• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Fern751

#2981
นายกฯ ผลักดันคนรุ่นใหม่นำเทคโนโลยีแพลตฟอร์มดิจิทัลขับเคลื่อนศก.ไทย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำคณะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) ทั่วประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะและรับทราบนโยบายจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หอการค้าไทยและหอการค้าทั่วประเทศมีบทบาทสำคัญในการเป็นภาคีของรัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด และเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐให้ความสำคัญและมุ่งเน้นเสมอมา โดยเฉพาะการส่งเสริมศักยภาพชุมชน วิสาหกิจชุมชน SMEs และผู้ประกอบการทุกระดับ

ทั้งนี้ คนรุ่นใหม่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทต่อการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจ จึงขอให้คนรุ่นใหม่พร้อมปรับตัวเข้ามาร่วมสร้างสรรค์และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยุคใหม่ให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง มุ่งเน้นให้ประชาชนเป็นส่วนขับเคลื่อนสำคัญ และให้นำเทคโนโลยีแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน ทั้งในด้านของการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ ให้เกิดความน่าสนใจกับแต่ละท้องถิ่น

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประชาชน พร้อมขอให้ทุกคนรักษาอัตลักษณ์ความเป็นไทย คือการมีน้ำใจ ไม่มีความแตกแยก มีแต่ความสามัคคี

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีรับฟังความเห็นจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ทั้ง 77 จังหวัด ทั่วประเทศ โดยได้ให้ประธานผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC ทุกจังหวัด นำเสนอความคิดเห็นในมุมมองของคนรุ่นใหม่ถึงแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัด โดยมีเป้าหมายสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และได้มีการกลั่นกรองนำมาทั้งหมด 15 จังหวัด โดยได้นำเสนอตามยุทธศาสตร์เน้นการขับเคลื่อน โดยความร่วมมือของภาคเอกชนและการสนับสนุนจากภาครัฐ อาทิ ด้านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือภาครัฐและเอกชนรุ่นใหม่ โครงการ YPC (Young Public and Private Collaboration) เป็นโครงการ Connect the dot ระหว่างราชการรุ่นใหม่และเอกชนรุ่นใหม่ในจังหวัดระยอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างเครือข่าย ความร่วมมือระหว่างราชการรุ่นใหม่และเอกชนรุ่นใหม่ ร่วมกันสร้างสรรค์โครงการ ที่สามารถทำได้จริงตามยุทธศาสตร์จังหวัด

ด้านการค้า การลงทุน การค้าชายแดน โครงการ Kgo City Token การสร้างระบบนิเวศของเศรษฐกิจดิจิทัลในจังหวัดขอนแก่น โดยเริ่มจากกลุ่ม YEC หอการค้าจังหวัดขอนแก่น

ด้านเกษตรและอาหาร โครงการศูนย์วิจัยนวัตกรรมการเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสนอแนวทางการจัดตั้งศูนย์วิจัยนวัตกรรมการเกษตรจากภาครัฐบาล เพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของจังหวัด และ สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ได้กลับมาพัฒนาบ้านเกิดได้อย่างยั่งยืน

ด้านท่องเที่ยวและบริการ โครงการศูนย์คัดแยกขยะเพื่อความยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติ ข้อที่ 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ศูนย์รักษ์ตรัง จะแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ และทัศนคติของชาวตรังที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมในการคัดแยกขยะของจังหวัดตรัง ส่งต่อเข้าสู่วงจร Circular Economy รวมทั้งศูนย์ความรู้เกี่ยวกับการสร้างเศรษฐกิจแบบยั่งยืน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ให้มีการเตรียมทำแผนและข้อเสนอในเชิงลึกมากขึ้น เพื่อให้แต่ละจังหวัดนำไปปรับใช้ได้ และขอให้คำนึงถึงกลไก ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน โดยชี้ว่าภาคเอกชนคืออีกหนึ่งกลไกที่สำคัญของประเทศ ตลอดจนตัวชี้วัด ที่จะชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของแต่ละโครงการด้วย
#2982
พาณิชย์ ชี้ RCEP ช่วยผู้ประกอบการไทย ลดต้นทุนการผลิต-เพิ่มทางเลือกวัตถุดิบ

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) เริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิก RCEP ได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งจากการช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและโอกาสส่งออกสินค้าและบริการ เกษตรกรไทยมีโอกาสขายสินค้าเกษตรได้เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคจะมีทางเลือกซื้อสินค้าและบริการที่หลากหลาย และส่งเสริมบทบาทของไทยในฐานะห่วงโซ่การผลิตที่สำคัญของภูมิภาค

สำหรับโอกาสทองของผู้ประกอบการไทยที่จะได้รับจากความตกลง RCEP นอกเหนือจากที่สมาชิก RCEP จะยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย จำนวน 39,366 รายการ โดยลดภาษีเหลือ 0% ทันที จำนวน 29,891 รายการ อาทิ ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง น้ำผลไม้ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสทางการส่งออกให้กับสินค้าไทย

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจาก "กฎถิ่นกำเนิดสินค้า" ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการใช้วัตถุดิบจากประเทศสมาชิก 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 10 ประเทศ และประเทศออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ โดยนำมาผลิตและสามารถส่งออกไปตลาด RCEP รวมทั้งได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และการใช้กฎถิ่นกำเนิดสินค้าเดียวกันในแต่ละสินค้า

ทั้งนี้ กฎถิ่นกำเนิดสินค้า จะช่วยลดต้นทุนและความยุ่งยากในการบริหารจัดการ อาทิ ผู้ผลิตน้ำผลไม้จากไทย สามารถซื้อวัตถุดิบที่มีถิ่นกำเนิดจากสมาชิก RCEP เข้ามาผลิตและสามารถจำหน่ายในตลาด RCEP โดยได้รับสิทธิ์การลดภาษีนำเข้าเหมือนการใช้วัตถุดิบในประเทศ นอกจากนี้ วัตถุดิบหลายชนิดของไทยจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น เช่น แป้งมันสำปะหลังนำไปผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยว ยางพาราผลิตด้ายยางวัลแคไนซ์ และผลไม้เป็นวัตถุดิบนำไปแปรรูป เป็นต้น

รมช.พาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความตกลง RCEP ถือเป็นความตกลงการค้าเสรี (FTA) ฉบับแรกของอาเซียน ที่มีการจัดทำกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules: PSRs) กับทุกรายการสินค้า เพื่อสะท้อนกระบวนการผลิตที่แท้จริง และสามารถได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีศุลกากร

สำหรับสินค้าไทยที่จะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจากกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ RCEP อาทิ อาหารปรุงแต่ง อาหารสัตว์เลี้ยง รองเท้า และเหล็กและผลิตภัณฑ์จากเหล็ก รวมถึงปลาทูน่ากระป๋อง ที่ไทยนำเข้าวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากแหล่งนอกภูมิภาค ก็จะสามารถผ่านเกณฑ์ถิ่นกำเนิด และได้รับสิทธิ์การลดภาษีนำเข้าได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับความตกลง FTA ก่อนหน้า เช่น ไทย-ญี่ปุ่น อาเซียน-ญี่ปุ่น และอาเซียน-เกาหลีใต้ ที่จำกัดวัตถุดิบให้มาจากประเทศภาคีด้วยกันเท่านั้น

"ขอให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร หรือผู้สนใจทำการค้าในตลาด RCEP เร่งใช้ประโยชน์จากความตกลงฯ ทำความเข้าใจกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศสมาชิก และศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค ตลอดจนช่องทางการจำหน่ายทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้าในตลาด RCEP ได้อย่างมีประสิทธิภาพ" รมช.พาณิชย์ กล่าว
#2983
ยุโรปเตือนวัคซีน 'แอสตร้าเซนเนก้า' อาจทำให้เกิดไขสันหลังอักเสบ

องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) ระบุเตือนในวันนี้ว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าอาจเกิดอาการไขสันหลังอักเสบ

อย่างไรก็ดี EMA ระบุว่า อาการดังกล่าวเป็นผลกระทบข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ยาก

ทางด้านคณะกรรมการความปลอดภัยของ EMA แนะนำให้มีการแจ้งเตือนผลข้างเคียงดังกล่าวต่อวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า รวมทั้งวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้ข้อสรุปว่า มีความเป็นไปได้อย่างสมเหตุสมผลที่จะมีความเกี่ยวข้องกันระหว่างการใช้วัคซีนของทั้งสองบริษัท และการเกิดอาการไขสันหลังอักเสบ

 
#2984
NFL ยันจัดซูเปอร์โบวล์ในแคลิฟอร์เนียตามแผน หลังกระแสข่าวย้ายสถานที่

เนชันแนลฟุต.ลีก (NFL) เดินหน้าเตรียมงานซูเปอร์โบวล์แบบเต็มอัตรา ในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนก็จะถึงวันเปิดการแข่งขัน โดยทั้งเจ้าหน้าที่ NFL และผู้จัดงานระดับท้องถิ่นต่างออกมายืนยันว่า ศึกอเมริกันฟุต.นัดสำคัญครั้งนี้จะยังคงจัดขึ้นในวันที่ 13 ก.พ. ณ นครลอสแอนเจลิสตามแผนการเดิม
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หลายรายต่างยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดี (13 ม.ค.) ว่า NFL ไม่มีแผนย้ายการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ไปจัดที่เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเท็กซัสหรือสถานที่แห่งอื่น แม้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และรัฐแคลิฟอร์เนียได้ออกมาตรการสกัดโรคระบาดก็ตาม

"เรายังคงวางแผนจัดการแข่งขันซูเปอร์โบวล์เช่นเดิมในช่วง 1 เดือนนับจากนี้" นางเคที คีแนน ผู้อำนวยการระดับอาวุโสฝ่ายกิจกรรมของ NFL กล่าว "เรากำลังทำงานร่วมกับทุกคนที่นี่และสำนักงานสาธารณสุขลอสแอนเจลิส เพื่อรับประกันว่างานของเราจะจัดขึ้นอย่างปลอดภัย"
เมื่อช่วงต้นเดือนนี้มีกระแสข่าวว่า NFL ได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้สนามกีฬา AT&T ในเมืองอาร์ลิงตันของทีมดัลลัส คาวบอยส์เป็นสถานที่สำรองสำหรับจัดการแข่งขันซูเปอร์โบว์ล หากแคลิฟอร์เนียออกกฎห้ามจัดการแข่งขันเพื่อสกัดโควิด-19

ด้าน NFL ได้ออกมาเปิดเผยแบบทันควันว่า เดิมทีก็มีการเฟ้นหาสถานที่สำรองสำหรับจัดการแข่งขันซูเปอร์โบว์ลเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว และ NFL ไม่ได้มีความวิตกกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับความสามารถในการจัดการแข่งขันในลอสแอนเจลิสแต่อย่างใด
#2985

ดอลลาร์ปรับตัวแคบเทียบสกุลเงินหลัก ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในคืนนี้

ณ เวลา 19.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.01% สู่ระดับ 95.63 ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.08% สู่ระดับ 131.13 เยน และอ่อนค่า 0.03% สู่ระดับ 1.136 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์แข็งค่า 0.12% สู่ระดับ 115.42 เยน

นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในคืนนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวจะแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนธ.ค.ในคืนนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2525 จากระดับ 6.8% ในเดือนพ.ย.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค.

นอกจากนี้ คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.9% ในเดือนพ.ย.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค.

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวยืนยันว่า เฟดจะใช้ความพยายามในการสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ แม้จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้

"ห่วงโซ่อุปทานที่กลับสู่ภาวะปกติจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันจากเงินเฟ้อในปีนี้ แต่เฟดก็ไม่กลัวที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดไว้ หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง" นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาวานนี้

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น จากปัจจุบันที่พุ่งสูงกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์
#2986

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงหลุดระดับ 1.72% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี แต่สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของตลาด

ณ เวลา 21.24 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.718% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.057%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.0% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2525 และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 6.8% ในเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.8% ในเดือนพ.ย.

ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 5.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.4% จากระดับ 4.9% ในเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% จากระดับ 0.5% ในเดือนพ.ย.
#2989
ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดเช้าบวก 7.25 จุดตามภูมิภาคขานรับถ้อยแถลง ปธ.เฟด-จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ

ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,674.37 จุด เพิ่มขึ้น 7.25 จุด (+0.43%) มูลค่าการซื้อขายราว 47,350 ล้านบาท นัก วิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นค่อนข้างดีในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาค ขานรับถ้อยแถลงประธานเฟดทำให้นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด ส่งให้ตลาดหุ้นและราคาน้ำมันดิบตอบรับ แต่ยังต้องรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ รวมทั้งคาดว่าเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งปีนี้ ถือว่าไม่ได้แย่ ทำให้มีแรงกลับเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่, กลุ่มน้ำมัน แนวโน้มช่วงบ่ายน่าจะยืนบวกได้ต่อ พร้อมให้แนวรับที่ 1,660 จุด แนวต้านที่ 1,680 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,674.37 จุด เพิ่มขึ้น 7.25 จุด (+0.43%) มูลค่าการซื้อขายราว 47,350 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยทำระดับสูงสุด 1,678.63 จุด และระดับ ต่ำสุด 1,673.00 จุด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทย เช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี สอดคล้องตลาดหุ้นภูมิภาคตอบรับเชิงบวกต่อถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้อาจต้องใช้นโยบายการเงินเข้ามากดเงินเฟ้อต่ำลง แต่ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง ทำให้ตลาดฯ คลายความกังวล โดยทั้งตลาดหุ้นและตลาดน้ำมันดิบก็ปรับตัวขึ้นตอบรับประเด็นดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ตลาดฯ ยังจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐว่าจะปรับขึ้นมาตามที่ตลาดคาดไว้ที่ 7% บวก/ลบ จากเดิมในเดือน พ.ย.อยู่ที่ +6.8% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์และบลูมเบิร์กให้กรอบ 6.8-7.2% หากเป็นไปตามที่ตลาดฯ คาดไว้ตลาดหุ้นก็ยังพอไปได้ นอกจากนี้ ตลาดฯยังคาดแนวโน้มเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้หรือปรับขึ้นทุกไตรมาส ถือว่าไม่ได้แย่ ทำให้วันนี้มีแรงซื้อกลับหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) และกลุ่มน้ำมัน

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย นายวิจิตร คาดว่า จะยืนบวกได้ต่อเนื่องจากช่วงเช้า พร้อมให้แนวรับที่ 1,660 จุด แนวต้านที่ 1,680 จุด ถ้าไม่ผ่านตลาดน่าจะแกว่งออกด้านข้าง

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,792.21 ล้านบาท ปิดที่ 123.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

GPSC มูลค่าการซื้อขาย 1,500.97 ล้านบาท ปิดที่ 86.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,385.71 ล้านบาท ปิดที่ 48.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,341.58 ล้านบาท ปิดที่ 127.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

          SVOA    มูลค่าการซื้อขาย  1,289.55  ล้านบาท  ปิดที่    4.18  บาท เพิ่มขึ้น  0.22 บาท
#2990
GPSC บวก 2.67% เทรดคึกคัก รับแรงซื้อกลับ-ร่วมมือ PTT ลุยแบตเตอรี่ EV

ราคาหุ้น GPSC ปรับขึ้น 2.67% หรือเพิ่มขึ้น 2.25 บาท มาที่ 86.50 บาท มูลค่าการซื้อขายราว 1.1 พันล้านบาท เมื่อเวลา 10.50 น. จากราคาเปิด 85.25 บาท ราคาขึ้นไปสูงสุด 87.25 บาท ราคาต่ำสุด 85.25 บาท

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า เช้านี้มีแรงซื้อกลับหุ้น บมจ.โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ที่มี Valuation น่าสนใจหลังสัปดาห์ก่อนมีแรงขายทำกำไรออกมา และแนวโน้มธุรกิจของ GPSC ที่เกาะเทรนด์ New S-Cuvre โดยร่วมมือกับ บมจ.ปตท.(PTT) เข้าสู่ธุรกิจแบตเตอรี่ EV

นอกจากนี้ ธุรกิจเดิม คือ โรงไฟฟ้าในปีนี้มีโอกาสเติบโตสูง โดยโรงไฟฟ้า Glow Energy ในปีนี้ไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงซึ่งสามารถรับรู้รายได้เต็มปี รวมทั้งในปี 65 ค่า Ft ได้ปรับขึ้น 3 รอบ ส่งผลดีต่อผลประกอบการ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าอุตสาหกรรม

ดอลลาร์แข็งค่าเทียบเยน นักลงทุนซื้อสินทรัพย์เสี่ยงหลังตลาดหุ้นพุ่ง

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าบริเวณกรอบล่าง 115 เยน โดยนักลงทุนได้เข้าซื้อเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดโตเกียว หลังตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นญี่ปุ่นดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ณ เที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 115.34-115.37 เยน เทียบกับ 115.25-115.35 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 115.25-115.27 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อเวลา 17.00 น. ของเมื่อวานนี้

ยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.1370-1.1374 ดอลลาร์ และ 131.14-131.22 เยน เทียบกับ 1.1364-1.1374 ดอลลาร์ และ 131.02-131.12 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 1.1341-1.1342 ดอลลาร์ และ 130.71-130.75 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อช่วงเย็นวานนี้
#2991
KTC เป้าปี 65 กำไรนิวไฮ-สร้าง New S Curve,ขยาย "พี่เบิ้ม" ดันพอร์ตสินเชื่อรวมแตะแสนลบ.

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรปี 65 จะยังทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องจากปี 64 ที่คาดทำกำไรราว 6 พันล้านบาท โดยจะถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้าง New S Curve เพื่อผลักดันรายได้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

บริษัทมีกลยุทธ์หลักในปีนี้ที่จะมุ่งเน้นขยายธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกัน "เคทีซี พี่เบิ้ม" วางเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโตก้าวกระโดดแตะ 11,500 ล้านบาท ด้วยการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแต่ละพื้นที่แบบเชิงรุกผ่าน "พี่เบิ้ม เดลิเวอรี่" ด้วยทีมขายของ KTC ทั่วประเทศไปให้บริการสินเชื่อถึงบ้านลูกค้า หรือสถานที่ที่ลูกค้าสะดวก อย่างรวดเร็ว ผูกกับช่องทางเครือข่ายธนาคารกรุงไทย (KTB) ทั่วประเทศกว่า 900 สาขา และกรุงไทยธุรกิจ ลีสซิ่ง (KTBL) 11 สาขา เป็นกลยุทธ์หลัก และจะเน้นสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์

พร้อมกันนั้น บริษัทจะสร้างผลิตภัณฑ์หลากหลายครบทุกความต้องการของตลาด ไม่ว่าจะเป็นบัตรกดเงินสด เคทีซี พี่เบิ้ม ซึ่งเป็นครั้งแรกของสินเชื่อทะเบียนรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ในรูปแบบของบัตรกดเงินสดที่ลูกค้าสามารถรูด-โอน-กด-ผ่อนผ่านบัตรได้ทันที ครอบคลุมถึงธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (Hire Purchase) ภายใต้ใบอนุญาตของกรุงไทยธุรกิจ ลีสซิ่ง ซึ่ง KTC ถือหุ้นอยู่ 75.05%

ตลอดจนพัฒนากระบวนการทำงานด้วยหลักการของดิจิทัล ทวิน (Digital Twin) นำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการสมัครและอนุมัติสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริการมีความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์ม "MAAI BY KTC" ต่อยอดจากความแข็งแกร่งของเคทีซีในการทำระบบคะแนนสะสมและความเชี่ยวชาญด้านการตลาดในการบริหารคะแนน KTC FOREVER ที่ตอบโจทย์และครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์
#2992




.
อาหารตามสั่งและเครื่องดื่มชา-กาแฟ
>>> หน้าร้านครัวบ้านยาย ชุมพร ออนไลน์ <<<
https://shop.line.me/@769nlxwu
https://www.facebook.com/khruwbanyai
.
>>> รายการอาหารและเครื่องดื่ม <<<
รายการอาหาร : http://bit.ly/3uCOayo
ภาพเครื่องดื่ม :  http://bit.ly/3dJfwMx 
.
ครัวบ้านยาย วัดถ้ำสนุก บ้านนา ชุมพร
ไลน์ 0867348650
.
>>> บริการสั่งอาหารตามสั่งและเครื่องดื่ม ครัวบ้านยาย ผ่าน GrabFood ได้
- สั่งเมนูโปรดของคุณได้ง่ายๆ ผ่าน ...
http://bit.ly/3IVdkQY
หรือ...https://food.grab.com/th/th/ 
- โดยไม่จำเป็นต้องโหลดแอป!
.
>>> พิกัดและเส้นทาง <<<
พิกัดของครัวบ้านยาย
ละติจูด: 10.492851
ลองจิจูด: 99.074708
.
Google Maps: 
https://maps.app.goo.gl/DbPrAwJWTLqX4p3u8
#2993

Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวน 58,805,186 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 853,612 ราย

สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต

รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 5 ล้านราย ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย

รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 4 ล้านราย ได้แก่ เท็กซัส ฟลอริดา

รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 3 ล้านราย ได้แก่ นิวยอร์ก

รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านราย ได้แก่ อิลลินอยส์ เพนซิลเวเนีย โอไฮโอ

รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ได้แก่ จอร์เจีย มิชิแกน นอร์ทแคโรไลนา นิวเจอร์ซีย์ เทนเนสซี แอริโซนา อินเดียนา แมสซาชูเซทส์ เวอร์จิเนีย วิสคอนซิน มิสซูรี มินนิโซตา เซาท์แคโรไลนา

นอกจากนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐ จำนวน 76,997 ราย
#2994

นายฮานส์ คลูจ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปและเอเชียกลางขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวเตือนในวันนี้ว่า ประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของยุโรปจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนภายในเวลา 6-8 สัปดาห์

นายคลูจกล่าวว่า ขณะนี้ยุโรปมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวนมากกว่า 7 ล้านรายภายในสัปดาห์แรกของปีนี้ ซึ่งมากกว่าถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้

"อัตราการเพิ่มขึ้นดังกล่าว ทำให้มีการคาดการณ์ว่าประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของยุโรปจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนภายในเวลา 6-8 สัปดาห์ข้างหน้า" นายคลูจกล่าว
นายคลูจระบุก่อนหน้านี้ว่า ยุโรปมีผู้ติดเชื้อรายใหม่คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 60% ของทั้งโลก และจำนวนผู้เสียชีวิตคิดเป็น 48% ขณะที่ยุโรปกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และจำนวนผู้เสียชีวิตอาจพุ่งแตะ 500,000 รายภายในเดือนก.พ.นี้
#2995
ชาร์ลี ออสติน หัวหอก ควีนส์ปาร์ค ซึ่งเป็นสาวก ลิเวอร์พูล กล่าวระหว่างจัดรายการให้ ทอล์คสปอร์ต ว่าส่วนตัวแล้วมองว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นนักเตะที่เก่งกว่า หลุยส์ ซัวเรซ และ เฟร์นานโด ตอร์เรส พร้อมกระตุ้น "หงส์แดง" ว่าควรจะรีบต่อสัญญากับ ซาลาห์ โดยด่วน

    ชาร์ลี ออสติน กองหน้า ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ซึ่งเป็นแฟน.ตัวยงของ ลิเวอร์พูล ด้วยนั้น แสดงความเห็นว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นนักเตะที่เหนือกว่า หลุยส์ ซัวเรซ และ เฟร์นานโด ตอร์เรส อดีต 2 ยอดหัวหอกของ "หงส์แดง" อย่างเห็นได้ชัด

    ปัจจุบัน ซาลาห์ กำลังอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรงจนนำเป็นดาวซัลโวของ พรีเมียร์ลีก ที่จำนวน 16 ลูก นอกจากนี้เขาก็ยังเป็นผู้นำในชาร์ตแอสซิสต์ร่วมกับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ด้วย จากการที่ทำไปคนละ 9 ครั้ง อย่างไรก็ตาม อนาคตของดาวเตะชาวอียิปต์กลับยังเป็นข้อกังขาอยู่เมื่อเขายังไม่ได้ต่อสัญญากับทีมสักที ทั้งที่เขาเหลือสัญญาจนถึงช่วงกลางปีหน้าเท่านั้น

    ออสติน ซึ่งรับงานจัดรายการให้ ทอล์คสปอร์ต สื่อกีฬาของอังกฤษด้วยนั้น กล่าวว่า "ซัวเรซ เป็นนักเตะที่น่าทึ่ง ตอร์เรส เองก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน แต่พวกเขา (ลิเวอร์พูล) ไม่เคยมีนักเตะแบบ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มาก่อน ไม่เลย สิ่งที่เขากำลังทำได้มันสุดยอดมากๆ เขาเป็นนักเตะชั้นยอด เขาทำผลงานได้ดีอยู่ทุกปี ตอนนี้เขาเป็นทั้งคนที่ทำประตูและแอสซิสต์ได้มากที่สุดในลีก ดังนั้มผมเลยคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่เพี้ยนมากๆ ถ้าพวกเขา (ลิเวอร์พูล) ปล่อยนักเตะรายนี้ไป"

    ดาวเตะที่เคยซัดใน พรีเมียร์ลีก ให้กับ ควีนส์ปาร์ค ไปถึง  18 ประตูในฤดูกาล 2014-15 แสดงความเชื่อด้วยว่า ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องจับ ซาลาห์ ต่อสัญญาให้ได้โดยเร็ว "มัน (การที่ทีมอื่นๆ ตามล่าตัว ซาลาห์) อาจจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ก่อนปิดตลาดด้วยซ้ำ ผมคิดจริงๆ ว่าถ้ามันไม่เสร็จสิ้นภายในช่วงซัมเมอร์นี้ หรือภายในก่อนจบฤดูกาลนี้แล้วน่ะ หลายทีมก็จะะเริ่มมองหาช่องทาง (ในการทาบทาม ซาลาห์) ทันที"
#2996
งานนี้ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดแล้วสำหรับแข้งรายที่สองในตลาดหน้าหนาวของ แอสตัน วิลล่า หลังบรรลุข้อตกลงคว้า ลูก้าส์ ดีญ มาร่วมทีมได้แล้ว โดยนักเตะเตรียมเดินทางมาตรวจร่างกายในวันพุธนี้

    แอสตัน วิลล่า บรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว ลูก้าส์ ดีญ แบ็กซ้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อย ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,100 ล้านบาท) ตามรายงานจาก สกาย สปอร์ต สื่อจากอังกฤษ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา  

    ดีญ วัย 28 ปี ต้องกลายเป็นแข้งส่วนเกินของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" หลังจากไปมีปัญหาส่วนตัวกับ ราฟา เอล เบนิเตซ กุนซ์อชาวสแปนิช จนทำให้เจ้าตัวถูกตัดชื่อออกจากทีมไปเรียบร้อย ซึ่งทำให้แบ็กจอมบุกรายนี้ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงในการย้ายทีมอย่างหนัก โดยมีหลายสโมสรในพรีเมียร์ลีกทั้ง เชลซี, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แสดงความสนใจอย่างจริงจัง 

    ก่อนที่ล่าสุดสื่อหลายสำนักนำโดย สกาย สปอร์ต ต่างรายงานตรงกันว่า วิลล่า สามารถบรรลุข้อตกลงกับ เอฟเวอร์ตัน ในการคว้า ดีญ มาร่วมทีมได้แล้ว โดยที่นักเตะกำลังเดินทางมาตรวจร่างกายภายในวันพุธนี้ ก่อนจะเซ็นสัญญาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และจะกลายเป็นแข้งรายที่สองของทัพ "สิงห์ผงาด" ในช่วงตลาดหน้าหนาวนี้ต่อจาก ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มิดฟิลด์ชาวบราซิล ที่ยืมตัวมาจาก บาร์เซโลน่า 

    นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าทีมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยังให้ความสนใจ อีฟส์ บิสซูม่า มิดฟิลด์จาก ไบรท์ตัน มาร่วมทีมอีกหนึ่งรายด้วย  
 
#2997


สื่อฝรั่งเศสโหมข่าวอย่างต่อเนื่องอีกยกด้วยการแฉว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แอบติดต่อกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบลับๆเรื่อยมาหมายย้ายไปกุมบังเ.ยน ผีแดง แทน ราล์ฟ รังนิก ในซีซั่นหน้า

    เลอ ปารีเซียง เคยระบุเมื่อไม่กี่วันก่อนว่ากุนซืออาร์เจนไตน์จะได้รับตำแหน่งนายใหญ่ของถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อย่างแน่นอนเนื่องจาก เปแอสเช พร้อมเปิดทางสะดวกให้เนื่องจากพวกเขาล็อคเป้าทาบ ซีเนดีน ซีดาน มารับช่วงแทน แต่มีข้อแม้ว่าสโมสรยักษ์ของ พรีเมียร์ลีก จะต้องจ่ายค่าชดเชย 10 ล้านปอนด์ (ราว 459 ล้านบาท)

    กระทั่งล่าสุดเมื่อ 12 ม.ค. สื่อเจ้าเดิมประโคมข่าวอีกว่า พอช แอบติดต่อกับ ผีแดง แบบลับๆมาโดยตลอดด้วยหวังย้ายกลับไปทำงานในเมืองผู้ดีอีกรอบโดยปัจจุบัน คารีน่า ภรรยา และครอบครัวของเขายังใช้ชีวิตอยู่ในลอนดอน ขณะที่หลายเดือนหลังเจ้าตัวพำนักอยู่ในโรงแรมของกรุงปารีส

    และด้วยเหตุที่มีประสบการณ์ใน พรีเมียร์ลีก มาก่อน อดีตผู้จัดการทีม เซาธ์แฮมป์ตัน และ สเปอร์ส ซึ่งมีผลงานพา ไก่เดือยทอง เข้าชิงชนะเลิศถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่น 2018/19 จึงเป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งของ โรงละครแห่งความฝัน

    อย่างไรก็ดี แม้บอร์ด ผีแดง จะสนใจดึงตัวกุนซือวัย 49 ปีที่มีสัญญากับเจ้าบุญทุ่มแห่ง ลีกเอิง จนถึงปี 2023 มาคุมทีม แต่ เลอ ปารีเซียง เสริมว่า รังนิก ซึ่งจะทำหน้าที่นายใหญ่ชั่วคราวให้กับ ผีแดง จนจบซีซั่นนี้ก่อนหันไปรับบทที่ปรึกษาแนะให้สโมสรแต่งตั้ง เอริค เทน ฮาก โค้ชทีม อาแจ็กซ์ มารับภาระแทนเขาจะดีกว่า และมีบอร์ดบางรายของ โรงละครแห่งความฝัน ชื่นชอบในตัวกุนซือดัตช์เช่นกัน
#2998

สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง อลัน เชียเรอร์ กูรูคนดังของวงการลูกหนังอังกฤษรุดออกโรงทำนายทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก และท็อปโฟร์ในซีซั่นนี้ใหม่อีกรอบ หลังส่อแววว่าไม่เป็นอย่างที่เจ้าตัววิเคราะห์เอาไว้ก่อนหน้านี้

    ในช่วงก่อนเปิดซีซั่น อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษมั่นใจว่า เชลซี จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปครองหลังจากพวกเขาได้แชมป์หนสุดท้ายในปี 2017 เนื่องจาก สิงห์บลูส์ มีดีกรีเป็นแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก

    พร้อมกันนี้ ทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ออกสตาร์ตซีซั่นได้อย่างแข็งแกร่งโดยรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของลีกอิงลิชได้ และทำให้กูรูหลายรายมองตรงกับ เชียเรอร์ ว่าทีมจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ จะได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปเชยชม

    อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ล่าสุดซึ่งพลิกผันไปว่า แมนฯ ซิตี้ ที่กำลังฟอร์มแรงชนะ 11 นัดรวดน่าจะเข้าเส้นชัยชนิดไร้คู่แข่ง เจ้าของนิคเนม "ฮ็อตช็อต" จึงขอเปลี่ยนการทำนายใหม่ว่า เรือใบสีฟ้า จะเข้าวินร้อยเปอร์เซนต์ พร้อมทั้งเปลี่ยนสี่ทีมที่จะได้อันดับท๊อปโฟร์ตามมุมมองใหม่ของเขาด้วย

    "ก่อนเริ่มเขี่ย. ผมบอกว่า เชลซี จะได้แชมป์ลีก แต่ตอนนี้ผมสงสัยแล้ว" เชียเรอร์ เอ่ยเมื่อ 12 ม.ค.

    "แมนฯ ซิตี้ กำลังมีฟอร์มที่ดีอย่างต่อเนื่อง พวกเขาไม่แผ่วเลย และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็น่าทึ่งมาก เขาคว้าผลลัพธ์ได้ และรีดฟอร์มนักเตะที่เขามีออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม"

    "เป็นเรื่องยากที่มีนักเตะฝีเท้าดีหลายรายเพราะทุกคนต้องการเล่นทุกสัปดาห์ และเขาจัดการกับเรื่องสำคัญนี้ได้อย่างเหนือชั้น"

    "ดังนั้นผมจึงต้องบอกว่า แมนฯ ซิตี้ จะได้แชมป์ ผมไม่คิดว่าจะมีทีมไหนโค่นพวกเขาได้แล้วในตอนนี้"

    สำหรับคำถามถึงอันดับท๊อปโฟร์ เชียเรอร์ เอ่ยชื่อสามทีมออกมาโดยไม่มี แมนฯ ยูไนเต็ด

    "แมนฯ ซิตี้ , ลิเวอร์พูล , เชลซี ... ผมประทับใจ อาร์เตต้า และ อาร์เซน่อล เขาจัดการกับเรื่องต่างๆได้ดี แต่ อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาคุมทีม สเปอร์ส และมี แฮร์รี่ เคน กับ ซน ฮึง มิน เป็นกองหน้า ผมคิดว่า สเปอร์ส จะติดท๊อปโฟร์"
#2999


เชื่ออย่างยิ่งว่าหลาย ๆ บ้าน หรือตามร้านอาหารต้องมีตัวช่วยเซฟเวลาในการล้างจาน อย่างเครื่องสำหรับล้างจานกันอยู่แล้ว แต่กระนั้นอาจมีบางท่านที่ยังไม่ทราบว่าจะดูแลรักษาอย่างไรให้ถูกวิธี ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น บทความนี้เลยอยากเอาใจคนที่มีเครื่องล้างจาน Electrolux หรือยี่ห้ออื่น ๆ ด้วยการมอบทริคการดูแลมาให้ทำความเข้าใจอย่างละเอียด ว่าแต่จะต้องทำเช่นไรบ้าง ไปติดตามกันให้ไว
เทคนิคการดูแลรักษาเครื่องล้างจานที่ถูกวิธี
1. จำเป็นต้องเลือกใช้น้ำยาเช็ดล้างที่เหมาะสม
ในการดูแลรักษาไม่ว่าจะเป็นเครื่องของ Electrolux เองหรือยี่ห้ออื่น ๆ อย่าง เครื่องล้างจาน Xiaomi, Toshiba, FRANKE ฯลฯ ที่ปกติแล้วการล้างจานน้ำที่ใช้จะมีความกระด้างที่แตกต่างกัน เกิดสาเหตุอุดตันได้ง่ายมาก อย่างนั้น จึงต้องล้างทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้มีน้ำ หรือเศษอาหาร เศษผงต่าง ๆ มาอุดตัน ยืดอายุการใช้งานไปในตัว ทั้งนี้ นอกจากจะใช้น้ำยาเช็ดที่พอเหมาะแล้ว ก็อาจมีสเปรย์ฉีดเพิ่มเติมเอาคราบสกปรกออกง่าย ๆ ช่วยขจัดคราบฝังลึก คราบตระกรัน ฯลฯ

2. ต้องล้างคราบตะกรันออกให้ดี
หลายคนอาจจะละเลยการทำความสะอาดคราบตะกรันในเครื่องล้าง ทั้งที่จริงแล้วควรล้างให้เหมาะสม วิธีการไม่ลำบาก ให้เปิดเครื่องออกมา (ต้องไม่มีจาน ชามที่จะล้างอยู่) โดยอุณหภูมิต้องสูงประมาณ 30 นาที แล้วเปิดประตูมาล้างเครื่อง ปล่อยน้ำล้างออก ใส่น้ำยาทำความสะอาดเข้าไป ปิดประตูให้เครื่องทำงานต่อ แนะนำให้ทำปีละ 1 ครั้ง

3. กลิ่นและเชื้อรา ต้องตรวจสอบให้ดี
เรื่องกลิ่นและเชื้อรา ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องใส่ใจถ้าอยากดูแลรักษาเครื่องให้อายุการใช้งานยืนยาว ด้วยเหตุว่าไม่อย่างนั้นจาน ชามได้มีกลิ่นติดแน่นอน แนะนำว่าให้ตรวจสอบตัวกรองเศษอาหารก่อน เนื่องด้วยเป็นต้นเหตุของเชื้อรา และแบคทีเรียเจริญเติบโต ป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยวิธีการให้ทำความสะอาดไส้กรอง โรยเบกกิ้งโซดาลงไป หรือจะใช้มะนาวมาผ่าครึ่งใส่ไวในตะกร้าช้อน ส้อม แล้วกดอุณหภูมิสูง จัดการกลิ่นออกไป

อย่างไรก็ตาม จะเป็นเครื่องล้างจานยี่ห้อไหน แนะนำว่าให้ล้างกำจัดคราบไขมันที่เกาะอยู่กับเครื่องที่อาจมาจากจาน ชาม ช้อน ส้อมอย่างน้อยทุก ๆ 4 – 6 เดือน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องที่มีประสิทธิภาพร่วมด้วย ซึ่งต้องล้างโดยเปิดอุณหภูมิให้สูงเข้าไว้เพื่อให้ความร้อนเป็นตัวช่วยชะล้างคราบและสิ่งสกปรกฝังแน่นต่าง ๆ ออกง่ายมากขึ้น

หลังจากนี้ก็เชื่อว่าทุก ๆ ท่านจะสามารถยืดอายุการใช้งานเครื่องล้างจานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ต้องเสียเงินซ่อม หรือซื้อเครื่องใหม่บ่อยอีกแล้ว

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/KIT0403
#3000


ด้วยสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 หรือโควิด – 19 ทำให้หลาย ๆ คนต้องการใช้ตัวช่วยปรับบรรยากาศด้วยเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค และหากใครที่มีแผนจะเลือกซื้อเลือกหาอยู่อยากให้ลองมาศึกษารายละเอียดต่อไปนี้ดู จากนั้นค่อยเปรียบเทียบกันชัด ๆ ว่าจะเลือกยี่ห้อไหนใช้งานที่ดีที่สุด เพื่อให้การเลือกซื้อเลือกหาตกลงใจซื้อง่ายมากยิ่งขึ้น ได้ของดีมีคุณภาพตามคาดหวัง
พาไปชมเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหน โดนใจใช่เลย

1. Sharp FP-J30TA-B
ต้องบอกคุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ Sharp รุ่น FP-J30TA-B 23 ตารางเมตร ,uเทคโนโลยีทรงพลัง Plasma Cluster Ion ปล่อยพลังบวกและลบได้อย่างดีที่สุด สามารถจัดการกับเชื้อไข้หวัดนก H5N1 เชื้อแบคทีเรีย และสามารถฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ การทำงานเงียบมาก ตั้งเวลาไว้ได้ 4 ชั่วโมง หรือ 8 ชม. มี HEPA Filter แบบกรองฝุ่นได้ อายุการใช้งานประมาณ 2 ปี สามารถเก็บฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้เร็วทันใจ มีไฟสัญลักษณ์แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนไส้กรอง

2. Philips AC0820/20
มาต่อกันที่เครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC0820/20 49 ตารางเมตร กันบ้าง โดยจะมีความสามารถในการดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไปจนถึงฝุ่นละอองขนาดใหญ่ ทั้งแบบที่มองเห็นและไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าก็หายห่วง สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาด 0.003 ไมครอนได้ ซึ่งเล็กยิ่งกว่าฝุ่น PM 2.5 เสียอีก มีหน้าจอแสดงผลเพื่อบอกสภาพอากาศ หรือสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ เหมาะกับการวางไว้ในพื้นที่ 532 ตารางฟุต มีระบบหมุนเวียนอากาศแบบ 3 มิติ ใช้เวลาแค่ 16 นาทีก็ฟอกอากาศให้ห้องที่มีขนาด 20 ตารางเมตร ได้แล้ว

3. Xiaomi XMI-FJY4031GL(3H)
ปิดท้ายกันที่เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่น XMI-FJY4031GL(3H) 45 ตารางเมตร ด้วยความสามารถในการฟอกอากาศที่บริสุทธิ์ได้ 400 ลูกบาศก์เมตร / ชั่วโมง มีความแม่นยำสูงแบบเซนเซอร์ Micro-scale Particle Laser มีแรงดันไฟฟ้า 100 – 240 โวลต์ พื้นที่ใช้งาน 45 ตร.ม. สามารถเชื่อมต่อด้วยแอพ Mi Home ได้ พร้อมระบบเสียงควบคุมอัจฉริยะ AI จอสัมผัสเป็นแบบ OLED Touch Display ที่สำคัญเซนเซอร์เป็นแบบ Micro-scale Particle Laser ที่มีความแม่นยำสูงมาก ไวต่อคุณภาพอากาศชนิดที่เป็นแบบ Real-time กันเลยทีเดียว

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศค่อนข้างได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างยิ่ง แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อที่รีวิวมานี้ก็มีความน่าสนใจแตกต่างกันออกไป เอาเป็นว่าเลือกในแบบที่พอเหมาะตอบโจทย์การใช้งานของตนเองมากที่สุดจะดีกว่า สิ่งสำคัญต้องศึกษาคู่มือการใช้งานให้ดีก่อนด้วย และระวังวิธีใช้แบบผิด ๆ อาทิ ไม่ควรดึงหรือบิดสายไฟ ไม่ควรวางใกล้พื้นที่ที่อับชื้น อาทิ ในห้องน้ำ หรือหน้าห้องน้ำ ไม่ควรวางใกล้กับวัตถุไวไฟต่าง ๆ ไม่ควรวางเครื่องลักษณะเอียง หรือทางลาดชันเนื่องด้วยจะเสี่ยงร่วงตกลงมาได้ เพียงเท่านี้รับรองอากาศในบ้านของท่านจะดีขึ้นอีกเยอะ

เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP02