• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Beer625

#6738
TIDLOR จัดแคมเปญกระตุ้นยอดหลังขยายพอร์ตบัตรติดล้อหลังทะลุ 3 แสนใบ

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการนำนวัตกรรม "บัตรติดล้อ" เข้ามาให้บริการแก่ลูกค้าสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ และได้ขยายพอร์ตการออกบัตรดังกล่าวแก่ลูกค้าสินเชื่อทะเบียนรถเก๋งและรถกระบะ ปัจจุบันได้ออกบัตรดังกล่าวแล้วกว่า 300,000 ใบ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก ณ สิ้นปี 64 อยู่ที่ 285,000 ใบ

ในปีที่ผ่านมาพบว่ามีลูกค้าบัตรติดล้อกดเงินจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศมากกว่า 1 ล้านครั้ง ถือว่ามีผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ จุดเด่นของบัตรติดล้อเป็นบัตรกดเงินสดหมุนเวียนที่ช่วยให้ลูกค้าสินเชื่อทะเบียนรถสามารถกดเงินสดตามวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วแก่ลูกค้าเมื่อต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในยามจำเป็น และช่วยลดขั้นตอนในการยื่นเอกสารขอสินเชื่อใหม่โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนการเดินทางอีกด้วย

บริษัทได้จัดแคมเปญสินเชื่อทะเบียนรถเก๋งและรถกระบะพร้อมบัตรติดล้อ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 พ.ค.65 โดยคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 0.79% ต่อเดือน เพื่อช่วยลดภาระให้แก่ผู้ที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่องในการประกอบกิจการ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้นจากกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

"สำหรับผลตอบรับจากลูกค้าที่ใช้บัตรติดล้อในการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มเป็นจำนวนมาก ตอกย้ำว่าเราเดินมาถูกทาง และยังเป็นการช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจในระยะยาวจากการที่ไม่ต้องเพิ่มพนักงานเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับการอนุมัติสินเชื่อ รวมถึงยังสามารถขยายขอบเขตการให้บริการได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ผ่านตู้ ATM ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ อาทิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน มากกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศ"นายปิยะศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีลูกค้าที่ใช้บัตรติดล้อกดเงินสดจากตู้เอ็มทีในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท และมองว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 ทั้งด้านสินเชื่อทะเบียนรถและนายหน้าประกันภัย ก็ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง
#6740
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกงฮั่งเส็งปิดเช้าบวก 98.59 จุด ตามทิศทางดาวโจนส์

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2564 และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์นี้

ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ 21,783.56 จุด เพิ่มขึ้น 98.59 จุด หรือ +0.45%

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ชวนช้อปรับโปรคุ้มกับ 'UMALL' ในแอป UCHOOSE
 
กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล จัดโปรโมชันสุดพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ จับมือพันธมิตรร้านค้าแบรนด์ดังกว่า 25 ร้านค้า เมื่อช้อปออนไลน์โดยเข้าผ่านฟีเจอร์ 'U MALL' แหล่งรวมร้านค้าแบรนด์ดังและแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำในแอปพลิเคชัน UCHOOSE รับเครดิตเงินคืนหรือส่วนลดสูงสุดถึง 15% รับซัมเมอร์นี้ ทั้งช้อปออนไลน์, จองที่พักและตั๋วเครื่องบินออนไลน์จากพันธมิตรชั้นนำ เช่น Lazada, Shopee, JD Central, Agoda, Dusit, Booking.com, Traveloka เป็นต้น เพียงช้อปผ่าน U MALL และใช้จ่ายผ่านบัตรในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่ร่วมรายการ (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) ตั้งแต่ 24 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2565 พร้อมรับสิทธิพิเศษสุดคุ้มกับพันธมิตรร้านค้าแบรนด์ดังอื่น ๆ อาทิ Grab, Central app, Sephora, MOnline, ShopAt24, Rentalcars .com เป็นต้น โดยเข้าใช้งานผ่าน U MALL บนแอป UCHOOSE และใช้จ่ายผ่านบัตรที่ร่วมรายการ
#6744
กสิกรไทย เตือนภัยมุกใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมหน้ากับเสียงหลอกเป็นตำรวจ เผยลูกค้าธนาคารโดนหลอกสูญเงินกว่า 6 แสนบาท

ธนาคารกสิกรไทย เผยได้รับแจ้งจากลูกค้าโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน สูญเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลายล้านบาท โดยเคสล่าสุดใช้กลโกงใหม่โทรวิดีโอคอล (VDO Call) และใช้เทคโนโลยี Deepfake ตัดต่อคลิปวิดีโอปลอมใบหน้า เสียง และท่าทางหลอกว่าเป็นตำรวจ และให้ลูกค้าโอนเงินกว่า 6 แสนบาท ธนาคารย้ำความสำคัญในการป้องกันภัยคุกคามทางการเงิน พร้อมประสานงานกับหน่วยงานรัฐเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทัน จัดระบบตรวจสอบบัญชีผิดปกติและอัปเดตกลโกงมิจฉาชีพและรณรงค์ 3 แนวทางรู้ทันมิจฉาชีพ #ใช้สติป้องกันสตางค์ "ไม่เชื่อ - ไม่ให้ข้อมูล - ไม่โอน" ผ่านสื่อต่างๆ ของธนาคาร

นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้วิธีหลอกลวงได้แยบยลและดูน่าเชื่อถือมากขึ้น หลอกเหยื่อทางโทรศัพท์ สร้างสถานการณ์ให้ตื่นตระหนก หรือหลอกล่อด้วยเงินรางวัลต่างๆ ทำให้มีจำนวนผู้ตกเป็นเหยื่อ และสูญเสียทรัพย์ไปเป็นจำนวนมาก โดยกลโกงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มักแอบอ้างเป็นธนาคารคือ โทรแจ้งว่าลูกค้าติดหนี้บัตรเครดิต และขอให้ลูกค้ารีบชำระเงินโดยด่วนด้วยการโอนเงินเข้ามายังบัญชีที่หลอกลวง

กรณีล่าสุดเป็นกลโกงใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เกิดขึ้นกับลูกค้าธนาคาร ซึ่งได้รับสายโทรศัพท์ระบุเป็นเบอร์โทรจากต่างประเทศ อ้างตนเป็นพนักงานของบริษัทขนส่งเอกชนแจ้งเรื่องพัสดุมีของผิดกฎหมาย และขอให้เปิดวิดีโอคอล เพื่อพูดคุยกับตำรวจ แต่เป็นตำรวจตัวปลอมที่ใช้เทคโนโลยี Deepfake ให้ภาพขยับแค่ปากและใส่เสียงพูดเชิงข่มขู่ว่าพัสดุที่ส่งเป็นสมุดบัญชีซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็นการฟอกเงิน โดยจะขอตรวจสอบบัญชีด้วยการให้โอนเงินออกจากบัญชีมาไว้ที่ตำรวจ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และพูดหลอกล่อจนลูกค้าโอนเงินให้ทั้งหมด และกว่าลูกค้าจะรู้ตัวว่าถูกหลอก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ถอนเงินจำนวนกว่า 6 แสนบาทออกจากบัญชีไปหมดแล้ว

นายกฤษณ์ กล่าวต่อว่า ธนาคารได้วางแนวทางการทำงาน 3 ด้าน ในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้แก่ 1) ดำเนินการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในโครงการระบบรับแจ้งความออนไลน์คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยจะมีการประสานการปฏิบัติงานระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ธนาคารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และสอดคล้องกับรูปแบบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น 2) มีระบบตรวจสอบ และจัดการบัญชีที่มีธุรกรรมผิดปกติ เพื่อนำไปสู่แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุจริตทางการเงินของมิจฉาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3) อัปเดตกลโกงมิจฉาชีพและร่วมรณรงค์เผยแพร่ 3 แนวทางรู้ทันมิจฉาชีพและภัยไซเบอร์ #ใช้สติป้องกันสตางค์ "ไม่เชื่อ - ไม่ให้ข้อมูล - ไม่โอน" ผ่านสื่อต่างๆ ของธนาคาร

 
#6745
ห้ามพลาด!!!! รับจำกัด 50 คนเท่านั้น
สนใจพิมพ์ " สนใจ " หรือ ทักแชทเพจ เพื่อรับสิทธิ์ ด่วน ‼ ‼
---------------------------------------------------------
Line:@collagen
http://line.me/ti/p/@collagen
FB. https://www.facebook.com/manacollagedipeptide
www.manaok.com
www.manaextra.com
www.manathailand.page
#6747
เพราะอาการปวดหัวหรือปวดศีรษะของคนเรามีหลายแบบมาก และแบบที่รุนแรงถึงขั้นที่กินยาพาราเซตามอลแล้วไม่หายก็คือ โดยส่วนใหญ่แล้ว ก็คือ อาการปวดหัวไมเกรน นั่นเอง
แต่ ไมเกรน ไม่ใช่แค่อาการปวดหัวข้างเดียวนะคะ!
-ไมเกรนอาจจะปวดหัวได้ทั้งครึ่งซีก ปวดที่ขมับหรือท้ายทอย บางครั้งก็ปวดหัว 2 ข้างได้พร้อมกันหรือสลับข้างกันปวดก็ได้
-ทางทีจะปวดตุ้บๆ นานเกิน 20 นาที หากมีอาการรุนแรงจะปวดนานเป็นวันหรือสัปดาห์
-ในอาการที่รุนแรงมาก จะปวดหัวและมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย บางรายจะไม่สามารถกินอะไรได้เลย
-อาจมีอาการมาจากสายตาก่อน เช่น เห็นแสงระยิบระยับ เห็นแสงเป็นเส้น ๆ เห็นภาพบิดเบี้ยว หรือแสงจ้าสะท้อน
หากมีอาการข้างต้นนี้ครบ หรือ อย่างใดอย่างหนึ่ง ติดต่อกัน ก็แสดงว่าคุณมีโอกาสเป็นไมเกรนสูงมาก ซึ่งอาการไมเกรนจะเป็นๆ หายๆ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของเรา เช่น นอนน้อย เครียด ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
ดังนั้น นอกจากหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ เหล่านี้แล้ว Balance Ucore ยังมีสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงสุขภาพ ลดอาการไมเกรน ได้หลายชนิด ลดเครียด ฟื้นฟูร่างกายได้ จนแทบลืมไปเลยค่ะ ว่าเคยเป็นไมเกรนมาก่อน
รายละเอียดเพิ่มเติม Balance Ucore
#6749
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน "บบส. กรุงเทพพาณิชย์" ที่ "A-" แนวโน้ม "Stable"


ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ยาวนานและความเป็นผู้นำในตลาดบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของบริษัท นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงระดับการก่อหนี้และความสามารถในการสร้างรายได้ในระดับปานกลางของบริษัท รวมถึงการมีแหล่งเงินทุนที่กระจายตัวด้วย

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้แก่ ความเสี่ยงในด้านการกำหนดราคาซื้อสินทรัพย์ ความเสี่ยงระดับมหภาค และความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินทรัพย์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการทางการเงินของบริษัทได้หากไม่มีการควบคุมที่ดี อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าความเชี่ยวชาญของบริษัทในการตั้งราคาซื้อขายสินทรัพย์ ตลอดจนกลยุทธ์ในการเลือกลงทุน และการกระจายตัวของประเภทสินทรัพย์และสถานที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นปัจจัยที่ช่วยลดทอนความเสี่ยงดังกล่าวลงได้ในระดับหนึ่ง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีความเป็นผู้นำในตลาดบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ

สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทสะท้อนถึงสถานะผู้นำทางการตลาดในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยสถานะความเป็นผู้นำทางการตลาดนั้นมาจากการมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับธนาคารหลายแห่ง ในขณะเดียวกัน ประสบการณ์ที่ยาวนานในการตั้งและประเมินราคาสินทรัพย์รวมทั้งฐานข้อมูลที่ครอบคลุมกว้างขวางซึ่งช่วยในการเลือกซื้อสินทรัพย์ที่ดีในราคาที่เหมาะสมนั้นยังเป็นจุดแข็งสำคัญของบริษัทอีกด้วย

ถึงแม้ว่า ณ สิ้นปี 2564 สินทรัพย์รวมทั้งหมดของบริษัทจะลดลง 5% เป็น 1.26 แสนล้านบาท แต่บริษัทก็ยังคงถือครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดคิดเป็น 51% ของขนาดสินทรัพย์เมื่อเทียบกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ทั้งหมดในประเทศไทย โดยสินทรัพย์ที่บริษัทบริหารประกอบไปด้วยเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ (สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ -- NPL) จำนวน 8.17 หมื่นล้านบาท สินทรัพย์รอการขาย (สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ? NPA) จำนวน 3.79 หมื่นล้านบาท และลูกหนี้ขายผ่อนชำระจำนวน 2.2 พันล้านบาท

การเลือกลงทุนทำให้สามารถรักษาระดับการก่อหนี้

ในปี 2564 บริษัทมีการนำกลยุทธ์การเลือกลงทุนมาปรับใช้ในการซื้อหนี้ทั้งในด้านราคาและคุณภาพของสินทรัพย์ กลยุทธ์ดังกล่าวทำให้ต้นทุนการซื้อหนี้โดยรวมของบริษัทลดลง 68.5% จากปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นต้นทุนการซื้อหนี้ที่ 3.7 พันล้านบาท ในการนี้ ทริสเรทติ้งมองว่ากลยุทธ์ดังกล่าวเป็นแนวทางที่ระมัดระวังในเวลาที่การจัดเก็บหนี้มีความไม่แน่นอนสูงยิ่งขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอ โดยเมื่อมีการซื้อสินทรัพย์น้อยลง บริษัทก็มีความจำเป็นที่จะหาแหล่งเงินกู้ยืมมาใช้ซื้อสินทรัพย์น้อยลงตามไปด้วย ดังนั้น ระดับการก่อหนี้ของบริษัทเมื่อวัดจากอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจึงยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.94 เท่า ลดลงจากระดับ 2.16 เท่าในปี 2563

ในอนาคตบริษัทมีแผนกลยุทธ์ที่จะดำเนินธุรกิจแบบ Asset-light Model โดยลดการซื้อสินทรัพย์โดยตรงที่จะรายงานในงบการเงินให้เหลือน้อยลง ในการนี้ บริษัทวางแผนจะนำแนวทาง Joint Venture Model ที่ริเริ่มโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาปรับใช้ โดยแนวทางดังกล่าว สถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ต่าง ๆ จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนให้มาทำหน้าที่ร่วมบริหารสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทร่วมทุนจะเป็นผู้รับผิดชอบการกู้เงินโดยไม่รวมเข้ากับงบการเงินของบริษัทหุ้นส่วน

นอกจากนี้ สมมุติฐานของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับเงินสดจัดเก็บจำนวน 1.6-1.8 หมื่นล้านบาทต่อปีนั้นน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถคงระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสเงินสดที่ได้รับมาและสามารถนำไปใช้ซื้อสินทรัพย์ใหม่ซึ่งจะช่วยลดภาระการก่อหนี้ใหม่ได้อีกด้วย ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2 เท่าเอาไว้ได้ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า

ผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวมาจากสินทรัพย์รอการขายเป็นหลัก

ผลการดำเนินงานของบริษัทค่อนข้างมีทิศทางที่สอดคล้องกับวงจรเศรษฐกิจซึ่งเห็นได้จากเงินสดจัดเก็บจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ที่ปรับโครงสร้างที่ปรับตัวลดลงในปี 2563 จากสถานการณ์เครดิตที่อ่อนแอลงจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทสามารถจัดเก็บเงินสดจากการบริหารจัดการลูกหนี้เพิ่มขึ้นเพียง 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 8.7 พันล้านบาทจากผลของสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแออยู่ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มการเก็บเงินในส่วนการบริหารจัดการลูกหนี้ได้เพิ่มมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจากการคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นซึ่งจะทำให้ความสามารถในการจ่ายคืนหนี้ของลูกหนี้ปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย

ในขณะเดียวกัน เงินสดจัดเก็บจากการขายสินทรัพย์รอการขายก็เป็นปัจจัยสนับสนุนหลักในการฟื้นตัวของผลกำไรของบริษัทในปี 2564 การขายสินทรัพย์รอการขายที่ดีขึ้นนั้นเป็นผลมาจากกลยุทธ์ดังต่อไปนี้ 1) การไม่คิดค่าโอนกรรมสิทธิ์ 2) กลยุทธ์การลดราคา 3) การให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากยิ่งขึ้น และ 4) การเพิ่มการขายผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยบริษัทมีเงินสดจัดเก็บจากการขายสินทรัพย์รอการขายเพิ่มขึ้น 54.9% หรือคิดเป็น 7.3 พันล้านบาทในปี 2564 ส่งผลทำให้เงินสดจัดเก็บรวมอยู่ที่ระดับ 1.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับในปี 2563

ในปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการบริหารจัดการลูกหนี้ (รายได้ดอกเบี้ยและกำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้) ซึ่งไม่รวมดอกเบี้ยค้างรับเพิ่มขึ้น 2.5% มาอยู่ที่ระดับ 4.9 พันล้านบาท ในทางกลับกัน รายได้จากสินทรัพย์รอการขาย (กำไรจากสินทรัพย์รอการขาย ดอกเบี้ย และกำไรจากการขายแบบผ่อนชำระ) ของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 50.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาอยู่ที่ระดับ 3.8 พันล้านบาท

เมื่อรวมผลการดำเนินงานของทั้งการบริหารจัดการลูกหนี้และสินทรัพย์รอการขายแล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 41.3% มาอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาทในปี 2564 โดยมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.02% เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.46% ในปี 2563 ทั้งนี้ ผลกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับมุมมองของทริสเรทติ้งที่เห็นว่าบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดของวงจรขาลงแล้วในปี 2563 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีการเติบโตในการบริหารจัดการลูกหนี้มากยิ่งขึ้นซึ่งสิ่งดังกล่าวน่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของผลกำไรในปี 2565 ในขณะที่การบริหารสินทรัพย์รอการขายจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งใกล้เคียงกับระดับในปี 2564

แหล่งเงินทุนที่กระจายตัวและมีความยืดหยุ่นทางการเงิน

แหล่งเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่เพียงพอจากการที่บริษัทมีแหล่งเงินทุนที่มั่นคงจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธนาคารที่ขายลูกหนี้ด้อยคุณภาพให้แก่บริษัท บริษัทมีวงเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวนประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาทจากสถาบันการเงินต่าง ๆ โดยเป็นส่วนที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 1.45 หมื่นล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2564 นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินกู้ระยะสั้นกับสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้อยู่อีกจำนวนประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทและมีตั๋วสัญญาใช้เงินคงค้างที่บริษัทออกไว้ใช้ซื้อสินทรัพย์มูลค่าคงเหลืออยู่ที่ประมาณ 3.8 พันล้านบาท ในขณะเดียวกัน บริษัทยังเข้าถึงตลาดทุนโดยสามารถออกหุ้นกู้อย่างต่อเนื่องได้อีกด้วย ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทสามารถระดมเงินทุนได้ใหม่ในยามที่ต้องการ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการออกหุ้นกู้อย่างสม่ำเสมอ โดย ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีหุ้นกู้คงค้างมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6.2 หมื่นล้านบาท

เมื่อพิจารณาในด้านของเงินทุนและสภาพคล่องนั้น บริษัทไม่มีประเด็นในด้านการไม่สอดคล้องกันของสินทรัพย์และสภาพคล่องที่สำคัญ ๆ แต่อย่างใด โดย ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีภาระหนี้สินทางการเงินที่จะต้องชำระเป็นเงินกู้ระยะยาวในสัดส่วนประมาณ 78% ของภาระหนี้ทั้งหมด โดยมีระยะเวลาเฉลี่ยในการชำระหนี้ 6 ปีเมื่อเทียบกับระยะเวลาเฉลี่ยของสินทรัพย์ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ 6-8 ปี ในการนี้ บริษัทมีเงินกู้ยืมที่จะครบกำหนดชำระภายในเดือนธันวาคม 2565 ที่จำนวนประมาน 1.67 หมื่นล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นหุ้นกู้มูลค่า 6.4 พันล้านบาท ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะจ่ายชำระคืนหนี้โดยใช้กระแสเงินสดที่ได้รับจากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายรวมไปถึงการออกหุ้นกู้ชุดใหม่

ความเสี่ยงจากสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่สูงถูกลดถอนด้วยการกระจายตัวของสินทรัพย์

บริษัทมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวที่ค่อนข้างมากในภาคอสังหาริมทรัพย์เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกันลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่บริษัทลงทุน ดังนั้น สภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์จึงมีแนวโน้มที่อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการทางการเงินของบริษัทเนื่องจากจะส่งผลต่อราคาและความสามารถในการขายอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทได้บังคับหลักประกันมา อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการกระจายตัวของสินทรัพย์ทั้งในด้านประเภทของหลักทรัพย์และสถานที่ตั้งจะช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ในระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ การที่บริษัทสามารถลดราคาสินทรัพย์ลงได้จากการมีต้นทุนในการซื้อสินทรัพย์ที่ต่ำก็ช่วยเร่งการขายสินทรัพย์รอการขายในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอได้อีกด้วย ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2564 อสังหาริมทรัพย์ของบริษัทในสัดส่วน 20% เป็นที่ดินเปล่าในขณะที่ 34% เป็นบ้านเดี่ยว และส่วนที่เหลือมีการกระจายตัวที่ดีในอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภท ส่วนในด้านสถานที่ตั้งนั้น อสังหาริมทรัพย์ของบริษัทมีทำเลอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในสัดส่วนประมาณ 41% ในเขตภาคกลาง 17% และส่วนที่เหลือกระจายไปตามภาคต่าง ๆ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ใหม่ทุก ๆ ปีเพื่อช่วยให้บริษัทตั้งราคาขายสินทรัพย์ได้ใกล้เคียงกับราคาตลาดมากที่สุดอีกด้วย

เป็นโอกาสทางธุรกิจของบริษัทบริหารสินทรัพย์จากการที่หนี้เสียปรับตัวเพิ่มขึ้น

การระบาดของโรคโควิด 19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจของไทย ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมยังคงอ่อนแอถึงแม้ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือมากมายที่ออกโดย ธปท. เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบก็ตาม หนี้เสียจากสถาบันการเงินซึ่งรวมทั้งสถาบันการเงินของไทยและต่างชาติตลอดจนบริษัทเงินทุนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.3 แสนล้านบาทในปี 2564 จาก 4.65 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2562

ทริสเรทติ้งคาดว่าสถาบันการเงินจะทยอยจำหน่ายหนี้เสียออกมาเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นวิธีหนึ่งในการลดหนี้เสียของสถาบันการเงินต่าง ๆ หลังจากที่มาตรการช่วยเหลือสิ้นสุดลงในปี 2564 ซึ่งเห็นได้จากการริเริ่มของ ธปท. ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินกับบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อแก้ปัญหาหนี้เสีย วิธีดังกล่าวจะเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทบริหารสินทรัพย์ต่างๆ ที่จะซื้อสินทรัพย์และเพิ่มรายได้ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการจัดเก็บหนี้ที่ช้าลงในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอนี้จะยังคงเป็นปัจจัยท้าทายที่สำคัญสำหรับทุกฝ่าย

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2565-2567 ดังนี้

? การซื้อลูกหนี้ด้อยคุณภาพใหม่จะอยู่ที่ระดับ 9 พันล้านบาทต่อปี

? อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2 เท่า

? เงินสดที่จัดเก็บได้จากการบริหารสินทรัพย์จะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.6-1.8 หมื่นล้านบาทต่อปี

? อัตราส่วนต้นทุนทางการเงินจะอยู่ที่ระดับประมาณ 3%-3.5% ของเงินกู้ยืมเฉลี่ย

? อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวมจะอยู่ที่ระดับประมาณ 31%-32%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่งและดูแลให้ระดับการก่อหนี้อยู่ในระดับปานกลางเอาไว้ได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากผลประกอบการทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมั่นคงและอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากสถานะในการก่อหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการขยายธุรกิจในเชิงรุกโดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงเกินกว่า 2.75 เท่าอย่างต่อเนื่อง หรือผลประกอบการทางการเงินของบริษัทถดถอยลงอย่างต่อเนื่องจนทำให้อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำกว่า 1.5% อย่างต่อเนื่อง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BAM224A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
BAM226A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
BAM227A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
BAM234A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
BAM235A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,050 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
BAM239A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
BAM23DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
BAM244A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
BAM246A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
BAM247A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
BAM24DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
BAM256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 370 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
BAM259A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
BAM25NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,370 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
BAM264A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A-
BAM26DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A-
BAM276A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A-
BAM279A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A-
BAM284A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-
BAM286A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-
BAM28DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-
BAM297A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A-
BAM304A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573            A-
BAM30NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 580 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573    A-
BAM317A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574    A-
BAM347A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2577    A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:    Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html
 
#6750
โบรกฯมองบวกกลุ่มโรงแรมหลังนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้น ชู ERW-CENTEL เด่น

บล.กรุงศรี มองกลุ่ม TOURISM SECTOR เป็น POSITIVE โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเบื้องต้นในเดือน ก.พ.65เป็นเชิงบวกที่ 1.53 แสนคน สูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือน ม.ค.65 ผลจากการดำเนินโครงการ Test&Go ต่อตั้งแต่ 1 ก.พ.65 จากโมเมนตัมที่แข็งแกร่งใน มี.ค.65 เราเชื่อว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นและสถานการณ์ในยูเครนจะไม่กระทบการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยอย่างมีนัยสำคัญ และจากแนวโน้มการเปิดประเทศทั่วโลกและภาวะการเมืองระหว่างประเทศในเอเชียที่เกื้อหนุน

โดยนักท่องเที่ยวในโครงการ Test & Go คิดเป็น 82% ของจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือน ธ.ค.64 เทียบกับ 62% ในเดือน ก.พ.65 และโมเมนตัมในเดือน มี.ค.5 จากไทยเปิดโครงการ travel-bubble กับอินเดียและมาเลเซีย เราได้เห็นจำนวนผู้โดยสารเติบโต WoW 8 สัปดาห์ติดต่อกันตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.จนถึงปลายเดือน มี.ค.65 จนถึงตอนนี้จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศแตะ 8.8% ของระดับปี 62 ในช่วงวันที่ 20-26 มี.ค. สูงกว่าระดับสูงสุด 7.4% ในช่วงวันที่ 19-25 ธ.ค.

สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศและความขัดแย้งในยูเครน ไม่กระทบการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยภาวะการเมืองระหว่างประเทศในเอเชียเกื้อหนุนการท่องเที่ยวไทย หากมองต่อไปข้างหน้าอาจมี 2 ปัจจัยหนุนจากการเมืองระหว่างประเทศในเอเชีย ปัจจัยแรกการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ของเกาหลีใต้ "Yoon Suk-Yeol" อาจทำให้เกิดความตึงเครียดในประเด็น THAAD คล้ายในช่วงปี 60 ระหว่างเกาหลีใต้กับจีน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวไทย ปัจจัยที่สอง การกลับมามีเที่ยวบินตรงระหว่างไทยและซาอุฯ ทำให้ไทยมีส่วนแบ่งตลาดของนักท่องเที่ยวต่างประเทศของซาอุฯ มากขึ้น

จากแนวโน้มการเปิดเมืองทั่วโลก (โดยเฉพาะในเอเชีย) เราแนะนำให้นักลงทุนคงมุมมองเชิงบวกต่อภาคท่องเที่ยวไทย เราเลือก ERW และ CENTEL เป็นหุ้นเด่นเนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในไทยสูงกว่าบริษัทอื่น