• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - kaidee20

#11146
สคร.เผยรัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้สะสม Q1 ปีงบ 65 ที่ 4.85 หมื่นลบ. คิดเป็น 34%

นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2565 (1 ต.ค. - 31 ธ.ค.64) สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจ และกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า 50% รวมทั้งสิ้นจำนวน 48,533 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการสะสมจำนวน 6,361 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34% ของเป้าหมายการจัดเก็บในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 142,800 ล้านบาท

โดยเงินนำส่งรายได้แผ่นดินส่วนใหญ่มาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ประกอบกับเนื่องจากรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่หลายแห่ง มีผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2564 ดีขึ้น จึงนำส่งรายได้แผ่นดินระหว่างกาลปี 2564 สูงกว่าที่ประมาณการไว้ เช่น บมจ. ปตท. (PTT) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และธนาคารออมสิน

นางปานทิพย์ กล่าวว่า สำหรับในปีงบประมาณ 2565 จะเป็นการจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากผลประกอบการในปี 2564 ของรัฐวิสาหกิจ จึงมีความเป็นไปได้ที่ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ของรัฐวิสาหกิจอาจยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่ผ่านมา ซึ่ง สคร. จะได้มีการติดตามผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิด โดยจะพิจารณาประกอบกับมาตรการของภาครัฐที่รัฐวิสาหกิจจะต้องเข้าไปดำเนินการเพื่อช่วยเหลือประชาชน และการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้การกำกับติดตามการนำส่งเงินรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างเสถียรภาพทางการคลังได้อย่างยั่งยืน

อนึ่ง รัฐวิสาหกิจ 10 อันดับแรก ที่นำส่งรายได้แผ่นดินสูงสุด ณ สิ้นไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 2565 มีดังนี้

1. บมจ. ปตท. (PTT) 17,519 ล้านบาท

2. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 11,745 ล้านบาท

3. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 6,419 ล้านบาท

4. ธนาคารออมสิน 5,313 ล้านบาท

5. การไฟฟ้านครหลวง 2,587 ล้านบาท

6. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 2,374 ล้านบาท

7. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 1,345 ล้านบาท

8. การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 700 ล้านบาท

9. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 309 ล้านบาท

10. การประปาส่วนภูมิภาค 124 ล้านบาท
#11147
'คาเธ่ย์ แปซิฟิก' เสนอโบนัสนักบิน 3,700 ดอลลาร์ จูงใจให้อดทนต่อนโยบายกักตัวของฮ่องกง

สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก แอร์เวย์เสนอจ่ายเงินโบนัสมากถึง 29,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (3,700 ดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับนักบินในสังกัด โดยหวังให้เหล่านักบินเต็มใจอดทนต่อการบังคับใช้มาตรการกักตัวอันแสนเข้มงวดของฮ่องกง ท่ามกลางความพยายามในการนำเครื่องบินขึ้นบินเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยบันทึกข้อความถึงพนักงานของคาเธ่ย์ว่า นักบินที่ทำการบินตามมาตรการวงปิด (Closed-loop) ครบ 2 รอบจะได้รับเงินโบนัส 22,000 ดอลลาร์ฮ่องกง ส่วนนักบินที่ทำการบินตามมาตรการเดียวกัน 4 รอบขึ้นไปจะได้รับเงินโบนัส 29,000 ดอลลาร์ ขณะเดียวกัน นักบินผู้ช่วยจะได้รับเงินโบนัส 17,000 ดอลลาร์ฮ่องกงหากบินตามมาตรการวงปิด 2 รอบและ 24,000 ดอลลาร์ฮ่องกงหากออกปฏิบัติการ 4 รอบขึ้นไป

สำหรับเที่ยวบินแบบวงปิดนั้น หมายถึงการให้ลูกเรือออกปฏิบัติการบินติดต่อกันไม่หยุด 3 - 4 สัปดาห์ โดยพำนักตามลำพังในโรงแรมระหว่างเที่ยวบิน ก่อนจะต้องกักตัวอีกนานถึง 2 สัปดาห์ในช่วงเสร็จสิ้นภารกิจ จากนั้นจึงสามารถเดินทางกลับบ้านได้

สภาพการทำงานอันยุ่งยากและการต้องอยู่ห่างจากครอบครัวและเพื่อนฝูงเป็นเวลานาน ทำให้คาเธ่ย์เผชิญความยากลำบากในการจัดหาพนักงานได้อย่างเพียงพอ

คาเธ่ย์ต้องเผชิญกับวิกฤตอันหนักหน่วงแบบต่อเนื่อง ทั้งผลกระทบจากเหตุประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในปี 2562 ซึ่งนำไปสู่การยกเครื่องการบริหารองค์กร และโรคระบาดที่ยืดเยื้อมานานนับ 2 ปี โดยคาเธ่ย์ต้องอาศัยเงินช่วยเหลือมูลค่า 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกงจากรัฐบาลและสั่งปลดพนักงาน 6,000 ตำแหน่งเพื่อเอาตัวรอด เนื่องจากไม่มีเส้นทางการบินในประเทศให้พึ่งพา และฮ่องกงปิดกั้นพรมแดนจากประเทศส่วนใหญ่ของโลก เพราะยึดมั่นต่อกลยุทธ์รักษายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เป็นศูนย์ หรือ Covid-Zero ตามแบบจีน

ปัจจุบัน คาเธ่ย์ดำเนินงานเพียง 2% ของขีดความสามารถในช่วงก่อนเกิดโรคระบาดสำหรับเที่ยวบินโดยสารและ 20% ของช่วงก่อนเกิดโรคระบาดสำหรับเที่ยวบินขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่โรคระบาดเริ่มต้นขึ้น
#11148
ศูนย์วิจัยเทเลนอร์คาด 5 เทรนด์เทคโนโลยีเร่งเปลี่ยนผ่านสู่โลกสีเขียวยั่งยืน

ศูนย์วิจัยเทเลนอร์คาดการณ์ 5 ความก้าวหน้าสำคัญทางเทคโนโลยีของโลก ได้แก่ การประมวลผลข้อมูลแบบ Edge บนเครือข่าย 5G, นวัตกรรมด้านพลังงาน, ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้าถึงง่ายขึ้น, Greenfluener และความเหลื่อมล้ำจากคนรุ่นโควิด-19 ท่ามกลางเมกะเทรนด์สำคัญอย่างการเปลี่ยนผ่านสู่โลกสีเขียว หลังผู้เชี่ยวชาญชี้สภาวะโลกร้อนยังเลวร้ายได้อีก

เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา โลกได้ส่งสัญญาณถึงภาวะโลกร้อนรุนแรง โดยอุณหภูมิโลกทำสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์ ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่เพิ่มสูงขึ้นต่อมนุษย์ สัตว์ป่า และธรรมชาติ แม้จะยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์นัก แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลในอัตราเร่งจะยังคงมีความหวังต่อการรักษาโลก

"ผู้คนทั่วโลกต่างตื่นตัวกับสถานการณ์โลกร้อนที่เลวร้ายลงและต้องการหาทางออกให้กับสภาพอันเลวร้าย แต่ในมุมมองของเทเลนอร์ สิ่งสำคัญก็คือการทำความเข้าใจถึงบทบาทของเทคโนโลยีทั้งในแง่ผลกระทบด้วยตัวมันเอง และการใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาทางสิ่งแวดล้อมนั้นด้วย" นายบียอน ทาล แซนเบิร์ก ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทเลนอร์ กล่าว

สำหรับรายงาน Tech Trend ปีที่ 7 โดยศูนย์วิจัยเทเลนอร์ ทีมงานได้คาดการณ์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่โลกสีเขียวได้อย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์สำคัญของโลกปี 2565 พร้อมทั้งหัวข้อสำคัญอย่าง Great Resignation อันเป็นผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19

Green Clouds
ด้วยการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของสังคมเดินหน้าอย่างรวดเร็วด้วยอัตราเร่ง ทำให้อัตราการรับส่งข้อมูล (Cloud computing) เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ทั้งนี้ การรับส่งข้อมูลจะเกิดขึ้นได้ต้องใช้ "พลังงาน" เป็นปัจจัยสำคัญ จากข้อมูลระบุว่า ดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกใช้พลังงานคิดเป็นสัดส่วนราว 1% ของการใช้พลังงานไฟฟ้าของทั้งโลก ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูง อย่างไรก็ตาม ข่าวดีคือ โลกกำลังมีนวัตกรรมที่เรียกว่า Edge Computing ที่ทำให้การประมวลผลข้อมูลระหว่างต้นทางและปลายทางข้อมูลใกล้กันมากขึ้น ทำให้การประมวลผลเร็วขึ้น และแน่นอนว่าใช้พลังงานน้อยลง

ศูนย์วิจัยฯ คาดว่าเครือข่าย 5G ทั่วโลกจะค่อยๆ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Edge Computing ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโฟลวของการสื่อสารที่เดิมข้อมูลจะถูกกำหนดให้ประมวลผลที่ระบบคลาวด์กลางแห่งเดียวเท่านั้น แต่เทคโนโลยีใหม่นี้จะเปลี่ยนไปประมวลผลที่ดาต้าเซ็นเตอร์ย่อย (Edge data center) และด้วยโฟลวการส่งต่อข้อมูลรูปแบบใหม่นี้ ทำให้สามารถเลือกใช้พลังงานที่ผลิตขึ้นอย่างหลากหลายได้ เช่น พลังงานลม พลังงานความร้อนส่วนเกิน เป็นต้น

"เราเชื่อว่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยระบบ Edge บนเครือข่าย 5G จะได้รับความนิยมขึ้นรวดเร็ว และการใช้พลังงานในส่วนของดาต้าเซ็นเตอร์จะมีประสิทธิภาพขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" นายแซนเบิร์ก กล่าว
ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเข้าถึงง่ายขึ้น
ด้วยโลกการทำงานที่ต้องการให้พนักงานของตัวเองต้องมีการพัฒนาทักษะของตนเองอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจะเป็นตัวจุดชนวนให้ผู้คน ธุรกิจ และสังคม ปรับตัวและเรียนรู้เกี่ยวกับประเด็นด้านความยั่งยืน นอกจากนี้ นโยบายและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เคร่งครัดขึ้นจะเป็นปัจจัยสร้างความต้องการในตลาดแรงงานที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

"หลายๆ บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มของโลกธุรกิจที่ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและตอบสนองกับความต้องการของพนักงานในองค์กรผ่านคอร์สความรู้สั้นๆ ที่เรียกว่า Micro-degree ซึ่งหากบริษัทหรือองค์กรใดไม่สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้ จะทำให้องค์กรนั้นไม่ดึงดูดคนเก่งใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรได้" นายแซนเบิร์ก อธิบาย
ดังนั้น ศูนย์วิจัยจึงมองว่าหลักสูตรหรือข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกระแสความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในเว็บไซต์เรียนออนไลน์ต่างๆ เช่น Coursera, LinkedIn Learning, Udacity และ Khan Academy ซึ่งปัจจุบันหลายหน่วยงานได้พัฒนาและนำเสนอหลักสูตรดังกล่าวอยู่แล้วบนออนไลน์ เช่น UNESCO ในขณะเดียวกัน สถาบันการศึกษาต่างๆ จะพัฒนาหลักสูตรโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนมากขึ้น

ประสิทธิภาพด้านพลังงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าสูงขึ้น
ในขณะที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และโซลูชันต่างเอื้อให้มนุษย์มีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น แต่องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ได้เรียกร้องให้ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพเชิงพลังงานมากขึ้น

"ปัจจุบัน อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามีจำนวนมากกว่าประชากรโลกถึง 4 เท่า และมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างมากในอนาคต อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงาน เราจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากทุกเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสิทธิภาพการใช้พลังงานของอุปกรณ์ที่มีอยู่"
ตัวอย่างเช่น การแข่งขันพัฒนาชิปเซ็ต (Chipset) ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดการใช้พลังงานของอุปกรณ์นั้นๆ อย่างในกรณีของ Apple นั้นได้มีการพัฒนาชิปคอมพิวเตอร์รุ่น M1 ซึ่งศูนย์วิจัยฯ คาดว่าการพัฒนาดังกล่าวจะเกิดขึ้นในตลาดคอมพิวเตอร์เป็นตลาดแรกๆ ก่อให้เกิดผลดีทั้งในแง่การใช้พลังงานและความอึดของแบตเตอรี่

"ในอนาคต จะมีผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุ่มเม็ดเงินลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาประสิทธิภาพพลังงานมากยิ่งขึ้น" นายแซนเบิร์ก กล่าว
การกำเนิดขึ้นของ Greenfluencer
ในขณะที่โซเชียลมีเดียส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เพื่อความบันเทิง แต่การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงสังคมมีให้เห็นมากยิ่งขึ้น ในปี 2565 ศูนย์วิจัยเทเลนอร์คาดการณ์ว่าจะมีแรงขับเคลื่อนทางสังคมผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย สร้างการรับรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ท่ามกลางความผิดหวังจากผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) และรายงานฉบับล่าสุดว่าด้วยสถานะของวิกฤติภูมิอากาศโดยการประเมินของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ที่ไม่สู้ดีนัก โดยระบุว่าสภาวะโลกร้อนจะ "เลวร้ายลง" อีก

"เหล่าอินฟลูเอนเซอร์จำนวนหนึ่งค่อยๆ สร้างการรับรู้เกี่ยวกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ (Greenfluencer) ที่เลวร้ายลงผ่านโซเชียลมีเดียที่มีเฉพาะกลุ่ม และเราเชื่อว่าจำนวนผู้ติดตามก็จะเพิ่มมากขึ้นตามฐานความนิยมนั้นๆ"
เขายังเชื่ออีกว่า เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ไม่ว่าจะสายอาหาร แฟชั่น บิวตี้ หรือสายสุขภาพ จะเข้ามาผสมโรงตีเนื้อหาแนวรักษ์โลกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ทั้งในแง่การตลาดและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม

"อินฟลูเอนเซอร์ที่ผลิตเนื้อหาโดยไม่เกี่ยวกับประเด็นทางสิ่งแวดล้อมจะถูกมองว่าล้าสมัย ในทางกลับกัน แฟนๆ จะเข้าหาและติดตามอินฟลูเอนเซอร์ที่มุ่งสร้างการรับรู้แนวรักษ์โลก เช่นเดียวกับนักการตลาดที่จะเปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกัน" นายแซนเบิร์ก อธิบาย
ให้ความใส่ใจกับพนักงานยุคโควิด-19 เป็นพิเศษ
การทำงานที่บ้านกลายเป็นความปกติใหม่ แม้ว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสภาวะอากาศ เนื่องด้วยการเดินทางที่ลดลง แต่จากผลวิจัยระบุว่า สิ่งนั้นไม่ได้เป็นผลดีสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง คนรุ่นใหม่ที่ว่าอาจเรียกได้ว่าเป็น Lost Generation เป็นกลุ่มที่เผชิญกับความยากลำบากในการทำความรู้จักและสร้างเครือข่าย ทำความเข้าใจกับภาษาและวัฒนธรรมขององค์กร แม้จะมีช่องทางออนไลน์ให้สื่อสาร จนอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ "การลาออกระลอกใหญ่" (Great Resignation) แต่นั่นถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน

"จากผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของคนรุ่นโควิด-19 หลากบริษัทหลายองค์กรจะประสบปัญหากับการไหลออกของคนรุ่นใหม่ที่แม้แต่การเตรียมความพร้อม (On-boarding) ก็ยังไม่เคยได้รับ เว้นเสียแต่องค์กรจะมีผู้นำที่ดี" นายแซนเบิร์ก กล่าว
ศูนย์วิจัยฯ มีข้อแนะนำ 3 ประการที่จะช่วยให้องค์กรนำพาคนรุ่นใหม่เปลี่ยนผ่านสู่อนาคตแห่งโลกการทำงาน ได้แก่ สุขได้ในที่ทำงาน จัดกิจกรรมที่ทำให้คนในแต่ละรุ่นขององค์กรมาร่วมกันพูดคุย อภิปราย แลกเปลี่ยน, ตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง กำหนดหน้าที่ของหัวหน้างานในแง่ของการเป็นพี่เลี้ยง ให้คำแนะนำและการปรึกษาอย่างชัดเจน และ ให้คุณค่าและป่าวประกาศ ควรชื่นชมคนกลุ่มนี้อย่างเปิดเผย ให้ความรู้สึกทางใจ และมอบโอกาสและพื้นที่ให้พวกเขาได้กล่าวความรู้สึก
#11150
ชื่อดีเสริมมงคล เกื้อหนุนให้ประสบความเจริญรุ่งเรืองดังใจหวัง

รับวิเคราะห์ชื่อให้ฟรี !!!!

รับตั้งชื่อ ตั้งชื่อเด็ก เปลี่ยนชื่อ หาชื่อมงคล
ใช้ทั้ง 3 ศาสตร์ คือตามหลักทักษา เลขศาสตร์ อายตนะ

ตามความเชื่อแบบไทย "ชื่อ" เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะไม่เพียงจะเป็นคำที่ใช้แทนตัวเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้คุณให้โทษแก่เราอีกด้วย ดังนั้นการ "ตั้งชื่อ" ให้แก่เด็กหรือแม้แต่เปลี่ยนชื่อให้ตัวท่านเอง ต้องทำตามตำราจึงจะเป็นมงคล

การตั้งชื่อมงคลให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ตามเงื่อนไขของทุกศาสตร์ทุกตำรา เพื่อจะได้ชื่อดี ๆ สักชื่อนึงไม่ง่ายเลย ต้องมีการวิเคราะห์ชื่อแยกแยะอักขระ คำนวณวิเคราะห์ร้อยชื่อพันชื่อหากโชคดีอาจได้มาสักชื่อนึงก็เป็นได้ ได้ชื่อแล้วจะต้องดูผลคำทำนายรวมกับนามสกุลอีก ใช้แต่ละศาสตร์กลั่นกรองชื่อ แต่ละชื่อใช้เวลาในการคำนวณพอสมควร

ค่าครูในการตั้งชื่อ 299 บาท (จากปกติ 599 บาท) ท่านจะได้รับ

รับชื่อมงคล 2-3 ชื่อ มีคำอ่านและคำแปลของชื่อ
วิเคราะห์ชื่อใหม่ให้ทั้ง 3 ศาสตร์ ไม่ว่าหลักทักษา หลักเลขศาสตร์ หลักอายตนะ
ชื่อที่ได้รับจะผ่านการทำพิธีเสริมดวง เสริมมงคลให้ด้วย
ฤกษ์ในการเปลี่ยนชื่อ
พิธีกรรมที่ส่งเสริมการใช้ชื่อใหม่ ให้เกิดความเป็นสิริมงคล

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม วิเคราะห์ชื่อฟรี ตั้งชื่อ เปลี่ยนชื่อ ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/3
  
#11152


อเล็กซ์ ซง ยอมรับตามตรง ตนอยากได้เงินมากๆ จนทำให้ตอนปี 2016 ตนตัดสินใจบอกลา อาร์เซน่อล ไปซบ บาร์เซโลน่า แทบจะทันควัน แถมยังเคยทุ่มเงินซื้อรถคันเดียวกับ เธียร์รี่ อองรี แบบไม่คิดหน้าคิดหลังด้วย
    อเล็กซ์ ซง กองกลางชาวแคเมอรูนของ  อาส อาร์ต้า/โซลาร์ 7 ทีมในลีกของประเทศจิบูตี เปิดเผยว่าตนอยากได้เงินมากๆ จนทำให้ตัดสินใจบอกลา อาร์เซน่อล อย่างรวดเร็ว

    ซง เคยเป็นแกนหลักของ อาร์เซน่อล และทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่ง แต่แล้วเมื่อปี 2012 เขาก็เลือกที่จะไปซบ บาร์เซโลน่า ซึ่งสุดท้ายเจ้าตัวก็ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงแบบถาวรกับที่นั่นได้และต้องย้ายออกจากทีมแบบถาวรเมื่อปี 2016

    ซง เผยกับ ปาสกาล เซียแคม นักบาสเกต.เพื่อนร่วมชาติที่ตอนนี้เล่นให้ โตรอนโต้ แร็พเตอร์ส ว่า "ตอนที่ บาร์เซโลน่า เสนอสัญญาให้ฉันจนทำให้ฉันเห็นว่าจะได้เงินมากแค่ไหนแล้วน่ะ ฉันก็ตอบรับแบบไม่ต้องคิดมากเลย ฉันรู้สึกว่ามันจะทำให้ภรรยากับลูกๆ ของฉันมีชีวิตที่สะดวกสบายเมื่อฉันต้องแขวนสตั๊ดไปแล้ว"

    "ฉันได้พบกับผู้อำนวยการกีฬาของ บาร์ซ่า เขาบอกกับฉันว่าฉันจะไม่ได้ลงเล่นมากเท่าไหร่หรอกนะ แต่ฉันไม่สนใจเรื่องงี่เง่าพรรค์นั้นหรอก ฉันรู้ว่าฉันจะกลายเป็นเศรษฐีแล้ว ฉันอยากกระทบไหล่กับคนดัง ฉันสามารถไปช็อปปิ้งที่ไหนก็ได้ตามที่ฉันต้องการ และสามารถไปเที่ยวตอนกลางคืนแบบจัดหนักได้ด้วย"

    "มีอยู่วันหนึ่งที่ฉันมายังสนามซ้อมและเห็น เธียร์รี่ อองรี ที่มีฉายา -เดอะ คิง- ขับรถสุดหรูมาที่สนามซ้อม ตอนนั้นฉันบอกกับตัวเองเลยว่าฉันต้องมีรถแบบเดียวกับเขาให้ได้ ดังนั้นฉันเลยไปหาตัวแทนจัดจำหน่าย, เซ็นเอกสาร และจัดแจงการสั่งซื้อรถ ฉันได้รถแบบเดียวกับ -เดอะ คิง- มาแบบง่ายๆ ด้วยการทำแค่นั้น แต่ฉันสาบานเลยว่าฉันคืนรถไปในเวลาแค่ 2 ปี เพราะมันกินน้ำมันเยอะมาก ฉันบอกกับพวกเขาเลยว่า -เอารถ โตโยต้า มาให้ฉันเถอะ รถคันนี้มันหนักหนาสาหัสเกินไปสำหรับฉัน"
#11154
(ok)เลือก Green Curmin ขมิ้นชันรางวัลเหรียญทอง ละลายน้ำได้ 16,000เท่า ดูดซึมได้ดีกว่าสูตรเดิมถึง 4 เท่า! กรดไหลย้อน โรคกระเพาะดีขึ้นเร็ว หายไวทันใจ
#11159
ตำรวจฮ่องกงจับกุมอดีตพนักงานสายการบินหลังพบฝ่าฝืนมาตรการโควิด

เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงได้จับกุมตัวและตั้งข้อหาอดีตพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจำนวน 2 ราย หลังจากพบว่าบุคคลทั้งสองได้ฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโควิด-19 ของฮ่องดง

ทั้งนี้ แถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่ซึ่งเผยแพร่เมื่อคืนวานนี้ไม่ได้ระบุชื่อของสายการบินชัดเจน แต่มีขึ้นหลังจากที่สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค แอร์แวย์ของฮ่องกงเปิดเผยเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ว่า อดีตลูกเรือ 2 รายที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ฝ่าฝืนกฎระเบียบเกี่ยวกับการเฝ้าระวังทางสุขภาพ ส่งผลให้สายการบินเลิกจ้างบุคคลทั้งสอง

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า บุคคลดังกล่าวเดินทางกลับมายังฮ่องกงจากสหรัฐเมื่อวันที่ 24 และ 25 ธ.ค. และได้ "ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น" ระหว่างอยู่ในช่วงกักตัว จนกระทั่งได้รับผลการตรวจหาเชื้อยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

หากบุคคลทั้งสองถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง ก็อาจถูกลงโทษด้วยการจำคุกนานสูงสุด 6 เดือน และถูกปรับเป็นเงินจำนวน 5,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (642 ดอลลาร์สหรัฐ)

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ที่ผ่านมาสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุที่นำเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนมาแพร่ระบาดในฮ่องกง โดยนางแครี ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้ประกาศว่าจะมีการตรวจสอบสายการบินด้วย

ด้านนายแพทริก ฮีลีย์ ประธานสายการบินคาเธ่ย์ แปซิกฟิคกล่าวว่า ทางสายการบินจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลฮ่องกงอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในการตรวจสอบการฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโควิด-19 และการจัดลูกเรือสำหรับเที่ยวบินขนส่ง
#11160
แมนยูฟูลทีม! โรนัลโด้ซ้อมแล้วลงยิงเบรนท์ฟอร์ดแน่

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หัวหอกคนสำคัญของ แมนฯ ยูไนเต็ด โพสต์ภาพลงอินสตาแกรมแสดงให้เห็นถึงการกลับมาลงซ้อมแล้วก่อนเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ ผีแดง มีคิวบุกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด ในวันพุธนี้ (19 มี.ค.)
    สตาร์วัย 36 ปีพลาดการลงสนามไปสองเกมติดต่อกันเนื่องจากบาดเจ็บโดย แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านคว่ำ แอสตัน วิลล่า 1-0 ในเกม เอฟเอคัพ รอบสาม และในศึก พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดซึ่ง ผีแดง บุกไปเสมอกับ สิงห์ผงาด 2-2 ทั้งๆที่ทีมของ ราล์ฟ รังนิก นำไปก่อนถึงสองประตูจากการเหมาเข่นของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ดาวดังทีมชาติโปรตุเกสอีกราย

    อย่างไรก็ดี ล่าสุดเมื่อ 17 ม.ค. โรนัลโด้ โพสต์ภาพโชว์การกลับมาลงซ้อมได้แล้วเช่นเดียวกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งเจ็บจนพลาดเกมเมื่อสุดสัปดาห์เช่นกันอันเป็นสัญญาณชี้ให้เห็นว่าพ่อค้าแข้งหุ่นงามจะกลับมาซดแข้งกับ เดอะ บีส์ ได้แน่โดยเกมนี้ถูกเลื่อนมาจากวันที่ 14 ธ.ค.เนื่องจาก อสูรแดง ประสบกับปัญหาโควิดระบาดในขณะนั้น

    "ผู้ชนะคือ..." โรนัลโด้ โพสต์ข้อความกำกับขณะถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนร่วมทีมอีกหกรายซึ่งประกอบไปด้วย ทอม ฮีตัน , แรชฟอร์ด , ฟิล โจนส์ , ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค , ปอล ป็อกบา และ ลุค ชอว์  

    สำหรับข้อความดังกล่าว สตาร์ชาวเมืองฝอยทองน่าจะต้องการสื่อว่าทีมของเขาเป็นผู้ชนะการซ้อมฟุต.ฝ่ายละเจ็ดคนซึ่ง รังนิก นิยมให้นักเตะซ้อมกันแบบแบ่งข้างทีมละเจ็ดคนสลับกับห้าคน


    "เราเล่นกันแบบทีมละเจ็ดคนโดยมีสามทีม" รังนิก เผย

    "อีกสัปดาห์ เราเล่นเหมือนเดิมทีมละห้าคน มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะเหลือนักเตะมากแค่ไหน"

    "ผมชอบทำแบบนี้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง มันเป็นรูปแบบของการแข่งขันเพราะนักเตะจำเป็นต้องโชว์ฟอร์มให้อยู่ในระดับที่สูงที่สุด"

    "มันเป็นการทำงานที่ดี และคุณจะไม่ได้เห็นว่าใครหลบซ่อนเพราะคุณเล่นแบบทีมละเจ็ดคนหรือห้าคน"

    "ทุกคนต้องแสดงความสามารถ ไม่เช่นนั้นมันก็จะชัดเจนสำหรับโค้ช และเพื่อนร่วมทีม"

    อย่างไรก็ดี จากการร่วมซ้อมของ ป็อกบา ทำให้เชื่อว่ากองกลางเฟรนช์แมนน่าจะคืนสนามได้เร็วกว่าที่นายใหญ่ชาวเมืองไส้กรอกให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานว่าพ่อค้าแข้งผิวสีจะคัมแบ็คได้ในอีกราวหนึ่งเดือน

    ทั้งนี้ ป็อกบา ลงเล่นให้ ผีแดง เป็นเกมสุดท้ายในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มที่บุกไปเสมอกับ อตาลันต้า 2-2 เมื่อวันที่ 2 พ.ย. แต่หากจะนับเฉพาะเกมใน พรีเมียร์ลีก เขาหายไปตั้งแต่เกมแดงเดือดวันที่ 24 ต.ค.ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ถูก ลิเวอร์พูล ขยี้เละ 5-0 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยเจ้าตัวโดนไล่ออกด้วย