชื่อมั่นในศักยภาพและจะเป็นตัวขับเคลื่อนผลตอบแทนของตลาดในระยะยาว และไม่เน้นการซื้อขายตามตลาด โดยปัจจุบันถือการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์เฉลี่ย 9 ปี

"หัวใจสำคัญคือกระบวนการคัดสรรหุ้น ซึ่งจะไม่ยึดติดกับภูมิภาค อุตสาหกรรม และดัชนีชี้วัด กรอบการเลือกก็อย่างเช่น รายได้ของธุรกิจนั้นสามารถปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2 เท่าภายใน 5 ปีข้างหน้าหรือไม่ อะไรคือความได้เปรียบในการแข่งขัน การบริหารจัดการเงินทุนเป็นอย่างไร  รวมถึงอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ระดับราคามีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 เท่าหรือมากกว่านั้น เป็นต้น  ทำให้หุ้นที่ผู้จัดการกองทุนคัดสรรเข้ามาในพอร์ตนั้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นเหนือคู่แข่ง   และเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแรงขับเคลื่อนของกระแสโลกาภิวัฒน์และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เช่น ธีม E-commerce ธีมเกี่ยวกับสื่อออนไลน์  ธีมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ  และ ธีมนวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์ "

สำหรับตัวอย่างหลักทรัพย์ที่กองทุนหลักลงทุนเช่น Netflix เป็นผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง ที่สมาชิกสามารถรับชมซีรีย์โทรทัศน์  สารคดี และภาพยนตร์ต่างๆ ได้หลากหลายประเภท และหลากหลายภาษา  Coupang บริษัทด้าน E-commerce ที่มีสมญานามว่าเป็น Amazon แห่งเกาหลีใต้   Adyen แพลตฟอร์มที่ช่วยให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่ายและสร้างการเติบโตทั่วโลก  เป็นต้น"

"กองทุน KFGG เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสร้างความเติบโตให้กับพอร์ตการลงทุนระยะยาวผ่านการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นเติบโตสูงทั่วโลก สามารถรับความผันผวนในระยะสั้นได้ และมีระยะเวลาการลงทุนในระยะกลางถึงยาวเพื่อให้หลักทรัพย์ในพอร์ตมีเวลาสร้างการเติบโตได้เป็นไปตามเป้าหมาย" 
#9782
สนใจติดต่อคุณเป้ง 087-347-6299
https://gladnessaccounting.co.th

สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  สำนักงานบัญชีไทรน้อย  สำนักงานบัญชีปากเกร็ด  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีพิมลราช  สำนักงานบัญชีบางคูรัด  สำนักงานบัญชีบางรักพัฒนา  สำนักงานบัญชีบางแม่นาง  สำนักงานบัญชีบางกร่าง  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีตลาดขวัญ  สำนักงานบัญชีบางตะไนย์  สำนักงานบัญชีบางพลับ  สำนักงานบัญชีบางรักน้อย  สำนักงานบัญชีมหาสวัสดิ์  สำนักงานบัญชีศาลากลางนนทบุรี  สำนักงานบัญชีอ้อมเกร็ด  สำนักงานบัญชีแจ้งวัฒนะ  สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีถนนบางไกรใน  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีบางคูเวียง  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#9783
บริการรับถมที่ ถมดิน ทุกชนิด ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804
#9784


วันนี้ (27 ส.ค.) ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นไปอย่างค่อนข้างหนักหน่วงในหลายประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดยังคงเป็นอินโดนีเซีย ตามด้วย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไทย พม่า เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ ลาว และบรูไน  อินโดนีเซียนั้น มีจำนวนผู้ติดเชื้อถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2564 มากกว่าสี่ล้านคนแล้ว ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตนั้น ก็ยังเป็นอินโดนีเซียที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ 129,293 ราย ตามด้วย ฟิลิปปินส์ พม่า มาเลเซีย ไทย เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ ลาว และบรูไน ก่อนหน้านี้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีมาก หนึ่งในนั้นคือเวียดนาม แต่ขณะนี้สถานการณ์ในเวียดนามนั้นกลายเป็นตึงเครียดไปแล้วจากจำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันสูงกว่าจำนวนที่บันทึกไว้ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา

เวียดนามและไทยต่างก็เคยได้รับการชื่นชมและยกให้เป็นแบบอย่างของการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19  ในรอบที่ผ่าน ๆ มา รัฐบาลเวียดนามประสบความสำเร็จในการเข้าไปจัดการอย่างเข้มงวด ดูได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดถึงหลักร้อย ก็สามารถควบคุมจนลดลงมาเป็นศูนย์ได้เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และเปิดเศรษฐกิจได้เร็วกว่าใครในอาเซียน อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและจัดเป็นระลอกที่สี่ของเวียดนาม ทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เคยเป็นศูนย์อย่างต่อเนื่องนั้น ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทะลุหลักร้อย หลักพัน และหลักหมื่นในเวลาอันรวดเร็ว โดยในวันที่ 19 สิงหาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อเกินหนึ่งหมื่นรายต่อวันเป็นครั้งแรก (10,654 ราย) และจำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามต้องประกาศมาตรการล็อคดาวน์ในนครโฮจิมินห์ พร้อมทั้งคุมเข้มมาตรการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ รัฐบาลได้ทบทวนแผนนโยบายวัคซีนอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาการจัดการวัคซีนของเวียดนามคล้ายแบบของไทย มีการทุ่มทุนวิจัยและทดลองผลิตวัคซีนเป็นของตัวเอง แม้ว่าวัคซีนที่ผลิตเองอาจจะช้ากว่าของต่างประเทศ แต่หากเวียดนามทำสำเร็จ การรอคอยวัคซีนที่ผลิตเองจะเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากกว่า ต่างกับนานาประเทศที่นำเข้าวัคซีนจากต่างชาติ ตอนนี้วัคซีนของเวียดนามได้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการทดลองกับมนุษย์ แต่เนื่องจากระลอกนี้เป็นการระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ที่แพร่กระจายเชื้อได้รวดเร็วและติดง่ายขึ้น ทำให้เวียดนามเริ่มพิจารณาการนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

รมว.อว.กล่าวต่อว่า หากมองในมุมเปรียบเทียบระหว่างสถานการณ์ของไทยกับเวียดนามในฐานะที่เคยเป็นประเทศที่ได้รับคำชื่นชมในการบริหารจัดการการแพร่ระบาดนั้น พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันของไทยยังสูงกว่าเวียดนามอยู่มาก แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของไทยนั้นมีแนวโน้มค่อย ๆ ลดลงมา ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2564 และมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันต่ำกว่าสองหมื่นรายติดต่อกันเป็นวันที่สี่แล้ว แตกต่างจากเวียดนามที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันนั้นยังไม่นิ่งและมีแนวโน้มที่อาจจะสูงขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดนั้น ไทยยังสูงกว่าเวียดนามอย่างชัดเจน โดยไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมจนถึงปัจจุบัน (26 สิงหาคม 2564) จำนวน 1,120,869 ราย เป็นอันดับที่ 31 ของโลก ส่วนเวียดนามนั้นมีผู้ติดเชื้อสะสม จำนวน 392,938 ราย เป็นอันดับที่ 63  

แม้ไทยจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงกว่าเวียดนามกว่าสามเท่าตัวก็ตาม แต่จำนวนผู้เสียชีวิตนั้นต่างกันไม่มาก กล่าวคือไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสม (26 สิงหาคม 2564) จำนวน 10,314 ราย เป็นอันดับที่ 50 ของโลก ส่วนเวียดนามมีผู้เสียชีวิตสะสม 9,667 ราย เป็นอันดับที่ 52 ของโลก ใกล้ไทยมาก หากสังเกตจากกราฟจะเห็นว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ไทยมีผู้เสียชีวิตสะสม 2,213 ราย แต่เวียดนามมีผู้เสียชีวิตสะสมเพียง 81 รายเท่านั้น ผ่านมาเกือบสองเดือน เวียดนามมีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นมากจนเกือบจะเท่าไทย โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม จำนวนผู้เสียชีวิตนั้นพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลในวันที่ 26 สิงหาคม 2564 นั้น มีมากกว่าไทยแล้ว คือ 194,783 ราย และมีทีท่าว่าอาจจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย ส่วนไทยมีผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 186,934 ราย และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2564 มาแล้ว หากมองย้อนกลับไปดูจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นั้น เวียดนามมีผู้ป่วยเพียง 10,248 ราย ส่วนไทยมีผู้ป่วยมากกว่าอย่างชัดเจนจำนวน 52,052 ราย

"จะเห็นได้ว่าการบริหารจัดการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะมีการล็อคดาวน์ และมาตรการต่าง ๆ เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อ รวมทั้งการระดมฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วและทั่วถึงแล้วก็ตาม แต่หลาย ๆ ประเทศที่เคยควบคุมสถานการณ์ได้ดี ต่างก็กำลังประสบปัญหาจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส โดยจะเห็นได้จากเวียดนามและไทย เป็นต้น ดังนั้น ความสามัคคีและการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ทั้งการปูพรมตรวจหาเชื้อ การทำโรงพยาบาลสนามหรือ Home/ Community Isolation การฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง รวมทั้งประชาชนในประเทศที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปได้" ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าว
#9785


วันนี้ (27 ส.ค.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ Online Business Matching 2021 ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพและช่องทางการตลาดเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการ SME ปีงบประมาณ 2564 ระหว่างผู้ประกอบการของประเทศไทย และประเทศฟิลิปปินส์ เป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อสร้างประสบการณ์ด้านการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสู่ประเทศฟิลิปปินส์ ตลอดจนสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และหาช่องทางการตลาดที่มีความเหมาะสมกับศักยภาพธุรกิจและสถานการณ์ปัจจุบัน

สำหรับการจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ Online Business Matching 2021 ระหว่างประเทศไทย กับฟิลิปปินส์ ได้มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 3 กันยายน 2564 มีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่น บิวตี้ ความงาม และสุขภาพ โดยมีผู้ขายเป็นผู้ประกอบการไทย จำนวน 70 ราย และผู้ซื้อเป็นผู้ประกอบการฟิลิปปินส์ กลุ่ม B2B เช่น ตัวแทนจำหน่าย ผู้กระจายสินค้า ผู้นำเข้าสินค้า ห้างร้าน ผู้ค้าปลีกค้าส่ง แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ เป็นต้น

โดยเป้าหมายการจับคู่ธุรกิจผู้ประกอบการไทย 1 ราย พบคู่ค้า 3 – 5 ราย ผ่านช่องทางการนัดหมายเจรจาธุรกิจบนแพลตฟอร์ม www.bee2bee.asia นอกจากนี้แล้วยังมีสิทธิพิเศษเพิ่มเติมในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลสินค้าและบริการของผู้ประกอบการไทยบนแพลตฟอร์มต่อ 3 เดือนหลังจบกิจกรรม เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจเพิ่มช่องทางการรับรู้ไปยังประเทศอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรบนแพลตฟอร์มอีกด้วย
#9786


นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทย และคณะทำงานกลุ่มมาตรการสำหรับการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ (Business Resume) ภายใต้คณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้มีข้อเสนอเปิดเมืองปลอดภัย เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเสนอให้มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางธุรกิจ ให้สามารถกลับมาดำเนินการได้ พร้อมปรับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้ปลอดภัย และควบคุมการระบาดของโรคให้อยู่ในระดับที่ความสามารถทางสาธารณสุขรองรับได้

"ภาคเอกชนได้เห็นตรงกันว่า การผ่อนคลายให้กิจการและธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการ ควรพิจารณาจากความพร้อมของพื้นที่และลักษณะของกิจการ ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลในปัจจุบันมาเป็นตัวกำหนดความเสี่ยงของพื้นที่ใหม่แทนการพิจารณาจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพียงอย่างเดียว โดยสามารถพิจารณาจาก ความครอบคลุมของการฉีดวัคซีน ทั้งในภาพรวมและกลุ่มเสี่ยง ขีดความสามารถทางสาธารณสุข เช่น จำนวนเตียงสีเหลือง แดงที่เหลือ หรือจำนวนผู้ป่วย ICU หรือ สัดส่วนการเสียชีวิตต่อผู้ติดเชื้อ" นายสนั่น กล่าว



นายกลินท์  สารสิน ประธานอาวุโสหอการค้าไทย ในฐานะประธานคณะทำงานกลุ่มมาตรการสำหรับการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ กล่าวว่า ควรมีการพิจารณาให้กิจกรรมบางประเภทกลับมาจัดได้ แต่ต้องประเมินและจัดลำดับความเสี่ยงของกิจกรรม เพราะเราต้องใช้ชีวิตแบบ new normal ซึ่งภาคเอกชนพร้อมที่จะเข้าไปร่วมดำเนินการจัดทำมาตรฐาน กระบวนการป้องกัน และกระบวนการรักษาความสะอาด เพื่อให้เป็นมาตรฐานที่ยอมรับได้ รวมทั้งให้ธุรกิจเดินหน้าได้ ซึ่งเสนอให้แบ่งเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำ สามารถดำเนินการผ่อนคลายได้เลย


ส่วนกิจการที่มีความเสี่ยงปานกลาง ต้องมีมาตรการเพิ่มเติม ตรวจเรื่องความปลอดภัยของทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ โดยใช้ Digital Health Pass มาช่วยดำเนินการควบคุมการเปิดดำเนินการและการใช้บริการ แต่หากเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงสูง ยังต้องปิดการดำเนินการไปก่อน

สำหรับระบบ Digital Health Pass สามารถนำมาใช้เพื่อตรวจสอบประวัติการได้รับวัคซีน หรือผลการทดสอบ Rapid Test ของประชาชน ผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ โดยเชื่อมข้อมูลกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยืนยันและคัดแยกว่าประชาชนนั้นไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อ เชื่อมโยงข้อมูลกับระบบที่มีอยู่ โดยระบบจะตรวจสอบข้อมูลจาก Centralized Portal ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1. ผู้ออกเอกสารรับรอง (Issuers) เป็นข้อมูลจากส่วนกลางที่ระบุข้อมูล ทั้งข้อมูลการฉีดวัคซีน หรือผลการตรวจ ATK ที่จะเชื่อมโยงกับระบบปัจจุบันที่มีอยู่ได้ ซึ่งฐานข้อมูลสามารถแยกกันเก็บได้

2.ผู้ตรวจสอบคุณสมบัติในการเข้าสถานที่ (Verifiers) เจ้าของสถานประกอบการที่เป็นคนตรวจสอบก่อนให้เข้ามาในสถานประกอบการ โดยต้องกำหนดมาตรการและเงื่อนไขการเข้าสถานที่ เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ โดยภาครัฐควรออกแนวปฏิบัติที่ชัดแจนออกมา

3. ประชาชนหรือบุคคลที่ขอเข้ารับบริการจากสถานที่ (Individual) ข้อมูลของแต่ละคน ที่จะต้องนำระบบ SMART PHONE หรือ QR CODE ซึ่งสามารถสั่งพิมพ์ออกมาได้ และเชื่อมข้อมูลไปยัง Issuers ว่าเป็นบุคคลนั้น ๆ โดยจะแสดงข้อมูลเฉพาะว่า "ผ่าน" หรือ "ไม่ผ่าน" เท่านั้น

"จากการศึกษาแนวทางผ่อนคลายกิจกรรมการเปิดประเทศจากต่างประเทศ พบว่า ใช้วิธีการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสถานการณ์การระบาด พร้อมกับการป้องกันการเสียชีวิตควบคู่กันไป และการนำระบบดังกล่าวนี้มาใช้ จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นจุดแพร่ระบาดของเชื้อใหม่ได้ ซึ่งภาคเอกชนเห็นว่า ควรใช้เฉพาะบางกิจการที่มีความเสี่ยงเท่านั้น และเห็นว่า การสื่อสารและการขอความร่วมมือจากประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้น แนวทางที่ออกมาจึงต้องง่าย และสามารถปฏิบัติได้จริง" นายกลินท์ กล่าว

นอกจากนั้น คณะทำงานยังมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Digital Health Pass อาทิ ควรรองรับการอ่าน Vaccine Certificate ของชาวต่างชาติในอนาคตได้ และรองรับการทำงานแบบ offline เพื่อป้องกันระบบล่มเมื่อมีการใช้งานพร้อมกันมาก ๆ ควรมีการเข้ารหัส เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและอ่านข้อมูล รวมทั้ง ระบบต้องคำนึงถึงเรื่องความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ เป็นต้น
#9788
สนใจติดต่อคุณเป้ง 087-347-6299
https://gladnessaccounting.co.th

สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  สำนักงานบัญชีไทรน้อย  สำนักงานบัญชีปากเกร็ด  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีพิมลราช  สำนักงานบัญชีบางคูรัด  สำนักงานบัญชีบางรักพัฒนา  สำนักงานบัญชีบางแม่นาง  สำนักงานบัญชีบางกร่าง  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีตลาดขวัญ  สำนักงานบัญชีบางตะไนย์  สำนักงานบัญชีบางพลับ  สำนักงานบัญชีบางรักน้อย  สำนักงานบัญชีมหาสวัสดิ์  สำนักงานบัญชีศาลากลางนนทบุรี  สำนักงานบัญชีอ้อมเกร็ด  สำนักงานบัญชีแจ้งวัฒนะ  สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีถนนบางไกรใน  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีบางคูเวียง  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#9789


นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมไมซ์ไทย การจัดงาน "ไมซ์ไทยรวมใจสร้างชาติ" ในรูปแบบออนไลน์ (Virtual Meeting) จึงจัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมไมซ์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระจายรายได้และความเจริญสู่ชุมชน ตลอดจนแสดงความพร้อมของเมืองไมซ์ซิตี้ในฐานะศูนย์กลางภูมิภาคในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และใช้โอกาสนี้เป็นเวทีนำเสนอทิศทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ในปี 2565 ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการไมซ์ ซึ่งมีจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมชมงานกว่า 800 คน



โดยภายในงานมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมให้ข้อมูลและเสวนา ได้แก่ นายวิโรจน์ นรารักษ์ รองเลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น, นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี, นายอนุชา มีเกียรติชัยกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ และนายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต

"ทีเส็บ ในฐานะองค์กรภาครัฐ พัฒนาแผนงานให้สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของรัฐบาล โดยวางทิศทางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในปีหน้าผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การเสริมความแกร่งระดับชาติ การช่วงชิงโอกาสระดับสากล และการยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรม เพื่อเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ และเศรษฐกิจของประเทศให้พ้นจากวิกฤต ต้องอาศัยทั้งความยืดหยุ่นและการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็ง เพื่อนำพาอุตสาหกรรมไมซ์และเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นกลับมาโดยเร็วที่สุด"

ภายใต้กลยุทธ์การเสริมความแกร่งระดับชาติ ทีเส็บเร่งยกระดับความพร้อมของจังหวัดที่มีศักยภาพ ก้าวสู่การรองรับกิจกรรมไมซ์ พร้อมกับการสร้างงานใหม่ และยกระดับกิจกรรมไมซ์ให้มีคุณภาพระดับนานาชาติ โดยร่วมทำงานกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เช่น โครงการ Empower Thai Exhibition หรือ EMTEX ซึ่งได้ขยายความร่วมมือระหว่างทีเส็บกับกระทรวงต่างๆ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่าสิบหน่วยงาน เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพงานแสดงสินค้าในระดับท้องถิ่นก้าวสู่ระดับประเทศ ตลอดจนการพัฒนางานเทศกาลท้องถิ่นภายใต้แนวคิด Festival Economy ที่จะพัฒนางานต่อยอดสู่ระดับสากล 1 City : 1 License Event เช่น งานเทศกาล "เกลือ-เมือง-เพชร หรือ Diamond of the Salt Festival ของจังหวัดเพชรบุรี, งานเทศกาล Huahin Hop Fest ของเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น



พร้อมกันนี้ ยังดำเนินงานด้านการสื่อสาร เพื่อกระตุ้นและขับเคลื่อนองค์กรภาครัฐและเอกชนจัดประชุมสัมมนาและจัดกิจกรรมไมซ์ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ผ่านแคมเปญการสื่อสาร "จัดงานไมซ์ทั่วไทย ภูมิใจช่วยชาติ" และสนับสนุนงบประมาณผ่านโครงการ "ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า" ซึ่งในขณะนี้มีองค์กรและหน่วยงานได้รับการสนับสนุนแล้วกว่า 645 โครงการ และแสดงความจำนงมากกว่า 1,000 งาน

กลยุทธ์การช่วงชิงโอกาสระดับสากล มุ่งเน้นการผลักดันไมซ์ไทยสู่เวทีโลก จัดทำแคมเปญตลาดเชิงรุกเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในภูมิภาคอาเซียน โดยการประกาศปีแห่งการประชุมในประเทศไทยด้วยการต่อยอดจากการเป็นเจ้าภาพจัดงาน APEC 2022 อีกทั้งจะเร่งดึงงานสำคัญระดับโลกเข้ามาจัดในประเทศไทย เช่น งาน Thailand International Air Show, งานประชุมองค์กรระหว่างประเทศ เช่น งาน World Bank หรืองานแสดงสินค้าระดับท็อปไฟว์ของโลก

กลยุทธ์การยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรม มุ่งสานต่อการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการไมซ์ และหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐในและต่างประเทศ ทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากร มาตรฐานสถานที่จัดงาน และการพัฒนาหลักสูตรอบรมต่างๆ เพื่อให้ไมซ์ไทยก้าวทันความต้องการของโลกในยุคหลังโควิด เช่น การยกระดับมาตรฐานและส่งเสริม "การจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืน" โดยนำแนวคิด BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) ที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล มาต่อยอดกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals) ขณะเดียวกัน ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีและเครื่องมือแพลตฟอร์มดิจิทัลต่อเนื่อง อาทิ แพลตฟอร์ม "Thai MICE Connect" ที่มีข้อมูลผู้ประกอบการเข้าร่วมแล้วกว่าหมื่นรายทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นตลาดออนไลน์ซื้อขายบริการด้านไมซ์ รองรับตลาดทั้งในและต่างประเทศ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงตลาดให้ผู้ประกอบการทุกขนาด

ทั้งนี้ ทีเส็บสานต่อการจัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด "ไมซ์ไทยรวมใจสร้างชาติ" เตรียมเปิดนิทรรศการรูปแบบออนไลน์ (Virtual Exhibition) ให้ความรู้ถึงจุดกำเนิด และการเดินทางของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความภาคภูมิใจของทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนเป็นต้นไป และสามารถดาวน์โหลดหนังสือ "ภูมิไทย" เส้นทางทรงคุณค่าของอุตสาหกรรมไมซ์ ที่ทีเส็บจัดทำร่วมกับกองทุนส่งเสริมการประชุมนานาชาติ
 
#9790
บริการรับถมที่ ถมดิน ทุกชนิด ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804
#9791
ข้าวออร์แกนิกปลอดสารแท้ 100% ข้าวออร์แกนิคแฟร์เทรด   ข้าวเกษตรอินทรีย์ส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ขายข้าวมะลินิลอินทรีย์ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารกข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)  ข้าวกล้องหอมมะลิเพื่อสุขภาพ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวสุขภาพปะกาอำปึลเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6daqhyo0am1a6t.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารก
2.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
3.  ข้าวสุขภาพปะกาอำปึล
4. ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารพิษสุรินทร์
5. ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเพื่อสุขภาพ6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิคคือ7.  ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 

 
 
#9792


นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า  บริษัทเดินหน้าเจรจากับผู้ประกอบการกลุ่มลูกค้าเอกชนหลายรายที่มีความต้องการเปลี่ยนรถบัสที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเป็นรถบัสไฟฟ้า 

ทั้งนี้คาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้จะทยอยส่งมอบรถบัสไฟฟ้าได้รวมทั้งสิ้น 500 คัน  ซึ่งปัจจุบันราคาขายรถบัสไฟฟ้าต่อคันเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ล้านกว่าบาท ซึ่งเตรียมที่จะส่งมอบในไตรมาส3ปีนี้ จำนวนกว่า100 คัน และจะทยอยส่งมอบอีก 400 คันภายในสิ้นปีนี้ 

ดังนั้น รายได้จากธุรกิจรถบัสไฟฟ้าจะเริ่มเข้ามาในไตรมาส 3 ปีนี้และคาดว่าจะสูงสุดในไตรมาส 4 ปีนี้ อีกทั้งเมื่อโรงงานผลิตรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์เสร็จเรียบร้อยจะมีกำลังก่ารผลิตรถโดยสารไฟฟ้า ปีละ 3,000 คัน

สำหรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าในไทย รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนอย่างชัดเจน ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับผู้ประกอบการ ซึ่งตามแผนในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า จะสร้างการเติบโตได้หลายสิบเท่า อีกทั้งตลาดยังมีความต้องการสูง จากกลุ่มรถระบบน้ำมันที่เปลี่ยนมาเป็นระบบไฟฟ้า  โดยเฉพาะรถบัส ด้วยจำนวนรถบัสจดทะเบียนใหม่สูงถึง 10,000 คันต่อปีหรือแม้แต่ในช่วงโควิดปี 2563 ยังมีรถบัสจดทะเบียนใหม่ถึง7,000 คัน ซึ่งเราต้องการขยายไปในตลาดที่เป็นคอมเมอร์เชียวมากขึ้น เชิงพาณิชย์มากขึ้น

ขณะเดียวกันแนวโน้มครึ่งปีหลัง ยังมีปัจจัยหนุนรายได้ จาก จากโรงงานแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ ซึ่งใช้ เทคโนโลยีของ Amita Technology  โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตสำหรับระยะที่1 ได้ในไตรมาสที่3ปี64 โดยปัจจุบันได้นำเข้าเซลล์แบตเตอรี่ที่ผลิตจากโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของAmita Technologies Inc.ไต้หวัน เพื่อนำมาประกอบเป็นแพ็คและโมดูลในสายการผลิตภายในประเทศ เพื่อตอบสนองการใช้ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ของบริษัทฯ ได้แก่ รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า ในช่วงแรกระหว่างรอโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่เสร็จเรียบร้อย 

นายวสุ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้โต 20-30% รายได้ส่วนเพิ่มมาจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก และมีการปรับแผงโซลาร์หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าดีขึ้น ซึ่งรายได้ส่วนนี้จะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่งบลงทุนปีนี้ยังอยู่ที่  6,100 ล้านบาท ส่วนใหญ่ขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงาน ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจแบตเตอร์รี่ และธุรกิจสถานีชาร์จ ตามลำดับ
#9793


วิกฤตโควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ใส่ใจความปลอดภัยของอาหารตลอดกระบวนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค เกษตรกรคอนแทรกต์ฟาร์มของซีพีเอฟ นอกจากเป็นอาชีพที่ไม่มีความเสี่ยง สร้างหลักประกันความมั่นคงในอาชีพแล้ว ยังสร้างหลักประกันความปลอดภัยในอาหารที่จะส่งถึงมือผู้บริโภคอีกด้วย

เกษตรกรที่ร่วมโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์ หรือคอนแทรกต์ฟาร์ม กับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า โควิด-19 ทำให้ยิ่งต้องเข้มข้นเรื่องมาตรการความปลอดภัยสูงกว่าเดิม นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องปรับตัวเช่นกัน ถึงแม้ว่าอาชีพที่ทำจะมั่นคง ยั่งยืน เป็นอาชีพที่สามารถส่งต่อสู่ลูกหลาน แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ "ความปลอดภัย" เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

เวทย์ ผิวพิมพ์ หรือลุงเวทย์ เจ้าของรัตนะฟาร์ม ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ที่ผันตัวเองจากอาชีพทำนาเพราะผลผลิตและราคาข้าวที่ไม่แน่นอน จึงตัดสินใจร่วมโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงสุุกรขุนกับซีพีเอฟมาตั้งแต่ปี 2550 เป็นฟาร์มส่งเสริมแห่งแรกของ อ.อู่ทอง



ตลอด 14 ปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ลุงเวทย์มีโรงเรือนเลี้ยงสุกรขุน 9 หลัง ความจุรวม 6,000 ตัว ทั้งหมดควบคุมผ่านกล้องวงจรปิด ทำให้สามารถดูแลสุกรได้ทุกที่ทุกเวลา และยังเป็นการลดการเข้าไปในโรงเรือน ลดความเสี่ยงที่คนจะนำโรคเข้าฝูงสุกรได้เป็นอย่างดี เพื่อเสริมความปลอดภัยในอาหารอีกขั้นหนึ่ง ปัจจุบันลุงเวทได้ส่งต่ออาชีพให้ลูกชายเข้ามาดูแลสุกรจำนวน 6 โรงเรือน ลุงเวทย์บอกว่า การร่วมโครงการกับบริษัทเป็นการการันตีถึงความมั่นคงในอาชีพ การมีรายได้ที่แน่นอน และมีทีมงานมืออาชีพมาให้คำแนะนำดูแลใกล้ชิด เพื่อให้เกษตรกรมีผลผลิตดีที่สุด โดยเฉพาะในวิกฤตโควิดที่ซีพีเอฟให้ความรู้ด้านการป้องกันโรคสำหรับบุคลากรภายในฟาร์ม และการป้องกันโรคสุกรต่างๆ ด้วยระบบไบโอซีเคียวริตี (Biosecurity) เต็มรูปแบบ เพื่อให้คนปลอดภัยจากโควิดและสัตว์ปลอดโรค

"การร่วมเป็นคอนแทรกต์ฟาร์มกับซีพีเอฟไม่ต้องกังวลเรื่องตลาด เพราะบริษัทเป็นตลาดรองรับผลผลิตทั้งหมด อาชีพนี้จึงไม่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดเช่นนี้ เกษตรกรยังเดินหน้าอาชีพต่อได้ แต่เราก็ต้องเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยให้ดีกว่าเดิมเพื่อยกระดับความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค" ลุงเวทย์ กล่าว



ส่วน พิทักษ์พงศ์ เนื่องแก้ว เกษตรกรรุ่นใหม่ วัย 24 ปี เล่าจุดเริ่มต้นการร่วมเป็นคอนแทรกต์ฟาร์มว่า เกิดจากการตัดสินใจของพ่อไพบูลย์ และแม่อิงอร เนื่องแก้ว ที่ต้องการมีอาชีพที่มั่นคง จากคำแนะนำของญาติที่ร่วมโครงการเลี้ยงสุกรกับซีพีเอฟอยู่แล้ว จึงลงทุนทำฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์ 120 ตัว ในชื่อ หจก.อิงอรไพบูลย์ฟาร์ม ที่ ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อปี 2544 จากนั้นได้ขยายฟาร์มเพิ่มขึ้นจนเป็น 350 แม่ในปี 2555 และมีผลประกอบการที่ดีมาโดยตลอดจนได้รับเลือกให้เป็นฟาร์มต้นแบบคอนแทรกต์ฟาร์มของซีพีเอฟในภาคอีสาน ที่เปิดรับคณะศึกษาดูงานทั้งไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง



จากการที่พิทักษ์พงศ์เห็นความสำเร็จของพ่อแม่มาตลอด และคลุกคลีกับการเลี้ยงสุกรมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากว่า 18 ปี และจึงตัดสินใจสร้างฟาร์มสุกรขุน หจก.พิทักษ์พงศ์ วิชุดา รุ่งเรืองฟาร์ม ต.คูคำ อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น ของตนเอง 2 หลัง ความจุ 1,600 ตัว เมื่อปี 2563 ในรูปแบบสมาร์ทฟาร์มควบคุมการเลี้ยงผ่านระบบอัตโนมัติ พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อมอนิเตอร์สุขภาพสัตว์และตรวจสอบย้อนกลับกระบวนการเลี้ยง

"ความสำเร็จของครอบครัวผมมีซีพีเอฟเป็นผู้ผลักดัน แม้ในวิกฤตโควิดอาชีพก็ไม่มีสะดุด เพราะบริษัทให้ความรู้ทั้งเรื่องการป้องกันโรคคนและโรคสัตว์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตสุกรที่มีคุณภาพ ส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งพวกเราเกษตรกรทุกคนภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างหลักประกันอาหารปลอดภัย และเป็นหนึ่งในห่วงโซ่การผลิตอาหารให้ทุกคนได้บริโภคอย่างเพียงพอในทุกๆสถานการณ์" พิทักษ์พงศ์กล่าว



ด้านเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ วิง บุญเกิด หรือผู้ใหญ่วิง เจ้าของบุญเกิดฟาร์ม ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร อีกหนึ่งเกษตรกรตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จมากว่า 23 ปี กับอาชีพเลี้ยงไก่ไข่กับซีพีเอฟ นับจากที่หันหลังให้อาชีพเลี้ยงปลาช่อน และการเลี้ยงไก่ไข่แบบอิสระ ที่ตลาดมีความผันผวนสูงมาก ต้องรับภาระความเสี่ยงด้านการตลาดเองทั้งหมด รายได้จึงไม่แน่นอน เรียกว่าท้อจนเกือบถอย แต่มีซีพีเอฟยื่นมือเข้ามาช่วย จนกลายเป็นเกษตรกรรุ่นบุกเบิกในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่แบบประกันราคามาตั้งแต่ปี 2541

การตัดสินใจครั้งนั้นช่วยพลิกชีวิตจนสามารถปลดหนี้ที่ติดตัวมาก่อนกว่า 20 ล้านบาทได้สำเร็จ จากชีวิตที่ติดลบก็ยืนหยัดได้อย่างมั่นคง เพราะไม่ต้องเสี่ยงทั้งการผลิตและการตลาด มีบริษัทจัดหาพันธุ์ไก่ อาหาร วัคซีนให้ในราคาประกัน พร้อมส่งสัตวบาลมาดูแลการเลี้ยงไก่ 50,000 กว่าตัว ใน 10 โรงเรือน และแนะนำการป้องกันทั้งโรคคน และโรคสัตว์อยู่ตลอด โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 เราป้องกันเรื่องความปลอดภัยในระดับสูงสุด พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ที่สำคัญ อาชีพนี้ยังสร้างโอกาสและศักยภาพของเราในการเป็น "ผู้ให้ โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 โดยได้ใช้เงินทุนของตนเองและขอสนับสนุนจากซีพีเอฟบางส่วน นำไข่ไก่มาแจกให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่เดือดร้อน



ขณะที่ นาลอน หารวย เจ้าของนาลอนฟาร์ม ต.ท่าช้าง อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี ที่ตัดสินใจร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่กับซีพีเอฟมาตั้งแต่ปี 2543 จากที่เห็นความสำเร็จของน้องชายที่เลี้ยงไก่ไข่กับบริษัทอยู่ก่อนแล้ว ประกอบกับอยากมีอาชีพอิสระที่เป็นเจ้านายตัวเอง ทำงานที่บ้านไม่ต้องทิ้งครอบครัวไปทำงานที่อื่น ได้อยู่กับพ่อแม่และลูกๆ จึงได้สร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ 1 หลัง ความจุ 5,000 กว่าตัว โดยมีแรงงานของคนในครอบครัวช่วยกัน ตลอดระยะเวลา 21 ปีที่ผ่านมามีซีพีเอฟคอยสนับสนุนในทุกๆ ด้าน เพื่อให้มีอาชีพมั่นคง มีรายได้ที่พออยู่ได้ มีอยู่มีกินไม่เดือนร้อน ในช่วงโควิดก็ยังทำอาชีพได้ต่อเนื่องไม่ได้รับผลกระทบ เจ้าหน้าที่ของบริษัทยังคงให้การดูแลและติดตามการเลี้ยงให้ได้ผลผลิตคุณภาพ และเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยในอาหาร เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพส่งมอบให้แก่ลูกค้า ขณะเดียวกัน นาลอนยังได้แบ่งปันให้แก่ชาวชุมชน โดยบริจาคไข่ไก่ที่ขอการสนับสนุนจากบริษัท สนับสนุน อบต.และสถานีอนามัย ซึ่งซีพีเอฟก็ยินดีช่วยในทุกๆ ครั้ง

ภาพความสำเร็จของเกษตรกรคอนแทรกต์ฟาร์มของซีพีเอฟมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน เดินหน้าอาชีพต่อได้ในสถานการณ์วิกฤต ยิ่งไปกว่านั้น เป็นการสร้างหลักประกันความปลอดภัยด้านอาหาร ซึ่งบริษัทฯ และเกษตรกรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด และปลอดภัยสู่ผู้บริโภค
#9794
สนใจติดต่อคุณเป้ง 087-347-6299
https://gladnessaccounting.co.th

สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  สำนักงานบัญชีไทรน้อย  สำนักงานบัญชีปากเกร็ด  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีพิมลราช  สำนักงานบัญชีบางคูรัด  สำนักงานบัญชีบางรักพัฒนา  สำนักงานบัญชีบางแม่นาง  สำนักงานบัญชีบางกร่าง  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีตลาดขวัญ  สำนักงานบัญชีบางตะไนย์  สำนักงานบัญชีบางพลับ  สำนักงานบัญชีบางรักน้อย  สำนักงานบัญชีมหาสวัสดิ์  สำนักงานบัญชีศาลากลางนนทบุรี  สำนักงานบัญชีอ้อมเกร็ด  สำนักงานบัญชีแจ้งวัฒนะ  สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีถนนบางไกรใน  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีบางคูเวียง  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#9795
บริการรับถมที่ ถมดิน ทุกชนิด ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804