• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Beer625

#9496
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 

#9499


ศึกยักษ์ใหญ่ศูนย์การค้าใจกลางเมืองระอุ "เซ็นทรัลพัฒนา" รับมอบพื้นที่พัฒนาย่านสยามสแควร์เปิดหน้าประชันคู่แข่ง วันสยาม-เอ็มบีเค ปักหมุดแลนด์มาร์คใหม่เทียบย่านการค้าโลก สำนักงานทรัพย์สินจุฬาฯ เดินหน้าปลุกพื้นที่เชิงพาณิชย์ ดัน หมอน 34 ปั้น เวลเนส-เฮลท์ คอมเพล็กซ์

ดีเวลอปเปอร์ยักษ์ใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เจ้าของและผู้พัฒนาศูนย์การค้าเซ็นทรัล 33 แห่งทั่วประเทศ ในฐานะผู้เช่าลงทุนพัฒนาพื้นที่บริเวณ Block A เขตพาณิชย์สยามสแควร์ เป็นระยะเวลา 30 ปี จากสํานักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU) นับเป็นทำเลยุทธศาสตร์ของกรุงเทพฯ และประเทศไทย โดยเซ็นทรัลพัฒนา วางแผนสร้างสรรค์พื้นที่ใจกลางเมืองแห่งนี้้เป็นแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่จะจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ เป็นศูนย์กลางและพื้นที่แห่งการเรียนรู้สมัยใหม่ เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนร่วมขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ในฐานะผู้เช่าลงทุนพัฒนาพื้นที่ Block A ของสยามสแควร์ มีเนื้อที่ทั้งหมด 7 ไร่ 31 ตารางวา อนุญาตให้ก่อสร้างโครงการภายในกรอบพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ 3 งาน 89 ตารางวา โดยต้องเว้นระยะร่นบนพื้นที่ถนนสยามสแควร์ซอย 7 จำนวน 6 เมตร และสยามสแควร์ซอย 1 จำนวน 9 เมตร เป็นอย่างน้อยตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง และการดำเนินการ

แหล่งข่าววงการค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ค่าเช่า หรือค่าตอบแทนที่เซ็นทรัลพัฒนาจ่ายให้กับ PMCU มูลค่าเกือบ 6,000 ล้านบาท สำหรับอายุสัญญา 30 ปี นั้น ถือว่าคุ้มค่าเทียบศักยภาพของพื้นที่ทำเลทองที่จัดได้ว่าเป็นขุมทรัพย์ระยะยาวสำหรับดีเวลอปเปอร์ที่มองเห็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน 

"ย่านสยามมีปริมาณผู้คนหมุนเวียนทั้งชาวไทยและต่างชาติไม่ต่ำกว่า 5 แสนคนต่อวันที่เข้ามา ค่าเช่าและเม็ดเงินลงทุนรวมไม่น่าจะต่ำกว่า 1 หมื่นล้านสำหรับโครงการที่เป็นแฟลกชิพเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับเซ็นทรัลพัฒนาที่มีความถนัดและเชี่ยวชาญ มีพันธมิตรหลากหลายที่จะปั้นโปรเจคระดับแลนด์มาร์ก ประเมินระยะเวลาคืนทุนมากกว่า 8 ปี"


ย่านสยามสแควร์ ที่มีความครบวงจรของโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โรงแรม อาคารสำนักงาน สถาบันการศึกษา ห้างร้านค้าปลีกขนาดเล็ก รวมทั้งหอศิลป์ มีโครงการข่ายคมนาคมที่สะดวกอย่างรถไฟฟ้าบีทีเอส และผู้คนครอบคลุมทุกกลุ่มตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ในแวดวงต่างๆ  ทำให้ในอนาคตย่านนี้จะถูกยกระดับมากขึ้นเป็นหนึ่งในย่านการค้าสำคัญเช่นเดียวกับมหานครใหญ่ทั่วโลกที่เมื่อนักท่องเที่ยวมาเยือนจะต้องแวะมายังชอปปิงเดสทิเนชั่นยอดนิยม เช่น ชินจูกุ ฮาราจูกุ อ็อกฟอร์ดสตรีท ฯลฯ 

ดังนั้น เป็นโอกาสใหญ่มหาศาลของ "เซ็นทรัลพัฒนา" และทุกๆ ดีเวลอปเปอร์ 

เร่งพัฒนาพื้นที่กว่าพันไร่

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถือเป็นแลนด์ลอร์ด หรือ เจ้าของที่ดินแปลงใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ กว่า 1,000 ไร่ แม้พื้นที่ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อการศึกษา และโรงพยาบาล แต่ราว 30% นำมาใช้ประโยชน์เพื่อการพาณิชยกรรม โดยการปล่อยเช่าระยะยาวให้บุคคลทั่วไป บริษัทห้างร้านต่างๆ มายาวนานหลายสิบปี และช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีที่ดินบางส่วนครบกำหนดสัญญาเช่า จึงมีการปรับรูปแบบสัญญาเช่า และรูปแบบของการใช้ประโยชน์บนที่ดินทั้งหมดเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในปัจจุบัน 

"การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่จึงทยอยเกิดขึ้นโดยรอบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบชัดเจน คือ สามย่าน และสยาม"

 


ในฝั่งของ "สยาม" เป็นที่สนใจของคนทั่วไปมากกว่า ด้วยแรงผลักดันของสถานีรถไฟฟ้าสยาม และการเปลี่ยนแปลงในฝั่งสยามเซ็นเตอร์ และการเปิดให้บริการของสยามพารากอน อีกทั้งสถานีรถไฟฟ้าสยามเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่มีความหนาแน่นของผู้ใช้บริการจำนวนมาก

รวมทั้งการเกิดขึ้นของอาคารใหม่ เช่น สยามกิตติ์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมโรงเรียนกวดวิชาจำนวนมาก ในอนาคตมีแผนเพิ่มส่วนของโรงแรมระดับ 3 ดาว ขนาด 300 ห้อง รองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต ล่าสุด อาคารสยามสเคป ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้ เป็นอาคารสำนักงาน และจะย้ายโรงเรียนกวดวิชาที่อาคารสยามกิตติ์มาไว้ที่อาคารนี้แทน 

ผังเมืองเอื้อพัฒนาอาคารสูง

อย่างไรก็ดี ที่ดินแปลงที่ "เซ็นทรัลพัฒนา" ได้ไปนั้นอยู่ในพื้นที่ผังเมืองสีแดง พ.5-2 ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่มีศักยภาพสูงที่สุดในการพัฒนาบนที่ดิน สามารถพัฒนาอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ได้เต็มที่เท่าที่ FAR จะกำหนด โดย FAR ของที่ดินในพื้นที่นี้อยู่ที่ 10:1 นั่นหมายความว่าพัฒนาอาคารให้มีพื้นที่ได้ 10 เท่าของพื้นที่ดินทั้งหมด แต่หากจะเก็บโรงภาพยนตร์สกาล่าไว้ก็อาจจะทำให้รูปแบบโครงการต้องเปลี่ยนแปลงไป และยังต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าในการลงทุนบนที่ดินสัญญาเช่า 30 ปีด้วย

ที่ดินโดยรอบสถานีรถไฟฟ้าสยามเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีราคาที่ดินสูงสุดในประเทศไทย แม้ที่ดินทั้งหมด 100% จะไม่มีที่ดินของเอกชนเลยก็ตาม แต่ศักยภาพของที่ดินราคาประเมินราชการสูงที่สุด 1 ล้านบาทต่อตารางวา สูงขึ้นจากช่วงปี 2561 ที่ราคา 900,000 บาทต่อตารางวา แต่ในความเป็นจริงราคาขายมากกว่า 2.5-3 ล้านบาทต่อตารางวาไปแล้ว และคาดว่าถ้าที่ดินในพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้าสยามสามารถบอกขายแบบพื้นที่อื่นๆ ได้ก็คงมีราคาขายกันที่ไม่ต่ำกว่า 2.5 – 3 ล้านบาทต่อตารางวาแน่นอน

ดันที่ดินหมอน 34 โปรเจค'เวลเนส'

ปัจจุบัน สำนักงานจัดการทรัพย์สินฯ กำลังพัฒนาโครงการที่พักอาศัยบนที่ดินที่เรียกว่าหมอน 33 บนถนนบรรทัดทอง ล่าสุดอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนในการพัฒนาที่ดินหมอน 34 ให้เป็นศูนย์การแพทย์และพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Wellness/Health Lottovip Complex) ประกอบด้วยศูนย์บริการทางการแพทย์ครบวงจร ให้การดูแลผู้ป่วยระดับตติยภูมิ และมีการใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ขั้นสูง และศูนย์การดูแลสุขภาพ โดยใช้แนวทางรวมไปถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์อื่นๆ ที่สอดคล้องและส่งเสริมกับแนวคิด เวลเนส และ เฮลท์ คอมเพล็กซ์ บนที่ดินขนาด 12 ไร่ 3 งาน 94.5 ตารางวา ติดกับอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ และที่ดินหมอน 33

"ที่ดินอีกหลายแปลงของสำนักงานจัดการทรัพย์สินฯ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในอนาคต ทั้งโดยการพัฒนาของสำนักงานจัดการทรัพย์สินฯ เอง และเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุน เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพของที่ดิน ราคาที่ดิน และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น"
#9503
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 

#9504
www. รถมือสองเจ้าของขายเอง.com
รถมือสอง รถบ้าน รถยนต์มือสอง รถเต็นท์ เจ้าของขายเอง รถดีราคาถูก ที่ทุกคนไว้วางใจ รถคุณภาพ รถบ้านมือสองเจ้าของขายเอง รถดีๆ เต้นท์ดีๆ รถคุณภาพ ติดต่อ ซื้อขาย แนะนำ รถราคาถูก ที่ทุกท่านพอใจ สามารถติดต่อสอบถาม คิดถึงรถคุณภาพ คิดถึงเรา | www.รถบ้านมือสองเจ้าของขายเอง.comhttp://xn--22canbbc0hzdoc3f9abdd8ee3f5ii5p.com/ ][/url]
#9505


นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) วันที่ 21-22 กันยายนนี้ หาก Fed ส่งสัญญาณลดการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) รวมถึงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยแรงในปี 2567 ต่อเนื่องจากที่เคยส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2566 อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนได้ 

ดังนั้น เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน ในช่วงนี้ธนาคารทิสโก้ได้แนะนำให้ลูกค้ามั่งคั่งสูง ทยอยซื้อหวยออนไลน์เพิ่มน้ำหนัก และกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีจากการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรกว่า 70% อีกทั้งนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายกว่าสหรัฐฯ รวมทั้งราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และสหภาพยุโรปยังอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง  


"เมื่อ Fed ส่งสัญญาณเดินหน้านโยบายการเงินที่เข้มข้น ย่อมส่งผลให้เงินลงทุนจะไหลเข้าไปหาตลาดหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น ซึ่งธนาคารทิสโก้มองว่าตลาดหุ้นยุโรปน่าจะได้รับอานิสงส์นี้ เพราะเศรษฐกิจยุโรปเริ่มทยอยฟื้นตัวจากการคลาย Lockdown ในหลายประเทศ และประชากรกว่า 70% หรือประมาณ 250 ล้านคนได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว รวมถึงนโยบายการเงินยังคงผ่อนคลายกว่าในสหรัฐฯ โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ PEPP 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่งจะครบกำหนดเดือน มีนาคม 2565 อีกทั้งยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำไปจนถึงต้นปี 2566" นายณัฐกฤติกล่าว 

นอกจากนี้ หากประเมินมูลค่าระหว่างตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ พบว่า Forward P/E ของยุโรป (Stoxx600) อยู่ที่ระดับ 16 เท่า ต่ำกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500) ที่อยู่ระดับ 22 เท่า ทำให้ค่าส่วนต่างระหว่าง Forward P/E ของยุโรปและสหรัฐฯ ต่างกันถึง 35% ซึ่งเป็นระดับที่มากที่สุดในรอบ 10 ปี อีกทั้ง บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรปก็มีมีโอกาสเติบโตดี สะท้อนจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น Stoxx600 ที่ประกาศออกมาในไตรมาส 2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงกว่า 240% เมื่อเทียบกับปีก่อน 


ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มหุ้นที่มีความโดดเด่นในตลาดหุ้นยุโรป และธนาคารแนะนำให้ทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนได้แก่ หุ้นในกลุ่ม "New Economy" เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสังคมดิจิทัล เนื่องจากในปี 2563 ที่ผ่านมา สหภาพยุโรปได้ผ่านร่างงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ (EU Recovery Fund) วงเงิน 1.82 ล้านล้านยูโร ซึ่งเป็นวงเงินที่สูงที่สุดที่เคยทำข้อตกลงร่วมกัน เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติสมาชิกจากผลกระทบวิกฤต COVID-19 โดยในวงเงินจำนวนนี้มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ เน้นใช้เงินไปกับการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ (Green Deal) กว่า 30% และอีก 20% ใช้สำหรับเปลี่ยนแปลงยุโรปเข้าสู่สังคมดิจิทัล (Digital EU) ที่จะเปลี่ยนให้ยุโรปเติบโตไปกับ New Economy และผลักดันให้เกิดการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) 

นายณัฐกฤติกล่าวอีกว่า ปัจจุบันยุโรปนับว่าเป็นกลุ่มประเทศที่รวมธุรกิจด้าน Green Energy ยักษ์ใหญ่มากที่สุดในโลก โดย 10 บริษัทด้าน Green Energy ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้นยุโรปมากถึง 8 บริษัท เช่น ผู้นำด้านพลังงานลมและแสงอาทิตย์อย่างบริษัท Orsted และ Vestas Wind จากประเทศเดนมาร์ค อีกทั้งสภาพยุโรปยังมีนโยบายเปลี่ยนรถบนถนนให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 30 ล้านคันภายในปี 2573 โดยบริษัทมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในยุโรปอย่างบริษัท Volkswagen (VW) คาดการณ์ว่ายอดขายรถ Battery Electric Vehicle (BEV) ของ  Volkswagen ทั่วโลกจะสูงกว่า TESLA ภายในปี 2565 นอกจากนี้ภายในปี 2568 สภาพยุโรปตั้งเป้าจะเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว  

 ในส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลในยุโรปก็มีโอกาสเติบโตได้อย่างโดดเด่น ตามการเข้าสู่สังคมดิจิทัลของยุโรป โดยในช่วงที่ผ่านมามี Platform และ E-commerce เกิดขึ้นใหม่หลายบริษัท เช่น บริษัท HelloFresh ของประเทศเยอรมนี ที่ให้บริการจัดส่ง Meal Kits ชุดอาหารพร้อมปรุงที่มีวัตถุดิบต่างๆ มาให้ลูกค้าปรุงเองที่บ้าน โดยมีฐานลูกค้าครอบคลุม 14 ประเทศทั่วโลก ได้จัดส่งชุด Meal Kits มากกว่า 600 ล้านชุด ซึ่งในปี 2563 สร้างรายได้สูงกว่า 3,749 ล้านยูโร เติบโตกว่า 107% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และบริษัทคาดว่าในปี 2564 รายได้จะเติบโตประมาณ 35-45% 
#9507


ชวนเด็กๆ พูดคุยกับนัก "จิตวิทยา" ใน "CLUB WELLNESS" กลุ่มไพรเวทในเฟซบุ๊ค เพื่อคลายความเครียดช่วง "เรียนออนไลน์" โดยเฉพาะเด็กอายุ 15-19 ปี พบว่ามีแนวโน้มเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพจิตในอนาคต

ปัญหาที่มาควบคู่กับการ "เรียนออนไลน์" ของเด็กๆ ยุคโควิด-19 คงหนีไม่พ้นปัญหา "ความเครียด" โดยพบว่าการเรียนออนไลน์ในยุคนี้ทำให้เด็กไทยมีการบ้านเยอะขึ้น ขาดออกกำลังกาย เคลื่อนไหวน้อยลง ทำการบ้านไม่ทัน เรียนไม่ทันเพื่อน ฯลฯ ส่งผลให้เด็กไทยเกิด "ความเครียด" สะสมมากเกินไป หนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เด็กๆ คลายเครียดได้ ก็คือการพูดคุยกับนักจิตวิทยา

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนรู้จักวิธีฝึกคลายเครียดให้วัยรุ่นวัยเรียน โดยเป็นคำแนะนำจากนักจิตวิทยาการปรึกษา เพื่อให้เด็กๆ สามารถนำไปปรับใช้ในยุคโควิดที่น่าจะกินเวลาอีกยาว

1. ผลสำรวจ ชี้ เด็กไทยเครียดจาก "เรียนออนไลน์" 

มีข้อมูลจาก เบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เคยกล่าวไว้ว่า "ความเครียด เป็นต้นเหตุของปัญหาสุขภาพจิตที่ต้องเร่งแก้ไข การสร้างภูมิคุ้มกันทางใจจึงสำคัญ" พร้อมเผยผลสำรวจว่า

จากผลสำรวจในช่วงโควิด-19 พบว่า เด็กและเยาวชนที่ต้องเรียนออนไลน์อยู่บ้าน เกิดความเครียด วิตกกังวล จากการเข้าสังคมกับเพื่อนและครู รวมถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว สสส. มุ่งสร้างเสริมสุขภาวะด้านจิตใจของคนไทยอย่างต่อเนื่อง 

โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน อายุ 15-19 ปี ซึ่งมีแนวโน้มเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิตในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

'เรียนออนไลน์' กับ 7 ปัญหาสุขภาพที่เด็กไทยต้องเจอ แก้ยังไงดี?
วิจัยเผยเด็กเครียด 'เรียนออนไลน์' ศธ.สั่งลดเวลาเรียน ลดการบ้าน
'เรียนออนไลน์' WFH เสี่ยงภาวะ Computer Vision Syndrome มากขึ้น

2. CLUB WELLNESS ช่องทางพูดคุยกับ "นักจิตวิทยา"

เมื่อเร็วๆ นี้ สสส. และภาคีเครือข่าย ที่ทำงานด้านจิตวิทยาเด็กและเยาวชน ได้เปิดตัวไพรเวทกรุ๊ปในเฟซบุ๊ค ที่ชื่อว่า "CLUB WELLNESS : กลุ่มแบ่งปันพลังใจ" เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะให้คำปรึกษาแก่วัยรุ่นวัยเรียน ที่เกิดภาวะความเครียดสะสม วิตกกังวล จากการเรียนออนไลน์ 

โดยมีคำอธิบายของกลุ่มว่า

"คลับนี้ขอเป็นที่พักใจสำหรับคนที่เผชิญกับความเครียด ความเศร้า ความเหงา คนที่เจอวันแย่ๆ หรือกำลังท้อแท้ หมดกำลังใจ มาร่วมโพสต์ คอมเมนต์ อ่าน เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ตัวเอง และส่งต่อกำลังใจให้แก่สมาชิกกลุ่ม หรือใครที่มีพลังบวกก็ขอเชิญมาส่งพลังต่อภายในกลุ่มนี้ ภายใต้การสนับสนุนจาก สสส."

163092017826


3. นักจิตวิทยาแนะวิธีคลายเครียด เริ่มจากตัวเอง!

ดร.สุววุฒิ วงศ์ทางสวัสดิ์ นักจิตวิทยาการปรึกษา ผู้ให้คำปรึกษาประจำเฟซบุ๊กแฟนเพจ CLUB WELLNESS กลุ่มแบ่งปันพลังใจ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า

สถานการณ์ในขณะนี้ไม่ง่ายสำหรับใครเลย การประคองตัวเองให้ยืนระยะได้นานที่สุด เป็นวิธีที่จะพาเราผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ และสำคัญไม่อยากให้คาดหวังว่า การเรียนการสอน เกรดเฉลี่ย จะเป็นตัวกำหนดชีวิตเรา

"การศึกษาเป็นเพียงด้านหนึ่งของชีวิต จุดที่ดีที่สุดไม่ใช่การแข่งขันเพื่อให้เกรดเฉลี่ยต้องดีทุกวิชา จนทำให้เกิดความเครียด กดดันตัวเอง สำคัญที่ว่า.. สุดท้ายแล้วการรู้ตัวเองว่า ชอบอะไร อยากทำอะไร และสิ่งไหนที่เหมาะกับเรา อาจโฟกัสกับวิชาที่สอดคล้องกับชีวิตและคิดว่าได้ใช้ในอนาคต" ดร.สุววุฒิ กล่าว

อีกทั้ง ดร.สุววุฒิ ยังได้แนะนำวิธีคลายเครียดให้แก่วัยรุ่นวัยเรียน ดังนี้

1. สังเกตอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง หากรู้สึกอึดอัด ควรหาที่มาของปัญหา

2. อย่าบังคับตัวเองให้เป็นในแบบที่คนอื่นต้องการ จนเสียความเป็นตัวเอง

3. หาว่าตัวเองชอบอะไร เมื่อรู้แล้วให้โฟกัสกับสิ่งนั้น ไม่กดดันตัวเองเกินไป

4. เมื่อเห็นปัญหา ให้มองหาทางเลือกที่ทำให้รู้สึกสบายใจในการใช้ชีวิต

5. รักตัวเองให้มากขึ้น 

6. เมื่อเกิดความเครียด ต้องหยุดพักเพื่อสร้างความสมดุล

7. ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ ช่วยให้ผ่อนคลาย

-------------------------

อ้างอิง : 

thaihealth.or.th

clubwellnessthailand

springnews
#9510


เราจะเห็นได้ว่าในยุคปัจจุบันข่าวสารที่เราพบในแต่ละวัน มีทั้งข่าวจริงและข่าวปลอมมากมาย และมีการแชร์ความเชื่อผิดๆ ในกลุ่มไลน์ของผู้สูงวัยด้วยกัน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้ผู้สูงวัยเท่าทันเทคโนโลยี ไม่เชื่อในข่าว "Fake News"

ประเทศไทยมี "ผู้สูงวัย" ที่ติดเชื้อโควิดเพียง 85,000 คน แต่หากมาดูจำนวนของผู้เสียชีวิตแล้วจะพบว่าเสียชีวิตยอดที่ทะลุกว่า 10,000 คนนั้น มีถึงกว่า 60% ที่เป็นผู้สูงอายุ เนื่องจากผู้สูงอายุมักมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง และมีโรคประจำตัว ซึ่งทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย และยังป่วยรุนแรงถึงชีวิต

หากค้นหาถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดเสียชีวิตเป็นกลุ่มผู้สูงวัยมากกว่าครึ่งนั้น เกิดจากผู้สูงอายุไม่น้อย ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค "โควิด 19" เนื่องจากมีความเข้าใจผิด เชื่อว่าการฉีดวัคซีนส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ

ความเชื่อทั้งหมดทั้งมวลนี้ มีสาเหตุมาจากการได้รับข่าวสารข้อมูลที่บิดเบือนทั้งสิ้น! ข่าวปลอม ข่าวลวง หรือที่เรียกว่า "Fake News" หรือ เฟคนิวส์ กำลังส่งผลร้ายต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด

ความไม่เท่าทันสื่อในโลกโซเชียล ซึ่งมีทั้งการให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง บิดเบือน หรืออ้างสรรพคุณเกินจริง กำลังกลายเป็นต้นตอที่ทำให้ "ผู้สูงวัย" กำลังหลงเชื่อด้วยความไม่รู้ตัว

เมื่อ "เฟคนิวส์ กำลังเป็นปัญหาหลัก" สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และภาคี "สูงวัยรู้ทันสื่อ" จึงมาจัดเวทีแลกเปลี่ยนผ่านงานเสวนาออนไลน์ "สูงวัยจะรับมือกับข่าวลวงอย่างไรในช่วงโควิด" เพื่อหาทางออกร่วมกันในการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ผู้สูงวัยกับภัยข่าวลวง

ข้อมูลบิดเบือน = ข่าวลวง

"เราเคยได้รับข้อมูลจาก LINE กลุ่ม ซึ่งอ้างว่าเป็นผลวิจัยของนักเคมีวิทยาต่างประเทศ บอกว่าคนที่ฉีดวัคซีนไปแล้วจะมีอายุอยู่ได้เพียงสองปี เพราะวัคซีนจะทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายเสื่อมลง" คุณยายโกศลวัยเจ็ดสิบกว่าปี เผยถึงข้อมูลที่ตนเองได้รับ

"ที่ร่มเก้า ระยะแรกเกือบจะกลายเป็นคลัสเตอร์ เพราะเริ่มติดมาจากตลาดแล้วขยายเป็นคลัสเตอร์ครอบครัว ปรากฎว่าคนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ในชุมชนคือผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ซึ่งก็คือผู้สูงอายุ สิ่งที่เราพบคือ ส่วนหนึ่งเกิดจากการรับข่าวสารทางสื่อออนไลน์ที่ผิดๆ จนไม่ยอมไปฉีด" อีกเสียงบอกเล่าเสริมจากป้าอุ้ม ปราณี รัตนาไกรศรี สูงวัยรู้ทันสื่อ ชุมชนเคหะร่มเกล้า แกนนำชุมชนที่ต้องเผชิญและรับมือ "ข่าวลวง" ที่กำลังแพร่ระบาดแข่งกับการระบาดของโควิด 19 ในช่วงกว่าสองปีที่ผ่านมานี้

ป้าอุ้มเล่าว่า ประชาชนไม่น้อยยังมีความเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคโควิด 19 การรักษา การฉีดวัคซีน ไปจนถึงความเข้าใจผิดต่อคนที่ป่วย ความกลัวโรคกลัวผู้ติดเชื้อกลายเป็นความรังเกียจ ไม่กล้าเข้าใกล้

"ความจริงแล้ว เชื้อโควิด 19 ไม่ได้ติดง่ายมากขนาดนั้น หากไม่ได้สัมผัสหรือโดนน้ำลายเสมหะ สารคัดหลั่งโดยตรง แต่เขาก็รังเกียจ ตีตรากันแล้ว" ป้าอุ้มกล่าวด้วยความหนักใจ 

วัยรุ่น (ใหญ่) มือไว ใจร้อน

ป้าอุ้มเล่าต่อถึงพฤติกรรมของการใช้สื่อในกลุ่มผู้สูงอายุว่า ส่วนใหญ่มักชอบรับข่าวสารแล้วแชร์ส่งต่อในทันที โดยแต่ละคนจะมีกลุ่มก้อนของตัวเองและใช้แอปพลิเคชัน อาทิ ไลน์กลุ่มในการสื่อสารระหว่างกัน ซึ่งมีสมาชิกหลักสิบหรือหลักร้อยคนแตกต่างกัน แต่ที่สำคัญคือ แทบทุกคนนั้นจะมีไลน์กรุ๊ปกันหลายกลุ่มก้อน เป็นที่มาว่าทำไมการส่งต่อข่าวลวงจึงแพร่ไปเร็วไวนัก
 

"ในช่วงโควิดเรื่องข่าวลวงยิ่งเห็นผลชัดเจน จากการเกิดปรากฏการณ์ผู้สูงอายุไม่ยอมฉีดวัคซีน คือพอเขาได้รับข้อมูล มาเห็นข่าวทีวีว่ามีผู้เสียชีวิตก็เกิดความกลัว ตัวลูกหลานเองก็รับข้อมูลข่าวสารเยอะไม่ให้พ่อแม่ฉีดก็มี ซึ่งที่ชุมชนเราต้องแก้ปัญหาด้วยแนวคิดที่ว่าต้องมีการสื่อสารข้อมูลที่มากขึ้น เราจัดให้อาสาสมัครลงพื้นที่สำรวจผู้สูงอายุในชุมชน เข้าไปจัดการชักชวนเพื่อให้มาฉีด มีการให้ข้อมูลความที่ถูกต้องว่า การฉีดวัคซีนไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด และผลเสียของการไม่ฉีดวัคซีนเป็นอย่างไร"

พฤติกรรมผู้สูงอายุยังเป็นกลุ่มสำคัญที่มีบทบาทต่อการ "ส่งต่อ" หรือแชร์ข่าวลวงเหล่านี้ โดยไม่ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล ส่งผลให้ข่าวลวงเหล่านี้ยิ่งกระพือแพร่กระจาย และกลายเป็น "ข่าวลวงวนซ้ำ" อย่างไม่รู้จบ

ข่าวลวงวนซ้ำ

"สาเหตุหลักที่ทำให้ข่าวลวงวนซ้ำในประเทศไทยมีอยู่สามสี่เรื่อง หนึ่งคือการสื่อสารในระบบแอปพลิเคชันที่เป็นระบบปิด หรือในกลุ่มปิด ซึ่งทำให้ยากหรือไม่มีการตรวจสอบข่าว ทำให้เขาหลวงวันซ้ำถึง 28% นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากการมีอคติต่อประเด็นเนื้อหาข่าวทำให้เชื่อถือหรือไม่เชื่อถือ โดยขาดการตรวจสอบหรือไม่เปิดให้มีการโต้แย้งข้อมูลได้ 27% และการขาดความร่วมมือบางแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ในการแก้ปัญหา เช่นการขึ้นคำเตือนหรือลบเนื้อหา และความเกรงใจเมื่อผู้ส่งข่าวที่สงสัยว่าจะเป็นข่าวลวง มีความอาวุโสและมีฐานะทางสังคมสูงกว่าทำให้ไม่กล้าเตือนหรือตรวจสอบข้อมูล" ญาณี รัชต์บริรักษ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา (สำนัก11) สสส.  อธิบาย

พร้อมเอ่ยถึงรายงานจากการสำรวจโดย สำนักงานธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับโคแฟค สำรวจประชากรออนไลน์ 670 คน พบ 94.7% เคยพบเห็นข่าวปลอมบนโลกออนไลน์ และมองว่าข้อมูลที่ปรากฏบนออนไลน์ไม่มั่นใจว่าจะเชื่อถือได้และเป็นปัญหาที่พบมากสุดในปีนี้โดยเพิ่มขึ้น 13.1% จากปี 2562 ที่สำคัญ ทุกคนมีโอกาสเป็นคนส่งต่อ Fake News กันหมด จากการแชร์โดยไม่ทันคิด

ญาณีเอ่ยว่า ผู้สูงอายุเปรียบเสมือน "ผู้อพยพทางดิจิทัล" คือเกิดมาก่อนแต่ยังต้องอยู่ในยุคของคนเจนอื่น ในโลกดิจิทัล ซึ่งโลกเปลี่ยน ทำให้สื่อเปลี่ยน คนมีทักษะที่จะสร้างข่าวบิดเบือนเก่งขึ้น หลากหลายขึ้น

"ผู้สูงอายุถือเป็นน้องใหม่ในวงการโลกดิจิทัล ซึ่งจากการสำรวจ อินไซท์เบบี้บูมเมอร์ 2021 (Insight Baby Boomer 2021) พบว่า คนกลุ่มนี้ คือคนที่กำลังเป็นผู้สูงอายุในปัจจุบัน มีพฤติกรรมติด Facebook หนักมากมองหาสมาร์ทโฟนจอใหญ่ไปถึง iPad แถมยังลามไปถึงอีสปอร์ต บางคนว่างก็ใช้เวลาดูหนังเก่าได้ทั้งวัน และเป็นลูกค้าหลักของสินค้าเพื่อสุขภาพแนว wearable อย่างพวกสมาร์ทวอช เป็นต้น ที่สำคัญ กลุ่มผู้สูงวัยที่มีพฤติกรรม มือลั่น ยังมีอยู่ไม่น้อย"
  Fake News ญาณีอธิบายต่อว่า ปัญหา Fake News ยังเป็นปัญหาที่กระทบทั่วโลก ปีที่แล้วองค์การยูเนสโกจึงมีการประกาศว่า สิ่งที่จะช่วยชีวิตเราทุกคนได้ปลอดภัยจากภัยสุขภาพในครั้งนี้ คือ หมอ พยาบาล และข้อมูลสุขภาพที่เป็นข้อเท็จจริง

ส่วนปีนี้ ในการจัดงาน World press freedom day 2021 ยังตอกย้ำถึงการให้ความสำคัญกับข้อมูลที่น่าเชื่อถือ โดยได้ประกาศสโลแกนว่า Information as a public good โดยการสนับสนุนให้คนเราเชื่อข้อมูลได้รับการตรวจสอบแล้ว และส่งเสริมให้สื่อมวลชนมีหน้าที่ตรวจสอบและส่งต่อข้อมูลไปยังประชาชน

รับมือปัญหาข่าวลวงยังไงให้ยั่งยืน?

เมื่อมองถึงทางออกของการแก้ปัญหาข่าวลวงแบบยั่งยืน เธอเอ่ยว่า อาจต้องทำในหลายประเด็นและหลายด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การมีแพลตฟอร์มเฉพาะเพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลในการตรวจสอบเพรารวม เช่น โคแฟค ให้ตรวจสอบข่าวลวงได้ ควรมีการสร้างวัฒนธรรมการตรวจสอบข่าวลงไปในชุมชนออนไลน์ทุกระดับเพื่อให้เป็นวิถีชีวิตใหม่ รวมถึงการเพิ่มทักษะการใช้สื่อดิจิทัลในหลักสูตรการเรียนรู้ทุกระดับ เพื่อสร้างความเท่าทันสื่อ หรือ Digital literacy และอีกทางหนึ่งคือการเพิ่มอิสระเสรีภาพในการโต้แย้งข้อมูลข่าวสารในแบบในประเทศเสรีประชาธิปไตย ส่วนบทบาทของแพลตฟอร์มคือควรมีการเพิ่มฟังชั่นลบข่าว การเตือนเมื่อเจอข่าวที่พิสูจน์ว่าเป็นข่าวเท็จ

"สิ่งสำคัญคือผู้ใช้สื่อออนไลน์จะเป็นผู้ตรวจสอบข้อมูลด้วยตนเองในเบื้องต้นได้ดีที่สุด ไม่ควรพึ่งพารัฐเพียงอย่างเดียว ขณะที่สื่อมวลชนเองควรจะช่วยตรวจสอบข่าวลือและข่าวลวงอย่างทันท่วงที รวมถึงไม่ผลิตซ้ำข่าวลวง รัฐเองควรทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนข้อมูลเปิดในการตรวจสอบได้ง่าย" ญาณีเอ่ย

สสส. จึงเน้นย้ำในเรื่องการส่งเสริมให้ประชากรทุกช่วงวัย รวมถึงผู้สูงวัยเป็นแอคทีฟซิติเซ่น นั่นคือ การพัฒนาพลเมืองให้เท่าทันสื่อรอบรู้สุขภาวะ มีจิตสำนึกเพื่อการเป็นนักสื่อสารสุขภาพที่ยืดหยุ่นและปรับตัว ซึ่งเขาจะทำหน้าที่บอกต่อข้อมูลข้อมูลดีๆ แก่ผู้อื่นที่อยู่รอบข้าง รวมถึงการพัฒนากระบวนการสื่อสารสุขภาวะและสุขภาวะทางปัญญา เพื่อสร้างพลังความเข้มแข็งสังคมในช่วงวิกฤต โควิด 19 ทำให้ปีที่ผ่านมา สสส. จึงเน้นย้ำเรื่องการพัฒนานักสื่อสารสุขภาวะ ซึ่งมีถึง 3,880 คน ที่สามารถสื่อสารส่งต่อข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับเครือข่ายของตนเอง

"นอกจากนี้ยังมีการพัฒนากลไกตรวจสอบข่าวลวงด้วยระบบดิจิทัลด้านสุขภาพ ที่ทำร่วมกับโคแฟค เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถใช้ตรวจสอบค้นหาข้อมูลข่าวร่วงและข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นการเน้นพัฒนาให้เกิดทักษะการตรวจสอบข่าวในกลุ่มภาคประชาชนด้วยตัวเอง รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนาทักษะเท่าทันสื่อของกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อเป็นนักสื่อสารสุขภาวะที่เท่าทันสื่อ เท่าทันชีวิตและเท่าทันโลก" ญาณีกล่าว

ปล่อยคาถารู้ทันข่าวลวง

จิราณีย์ พันมูล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ กล่าวถึงพฤติกรรมผู้สูงวัยใช้สื่อดิจิตอล เธอบอกว่า ข่าวลวงนับเป็นภัยคุกคามแต่ทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในยามเกิดวิกฤตสุขภาพ อย่างโควิด 19 เฟคนิวส์ หรือข้อมูลที่บิดเบือนสามารถที่จะทำลายสุขภาพและทำลายชีวิตผู้คนได้เช่นเดียวกัน

ผลเสียของข่าวลวงที่เกิดกับสุขภาพก็คือ ทำให้ผู้สูงอายุที่ได้รับข่าวสารมีความกังวลความตื่นตระหนกกลัวเครียด หวาดระแวง และส่งผลไปยังสุขภาพร่างกาย คือนอนไม่หลับ ไม่กล้าทำกิจกรรมนอกบ้าน ไม่กล้าออกกำลังกาย ขาดวิถีสังคมเพราะไม่กล้าออกจากบ้าน หรือไปเจอใคร แล้วไม่กล้าออกไปประกอบอาชีพจนมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ

"แต่จากประสบการณ์ทำงานพบว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระดับการศึกษาหรือพื้นฐาน กลุ่มมีการศึกษาเองก็ส่งข้อมูลผิดๆ มาเช่นกัน"
 
ทางโครงการจึงได้พัฒนาโครงการสูงวัยรู้ทันโควิด โดยมีคาถาสูงวัยรู้ทันโควิดเพื่อให้ผู้สูงอายุนำไปใช้ ได้แก่ หนึ่ง การรู้จักตั้งคำถามกับตัวเอง สอง การไปหาข้อมูลก่อนคือการหาข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์ สาม หากเราแชร์จะเดือดร้อนใครหรือไม่

โดยจากการประเมินผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการมีความยังคิดมากขึ้นตามหลักการสามข้อ จากเมื่อก่อนเจออ่านแค่หัวข้อข่าวก็ส่งต่อเลยทันที แต่เมื่อเข้าโครงการนี้เริ่มทำความเข้าใจมากขึ้น เข้าไปอ่านเนื้อหาก่อนที่จะส่งต่อ รวมถึงวิเคราะห์ว่าที่ส่งต่อมานี้มันใช้เรื่องจริงหรือไม่จริง

ด้าน วันชัย บุญประชา กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า คาถาสามข้อเป็นเครื่องมือและสร้างภูมิต้านทานกับผู้สูงอายุ แต่ขณะเดียวกันยังจำเป็นต้องการพัฒนาอาสาสมัครสูงวัยรู้ทันสื่อที่จะคอยตั้งคำถามต่างๆ เวลาเจอข่าวที่แชร์กันมา แล้วจะมีทักษะคัดข่าวและสื่อสารแก่ผู้อื่น โดยเฉพาะผู้สูงวัยว่าข่าวนั้นเป็นข่าวปลอมได้อย่างไร

"อย่างไรก็ดี ในระดับภาพรวมทั้งประเทศ เราคงต้องมานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้มีประสิทธิภาพ เช่นการสร้างความฉลาดในวิธีคิดของผู้สูงอายุในเรื่องอื่นๆ ด้วย ไม่เฉพาะแต่เรื่องสื่อ" วันชัยเอ่ยทิ้งท้าย