• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chanapot

#9706


โดยทั่วไป เมื่อพูดถึง "future of work" ทักษะต่างๆ ที่มักให้ความสำคัญคงหนีไม่พ้นเรื่องที่เกี่ยงข้องกับ การวิเคราะห์ข้อมูล(data analysis), ทักษะการเขียนโค้ดดิ้ง รวมถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์

อามิท ซักซีน่า รองประธานฝ่ายขาย อาเซียน เซลส์ฟอร์ซ เปิดมุมมองว่า ในมุมของการศึกษาวิชาการที่สถานบันศึกษาต่างโฟกัสในการเสริมสร้างทักษะและเพิ่มโอกาสในการทำงานจะเกี่ยวข้องกับสาขาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ หรือที่เราเรียกกันแบบย่อว่า STEM

ด้วยยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ "The Fourth Industrial Revolution" คือยุคแห่งการปฏิวัติพัฒนาทักษะเพื่อรองรับการทำงานในอนาคตอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามในช่วงปีที่ผ่านมา ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจได้สร้างมุมมองของการทำงานที่เปลี่ยนไปให้แก่ธุรกิจ สถานการณ์ล็อคดาวน์และการทำงานจากที่บ้านชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของทักษะในเชิง "soft skills" ซึ่งเป็นทักษะสำคัญไม่ว่าการทำงานนั้นจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือไม่ก็ตาม

เสริมทักษะ ก้าวสู่โลกใหม่การทำงาน

จากรายงานที่เซลส์ฟอร์ซจัดทำขึ้นในประเทศแถบยุโรปพบว่า 74% ของผู้นำทางธุรกิจกล่าวว่าพวกเขาได้หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนา soft skills ให้กับพนักงานมากยิ่งขึ้น

โดยนอกเหนือจากทักษะด้านไอทีของพนักงาน ทักษะเช่น ความสามารถในการจัดการอารมณ์ และความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นเริ่มเป็นสิ่งที่ผู้บริหารให้ความสำคัญ ซึ่งเหล่านี้เชื่อมโยงมาจากการที่ผู้นำธุรกิจเหล่านี้ต่างต้องบริหารทั้งธุรกิจและพนักงานในแบบรีโมตแต่ยังต้องคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพ จริยธรรม และการบริการลูกค้า

ดังนั้น เพื่อก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงานในแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจไม่ควรมองข้ามการพัฒนาทักษะ soft skills และนี่คืออีก 3 เหตุผลว่าทำไม soft skills จึงเป็นทักษะสำคัญที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญในตัวพนักงาน

ประการแรก วิกฤติเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทักษะในการปรับตัวเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าการที่ธุรกิจมีพนักงานที่มีความสามารถในการปรับตัว ปรับเปลี่ยน โดยไม่กระทบประสิทธิภาพการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ

โดยพนักงานที่มีความสามารถในการปรับตัวเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ มีการคิดในเชิงสร้างสรรค์ สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ จะสามารถคงประสิทธิภาพของการทำงานท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง


เพิ่มสื่อสาร-วัฒนธรรมองค์กร


อีกเหุตุผล การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญเมื่อต้องทำงานจากต่างสถานที่ แม้ว่าการใช้เทคโนโลยีจะช่วยธุรกิจได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างงานได้ตามความต้องการของลูกค้า หรือช่วยธุรกิจในการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่หากขาดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของพนักงานในองค์กร ธุรกิจก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้อย่างที่สุด

"ความสามารถในการเข้ากับคนและทำงานร่วมกันจึงเป็นอีกหนึ่ง soft skills ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพนักงานแต่ละคนต้องทำงานจากต่างสถานที่อย่างในปัจจุบัน"

ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานซึ่งพนักงานทั้งหมดเห็นชอบร่วมกัน หรือกำหนดแนวทางปฎิบัติเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน สิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การทำงานของพนักงานได้ การสื่อสารกันระหว่างพนักงานจะช่วยให้การทำงานเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น

สุดท้าย เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวและมีเป้าหมายเดียวกัน วัฒนธรรมขององค์กรคือปัจจัยสำคัญที่พนักงานเลือกที่จะอยู่กับองค์กร แต่ในปัจจุบันที่การแพร่ระบาดส่งผลให้พนักงานต้องทำงานจากต่างสถานที่ วัฒนธรรมขององค์กรจึงเริ่มเป็นเรื่องที่อาจเข้าถึงได้ยาก

การมีทักษะในการสร้างความกลมเกลียวจึงเป็นสิ่งที่พนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับหัวหน้างานควรมีเพื่อปลูกฝังและกระตุ้นความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันของพนักงานทุกคนและให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายของธุรกิจ


ซักซีน่าวิเคราะห์ว่า การสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพไม่เพียงต้องมีการสื่อสารที่ดี แต่ยังต้องได้ใจพนักงานด้วย ผู้นำทีมควรมีความสามารถในการสร้างทีม รับฟัง ให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ ส่งเสริมในสิ่งที่ขาดของคนในทีม มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ รู้จักเห็นอกเห็นใจ ใฝ่เรียนรู้ ทักษะเหล่านี้จะช่วยให้สามารถขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างมั่นคง

"แม้โลกของการทำงานจะเปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดนิ่ง แต่ความต้องการบุคลากรที่มีทักษะความเป็นผู้นำและการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพจะยังคงเป็นที่ต้องการไม่เปลี่ยนแปลง"

แม้เทคโนโลยีจะมาเป็นเครื่องมือในการสร้างงานและทักษะ แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้และจะสร้างความแตกต่างทางธุรกิจคือ soft skills ที่พนักงานควรมี ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากที่สำนักงานหรือจากต่างสถานที่ ความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน ความพร้อมที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกันจะทำให้สถานที่ทำงานในองค์กรนั้นดึงดูดใจพนักงาน
#9707
 App "มีตังค์" ทำจริงจัง ก็ได้เงินจริงนะ ไม่จกตา สร้างรายได้หลักแสน หลักล้าน อย่างง่าย ๆ
App "มีตังค์" คือ ธุรกิจที่ใช่ ในยุค COVID ครองเมือง
ระบบ Content Builder System
ที่ทำทุกอย่างผ่าน Social บนมือถือเพียงเครื่องเดียว ง่าย ๆ เพียงแค่แชร์
เปลี่ยนใจสมัครกับเราตอนนี้ยังทัน


ธุรกิจ New Platform(แฟลตฟอร์มใหม่)
ที่ลงทุนด้วยเงิน 2,699 ครั้งเดียวผ่าน App เก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต
รับเฉพาะคนที่จริงจังพร้อมทำเท่านั้น


สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

ลงทะเบียนฟรีเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้ในกลุ่มปิดเปิดเผยชัดเจน
https://www.metang-solution.com/member/register.php...

รายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/richbyteerapat

#9710


จากคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างของศาลปกครองกลาง กรณีโครงการ "แอชตัน อโศก" ของ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กลายเป็นประเด็นร้อนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะส่งผลกระทบกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ "ลูกบ้าน" จำนวน 578 ครอบครัว

ทันทีที่มีคำพิพากษาศาลออกมา วันศุกร์ที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา "ชานนท์ เรืองกฤตยา "ซีอีโอ อนันดา อัดคลิปวีดีโอ ชี้แจงลูกบ้าน หวังลดกระแสและความกังวลใจที่เกิดขึ้น จากนั้นวันจันทร์ที่ 2 ส.ค. บริษัทได้ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการถึง "แนวทางการแก้ปัญหา" พร้อมยืนยันจะอยู่เคียงข้างลูกบ้าน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้โครงการขายเกือบหมด มียอดโอนแล้ว 87% คิดเป็นมูลค่า 5,639 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 6,481 ล้านบาท โดยมี 578 ครอบครัว 666 ยูนิตที่ย้ายเข้าอยู่แล้ว ในจำนวนนี้ 438 ครอบครัว เป็นลูกค้าคนไทย และ 140 ครอบครัวเป็นชาวต่างชาติ

โดยผู้บริหาร อนันดาฯ ระบุว่า จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาคดีเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน และคาดว่ากระบวนการทางศาลจะใช้เวลา 3-5 ปี

จากนั้นเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ส.ค. ตัวแทนท่านเจ้าของร่วมและผู้พักอาศัย แอชตัน อโศก ได้ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชนเพื่อเข้ารับฟังผลกระทบที่ลูกบ้านได้รับจากคำสั่งศาลปกครองกลาง ในวันอังคารที่ 10 ส.ค.นี้ ผ่านช่องทางการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจ "ลูกบ้านแอชตันอโศกที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลปกครองกลาง" ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป โดยระบุด้วยว่า "ถึงแม้กระบวนการทางกฎหมายจะยังไม่สิ้นสุด แต่บัดนี้ทางลูกบ้านได้รับผลกระทบต่างๆ แล้ว"

นับเป็นการเปิดใจครั้งแรกของกลุ่มตัวแทนลูกบ้าน แอชตัน อโศก ที่กำลังเผชิญชะตากรรมและผลกระทบครั้งใหญ่

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (9 ส.ค.) อนันดาฯ ได้ส่งจดหมายผ่านสื่อมวลชน แจ้งความคืบหน้าการดำเนินงาน ว่า อนันดาฯ ในนามผู้บริหารโครงการ แอชตัน อโศกได้มีการประชุมหารือกับเจ้าของร่วมในการสร้างความเข้าใจและร่วมกันหาแนวทางในการแก้ปัญหาจากเหตุการณ์ดังกล่าว

โดยในขั้นแรก เจ้าของร่วมได้ "จัดตั้งทีมกฎหมายและคณะทำงาน" ขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อทำงานกับบริษัทฯ ในการร่วมกันหาแนวทางในการเรียกคืนความยุติธรรม ให้กับโครงการแอชตัน อโศก

พร้อมระบุว่าบริษัทรับทราบถึงความเดือดร้อนของเจ้าของร่วมในด้านสินเชื่อ ซึ่งมีจำนวน 348 ครอบครัวที่ใช้สินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 9 สถาบันการเงิน มีมูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท บริษัทฯ จึงได้มีการหารือกับธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อดังกล่าว เพื่อเร่งออกมาตรการช่วยเหลือเจ้าของร่วมทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยมี 9 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรี ธนาคารยูโอบี ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน โดยมาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้าที่จะทำการ Retention จะมีการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

พร้อมย้ำว่า บริษัทในฐานะผู้บริหารโครงการ แอชตัน อโศก จะดำเนินการตามกฎหมายร่วมกันกับเจ้าของร่วมอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์แก่ลูกค้าและเจ้าของร่วมและจะแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ให้ทราบอย่างใกล้ชิดต่อไป และเจ้าของร่วมสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เจ้าหน้าที่โครงการ

อย่างไรก็ดี หนึ่งในลูกบ้านโครงการ "แอชตัน อโศก" กล่าวว่า ระหว่างที่รอกระบวนการทางศาล ลูกบ้านยังไม่ได้ข้อสรุปกันว่าต้องทำอย่างไร ให้รอไปอย่างนี้หรือ? เพราะยังต้องมีเรื่องของไฟแนนซ์ด้วย เพราะหากซื้อตอนนี้ธนาคารคงไม่ปล่อยสินเชื่อ (ปล่อยกู้) ให้ หรือแม้กระทั่งจะรีไฟแนนซ์ก็น่าจะไม่ได้แล้ว นอกจากนี้ ห้องที่ซื้อมาจะขายในราคาที่ซื้อมายังไม่ได้เลย ไม่มีคนกล้าซื้อ สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบที่ลูกบ้านแอชตัน อโศกได้รับจากคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างของศาลปกครองกลาง

"จุดประสงค์ที่ลูกบ้านต้องออกมาชี้แจงผ่านสื่อเพื่อต้องการบอกเล่าถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกบ้านในโครงการแอชตัน อโศก มันคืออะไร และเราเป็นผู้ที่เดือนร้อนตัวจริง เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบว่า มีปัญหาจริงๆ ไม่ใช่เป็นข่าวแค่ช่วงเวลาหนึ่งเงียบหายไป สุดท้ายลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดจะไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือเยียวยา"

โดยวันนี้ (10 ส.ค.) จะมีตัวแทนลูกบ้าน 3-4 คนออกมาพูดคุยกับสื่อ ในช่องทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/saveourhomeashtonasoke/ เพื่อฉายภาพผลกระทบที่ได้รับในทิศทางเดียวกัน แทนที่จะต่างคนต่างพูด ส่วนของการอัพเดทข้อมูลของอนันดาฯ กับทางลูกบ้าน ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับทางลูกบ้านในหลายๆ เรื่อง

"ตอนนี้ลูกบ้านจ่ายเงินไปแล้ว คิดดูแล้วกันว่าอยู่ดีๆ คอนโดที่ซื้อจะถูกทุบหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เพราะว่าผิดกฎหมาย แบบนี้จะรู้สึกเชื่อมั่นได้อย่างไร บางคนที่ผ่อนอยู่ไม่อยากอยู่ แล้วก็ขายไม่ได้ เพราะไม่มีใครกล้าคนซื้อโครงการที่มีปัญหา ทางเข้าออก หากกรณีที่วันหนึ่งไม่สามารถเข้าใช้พื้นที่ได้จากคำสั่งศาล ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร"
#9713


บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพิ่มบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในธุรกิจมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและบริการสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ โครงการ Winnonie (วิน No หนี้) ที่บริหารงานโดย บริษัท บีซีวี อินโนเวชั่น จำกัด (BCVI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบางจากฯ

โดยบริษัทฯ ได้จัดเตรียมตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่แบบ swapping ระบบอัตโนมัติ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในโครงการให้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตนเอง รวดเร็วทันใจ ลดระยะเวลาการรอรับบริการจากพนักงานบริการในสถานีบริการน้ำมัน สามารถใช้งานต่อได้ทันที โดยเปิดให้ทดลองใช้บริการที่สาขาสุขุมวิท 63 (เอกมัย) เป็นแห่งแรก ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2564

ปัจจุบัน สถานีบริการน้ำมันบางจากมีจุดให้บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ตลอด 24 ชั่วโมง ในระบบ Manual ไม่จำกัดจำนวนครั้ง รวม 3 สาขา ได้แก่ สาขาสุขุมวิท 62 สาขาอ่อนนุช 17/1 สาขาอุดมสุข 45 และอยู่ระหว่างการขยายให้บริการเพิ่มอีก 3 สาขาในเขตวัฒนา เขตคลองเตย และเขตปทุมวัน สำหรับตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติมี 1 สาขา ได้แก่ สาขาสุขุมวิท 63 (เอกมัย) และมีแผนจะขยายปรับเปลี่ยนให้เป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด ภายในปีนี้

ทั้งนี้ Winnonie โดยบางจากฯ เป็นผู้ริเริ่มให้บริการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพร้อมการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบ swapping รายแรกในประเทศไทย ด้วย E-Motorbike and Battery Rental Platform ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ โดยออกแบบแนวทางในการบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่าย รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน


Winnonie วางแผนเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการเป็น 250 คน และขยายพื้นที่บริการเพิ่มเป็น 5 เขตในกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับและให้บริการแก่ผู้ใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าซึ่งเป็นวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างและไรเดอร์ที่ขับรถรับส่งอาหารเดลิเวอรี่ สนับสนุนให้เกิดการใช้มอเตอร์ไซค์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้ามากขึ้น และตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 75 ตันต่อปี โดยคำนวณจากการขับขี่ของผู้ใช้รถ 1 คันต่อการขับขี่เฉลี่ย 1 วัน ร่วมลดปัญหามลภาวะ

สำหรับการใช้งานตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติ มีขั้นตอนง่ายๆ เพียงยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าผ่านการสแกน QR Code ที่ได้รับผ่าน Line OA: @winnonie เพื่อประมวลข้อมูลของผู้ใช้ สแกนแบตเตอรี่ก้อนที่หมดแล้วเพื่อนำส่งคืนลงในตู้พร้อมเสียบชาร์จ แล้วรับแบตเตอรี่ก้อนใหม่ออกไปใช้งาน ซึ่งในระยะแรกจะมีเจ้าหน้าที่เทคนิคหรือพนักงานในสถานีบริการคอยให้คำแนะนำ รวมทั้งสามารถสอบถามผ่านทางโทรศัพท์และ Line OA ได้ด้วย
#9717
 สีผึ้งว่านดอกทอง ฝังดอกว่านดอกทองและตะกรุดนะเมตตามหานิยม



พุทธคุณ เน้นเรื่อง เสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย

ก่อนว่าคาถาก็ให้นึกขอบารมีพระพุทธเจ้า และคุณครูบาอาจารย์

คาถากำกับ

โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ 

นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ

(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)

แล้วใช้นิ้วชี้ข้างขวาป้าย แล้วทาที่ปาก

ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ



ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i2632497251.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.2f304edfF8zGh5



#9718
 App "มีตังค์" ทำจริงจัง ก็ได้เงินจริงนะ ไม่จกตา สร้างรายได้หลักแสน หลักล้าน อย่างง่าย ๆ
App "มีตังค์" คือ ธุรกิจที่ใช่ ในยุค COVID ครองเมือง
ระบบ Content Builder System
ที่ทำทุกอย่างผ่าน Social บนมือถือเพียงเครื่องเดียว ง่าย ๆ เพียงแค่แชร์
เปลี่ยนใจสมัครกับเราตอนนี้ยังทัน


ธุรกิจ New Platform(แฟลตฟอร์มใหม่)
ที่ลงทุนด้วยเงิน 2,699 ครั้งเดียวผ่าน App เก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต
รับเฉพาะคนที่จริงจังพร้อมทำเท่านั้น


สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

ลงทะเบียนฟรีเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้ในกลุ่มปิดเปิดเผยชัดเจน
https://www.metang-solution.com/member/register.php...

รายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/richbyteerapat

#9719


นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อํานวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดจนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของทางการ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ห้องพัก เกสต์เฮ้าส์ สปา ภัตตาคาร และร้านอาหาร  ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงและต่อเนื่อง  สสว. จึงมอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เป็นหน่วยร่วมดำเนินโครงการสนับสนุน SMEs รายย่อย อนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 1,200 ล้านบาท เพื่อให้เอสเอ็มอีในกลุ่มธุรกิจดังกล่าว นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง ลงทุนขยายกิจกรรม ปรับปรุง ซ่อมแซม ยกระดับมาตรฐานการให้บริการ  โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 1 ปี  หลักประกัน กรณีบุคคลธรรมดา ใช้บุคคลที่น่าเชื่อถือค้ำประกัน ส่วนกรณีนิติบุคคล ใช้กรรมการผู้มีอำนาจแทนนิติบุคคลค้ำประกัน

โครงการสนับสนุน SMEs รายย่อย ดำเนินการสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้เอสเอ็มอี โดยเฉพาะที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษได้สะดวก เหมาะสมกับสถานการณ์เร่งด่วน ดังนั้น ได้ปรับปรุงกระบวนการ โดยใช้เกณฑ์พิจารณาจากหลักฐานการเสียภาษีในปี 2563 หรือ 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น

สำหรับคุณสมบัติของผู้ยื่นกู้ในโครงการนี้ต้องเป็นสมาชิก สสว. กรณียังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ สสว. สามารถขอขึ้นทะเบียนก่อนได้ ( http://members.sme.go.th/newportal/)  โดยต้องเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มรายย่อย (Micro) และขนาดย่อม (Small) ตามนิยามของ สสว.  อยู่ในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ห้องพัก เกสต์เฮ้าส์ และธุรกิจสปาที่ตั้งอยู่ในโรงแรม ห้องพัก เกสต์เฮาส์ ใน 10 จังหวัด พื้นที่นำร่องเปิดการท่องเที่ยว  ประกอบด้วย 1.ภูเก็ต 2.กระบี่  3.พังงา 4.สุราษฎร์ธานี 5.เชียงใหม่ 6.ชลบุรี 7.เพชรบุรี  8.ประจวบคีรีขันธ์  9.บุรีรัมย์  และ 10.กรุงเทพมหานคร หรือที่จะมีประกาศเพิ่มเติม

รวมถึง กลุ่มธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ใน 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด  ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับล่าสุด ประกอบด้วย  1. กรุงเทพมหานคร  2. กาญจนบุรี 3.ชลบุรี  4.ฉะเชิงเทรา 5. ตาก  6. นครปฐม  7. นครนายก  8. นครราชสีมา  9. นราธิวาส  10.นนทบุรี  11.ปทุมธานี  12.ประจวบคีรีขันธ์  13.ปราจีนบุรี  14.พระนครศรีอยุธยา  15.เพชรบุรี  16.ปัตตานี  17.เพชรบูรณ์  18.ยะลา  19.ระยอง  20.ราชบุรี  21.ลพบุรี  22.สงขลา  23.สิงห์บุรี  24.สมุทรปราการ  25.สมุทรสงคราม  26.สมุทรสาคร  27.สระบุรี 28.สุพรรณบุรี และ 29.อ่างทอง  หรือที่จะมีประกาศเพิ่มเติม     

อีกทั้ง ต้องไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเงินทุนในโครงการพลิกฟื้นฯ โครงการฟื้นฟูฯ หรือกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ รวมถึงต้องไม่เป็นหนี้ NPLs ไม่ถูกดำเนินคดี และไม่เป็นบุคคลล้มละลาย    

สำหรับวงเงินกู้ สำหรับบุคคลธรรมดา พิจารณาจากการชำระภาษี ภ.ง.ด.90 ในปี 2562 หรือ 2563 ที่สูงกว่า และความเป็นเจ้าของสถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท หากจำนวนเงินที่ชำระภาษี 0-10,000 บาท วงเงินกู้สูงสุด 100,000 บาท, จำนวนเงินที่ชำระภาษี  10,001-20,000 บาท วงเงินกู้สูงสุด 200,000 บาท  และจำนวนเงินที่ชำระภาษีมากกว่า 20,000 บาทขึ้นไป วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท กรณีมีสถานประกอบการเป็นของตัวเองหรือบุคคลในครอบครัว ให้วงเงินเพิ่มอีกลำดับละ 50,000 บาท แต่รวมแล้วสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท  สำหรับนิติบุคคล ไม่เกินร้อยละ 50 ของค่าใช้จ่ายในงบการเงินปี 2562 หรือ 2563 ที่สูงกว่า สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท  

ด้านนางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  กล่าวเสริมว่า ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์ยื่นกู้ได้ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยสแกน QR Code ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ หรือคลิก https://qrgo.page.link/VF6Ka   รวมถึง เว็บไซต์ของ  SME D Bank  ( https://www.smebank.co.th/ ) , Line OA : SME Development Bank  และแอปพลิเคชั่น : SME D Bank  ตั้งแต่เวลา 13.00 น.  ในวันที่ 11 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะเต็มวงเงิน   โดยใช้เกณฑ์มาก่อนได้ก่อน (first come first serve) หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ธนาคารจะติดต่อกลับ เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357