• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Beer625

#9316


นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพิจารณาปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นหลังสิ้นงวดไตรมาส 3/64 จากเดิมที่คาดจะโตได้ 8-10% เนื่องด้วยครึ่งปีแรกเติบโตไปแล้ว 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้จะยังเติบโตต่อเนื่องตามทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตรับอานิสงส์การส่งออกรถยนต์ที่ทำได้ดีขึ้น

ประกอบกับปัญหาการขาดแคลนชิปที่ส่งผลกระทบให้การผลิตรถยนต์ชะลอลงนั้น ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวเริ่มกลับมาเป็นภาวะปกติแล้ว ทำให้คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้น รวมถึงบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามไปด้วย

ส่วนธุรกิจในประเทศจีนในปีนี้แนวโน้มเริ่มดีขึ้น แม้จะยังมีผลขาดทุนอยู่จากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการลงทุนยังต้องรอเวลา แต่มั่นใจว่าปี 65 จะสามารถทำกำไรได้

นายวิวรรธน์ กล่าวอีกว่า ภายหลังจากที่บริษัท พีเจ เมดิคอล จำกัด (PJM ) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PJW ถือหุ้นอยู่ 100% ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการวิจัยและพัฒนา และการทำการขายและการตลาดอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ทำจากพลาสติก ร่วมกับ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากวางจำหน่ายอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ทำจากพลาสติกในไตรมาส 4/64 และจะเข้ามาเต็มปีในปี 65 โดยวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 300 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 10%

สำหรับการขยายเข้าสู่อุตสาหกรรมเมดิคอล นายวิวรรธน์ มองว่า บริษัทถือว่ามีองค์ความรู้ชั้นสูงในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และยังมีความสามารถในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีความสะอาดสูง ทั้งในกลุ่มอาหาร นม นมเปรี้ยว บริษัทจึงนำปัจจัยดังกล่าวมาผนวกกับ TPM System ที่มี ยกระดับเรื่องความสะอาดและเทคโนโลยี รวมถึงทำความเข้าใจในตลาด โดยการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์เพื่อขยายตลาดออกไป ทำให้มั่นใจว่าตลาดเครื่องมือทางการแพทย์จากพลาสติกใช้แล้วทิ้งจะเป็นตัวตอบโจทย์ที่ดีที่จะทำให้บริษัทเติบโตไปในอนาคต และคาดหวังว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ยอดขายบริษัทปัจจุบันที่เป็นน้ำมันเครื่องประมาณ 1,500 ล้านบาท จะมีรายได้เพิ่มจากเครื่องมือทางการแพทย์จากพลาสติกใช้แล้วทิ้ง เทียบเท่ากับน้ำมันเครื่อง เนื่องจากมีขนาดตลาดค่อนข้างใหญ่มาก

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองอุตสาหกรรมน้ำมันเครื่องจากนี้ไปอีก 5 ปี การเติบโตของรถยนต์สันดาปจะยังมีอยู่ และคาดว่าตลาดน้ำมันเครื่องจะเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี แต่ภายหลังปี 70 ไปแล้วมองว่าตลาดรถยนต์อาจเปลี่ยนแปลงไปสู่เทคโนโลยีแบตเตอรี่มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีการพัฒนาในเรื่องดังกล่าวค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทมีการวางแผนเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายธุรกิจสู่ธุรกิจเครื่องมือแพทย์

ด้านงบลงทุนปีนี้ วางงบลงทุนไว้ที่ 130 ล้านบาท โดยใช้ไปแล้วในครึ่งปีแรกแล้ว 60% ในการลงทุนคลังสินค้าใหม่ และรองรับโปรเจกต์ในอนาคตเพื่อลดค่าเช่าคลังสินค้าข้างนอก ขณะที่ครึ่งปีหลังจะใช้ในคลังสินค้าชลบุรี และซื้อเครื่องจักรเข้ามาเพิ่ม โดยหลักจะอยู่ในส่วนของการลดต้นทุน

นายวิวรรธน์ กล่าวว่า บริษัทมีการเจรจาในเรื่องการย้ายหลักทรัพย์เข้าไปจดทะเบียนใน SET แต่ปัจจุบันยังไม่มีแผนชัดเจน เนื่องด้วยยังอยู่ระหว่างการศึกษาถึงข้อดีข้อเสีย และจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะการย้ายไปต้องให้ประโยชน์สูงสุดกับผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ถือหุ้น แต่อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าในที่สุดบริษัทต้องมีการเติบโตและย้ายเข้าสู่ SET ต่อไป
#9319


กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดตัวเว็บไซต์ https://www.kongdeetourthai.com ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรมฯ ให้เป็นพื้นที่ขายสินค้าทางออนไลน์ของผู้ประกอบการไทยที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้นจำนวน 300 กิจการ โดยให้นำสินค้าหรือบริการขึ้นโพสต์ขายฟรี แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ช่วยตั้งต้นให้ธุรกิจมีช่องทางการตลาดได้เร็วขึ้น มีเครื่องมือประชาสัมพันธ์สินค้า/บริการของตนเองก่อนเข้าสู่ Social Media และ Platform ตลาดออนไลน์ที่มีชื่อเสียงอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต พร้อมดึงคนดังมาช่วยกระตุ้นยอดขาย ในงาน "ของดีทั่วไทย DBD รวมไว้ในที่เดียว" วันที่ 2 กันยายน 2564 ณ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาธุรกิจการค้าชั้น 6 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดี กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายขึ้น เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตก็พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ แต่ในขณะเดียวกัน การที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ สินค้าเป็นที่รู้จัก และสร้างยอดขายได้อย่างยั่งยืนนับเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่มากเช่นกัน ประกอบกับเทคนิคการนำเสนอสินค้า และการสร้างตลาดก็ยังเป็นข้อจำกัดของธุรกิจขนาดเล็ก กรมฯ จึงได้วางแนวทางในการพัฒนาทักษะการขาย รวมถึงขยายช่องทางการขายออนไลน์ให้กว้างขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการตลาด รองรับการตลาดยุค New Normal ให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนมากขึ้นอันเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจไทยอย่างยั่งยืน 

"จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นที่มาของการจัดทำโครงการสร้างโอกาสทางการตลาดธุรกิจบริการ ประจำปี 2564 โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ทำการคัดเลือกผู้ประกอบธุรกิจจำนวน 300 รายจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศให้เข้าร่วมโครงการเพื่อให้ได้รับโอกาสและสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ 1) การประชาสัมพันธ์สินค้า/บริการผ่านเว็บไซต์ของดีทั่วไทย 2) การจัดทำสื่อโฆษณาในรูปแบบคลิปวิดีโอความยาว 40 วินาที สำหรับนำไปเผยแพร่ผ่านทาง Social Media และ Platform ตลาดออนไลน์ 3) ได้รับการกระตุ้นยอดขายโดยมีผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด (Influencer) ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้พบเห็นสินค้าและบริการบนเว็บไซต์ของดีทั่วไทยมากขึ้น 4) การอบรมให้ความรู้ด้านการตลาดออนไลน์กับคุณโซอี้ (ภญ.โสภา พิมพ์สิริพาณิชย์) นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้านการใช้สื่อออนไลน์ทำการตลาด 5) การเข้าร่วมออกบูธประชาสัมพันธ์ในกิจกรรมต่างๆ ที่กรมฯ จัดร่วมกับพันธมิตร และ 6) โอกาสรับรางวัล The Best Seller TOP 10 ของดีทั่วไทย ซึ่งจะเป็นเครื่องหมายการันตีร้านค้าให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่วันนี้ (2 กันยายน 2564) กรมฯ ได้จัดงาน "ของดีทั่วไทย DBD รวมไว้ในที่เดียว" โดยจะเปิดตัวเว็บไซต์ของดีทั่วไทย www.kongdeetourthai.com ซึ่งเป็นช่องทางการขายที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรมฯ อย่างเป็นทางการ และให้ผู้ประกอบการทั้ง 300 รายที่ได้ผ่านการอบรมทฤษฎีและฝึกปฏิบัติอย่างเข้มข้น ได้นำสินค้าและบริการของตนเองเข้ามาสู่การตลาดออนไลน์ และลงสนามทดสอบฝีมือในการขายแบบจริงจัง ซึ่งเว็บไซต์ของดีทั่วไทยเป็นที่รวบรวมสินค้าและบริการจากทั่วประเทศ (e-Directory) ที่ได้ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าสินค้าและบริการที่อยู่บนเว็บไซต์นี้มีคุณภาพในระดับดีไปจนถึงระดับพรีเมียมอย่างแน่นอน" 

รองอธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า "สำหรับการจัดงานในวันนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดตัวเว็บไซต์ของดีทั่วไทย ให้ผู้ประกอบการทั้ง 300 รายนำสินค้าและบริการระดับคุณภาพจากทั่วประเทศมาไว้ในที่เดียวเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงของดีที่มีอยู่ทั่วไทยด้วยวิธีง่ายๆ แล้ว ยังส่งเสริมให้เกิดการสร้างแบรนด์ สร้างตัวตนผ่านช่องทางออนไลน์ให้ผู้ประกอบการบนเว็บไซต์ของดีทั่วไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น กรมฯ ยังจัดหา Influencer ชื่อดัง ที่มียอดผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 Follower อย่าง Dom และ ดีเจนุ้ย มาร่วมสร้างความสนุกทั้งขาย และแจกของรางวัลอีกด้วย แม้จะเป็นการจัดงานในรูปแบบออนไลน์ แต่หากใครที่ไม่มีโอกาสบินขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปภาคกลาง จรดภาคอีสาน ก็สามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้าดีๆ ผ่านเว็บไซต์ของดีทั่วไทย www.kongdeetourthai.com ได้เลย นอกจากจะนำสินค้ามาแสดงโชว์แล้ว เพื่อช่วยกระตุ้นและโปรโมทสินค้าให้กับผู้ประกอบการ เรายังมีช่วงนาทีทองให้ทุกท่านได้ร่วมสนุกโดยสามารถเลือกช้อปปิ้งสินค้าในราคาเพียง 1 บาท เท่านั้น เรียกว่างานนี้ ครบ จบ แค่ปลายนิ้วจริงๆ จะช้อปของกิน ของใช้ สนใจบริการร้านสปา ร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร หรือของฝาก ก็จัดได้เลยไม่ต้องเดินทางให้ยุ่งยาก เพราะเรารวมมาไว้ให้ครบจบที่งานนี้แล้วครับ"
 
#9320
 ขายถูกมากคอนโดเอื้ออาทรเพิ่มสิน    เขตสายไหม ขายถูกสุดในโครงการ

 ขายถูกมากคอนโดเอื้ออาทรเพิ่มสิน   ขายถูกสุดในโครงการ   กู้ได้เต็มคอนโดเอื้ออาทรเขตสายไหม     ขายคอนโดเอื้ออาทรเขตสายไหม ขายถูกสุดในโครงการ กู้ได้เกิน กู้ได้เต็ม กู้ได้สูงสุด ตามเครดิต
  ขายถูกมากคอนโดเอื้ออาทรเพิ่มสิน-คลองถนน   เขตสายไหม ขายถูกสุดในโครงการ ขายคอนโดเอื้ออาทรเขตสายไหมรายละเอียด ห้องขนาด 33 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 1 ห้องพักผ่อน 1 ห้องน้า มีระเบียงซักล้าง แอร์ 1 ตัว สภาพห้อง ไม่ได้ต่อเติม มีมุ้งลวด เหล็กดัด สาเหตุการขาย ไม่ได้อยู่

สิ่งอำนวยความสะดวก    ขายคอนโดเอื้ออาทรเพิ่มสินกู้ได้เกิน  
ระบบส่วนกลาง ระบบ รปภ.24ชม ดูแลความปลอดภัยทางเข้าออก24 ชั่วโมง ภายในอาคารติดกล้อง CCTv วงจรปิดทุกอาคาร ตามจุดสำคัญๆ

 กู้ได้สูงสุดตามเครดิตคอนโดเขตสายไหม  สถานที่ใกล้เคียง
รพ.ภูมิพล, รถไฟฟ้าสถานีสะพานใหม่, โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ๓ กม.
ใกล้ตลาดยิ่งเจริญ,ซอยวัชรพล, ตลาดวงศกร, กองทัพอากาศดอนเมือง บิ๊กซี , โลตัส สะพานใหม่
สนามบินดอนเมือง

ขายถูกมากคอนโดเอื้ออาทรคลองถนน เพิ่มสิน ทำเลที่ตั้งคอนโด
ที่ตั้ง โครงการเอื้ออาทรคลองถนน (เพิ่มสิน) ซอยเพิ่มสิน 24/1 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ อาคาร 72 ชั้น 5 (ห้องริมฝั่งทุ่งนา)

สนใจสอบถาม
ขายราคา 450,000 บาท สนใจจริงต่อรองได้ กรรมสิทธิ์พร้อมโอน
โทรศัพท์ 089 4721081 e-mail : pui_klom@hotmail.com

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://ipostcondo.com/?p=1731

คำค้น
ขายถูกคอนโดเอื้ออาทรคลองถนน, ขายคอนโดเอื้ออาทรเพิ่มสิน,  ขายถูกคอนโดเอื้ออาทรเขตสายไหม, ขายถูกกู้ได้สูงคอนโดเอื้ออาทรเขตสายไหม,
ขายถูกสุดในโครงการคอนโดเอื้ออาทรคลองถนน,  ขายคอนโดเอื้ออาทรเพิ่มสินกู้ได้เกิน, กู้ได้เต็มคอนโดเอื้ออาทรเขตสายไหม,กู้ได้สูงสุดตามเครดิตคอนโดเขตสายไหม
#9322
รถกอล์ฟ คุณภาพ นำเข้าและประกอบโดยโรงงานมาตรฐานในประเทศไทย 

ภายใต้การดูแลของ วิศวะกร ชำนาญด้าน รถกอล์ฟไฟฟ้า  จำหน่ายในราคาขายส่ง 

ไม่ว่าจะซื้อกี่ตันก็คาม ไม่มีขั้นต่ำ ด้วยประสพการณ์กว่า 20 ปี ท่านจึงสามารถมั่นใจในสินค้าและบริการได้ 

มีประกันสินค้า 1-2 ปี พร้อมอะไหล่ที่มีครบและหาง่าย

Tags :: รถกอล์ฟ, รถกอล์ฟไฟฟ้า,รถกอล์ฟมือสอง
















#9323

  • มีดโกนหนวดผู้ชาย 3 ชั้นใบมีดโกนแบบวินเทจ
  • ที่ใส่มีด 2 ด้าม + หัวมีด 36 ชุด + กล่องมีด + ครีมโกนหนวดรวม 200 กรัม
  • มีดโกนระบบ 3 ใบมีด
  • - ระบบ 3 ใบมีด ด้ามจับยาวเพื่อความง่ายต่อการควบคุมและความปลอดภัย
  • - พร้อมกริปยาง จับกระชับมือ ควบคุมทิศทางการโกนได้ดี
  • - สามารถเปลี่ยนหัวใบมีดได้
  • - มีชุดเปลี่ยนใบมีด 36 ชุด
  • ข้อแนะนำในการโกนหนวดอย่างถูกวิธี
  • 1. ล้างใบหน้าด้วยน้ำสะอาด
  • 2. ใช้โฟมโกนหนวด ทาบริเวณที่ต้องการจะโกน
  • 3. โกนอย่างนุ่มนวลด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอ
  • 4. หลังจากโกนเสร็จแล้วให้ล้างใบมีดและสะบัดน้ำให้แห้ง
  • 5. อย่าเช็ดบริเวณคมมีด
  • สถานที่เก็บรักษา
  • ควรเก็บมีดโกนไว้ในสถานที่แห้ง และเก็บให้พ้นจากเด็ก
  • ข้อควรระวัง
  • เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ห้ามเลื่อนมีดโกนในแนวขวางหรือสัมผัสคมมีดด้วยมือเปล่า
  • เก็บให้พ้นมือเด็ก

#9324


วันนี้ (9 ก.ย.) ณ ห้องปฏิบัติการรถไฟ ชั้น 3 การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย และ น.ส.ไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการบริษัท และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสอาร์ที เเอสเสท จำกัด ได้ทำพิธีลงนามร่วมกันในบันทึกข้อตกลงการบริหารจัดการทรัพย์สินระหว่าง รฟท.กับ บริษัท เอสอาร์ที เเอสเสท จำกัด โดยมีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการรถไฟ นายอำนวย ปรีมนวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด และคณะผู้บริหาร รฟท. และบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท. เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ครั้งนี้ถือเป็นการปฏิรูปด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินครั้งสำคัญของการรถไฟฯ และเป็นการดำเนินภารกิจตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 ที่เห็นชอบให้การรถไฟฯ ดำเนินการจัดตั้งบริษัทลูก บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ขึ้นเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยฟื้นฟู สร้างรายได้ให้แก่การรถไฟฯ ตามแผนฟื้นฟูกิจการฯ ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)

ซึ่งการรถไฟฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด แล้วเสร็จไปเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 การลงนามความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งมอบทรัพย์สินของการรถไฟฯ ให้แก่บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการแทน อย่างไรก็ดี กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทั้งหมดนั้นยังคงเป็นของการรถไฟ ฯ เช่นเดิม

"ในช่วงแรกการรถไฟฯ จะเริ่มทยอยโอนทรัพย์สินโครงการขนาดใหญ่ที่มีการทำสัญญาไว้แล้วจำนวน 75 สัญญา มูลค่าทรัพย์สิน 1,645 ล้านบาท โดยใช้เวลาโอนเสร็จสิ้นภายในเวลา 2 เดือน ระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม 2564 ซึ่งจะทำให้บริษัท เอสอาร์ที เเอสเสท จำกัด สามารถดำเนินการบริหารจัดการทรัพย์สินได้ทันที และหลังจากนั้นจะมีการทยอยโอนส่งมอบทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายดำเนินการโอนทรัพย์สินทั้งหมด 12,839 สัญญา มูลค่า 3,166 ล้านบาท แล้วเสร็จภายในปี 2565"

สำหรับ บริษัท เอสอาร์ที เเอสเสท จำกัด จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยบริหารจัดการและสร้างรายได้ให้การรถไฟฯ ทั้งด้านการบริหารสัญญาเช่าที่ได้รับมอบจากการรถไฟฯ การจัดหาผู้ลงทุนและการเช่าพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการบนที่ดินของการรถไฟฯ รวมทั้งการพัฒนาด้วยตนเอง การซื้อหรือเช่าที่ดินจากบุคคลภายนอกเพื่อพัฒนาหรือร่วมทุนเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวให้แก่การรถไฟฯ ซึ่งจะส่งผลให้การรถไฟฯ มีรายได้จากการบริหารทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น มีระบบบริหารจัดการที่มีมาตรฐานสากล และมีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่นๆ ตลอดจนยังส่งผลดีต่อภาพรวมในอีกหลายมิติ ทั้งมิติทางเศรษฐกิจในการช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ การจ้างงานการท่องเที่ยว ด้านสังคม ช่วยให้การบริหารพื้นที่ชุมชนที่บุกรุกสามารถดำเนินการให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนช่วยให้การบริหารจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมดีขึ้น

เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ถูกออกแบบมาให้เป็นอิสระและเป็นมืออาชีพด้านการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการรถไฟฯ คาดหวังว่าภายหลังการส่งมอบการบริหารทรัพย์สินแล้ว บริษัทฯ จะสามารถบริหารจัดการทรัพย์สินของการรถไฟฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการรถไฟฯ สามารถสร้างรายได้แก่องค์กร และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการช่วยพลิกฟื้นการรถไฟฯ ให้กลับมาเป็นองค์กรที่มีความเข้มแข็ง สามารถดูแลและให้บริการแก่พี่น้องประชาชนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนยุทธศาสตร์กระทรวงคมนาคมได้อย่างยั่งยืน
#9326
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 

#9330


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานมอบโล่รางวัลให้กับสมาคมการค้าดีเด่นประจำปี 2564  พร้อมกล่าวกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ นโยบายการส่งเสริมการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ และการแก้ปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดราคาต่ำ เพื่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ ว่า   โควิดยังจะต้องอยู่กับประเทศไทยและกับโลกอีกนาน สิ่งที่เราต้องคิดและต้องทำคือ เราจะนำเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิดไปสู่ความสำเร็จร่วมกันได้อย่างไร ตนยังยืนยันเน้นย้ำการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน เราจะต้องยึดหลักรัฐหนุนเอกชน

 "เอกชนคือทัพหน้าในการทำรายได้เข้าประเทศ ถ้าเป็นทีมฟุต.เอกชนต้องเป็นกองหน้า เพราะต้องทำหน้าที่ยิงประตูทำคะแนนม รัฐบาลเป็นแบ็คสนับสนุนการทำหน้าที่ของภาคเอกชน ต้องจับมือร่วมกันอย่างเข้มแข็งแน่นแฟ้น จึงเป็นที่มาของหลักคิดการตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ หรือ กรอ.พาณิชย์ สามารถทำตัวเลขให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดคือการส่งออก แต่ถ้าขาดความร่วมมือร่วมใจระหว่างรัฐกระทรวงพาณิชย์กับเอกชน อุปสรรคต่างๆจะไม่คลี่คลาย การจับมือร่วมกันอย่างเข้มแข็ง เข้มข้น และถึงลูกถึงคนจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องเดินหน้าร่วมกันต่อไป"


ในด้านการขับเคลื่อนทางการค้า ทีมเซลล์แมนจังหวัดกับทีมเซลล์แมนประเทศจะต้องร่วมมือกันทำงานให้เข้มแข็งและปรากฏเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งทีมเซลล์แมนจังหวัดมีความสำคัญและทรงพลังอย่างยิ่ง โดย 77 ทีมหรือ  77 จังหวัด เพราะเป็นผู้แก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาด หาช่องทางจำหน่าย รวมมือกับทุกจังหวัดค้าขายระหว่างกัน เช่น พืชผลเกษตรราคาตก ทีมเซลล์แมนจังหวัด ขวนขวายและไปถึงขั้นข้ามจังหวัดค้าขายระหว่างกันตามนโยบาย มังคุดใต้ล้นอีสานช่วยซื้อ ลำไยเหนือราคาตกจับมือกับทีมเซลล์แมนจังหวัดภาคใต้ ภาคตะวันออกช่วยกันแก้ปัญหา ขณะที่ทีมเซลล์แมนประเทศ ทูตพาณิชย์ 58 แห่ง เป็นหัวเรือใหญ่จับมือร่วมกับนักธุรกิจที่ไปลงทุนในต่างประเทศทำการค้าส่งออกจับมือกันเป็นทีม

นายจุรินทร์ กล่าวว่า  ด้านภาคเอกชนไทยจะต้องเร่งปรับตัวให้ทันสถานการณ์โลก เตรียมการรองรับมาตรการกีดกันทางการค้าที่จะเข้มข้นหนักข้อขึ้นเป็นลำดับ เพราะภายหลังประเทศพัฒนาแล้วใช้มาตรการทางภาษีกีดกันสินค้าจากประเทศกำลังพัฒนาประสบความสำเร็จหลังจากการรวมตัวกันในระบบพหุภาคีหรือในระบบทวิภาคีในรูป FTA หรือ WTO ทำให้กำแพงภาษีทลายลงภาษีเป็นศูนย์ มาตรการทางภาษีจึงลดความสำคัญลง มาตรการใหม่จึงเกิดขึ้นคือมาตรการที่มิใช่ภาษีมาเป็นกำแพงกั้นสินค้าที่ไปจากประเทศคู่แข่งหรือประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการสิ่งแวดล้อม มาตรการแรงงาน มาตรการสิทธิมนุษยชน สุขอนามัย ล่าสุดภาษีคาร์บอน เพื่อเป้าหมายกีดกันทางการค้าหรือปกป้องการค้าของประเทศ โดยอียูเริ่มแล้วในอีก 2 ปี จะคิดภาษีคาร์บอน 5 สินค้า 1.เหล็ก 2.อะลูมิเนียม 3.ซีเมนต์ 4.ไฟฟ้า 5.ปุ๋ย ขอให้เอกชนทั้งหลายเตรียมความพร้อมไว้


ขณะเดียวกันยังพบว่า มีการนำเอาปัจจัยเศรษฐกิจมาผูกมัดติดกับปัจจัยทางการเมืองและกลายเป็นปัจจัยปกป้องกีดกันทางการค้า ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เราจะอยู่ตรงไหนคือสิ่งที่เราต้องคิด ทุกคนตอบตรงกันว่าเราต้องผนึกกำลังกับอาเซียน จับมือกับอีก 9 ประเทศ จับมือ ระหว่างอาเซียนด้วยกัน ซึ่งเราก็ต้องแข่งกันแต่ความสมดุลอยู่ตรงไหน รัฐต้องคิด เอกชนก็ต้องคิด จับมือให้เข้มข้นเข้มแข็งแข่งกันระหว่างบริษัทแต่ระหว่างกลุ่มประเทศต้องจับมือกัน เราต้องขายบริการด้วย บริการที่มีศักยภาพเช่น ดิจิตอลคอนเทนท์ ประเทศไทยไม่แพ้ใครแต่ขอให้เราส่งเสริม เด็กรุ่นใหม่ไทยเก่งเยอะ อนิเมชั่น ภาพยนตร์ เราต้องช่วยกันหนุน เอกชนต้องกล้าทำกล้านำ รัฐเป็นแบ็ค กระทรวงพาณิชย์ เข้าไปช่วยคิดช่วยทำ ต้องไม่เน้นการแข่งขันเรื่องราคาอย่างเดียวต้องเน้นคุณภาพ

นอกจากนี้ภาคเอกชนต้องเร่งศึกษาหาประโยชน์จาก FTA  และการทำสัญญาการค้าระบบพหุภาคี โดยเฉพาะ RCEP กำลังจะมีผลบังคับใช้ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนให้สัตยาบันประเทศไทย มีกำหนดการชัดเจนแล้วว่าจะให้สัตยาบันไม่ช้ากว่าเดือนพฤศจิกายนปีนี้ หวังว่าจะบังคับใช้ได้ต้นปีหน้า เราต้องรีบศึกษาข้อตกลงว่ามีอะไรบ้างจะเป็นอุปสรรคกับธุรกิจของเรา จะได้เปรียบเรื่องอะไรบ้างโดยเฉพาะอีคอมเมิร์ซจะแทรกในทุกข้อตกลง สิ่งที่อยากเรียนความคืบหน้าที่เอกชนเรียกร้องมานาน กองทุนFTAต้องตั้งขึ้นเพื่อเยียวยา เพราะบางคนได้บางคนเสีย เพื่อช่วยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในประเทศ โดยขณะนี้ตนได้ลงนามถึงกระทรวงการคลังเรื่องการจัดตั้งกองทุนหลังจากผ่านแล้วจะเข้า ครม.ในเร็วๆนี้