• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Beer625

#9093
'โปรเมียว' ปาจรีย์ อนันต์นฤการ ก้านเหล็กสาวไทย ทำสกอร์วันแรก 6 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 5 ร่วม ตามผู้นำ 2 สโตรก ศึกกอล์ฟวอลมาร์ท วันแรก

ศึกกอล์ฟแอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ 'วอลมาร์ท นอร์ธเวสต์ อาร์คันซอ แชมเปียนชิพ' ชิงเงินรางวัลรวม 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ พินนาเคิล คันทรี คลับ ระยะ 6,438 หลา พาร์ 71 ที่เมืองโรเจอร์ส รัฐอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา เป็นการดวลวงสวิงในวันแรก

ปรากฎว่า 'โปรเมียว' ปาจรีย์ อนันต์นฤการ โปรกอล์ฟสาวจากไทย เก็บไป 1 อีเกิลส์ 7 เบอร์ดี แต่เสียไป 1 ทริปเปิลโบกี มี 6 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับที่ 5 ร่วม ตามหลังผู้นำ อย่าง แคทเธอรีน เคิร์ก จากออสเตรเลีย ที่มี 8 อันเดอร์พาร์ อยู่ 2 สโตรก

ขณะที่ 'โปรเม' เอรียา จุฑานุกาล อีกหนึ่งก้านเหล็กสาวขวัญใจชาวไทย วันแรกเก็บไป 5 เบอร์ดี ไม่เสียโบกี มี 5 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 11 ร่วมกับโปรกอล์ฟอีก 4 คน ตามผู้นำ 3 สโตรก

ส่วนผลงานของนักกอล์ฟไทยรายอื่นๆ 'โปรสายป่าน' ปัณณรัตน์ ธนพลบุญรัศมิ์ มี 4 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 16 ร่วม ตามผู้นำ 4 สโตรก ด้าน 'โปรโม โมรียา จุฑานุกาล มี 3 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 29 ร่วม เช่นเดียวกับ 'โปรมายด์' กานต์พนิตนันท์ เมืองคำสกุล, 'โปรเหมียว' ปภังกร ธวัชธนกิจ และ 'โปรแจน' วิชาณี มีชัย
#9095


"น้ำเพชร" บากหน้าร่วมงานมิสเอิร์ธ 2021 ทั้งที่ไม่ได้ถูกเชิญ บอกอยากมามอบดอกไม้แสดงความยินดีกับผู้ที่จะได้ตำแหน่งและประธานกองประกวด บอกไม่รู้สาเหตุว่าทำไมไม่ได้รับเชิญแต่ตนอยากมาทำหน้าที่ของตัวเองอำลาตำแหน่งเป็นครั้งสุดท้าย ยอมเดินตากฝนหอบดอกไม้ไปให้ แต่โดนปิดล็อคประตูใส่หน้า ปล่อยให้ยืนตากฝน

ครั้งที่แล้ว "น้ำเพชร ฏีญาภาร์ กฤษณสุวรรณ" Miss Earth Thailand 2019-2020 ถูก "ดร.สิริกานต์ อ้นสนกราน" ผู้อำนวยการกองประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ แหกกลางวงสัมภาษณ์ เชิญให้ออกไปสัมภาษณ์นอกบริเวณแบล็กดร็อป ระหว่างให้สัมภาษณ์กลางงานแถลงข่าวประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2021 เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ล่าสุดในงานรอบตัดสิน มิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2021 ณ โรงแรมเอ็นสิริ เจ้าตัวเลยก็ไม่ได้ถูกเชิญให้ไปขึ้นเวทีอำลาตำแหน่งซึ่งเป็นธรรมเนียมของนางงามทุกเวที



อย่างไรก็ตามวันนี้น้ำเพชรก็มาปรากฏตัวกลางงานประกวด ท่ามกลางการตกตะลึงของทีมงานว่ามาได้ไง โดยน้ำเพชรได้หอบช่อดอกไม้ พร้อมใส่ชุดสวยเต็มยศทั้งสายสะพายและมงกุฎ มาเพื่อแสดงความยินดีกับรุ่นน้องนางงามที่จะได้ตำแหน่งคนต่อไป พร้อมกับเตรียมช่อดอกไม้อีกช่อเพื่อมาแสดงความยินดีกับ ดร.สิริกานต์



ซึ่งพอเจ้าตัวเข้ามาในงานก็ทำเอาทีมงานทุกคนทำหน้าตกใจ แต่ด้านผู้จัดการกองประกวดก็ได้มีการเข้ามาสวมกอดให้กำลังใจ ทำเอาสาวน้ำเพชรถึงกับร้องไห้ จากนั้นก็ได้มาเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่า ที่มาวันนี้เพราะตั้งใจจะมาแสดงความยินดีกับรุ่นน้องนางงามจริงๆ



"วันนี้เพชรก็มาแสดงความยินดีให้กับน้องๆ ทุกคนนะคะ รวมถึงผู้จัดและทีมงานทุกคนที่จัดงานมิสเอิร์ธไทยแลนด์ด้วย (น้ำตาไหล) เพชรรู้สึกดีใจมากค่ะที่จะมีผู้ที่ได้รับตำแหน่งมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2021 ต่อจากเพชรค่ะ และที่มีน้ำตานี่ก็เป็นน้ำตาแห่งความตื้นตันมากกว่าค่ะ (ยิ้ม)

วันนี้ก็ยอมรับว่าเขาไม่ได้เชิญค่ะ แต่ที่ตัดสินใจมาเพราะสำหรับเพชรแล้วเพชรก็ยังคงดำรงตำแหน่งมิสเอิร์ธไทยแลนด์ปี 2020 อยู่นะคะ ในวันนี้ถึงเขาไม่ได้เชิญ แต่ยังไงเพชรก็ต้องมา และตามตำแหน่งของตัวเองที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ค่ะ ก็มาแสดงความยินดีกับน้องๆ ค่ะ ถามว่าเพราะสาเหตุจากครั้งที่แล้วหรือเปล่า อันนี้ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนตัดสินค่ะ แต่โดยส่วนตัวไม่ได้มีปัญหากับทางกองประกวดค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะสาเหตุจากคราวที่แล้วหรือเปล่า เพราะไม่ได้มีโอกาสคุยกับทางผู้ใหญ่เลย วันนี้ถ้าได้เจอกัน ก็คงต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนพิจารณาค่ะ"



บอกที่ผ่านมาตนทำหน้าที่ในฐานะมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2019-2020 อย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว
"ถ้าจะให้ประมวลความรู้สึกตอนนี้ก็คงตอบไม่ได้ค่ะ เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ทั้งตื้นตัน ทั้งดีใจ เสียใจ คือมันเป็นโมเม้นท์ของผู้หญิงคนนึงที่ทำหน้าที่ของการเป็นนางงามมาตลอดที่ผ่านมา และสู้มา 2 ปีซ้อนในเรื่องของมิสเอิร์ธ คือทำเต็มที่มากๆ ค่ะ ในส่วนของการปฎิบัติหน้าที่ เพชรก็ทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทำจนนางงามทุกคนบอกว่าเพชรเป็นนางงามนักสู้ ทำให้เพลรมีความภาคภูมิใจมากค่ะ และมันจะถึงโมเม้นท์สุดท้ายที่เพชรจะได้อยู่ในเวทีขาอ่อน (น้ำตาซึม)

คือเราไปเดินเวทีระดับโลก ไปเดินระดับอินเตอร์เนชั่นนอล ทุกครั้งเพชรไม่เคยได้อำลาตำแหน่งเลย สมมติว่า ณ ใต้โลโก้แห่งนี้เป็นสิ่งที่เพชรใช้อำลาตำแหน่งได้ เพรชก็อยากจะขอขอบคุณทุกคนนะคะที่เป็นกำลังใจให้เพชร ทุกๆ คนเลยที่อยู่ในชีวิต ทุกคนที่ส่งกำลังใจให้เพชร เพชรคงไม่ได้มีโอกาสไปเดินอำลาทุกคนบนเวที ก็ขอใช้โอกาสนี้ลาทุกคนนะคะ

ส่วนถามว่าอยากจะฝากอะไรถึงแม่น้อง (ดร.สิริกานต์) มั้ย ก็อยากจะบอกว่าแม่น้องเก่งและจัดงานได้ดีค่ะ คือเรื่องการอำลาตำแหน่ง ด้วยตามหลักแล้วทางเจ้าของเวทีก็เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ปีที่แล้วเหมือนกัน ตามหลักก็น่าจะต้องได้ขึ้นค่ะ ถามว่ามันมีข้อผิดกฎมั้ยที่เราไม่ได้ขึ้นอำลาตำแหน่ง เพชรก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนค่ะ"



เผยยอมบินขึ้นมาจากภูเก็ต เพื่อมาร่วมงานนี้โดยเฉพาะ
"ที่ตั้งรูปโปรไฟล์เป็นภาพสีดำ ความรู้สึกก็เหมือนกับรูปภาพที่ขึ้นเลยค่ะ เพชรเชื่อว่าทุกคนน่าจะเสียใจ ลองคิดว่าเป็นตัวเองดู เราทำหน้าที่ทุกอย่างแล้ว แต่วันนี้เราทำอะไรไม่ได้เลย แต่สิ่งที่เพชรทำได้คือรวบรวมความเข้มแข็ง แล้วก็บินมาจากภูเก็ตทำหน้าที่ของตัวเองครั้งสุดท้าย คือการแสดงความยินดีกับรุ่นน้องที่จะได้ตำแหน่งคนต่อไปค่ะ ถามว่ากลัวจะเจอเหตุการณ์เหมือนคราวที่แล้วมั้ย ใจหนูตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย นอกจากรวบรวมความเข้มแข็งให้ตัวเองค่ะ (ยิ้ม)

ก็สำหรับน้องคนที่จะได้รับตำแหน่งนะคะ อยากบอกว่าขอแสดงความยินดีด้วยนะคะสำหรับมิสเอิร์ธคนต่อไป ยังไงก็ตามเราเป็นมิสเอิร์ธที่มีอุดมการณ์ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก็อยากให้ตั้งใจ ให้รู้จักการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม อยากให้คนที่มารับตำแหน่งต่อไปมีใจรักสิ่งแวดล้อมอย่างที่มิสเอิร์ธควรจะเป็น และขอให้โชคดีในการประกวดมิสเอิร์ธ 2021 ซึ่งครั้งนี้จัดกันแบบออนไลน์ และด้วยประสบการณ์ของเราถ้ารุ่นน้องอยากจะขอคำปรึกษาอะไรเราก็ยินดีนะคะ"



ไม่หวั่นโดนหาว่าหิวแสง เพราะเป็นสิ่งที่ตนควรทำ
"ถามว่ากลัวกระแสหิวแสงหรือเกาะกระแสมั้ยที่มาร่วมงานทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เชิญ ก็ด้วยยศ ด้วยตำแหน่ง เพชรก็สมควรที่จะมา จะเชิญหรือไม่อันนี้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ใหญ่ แต่เพชรก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะมาหิวแสงหรือว่าทำอะไร เพชรก็แค่อยากมาแสดงความยินดีเท่านั้นเองค่ะ เป้าหมายในชีวิตต่อจากนี้เหรอคะ มีเยอะเลยค่ะ ก็เมื่อ 7 ปีก่อนเป้าหมายของชีวิตคือการเป็นนางงาม การประสบความสำเร็จในวงการนางงาม

เพรชเริ่มจากแฟนๆ นางงามไม่ค่อยรักมากนัก (น้ำตาไหล) หลังจากประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ก็มีดราม่ามาตลอดเลยค่ะ เพชรก็สู้มาเรื่อยๆ จนผ่านไปหลายปีก็ได้เป็นตัวแทนประเทศไทย และครั้งที่เปลี่ยนชีวิตเพชรที่สุดก็คือมิสเอิร์ธ 2019 ค่ะ (ร้องไห้) คนก็รักและชื่นชมไปในตัวเรา คอยให้กำลังใจเรา ส่งความรักจากการที่เราเป็นตัวแทนประเทศไทย ทุกอย่างมันเป็นพลังบวกมากๆ เลยค่ะ



ถามว่ามิสเอิร์ธเป็นเวทีที่รักที่สุดมั้ย สำหรับเพชรทุกเวทีเพชรรักเท่ากัน มันเป็นบันไดที่ทำให้เพชรประสบความสำเร็จในวันนี้ค่ะ ทำให้เพชรเป็นเพชรในวันนี้ ส่วนเป้าหมายในชีวิตของเพชรหลังจากสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งมิสเอิร์ธ 2020 นี้ก็ยังมีอะไรอย่างอื่นที่ต้องทำอีกเยอะมากค่ะ แต่อย่าเพิ่งถามถึงอนาคตเลย เอาวันนี้ก่อนดีกว่า (ยิ้ม) เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าผลจะออกมายังไง วันนี้ก็จะเป็นวันที่อยู่ในความทรงจำและอยู่ในประวัติศาสตร์นางงามไทยค่ะ"



โดยหลังจากนั้นสาวน้ำเพชรก็นั่งรอจนการประกวดเสร็จประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ซึ่งกำหนดการเดิมคือนางงามทุกคนที่ได้รับรางวัล และ ดร.สิริกานต์ จะต้องเดินมาที่ห้องแถลงข่าวที่มีแบล็คดร็อปตั้งรออยู่ แต่สุดท้ายด้วยความที่ฝนตก จึงทำให้ผู้สื่อข่าวและทีมงานของนางงามแต่ละคนต้องโยกย้ายไปที่ห้องจัดการประกวดแทน สาวน้ำเพชรก็ยอมเดินลุยสายฝนเพื่อไปที่ห้องดังกล่าว เพราะหวังที่จะมอบช่อดอกไม้ แต่กลับโดนทีมงานกองประกวดปิดประตูใส่หน้า แถมยังล็อคกลอนปิดม่านใส่ และไปเปิดอีกประตูเพื่อให้คนอื่นได้เข้าไปแทน ซึ่งพอน้ำเพชรเดินตามไปที่ประตูนั้นก็โดนปิดล็อคประตู ปิดม่านใส่อีกเหมือนเดิม เจ้าตัวเลยได้แต่ยืนรอท่ามกลางสายฝน



สุดท้ายพอยืนรออยู่ประมาณ 15 นาทีเจ้าตัวก็ตัดสินใจกลับไปรอที่ห้องแถลงข่าวเหมือนเดิม เพราะมีทีมงานมาแจ้งว่าให้กลับไปรอที่ห้องนั้น แล้วทั้งนางงามและดร.สิริกานต์จะเดินมาหาเอง ปรากฎว่ารออีกร่วมครึ่งชั่วโมงกว่าก็ยังไร้วี่แวว เนื่องจากทีมงานเดินมาแจ้งว่าจะไม่มีการมาที่ห้องนี้แล้ว เพราะยังติดถ่ายภาพและสัมภาษณ์กันอยู่ที่ห้องประกวด ซึ่งก็มีนางงามผู้ที่เข้าร่วมประกวดเดินเข้ามาพอดี และเข้าสวมกอดให้กำลังใจ พร้อมกับขอบคุณที่มาในวันนี้ ทั้งยังบอกว่าเห็นสาวน้ำเพชรเป็นต้นแบบที่ดีในการประกวดมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย ซึ่งสาวน้ำเพชรเองก็ได้อวยพรและให้กำลังใจด้วยเช่นกัน



จากนั้นสาวน้ำเพชรจึงตัดสินใจฝากช่อดอกไม้ให้กับรุ่นน้องนางงามคนดังกล่าวไปมอบให้กับสาว "ใบตอง จรีรัตน์ เพชรโสม" ผู้ที่คว้าตำแหน่งมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2021 ไปครองแทน และอีกช่อที่ตั้งใจจะให้ดร.น้อง ก็ต้องฝากเลขานำไปให้แทน แต่ปรากฎว่าเดินฝ่าสายฝนออกมาเตรียมจะขึ้นรถกลับ ทางเลขาของดร.น้องก็วิ่งมาตาม บอกว่าดร.น้องสะดวกที่จะพบแล้ว จากนั้นสาวน้ำเพชรก็เลยเดินกลับไปหาและมอบช่อดอกไม้ให้ด้วยตัวเอง ส่วนทั้งคู่ได้สนทนาอะไรกันนั้นยังไม่เป็นที่เปิดเผย
#9097


โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการแขวะผู้จัดการทีมรายหนึ่งที่เคยออกมาพูดวิจารณ์เรื่องการได้จุดโทษของทีมตน จนส่งผลให้ปัจจุบันกรรมการเพ่งเล็งเป็นพิเศษ และไม่ยอมเป่าให้จุดโทษง่ายๆ เหมือนแต่ก่อน

     โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงจวกกุนซือสโมสรคู่แข่งรายหนึ่งที่เคยออกมาวิจารณ์ว่า "ปีศาจแดง" เป็นทีมที่ได้จุดโทษง่ายๆ ส่งผลให้พวกเขากลายเป็นทีมที่ได้จุดโทษยากที่สุดในฤดูกาลนี้ 

     "เร้ด เดวิลส์" ต้องพบกับความผิดหวังในการได้จุดโทษสำหรับในซีซั่นนี้ โดยเฉพาะจังหวะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดนทำฟาวล์ 2 ครั้งในเกมพรีเมียร์ลีกที่เฉือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่ในแมตช์ล่าสุดศึกคาราบาว คัพ มาร์ค โนเบิ้ล ดึง เจสซี่ ลินการ์ด ร่วงในเขตโทษแต่ท่านเปาก็เมินเฉย และไม่สนที่จะดูวีเออาร์ด้วยซ้ำ

     งานนี้ โซลชา ออกโรงฟาดงวงฟาดงาในขณะให้สัมภาษณ์ก่อนเกมที่จะนำสโมสรดวล แอสตัน วิลล่า ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ว่าการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ค่อยได้จุดโทษเป็นเพราะกุนซือคนหนึ่งออกมาตั้งข้อสงสัยว่าทำไมทีมของเขาได้จุดโทษน้อยกว่า "ผีแดง"


     "เราก็แค่หวังว่าเราจะได้สิ่งที่เราสมควรได้ เราน่าจะได้ 3 จุดโทษจาก 2 เกมที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะมีผู้จัดการทีมคนหนึ่งเกิดความกังวลเกี่ยวกับการที่เราได้จุดโทษเมื่อปีที่ผ่านมา และหลังจากนั้นเราดูเหมือนการตัดสินใจให้จุดโทษกับเรามันจะยากมากยิ่งขึ้น"

    "ผมได้เห็นเรื่องที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงหลังจากนั้น แต่คุณต้องปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของผู้ตัดสิน และหวังว่าพวกเขาจะมีการตัดสินที่ถูกต้องในเร็วๆ นี้" นายใหญ่ชาวนอร์เวย์ กล่าวทิ้งท้าย

ADVERTISEMENT


     สำหรับผู้จัดการทีมคนดังกล่าวซึ่ง โซลชา ไม่ได้เอ่ยชื่อน่าจะหมายถึง เจอร์เก้น คล็อปป์ เนื่องจากนายใหญ่ลิเวอร์พูล เคยออกมาแสดงความเห็นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา (เกมแพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน) เกี่ยวกับกรณีที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษเยอะมาก 

     อย่างไรก็ตามจากสถิตินับตั้งแต่ที่ โซลชา เข้ามากุมบังเหียน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนตุลาคม 2018 "ปีศาจแดง" ได้จุดโทษมากถึง 49 ครั้ง ขณะที่ ลิเวอร์พูล ได้เพียง 22 ครั้งจากการแข่งขันทุกรายการ
#9102

วันที่ 24 ก.ย. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สรุปการให้บริการวัคซีน ในหนึ่งวัน ระบุว่า เมื่อเวลา 18.42 น.  ประเทศไทยสามารถให้บริการวัคซีนทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 และเข็ม 3 ในวันนี้ ได้รวมทั้งสิ้น 1,299,307 โดส ถือว่าเป็นไปตามเป้าการให้บริการวัคซีนของรัฐบาล ที่ต้องการระดมฉีดวัคซีนในนี้ ให้ได้ถึง 1 ล้านโดส เนื่องในวันมหิดล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่องค์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย

ทั้งนี้ การให้บริการวัคซีนดังกล่าว ผ่านระบบเขตสุขภาพทั้ง 12 เขต ทั่วประเทศ ที่กำหนดให้มีการฉีดวัคซีน 100,000 โดส ต่อเขตสุขภาพ ซึ่งถึงตอนนี้ สามารถบรรลุเป้าการฉีดได้แล้ว โดยตลอดทั้งวันมีผู้มารับวัคซีนที่จุดรับบริการอย่างต่อเนื่อง  

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ปัจจุบันระบบการให้บริการวัคซีน สามารถรองรับการฉีดได้ถึง 1 ล้านโดสต่อเดือนอย่างแน่นอน การฉีดวัคซีนทะลุ 1 ล้านโดส ในวันเดียวนั้น เป็นการกำหนดเป้าหมายเพื่อทดลองระบบของกระทรวงสาธารณสุข ทำให้เกิดความมั่นใจว่า ในช่วง 3 เดือนจากนี้ไป จะสามารถทำการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้เดือนละ 20 ล้านโดส หรือ 60 ล้านโดส ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2564 จะฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เกิน 100 ล้านโดส ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

สำหรับปริมาณวัคซีนที่จะเข้ามาอยู่ในระบบให้บริการนั้น ในเดือนกันยายน จะมีวัคซีนประมาณ 15 ล้านโดส เดือนตุลาคมจะมีวัคซีน 24 ล้านโดส ขณะที่เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม จะมีวัคซีนเข้าสู่ระบบบริการเท่ากันที่ 23 ล้านโดส

สำหรับเป้าหมายของการจัดหาวัคซีนของประเทศไทย ตลอดทั้งปี 2564 ข้อมูลเมื่อวันที่ 21 กันยายน ระบุว่า ไทยได้จัดซื้อวัคซีนโควิด-19 จำนวน 5 ยี่ห้อ ดังนี้

1. ซิโนแวค จะส่งวัคซีนมาทั้งหมด 30.5 ล้านโดส  2. แอสตร้าเซนเนก้า จะส่งวัคซีนมาทั้งหมด 61 ล้านโดส  3. ไฟเซอร์ จะส่งวัคซีนมาทั้งหมด 30 ล้านโดส 4. ซิโนฟาร์ม จะส่งวัคซีนมาทั้งหมด 11 ล้านโดส  5. โมเดอร์นา จะส่งวัคซีนมาทั้งหมด 5 ล้านโดส เมื่อรวมกับวัคซีนบริจาค และวัคซีนในโครงการอื่นๆ จะทำให้ไทยจัดหาวัคซีนมาได้ทั้งสิ้นประมาณ 140 ล้านโดส
#9103


บีทีเอสส่งหนังสือถึง 7 หน่วยงานรัฐ ย้ำเกณฑ์ประมูลคัดเลือก"สายสีส้ม"ต้องยึมติครม.ที่ถูกต้องใหตัดสินผู้ชนะที่ราคา ยันเดินหน้าคัดค้านและโต้แย้งหากใช้คะแนนเทคนิครวมกับราคา ชี้คดีฟ้องรฟม.และกก.คัดเลือก 7 คน ศาลปกครองยังพิจารณาไม่สิ้นสุด

รายงานข่าวจากบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2564 บริษัทฯ ได้ส่งหนังสือไปยัง 7 หน่วยงานรัฐได้แก่ สำนักงบประมาณ, กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการคัดเลือก, กรรมการผู้แทนกระทรวงคมนาคมในคณะกรรมการคัดเลือก, กรรมการผู้แทนสำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในคณะกรรมการคัดเลือก, ประธานคณะกรรมการคัดเลือก, กรรมการผู้แทนสำนักอัยการสูงสุดในคณะกรรมการคัดเลือก และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคัดเลือก อีกเป็นครั้งที่ 3 โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับประเด็น "การดำเนินการคัดเลือกโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม"

ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการแก้ไขหลักเกณฑ์การประเมินผู้ชนะการคัดเลือกโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขัดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยหลักเกณฑ์การประเมินการคัดเลือกเอกชนให้ได้ผู้ชนะการคัดเลือกที่ถูกต้องนั้น รัฐต้องได้ผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ดีที่สุด หรือมีการขอรับเงินสนับสนุนทางการเงินจากภาครัฐน้อยที่สุด

ดังนั้นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 บริษัทจึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง 7 หน่วยงานรัฐว่า กระบวนการประกวดราคาของโครงการฯ ต้องเป็นเป็นตามมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 และกระบวนการที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ดำเนินการประมูลเดิม (เกณฑ์ประมูลที่ต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคก่อน หากผู้ยื่นข้อเสนอได้คะแนนด้านเทคนิคไม่น้อยกว่า 70% จึงจะได้รับการพิจารณาข้อเสนอด้านราคาต่อไป และใครเสนอราคาต่ำสุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล) ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และนำมาสู่การเสนอร่างประกาศเชิญชวน ต่อคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ

ทั้งนี้หากคณะกรรมการคัดเลือกการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ยังมีการแก้ไขหลักเกณฑ์การประเมินผู้ชนะการคัดเลือก ด้วยการใช้คะแนนจากซองเทคนิคมาพิจารณาร่วมกับซองราคา ทางบริษัทฯ ขอโต้แย้งและคัดค้าน เพราะคดีที่ยื่นฟ้องการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการคัดเลือก รวมถึงเจ้าพนักงานที่ดำเนินกระบวนการคัดเลือกเอกชนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจำนวน 7 คน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองและยังไม่สิ้นสุด และศาลปกครองกลางได้เคยมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวว่ามิให้ใช้บังคับ เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีบทบัญญัติตามกฎหมายมาตราใดกำหนดให้ดำเนินการดังเช่นว่านั้นไว้ บริษัทฯจึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นการดำเนินการโครงการนี้เป็นไปอย่างถูกต้อง มีความโปร่งใสและนำไปสู่การแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ทำให้รัฐและประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุดต่อไป
#9104
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 

#9105


"โควิด-19" ยังคงเดินหน้าสร้างความเจ็บปวด เป็นบาดแผลลึกให้คนทั้งโลก เศรษฐกิจที่ถูกทุบทำลายย่อยยับ เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ที่ประเทศไทยถูกผลกระทบจากโควิด แม้วันนี้ดูเหมือนจะเริ่มมีเค้าลางของความหวัง แต่ตราบใดที่ผู้ติดเชื้อยังคงมีอยู่เป็นหลักหมื่น มีผู้เสียชีวิตในทุกวัน เราคงไม่สามารถไว้วางใจอะไรได้

ความพยายามจำกัดการแพร่ระบาดด้วยการ "ฉีดวัคซีน" สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ การพลิกฟื้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านมาตรการเยียวยา ยังคงต้องทำต่อไป และทำอย่างต่อเนื่อง

โรคระบาดครั้งนี้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่โลกต้อง "จดจำ" และ "วางแผน" รับมือกับโรคระบาดอุบัติใหม่ ที่อาจกำลังจ้องโจมตีเราได้อีกในอนาคต

หากสิ่งหนึ่งที่เป็นผลจากวิกฤติครั้งนี้ คือ ดิสรัปครั้งใหญ่ที่เปลี่ยนวิถีชีวิต วิธีคิดในเรื่องต่างๆ ระบบเศรษฐกิจ โลกธุรกิจ โลกการเงิน จะคิดแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว โควิดทำให้โลกเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน บางธุรกิจทำธุรกิจแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว ขณะที่ บางธุรกิจอาจได้ประโยชน์หากปรับตัวรับบริบทโลกที่เปลี่ยนไปได้ 

เราจึงเห็นองค์กรธุรกิจที่รอให้โควิดลาจากไม่ได้ ต้องชิงปรับโครงสร้างรับการเปลี่ยนแปลงนี้เพิ่มมากขึ้น ธนาคารขนาดใหญ่ของประเทศไทย อย่าง ธนาคารไทยพาณิชย์ ลุกขึ้นทรานส์ฟอร์มตัวเองครั้งใหญ่ กลายเป็น เทค คอมพานี หรือ "SCBX" อย่างเต็มรูปแบบ

ด้วยวิสัยทัศน์ผู้บริหารที่เห็นว่า จะเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว ต้องรื้อแนวคิด ปรับรูปแบบบริการที่ต้องพร้อมเข้าสู่สนามการแข่งขันแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น การปรับครั้งนี้ เอสซีบี แตกบริษัทแตกไลน์ธุรกิจออกไปมากมาย ดึงเทคโนโลยีเข้ามาเป็นแก่นหลักของการขับเคลื่อนธุรกิจ ตอบโจทย์ความต้องการโลกใหม่

เช่นเดียวกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส อีกหนึ่งธุรกิจที่ปรับตัวอย่างหนัก จากการร่วมทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์ แตกบริษัทสู่ เอไอเอสซีบี จากโมบายโอเปอเรเตอร์ ข้ามสมรภูมิมาร่วมรุกบริการการเงินดิจิทัลในอีกขาหนึ่งอย่างเต็มรูปแบบ

เหล่านี้ คือผลจากบริบทโลกที่เปลี่ยนไป ทำให้หลังจากนี้ จะได้เห็นการข้ามสายพันธุ์ของธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เพราะการทำธุรกิจแบบเดิมในสมรภูมิเดิมไม่ใช่คำตอบอีกต่อไปแล้ว ใครปรับตัวได้ไว ก้าวไปสู่กรอบความคิดใหม่ได้เร็วจะได้เปรียบ

"การปรับตัวของธุรกิจ" ในช่วงนี้ ทำให้เห็นว่าภาครัฐ ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายประเทศ ต้องกลับมาทบทวนยุทธศาสตร์ชาติเพื่อรับโลกที่เปลี่ยนเร็วให้ได้ มีมาตรการที่เอื้อต่อการสนับสนุนธุรกิจที่พยายามปรับตัว วางโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมสนับสนุนการแข่งขัน และผลักดันให้บริษัทเหล่านี้เติบโตได้ในเวทีระดับภูมิภาค หรือระดับโลก 

รัฐบาลต้องใช้โอกาสนี้ปฏิรูปในหลายเรื่องที่ยังเป็นปัญหาติดขัดในเชิงโครงสร้าง เงื่อนไขต่างๆ ที่ไม่ได้สนับสนุนและสอดคล้องไปกับบริบทโลกที่เปลี่ยนไป เร่งวางโรดแมพประเทศเข้าสู่เส้นทางแห่งการฟื้นฟูด้วยแนวคิดใหม่ การแข่งขันในโลกใหม่ สร้างความมั่นใจให้เอกชนได้บ้าง...น่าจะดีกว่านี้ไม่น้อย