• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Beer625

#9092
 


ผู้หญิงที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย มักจะหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ตอบโจทย์กับผิวหน้าได้ยากแสนยาก เพราะถ้าหากเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างไม่ละเอียดถี่ถ้วนก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้ อาการระคายเคืองตามมาได้ แต่หลังจากนี้สาว ๆ ทุกคนจะไม่ต้องกังวลผิวแพ้ หน้าอักเสบ และเกิดการระคายเคืองอีกต่อไป เพราะด้วย อิมัลชั่น Biotherm Life Plankton™ Sensitive Emulsion เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้หญิงที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ดังนั้น ทุกคนสามารถไว้ใจได้เลยว่า หากใช้อิมัลชั่นขวดนี้จะรู้สึกถึงความแข็งแรงของผิว และสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเพื่อผิวหน้าของเรา หมดกังวลเรื่องผิวแพ้ง่ายอีกต่อไป 


ผิวบอบบาง แพ้ง่ายเป็นผิวที่ค่อนข้าง Sensitive เป็นอย่างมาก ซึ่งสำหรับบางคนจะไม่สามารถสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเป็นส่วนผสมได้เลย จึงจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพวกเวชสำอางหรือออร์แกนิคเท่านั้น ที่เป็นเช่นนั้นก็เพื่อหลีกเลี่ยงอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับผิวหน้า  แต่เมื่อใช้อิมัลชั่น Life Plankton™ Sensitive Emulsion ปัญหาผิวแพ้สารจากสารเคมีต่าง ๆ จะลดลงเพราะว่าอิมัลชั่นตัวนี้ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการแพ้อย่างพาราเบน แอลกอฮอล์ สารแต่งสี น้ำมันแร่ และสารก่อภูมิแพ้จากน้ำหอม จึงมั่นใจได้เลยว่าก่อให้เกิดการแพ้ต่ำอย่างแน่นอน 


สำหรับคุณสมบัติอันโดดเด่นของ Biotherm Life Plankton™ Sensitive Emulsion สามารถบำรุงผิว พร้อมปลอบประโลมผิวที่เคยถูกทำร้าย พร้อมปรับสมดุลผิว ทำให้รู้สึกถึงความชุ่มชื้นของผิวมากขึ้น มีผิวที่แลดูเรียบเนียนและมีสีผิวที่แลดูสม่ำเสมอมากขึ้น โดยประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมนี้เกิดขึ้นเพราะภายในอิมัลชั่นอุดมไปด้วยส่วนผสมที่เติมคุณค่าแห่งการบำรุงผิวอย่างแท้จริง 


โดยส่วนผสมหลักภายในอิมัลชั่น Biotherm Life Plankton™  Sensitive Emulsion ประกอบไปด้วย LIFE PLANKTON™ มาพร้อมความเข้มข้นสูงสุดถึง 5% จึงช่วยในการบำบัดดูแลผิว พร้อมปลอบประโลมผิวอ่อนแอที่เคยถูกทำร้ายมาให้ดูแข็งแรงขึ้น ทั้งยังสามารถลดเลือนรอยแดงต่าง ๆ ให้แลดูจางลง เสริมความแข็งแกร่งของผิวด้วยวิตามินอี (ไนอะซินนาไมด์) ซึ่งทำหน้าที่มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า โดยผสานการทำงานร่วมกับ NEUROSENSINE™ (dipeptide) ซึ่งช่วยเสริมกำลังการปลอบประโลมผิวและปรับสมดุลให้ผิวหน้า ช่วยให้ผิวหน้าแลดูกระชับ และแลดูผิวที่เนียนละเอียดมากยิ่งขึ้น พร้อมมอบผิวสวยที่มีสีผิวแลดูสม่ำเสมอ และแลดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น 


ขั้นตอนการบำรุงผิวด้วยอิมัลชั่นขวดนี้ก็ง่ายแสนง่าย โดยเราขอแนะนำให้ใช้ภายหลังจากใช้ LIFE PLANKTON™ ESSENCE หรือ LIFE PLANKTON™ ELIXIR เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงนำ Life Plankton™ Sensitive Emulsion เทลงบนฝ่ามือ ต่อด้วยการใช้ปลายนิ้วเกลี่ยครีมเบา ๆ จากนั้นก็ลูบไล้ให้ทั่วทั้งใบหน้า โดยเริ่มจากแก้ม จมูก และหน้าผากตามลำดับ ต่อด้วยลูบไล้ตามแนวของกระดูก รวมถึงนวดวนบริเวณขมับเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด แล้วทุกคนจะรู้สึกถึงความเบาสบายผิวและค้นพบว่าผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 


สำหรับใครที่มีผิวแพ้ง่าย ต้องการผลิตภัณฑ์ผิวที่ดีต่อผิวบอบบางแพ้ง่ายสามารถจับจองเป็นเจ้าของอิมัลชั่นขวดนี้ได้ในราคา 1,900 บาท ในปริมาณ 75 ml ซึ่งราคาค่อนข้างโดนใจเพราะคุณสมบัติภายในอิมัลชั่นขวดนี้ค่อนข้างแน่นเลยทีเดียว 


หรือหากสนใจสั่งซื้อสินค้ารวมถึงสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของอิมัลชั่น และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Biotherm สามารถสอบถามได้ทั้งที่เคาน์เตอร์ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงช่องทางโซเชียล มีเดียของ Biotherm แต่หากต้องการสั่งซื้อสินค้าสามารถสั่งซื้อทางช่องทางออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.biotherm.co.th/ แล้วมามีผิวสวยสุขภาพดีด้วยกันนะคะ
#9093
www.sctransformer.com
หม้อแปลง หม้อแปลงไฟฟ้า
#9094


"แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้" ลั่นพร้อมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบของภาครัฐ หลังคว้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 18 โรง กำลังผลิตติดตั้ง 59 เมกะวัตต์ เผยศึกษาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ คาดเห็นดีลในปีหน้าแน่

นายธีรวุฒิ ทรงเมตตา กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเทคโนโลยีและนวัตกรรม บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) (ACE) เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบหากภาครัฐเปิดให้มีการประมูล ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน พลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากรอบใหม่ทั้งชีวมวล ชีวภาพ การใช้ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) โดยรอความชัดเจนจากกระทรวงพลังงานว่าจะประกาศรับซื้อเมื่อใด รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการเข้าซื้อดีลกิจการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ด้วย หลังจากบริษัทได้รับเลือกโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) มากที่สุดจำนวน 18 โครงการ

ปัจจุบันไทยมีปริมาณขยะสดที่สามารถนำมาผลิตไฟฟ้าได้ถึง 1,200 เมกะวัตต์ ซึ่งการนำขยะไปผลิตไฟฟ้าเป็นแนวทางที่จะช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นใหม่โดยไม่ต้องหาพื้นที่กองขยะเพิ่มเติมซึ่งจะมีผลด้านมลภาวะ ซึ่งบริษัทมีโรงไฟฟ้าขยะอยู่ 2 แห่งที่กระบี่ และขอนแก่น ใช้เทคโนโลยีจากยุโรป นับเป็นโรงไฟฟ้าขยะที่ไม่มีกลิ่น ไม่ปล่อยน้ำเสียออกจากระบบ และมีอัตราการเดินเครื่องสูงถึง 98% ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีการเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนหลายแห่ง



ส่วนแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ บริษัทมุ่งให้ความสำคัญพลังงานสะอาด โดยบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในแถบเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ยุโรป อเมริกา และกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) รวมทั้งอินโดนีเซีย คาดว่าในปี 2565 จะเห็นดีลการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศแน่นอน ทำให้เป้าหมายการมีกำลังการผลิตไฟฟ้าครบ 1,000 เมกะวัตต์ในปี 2567 อาจเกิดได้เร็วกว่าเป้าที่วางไว้

เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) มีผู้ได้รับการคัดเลือกจำนวน 43 รายนั้น บริษัทย่อยของแอ๊บโซลูท คลีนเอ็นเนอร์จี้ ได้รับเลือกเข้าร่วมโครงการมากสุดจำนวน 18 บริษัท รวม 18 โครงการ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวมและกำลังการผลิตเสนอขายรวม 59 เมกะวัตต์ และ 50 เมกะวัตต์ ตามลำดับ จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย กำแพงเพชร บุรีรัมย์ และราชบุรี

สำหรับขั้นตอนต่อไปจะเป็นการศึกษาเงื่อนไขการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 120 วันหลัง กกพ.ประกาศรายชื่อ โดย กกพ.กำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ภายใน 36 เดือนนับจากวันลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือภายในวันที่ 21 มกราคม 2568

ส่วนเงินลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) 18 โครงการ คาดว่าต้นทุนก่อสร้างราว 80 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ รวมแล้วประมาณ 5,000 ล้านบาท

ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 22 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 247.67 เมกะวัตต์ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 15 โครงการ 201.90 เมกะวัตต์ รวมเป็นกำลังการผลิตติดตั้ง 449.57 เมกะวัตต์ (ยังไม่นับรวม 18 โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน)
#9095

ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวโครงการ "Start It Up, Laz It Up" การลงทะเบียนเปิดร้านบนลาซาด้ารูปแบบใหม่ด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับผู้ประกอบการ ผู้ขายบนโซเชียล และเจ้าของธุรกิจที่มีหน้าร้าน ซึ่งกำลังมองหาช่องทางการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ลาซาด้ามีผู้ขายรายใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาลงทะเบียนเข้าระบบเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางดิจิทัล (Digital Confidence Index) 1 ซึ่งลาซาด้าจัดทำรายครึ่งปีเป็นครั้งแรกในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยังเผยว่า 70% ของผู้ขายสินค้าออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มั่นใจว่าแบรนด์จะเติบโตขึ้นในอนาคตและมองเห็นโอกาสดีๆ ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2564

นายวีระพงศ์ โก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า "ในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคหันมาใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์การช้อป กิน ทำงาน และเล่น เพื่อเป็นการตอบรับพฤติกรรมดังกล่าว หลายธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs ได้ปรับเปลี่ยนช่องทางการขายมาสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกระแสดิจิทัล และเพื่อให้ธุรกิจเติบโตไปกับกระแสดังกล่าวและประสบความสำเร็จ จากสถิติของลาซาด้า มีจำนวนผู้ขายใหม่บนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19

โดยสถิติล่าสุดจากแคมเปญ 'LazMall 9.9 Mega Brands Sale ลดอลัง ปังทุกแบรนด์' พบว่าผู้ขายมากกว่า 130,000 ราย ได้เข้าร่วมแคมเปญดังกล่าว โดยมีผู้ขายมากกว่า 50% ที่สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ในประเทศไทยมีผู้บริโภคกว่า 7 ล้านคน เข้าใช้งานแพลตฟอร์มลาซาด้าภายใน 12 ชั่วโมงแรกของแคมเปญ ด้วยการตอบรับที่ดีเช่นนี้ เราจึงมุ่งหวังผลักดันผู้ประกอบการในไทยในการเข้าร่วมเป็นผู้ขายบนแพลตฟอร์มลาซาด้ามากขึ้น เพื่อเติบโตและขับเคลื่อนกระแสอีคอมเมิร์ซนี้ไปด้วยกัน" นายวีระพงศ์ กล่าว

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเจ้าของธุรกิจค้าปลีกทั้งรายปัจจุบันและรายใหม่ให้เข้าสู่ระบบดิจิทัลและเข้าร่วมแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ "Start It Up, Laz It Up" เตรียมมอบรางวัลให้แก่ร้านค้าผู้โชคดีรวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท2 เพื่อช่วยเตรียมความพร้อมให้กับร้านก่อนเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปกับมหกรรมช้อปครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของลาซาด้ากับแคมเปญ 11.11 โดยร้านค้าที่มีสิทธิ์ร่วมลุ้นรางวัลจะต้องเป็นร้านค้าใหม่ที่ลงทะเบียนเปิดร้านบนมาร์เก็ตเพลสของลาซาด้า และเปิดร้านขายสินค้าระหว่างวันที่ 27 กันยายน เวลา 00:00 น. ถึง 30 ตุลาคม เวลา 23:59 น.
ขั้นตอนการลงทะเบียนง่ายๆ สำหรับผู้ขายที่สนใจเปิดร้าน มีดังนี้

1. กรอกหมายเลขโทรศัพท์มือถือสำหรับการลงทะเบียน
2. ป้อนรหัส 6 หลักที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว เพื่อยืนยันหมายเลขโทรศัพท์มือถือ และ
3. ตั้งรหัสผ่านที่รัดกุม

เพียงทำตาม 3 ขั้นตอนนี้ การลงทะเบียนเป็นผู้ขายบนลาซาด้าก็จะสำเร็จภายในเวลาไม่ถึงนาทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้ที่มีบัญชีผู้ซื้อบนลาซาด้าอยู่แล้วก็สามารถผูกบัญชีและลงทะเบียนเป็นผู้ขายได้ด้วยวิธีนี้เช่นกัน



เมื่อตั้งค่าเป็นผู้ขายบนลาซาด้าสำเร็จก็สามารถเริ่มขายสินค้าได้ทันที โดยทำตามคำแนะนำจาก Lazada Seller Centre (LSC) โดยมี 3 ขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ดังนี้

1. กรอกข้อมูลที่อยู่ของคลังสินค้า
2. เพิ่มหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนที่ได้รับการยืนยันตัวตนจากรัฐบาล เพื่อรับการชำระเงินจากลาซาด้า และ
3. กรอกข้อมูลบัญชีธนาคารที่ถูกต้อง เพื่อความสะดวกในการรับเงิน

จากนั้น ผู้ขายสามารถอัปโหลดรายการสินค้าพร้อมรูปถ่ายและคำบรรยายได้ทันที โดยสามารถเลือกใช้คำบรรยายได้หลายภาษาเพียงแค่คลิกเลือกภาษาที่ต้องการจะให้แปล นอกจากนี้ ผู้ขายจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงศูนย์การเรียนรู้ Lazada University ซึ่งจะให้ความรู้เด็ดๆ รวมถึงเครื่องมือ และข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นในการบริหารจัดการ ปรับขนาดธุรกิจ และประสบความสำเร็จในการขายสินค้าบนลาซาด้า

ศูนย์การเรียนรู้ Lazada University ยังมีคู่มือต้อนรับการเปิดร้านค้าสำหรับผู้ขายใหม่อย่างละเอียด พร้อมด้วยระบบจัดการการเรียนรู้ (Learning Management System) ที่รวบรวมสื่อด้านการฝึกอบรมที่หลากหลายครอบคลุมขั้นตอนการเรียนรู้ต่างๆ ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนที่เพิ่งเปิดร้านครั้งแรกสามารถเข้าใจแต่ละหัวข้อได้อย่างง่ายดาย โดยเนื้อหาที่สอนมีตั้งแต่การโฆษณาไปจนถึงการจัดการงบ รวมถึงบทเรียนแบบออฟไลน์และแบบไลฟ์สตรีมที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญจากลาซาด้าและเพื่อนร้านค้าในชุมชนผู้ขาย นอกจากการสร้างสรรค์แพลตฟอร์มให้ใช้งานง่ายและสะดวกสบายสำหรับผู้บริโภคแล้ว ลาซาด้ายังสนับสนุนผู้ขายด้วยบริการด้านโลจิสติกส์ที่ดีที่สุดด้วยการจัดส่งที่รวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงการให้บริการคอลเซ็นเตอร์ที่ผู้ขายสามารถขอคำแนะนำและแจ้งปัญหาได้ทันที
#9100


ธปท. แนะเจ้าหนี้-ลูกหนี้ประนีประนอมกันมากขึ้น ลด "เส้นแบ่ง" จับมือฝ่าวิกฤต ยันพร้อมออกมาตรการหนุนธุรกิจปรับตัวรับการแข่งขันในโลกยุคใหม่ที่กระแส "ดิจิทัล-ESG" มาแรงและเร็ว พร้อมขอบคุณรัฐบาลขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70%

วันที่ 27 กันยายน 2564 นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการบรรยายพิเศษ หัวข้อ มาตรการช่วยเหลือและการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยยุคโควิด ในงานประชุมสามัญประจำปี 2564 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า  ประเทศไทยเคยผ่านวิกฤตที่หนักหน่วงมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตปี 2540 วิกฤตการเงินโลกปี 2551 วิกฤตน้ำท่วมปี 2554 และมาถึงวิกฤตรอบนี้ ซึ่งหนักกว่ารอบก่อน ๆ แต่ภาคอุตสาหกรรมไทยจะผ่านพ้นไปได้อีกครั้ง เพราะมีความเข้มแข็ง สามารถปรับตัวได้เร็ว 

โดยเห็นได้จากปีที่แล้ว ในช่วง lockdown ที่ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงจากระดับก่อนโควิดถึง 20% แต่สามารถฟื้นกลับมาได้ใน 4 ไตรมาส เช่นเดียวกับช่วงน้ำท่วมปี 2554 ที่ดัชนีฯ ลดลงถึงเกือบ 30% แต่สามารถฟื้นกลับมาได้ภายใน 2 ไตรมาส จึงเชื่อว่า ท้ายที่สุด จะผ่านพ้นจากวิกฤตนี้ไปได้ แต่จะพ้นอย่างไร ในแบบที่ให้คนรอดมากที่สุด ลดแผลเป็นให้เหลือน้อยที่สุด

"สิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงแค่แต่ละภาคส่วนทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจในบทบาทและข้อจำกัดของกันและกัน เพื่อไม่ให้เกิด "เส้นแบ่ง" ว่าปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เป็นของลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ ลูกจ้างหรือนายจ้าง รายเล็กหรือรายใหญ่ เพราะทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย และแต่ละคนก็อยู่ในหลายบทบาท มีหมวกหลายใบที่ต้องสวม ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านเป็นเจ้าของธุรกิจ SMEs ท่านก็อาจเป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ แต่ในขณะเดียวกัน ท่านก็อาจเป็นเจ้าหนี้การค้า และเป็นนายจ้างของลูกจ้างด้วย ดังนั้น การหันหน้าเข้าหากัน การประนีประนอมกันมากขึ้น และมองให้รอบด้าน จะทำให้เราเห็นทางออกในการก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้อีกครั้ง" ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าว


นายเศรษฐพุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการต่าง ๆที่ทำไปแล้ว เป็นมาตรการที่ออกมาเป็นการเน้นเพื่อช่วยให้ธุรกิจและรายย่อยผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปให้ได้มากที่สุด แต่แน่นอนว่าคงยังไม่เพียงพอสำหรับระยะข้างหน้า ที่ธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทาย และต้องพยายามเติบโตให้ได้อย่างยั่งยืนในโลกยุคใหม่ ซึ่ง ธปท. พร้อมมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนและจูงใจให้ทุกฝ่ายสามารถปรับตัวได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านได้อย่างราบรื่นและทันการณ์

ทั้งนี้ การปรับตัวที่จำเป็นต่อการวางรากฐานให้ธุรกิจและเศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งระยะข้างหน้ามีหลายเรื่องเป็นกระแสใหม่ แต่จะมีอย่างน้อย 2 กระแสสำคัญที่มาแรงและมาเร็ว ที่ทุกคนต้องเตรียมรับมือ อย่างแรกคือ กระแสดิจิทัล และ กระแส ESG (Environmental, Social, and Governance) 

"สองกระแสดังกล่าว นับวันจะยิ่งมีบทบาทต่อการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ที่สำคัญ เราต้องออกจากวิกฤตนี้ด้วยแผลเป็นที่น้อยที่สุด และมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการปรับตัวรองรับกระแสโลกใหม่ได้ดีขึ้น" นายเศรษฐพุฒิกล่าว

นายเศรษฐพฺฒิ กล่าวว่า สำหรับภาคธุรกิจ ภายใต้บริบทที่ปัจจัยภายนอกมีความไม่แน่นอนสูง การวางแผนทางการเงิน การบริหารความเสี่ยง การดำเนินกิจการหรือการลงทุนใหม่ จะต้องให้น้ำหนักมากขึ้นกับกระแสโลกใหม่ ทั้งการให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง และกระแสเรื่องดิจิทัลที่จะทำให้ธุรกิจต้องแข่งขันกันมากขึ้น 


ในส่วนของประชาชน ต้องเตรียมรับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ เร่งวางแผนทางการเงิน จัดเตรียมเงินสำรองสำหรับใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ทางการเงินมากขึ้น ขณะเดียวกัน ต้องเพิ่มความสำคัญกับการเท่าทันกับกระแสดิจิทัล เพราะนอกจากจะเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับงานในโลกใหม่แล้ว ยังช่วยป้องกันการหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ ที่อาจมีเพิ่มขึ้นได้

ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวด้วยว่า ในส่วนของภาครัฐเอง ต้องปรับตัวไปสู่การเป็น facilitator โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของเอกชนมากขึ้น และในการแก้ปัญหาวิกฤตโควิดนี้ ภาครัฐได้ดำเนินนโยบายแบบ countercyclical เพื่อเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน

"ต้องขอบคุณภาครัฐ ที่ล่าสุดได้ขยายเพดานหนี้สาธารณะให้สูงขึ้นเป็น 70% แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะดูแลสถานการณ์ให้ได้มากขึ้นและต่อเนื่อง แต่ก็ต้องใส่ใจกับการใช้งบประมาณที่เพิ่มขึ้น ให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส เพื่อให้เศรษฐกิจกลับไปเติบโตอย่างเต็มศักยภาพได้ยั่งยืน" ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าว
#9104
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 

#9105
  ขายที่ดินซอยพัฒนาการ61เหมาะสร้างโฮมออฟฟิศ  ขายที่ดินเมืองทอง2/2แปลงมุม  สวย ซอย13  ขายที่ดินซอยพัฒนาการ61   206 ตรว  ตรว.ละ 80,000


   ขายที่ดินเมืองทอง2/2กลางเมือง  ซอย13 ซอยพัฒนาการ61 เนื้อที่ 206ตรว ตรว.ละ 80,000  เหมาะสร้างบ้าน โฮมออฟฟิศ

 ขายที่ดินเมืองทอง2/2 เหมาะสร้างบ้าน   สวย  ซอย13  ซอยพัฒนาการ61 เนื้อที่ 206ตรว ตรว.ละ 80,000 ที่ดินทำเลดี เหมาะสร้างบ้าน สร้างออฟฟฟิศ โฮมออฟิศ หรือธุรกิจได้หลากหลาย
ขายที่ดินเปล่า 206 ตรว อยู่ในหมู่บ้านเมืองทอง 2/2 ซอยพัฒนาการ61 เขตประเวศ กทม เป็นที่ดินแปลงมุม ซอย13 มีรั้วรอบ ข้างในมีต้นไม้ใหญ่และโกดังเก็บของ  ขาย ตรว.ละ 80,000
ที่ดินทำเลทองกลางเมือง สะดวกสบาย ใกล้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ โรงพยาบาลวิภาราม แม็คแวลู่ โลตัส  สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น โรงเรียน มินเดอร์พัฒนาศึกษา สำนักงานเขตสวนหลวง
ยูนิโคล่ พัฒนาการ โรงพยาบาลวิภาราม พัฒนาการ   โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ 

การเดินทางสะดวก ถ.ศรีนครินทร์  ถ.พัฒนาการ ใกล้ทางด่วนมอเตอร์เวย์ สนามบินสุวรรณภูมิ Airport Link  หัวหมาก

ซอยพัฒนาการ 61 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ประเวศ , ประเวศ , กรุงเทพมหานคร

ติดต่อเบอร์ 0853193919  id line : cba072

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://tdin.online/ขายที่ดินเมืองทอง2-2แปลง/



คำค้น
ขายที่ดินเมืองทอง2/2 เหมาะสร้างบ้าน, ขายที่ดินซอยพัฒนาการ61เหมาะสร้างโฮมออฟฟิศ,    ขายที่ดินเมืองทอง2/2ซอย3แปลงมุมสวย,   ขายที่ดินเมืองทอง2/2กลางเมืองเหมาะสร้างออฟฟิศ,