• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - kaidee20

#11026
RS เปิดกลยุทธ์ปี 65 ดันรายได้ 5.1 พันลบ.ยกระดับ Entertainmerce-ลุย M&A

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส (RS) ประกาศแผนกลยุทธ์ปี 65 ปักธงก้าวต่อ Popcoin ในฐานะ Infrastructure เพื่อยกระดับโมเดล Entertainmerce ให้แข็งแกร่งขึ้นในหลากหลายมิติ ทั้งการสร้าง Seamless Customer Experience และการมี Seamless Big Data พร้อมเผย 4 กลยุทธ์หลักสร้างการเติบโตที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวขับเคลื่อน และกุญแจสำคัญที่จะนำพาทุกธุรกิจในเครือพุ่งทะยานไปสู่เป้าหมาย 5.1 พันล้านบาทในปีนี้

นอกจากนี้ RS ยังคงมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจจากการทำ M&A อีก 1-2 ดีลภายในปีนี้ โฟกัสที่การต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อขยายช่องทางการขายและแพลตฟอร์มของธุรกิจคอมเมิร์ซ รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าและบริการ และส่งเสริมให้ Ecosystem ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญการทำ M&A จะเป็นกลไกในการช่วยคุมต้นทุนของบริษัทด้วย

นายสุรชัย กล่าวว่า เป้าหมายรายได้ในปี 65 จะมาจากธุรกิจ Commerce ราว 2,750 ล้านบาท และธุรกิจ Media & Entertainment ประมาณ 2,350 ล้านบาท โดยในส่วนนี้แบ่งเป็น ทีวี 1,400 ล้านบาท, POPCOIN 300 ล้านบาท, เพลง (Music) 325 ล้านบาท และ Events & คอนเสิร์ต 325 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross profit margin) ปีนี้จะอยู่ที่ 48-50% และอัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) จะอยู่ที่ 12-14%

ในปี 65 บริษัทจะดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ LEAP โดย L คือ Lifestyle Wellbeing Solution, E คือ Entertainment Uplift, A คือ Asset Monetization และ P คือ Popcoin ซึ่งทั้ง 4 กลยุทธ์สำคัญ จะนำไปสนับสนุนการทำงานของธุรกิจในเครือ RS ให้เติบโตก้าวกระโดดไปอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

-L จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจคอมเมิร์ซ ซึ่งประกอบไปด้วย อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) มัลติแพลตฟอร์มช้อปปิ้งสินค้าเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม 4 เรื่องสำคัญ คือ การเป็น Your Wellbeing Partner คัดเลือกสินค้าและบริการที่หลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน มีการแบ่งสินค้าและบริการออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สินค้ากลุ่มบอดี้ 60% ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงาม, สินค้ากลุ่มมายด์ 5% ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต เช่น ไทยประกันชีวิต บุพพการีมีเงินใช้ (เพื่อเพื่อผู้สูงอายุ), ไทยพาณิชย์ โพรเทค ประกัน แคนเซอร์ พลัส และสินค้ามงคล เป็นต้น, กลุ่มโฮมแอนด์เพ็ท 20% และ กลุ่มโซเชียลแอนด์ทราเวล 15%

สินค้าที่ขายใน RS Mall ทั้งหมดมาจากบริษัท ไลฟ์สตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ RS ราวป 50% และพาร์ทเนอร์อีก 50% ใช้ Popcoin เป็นตัวเชื่อมในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ Ecosystem ของ RS Mall ซึ่ง Popcoin จะมาเป็นเครื่องมือในการทำ GWP (Gift with Purchase) และช่วยเพิ่มยอดขายจากการทำโปรโมชั่นต่างๆ สำหรับสมาชิก RS Mall PLUS ขยายและสร้างความแข็งแกร่งในช่องทางอีคอมเมิร์ซ รวมถึงจัดทำ Loyalty Program ในชื่อ ?RS Mall PLUS? สมาชิกจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย โดยปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 8 แสนราย และคาดว่าภายในสิ้นปี 65 จะมีสมาชิกเพิ่มเป็น 1.2 ล้านราย

ในปีนี้ ไลฟ์สตาร์ ได้รีแบรนด์ใหม่ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Innovative Wellness Product Company ที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อการป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพ (Preventive Care) พร้อมไปกับการขับเคลื่อนให้ผู้คนมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน ภายใต้ผลิตภัณฑ์ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ well u (เวล ยู), Vitanature+ (ไวตาเนเจอร์พลัส), CAMU C (คามู ซี) Innovative Health & Wellness Drink และ Lifemate (ไลฟ์เมต)

ไฮไลท์ผลิตภัณฑ์ปีนี้เป็นสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชงและ CBD ที่จะทยอยออกมาในแต่ละแบรนด์ และนอกจากจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่าน RS Mall แล้ว ยังขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ช่องทางการขายที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทสินค้า เช่น ร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด ร้านค้าปลีก Specialty Store ร้านขายยา และเพ็ทชอป รวมถึงช่องทางอีคอมเมิร์ซด้วย ที่สำคัญยังนำ Popcoin มาเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นยอดขาย และสร้าง Engagement เพื่อให้แบรนด์ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น

"บริษัทฯ วางเป้าหมายในการออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกัญชงปีนี้ แบ่งเป็น well u 1 SKU, CAMU C 3 SKU และ Lifemate 3-4 SKU ขณะเดียวกันการออกผลิตภัณฑ์ปกติภายใต้แบรนด์หลัก 4 แบรนด์ ดังกล่าว คาดจะออกได้ราว 30 SKU" นายสุรชัย กล่าว
E ได้แก่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พร้อมรุกช่องทางออนไลน์และสร้างฐานแฟนคลับใหม่ๆ ด้วยการสร้างเพจและกลุ่มละครช่อง 8 ทั้งเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม, พัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของช่องใหม่, ผลิตคอนเทนต์ออนไลน์ ให้เข้าถึงความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ (อายุ 18-24), เพิ่มออริจินัลคอนเทนต์ และสร้างฐานผู้ชมกลุ่มใหม่ (อายุ 18-30), รายการข่าว ละคร และมวย ที่จะยกระดับเอาใจผู้ชมช่อง 8 มากกว่าเดิม
นอกจากนี้ ผู้ชมช่อง 8 จะได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษจาก Popcoin ผ่านระบบเมมเบอร์ชิพ รวมไปถึง Exclusive คอนเทนต์ที่มีให้เฉพาะ Popster เท่านั้น ส่วนสปอนเซอร์ยังสามารถนำ Popcoin ไปทำกิจกรรมที่หลากหลายร่วมกับช่อง 8 เพื่อให้แบรนด์ได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่มมากขึ้น

COOLISM นำโดย COOLfahrenheit สถานีเพลงไทยสากลจะขยายฐานผู้ฟังสู่ Young Generation ผ่านสมาร์ท สปีคเกอร์ และสมาร์ท ดีไวซ์ พร้อมมุ่งเน้นรักษาฐานผู้ฟังด้วยกิจกรรม อาทิ COOL Outing และ อิ๊งค์ Eat All Around ด้าน COOLive วางแผนจัด 3 คอนเสิร์ตใหญ่ ได้แก่ kemikaze Party 2022 ในช่วงเดือนมิ.ย., Dance Marathon 2022 ในช่วงเดือนต.ค. และปิดท้ายปีด้วย 21st Anniversary D2B Festival อีกทั้งยังเชื่อมโยงกิจกรรมและสิทธิพิเศษต่างๆ ด้วยระบบ CRM ที่ทำร่วมกับ Popcoin ในปีนี้ และยังนำ Popcoin ไปสร้าง Engagement กับคนฟัง COOLfahrenheit

RS Music ทำคอนเทนต์ใหม่ๆ ขึ้นไปวางบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับธุรกิจ โดยจับมือกับพันธมิตรเพื่อออกซิงเกิ้ลใหม่ และยังสามารถฟังผ่านสตรีมมิ่งต่างๆ รวมถึงการเพิ่มช่องทางรายได้จากการบริหารและดูแลศิลปินด้วยการผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ ป้อนเข้าช่องทางออนไลน์ ทั้งช่อง RSfriends, Kamikaze และ RSiam และงานบริหารลิขสิทธิ์คลังเพลง ที่ปีนี้จะเพิ่มแหล่งรายได้ใหม่จากแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ TikTok และพันธมิตรใหม่ๆ

ส่วนบริษัท โฟร์ท แอปเปิ้ล จำกัด จากความเชี่ยวชาญของบริษัทในด้านคอนเทนต์ K-Pop ในปีนี้ จึงจัดทำรายการ Food Truck Battle ซีซั่น 2 และรายการ Men in Light Documentary ที่นำเสนอเรื่องราวของศิลปินชาวไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลก นอกจากคอนเทนต์ฝั่ง K-Pop แล้ว โฟร์ท แอปเปิ้ล จะมีการผลิตคอนเทนต์และร่วมจัดอีเวนท์ระดับโลกตามมาอีกมากมายในอนาคต

A หรือ Asset Monetization การเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่จาก Asset ในองค์กร ได้แก่ RS Music การเข้าสู่ตลาด NFT ภายใต้ความแปลกใหม่ที่แฟนคลับ RS Music ต้องติดตาม และจากฐานผู้ชมผู้ฟังเพลงรวมกว่า 50 ล้านบัญชีผู้ใช้งานผ่านทุกช่องทางออนไลน์ RS Music จะสร้างออนไลน์คอนเทนต์รูปแบบใหม่ใน youtube โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ช่อง RSiam ได้แก่ รายการอาร์สยามขายเก่ง, รายการคลินิกเงินกรู๊วววว, รายการ R Siam ขาเลาะ และรายการ อิหยังวะ
ช่อง RS friends ได้แก่ รายการโตมากับเฮีย, รายการติดสัตว์ และรายการเดอะแบก ช่อง Kamikaze ได้แก่ รายการวัยรุ่นเงินล้าน, รายการหาทำ, รายการร้อนงาน และรายการหิวไก่ รวมถึงการสร้างออนไลน์คอนเทนต์ร่วมกับช่องทางศิลปิน เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม กับ รายการ MISSION เฮ็ดสิเบิ้ล และรายการน่ารักสัตว์สัตว์

บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด จากที่ RS ได้เข้าร่วมลงทุนในสัดส่วน 35% นั้น ขณะนี้ยังคงดำเนินตามแผนธุรกิจ ทั้งในแง่การ Synergy เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจร่วมกัน และเตรียมเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยจะยื่น Filing ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ในไตรมาส 2/65 คาดว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 4/65

P หรือ Popcoin สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม เทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะเข้ามาเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง และสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจให้แก่ RS รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ ล่าสุด มีผู้ลงทะเบียนเป็น Popster จากแคมเปญ Popcoin Airdrop แล้วกว่า 7 แสนราย ซึ่งในปีนี้เหล่า Popster จะเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ๆ ที่พิเศษสุดๆ ที่สำคัญ Popcoin ยังเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดในเครือ RS เพื่อนำไปส่งเสริมการขาย เป็นช่องทางหารายได้ใหม่ๆ และสร้าง Engagement กับลูกค้าของแต่ละแบรนด์ได้เช่นกัน โดยคาดว่า Popcoin จะสามารถเข้าทำการซื้อขายบนกระดาน BITKUB ได้ภายในเดือนม.ค.นี้
นายสุรชัย กล่าวว่า บริษัทยังคงมองหาพารท์เนอร์ทางธุรกิจจากการทำ M&A อีก 1-2 ดีลภายในปีนี้ โดยวางงบลงทุน M&A ไว้ดีลละประมาณ 500-1,000 ล้านบาท โฟกัสที่การต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อขยายช่องทางการขายและแพลตฟอร์มของธุรกิจคอมเมิร์ซ รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าและบริการ และส่งเสริมให้ Ecosystem ของอาร์เอส กรุ๊ป ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญ การทำ M&A จะเป็นกลไกในการช่วยคุมต้นทุนของบริษัทด้วย

"ในปีนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภคอยู่เหมือนเดิม แต่จะหันมาโฟกัสที่ดิจิทัลโปรดักส์ ดิจิทัลคอนเทนต์ และดิจิทัลเซอร์วิสเพิ่มขึ้น โดยผ่านการทำงานของ Popcoin เพื่อยกระดับให้ อาร์เอส กรุ๊ป เป็นองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ โดยลูกค้ากลุ่ม Baby Boomer, Gen X และ Gen Y ตอนต้นนั้นยังเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก แต่เราจะใช้ Popcoin มาเชื่อมให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้รับ Benefits ที่เพิ่มขึ้น และใกล้ชิดกับเรามากขึ้น

ส่วนลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อย่าง Gen Y ตอนปลาย Gen Z และ Alpha ซึ่งชื่นชอบการใช้เทคโนโลยี และ Adopt เทคโนโลยีได้รวดเร็ว เราจะนำ Popcoin มาเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้พวกเขารู้จักอาร์เอส กรุ๊ป มากขึ้น เข้าถึงเราได้ง่ายกว่าที่เคย และได้รับความสุขที่พิเศษกว่าใครจากการมาเป็น Popster และอยู่ใน Popcoin Community" นายสุรชัย กล่าว

พร้อมกันนี้ RS ยังกำหนด 4 กลยุทธ์สำคัญที่เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในระยะยาว ได้แก่

1. การสร้างดิจิทัล อีโคโนมี บนโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากการสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์ ทั้งในแง่ของ E-Commerce และ ออนไลน์คอนเทนต์ชูดิจิทัลคอนเทนต์และนำ Asset ของอาร์เอสมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทราสฟอร์ม Physical Asset ของอาร์เอสที่มีอยู่ ให้กลายเป็น Digital Asset เพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ ใช้ Popcoin เป็นเครื่องมือสำคัญในการแปลง Asset ของอาร์เอสให้เป็นโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชน

2. เป็นองค์กรแห่งข้อมูล นำข้อมูลมาวิเคราะห์ และทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจและนำมาต่อยอดเพื่อสร้าง Business Direction ที่ชัดเจน ภายใต้ Vision และ Mission ขององค์กร การนำข้อมูลของแต่ละธุรกิจมาประสานและใช้ร่วมกัน เพื่อหารายได้เพิ่มจากโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ

3. ยกระดับบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์ของอาร์เอสให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อจับกลุ่มลูกค้า Mass Market สร้างแบรนด์สินค้าในเครือให้เป็นที่รู้จัก เพื่อขยายฐานลูกค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตั้งต้นจากนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่าง และเป็น First mover ในตลาดสินค้าประเภทนั้นๆ อยู่เสมอ

4. เพิ่มมูลค่าให้แก่บริษัท ผ่านการ Synergy และจับมือกับพันธมิตรใหม่ๆ ในหลากหลายวงการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ผ่านการจับมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ ด้วยการทำ M&A และการทำ JV ใช้ศักยภาพจากทุกธุรกิจในเครือเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำไปสู่การสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของอาร์เอสตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และได้รับผลตอบแทนการลงทุนจากการ IPO ของบริษัทที่ RS เข้าไปร่วมลงทุน
#11027
"บริทาเนีย' ชูความเชี่ยวชาญพัฒนาบ้านจัดสรร วางกลยุทธ์มุ่งสู่เป้าหมายเป็นผู้นำตลาดที่อยู่

'บมจ.บริทาเนีย' หรือ BRI ตอกย้ำความเชี่ยวชาญการพัฒนาบ้านจัดสรร วาง 5 กลยุทธ์หลัก ให้ความสำคัญกับทำเล ออกแบบโครงการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นตลาดที่เป็น Blue Ocean ออกแบบและบริการภายใต้แนวคิด Human Centric และนำนวัตกรรมมาใช้ในการออกแบบโครงการ เพื่อมุ่งสู่ผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI กล่าวว่า บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายเป็นผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรมาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์หลัก 5 ส่วน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยในการพัฒนาโครงการใหม่นั้น บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการพิจารณาทำเลที่ตั้งเป็นอันดับแรก เนื่องจากโลเคชันถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการพัฒนาโครงการ


ทั้งนี้การพัฒนาโครงการในช่วงที่ผ่านมา จึงมุ่งเน้นในทำเลพื้นที่รอบนอกของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีอัตราการเติบโตของประชากรสูง อยู่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน ใกล้ทางด่วนหรือถนนสายหลัก แวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการในพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมหรือเป็นพื้นที่พัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากเป็นแหล่งงานที่สำคัญซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดความต้องการด้านที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนขยายทำเลพัฒนาโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ระยอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสงคราม อุดรธานี เป็นต้น

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการแต่ละแห่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อสร้างความโดดเด่นดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สะท้อนเอกลักษณ์และตัวตนของผู้อยู่อาศัย เช่น การนำสถาปัตยกรรมคลาสสิกมาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมในยุคปัจจุบัน มาปรับใช้กับการออกแบบโครงการเบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ บางนา - พระราม 9 เป็นต้น


ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ Blue Ocean โดยขยายการพัฒนาโครงการในตลาดใหม่หรือทำเลใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในตลาดที่ยังมีการแข่งขันไม่รุนแรง และได้นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการออกแบบและบริการแก่ลูกค้า เพื่อสร้างความแตกต่างและประสบการณ์อยู่อาศัยที่ดีแก่ลูกบ้าน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถปิดการขายโครงการภายในระยะเวลาเฉลี่ย 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี

นางศุภลักษณ์กล่าวอีกว่า กลยุทธ์ที่สำคัญอีกส่วนคือการออกแบบบ้านและบริการภายใต้แนวคิด 'Human Centric' ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยทำการศึกษา วิเคราะห์ความต้องการพื้นฐาน รวมถึงปัญหาต่างๆ ของผู้อยู่อาศัย (Customer Pain Point) เพื่อออกแบบบ้านและนำเสนอบริการที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันและตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยทุกเพศทุกวัย (Universal Design) เช่น การออกแบบครัวไทยไว้ภายนอกบ้าน ออกแบบห้องนอนผู้สูงอายุไว้ที่ชั้น 1 เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนานวัตกรรมการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด B Genius Mode ได้แก่ 1) B Smart Design โดยให้ความสำคัญกับความต้องการที่แท้จริงของผู้อยู่อาศัย 2) B Smart Home Automation โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้บริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านผ่านโมบายแอปพลิเคชัน เช่น ระบบกลอนประตูดิจิทัล สัญญาณกันขโมยที่ประตูและหน้าต่าง ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว ติดตั้งกล้องวงจรปิดในบ้าน เป็นต้น 3) ระบบ B Smart Community โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่ลูกบ้านและแขกที่มาเยี่ยมเยียนสามารถใช้งานได้ โดยสามารถจองใช้งานสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางบางส่วนล่วงหน้าผ่านโมบายแอปพลิเคชันอีกด้วย และ 4) B Smart Home Services บริการที่มากกว่าการอยู่อาศัยแต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เสมือนมีผู้ดูแลส่วนตัว เช่น บริการแม่บ้าน ช่างเทคนิค คนสวน เป็นต้น โดยสามารถจองหรือเรียกใช้บริการผ่านโมบายแอปพลิเคชัน โดยเชื่อว่าด้วยกลยุทธ์ที่วางไว้จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและนำบริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในอนาคต
#11029
สำนักงานบัญชี เอทีเอส บริการบัญชีและภาษี
1158/14  ซอยจันทน์ 37/1  ถนนจันทน์  แขวงทุ่งวัดดอน  เขตสาทร  กรุงเทพฯ 
สนใจติดต่อคุณสมบูรณ์ 089-793-5707 , 02-212-3064
Email : ats_audit@hotmail.com

สำนักงานบัญชี , รับทำบัญชีถนนจันทน์ , รับทำบัญชีบางคอแหลม , รับทำบัญชียานนาวา , รับทำบัญชีพระราม 3 , รับทำบัญชีสาทร , รับทำบัญชีบางรัก ,รับทำบัญชีทุ่งมหาเมฆ , รับทำบัญชีสีลม , รับทำบัญชีศาลาแดง , รับทำบัญชีพระราม1 , รับทำบัญชีสยาม , รับทำบัญชีเพลินจิต , รับทำบัญชีชิดลม , รับทำบัญชีปทุมวัน , รับทำบัญชีเซ็นหลุยส์ , รับทำบัญชีสาธุประดิษฐ์ , รับทำบัญชี , รับทำบัญชีรายเดือน , รับทำบัญชีรายปี , ตรวจสอบบัญชี , ตรวจสอบบัญชีบริษัทจำกัด , ตรวจสอบบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด
#11030
World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้ 24, 2022

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นกว่า 200 จุดช่วงเช้านี้ โดยบรรยากาศการซื้อขายฟื้นตัวขึ้นหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งส่วน ใหญ่เป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ณ เวลา 08.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้น 220 จุด หรือ +0.64% แตะที่ระดับ 34,377 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดในวันศุกร์ (21 ม.ค.) และทำสถิติดิ่งลงเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันนานที่สุดนับ ตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 4.6%, ดัชนี S&P500 ร่วงลง 5.7% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 7.6%

-- นักลงทุนจับตาข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและรัสเซียอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดกระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศคำสั่งให้สมาชิกครอบครัวของผู้ที่ปฏิบัติ หน้าที่ในสถานทูตสหรัฐประจำกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน รีบหนีออกจากยูเครน เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซีย

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังแนะนำให้พลเมืองสหรัฐที่อาศัยอยู่ในยูเครนหาลู่ทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันนี้

แถลงการณ์จากกระทรวงฯ ระบุว่า "เราได้รับรายงานว่ารัสเซียกำลังวางแผนใช้กำลังทางทหารกับยูเครน" โดยสถานการณ์ความมั่นคงในไครเมียซึ่งรัสเซีย ครองอยู่และในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนซึ่งรัสเซียควบคุมอยู่นั้น เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยากและอาจย่ำแย่ลงโดยไม่มีการส่งสัญญาณให้เตรียมตัว

-- ราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังร่วงลงอย่างหนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ

ณ เวลา 06.30 น.ตามเวลาไทย ราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้น 1,015 ดอลลาร์ หรือ 2.87% แตะที่ระดับ 36,403 ดอลลาร์ ส่วนราคาอีเธอร์เรียมอยู่ที่ระดับ 2,528.01 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 105.11 ดอลลาร์ หรือ 4.34%

-- นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน เดือนมี.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดที่กล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ว่า เฟดอยู่ในสถานะที่พร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันทีที่โครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ยุติลง

-- นายเดวิด เมริเคิล นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้ โดยระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น และผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

"เราคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยจะปรับขึ้นในเดือนมีนาคม, มิถุนายน, กันยายน และธันวาคม นอกจากนี้ เราคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ เฟดจะส่งสัญญาณการคุมเข้มนโยบายการเงินในการประชุมทุกครั้งในปีนี้ จนกว่าภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อจะเปลี่ยนแปลงไป" นายเมริเคิลเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ซี เอ็นบีซีเมื่อวานนี้

-- นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาให้ความเห็นว่า นโยบาย Zero-Covid ของจีนเริ่มเป็นภาระต่อระบบ เศรษฐกิจมากขึ้นทุกที เนื่องจากส่งผลกระทบแง่ลบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในประเทศจีนและทั่วโลก

อนึ่ง นโยบาย Zero-Covid ของจีนหมายถึงการใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น การล็อกดาวน์ การตรวจหาเชื้อจำนวนมาก และการบังคับผู้เดินทางเข้าพื้นที่ให้กักตัว เพื่อรักษายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เป็นศูนย์

นางจอร์เจียวาเปิดเผยกับสำนักข่าว CNBC ว่า แผนการควบคุมโควิด-19 ให้อยู่แต่ในวงจำกัดของจีนนั้นประสบความสำเร็จดีในช่วงแรก ๆ แต่ตอนนี้ก็อาจก่อให้ เกิดความเสี่ยงมากกว่าประโยชน์

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยมาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนม.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนม.ค.ของหลายประเทศ ซึ่งได้แก่ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สหภาพยุโรป, อังกฤษ และสหรัฐ
#11031
ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.00 อ่อนค่าตามภูมิภาค จับตาประชุมเฟด กังวลขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าคาด

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.00 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อน ค่าเล็กน้อยจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 32.97 บาท/ดอลลาร์ หลังนักลงทุนปิดรับความเสี่ยงแล้วหันมาถือครองเงินดอลลาร์ และเยน เนื่องจากกังวลธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ

"บาทอ่อนค่าเล็กน้อยจากเย็นวันศุกร์ ตามทิศทางตลาดโลก โดยเกาะกลุ่มไปกับค่าเงินภูมิภาค หลังนักลงทุนเทขาย สินทรัพย์เสี่ยงแล้วมาถือดอลลาร์และเยนแทน เนื่องจากกังวลเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าคาด" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.90 - 33.15 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (21 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.37612% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.36678%

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.79 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ระดับ 113.96/97 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1335 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1340/44 ดอลลาร์/ยูโร
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.012 บาท/
ดอลลาร์
สภาดิจิทัล นักลงทุน สตาร์ตอัพไทย ลิงโลด คิกออฟยกเว้นภาษีกำไรจากการขายหุ้น หรือ Capital Gains Tax
สำหรับการลงทุนในสตาร์ตอัพไทย คาดบังคับใช้ภายในไตรมาสแรก มั่นใจสร้างสตาร์ตอัพไทยใหม่ถึง 5,000 รายภายในปีนี้
รายงานข่าว ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้สรุปตัวเลขงบประมาณที่จะใช้สำหรับโครงการคนละครึ่ง เฟส 4
แล้ว โดยจะเสนอ ครม.อนุมัติวงเงิน 43,500 ล้านบาท สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 4 27-28 ล้านคน คาดหวังว่า
จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรอบนี้ไม่น้อยกว่า 87,000 ล้านบาท จะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลิตภัณฑ์มวลรวม
ในประเทศ (จีดีพี) ราว 0.24%
รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้หารือกับกระทรวงพลังงาน เกี่ยวกับการปรับลดอัตราภาษี
น้ำมันทั้งน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยังสามารถบริหารจัดการดูแลราคาน้ำมันได้
นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ เพื่อดูความชัดเจนว่า เฟดมีแผนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน
เดือนต่อๆ ไปหรือไม่ หลังข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.พุ่งขึ้นรายปีมากที่สุดในรอบ
เกือบ 40 ปี
นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจกดดันให้ธนาคาร
กลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้ โดยระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะส่ง
ผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น และผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.
ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัด

จาก PCE และ Core PCE Price Index เดือนธ.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. จีดีพีไตรมาส 4/64 และจำนวนผู้ขอรับ

สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน
#11032
ชื่อดีเสริมมงคล เกื้อหนุนให้ประสบความเจริญรุ่งเรืองดังใจหวัง

รับวิเคราะห์ชื่อให้ฟรี !!!!

รับตั้งชื่อ ตั้งชื่อเด็ก เปลี่ยนชื่อ หาชื่อมงคล
ใช้ทั้ง 3 ศาสตร์ คือตามหลักทักษา เลขศาสตร์ อายตนะ

ตามความเชื่อแบบไทย "ชื่อ" เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะไม่เพียงจะเป็นคำที่ใช้แทนตัวเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้คุณให้โทษแก่เราอีกด้วย ดังนั้นการ "ตั้งชื่อ" ให้แก่เด็กหรือแม้แต่เปลี่ยนชื่อให้ตัวท่านเอง ต้องทำตามตำราจึงจะเป็นมงคล

การตั้งชื่อมงคลให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ตามเงื่อนไขของทุกศาสตร์ทุกตำรา เพื่อจะได้ชื่อดี ๆ สักชื่อนึงไม่ง่ายเลย ต้องมีการวิเคราะห์ชื่อแยกแยะอักขระ คำนวณวิเคราะห์ร้อยชื่อพันชื่อหากโชคดีอาจได้มาสักชื่อนึงก็เป็นได้ ได้ชื่อแล้วจะต้องดูผลคำทำนายรวมกับนามสกุลอีก ใช้แต่ละศาสตร์กลั่นกรองชื่อ แต่ละชื่อใช้เวลาในการคำนวณพอสมควร

ค่าครูในการตั้งชื่อ 299 บาท (จากปกติ 599 บาท) ท่านจะได้รับ

รับชื่อมงคล 2-3 ชื่อ มีคำอ่านและคำแปลของชื่อ
วิเคราะห์ชื่อใหม่ให้ทั้ง 3 ศาสตร์ ไม่ว่าหลักทักษา หลักเลขศาสตร์ หลักอายตนะ
ชื่อที่ได้รับจะผ่านการทำพิธีเสริมดวง เสริมมงคลให้ด้วย
ฤกษ์ในการเปลี่ยนชื่อ
พิธีกรรมที่ส่งเสริมการใช้ชื่อใหม่ ให้เกิดความเป็นสิริมงคล

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม วิเคราะห์ชื่อฟรี ตั้งชื่อ เปลี่ยนชื่อ ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/3
  
#11037
ใครจะคิดยังไงก็คิดไป!คล็อปป์ยันไม่หวนดูจังหวะจุดโทษ

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ยักไหล่ไม่สนเสียงวิจารณ์จังหวะ 'วีเออาร์' ที่ทำให้ทีมได้จุดโทษในแมตช์ทุบ คริสตัล พาเลซ เกมลีกช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมระบุเข้าใจหัวอกของเจ้าบ้านที่ไม่พอใจจังหวะนั้น แต่ตนไม่รู้จะช่วยยังไง
     เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันของ ลิเวอร์พูล ไม่สนกลับไปดูจังหวะดราม่าที่ 'หงส์แดง' ได้จุดโทษจนนำไปสู่ประตูตอกฝาโลง ในเกมบุกชนะ คริสตัล พาเลซ 3-1 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา

     ในช่วงครึ่งหลัง 'ดิ อีเกิ้ลส์' ทำผลงานไล่กดดันทีมเยือนอย่างหนักจนสามารถได้ประตูตีไข่แตกทำให้สกอร์ตามหลัง 1-2 จากนั้นพวกเขาก็มีโอกาสหลายครั้งที่จะยิงตีเสมอ แต่ได้ความสุดยอดของ อลิสซง เบ็คเกอร์ ช่วยเซฟเอาไว้ได้

 

ใครจะคิดยังไงก็คิดไป!คล็อปป์ยันไม่หวนดูจังหวะจุดโทษ
 

     จนกระทั่งในช่วงไม่กี่นาทีจะหมดเวลา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โยนยาวให้ ดีโอโก้ โชต้า ได้หลุดเดี่ยว และโดน บิเซนเต้ ไกวต้า นายทวารเจ้าบ้านชนล้ม โดยจังหวะนั้น เควิน เฟรนด์ กรรมการได้เช็ค 'วีเออาร์' เรียบร้อยและยืนยันให้เป็นจุดโทษ ก่อน ฟาบินโญ่ จะซัดเข้าไปทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บ 3 แต้มสำเร็จ

     สำหรับในกรณีนี้ คล็อปป์ แสดงความเห็นว่า 'ประตูที่สามของเราสำคัญมาก ผมยังไม่ได้กลับไปดู แต่ผมคิดว่าคงไม่ต้องดูเพราะเราคิดว่ามันเป็นลูกโทษเช่นเดียวกับผู้ตัดสิน'

     'คริสตัล พาเลซ คงไม่พอใจซึ่งผมสามารถเข้าใจได้ มันเป็นสามแต้มที่มีค่าสำหรับเรา เราสามารถหายใจหายคอได้มากขึ้นแล้วในตอนนี้ซึ่งจะช่วยเราได้มาก จากนั้นเราจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง' กุนซือเลือดด๊อยท์ช ระบุ