• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chanapot

#3021


องค์กรด้านสาธารณสุขทั่วโลกต่างเป็นด่านหน้าที่กำลังต่อสู้กับโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามาช่วยจัดการสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและน่าทึ่ง ในฐานะด่านหน้าทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก พวกเขามุ่งมั่นที่จะทำให้ระบบสาธารณสุขมีความยืดหยุ่น และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีในระดับองค์กรรูปแบบใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น

การประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนในอนาคต องค์กรด้านสาธารณสุขในประเทศไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง "พร้อมสำหรับอนาคต" หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีความยืดหยุ่นที่สามารถรองรับการดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่จากทุกที่ โดยการวางรากฐานระบบดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยให้องค์กรด้านสาธารณสุขของไทยสามารถใช้นวัตกรรมใหม่ๆ, สร้างความยืดหยุ่น และมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพในรูปแบบดิจิทัลที่จะช่วยสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้รับบริการ

นี่คือภาพรวมกลยุทธ์เชิงลึก 8 ประเด็น ที่แสดงให้เห็นว่า การระบาดของไวรัสครั้งนี้ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาคสาธารณสุขของประเทศไทยได้อย่างไร

กลยุทธ์เชิงลึก #1: โควิด-19 ได้ทำลายอุปสรรคที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

โควิด-19 เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเร่งการพัฒนาแผนงานทางเทคโนโลยีรองรับอนาคต จากการศึกษาของ Digital Frontiers 3.0 จาก VMware พบว่าผู้บริโภคชาวไทยไว้วางใจในเทคโนโลยีแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ (70%), 5G (81%) และระบบการจดจำใบหน้า (74%)[1]

องค์กรไอทีที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสาธารณสุข ตระหนักถึงข้อดีของรากฐานทางดิจิทัลที่แข็งแรงที่สามารถสนับสนุนการทำงานบน คลาวด์, แอปพลิเคชัน และอุปกรณ์ที่หลากหลาย ช่วยให้ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้แน่ใจว่าจะมีความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและมีความหยืดหยุ่น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วด้านเทคโนโลยีดิจิทัลนี้ เป็นหัวใจสำคัญในการช่วยเหลือและดูแลผู้ป่วยที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นจนล้นโรงพยาบาลให้มีสุขภาพดีและปลอดภัย

กลยุทธ์เชิงลึก #2: การบริโภคและความต้องการของผู้ป่วยเป็นสิ่งสร้างความแตกต่างทางธุรกิจรูปแบบใหม่

จากการสำรวจล่าสุดของ Forrester ในกลุ่ม CIOs และ SVPs ทางด้านสาธารณสุขทั่วโลก พบว่า องค์กรทางด้านสาธารสุขมากกว่าครึ่งหนึ่ง (51%) เพิ่มการลงทุนเกี่ยวกับความต้องการของผู้ป่วย โดย 64% ของผู้ตอบแบบสอบถามจากการศึกษาของ VMware's Digital Frontiers 3.0 กล่าวว่า พวกเขาจะเปลี่ยนไปใช้บริการในสถานบริการใหม่ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากัน หากการจัดการทางด้านดิจิทัลของสถานบริการที่ใช้บริการอยู่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ดังนั้นองค์กรทางด้านสาธารณสุขในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้งาน เช่น ระบบแอปพลิเคชันที่ทันสมัย รวมถึงระบบคลาวด์ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและนำเสนอแนวทางการบริการดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่ให้แก่ผู้ป่วย

กลยุทธ์เชิงลึก #3: การให้บริการดิจิทัลรูปแบบใหม่สร้างความเสี่ยงทางไซเบอร์มากยิ่งขึ้น

บริการใหม่ ๆ ผ่านระบบดิจิทัลกำลังเพิ่มความเสี่ยงทางไซเบอร์ จากการสำรวจของ VMware's Digital Frontiers 3.0 พบว่า ผู้บริโภคชาวไทย 45% ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของการบริการผ่านดิจิทัลเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ดังนั้นองค์กรทางด้านสาธารณสุขจึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า องค์กรมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็งแบบ zero-trust, มีนโยบายและการควบคุมสิทธิ์อย่างน้อยต้องครอบคลุมทั้ง on-premises, บนคลาวด์ ไปจนถึงอุปกรณ์ปลายทาง

กลยุทธ์เชิงลึก #4: Telehealth และความสามารถในการกระจายการทำงาน เปลี่ยนจาก "สิ่งที่ควรมี"กลายเป็น"สิ่งที่ต้องมี"

ด้วยความแตกต่างจากอุตสาหกรรมอื่นๆ งานทางด้านสาธารณสุขเป็นสิ่งที่ต้องลงมือปฎิบัติ ในสภาพแวดล้อมของการทำงานแบบกระจายตัว รวมถึงเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ใช้ในการทำงานร่วมกัน ตัวอย่างเช่น Digital workspace ที่รวมการจัดการอุปกรณ์ และการระบุตัวตน กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ให้บริการด้านการดูแลผู้ป่วย รวมถึงแนวทางในการบริการ telehealth, และเป็นเจ้าภาพให้กับพนักงานผู้ต้องปฏิบัติหน้าที่ในรูปแบบใหม่ ซึ่งไอทีสามารถช่วยให้ผู้ดูแลผู้ป่วยสามารถดูแลผู้ป่วย พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลได้แบบเรียลไทม์และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเลือกใช้งานตามแพลตฟอร์มที่ต้องการได้



กลยุทธ์เชิงลึก #5: การลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการปฏิรูปกำลังเพิ่มมากขึ้น – โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจด้านสาธารณสุขมีมากกว่าอุตสาหกรรมประเภทอื่น

จากการศึกษาของ VMware-MIT Executive Study พบว่า ผู้ให้ดูแลทางด้านสุขภาพที่ตอบแบบสอบถามเกือบทั้งหมด (98%) กล่าวว่าพวกเขาหวังว่าจะสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้ ด้วยการลงทุนในการปรับปรุงเทคโนโลยีที่มีให้สามารถรองรับการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ในขณะที่ผู้บริหารองค์กรทางด้านสาธารณสุขและคณะกรรมการบริษัทตระหนักถึงคุณค่าในการลงทุนทางด้านไอทีสำหรับการสาธารณสุข ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของผู้ให้การดูแล, และประสบการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ในองค์กร โดยธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้จะได้รับประโยชน์จากการวางแผนเชิงรุกและการเปิดรับเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในองค์กร อันจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ จากนวัตกรรมดิจิทัลอีกด้วย

กลยุทธ์เชิงลึก #6: เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ (HIT) ที่ยืดหยุ่น คือ กุญแจสู่ความสำเร็จทางดิจิทัล – การทำงานแบบอัตโนมัติและมัลติ-คลาวด์ คือ อนาคต

เมื่อมีคำถามเกี่ยวกับความยืดหยุ่น มากกว่าครึ่ง (58%) ขององค์กรทางด้านสาธารณสุขที่ตอบการสำรวจจากแบบสำรวจเดียวกันของ VMware-MIT กล่าวว่าประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ

โครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีของงานสาธารณสุขแบบอัตโนมัติรวมถึงรูปแบบของการดำเนินงาน ถูกยกให้เป็นความคิดริเริ่มอันดับต้นๆ เนื่องจากองค์กรทางด้านสาธารณสุขมองหาช่องทางการป้องกันสุขภาพ และเพื่อความปลอดภัยของผู้ให้บริการดูแลผู้ป่วย โดยการส่งเสริมการให้มีการบริการดูแลสุขภาพทางไกล รวมถึงสนับสนุนการทำงานแบบที่พนักงานไม่จำเป็นต้องสัมผัสผู้ป่วยผ่านการทำงานแบบ work-from-home

กลยุทธ์เชิงลึก #7: การเติบโตของคลาวด์ที่เพิ่มขึ้น – การประยุกต์ใช้เพื่อสร้างสมดุลทางสาธารณสุข

ไม่มีข้อกังขาในคุณประโยชน์ในการใช้งานคลาวด์อีกต่อไป เพียงประยุกต์ใช้ unified digital foundation จะช่วยให้องค์กรทางด้านสาธารณสุขสามารถลดความซับซ้อนในการปรับใช้ระบบคลาวด์โดยขยายไปสู่มัลติ-คลาวด์ได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องปรับทักษะ, ปรับโครงสร้างแอปพลิเคชัน หรือปรับแต่งเครื่องมือใหม่ สิ่งเหล่านี้ช่วยปรับปรุงการมีส่วนร่วมของผู้ป่วย รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของผู้ดูแลและเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม การรักษาธรรมาภิบาลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบยังคงเป็นความท้าทายอันดับต้น ๆ ในการปฏิบัติงาน

กลยุทธ์เชิงลึก #8: การฟื้นตัวจากวิกฤติ เทียบไม่ได้กับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่องค์กรทางด้านสาธารณสุขระบุว่าพวกเขามีแผนสร้างความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจก่อนเกิดการระบาดใหญ่ ผู้บริหารในกลุ่มสาธารณสุข 3 ใน 10 คนที่ร่วมทำแบบสำรวจของ VMware-MIT รู้สึกว่าแผนของพวกเขามีประสิทธิภาพน้อยลงเมื่อต้องพยายามรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาด สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่องค์กรต้องมีความพร้อมรับต่ออนาคตเพื่อบูรณาการความต่อเนื่องทางธุรกิจ พร้อมด้วยแผนการฟื้นฟูองค์กรจากวิกฤติเข้าไว้ในการดำเนินงานทั้งหมด เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และปรับให้เข้ากับสภาพความเป็นจริงใหม่ และเร่งสร้างนวัตกรรม

วิกฤตการณ์ COVID-19 เป็นบททดสอบล่าสุด – ที่รุนแรงที่สุด – เป็นการทดสอบความสามารถขององค์กรด้านสาธารณสุขในการตอบสนองและการประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่เลวร้าย พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความคล่องตัวและความยืดหยุ่นของระบบสาธารณสุข รวมถึงการใช้งานสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีที่เหมาะสม การให้อำนาจแก่ผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติหน้าที่ดูแล การมีแนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครอบคลุม เมื่อมองไปในอนาคต, สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยพัฒนาให้ระบบสาธารณสุขก้าวไปสู่โลกแห่งดิจิทัลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
#3022


นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทได้บรรลุความสำเร็จในการร่วมทุนกับ บริษัท พีทีที โกล. แอลเอ็นจี จำกัด (PTTGL) บริษัทย่อยของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งร่วมทุนระหว่าง ปตท. และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิต ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ในสัดส่วนร้อยละ 50:50

โดย PTTGL ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์แอลเอ็นจี เจวี จำกัด จำนวน 250,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 25,000,000 บาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 50 โดยมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจร่วมกันเพื่อจัดหาและจำหน่าย LNG รวมทั้งแสวงหาโอกาสในธุรกิจอื่น ๆ ใน LNG value chain ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพ ความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงต่อยอดการประกอบธุรกิจของ BGRIM



นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าPTTGLได้ดำเนินการธุรกรรมการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัทบี.กริม เพาเวอร์ แอลเอ็นจี เจวี ( BGP LNG JV )แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 23สิงหาคม 2564 ส่งผลให้ PTTGLและ BGRIMจะมีสัดส่วนการถือหุ้นที่เท่ากันจํานวนร้อยละ 50ในBGP LNG JV

ทั้งนี้บริษัท BGP LNG JVมีวัตถุประสงค์ในการดําเนินธุรกิจจัดหาและจัดจําหน่าย LNGรวมทั้งแสวงหาโอกาสในธุรกิจอื่นๆใน LNG value chainทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งเป็นการดําเนินการตามแผนกลยุทธ์ของปตท.ในการมุ่งสู่พลังงานอนาคต (Future Energy)และเป็นการสร้างพันธมิตรเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจกับคู่ค้าที่มีศักยภาพ
#3023


นายวุฒิ โอภาศเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท คาร์ โก (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน 2564 คาร์โก "เอ้าท์เล็ทรถมือสอง ราคาขายส่ง" จัดรายการลดล้างสต๊อกรถมือสองครั้งใหญ่ โดยมีโปรโมชั่นให้ลูกค้าแบบเดือดๆ ต่อเนื่อง 7 วัน 7 คืน เพื่อกระตุ้นทั้งยอดขายและกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมๆกัน ช่วยแบ่งเบาภาระลูกค้าที่อยากได้รถมือสองสภาพเยี่ยมในราคาสุดคุ้ม โดยมีไฮไลต์เด็ด เพิ่มส่วนลดให้ลูกค้าทันทีถึง 10 เท่า ของเงินจอง สูงสุดถึง 180,000บาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการได้ดีลพิเศษเมื่อซื้อด้วยเงินสด ซึ่งโปรโมชั่นเดือดพิเศษนี้มีเพียง 7 วัน เท่านั้น!!!



ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท คาร์ โก (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รถมือสองที่ คาร์ โก ยกขบวนมาลดล้างสต๊อกพร้อมให้โปรโมชั่นแบบเดือดๆ 7 วัน 7 คืน รอบนี้ มีหลายรุ่นให้เลือกเป็นเจ้าของ ทั้งในกลุ่มรถหรู คอมแพคคาร์ รถครอบครัว รถอเนกประสงค์ รถกระบะ รวมถึงรถตู้ แต่ละกลุ่ม แต่ละรุ่น มีหลายโมเดลให้เลือกตอบโจทย์การใช้งาน ที่สำคัญทุกคันมีสภาพนางฟ้า เหมือนใหม่ ทั้งภายใน ภายนอก ใช้งานต่อได้ยาวๆ อย่างสบายใจ เพราะทุกคันมีประวัติดี การันตีจาก คาร์ โก ว่าไม่มีย้อมแมวเด็ดขาด ลูกค้าจึงมั่นใจได้ ทั้งนี้ขอให้รีบจอง เพราะบางรุ่นมีคันเดียว ใครจองก่อนมีสิทธิ์ก่อน



ตัวอย่างราคารถมือสองสุดฮอตที่ คาร์ โก นำมาจัดโปรโมชั่นลดเดือดห้ามพลาด 7 วัน 7 คืน เมื่อซื้อเงินสด เช่น
• วันที่ 1 26 สิงหาคม 2564 Toyota Commuter 3.0 A/T ราคา 579,000 บาท ลดเหลือ 532,000 บาท
• วันที่ 2 27 สิงหาคม 2564 Mercedes Benz S300 Bluetec 3.0 A/T ราคา 1,190,000 บาท ลดเหลือ 1,175,000 บาท
• วันที่ 3 28 สิงหาคม 2564 Toyota Revo Smart 2.4 J M/T ราคา 349,000 บาท ลดเหลือ 322,000 บาท
• วันที่ 4 29 สิงหาคม 2564 Mercedes Benz C350e Exclusive A/T ราคา 1,190,000 บาท ลดเหลือ 1,150,000 บาท
• วันที่ 5 30 สิงหาคม 2564 Toyota Vios J A/T ราคา 319,000 บาท ลดเหลือ 294,000 บาท
และ Toyota Altis 1.6G A/T ปี 2016 ราคา 379,000 บาท ลดเหลือ 349,000 บาท
• วันที่ 6 31 สิงหาคม 2564 Honda Civic 1.8 EL A/T ราคา 599,000 บาท ลดเหลือ 539,000 บาท
• วันที่ 7 1 กันยายน 2564 Honda City 1.5 S CNG A/T ราคา 330,000 บาท ลดเหลือ 304,000 บาท



ตลอดช่วงโปรโมชั่นเดือด 7 วัน 7 คืน สำหรับลูกค้าที่มองหา Toyota Vios 1.5 A/T ยังสามารถเป็นเจ้าของรถมือสองรุ่นยอดฮิตนี้ในราคาเริ่มต้นเพียง 294,000 บาท เท่านั้น ขณะที่ลูกค้าที่ชอบแคมเปญ ผ่อนเริ่มต้นวันละ 160 บาท ก็ยังมีสิทธิ์เลือกเข้าแคมเปญนี้ ตามนโยบายของ คาร์ โก อยากช่วยให้ลูกค้ามีรถส่วนตัวไว้ใช้เพื่อความปลอดภัย เป็นส่วนตัว และเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ที่เมื่อเทียบค่าใช้จ่ายแล้ว ซื้อรถมือสองใช้คุ้มกว่าจ่ายค่าเดินทางไปทำงานทุกวันมาก



ลูกค้าสามารถเช็คส่วนลดพิเศษ จาก คาร์ โก ได้ทุกวันที่ Facebook : Cargousedcar ซึ่งหากออกรถภายในเดือนสิงหาคม คาร์ โก ยังใจดี มอบทองคำหนัก 1 สลึง ให้ออนท๊อปเพิ่มด้วย สนใจชมคันจริงได้ที่ คาร์ โก ทุกสาขา หรือนัดหมายล่วงหน้าผ่าน Line : @cargousedcar เพื่อใช้บริการวีดีโอคอลชมรถแบบเรียลไทม์ รวมถึงขอรับบริการส่งรถให้ลองขับฟรีถึงหน้าบ้าน บริการจัดไฟแนนซ์ให้ถึงบ้านแบบสะดวกสุดๆ มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกเรื่องเอกสารครบทุกกระบวนการ เพื่อให้ลูกค้าได้รถยนต์มือสองคุณภาพดีไปใช้งานง่ายๆ ได้อย่างมั่นใจ



ติดต่อ คาร์ โก "เอาท์เล็ทรถมือสอง ราคาขายส่ง" ทั้ง 3 สาขา ได้ที่
• สาขาสุวรรณภูมิ 02-737-8888
• สาขากาญจนาภิเษก 098-456-7810
• สาขาโคราช 098-456-7816
#3024


ปัญหาที่คนมี "หนี้บ้าน" หลายคนกำลังประสบอยู่ในตอนนี้ คือขาดสภาพคล่องเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ไม่สามารถผ่อนชำหนี้ได้ตามปกติ หรือมีโอกาสที่จะผ่อนชำระไม่ไหวในอนาคตอันใกล้ สำหรับลูกหนี้ ที่ได้รับผลกระทบในลักษณะนี้ ควรทำอย่างไร เพื่อให้สามารถผ่อนชำระต่อไปได้ หรือสามารถประคับประคองสถานการณ์นี้ไว้ได้ไม่ให้ไปถึงขั้น "ถูกยึดบ้าน"

"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คนที่กำลังผ่อนบ้านและประสบปัญหาทางการเงินหาทางออกในช่วงวิกฤติเช่นนี้ไปได้ แบบไม่เสียประวัติการชำระหนี้ แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้


 1. ประเมินตัวเอง ไม่ไหวอย่าฝืน 

สิ่งที่ต้องเริ่มต้นทำอย่างจริงจังเมื่อเริ่มรู้ตัวว่ารายได้หรือเงินเดือนลดลง ณ ช่วงเวลาหนึ่งเรื่องมีปัญหาจนอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน คือ การประเมินตัวเองว่ามีกำลังในการชำหนี้ตามสัญญาเงินกู้ที่กำหนดไว้หรือไม่ 


โดยอาจใช้วิธีลิสต์รายการ รายรับและรายจ่ายที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า 3-6 เดือน เพื่อให้เห็นว่าในแต่ละเดือนเราจะมีเงินเพียงพอครอบคลุมภาระเหล่านี้หรืออยู่หรือไม่ ขาดหรือเกินอยู่เท่าใดบ้าง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้รู้ตัวว่าจ่ายหนี้ไหว หรือไม่ไหวในอนาคต

หากรู้ตัวเริ่ม "ขาดสภาพคล่อง" หรือรู้ตัวว่าหากชำระหนี้ตามปกติแล้วจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน หรือจ่ายไม่ไหวด้วยเหตุอื่นๆ จะต้องรีบติดต่อธนาคารเจ้าหนี้ของเรา เพื่อหาทางออก

เพราะหากปล่อยเอาไว้ ผลเสียที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่แค่มีโอกาสถูกยึดบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงประวัติทางการเงินที่จะเสียหายหนัก ซึ่งส่งผลถึงการทำธุรกรรมต่างๆ ในอนาคตอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหากทรัพย์สินมีมูลค่าน้อยกว่ายอดหนี้ คุณก็ยังคงต้องหาเงินมาชำระหนี้ส่วนที่ขาดเพิ่มเติมด้วย

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

 2. ติดต่อธนาคาร 

เมื่อประเมินกำลังการจ่ายของตัวเองแล้ว มีแนวโน้มจ่ายไม่ไหวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า สามารถติดต่อธนาคารเจ้าหนี้เพื่อหาทางออกร่วมกัน ในกรณีที่เป็น "หนี้บ้าน"

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แนะนำว่า มีโอกาสเจรจากับธนาคารเพื่อใช้มาตรการช่วยเหลือในกรณีต่างๆ ได้หลายทาง เช่น 

- การขอผ่อนชำระยอดหนี้ค้าง
- ยื่นขอขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ
- ชะลอการฟ้องร้อง
- ประนีประนอมยอมความ
- ชะลอการยึดทรัพย์
- ชะลอการขายทอดตลาด

อย่างไรก็ตาม จะใช้กรณีช่วยเหลือแบบไหนนั้นย่อมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา และยอดหนี้คงเหลือด้วย นั่นหมายความว่าธนาคารแต่ละธนาคารจะพิจารณาเป็นกรณีๆ ไปนั่นเอง

 3. สำรวจมาตรการช่วยจากธนาคาร กรณีได้รับผลกระทบจากโควิด-19 

ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้ธนาคารหลายแห่งมีมาตราการออกมารองรับสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งแต่ละธนาคารมีนโยบายที่แตกต่างกันออกไปตามประเภทของสินเชื่อ โดยแบ่งลักษณะมาตรการช่วยเหลือหลักๆ ออกได้เป็น 5 รูปแบบ ที่มีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันออกไป ซึ่งในฐานะของลูกหนี้ ควรทำความเข้าใจและพิจารณาก่อนเข้าร่วมมาตรการ ดังนี้

ตรวจสอบสิทธิ 'ประกันสังคม' ม.39 www.sso.go.th รับเงินเยียวยา 5,000 บาท 23 ส.ค.นี้ เช็ครายละเอียดที่นี่
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ จับตา! พบเสียชีวิต 242 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 17,491 ราย ไม่รวม ATK อีก 901 ราย
เมื่อติดโควิด-19 จะรับ ATK- ยาฟรี @ 'ร้านขายยา' ได้อะไรบ้าง?

นอกจากนี้ลูกหนี้ยังสามารถตรวจสอบมาตราการช่วยเหลือรูปแบบต่างๆ จากธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้ ที่นี่ เพื่อร่วมกับหาทางบริหารจัดการหนี้ในช่วงวิกฤตินี้ให้ผ่านไปได้แบบได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และไม่เสียเครดิตลูกหนี้ชั้นดีไปในอนาคต

ที่มา: ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารแห่งประเทศไทย
#3025


ข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) เดือน มิ.ย. 64 พบว่า มี วัคซีนโควิด-19 ที่อยู่ในขั้นการทดลองในมนุษย์กว่า 100 รายการ และอีก 184 รายการ อยู่ในขั้นศึกษาวิจัย สำหรับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการพัฒนา วิจัย วัคซีนโควิด-19 ในหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ และ มหาวิทยาลัย

ปัจจุบัน การวิจัยพัฒนา วัคซีนโควิด-19 ในประเทศ มีความก้าวหน้าตามลำดับ อาทิ วัคซีนชนิด Protein Subunit ของบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่ระหว่างทดสอบในมนุษย์เฟส 1 , วัคซีนชนิด mRNA ของศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเข้าสู่การทดสอบในมนุษย์ระยะ 2 , วัคซีนโควิด-19 HXP–GPOVac ขององค์การเภสัชกรรม และอีก 1 ชนิด อยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง คือ วัคซีนโควิเจน ชนิด DNA ของบริษัท Bionet-Asia จำกัด

"ChulaCOV19" 


ซึ่งพัฒนาโดย ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย เป็นวัคซีนชนิด mRNA เช่นเดียวกับไฟเซอร์ และโมเดอร์นา มีการทดลองในสัตว์ทดลองทั้งหนู และลิง พบว่ามีประสิทธิภาพ สร้างภูมิคุ้มได้ในระดับสูง ล่าสุดทดลองในกลุ่มอาสาสมัคร อายุ 18-55 ปี 36 คน ในเดือน มิ.ย. ผลอาสาสมัคร ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ มีผลข้างเคียงอยู่ในระดับเล็กน้อยหรือปานกลาง


"ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม" ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า ผลการทดลองในกลุ่มอาสาสมัครที่ฉีดวัคซีน ChulaCov19 พบว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิดแอนตี้บอดี้ ได้เทียบเท่ากับวัคซีนชนิด mRNA อย่าง ไฟเซอร์ โดยสามารถยับยั้งการจับโปรตีนที่กลุ่มหนามได้ 94% เท่ากับไฟเซอร์ 94%

รวมถึงสามารถกระตุ้นแอนตี้บอดี้ได้สูงมากในการยับยั้งสายพันธุ์ดั้งเดิม แอนตี้บอดี้ที่สูงนี้สามารถยับยั้งเชื้อข้ามสายพันธุ์ได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ คือ อัลฟ่า เบต้า แกมม่า และเดลต้า อีกทั้งสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิด T-cell ซึ่งจะช่วยขจัดและควบคุมเชื่อที่อยู่ในเซลล์ของคนที่ติดเชื้อได้

สามารถอยู่ในอุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) ได้นานถึง 3 เดือน เก็บในอุณหภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) ได้นาน 2 สัปดาห์ พร้อมกันนี้ จะทำการเดินหน้าทดลองเฟส 2 ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ และหากกติกาของ อย. ไม่จำเป็นต้องทดลองในเฟส 3 คาดว่าจะได้ใช้ราว เม.ย. 2565

นอกจากนั้น จุฬาฯ ได้มีการเตรียมโรงงานในการผลิตจากโรงงานของบริษัทไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ในประเทศไทย ซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตรองรับมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งหากผลการศึกษาวิจัยสำเร็จตามแผนจะใช้โรงงานแห่งนี้ในการผลิตวัคซีนโควิด ชนิด mRNAของจุฬาฯ โดยคาดว่าโรงงานจะสามารถผลิตได้ 30-50 ล้านโดสต่อปี ทำให้สามารถปิดช่องว่างวงจรการผลิตวัคซีนในไทยได้


"วัคซีนชนิด Protein Subunit" 
ผลิตโดยนักวิทยาศาสตร์ไทย ผศ.ภญ.ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ และรศ. ดร.วรัญญู พูลเจริญ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ก่อตั้งบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด พัฒนาวัคซีนโควิด-19 และแอนติบอดีในการยับยั้งไวรัสจากใบยาสูบชนิดพิเศษได้สำเร็จ โดยใช้เทคนิคการใช้พืชเพื่อผลิตโปรตีนนั้น โดยใบยาสูบที่นำมาใช้นั้นเป็นสายพันธุ์ที่มีนิโคตินระดับต่ำมาก

ที่ผ่านมา วัคซีนใบยาได้ผ่านการทดสอบในหนูและลิง ด้วยการฉีด 2 เข็มห่างกัน 3 สัปดาห์ ผลการทดสอบปรากฏว่าลิงมีความปลอดภัย และไม่เกิดผลข้างเคียงใด ๆ ผลเลือดในลิงที่ใช้ทดลองมีค่าเอนไซม์ตับปกติ อีกทั้งจำนวนเม็ดเดือดแดงและเม็ดเลือดขาวอยู่ในเกณฑ์ปกติ มีการกระตุ้น T Cell ได้ดีในลิง กระบวนการผลิตวัคซีนที่ใช้พืช สามารถผลิตเป็นจำนวนครั้งละมากๆ ได้

สามารถยกระดับจากการผลิตวัคซีนในห้องทดลอง มาเป็นการผลิตวัคซีนระดับอุตสาหกรรมได้ทันที โดยตั้งเป้าการผลิตวัคซีนจากใบยาสูบราว 10,000 โดสต่อเดือน เริ่มเปิดรับอาสาสมัครเพื่อทดสอบวัคซีนกลุ่มแรกจำนวน 50 คน อายุ 18 – 60 ปีสุขภาพแข็งแรงและไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน คาดพร้อมฉีดให้คนไทยช่วงกลางปี 2565 ในราคาต้นทุนโดสละ 300 – 500 บาท


"วัคซีน HXP–GPOVac" 
พัฒนาโดยองค์การเภสัชกรรม ร่วมกับ ศูนย์วัคซีน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล "นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์" ผอ.องค์การเภสัชกรรม เผยว่า วัคซีนโควิด-19 HXP-GPO Vac ขององค์การเภสัชกรรม เป็นวัคซีนเชื้อตายไวรัลแวกเตอร์ ผลการศึกษาวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 1 อาสาสมัคร 210 คน อายุ 18-60ปี ใช้สูตรวัคซีน 5 สูตร

และเลือก 2 สูตรเพื่อใช้ในการศึกษาในมนุษย์ระยะ 2 ใช้อาสาสมัคร 250 คน อายุ 18-75 ปี ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 มาก่อน หากผลเป็นไปตามเป้าจะมีการเดินหน้าศึกษาในระยะที่ 3 ต่อไปที่เหลือวัคซีนเพียง 1สูตร คาดยื่นขึ้นทะเบียน อย. เพื่อใช้กรณีฉุกเฉินราวกลางปี 2565 และจะใช้โรงงานผลิตของอภ.ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ระยะต้นมีกำลังการผลิตได้ 20-30 ล้านโดสต่อปี

ตรวจสอบสิทธิ 'ประกันสังคม' ม.39 www.sso.go.th รับเงินเยียวยา 5,000 บาท 23 ส.ค.นี้ เช็ครายละเอียดที่นี่
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ จับตา! พบเสียชีวิต 242 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 17,491 ราย ไม่รวม ATK อีก 901 ราย
เมื่อติดโควิด-19 จะรับ ATK- ยาฟรี @ 'ร้านขายยา' ได้อะไรบ้าง?

"วัคซีนโควิเจน ชนิด DNA" 
พัฒนาโดยบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด มีผลการทดสอบในหนูทดลองพบว่า วัคซีนมีความปลอดภัย และสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อทดสอบในมนุษย์ในระยะที่ 1 คาดว่าจะวิจัยในคนระยะที่ 2 และ 3 ในปีนี้ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 มิ.ย 64) โดยมีแผนการทดสอบในมนุษย์ในระยะที่ 1 ในประเทศออสเตรเลียคู่ขนานกันไป


"วัคซีนแบบพ่นจมูก" 
ชนิด Adenovirus-based และ Influenza-based พัฒนาโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ผ่านการทดสอบการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในหนูทดลองเรียบร้อยแล้ว พบว่ามีประสิทธิภาพต่อการคุ้มโรคที่เกิดขึ้น ซึ่งข้อมูลที่ได้จะผลักดันให้เป็นวัคซีนต้นแบบป้องกันโรค COVID-19 สามารถนำไปทดสอบทางคลินิกในอาสาสมัครต่อไป

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค สวทช. ให้ข้อมูลว่า วัคซีนชนิด Adenovirus ออกแบบโดยการพ่นเข้าจมูกผ่านละอองฝอย ผ่านการทดสอบในหนูทดลองที่ฉีดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว พบว่า หนูทดลองนอกจากไม่มีอาการป่วย ยังมีน้ำหนักขึ้นสูงกว่ากลุ่มที่ฉีดเข้ากล้ามอย่างเห็นได้ชัด ผลการทดสอบความปลอดภัย การผลิตในระดับ GMP ร่วมมือกับบริษัท KinGen BioTech กำลังจะทดสอบวัคซีนนี้ในอาสาสมัครมนุษย์ในรูปแบบที่สร้างจากไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ในเร็วๆ นี้

ส่วนชนิด Influenza virus อยู่ระหว่างต่อคิวทดสอบประสิทธิภาพการคุ้มโรคโควิด-19 และผลการวิจัยเรื่องระดับภูมิคุ้มกันในหนูทดลอง พบว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันทั้งในรูปแบบแอนติบอดี และ T cell ได้สูง โดยร่วมกับทีมองค์การเภสัชกรรม และมีแผนจะออกมาทดสอบความปลอดภัยต่อไป หากไม่มีผลข้างเคียงจะยื่นอย. เพื่อขอทดสอบในมนุษย์ โดยร่วมกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ คาดเริ่มทดสอบเฟสแรกปลายปี 64 และเฟส 2 มี.ค. 65 หากได้ผลดีจะสามารถผลิตใช้ได้กลางปี 65
#3026


วันนี้ (22 ส.ค.) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เทศกาลสารทจีนของทุกปี ชาวไทยเชื้อสายจีนจะมีพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งจะใช้ทั้งอาหารคาว หวาน ผลไม้ เช่น ไก่ หมู เป็ด ไข่ หมึก ปลา ขนมเทียน ขนมถ้วยฟู ขนมสาลี่ ขนมปุยฝ้าย ขนมเปี๊ยะ ส้ม หรือผลไม้ตามใจชอบ รวมถึงกระดาษเงิน กระดาษทอง เป็นต้น แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การเลือกซื้อของเซ่นไหว้ทางออนไลน์ จึงเป็นทางเลือกช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดโรค แต่สิ่งที่ต้องระวังในการเลือกซื้อของเซ่นไหว้ทางออนไลน์นั้น ควรพิจารณาดังนี้ 1) เลือกชื้อจากผู้ประกอบการที่เชื่อถือได้ โดยดูจากการประกอบการที่ทำมาอย่างต่อเนื่องระยะเวลานาน ชื่อเสียง และเสียงสะท้อนจากลูกค้าหรือรีวิว และควรเน้นช่องทางการติดต่อกับผู้ขายที่ชัดเจนและสะดวก เวลามีปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้า จะสามารถสอบถามหรือเปลี่ยนแปลงหรือคืนสินค้าได้ 2) เลือกซื้อจากผู้ประกอบการที่มีการรับรองคุณภาพสินค้าหรือสามารถแลกเปลี่ยนหรือคืนสินค้าได้ ของเซ่นไหว้ที่เป็นอาหารต้องเน้นที่คุณภาพเป็นหลัก ซึ่งถ้าผู้ประกอบการส่งสินค้ามาแล้วไม่ได้คุณภาพ เช่น มีกลิ่น สีผิดปกติ มีลักษณะเหมือนจะบูดเน่า เช่น มีฟองก๊าซในอาหาร หรือมีร่องรอยเชื้อรา ก็สามารถคืนหรือเปลี่ยนได้

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ข้อถัดมา คือ 3) เลือกซื้อจากผู้ประกอบการที่มีช่องทางในการเก็บเงินปลายทาง หรือมีระบบการโอนเงินให้ผู้ขายหรือตัดยอดเงินให้ผู้ขายเมื่อได้รับสินค้าแล้ว เพื่อจะได้มีเวลาในการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าที่ส่งมาให้ จะได้ไม่เกิดปัญหาเสียเงินไปแล้วได้ของที่ไม่มีคุณภาพ และควรตรวจสอบสินค้าทันทีที่ได้รับ เมื่อผู้นำส่งมาส่งสินค้าควรตรวจสอบสินค้าทันที ซึ่งของเซ่นไหว้ที่เป็นอาหาร ควรอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่มิดชิด เรียบร้อย หรือบรรจุแบบสูญญากาศ ควรระบุวันผลิตและวันหมดอายุไว้ที่บรรจุภัณฑ์ หากบรรจุภัณฑ์ชำรุด ฉีกขาด ไม่ควรรับของ และควรสังเกตของเซ่นไหว้ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ว่า สี กลิ่นผิดปกติหรือไม่ ที่สำคัญควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนและหลังแกะบรรจุภัณฑ์ด้วย

"ทั้งนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ทำพิธีเซ่นไหว้ภายในครอบครัว ขอความร่วมมือให้คนในบ้านสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างระหว่างกัน หรือใช้วิธีวิดีโอคอลหากันในกลุ่มเครือญาติระหว่างทำพิธีเซ่นไหว้ และเลี่ยงการกินอาหารร่วมกัน สำหรับผู้สูงอายุ ให้แยกสำรับกับข้าวของผู้สูงอายุแยกกับคนอื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 ภายในครอบครัว เน้นการปรุงประกอบอาหารให้สุกร้อนอย่างทั่วถึง แต่หากกินไม่หมด ก่อนนำมากินควรอุ่นให้ร้อนอีกครั้ง นอกจากนี้ ควรลดหวาน มัน เค็ม ส่วนขนมหวานให้บริโภคแต่พอดี เพราะมีส่วนผสมของแป้งและน้ำตาลเป็นหลัก หากกินน้ำตาลหรืออาหารหวานมากเกินไป จะส่งผลให้มีน้ำหนักเกิน และทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ สำหรับขนมเทียน ขนมเข่ง ควรกินอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กเล็ก เพราะมีความเหนียว เคี้ยวยาก อาจทำให้ติดคอได้ง่าย" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
#3027


นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชัวรีเอาต์เลต กล่าวว่า ได้ผนึกกำลังและจับคู่ธุรกิจ (BusinessMatching) กับพันธมิตรทุกระดับในรูปแบบต่างๆ เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่  เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย และคู่ค้าผู้เช่ากว่า 15,000 รายทั่วประเทศ เข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น

ล่าสุด จับมือกับสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ บริษัท อินเวสทรี (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ให้บริการ Crowdfunding Platform ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.ช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องให้กลุ่มเอสเอ็มอีที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถใช้ใบแจ้งหนี้การค้าหรือสัญญากับเซ็นทรัลพัฒนา

"เรานำ pain-point ของผู้เช่ามาปรับให้เป็น gain-point ด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมธุรกิจให้เติบโตไปได้ด้วยกันอย่างอย่างยั่งยืน"


ทั้งนี้ ได้เปิดตัว CentralPattana'Serve' Application ช่วยเหลือคู่ค้าแบบครบวงจรนับเป็นรายแรกของวงการศูนย์การค้าไทยของ "Application&Solution" ในการบริหารจัดการร้านค้าในพื้นที่ด้วยตัวเองทั้งติดต่อศูนย์การค้า ทำธุรกรรม รับข้อมูลข่าวสาร เข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมถึงเตรียมเปิดตัวโปรแกรม The1Biz : Effective CRM เพิ่มยอดขายให้คู่ค้าและแผนสนับสนุนต่อเนื่องทั้งปีเพิ่มการเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้เพื่อดูแลผู้ประกอบการรายย่อยที่ดำเนินธุรกิจร่วมกับศูนย์การค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 4,500 ราย เช่น ร้านค้าในโซนฟู้ดพาร์ค แฟชั่นพลัส และอี-เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลพัฒนาช่วยเหลือแบบ 360 องศา ทั้งการปรับลดค่าเช่าตามความเหมาะสมต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน 

ก่อนหน้านี้ เซ็นทรัลพัฒนา จัด "Multi-BankLoans"  ช่วยเหลือผู้เช่าหลักผ่าน 7 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต และธนาคารออมสิน ให้เข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) และวงเงินO/D เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ด้วยระบบ Grading ฐานข้อมูล Credit Score หรือความน่าเชื่อถือของคู่ค้าเซ็นทรัลพัฒนาที่ช่วยออกแบบ (Tailor-Made) แผนสินเชื่อให้คู่ค้าแต่ละรายได้

สำหรับ "อินเวสทรี" ก่อตั้งมาเพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงเงินทุนในรูปแบบใหม่ที่สะดวกและเร็ว ผ่านการระดมทุนจากนักลงทุนโดยตรง ด้วยอัตราที่สมเหตุสมผลและกระบวนการระดมทุนที่โปร่งใส ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพียงใช้ "ใบแจ้งหนี้การค้า" หรือ สัญญาที่มีกับเซ็นทรัลพัฒนามาประกอบคำขอ ขณะเดียวกันฝั่งนักลงทุนเองก็ได้โอกาสลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ กระจายการลงทุนไปในธุรกิจที่หลากหลายมากกว่าเดิม

โดยปัญหาสำคัญที่เอสเอ็มอีไทยพบ คือ เมื่อคู่ค้าหรือลูกค้ายืดเวลาการชำระเงินค่าสินค้าออกไปเอสเอ็มอีจะประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในระยะสั้น หากเข้าไม่ถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ เพราะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หลายรายไม่มีทางเลือกและจำเป็นต้องหันหน้าหาเงินกู้นอกระบบ

ซึ่งบริการ Investment-based Crowdfunding ในรูปแบบของการออกหุ้นกู้ จะเป็นทางเลือกให้เอสเอ็มอี ซึ่งเส้นเลือดฝอยของระบบเศรษฐกิจไทย แต่โอกาสเข้าถึงสินเชื่อมีสัดส่วนไม่ถึง 1% ของจีดีพี ขณะที่สินเชื่อภาคธุรกิจมีถึง 85% ของจีดีพี เป็น Credit Gap ที่ใหญ่มากในระบบการเงินไทย
#3028


บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ผู้นำด้านดิจิทัลในธุรกิจประกัน เดินหน้าเสริมแกร่งช่องทางตัวแทน จัดงาน AL Seminar ACTIV 21 งานสัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ อินเตอร์แอคทีฟ ครั้งแรก มุ่งติดอาวุธทางปัญญา จุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริหารตัวแทนรุ่นใหม่ โดยได้รับความสำเร็จท่วมท้น มีผู้บริหารตัวแทนจากทั่วประเทศร่วมกว่า 1500 คน ด้วยคะแนนความพอใจห้าดาวจากผู้ร่วมงาน พร้อมเปิดตัว CAO Trip Challenge คุณวุฒิกระตุ้นยอดขาย ดันเบี้ยปีแรกช่องทางตัวแทนแตะ 3.1 พันล้านภายในสิ้นปี


วิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า จากสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ทำให้สภาพตลาดประกันยังมีสภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขจากสมาคมประกันชีวิตไทย ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดประกันชีวิตมีการขยายตัวเพียง 3% สำหรับช่องทางตัวแทนของอลิอันซ์ อยุธยา ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยตัวเลข 7 เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยปีแรก (ANP) 1,271 ล้านบาท  เติบโตถึง 9 % ความสำเร็จที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง เกิดจากการดำเนินกลยุทธ์ที่ถูกต้อง โดยปีนี้ เรา มุ่งเน้นไปที่รูปแบบเฟรนไชส์ นำโมเดลที่ประสบความสำเร็จไปใช้พัฒนาตัวแทนกลุ่มอื่นๆ รวมถึงการมุ่งแบ่งปันความรู้และแรงบันดาลใจจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้ง ยังมีการกระตุ้นการสร้างยอดด้วยกิจกรรมและการแข่งขันให้ตัวแทนพิชิตเป้าหมายซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเสมอ


ล่าสุด อลิอันซ์ อยุธยา ได้จัดงาน  AL Seminar ACTIV 21 งานสัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรก มีผู้บริหารตัวแทนจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานกว่า 1500 คน มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดการสัมมนาให้มีความ Interactive มากขึ้น ทั้งในส่วนของแอปพลิเคชัน Activ 21 ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ร่วมงานได้รับความรู้จาก podcast ตอบquiz เพื่อเก็บคะแนนสะสมล่วงหน้าก่อนงานเป็นเวลา 1 เดือน ส่วนในวันงาน เน้นหลักสูตรเพื่อการบริหารทีมงาน จุดประกายให้เห็นความสำคัญของการทำงานเป็นทีม การส่งเสริมทัศนะคติเชิงบวก มองถึงโอกาสดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการให้ความสำคัญกับตัวแทนรุ่นใหม่ในการเติบโตอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า" โดย คุณก๊อต จิรายุ ตันตระกูล ดารานักแสดง นักคิดที่มีมุมมองการใช้ชีวิตอย่างชัดเจน สัมภาษณ์เจาะลึก โดย คุณสง่า พิชฌังกูร โค้ชผู้เปลี่ยนแปลงชีวิต งานครั้งนี้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากจากตัวแทน ได้รับคะแนนความพอใจจากผู้เข้าร่วมงานในระดับ 5 ดาว ถึง 4.7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน

 

"บริษัทยังมีการประกาศการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ นั่นคือ CAO Trip Challenge เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างผลงานของตัวแทนในทุกระดับ โดยการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันด้วยระยะเวลาทั้งสิ้น 5 เดือนเต็ม (ตั้งแต่ ส.ค. – ธ.ค. 64) โดยผู้พิชิตคุณวุฒิในการแข่งขันนี้ จะได้เดินทางร่วมทริปไปซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยบริษัทตั้งเป้าการเดินทางในปีหน้า ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระตุ้นการสร้างผลงานแล้วเพื่อพิชิตเป้าในปีนี้แล้ว ยังเป็นกำลังใจให้ทุกคนมองถึงอนาคตที่กำลังจะมีสิ่งดีดีเกิดขึ้น เมื่อวิกฤตการณ์ผ่านพ้นไป"

รับชม VDO งานAL Seminar สัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรกได้ทาง  https://youtu.be/xzrWg4N7kCs
#3029


เมื่อวันที่ 19 ส.ค. OnlyFans ผู้ให้บริการคอนเทนท์ภาพและวิดีโอแบบสมัครสมาชิก ประกาศปรับกลยุทธ์ธุรกิจครั้งสำคัญ โดยจะไม่อนุญาตให้เหล่าครีเอเตอร์สร้าง "เนื้อหาทางเพศโจ่งแจ้ง" (sexually explicit) อีกต่อไป ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม OnlyFans ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน เผยว่า จะยังอนุญาตให้ครีเอเตอร์โพสต์เนื้อหา "นู้ด" หรือภาพเปลือยเชิงศิลปะ ตราบใดที่ไม่ขัด "นโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้" ของแพลตฟอร์ม

แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะใช้เกณฑ์ใดพิจารณาว่าโพสต์ไหนมีเนื้อหาทางเพศโจ่งแจ้ง หรือจะมีผลในทางปฏิบัติอย่างไร ซึ่ง OnlyFans บอกเพียงว่าจะชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลัง

เงื่อนไขการบริการของ OnlyFans ระบุข้อห้ามไว้หลายข้อ รวมไปถึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี และเนื้อหาที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ หรือมีความรุนแรงด้วย


"เรายังคงทุ่มเทเพื่อชุมชนของผู้ใช้งาน 130 ล้านคนและครีเอเตอร์กว่า 2 ล้านคนที่สร้างรายได้กว่า 5,000 ล้านดอลลาร์บนแพลตฟอร์มของเราต่อไป" OnlyFans แถลง

มุ่งสู่ถนนสายใหม่

OnlyFans ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสุดฮิตมานานสำหรับเหล่าดาราหนังผู้ใหญ่ (AV) ที่ต้องการสร้างรายได้จากการแสดง ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เนื่องจากบรรดาคนดังที่ขายความเซ็กซี่และผู้ค้าบริการทางเพศ (sex worker) หันมาใช้แพลตฟอร์มนี้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานในออนไลน์กันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน OnlyFans เตรียมช่องทางทำมาหากินใหม่เอาไว้แล้ว เพื่อขยายกลุ่มผู้ชมนอกเหนือจากกลุ่มที่นิยมคอนเทนท์ผู้ใหญ่

เมื่อเร็ว ๆ นี้ OnlyFans ได้เปิดตัวเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบริการสตรีมมิงแบบไม่เสียเงิน ชื่อว่า "OFTV" ซึ่งจะไม่เน้นนำเสนอคอนเทนท์ 18+ เหมือนกับแพลตฟอร์มเดิม แต่จะเสนอคอนเทนท์ที่ดูได้อย่างปลอดภัยในที่ทำงาน เช่น คลิปทำอาหาร เล่นดนตรี เล่นโยคะ หรือออกกำลังฟิตกล้าม 


แม้ผู้สร้างคอนเทนท์เหล่านี้ยังมีอยู่บ้างใน OnlyFans แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย และไม่ใช่จุดขายของแพลตฟอร์มที่ให้สมาชิกจ่ายเงินเพื่อดูเนื้อหา "ลับเฉพาะ" หรือ 18+ ซึ่งเป็นหมวดที่ได้รับความนิยมที่สุด

การขยายแนวคอนเทนท์ของ OnlyFans มายัง OFTV ซึ่งมีครีเอเตอร์คุ้นตาจาก OnlyFans กว่า 100 คน นอกจากจะช่วยเพิ่มฐานผู้ชมแล้ว ยังเป็นการแข่งขันกับแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ เช่น "Facebook" ที่เปิดให้เหล่าครีเอเตอร์สร้างรายได้ออนไลน์บนแพลตฟอร์มตัวเองเช่นกัน

"พันธมิตร-ทุน" ตีตัวห่าง 18+

ถึงแม้เนื้อหาผู้ใหญ่ หรือ 18+ เป็นแม่เหล็กดึงดูดรายได้และผู้ใช้จำนวนมากมาตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่สตาร์ทอัพสัญชาติอังกฤษให้เหตุผลถึงการตัดสินใจแบนคอนเทนท์โป๊เปลือยว่า "ทำตามคำขอจากบรรดาพาร์ทเนอร์" ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านธนาคารและการชำระเงิน


"เพื่อรับประกันความยั่งยืนในระยะยาวของแพลตฟอร์ม และให้สามารถสร้างชุมชนสำหรับครีเอเตอร์และแฟน ๆ ต่อไปได้ เราจึงต้องปรับหลักเกณฑ์ด้านเนื้อหาของเราใหม่" แถลงการณ์ของ OnlyFans ระบุ

แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยกับเว็บไซต์วอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา OnlyFans อยู่ระหว่างการระดมทุน และนักลงทุนหลายรายต่างเลี่ยงลงทุนในธุรกิจที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเชิงลบทางเพศ รวมถึงสื่อลามกด้วย

ขณะที่เว็บไซต์แอกซิออส (Axios) ระบุว่า นักลงทุนจำนวนมากตีตัวห่างจาก OnlyFans เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับ "เนื้อหาผู้ใหญ่" กองทุนร่วมลงทุน (เวนเจอร์ ฟันด์) บางราย ถูกห้ามลงทุนในเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาทางเพศ เนื่องจากทำข้อตกลงกับนักลงทุนสถาบันของตนไว้

นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ OnlyFans เกิดขึ้นหลังจากในปีที่แล้ว "มาสเตอร์การ์ด" และ "วีซ่า" 2 ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินรายใหญ่ตัดสัมพันธ์กับเว็บไซต์หนังผู้ใหญ่ยอดนิยมอย่าง "Pornhub"

เว็บไซต์ AV ชื่อดังเผชิญข้อกล่าวหาว่าเป็นแหล่งแพร่คลิปที่มีเนื้อหาการมีเซ็กซ์กับผู้เยาว์ การข่มขืน และคลิปอนาจารแก้แค้นอดีตคนรัก

อย่างไรก็ตาม Pornhub ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเว็บไซต์ปล่อยให้เนื้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็ก และได้ปรับกฎเข้มให้งวดขึ้นโดยห้าม "ผู้ใช้ที่ไม่ยืนยันตัวตน" อัพโหลดคลิปวิดีโอ หวังช่วยลดข้อครหานี้

โกยรายได้หมื่นล้านช่วงโควิด

จุดเริ่มต้นของ OnlyFans เกิดขึ้นจากการก่อตั้งเว็บไซต์เมื่อปี 2559 โดย "ทิม สโตคลีย์" นักธุรกิจชาวอังกฤษ และนั่งเก้าอี้ซีอีโอบริษัทถึงปัจจุบัน สื่ออังกฤษบางรายอย่าง The Sunday Times ตั้งฉายาให้สโตคลีย์ว่า "ราชาแห่งสื่อลามกโฮมเมด"


- ทิม สโตคลีย์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ OnlyFans -

เดิมนั้น เจ้าของ OnlyFans คือ บริษัทฟีนิกซ์ อินเตอร์เนชันแนล ลิมิเต็ด (Fenix International Limited) ของสโตคลีย์ ก่อนจะขายหุ้น 75% ใน OnlyFans ให้กับเลียวนิด รัดวินสกี นักธุรกิจสื่อลามกชาวยูเครน-อเมริกัน เมื่อปี 2561

OnlyFans รายงานผลประกอบการมีรายได้สุทธิ 375 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.25 หมื่นล้านบาทในปีที่แล้ว ซึ่งเริ่มมีการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก

บริษัทคาดการณ์ว่า ในปี 2564 จะมีรายได้เพิ่มเป็น 1,200 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4 หมื่นล้านบาท และภายในปี 2565 น่าจะโกยรายได้สูงขึ้นอีกเป็น 2,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 4 หมื่นล้านบาท)


กว่า 50% ของรายได้ OnlyFans นับถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2564 มาจากส่วนแบ่งการสมัครรับคอนเทนท์ของผู้ใช้ ขณะที่อีกกว่า 30% มาจากการแชท และส่วนที่เหลือมาจากทิป/สตรีม และโพสต์ที่เสียค่าโฆษณาสำหรับบัญชีที่เปิดให้ชมคอนเทนท์ฟรี

ขณะที่บรรดาครีเอเตอร์ใน OnlyFans ที่มีรายได้โดยตรงจากผู้ชม ก็รับทรัพย์หลักล้านบาทต่อปี มีรายงานว่า ครีเอเตอร์กว่า 300 คนโกยรายได้อย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์ (ราว 33.3 ล้านบาท) ต่อปีและครีเอเตอร์ราว 1.6 หมื่นคนโกยรายได้อย่างน้อย 5 หมื่นดอลลาร์ (ประมาณ 1.66 ล้านบาท) ต่อปี

ปัจจุบัน OnlyFans ยังคงอยู่ในช่วงการระดมทุน เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทตั้งเป้าระดมทุนให้ได้มูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์

-------------

อ้างอิง: Bloomberg, CNBC, Axios, Reuters, WSJ
#3030
 ข้าวปลอดสารพิษสุรินทร์  ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวสุขภาพมะลินิล คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




 ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์สุรินทร์ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องหอมมะลิสุขภาพ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  กลุ่มข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์เลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิก เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6bf1bev6bzbun6ssb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวหอมมะลิorganic
2.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
3.   ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ขายข้าวสารหอมมะลิผสมหลายสายพันธุ์จังหวัดสุรินทร์
5.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลปลอดสารพิษ7.  กลุ่มข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 
 
#3031


เทศกาล "สารทจีน" เป็นประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีนที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยตามปฏิทินทางจันทรคติจะตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเดือนปล่อยผี เป็นวันที่ประตูนรกเปิดให้ดวงวิญญาณออกมารับส่วนบุญส่วนกุศล ดังนั้น วันสารทจีนจึงเป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะได้ทำบุญครั้งใหญ่ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564

โดยปกติแล้ว "พิธีเซ่นไหว้" ของคนไทยเชื้อสายจีน เป็นการตั้งโต๊ะไหว้ช่วงเช้าและบ่าย โดยจะไหว้ครบหมดทั้งเจ้าที่ ตี่จู้เอี๊ยะ ต่อด้วยบรรพบุรุษที่ล่วงลับ และจบที่ทำบุญให้แก่สัมภเวสี ผีไม่มีญาติต่างๆ

แต่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 การรวมกลุ่มญาติมิตรจัดเต็มเครื่องไหว้ชุดใหญ่ร่วมกัน คงต้องเลี่ยงๆ กันไปก่อน ไหนจะปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้รายได้ฝืดเคือง เงินในกระเป๋าลดน้อยลงไปอีก อาจทำให้หลายคนกังวลว่าจะเซ่นไหว้บรรพบุรุษยังไงถึงจะเหมาะสม 

ซินแสนัตโตะ หมอดูเที่ยงคืน จึงได้มีคำแนะนำในการไหว้สารทจีนในยุคโควิด ที่อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่มเติมอีก แต่รับรองได้ว่าจะได้รับความเฮงไม่น้อยไปกว่าปีก่อนๆ แน่นอน โดยให้ปฏิบัติ ดังนี้

1. ควรแต่งกายอย่างไร?

ซินแสนัตโตะ แนะนำว่าการเตรียมตัวก่อนเซ่นไหว้นั้น อันดับแรกที่ทั้ง 12 นักษัตรต้องทำ คือ ใส่เสื้อสีแดง เพื่อเป็นมงคลในวันสารทจีน

2. วิธีเซ่นไหว้ "สารทจีน" ให้เฮงเฮงเฮง

ส่วนพิธีไหว้แบบง่ายๆ แต่ได้ผลดี มีดังนี้

จุดที่ 1 ไหว้เจ้าที่ ตี่จู้เอี๊ยะ : ใช้ส้ม 5 ผล + น้ำชา 5 ถ้วย + ขนมเทียน ขนมเข่ง อย่างละ 2 ชิ้น จุดนี้ใช้ธูป 5 ดอก

(กรณีเสริมกระดาษไหว้ สามารถสั่งออนไลน์ได้ตามสะดวก ใช้ หงึ่งเตี๋ย 5 ชุด + คอซี กระทงทอง 1 ชุด + เสริมด้วยเทียนแดง 1 คู่)

จุดที่ 2 ตั้งโต๊ะจัดของไหว้บรรพบุรุษ : ใช้ข้าวสวย 1 ชาม (เคล็ดลับความเฮง คือ ตักข้าวให้พูนสูงๆ) + น้ำแกง/แกงจืด 1 ชาม + น้ำชา 1 ถ้วย + ส้ม 4 ผล + ขนมเทียน ขนมเข่ง อย่างละ 1 หรือ 3 ชิ้น (ต้องเป็นจำนวนเลขคี่เท่านั้น เพื่อความเฮง) ใช้ธูป 3 ดอก

เคล็ดลับ : ข้าวและกับข้าวต่อบรรพบุรุษ 1 คน และสามารถเปิดหนัง ละคร ซีรีส์ งิ้ว เพลงที่ท่านชอบระหว่างไหว้ได้ด้วย

(กรณีเสริมกระดาษไหว้ สามารถสั่งออนไลน์ได้ตามสะดวก ใช้ อ่วงแซจี๊ ใบเบิกทาง เวลาเผาเป็นอันดับแรก2 ชุด + กิมจั้วกระดาษเงินกระดาษทอง 1 ชุด + ตั่วกิม กระดาษทองขอบส้ม เงินจีนโบราณ 1 ชุด + ธนบัตรกงเต๊ก 1 ชุด + เสริมด้วยเทียนแดง 1 คู่)

จุดที่ 3 โอนเงินออนไลน์ร่วมทำบุญ : เช่น ทำบุญโลงศพพร้อมผ้าดิบ หรือร่วมทำบุญในพิธีทิ้งกระจาด ตามวัดจีน ศาลเจ้า แล้วใช้น้ำขวดลิตร กรวดน้ำอุทิศให้ได้ จบพิธี แบบง่ายสุด โดยไม่ต้องจัดไหว้ (ให้ทำบุญตามกำลัง)

จุดที่ 4 เซ่นไหว้ผีไม่มีญาติ : ให้ตั้งโต๊ะไหว้ที่นอกบ้าน (ตำแหน่งหน้าบ้าน) โดยปูเสื่อ หรือใช้โต๊ะเตี้ยในการไหว้ผีไม่มีญาติ (ฮ่อเฮียตี๋) ส่วน "ของไหว้" ได้แก่ ข้าวสวย 1 ชาม (ตักข้าวให้พูนสูงๆ) + กับข้าว 1 อย่าง + ขนมหวาน 1 อย่าง + ส้ม 1 ผล + น้ำเปล่า/น้ำชา 1 ถ้วย  + ขนมเทียน ขนมเข่ง อย่างละ 1 หรือ 3 ชิ้นเป็นจำนวนเลขคี่

เคล็ดลับ : สามารถจัดของไหว้มากกว่านี้ได้ตามสะดวก จุดนี้ให้ใช้ธูปอย่างละ 1 ดอก ปักลงบนกับข้าว โดยมีความเชื่อที่ว่า เหล่าสัมภเวสีอิ่มแล้วก็จะไม่มากวน มาให้โชคลาภ ในแนวทางที่ว่าคนดีผีคุ้มนั่นเอง

(กรณีเสริมกระดาษไหว้ สามารถสั่งออนไลน์ได้ตามสะดวก ใช้ อ่วงแซจี๊ ใบเบิกทาง เวลาเผาอันดับแรก 1 ชุด + กิมจั้วกระดาษเงินกระดาษทอง 1 ชุด + ธนบัตรกงเต๊ก 1 ชุด + เสริมด้วยเทียนแดง 1 คู่ จุดนี้ต้องเผากระดาษแยก ห้ามปน)

3. สิ่งสำคัญห้ามขาดในชุด "ของไหว้"

ไฮไลท์สำคัญของการไหว้สารทจีนแบบง่ายๆ แต่ได้ผลดี  ต้องห้ามขาด 2 สิ่งนี้เด็ดขาด คือ

ส้มสีทอง หมายถึง ความโชคดี มีเงินทอง เป็นสิริมงคล เปลี่ยนเรื่องร้ายกลายเป็นดี ถ้าดีอยู่แล้วก็จะดียิ่งๆ ขึ้นไป
ขนมเทียน ขนมเข่ง หมายถึง การมีชีวิตที่ดี มีความราบรื่น ชีวิตมีแต่ความหวานชื่น มีความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิต
4. คำนวณค่าใช้จ่าย "สารทจีน" ปีนี้ต้องประหยัด!

ค่าใช้จ่ายในการไหว้สารทจีนคร่าวๆ (ไม่รวมกระดาษไหว้) แบบที่ซินแสนัตโตะแนะนำ ก็อยู่ที่ราวๆ หลักร้อยเท่านั้น โดยแบ่งเป็น ข้าว น้ำแกง ประมาณ 100 บาท, ส้ม 10 ผล ประมาณ 150 บาท, ใบชา 30 บาท/กล่อง, ขนมเทียน ราคา 8 บาท/ชิ้น และขนมเข่ง ราคา 15 บาท/ชิ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของไหว้ที่ใช้

5. วิธีไหว้สารทจีนแบบจัดเต็ม เหล้าห้ามขาด!

ส่วนใครที่สามารถจัดชุดของไหว้แบบจัดเต็ม ซาแซ โหงวแซ ตามธรรมเนียมปกติได้นั้น เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ให้ทำต่อไป แต่อย่าลืมเตรียมเหล้าขาวหรือเหล้าจีน ไว้ไหว้ด้วยจะให้ผลที่ดีมาก เพราะหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์สูงสุด โดยไหว้เป็นจำนวนเลขคี่ จะ 3, 5, 7 หรือ 9  ถ้วยก็ได้

ดั่งตำราจีนโบราณว่าไว้ว่า " อันว่าเหล้า คือ ของดีที่ฟ้าประทาน พระราชาใช้บำรุงเลี้ยงแผ่นดิน เซ่นไหว้ขอโชคลาภ ฟื้นฟูความเสื่อมโทรม รักษาโรคภัย พิธีการทั้งหลายขาดเหล้าไม่ได้ "

สำหรับคนไทยเชื้อสายจีนแล้ว วันสารทจีนมีความสำคัญพอๆ กับวันตรุษจีน เพราะเป็นเทศกาลที่ทำให้เราไม่ลืมตัวตนและรากเหง้า ได้แสดงความเคารพ ความกตัญญูกตเวที ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ต่อทั้งคนเป็นและคนตาย แต่อีกสิ่งที่สำคัญ นั่นคือ ต้องมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่ยังมีชีวิตด้วย
#3032


โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวนด์หลังคลายกังวลเฟดปรับลด QE ตัวเลขผู้ติดเชื้อไทยลดลง โดยวันนี้มองว่าหุ้นกลุ่ม Domestic ได้แก่ กลุ่มโรงแรม กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก มีโอกาสฟื้นตัวได้รับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีสัญญาณบวก

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้รีบาวนด์ฟื้นตัวขึ้นมาได้ หลังจากความกังวลการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มคลี่คลาย ซึ่งตลาดสหรัฐฯ และยุโรปได้ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้ว และให้จับตาการประชุมประจำปีของเฟดในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ ว่าเฟดจะปรับลด QE หรือไม่

นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศวันนี้ต่ำกว่า 2 หมื่นรายในรอบ 10 วัน จากวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่มีตัวเลขสูงสุดที่ 23,418 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบวก จะเป็นการสะท้อนมาตรการ lock down เห็นผล และเมื่อถึง 31 ส.ค.นี้รัฐบาลจะประเมินว่าจะผ่อนคลายได้หรือไม่

วันนี้มองว่าหุ้นกลุ่ม Domestic ได้แก่ กลุ่มโรงแรม กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก มีโอกาสฟื้นตัวได้รับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีสัญญาณบวก

ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับลดมา 6 วัน เข้าใกล้เขตรีบาวนด์ ทำให้อาจไม่กดดันกลุ่มพลังงานมาก

"ตลาดวันนี้เห็นการรีบาวนด์ และไม่หลุด 1,540 จุด และนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อวานนี้กว่า 500 ล้านบาท ตลาดน่าจะขึ้นทดสอบ 1,550 จุด"

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,540, 1,533 จุด แนวต้านที่ 1,550, 1,554 จุด
#3033


"ก.ล.ต."ส่งหนังสือ กำชับ"บอร์ด"บจ.ใช้ความระมัดระวังรอบคอบพิจารณา"ออก-เสนอขายวอร์แรนท์"  พร้อมเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน พบปีนี้บจ.แห่ออกเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากทั้งปีก่อน "ไทยพาณิชย์"ชี้เป็นประโยชน์กับนักลงทุน เพื่อรู้ถึงความเสี่ยง

"หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ"ได้รวบรวมข้อมูล บจ.ที่มีการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนท์)ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตั้งแต่ปีต้นปีถึง18 ส.ค.2564 ที่มีการขึ้นเครื่องหมาย(XRและXW)แล้วจำนวน 47 บริษัท เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว จากทั้งปี2563 ที่ได้มีการออกแรนท์  27 บริษัท

       สำหรับบริษัทที่เพิ่มทุนเพื่อรองรับการใช้สิทธิจากการออกวอร์แรนท์มากสุด 5 อันดับแรกปีนี้ คือ 1. บมจ. สกาย ทาวเวอร์ (STOWER) เดิมชื่อ บมจ. เอื้อวิทยา (UWC)  จำนวน 13,162.52 ล้านหุ้น 2.บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS )มูลค่า 4,608.85 ล้านหุ้น 3.บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป(BROOK)จำนวน 3,413.94 ล้านหุ้น 4. บมจ.บ้านปู (BANPU) จำนวน 3,383.05 ล้านบาท 5.บมจ.ณุศาศิริ(NUSA )จำนวน 1,910.27 ล้านหุ้น


             นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้ส่งหนังสือเวียนไปยังบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ทุกแห่ง เรื่องการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนท์)ที่จะซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) เนื่องจากที่ผ่านมาบจ.หลายแห่งได้ออกและเสนอขายวอร์แรนท์ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนและรองรับแผนการใช้ในอนาคต 

  รวมถึงเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุน โดยบางกรณีเป็นการเสนอขายวอร์แรนท์ควบคู่กับการออกหลักทรัพย์ประเภทอื่นเพื่อกระตุ้นหรือเพิ่มความน่าสนใจในการจองซื้อหลักทรัพย์ของผู้ถือหุ้นเดิมหรือกลุ่มผู้ลงทุนรายใหม่หรือเป็นการเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานเพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของบริษัทโดยรวมนั้น จากการออกและเสนอขาย warrant อาจส่งผลกระทบต่อราคาตลาดของหุ้นบริษัทจดทะเบียน(dilution effect) 


       ดังนั้นคณะกรรมการบริษัทจึงควรใช้ความระมัดระวังรอบคอบ (fiduciary duty)ในการพิจารณาออกและเสนอขายวอร์แรนท์ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของวอร์แรนท์ และเงื่อนไขการใช้สิทธิให้ชัดเจน เช่น ราคาเสนอขาย อายุและจำนวนวอร์แรนท์ ที่เสนอขาย ราคาใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิ เหตุและเงื่อนไขการปรับสิทธิที่เป็นธรรม โดยเฉพาะข้อมูลผลกระทบต่อราคาตลาดของหุ้น (price dilution) ส่วนแบ่งกำไรหรือสิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้น (control dilution) เป็นต้น

อย่างไรก็ตามบจ.ควรจะต้องระบุวัตถุประสงค์และแผนการใช้เงินในอนาคตให้ชัดเจนและสอดคล้องกับอายุวอร์แรนท์และช่วงเวลาการใช้สิทธิซื้อหุ้น รวมทั้งมูลค่าของวอร์แรนท์ (ส่วนต่างระหว่างราคาตลาดของหุ้นสามัญและราคาใช้สิทธิแปลงสภาพต่อหุ้น) เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนของผู้ลงทุนด้วย นอกจากนี้การออกและเสนอขายวอร์แรนท์ จะต้องเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

      นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานก.ล.ต.กล่าวว่า  การออกหนังสือเวียนดังกล่าว เพื่อต้องการให้บจ.ใช้ความระมัดระวังการออกและเสนอขายวอร์แรนท์ และเปิดเผยข้อมูลให้ครบถ้วน ถึงวัตถุประสงค์ความต้องการใช้เงินและแผนการใช้เงินที่ชัดเจน ราคาเสนอขาย dilutionหากมีการออก มูลค่าวอร์แรนท์ที่แท้จริงมีมูลค่าเท่าไร เพื่อให้นักลงทุนทราบข้อมูล เพื่อใช้พิจารณาการลงทุน

 "การออกเสนอขายวอร์แรนท์นั้นเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการระดมทุนของบจ.แค่อยากให้บจ.ใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาออก การเปิดเผยข้อมูล เงื่อนไขต่างๆ ผลกระทบราคาหุ้นถ้าออกมาแล้ว แผนการใช้เงินเมื่อไหร่ สอดคล้องอายุกับการออกวอร์แรนท์ฯลฯให้นักลงทุนทราบอย่างชัดเจน ซึ่งอยากให้บจ.เปิดเผยข้อมูลให้ครบตามที่ก.ล.ต.แจ้งในหนังสือเวียน"


นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน บริษัทไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIMAT กล่าวว่า กรณีที่ ก.ล.ต. ส่งหนังสือเวียนถึงบจ. เนื่องจากปีนี้อาจจะเป็นปีที่บจ.มีการเพิ่มทุนออกวอร์แรนท์กันจำนวนมาก  ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางของบจ.ในการระดมทุนเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ

    สำหรับประเด็นดังกล่าวบริษัทไม่มีความกังวล เนื่องจากบริษัทมีการจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) มาให้คำปรึกษาดำเนินการในเรื่องการออกวอร์แรนท์อย่างชัดเจน รวมทั้ง FA จะเป็นคนคอยประสานงานกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกรณีที่หากตลาดหลักทรัพย์ฯ มีข้อสงสัยในประเด็นใดๆ FA จะเป็นคนชี้แจ้งข้อสงสัยดังกล่าวทั้งหมด

ส่วนประเด็นผลกระทบต่อราคาdilution effect นั้น ความเห็นส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งราคาหุ้นจะปรับตัวลง ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่ที่อัตราการใช้สิทธิ  ซึ่งบริษัทมีหน้าที่ต้องชี้แจ้งแผนการใช้เงินระดมทุนดังกล่าวให้ละเอียด และนักลงทุนจะเป็นผู้พิจารณาในการลงทุนเอง ซึ่งในส่วนของบริษัทก็มีแผนการใช้เงินระดมทุนครั้งนี้ชัดเจนจึงไม่กังวลในประเด็นดังกล่าว

 อย่างไรก็ตามวานนี้หุ้นของบริษัทก็มีการขึ้นเครื่องหมาย  XW ซึ่งราคาหุ้นก็ปรับตัวลงมาถือว่าเป็นเรื่องปกติ

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการที่ก.ล.ต.ส่งหนังสือเวียนเรื่องการออกและเสนอขายวอร์แรนท์นั้น มองว่าเป็นผลดีแก่ผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยเฉพาะนักลงทุนสายเก็งกำไร เพื่อแจ้งนักลงทุนให้ทราบถึงความเสี่ยงผลกระทบต่อราคาหุ้น (Dilution Effect)

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิม​เอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า    คาดว่าประกาศของ ก.ล.ต.จะไม่ส่งผลต่อการออกวอร์แรนท์ในระยะถัดไป เนื่องจากบจ.มีการแจ้งรายละเอียด Dilution Effect ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นการแจ้งผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับกำไรต่อหุ้น (EPS) 

ขณะที่ผลกระทบต่อราคาบนกระดานมองว่าเป็นไปได้ยากที่จะประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ชัดเจน เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทในวันสุดท้ายก่อนที่วอร์แรนท์จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นได้

อย่างไรก็ดี ในกรณีปกติการออกวอร์แรนท์จะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น 3 ช็อตด้วยกัน ได้แก่ ช็อตแรก วันที่ประกาศข่าว หากบริษัทแจกวอร์แรนท์อย่างเดียว โดยไม่เพิ่มทุนเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนไปพร้อมกัน ราคาหุ้นจะปรับขึ้นตอบรับในเชิงลบไม่มาก อย่างกรณีของ บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT)แต่หากออกวอร์แรนท์พร้อมกับเพิ่มทุนเสนอขายหุ้นสามัญด้วย อย่างกรณีของ BANPU ราคาหุ้นจะปรับลงตอบรับเชิงลบมากกว่า  ส่วนช็อตสอง วันที่ขึ้นเครื่องหมาย XR หรือเครื่องหมาย XW ซึ่งจะกดดันราคาหุ้นทั้ง 2 กรณี

ขณะที่ช็อตสุดท้ายวันที่ลูกหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งปกตินักลงทุนมักซื้อไล่ราคาหุ้นบริษัทแม่ซึ่งเป็นหุ้นอ้างอิง เพื่อให้ราคาวอร์แรนท์สามารถซื้อขายในระดับที่สูง ส่งผลให้ภายหลังเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นราคาหุ้นแม่จึงปรับลดลง
#3034
ปัตตานี pattani ชิ๊ปป๊อบ shippop flash best dhl ตะลุโบะ




SHIPPOP สาขาตะลุโบะ จ.ปัตตานี
ร้านรับส่งพัสดุด่วน
ที่รวบรวมขนส่งชั้นนำ พร้อมให้บริการ

ไปรษณีย์ไทย
Flash Express
CJ Logistics
Ninja Van
SCG Express
 Best Express
 J&T Express

#Flashhome #แฟลช #แฟลชโฮม #shippop #ชิ๊ปป๊อบ
#BEST #ส่งของ #ส่งพัสดุ #BESTEXPRESSTHAILAND #BESTEXPRESS #BESTFSCENTER #แพ็กพัสดุ #เคล็ดลับแพ็กพัสดุ #แพ็กพัสดุมือโปร
#NinjaVanThailand #NinjaVan #นินจาแวนส่งเร็วทันใจทั่วประเทศ
#ส่งวันถัดไป #นินจาแวนเข้ารับพัสดุฟรี #นินจาแวน #นินจาแวนส่งทั่วไทย
#นินจาแวนรับพัสดุทั่วไทย

ส่งของไปต่างประเทศได้แล้ววันนี้

Namyong Worldwide Express
#ส่งพัสดุไปต่างประเทศ #ส่งพัสดุด่วนไปต่างประเทศ #ส่งของไปต่างประเทศ

ใช้บริการได้แล้วที่ร้านรับฝากส่งพัสดุ
ใกล้บ้านคุณได้เเล้ววันนี้

แผนที่ร้านครับ
https://g.page/shippop-pn?share

facebookร้าน
https://www.facebook.com/shippop.pn

เข้ามาใช้บริการได้ครับ
โทร 093-6515445
#3035


LDC เผยภาพรวมธุรกิจทันตกรรมฟื้นตัวต่อเนื่องในครึ่งปีแรก ชูการบริหารจัดการ 27 สาขา เจาะฐานลูกค้าคนไทย ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้วยกลยุทธ์ LDC The Next Normal หนุนทิศทางธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ด้าน "หมอหนึ่ง ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์" รับเศรษฐกิจชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ผู้รับบริการลดลง แต่พร้อมเดินหน้ายกระดับสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด หากสถานการณ์ผ่อนคลาย จะทำให้ LDC เติบโตและฟื้นตัวเร็ว รับความต้องการด้านทันตกรรมพุ่ง เสริมทัพด้วยสหคลินิกที่มีบริการด้านความงามภายใต้แบรนด์ LDC Esthetics ที่เปิดควบคู่ 5 สาขา และการพัฒนาผลิตภัณฑ์มีทิศทางที่ดี หนุนผลงานไตรมาส 2 LDC มีรายได้เพิ่มเกือบ 90% ขณะที่ขาดทุนลดลง

ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ผู้ให้บริการศูนย์ทันตกรรมทันตแพทย์เฉพาะทางในนาม LDC Dental เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 2/2564 มีรายได้รวมจำนวน 77.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 6.32 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 8.90% เนื่องจากรายได้จากการบริการทันตกรรมเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ของปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทฯ หยุดดำเนินการชั่วคราวในสาขากรุงเทพฯ ปริมณฑล และสาขาต่างจังหวัดบางสาขา เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีผลขาดทุนลดลงอยู่ที่ 10.50 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 11.38 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น

ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรก ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 178.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ลดลงจำนวน 10.87 ล้านบาท คิดเป็น 5.74% จากรายได้ทันตกรรมลดลง 13.04 ล้านบาท แต่รายได้การให้บริการความงามเพิ่มขึ้น 1.61 ล้านบาท เนื่องจากการให้บริการความงามภายใต้แบรนด์ LDC Esthetics จำนวน 5 สาขา ซึ่งเป็นสาขาที่เปิดควบคู่บริการทันตกรรม สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ปิดสาขาที่ไม่สามารถทำกำไรในช่วงไตรมาส 1/2564 จำนวน 3 สาขา ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 6.55% ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบโดยมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ในงวดครึ่งปีแรกมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 18.99 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดครึ่งปีแรกของปีก่อน ที่มีผลขาดทุนอยู่ที่ 21.79 ล้านบาทแล้ว ลดลง 11.65% นับเป็นการขาดทุนลดลงต่อเนื่อง
โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีคลินิกทันตกรรมภายใต้แบรนด์ LDC Dental รวม 27 สาขาทั่วประเทศ จากการลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความพร้อมในการให้บริการทันตกรรมแก่ลูกค้าครอบคลุมทุกภูมิภาค รวมไปถึงการต่อยอดสู่ธุรกิจความงาม ควบคู่บริการด้านทันตกรรมภายใต้แบรนด์ LDC Esthetics ในสาขาหลักจำนวน 5 สาขา และการต่อยอดด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะยังคงเดินหน้าตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภควิถีใหม่ที่ต้องการความปลอดภัยขั้นสูงสุด ด้วยการยกระดับมาตรฐานการบริการรูปแบบ LDC The Next Normal ที่นำร่องแล้ว 5 สาขา นับว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการทันตกรรมของไทย มั่นใจจะคว้าโอกาสหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยมองว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ประชาชนจะได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ตามมาตรการเร่งด่วนของภาครัฐ อันจะสนับสนุนความต้องการด้านทันตกรรมฟื้นตัว
#3036


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามนโยบายรัฐบาล โครงการ Phuket Sandbox ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 วันที่ 15 สิงหาคม 2564 พบว่า มีเที่ยวบินรวมจำนวน 292 เที่ยวบิน โดยมีสายการบิน ที่ทำการบินเข้าประเทศไทย ได้แก่ การบินไทย, สิงคโปร์แอร์ไลน์, เอมิเรตส์, กาตาร์แอร์เวย์, สายการบินเอทิฮัด เป็นต้น โดย มีผู้โดยสารขาเข้าสะสมรวมจำนวน 21,545 คน 

โดยเป็นผู้โดยใน Phuket Sandbox จำนวน 21,135 คน (ต่างชาติ 18,654 คน คนไทย 2,481 คน) 

ทั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT รายงานว่า สายการบินที่ได้รับการจัดสรรเวลาการบิน ทำการบินจริงครบตามจำนวนเที่ยวบินที่รับการจัดสรรไม่มีการยกเลิกใดๆ โดยมีเส้นทางการบินมาจาก 17 เมือง ได้แก่ สิงคโปร์ 76 เที่ยวบิน ,โดฮา 34 เที่ยวบิน ,ดูไบ 28 เที่ยวบิน,อาบูดาบี 21 เที่ยวบิน,เทลอาวีฟ 15 เที่ยวบิน,กัวลาลัมเปอร์ 14 เที่ยวบิน,แฟรงเฟริ์ต 13 เที่ยวบิน,ลอนดอน 7 เที่ยวบิน,ซูริค 7 เที่ยวบิน ,ปารีส 7 เที่ยวบิน,โคเปเฮเกน 5 เที่ยวบิน ,ฮ่องกง 3. เที่ยวบิน ,พนมเปญ 2 เที่ยวบิน ,เวียงจันทน์ 1 เที่ยวบิน,ไทเป 1 เที่ยวบิน,ซาร์จาห์ 1 เที่ยวบิน,ย่างกุ้ง 1 เที่ยวบิน

สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศไปยัง Phuket Sandbox ในช่วงระหว่างวันที่ 5-17 สิงหาคม 2564 เป็นเส้นทางจากอู่ตะเภา-ภูเก็ต โดยพบว่ามีเที่ยวบินสะสม 18 เที่ยวบิน ผู้โดยสารสะสม 586 คน
#3037


เมื่อวันที่ 16 ส.ค.64 ร.ต.อ.วิรุฬห์ กลางคำ รอง สว.สอบสวน สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รับแจ้งจาก น.ส.ณัฐนิกา หวังชม อายุ 31 ปี ชาวบ้านพื้นที่ ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ว่าตนเป็นผู้โชคดีถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 16 ส.ค.64 จำนวน 2 ฉบับเว็บรวยruay มูลค่า 12 ล้านบาท โดยนำสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดที่ 31 ชุดที่ 18 และ 20 วันที่ 16 ส.ค.64 หมายเลข 045750 มาขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักก่อนไปขึ้นเงิน


น.ส.ณัฐนิกา กล่าวว่า ตัวเองเป็นแม่ค้าเปิดร้านขายกาแฟเย็น ในที่ว่าการอำเภอวารินชำราบ ก่อนวันหวยออกตนฝันว่ามีคนมาบอกให้ซื้อหวยเลข 49,50 เป็นเวลา 2 วันติดๆ กัน จนมาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกับแม่ค้าสลากที่เดินมาขายให้ที่ร้านตน แต่แม่ค้ามีแต่เลขท้าย 50 ตนจึงเหมาทั้งหมด 2 ใบ ไม่คิดว่าความฝันครั้งนี้จะทำให้กลายเป็นเศรษฐีคนใหม่ เงินทั้งหมดที่ได้จะนำไปใช้จ่ายเก็บเป็นทุนเลี้ยงครอบครัวต่อไป.
#3038


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 282.12 จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 35,343.28 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 31.63 จุด หรือ 0.71% ปิดที่ 4,448.08 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 137.58 จุด หรือ 0.93% ปิดที่ 14,656.18 จุด


กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.1% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.3%

ยอดค้าปลีกที่ซบเซาในเดือนก.ค. โดยรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา รวมทั้งการที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้หมดอายุลง

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ดิ่งลง 1.0% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย.


ดัชนีดาวโจนส์ยังถูกกดดันจากการร่วงลงกว่า 4% ของราคาหุ้นโฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ซึ่งแม้เปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทเปิดเผยว่า ลูกค้าที่เดินทางเข้าร้านเพื่อซื้อสินค้าประเภท DIY หรือ do-it-yourself มีจำนวนลดลงถึง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว


นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตก หลังสหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงต่ำสุดรอบ 1 ปีในเดือนส.ค.

สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (เอ็นเอเอชบี) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 5 จุด สู่ระดับ 75 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2563

การร่วงลงของดัชนีความเชื่อมั่นมีสาเหตุจากสต็อกบ้านที่มีจำกัด การขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และต้นทุนในการก่อสร้าง

อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงปรับตัวเหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองทั่วไปที่เป็นบวก โดยดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้าทรงตัวที่ระดับ 81 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในปัจจุบันร่วงลงสู่ระดับ 60

ขณะเดียวกัน ตลาดกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และจะเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนก.ค.ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว
#3039


ค่าย Intel เปิดชื่อแบรนด์ใหม่ ARC ลงตลาดชิปกราฟิกแบบจริงจัง เจาะกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปทั้งคอเกมและนักสร้างคอนเทนท์

ทางค่ายระบุว่าแบรนด์ใหม่นี้จะครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ยืนยันจะทำต่อเนื่องระยะยาวหลายเจเนอเรชัน อิงจากสถาปัตยกรรม Xe HPG ของพวกเขาเอง สามารถประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพและปรับขึ้นลงได้หลายระดับ

ในหนังตัวอย่าง พวกเขาได้โชว์ภาพเกมจริงที่ใช้ชิปต้นแบบก่อนเข้ากระบวนการผลิต มีลูกเล่นกราฟิกสมัยใหม่อย่างแสงเงา Ray Tracing และการใช้ AI ช่วยปรับปรุงภาพ อีกทั้งยังรองรับ DirectX 12 Ultimate เต็มรูปแบบ

สินค้ารุ่นแรกจะใช้ชื่อรหัสว่า Alchemist เป็นชิปแบบ SoC รวมศูนย์ทีเดียวจบสำหรับโน้ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เตรียมเผยรายละเอียดเพิ่มเติมอีกทีภายในปีนี้ มีกำหนดวางจำหน่ายจริงไตรมาสแรกปี 2022 ผ่านทางพาร์ตเนอร์ทั่วโลก

สำหรับผลิตภัณฑ์ในอนาคตก็มีการเผยชื่อรหัสมาว่า Battlemage, Celestial และ Druid ทั้งหมดจะรวมอยู่ในแบรนด์ ARC เช่นกัน
#3040


ข่าวลือเป็นจริง "นิวเคลียร์ หรรษา กุศลมโนมัย" โพสต์ไอจีเลิกสามี "ดีเจเพชรจ้า วิเชียร กุศลมโนมัย" หลังเคยออกมายอมรับ ว่ามีปัญหากันจริง กำลังแก้ไขอยู่ แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าอะไรๆ มันก็ไม่ดีขึ้น ทั้งทัศนคติ การใช้ชีวิต และเรื่องซับซ้อนมากมาย เลยตกลงเปลี่ยนสถานะ จากสามีภรรยา เป็นเพื่อนรักแทน ยืนยันไม่มีมือที่สาม

"นิวขอพูดตรงนี้ทีเดียวนะคะ...ตอนนี้นิวกับพี่เพชรจ้า เราเปลี่ยนสถานะจากสามีภรรยามาเป็นเพื่อนรักกันสักพักใหญ่ๆแล้วค่ะ หลังจากนี้เราอยากทำหน้าที่พ่อและแม่ของไทก้าให้ดีที่สุด เราไม่ได้โกรธหรือเกลียดกัน ไม่ได้มีเรื่องมือที่สาม พี่เพชรดีกับนิวมาก เป็นพ่อที่ดีที่สุดของไทก้า เรารักกันมาตลอด แต่บางครั้งความรักมันก็ไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าคน 2 คนจะสามารถอยู่ด้วยกันได้เสมอไป มันมีเรื่องทัศนคติ การใช้ชีวิต และเรื่องซับซ้อนมากมายที่ทำให้เราทั้งคู่มาถึงสุดทางของเราแล้ว และเราได้พยายามกันที่สุดแล้วจริงๆ

นิวอยากให้ทุกคนยอมรับในการตัดสินใจของเราทั้งคู่นะคะ เราแฮปปี้ที่จะอยู่ในจุดนี้ เรายังห่วงใยกัน ปรึกษากัน เลี้ยงลูกด้วยกัน  และนิวขอโทษพี่ๆ สื่อตรงนี้เลยนะคะ นิวจะไม่ขอตอบพี่สื่อหรือออกรายการเพื่อพูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะทุกอย่างที่นิวพูดไป เมื่อไทก้าโต เค้าจะต้องเห็นมัน... เมื่อเค้าเห็น นิวอยากให้ก้ารู้ว่าถึงป๊ากับมี้จะเปลี่ยนไปยังไง แต่สิ่งนึงที่มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปเลยนั้นคือ "พ่อ" กับ "แม่" มันจะคงอยู่ตลอดไป เราจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ก้าจะเติบโตมาโดยมีพ่อกับแม่เคียงข้างเสมอนะลูก รักลูกที่สุด

ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้เรานะคะ ขอบคุณครอบครัวพี่เพชรที่เอ็นดูนิวมาตลอด โดยเฉพาะครอบครัวของนิวที่เข้าใจและเป็นพลังให้นิวมาเสมอ รักมาก "