• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jenny937

#2941
เลขเด็ดหวยไทยรวมข่าว "เลขหวยเด็ดไทย" เกาะติดข่าวของ"เลขเด็ดสำนักดัง" ข่าวด่วนของ "เลขเด็ดหวยอาจารย์ดัง" ที่คุณสนใน คิดตามเรื่อง"เลขเด็ดหวยๆหวยดังงวดล่าสุด"
รวมเลขเด็ด หวยดังทั่วฟ้าเมืองไทย
 
#2942
ค่าเช่า 15,000 บาท/เดือน (รวมค่าส่วนกลางแล้ว)
#สนใจติดต่อ
-086.560.3212
-086.321.6291
เจ้าของ

ให้เช่าบ้าน ทาวน์โฮม 2 ชั้น ถนนเลียบคลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี


#บ้านว่างให้เช่า
#โครงการอินดี้รังสิต-คลองสอง

ถนนเลียบคลองสอง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

#ลักษณะบ้าน
-   18 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 89 ตร.ม.  2 ห้องนอน  3  ห้องน้ำ  1 ห้องเก็บของ 1 ที่จอดรถ

#สิ่งอำนวยความสะดวก
- เฟอร์นิเจอร์ครบทั้งหลัง (ใหม่)
- ม่านและมุ้งลวดบานเลื่อนทั้งหลัง
- แอร์  3 เครื่อง
- เครื่องทำน้ำอุ่น 2 เครื่อง
- อ่างล้างจานสแตนเลส

#สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ
- รปภ. 24 ชม. 
- สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ
-ฟิตเนส
-สวนสาธารณะ
-สนามเด็กเล่น

#สถานที่ใกล้เคียง
-ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต 5.4 กม.
-ห้าง zpell 5.4 กม.
-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต
-มหาวิทยาลัยกรุงเทพ


#ค่าเช่า 15,000 บาท/เดือน (รวมค่าส่วนกลางแล้ว)
#เข้าอยู่ ค่าเช่าบ้าน 1 เดือน ค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน ค่าประกันความเสียหาย 1 เดือน รวม 45,000 บาท
#สัญญาขั้นต่ำ 1 ปี
#บ้านใหม่ ไม่เคยเข้าอยู่


#สนใจติดต่อ
-0865603212
-0863216291

#ห้ามเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด
#ไม่รับนายหน้าค่ะ

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=51&t=7874319
























#2943

บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ( ROJNA ) ทุ่ม 51 ล้านบาท เข้าถือหุ้น 51% ใน 'บจก.เฮิร์บ เทรเชอร์' แลกไลน์รุกธุรกิจผลิต -จำหน่ายสารสกัด CBD จากกัญชง

14 ต.ค.64 นายจิระพงษ์ วินิชบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (ROJNA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 14 ต.ค.64 มีมติให้เข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท เฮิร์บ เทรเชอร์ จำนวน 255,000 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 200.00 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 51 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทถือหุ้นใน บริษัท เฮิร์บ เทรเชอร์ จำกัด ในสัดส่วน 51% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว โดยเป็นการซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิม คือ บริษัท กรีน อินฟีนีท จำกัด และบริษัท โกล. บีทูซี จำกัด

โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทเฮิร์บ เทรเชอร์ จำกัด  หลังจากที่ ROJNA ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นแล้วจะประกอบด้วย

1. บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ถือหุ้น 51% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว  
2. บริษัท กรีน อินฟีนีท จำกัด ถือหุ้น 21.00%
3. บริษัท โกล. บีทูซี จำกัด ถือหุ้น 21.00%  
4. นางสาวรมย์ชลี จันทร์ประสิทธิ์ ถือหุ้น 7.00% 

วัตถุประสงค์การเข้าลงทุนดังกล่าวเพื่อแสวงหาโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ และช่วยเพิ่มรายได้และกำไรให้บริษัท โดยบริษัทฯ คาดว่าจะเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญและดำเนินธุรกรรมให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนตุลาคม 2564

บริษัท เฮิร์บ เทรเชอร์ จำกัด มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 50 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำเข้า-ปลูกกัญชง  โดยบริษัทมีใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดกัญชงจากคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งไร่กัญชาแห่งแรกของบริษัทฯอยู่ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 
#2944

กลุ่มทิสโก้ไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 1,560 ล้านบาท หดตัว 6.3% แต่เงินสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตยังแกร่งอยู่ที่ระดับ 196.5%


นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3/2564 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 1,560 ล้านบาท ลดลง 6.3% จากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 และมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ธุรกิจชะลอตัวลงโดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 1.8% ตามการปล่อยสินเชื่อที่ชะลอตัว รายได้ค่าธรรมเนียมอ่อนตัวลง 9.9% จากธุรกิจนายหน้าประกันภัยและธุรกิจจัดการกองทุนที่อ่อนตัวลง ประกอบกับการรับรู้ผลขาดทุนบางส่วนจากมูลค่าเงินลงทุนที่ผันผวนตามสภาวะตลาดทุนทั่วโลก

 

อย่างไรก็ดี ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 0.5% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เนื่องจากการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลายในช่วงท้ายของไตรมาส ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROE) อยู่ที่ 16.2%

 ในขณะที่สถานการณ์การระบาดเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน และการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ ทั้งนี้ ระดับเงินสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Loan Loss Coverage Ratio) ยังคงแข็งแกร่งที่ 196.5% 

 

ในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและมาตรการปิดเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการแก้หนี้ให้ตรงจุดและยั่งยืน เพิ่มเติมจากการช่วยเหลือเป็นการทั่วไป โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าเช่าซื้อและจำนำทะเบียนรถยนต์ โดยเปิดโครงการพิเศษ "คืนรถจบหนี้" สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงและไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ โดยตลอดทั้งโครงการมีผู้สนใจเข้าร่วมทั้งสิ้นกว่า 3,000 ราย


ขณะเดียวกัน ยังเปิดตัวโครงการคุ้มคาร์ "ขายรถปิดหนี้" เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องขายรถหรือต้องการส่งต่อรถให้กับเจ้าของใหม่ สามารถนำรถยนต์มาประกาศขายผ่านเว็บไซต์TaladRodดอทcom โดยเปิดให้ลูกค้าที่สนใจลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2564
#2945
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้(13 ต.ค.) สัญญาทองคำตลาด COMEX เพิ่มขึ้น 35.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,794.7 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนเข้าทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าการคาดการณ์

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 35.4 ดอลลาร์ หรือ 2.01% ปิดที่ 1,794.7 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 65.6 เซนต์ หรือ 2.91% ปิดที่ 23.17 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 12.5 ดอลลาร์ หรือ 1.24% ปิดที่ 1,024.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 58.30 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 2,106.10 ดอลลาร์/ออนซ์


นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% ส่วนเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 5.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3%

สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 1.548% เมื่อคืนนี้ จากระดับ 1.579% ของวันอังคาร โดยการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
 

 นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.46% แตะที่ 94.0877 เมื่อคืนนี้
#2946
ผู้หญิงควรทานข้าวกล้องออแกนิกน้ำตาลต่ำ Low GI ข้าวอร่อยสำหรับคุณแม่ให้นมลูก ข้าวสุรินทร์ 100%
กลุ่มข้าวอินทรีย์สุรินทร์ ส่งออกข้าวอินทรีย์  คนทำนาข้าวอินทรีย์  ข้าวออร์แกนิค

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค (ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษ)
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ ข้าวกล้องออร์แกนิค " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1. ข้าวกล้องมะลินิลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2. ข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.   ข้าวเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5.  ข้าวปะกาอำปึลเกษตรอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.  ข้าวปะกาอำปึลออแกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7. กลุ่มข้าวผกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.   ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิคสำหรับทารก, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์สุรินทร์
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์ 
3.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลอินทรีย์  ข้าวผกาอำปึลorganic(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ออร์แกนิคสุรินทร์
5. ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคคือ 6.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์
7.  ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ออร์แกนิค  ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์กรมการข้าว

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#2947
ผญ.มากินข้าวน้ำตาลต่ำข้าวโภชนาการสูงคุณภาพดีสำหรับคุณแม่เตรียมตั้งครรภ์
'ข้าวอินทรีย์' ดีต่อสุขภาพ  เครือข่ายข้าวอินทรีย์สุรินทร์  คนทำนาข้าวอินทรีย์  ข้าวออร์แกนิคไทยมีราคาแพง

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค (ข้าวอินทรีย์กรมการข้าว)
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์  " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1.  กลุ่มข้าวมะลินิลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.   ข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.   กลุ่มข้าวหอมมะลิอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษ, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5.  ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์กรมการข้าว, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.  ข้าวหอมปะกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7.  ข้าวผกาอำปึลเกษตรอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :  ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวหอมมะลิออแกนิค
2. ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิคคือ
3.  ปลูกข้าวปะกาอำปึลออแกนิค  ข้าวผกาอำปึลออแกนิคคือ(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารพิษ จ.สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงorganic 6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิก
7.  กลุ่มข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#2948
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ภายใต้การอำนวยการของ นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล,ผศ.ดร.ธนวรรธน์ ผลวิชัย โฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล,พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้บูรณาการร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ.สั่งการให้ พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ.พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกก.1 บก.ปคบ.ทำการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ซึ่งได้ร่วมกันโฆษณาหลอกขายสลากกินแบ่งรัฐบาล แบบออนไลน์แต่ไม่มีสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับผู้ซื้อจริงดังนี้

รายที่ 1 นายพลพล คงธันร์ อายุ 37 ปีอยู่บ้านเลขที่ 59/110 หมู่ที่๗ตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1585/2564 ลงวันที่ 28 กันยายน 2564 โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 94/18 หมู่ที่ 11 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 เวลา 12.10 น.
รายที่ 2 นายโป้ง สุขจิตร อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/40 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1583/2564 ลงวันที่ 28กันยายน 2564 โดยจับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 25/48 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 เวลา 06.00 น.
รายที่ 3 นายสุรศักดิ์ หนูศรีใส อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/2 หมู่ที่ 5 ตำบลบางขนุน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1582/2564 ลงวันที่ 28 กันยายน 2564 โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านของพักของผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 เวลา 12.00 น.ซึ่งทั้งหมดต้องหาว่ากระทำผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา,ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือ.ในการเล่น.สลากกินแบ่ง ตามบัญชี ข.(หมายเลข16) โดยมิได้รับอนุญาต"

พฤติการณ์กล่าวคือ บก.ปคบ.ร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ร่วมกันสืบสวนกรณี แพลตฟอร์มชื่อ "ผีน้อย ลอตเตอรี่ ออนไลน์" ได้เสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ยังไม่ได้ออกรางวัลผ่านเพจออนไลน์ชื่อ ผีน้อย ลอตเตอรี่ออนไลน์ ทางเว็ปไซต์https://lottery168.com/homeหรือhttps://pheenoilottery.com/homeซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหลอกลวงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับบุคคลทั่วไป โดยนำภาพสลากฯ หมายเลขต่างๆ ที่มีการสแกนบันทึกเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ มาเสนอขายผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยใช้ตัวแทนนายหน้า หรือบุคคลต่าง ๆ เป็นผู้โฆษณาหาลูกค้ามาซื้อสลากฯ เมื่อลูกค้าเลือกซื้อสลากฯ แล้ว แพลตฟอร์มผีน้อยฯ มิได้ส่งมอบ สลากฯ ฉบับจริงให้ลูกค้า เพื่อทำการตรวจสอบ และเก็บรักษา แต่อย่างใด โดยแพลตฟอร์มฯ จะเก็บรักษาสลากฯ ฉบับจริงไว้ให้ลูกค้าเอง

จาการสืบสวนในคดีนี้พบว่า หลังจากที่กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวได้สแกนบันทึกสลาก ฯ และจำหน่ายทางเพจออนไลน์แล้ว กลุ่มผู้ต้องหาได้แอบนำสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับจริงทุกฉบับนำออกมาจำหน่ายซ้ำให้กับลูกค้ารายอื่นอีกจากพยานหลักฐานที่กล่าวมาข้างต้นเชื่อว่า นายพลพลฯและพวก มีการแบ่งหน้าที่กันในการกระทำความผิด โดยนายพลพลฯ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนหรือผู้ดูแลแพลตฟอร์มฯ โฆษณาโพสต์ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปมาซื้อสลากฯ ส่วนนายโป้งฯ และนายสุรศักดิ์ฯ ทำหน้าที่เปิดบัญชีเงินฝากเพื่อรับโอนเงินจากลูกค้าที่หลงเชื่อมาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ไม่มีสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับจริงให้กับลูกค้าที่ซื้อ และจากการสืบสวนยังพบอีกว่ากลุ่มผู้ต้องหายังได้มีการนำบัญชีเงินฝากของบุคคลอื่นที่เสียชีวิตแล้วมาทำธุรกรรมรับฝากโอนเงิน เพื่อกิจการขายสลากของแพลตฟอร์มผีน้อย ลอตเตอรี่ ออนไลน์ ถือว่าผิดวิสัย โดยปกติทั่วไปบัญชีเงินฝากเป็นข้อมูลบัญชีเฉพาะบุคคลจะให้บุคคลอื่นไปใช้ดำเนินการแทนไม่ได้ซึ่งหากมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินจากเจ้าหน้าที่นายพลพลฯกับพวกก็ไม่ต้องรับผิดและจากการตรวจสอบเส้นทางการทำธุรกรรมการเงินในบัญชีเงินฝากของกลุ่มผู้ต้องหาตั้งแต่เปิดบัญชีจนถึงปัจจุบัน มีเงินหมุนเวียนกว่า 15 ล้านบาท พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ยื่นคำร้องขอหมายจับบุคคลดังกล่าวต่อศาลอาญา กระทั่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับบุคคลทั้ง 3 รายดังกล่าว

จากการตรวจค้นบริเวณบ้านเลขที่ 94/18 หมู่ที่ 11 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของแพลตฟอร์มผีน้อยฯ ตามหมายค้นของศาลอาญาธนบุรีที่ 427/2564 ลงวันที่ 28 กันยายน 2564 ปรากฎว่าไม่พบมีสลากฯเก็บไว้ให้ลูกค้าที่ซื้อแต่อย่างใดพบแต่สิ่งของที่ใช้ในการกระทำความผิด จึงได้ทำการตรวจยึดเป็นของกลางในคดี ดังนี้
1.เครื่องสแกนสลากฯยี่ห้อ Brotherพร้อมชุดเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมจำนวน 10 เครื่อง
2. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลอื่นพร้อมบัตรเอทีเอ็ม กว่า 20 บัญชี (เชื่อว่าเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลอื่นที่กลุ่มผู้ต้องหาไปหาซื้อมาเพื่อทำธุรกรรมรับโอนเงิน)
3.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ ที่ใช้สำหรับทำธุรกรรมโอนเงินผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคารต่างๆ กว่า 10 เครื่อง
4.สมุดบันทึกและอื่นๆ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการยึดไว้ตรวจสอบต่อไปและจะได้ขยายผลผู้ร่วมกระทำความผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาต่อไป และจากการสอบสวนนายพลพลฯ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมว่า แพลตฟอร์มผีน้อยลอตเตอรี่ ออนไลน์ ได้เปิดบริการให้ประชาชนมาซื้อสลากฯจากเพจดังกล่าวตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านแล้วโดยสลากฯที่สแกนแล้วจะนำไปขายต่อให้ยี่ปั๊วแถวสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี

ADVERTISEMENT


ข่าวสารเพิ่มเติมสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนในการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์ ให้ซื้อกับตัวแทนที่มีการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีฉบับจริงมีสถานที่ตั้งจำหน่าย หรือตัวแทนจำหน่ายสามารถตรวจสอบได้ และหากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับสินค้าที่ผิดกฎหมาย หรือมีการขายสลากกินแบ่งเกินราคา สามารถแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสได้ทางสายด่วน 1135, ศูนย์รับเรื่องรวมร้องทุกข์ บก.ปคบ.,เพจเฟซบุ๊ก "กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค" และ เว็บไซต์ www.cppd.go.th
#2949
DNA ใหม่ ไทยวิวัฒน์' ปฏิวัติวงการสู่โลกอนาคต

ใน"วิกฤติโควิด-19"ที่เปลี่ยนทุกสิ่งบนโลกยุคนี้ให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เป็นโจทย์ท้าทาย"ประเทศไทย"ที่ก้าวข้ามผ่านวิกฤติครั้งนี้ ซึ่งทุกคนต้องตรียมตัวให้พร้อม เพื่อไปสู่โลกใหม่ที่เติบโตกว่าเดิมให้ได้

เช่นเดียวกับหนึ่งใน"บริษัทประกันวินาศภัยคนไทย"ที่อยู่มายาวนานถึงกว่า 7 ทศวรษ อย่าง"บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVI  เกิดคลื่นลูกใหม่ "เทพพันธ์ อัศวะธนกุล" รองกรรมการผู้อำนวยการ ทายาทคนที่ 2 ของ"จีรพันธ์ อัศวะธนกุล"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ในปัจจุบัน ผู้ที่ส่งผ่านแนวคิดคนยุคเก่าสู่คนยุคใหม่ ด้วยสูตรลับทั้งหมดคือ "ไม่มีสูตรลับ"  ต้อง "เป็นคนดี คิดนอกกรอบได้ และตั้งใจทำงานให้ดี"  จึงนำไปสู่ความสำเร็จ     

 กลายเป็นแรงผลักดันตลอด 5 ปีที่ผ่านมาให้ "เทพพันธ์" ปัจจุบันด้วยวัย 33 ปี สามารถพิสูจน์ฝีมือ"สร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการประกันภัย" ไปสู่ยุคใหม่ 

หลังเข้ามาช่วยบริหารภายใต้โจทย์ "การพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย" ด้วยการปฏิวัติ "ประกันรถยนต์"และ"ประกันสุขภาพ"ในรูปแบบใหม่ ที่"เปิด-ปิด" ได้จ่ายเบี้ยตามการใช้งานจริง จนปัจจุบันกลายเป็นแบบประกันที่คนไทยเริ่มคุ้นชินและการันตีด้วยรางวัล "นวัตกรรมประกันภัยดีเด่น" จากทั้งกระทรวงไอซีที สถาบันนวัตกรรมแห่งชาติและสำนักงาน คปภ.



ก้าวใหม่ในโลกสู่ยุคนิวนอมอล หรือ"ความปกติใหม่"หลังวิกฤติโควิด-19 "เทพพันธ์"  มองว่า มีความท้าทายใหม่ภาคธุรกิจ ต้องเตรียมพร้อมรับกับความเสี่ยงหลังเปิดประเทศและช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาแข็งแรงกว่าเดิมให้ได้

 แม้ในโลกตอนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แต่กลับมองเป็น "โอกาสก้าวไปข้างหน้า"  ด้วย "เตรียมตัวพร้อมเสมอ ปรับตัวให้เร็ว เปิดใจกว้างรับสิ่งใหม่" สิ่งเหล่าล้วนอยู่ใน DNA ของไทยวิวัฒน์ฯ  ภายใต้กลยุทธ์ 3 ด้าน คือ 1.มุ่งสานต่อความยั่งยืนธุรกิจ บนพื้นฐาน 2.การนำพัฒนานวัตกรรมที่ไม่จำกัดเฉพาะการประกัน เพื่อ 3.ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคคนไทยครอบคลุมมากที่สุด

ด้วย 3 อาวุธลับสำคัญที่เรามี คือ"มีเทคโนโลยีและฐานข้อมูล" สามารถนำมาประยุทธ์ใช้ขับเคลื่อนองค์กรได้รวดเร็วที่สุด ประหยัดที่สุด คล่องตัวมากที่สุด อีกทั้งทำให้กระบวนต่างๆไปถึงผู้บริโภคที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด สะดวกที่สุด ลดต้นทุนสูงสุด รวมถึง"มีความคิดสร้างสรรค์ คิดนอกรอบ" เพื่อพัฒนาคิดสิ่งใหม่ๆ ทำให้ประกันภัยที่เข้าไปอยู่ในทุกชีวิต


ปั้นวัตกรรมใหม่ โตด้วยตัวเอง

 "เทพพันธ์" กล่าวว่า ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าวตลอด 4 ปี เราเติบโตโดดเด่นมีเบี้ยประกันภัยรวมจาก 1พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6 พันล้านบาทในปัจจุบัน โตระดับ 25% ต่อปีหรือโตกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบอุตสาหกรรมโตเฉลี่ย 4-5% ต่อปีตามจีดีพี

และในวิกฤติโควิดรุนแรงและยืดเยื้อในปีนี้ นับว่า เป็นปีที่ดีของเรา ยังโตเป็นบวก ตั้งเป้าเบี้ยประกันรวม 6.5พันล้านบาท ที่สำคัญคาดกำไรโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกปีนี้สามารถรับรู้กำไรที่ดีมากขึ้น

เนื่องจากปีนี้ได้นำระบบแมชชีนเลิร์นนิ่งและเอไอ มาพัฒนานวัตกรรมประกันและบริการใหม่ มุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิม วางเป้าหมายในโลกอนาคตยุคนิวนอมอล เรามีโอกาสรับรู้รายได้และประเมินความเสี่ยงชัดเจนยิ่งขึ้น

 อีกทั้งยังหาโอกาสโตในต่างประเทศตลอดเวลา นอกจากมีบริษัทลูกที่ สปป.ลาว แล้ว  ขณะนี้เตรียมสร้างความร่วมมือทางธุรกิจแบบใหม่ มุ่งเป็นผู้ให้บริการนวัตกรรมใหม่ที่่พัฒนาขึ้นเองเพื่อใช้เป็นโมเดลต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ เช่น ประกัันภัยเปิด-ปิด เราพัฒนาเป็นคนของโลกและตลาดในไทยเติบโตจริง ทำให้ตอนนี้บริษัทประกันและสตาร์ทอัพในสิงคโปร์ เข้ามาเรียนรู้และสนใจที่จะนำไปใช้   

นอกจากนี้ มุ่งส่งต่อความสำเร็จสู่คนยุคใหม่ ทั้งสนับสนุนเงินทุนนักศึกษาและพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้วงการประกันภัยไทยอย่างไม่หยุดยั้ง​และนำรายได้คืนสู่สังคม  โดยต้นปีนี้ได้ตั้งบริษัทสตาร์อัพ มุ่งพัฒนาด้านแมชชีนเลิร์นนิ่งทำให้เกิดนวัตกรรมประกันภัยช่วยให้สะดวกมากขึ้น คาดจะเห็นในปีนี้ 1 โซลูชั่นและปีหน้าอีก 1 โซลูชั่น

ขณะที่ฐานะการเงินและเงินกองทุนบริษัทยังแข็งแกร่งสูงมากกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด พร้อมสนับสนุนการเติบโตในโลกอนาคตที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีกลับมาได้  

 "เทพพันธ์" กล่าวว่า งบลงทุนเฉลี่ยต่อปีวางไว้เป็นหลักหลายร้อยล้านบาท แม้เรามุ่งพัฒนาสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยมีในโลก แต่ยังคำนึงถึงความเป็นไปได้ในความเสี่ยงที่รับได้เท่านั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญช่วยผลักดันการเติบโตในโลกอนาคต

โดยเรายังโฟกัสตลาดในประเทศเป็นเป้าหมายหลัก แม้จะมีผู้เล่นในตลาดอยู่เป็นจำนวนมากและตลาดเติบโตตามจีดีพี แต่มองว่าตลาดยังโอกาสโตอีกมาก จากปัจจุบันเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งระบบต่อจีดีพีอยู่ที่1.4%เท่านั้น ยังไม่ถึง 2% เมื่อเทียบตลาดประเทศพัฒนาแล้วสูงระดับ 10-20% แล้ว  

       

ริเริ่มสิ่งใหม่ ฟื้นเศรษฐกิจไทย

สำหรับเศรษฐกิจไทยที่ยังกลับมาแข็งแรงกว่าเดิมในวิกฤติสุขภาพรอบนี้ "เทพพันธ์" มองว่า นอกจากความพร้อมเรื่อง วัคซีน  คุมการแพร่ระบา ภาครัฐอัดฉีดเงิน แล้ว  "ประกันวินาศภัย" ก็มีบทบาทอย่างมากในการเข้าไปช่วยบริหารความเสี่ยงภัยของประเทศและคนไทย       ที่สำคัญ "คนไทย" มีความสามารถไม่แพ้ชาติอื่น อุปสรรคของเรา แค่ต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น เพราะตอนนี้"จุดเด่น"ของประเทศที่เคยมีมา กลายเป็นสิ่ง"ล้าหลัง"ไปแล้ว ก็ต้องสร้างสิ่งใหม่ที่เพิ่มมูลค่า จะสร้างรายได้ให้ประเทศได้อีกมาก "ทุกภาคส่วนและคนไทยทุกคนต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น ร่วมมือสร้างสรรคค์สิ่งใหม่กันมากขึ้น"

"เราภูมิใจในความเป็นไทยวิวัฒน์ฯ ตลอด 70ปี ที่ปลูกฝังDNAของผู้นำในการริเริ่มสิ่งใหม่ สร้างสรรค์และพัฒนาได้เองจนทำให้ต่างชาติต้องมาเรียนรู้จากเรา"
#2950

สื่อในอังกฤษหลายสำนักรายงานตรงกันว่า นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด จะปลดสตีฟ บรู๊ซ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมภายในสัปดาห์นี้ พร้อมทั้งจ่ายเงินค่าชดเชย 8 ล้านปอนด์ (360 ล้านบาท) เพื่อเปิดทางให้กุนซือคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน โดยจะเริ่มงานทันทีในเกมพรีเมียร์ลีก วันที่ 16 ตุลาคม ที่จะเปิดบ้านเจอกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์


ซาอุดีอาระเบีย พับลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ ที่เข้ามาเทกโอเวอร์นิวคาสเซิล ไม่พอใจผลงานของบรู๊ซที่พาทีมรั้งรองบ๊วยของพรีเมียร์ลีก ยังไม่ชนะใครเลยตลอด 7 นัดที่ผ่านมา


ตัวเต็งกุนซือใหม่ คือ ลูเซียน ฟาร์ฟ อดีตกุนซือดอร์ทุมนด์, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ ซิตี้, สตีเว่น เจอร์ราร์ด ผู้จัดการทีมเรนเจอร์ส
#2951
กสิกร เตือนระวังกลุ่มมิจฉาชีพลวงกู้เงินออนไลน์ด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว สร้างความเสียหายกับประชาชนในภาคตะวันออกและอาจจะขยายไปพื้นที่อื่นเพิ่มขึ้น

ธนาคารกสิกรไทย แนะนำประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลที่คุ้นเคยหรือน่าเชื่อถือ ทำการชักชวนว่าจะสามารถช่วยเหลือการกู้เงินจากสถาบันการเงินได้

 

          เนื่องจากในระยะนี้ มีกลุ่มมิจฉาชีพได้หลอกลวงประชาชนโดยการชักชวนให้กู้เงินหลักแสน ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ โดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนในภาคตะวันออกและอาจจะขยายไปพื้นที่อื่นเพิ่มขึ้น

 

          ธนาคารกสิกรไทย จึงขอแนะนำประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลที่คุ้นเคยหรือน่าเชื่อถือ ทำการชักชวนว่าจะสามารถช่วยเหลือการกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว และให้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน โดยมิจฉาชีพจะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของสถาบันการเงิน จากนั้นจะเปิดบัญชีออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อรองรับเงินกู้ และขอกู้เงินจากสถาบันการเงินในนามประชาชนผ่านทางโทรศัพท์มือถือ

 

เมื่อสถาบันการเงินพิจารณาอนุมัติสินเชื่อตามขั้นตอนแล้วจะโอนเงินเข้าบัญชีของผู้กู้ (คือประชาชน) ที่มิจฉาชีพ หรือคนร้ายเป็นผู้เปิดบัญชี  และจะยักยอกเงินกู้เป็นของตนเอง สำหรับประชาชนผู้กู้บางรายอาจได้รับเงินจำนวนเพียงเล็กน้อย หรือบางรายไม่ได้รับเงินเลย แต่ในที่สุดจะต้องรับภาระเป็นหนี้จำนวนมากกับสถาบันการเงินตามธุรกรรมกู้เงินที่เกิดขึ้น

 


ทั้งนี้ ธนาคารขอแนะนำประชาชน

          1. บัตรประชาชนเป็นเอกสารสำคัญส่วนบุคคลที่ต้องเก็บไว้กับตัว ไม่ควรมอบบัตรตัวจริง หรือสำเนาให้ผู้อื่น หรือไม่ควรวางใจให้ผู้อื่นนำไปทำธุรกรรมแทน เนื่องจากที่ผ่านมามิจฉาชีพ หรือคนร้ายมักจะหลอกหรือนำไปก่อเหตุทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ เป็นประจำ

          2. ธุรกรรมที่สำคัญ เช่น การเปิดบัญชี บริการทางการเงิน การขอกู้เงิน ควรดำเนินการด้วยตนเองเท่านั้น

          3. อย่าหลงเชื่อกลลวง และควรเก็บเอกสารส่วนบุคคลต่าง ๆ ไว้เป็นความลับของตนเอง พึงมีสติในการพิจารณาเจตนา และความช่วยเหลือต่าง ๆ อย่างรอบคอบ

          4. การกู้เงินเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ ก็ตาม ผู้กู้ต้องมีภาระในการชำระคืนพร้อมอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น ควรกู้เมื่อมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินอย่างแท้จริง อย่ามองเพียงผลประโยชน์ที่บุคคลอื่นหยิบยื่นให้ เพราะอาจจะสร้างภาระหนี้ล้นพ้นตัวในระยะยาวให้แก่ตนเองและครอบครัว

          5. กรณีมีข้อสงสัย หรือไม่มั่นใจข้อมูลใด ๆ ควรติดต่อสอบถามหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
#2952
บทความโดย : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ( Value Investor) ชั้นแนวหน้า

เวลาที่จะซื้อหุ้นลงทุนทุกครั้ง  สิ่งหนึ่งที่ควรจะคิดถึงเสมอก็คือ  "จะขายเมื่อไร"  แต่   วอเร็น บัฟเฟตต์ กลับบอกว่าเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็คือ  "ไม่ขายเลย"  เขาอยากที่จะถือไว้ "ตลอดชีวิต"  แต่ผมคิดว่านั่นเป็นการพูดเพื่อเน้นให้นักลงทุนแบบ VI ถือหุ้นให้ยาวมากที่สุด  และหุ้นที่ควรจะซื้อก็คือหุ้นของกิจการที่ยอดเยี่ยมมีความได้เปรียบที่ยั่งยืนและโตต่อเนื่องไปยาวนานที่ผมเรียกว่า "Super Stock" ที่บัฟเฟตต์ชอบลงทุนตั้งแต่เริ่มโด่งดังหลายสิบปีก่อน  ตัวอย่างเช่น  หุ้นของโค๊กและสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมากที่บัฟเฟตต์ลงทุนและถือมาจนถึงทุกวันนี้  อย่างไรก็ตาม  บางครั้งบัฟเฟตต์ก็ลงทุนในหุ้นแนวอื่นด้วยที่ไม่ใช่ซุปเปอร์สต็อกและในกรณีนั้น  เขาก็ไม่ได้ถือยาวตลอดชีวิต  เขาขายมันไปเมื่อถึงเวลาที่สมควรจะขาย  ตัวอย่างเช่นการซื้อหุ้นปิโตรไชน่า  หุ้นน้ำมันยักษ์ใหญ่ของจีน  ที่เขาขายทำกำไรมโหฬารในระยะเวลาอันสั้นเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมาก

ส่วนใหญ่แล้วผมเองก็เน้นการลงทุนในหุ้นซุปเปอร์สต็อกและก็มักจะถือหุ้นยาวนานเป็นสิบปีขึ้นไป  อย่างไรก็ตาม  ในช่วงหลัง ๆ  ในตลาดหุ้นไทยซึ่งยังเล็กและมีหุ้นดังกล่าวจำกัดขึ้นทุกที  ผมก็หันไปลงทุนในหุ้นแบบอื่นด้วย  ยิ่งไปกว่านั้น  เมื่อผมเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียตนามเมื่อ 5-6 ปีก่อน  ซึ่งแทบจะไม่มีหุ้นที่จะเข้าข่ายเป็นซุปเปอร์สต็อกหรือผมไม่รู้จักหุ้นแต่ละตัวดีพอ  ผมก็จำเป็นที่จะต้องคิดถึงเรื่องการ "ขายหุ้น" ว่าจะทำเมื่อไร  แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น  มาดูกันว่าหุ้นแต่ละแบบนั้น  เราควรจะซื้อและขายเมื่อไร
 


เริ่มตั้งแต่หุ้นที่มีศักยภาพที่จะเป็นหุ้นซุปเปอร์สต็อกในอีก 10 ปีข้างหน้า วันซื้อก็คือวันที่เรามั่นใจว่ามันกำลังจะเป็นผู้ชนะในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่ทำอยู่และราคาหุ้นในขณะนั้นยังไม่แพงวัดจาก Market Cap. หรือมูลค่าหุ้นของกิจการ  ตัวอย่างชัดเจนสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาก็คือ  หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ที่คนในสังคมกำลังเข้ามาใช้บริการแทนที่ร้านค้าดั้งเดิม  บริษัทที่จะเป็นผู้ชนะจะสามารถเติบโตไปกับเศรษฐกิจต่อเนื่องยาวนานและโตเป็น 10 เท่าได้ในเวลา 10 ปี  วันที่จะขายหุ้นเหล่านี้ก็คือวันที่บริษัท "อิ่มตัว" แล้ว  มีคนใช้สินค้าทั้งประเทศแล้ว 

หุ้นกลุ่มที่สองที่ผมลงทุนมากพอสมควรก็คือหุ้น "Deep Value" หรืออาจจะเรียกว่าหุ้น  "แบกะดิน"  คือหุ้นที่ธุรกิจพอไปได้และ "ไม่ตาย" แต่อาจจะไม่โตแล้ว  แต่ราคาหุ้นถูกมาก  วัดจากค่า PE ปกติที่ต่ำมากและไม่ควรเกิน 10 เท่า และปันผลตอบแทนที่ค่อนข้างมั่นคงในระดับ 4-5% ขึ้นไป  หุ้นแบบนี้เมื่อซื้อแล้วผมก็จะถือไปเรื่อย ๆ  ตราบที่ยังไม่มีหุ้นหรือหลักทรัพย์อื่นที่น่าสนใจกว่า และจะขายเมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปจนเต็มหรือเกือบจะเต็มมูลค่าแล้ว  ซึ่งทั้งสองกรณีบางทีก็กินเวลานานเหมือนกัน  แต่ผมก็มักจะไม่รู้สึกเดือดร้อนมากนักเพราะอย่างน้อยผมก็ได้ "กินปันผล" ที่งดงามไปเรื่อย ๆ


 

หุ้นกลุ่มที่สามเป็นหุ้น Cyclical ที่มักจะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาขึ้นลงเป็นรอบ ๆ  อาจจะรอบละ 3-7 ปีอะไรทำนองนั้น  ตัวอย่างก็เช่น  ราคาน้ำมัน ถ่านหิน  เหล็ก  ปิโตรเคมี  ราคาพืชผลการเกษตร  ราคาค่าระวางเรือ  เป็นต้น เวลาที่ควรจะซื้อหุ้นเหล่านั้นก็คือเวลาที่ราคาสินค้าหรือบริการตกต่ำมากซึ่งก็มักทำให้บริษัทขาดทุน  บางครั้งหนักมากและทำให้ราคาหุ้นตกลงมาแทบจะไม่มีค่า  แต่ก็ต้องมั่นใจว่าบริษัทสามารถยืนอยู่ได้  ส่วนเวลาขายหุ้นก็คือเวลาที่สินค้าปรับตัวขึ้นรุนแรงและน่าจะมีความต่อเนื่องไปอีกนานพอสมควร  ในช่วงเวลาแบบนั้น  ราคาหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นโดดเด่นและสูงขึ้นเรื่อย ๆ  โดยเฉพาะเมื่อกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงมาก  บางทีทำให้ค่า PE เหลือแค่ไม่เกิน 5-6 เท่าก็มี  และนั่นก็คือเวลาขายหุ้น  อย่าไปคิดว่าหุ้นราคาถูกมากและไม่ยอมขาย

ผมเองเคยซื้อหุ้นแบบวัฎจักรเหมือนกันในช่วงเริ่มต้นเป็น VI ใหม่ ๆ  หลังวิกฤติปี 2540 แต่หลังจากนั้นก็แทบจะไม่สนใจเลย  เพราะผมคิดว่าบางทีวัฏจักรก็ยาวนานหรือสั้นกว่าปกติ  ผมไม่อยากจะต้องรอนานเกินไป  เพราะการลงทุนในหุ้นแบบอื่นอาจจะให้ผลตอบแทนที่เร็วกว่า  อย่างไรก็ตาม  ในช่วงแรกที่เข้าลงทุนในตลาดหุ้นเวียตนาม  ผมใช้วิธีเลือกหุ้นโดยอาศัยเกณฑ์แบบ VI ที่คัดเลือกหุ้นที่มีราคาถูกมากโดยไม่สนใจว่าบริษัททำอะไร  ซึ่งก็ทำให้ได้หุ้นวัฏจักรติดเข้ามาไม่ต่ำกว่า 10-20 ตัว โดยที่ผมไม่รู้ตัว

หุ้นกลุ่มสุดท้ายก็คือหุ้นที่เฟื่องฟูหรือเติบโตตามสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศ  พูดง่าย ๆ  ก็คือกิจการมีความได้เปรียบในการผลิตสินค้านั้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่น  เพราะต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะค่าแรงที่ต่ำกว่า  ดังนั้น กิจการก็จะทำยอดขายและกำไรได้ดีจนกว่าประเทศจะพัฒนาขึ้นและต้นทุนค่าแรงสูงขึ้น  ตัวอย่างเช่น  ประเทศไทยในช่วง 50 ปีที่แล้ว  ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่เฟื่องฟูก็คือเกษตรกรรมเช่น  การค้าข้าว มันสำปะหลังและน้ำตาล  เป็นต้น  ต่อมาก็เป็นเรื่องของการเลี้ยงกุ้ง  ธุรกิจสิ่งทอ  มาเป็นอุตสาหกรรมก่อสร้าง  อุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออก  การบริโภคและการค้าปลีกสมัยใหม่ภายในประเทศ  การเงินส่วนบุคคล  และเรื่องของโทรคมนาคมและสินค้าและบริการเกี่ยวกับดิจิตอล  เป็นต้น  โดยที่เวลาซื้อหุ้นก็คือการเริ่มต้นของ "กระแส" ที่ประเทศกำลังเข้าสู่ "ยุค" นั้นในสังคม  ส่วนการขายหุ้นก็คือการ  "หมดยุค" ของอุตสาหกรรมนั้น  ความได้เปรียบในแง่ของการผลิตหรือให้บริการหมดไปเมื่อเทียบกับประเทศหรือสังคมอื่น  ผู้คนทั้งคนรุ่นเดิมและโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เลิกใช้เพราะมีของใหม่ที่น่าสนใจหรือดีกว่า

การ "บูม" ของหุ้นเวียตนามในช่วงปีนี้โดยเฉพาะที่นำโดยนักลงทุนส่วนบุคคลรายย่อยเข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนได้ทำให้หุ้นโดยเฉพาะตัวเล็กปรับตัวขึ้นมามาก  และนั่นทำให้ผมเริ่มเข้ามาดูพอร์ตหุ้น "ชุดแรก" ของผมที่ประกอบไปด้วยหุ้นตัวเล็กเป็นร้อยตัวที่ผมไม่รู้ว่าทำหรือขายผลิตภัณฑ์อะไรอยู่  หุ้นจำนวนไม่น้อยมีราคาปรับขึ้นไปหลายเท่าในเวลาอันสั้นแค่ปีสองปี  บางตัวปรับขึ้นไปถึงเกือบ 10 เท่า  ผมเองไม่แน่ใจว่าราคาหุ้นแต่ละตัวนั้นเหมาะสมกับ "พื้นฐาน" ที่แท้จริงไหม  เพราะส่วนใหญ่แล้ว Market Cap. ของหุ้นก็ยังไม่เกิน 1,000 ล้านบาทไทยและค่า PE และอื่น ๆ ก็ยังดูไม่แพงเลย  อย่างไรก็ตาม  ผมเองก็ไม่อยากพลาด  "โอกาสขายหุ้น" ที่ผม  "ติด"  มานานจาก "ความผิดพลาด" ที่รีบเข้าไปซื้อหุ้นเวียตนามเมื่อ 5-6 ปีก่อน

หุ้นที่ผมเริ่มทยอยขายออกไปรอบนี้เพื่อที่จะ "ปรับพอร์ต" ให้กลายเป็นหุ้นตัวใหญ่ที่มีศักยภาพที่จะเป็นหุ้นซุปเปอร์สต็อกในอีก 10 ปีข้างหน้ามีอย่างน้อย 10 ตัว  ส่วนใหญ่เป็นหุ้นโภคภัณฑ์ที่ผมคิดว่าถ้าไม่ขายตอนนี้ก็อาจจะหมดโอกาสขายในราคาที่ทำกำไรได้ดีแม้ว่าจะติดหุ้นมาหลายปี 

- กลุ่มแรกจำนวน 3-4 ตัว ก็คือหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับยางพาราซึ่งช่วงนี้ดีขึ้นอานิสงค์จากความต้องการที่สูงขึ้นจากเรื่องของถุงมือยางป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 อีกส่วนหนึ่งน่าจะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเช่น ยางรถยนต์ที่อาจจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นอานิสงค์จากการฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์  

- กลุ่มที่สองจำนวน 4-5 ตัว คือหุ้นเกี่ยวกับถ่านหินที่ราคาปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงนี้  อย่างไรก็ตาม  เนื่องจากเพิ่งเริ่มต้นของการฟื้นตัวที่ยังไม่ส่งผลถึงผลประกอบการ  ทำให้ปริมาณการซื้อขายหุ้นในกลุ่มนี้ยังน้อยและทำให้การขายยังไม่สามารถทำได้รวดเร็วแบบยางพารา  

- กลุ่มที่สามจำนวน 2-3 ตัว คือหุ้นเกี่ยวกับเหล็กที่ราคาปรับตัวขึ้นไปก่อนหน้านี้ซักระยะหนึ่งแล้วประกอบกับการที่มี Market Cap. ที่ใหญ่กว่ากลุ่มอื่นทำให้สามารถขายได้ค่อนข้างเร็ว  

- และสุดท้ายก็คือกลุ่มหุ้นที่กำลังอยู่ในวงจร  "ขาขึ้น"  ของสถานะเศรษฐกิจของเวียตนาม  นั่นก็คือ  หุ้นส่งออกสิ่งทอและหุ้นโบรกเกอร์หลักทรัพย์  ซึ่งผมขายออกไปได้ในปริมาณที่สูงและรวดเร็วที่สุด โดยที่ในทั้ง2อุตสาหกรรมนี้  ผมเกรงว่าพอผ่านไประยะหนึ่งเมื่อเศรษฐกิจเวียตนามพัฒนามากขึ้น    คู่แข่งจะเต็มไปหมดและการทำยอดขายมากและกำไรดีอาจจะลดลงคล้าย ๆ กับในตลาดหุ้นไทยในอดีต   

ทั้งหมดที่ขายไปและกำลังทยอยขายออกไปนั้น  ลึก ๆ  แล้วผมคิดว่าคงเป็นการ "ขายหมู"  หมายความว่า  หลังจากขายไปแล้วราคากลับสูงขึ้นไปกว่าเดิม  ว่าที่จริงหลายตัวที่ขายไปแล้วก็เป็นอย่างนั้น  ผมเองไม่ได้เสียดายอะไร  ผมคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะขายได้ในราคาสูงสุดโดยเฉพาะในยามที่หุ้นกลุ่มนั้นยังร้อนแรง  ผมยังคิดต่อไปว่า  เมื่อขายไปแล้วก็จะต้องรีบนำเงินไปซื้อหุ้นตัวใหม่ในกลุ่มใหม่เช่นที่เป็นซุปเปอร์สต็อกที่ตอนนี้ยังไม่ได้ขึ้นไปมากเท่ากลุ่มโภคภัณฑ์ที่ขายออกไป  ดังนั้น  ถึงผมจะ "ขายหมู" ไปบ้าง  แต่ถ้าผมเอาเงินไปซื้อ "ลูกช้าง"  ในราคาต่ำกลับมา  ในระยะยาวพอร์ตของผมก็น่าจะดีขึ้น  ผมก็ได้แต่หวังว่า "เทศกาล" ขายหมูรอบนี้จะไม่จบลงเร็วเกินไปก่อนที่ผมจะขายได้หมด
#2953
ภาครัฐเร่งช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติ 'น้ำท่วม 2564' โดยมีมาตรการปล่อย 'สินเชื่อ' ดอกเบี้ย 0% และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านการเงินให้แก่ประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม ชวนเช็ค 4 ธนาคารรัฐว่ามีสินเชื่อแบบไหนบ้าง?

สถานการณ์ 'น้ำท่วม 2564' ในประเทศไทย ยังคงส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายพื้นที่ ภาครัฐจึงเร่งออกมาตรการช่วยเหลือ ทั้งการลงพื้นที่มอบของยังชีพ และการช่วยเหลืออพยพผู้เดือดร้อนไปยังศูนย์พักพิกชั่วคราว รวมถึงมาตรการช่วยบรรเทาปัญหาด้านการเงิน ด้วยการปล่อย 'สินเชื่อ' ดอกเบี้ย 0% และ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ จากธนาคารของรัฐ 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รวบรวมมาให้เช็คลิสต์ 4 ธนาคารรัฐ พร้อมดูรายละเอียด 'สินเชื่อ' ของแต่ละแห่งว่ามีเงื่อนไขอะไรบ้าง?

1. 'ออมสิน' ปล่อย 'สินเชื่อ' 3 มาตรการ โทร.1115

1.1) สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ

วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท
อัตราดอกเบี้ย 0% ในปีแรก
อัตราดอกเบี้ยปีที่ 2-5 =0.85% ต่อเดือน
ปลอดชำระคืนเงิน 3 เดือนแรก
ระยะเวลาผ่อนชำระ 3 - 5 ปี
กรณียื่นขอสินเชื่อภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่วันประสบภัยพิบัติได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมการขอสินเชื่อ
1.2) สินเชื่อบรรเทาความเดือดร้อน SMEs ที่ประสบภัยพิบัติ

วงเงินกู้สูงสุด 10% ของวงเงินกู้เดิมแต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท
อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.50%
อัตราดอกเบี้ยปีที่ 2 เป็นต้นไป = MLR ต่อปี
ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี
ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี
3.3) สินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ

วงเงินกู้ไม่เกินรายละ 1,000,000 บาท
อัตราดอกเบี้ย 0% ในปีแรก
อัตราดอกเบี้ยปีที่ 2-3 = 3.00% ต่อปี
อัตราดอกเบี้ยปีที่ 4 = MRR 0.75 % ต่อปี
ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี
 

 

2. ธ.ก.ส. ปล่อย 'สินเชื่อฉุกเฉิน' โทร. 02-555-0555

ขยายระยะเวลาชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย ออกไปสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน โดยไม่คิดดอกเบี้ยปรับ
ปล่อย 'สินเชื่อฉุกเฉิน' รายละไม่เกิน 50,000 บาท 
อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน
ตั้งแต่เดือนที่ 7 ใช้อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.50 ต่อปี)
ระยะเวลาชำระคืนไม่เกิน 3 ปี เพื่อนำไปใช้จ่ายที่จำเป็นภายในครัวเรือน
3. SME D Bank พักชำระหนี้ โทร.1357

มาตรการช่วยเหลือ SMEs พักชำระหนี้ สำหรับเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term loan) ให้สิทธิพักชำระเงินต้น สูงสุดไม่เกิน 3 เดือน
สินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือ SMEs ฟื้นฟูกิจการให้มีเงินทุนไปหมุนเวียนในกิจการ คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.99 ต่อปี ตลอดอายุสัญญา ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้น (Grace Period) ไม่เกิน 1 ปี วงเงินสินเชื่อสูงสุดต่อราย
 


4. ธอส. ปล่อย 'สินเชื่อ' ดอกเบี้ยต่ำ โทร. 0-2645-9000

ลดดอกเบี้ยเหลือ 0% ต่อปี นาน 4 เดือนแรก
ให้กู้เพิ่มหรือกู้ใหม่อัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี คงที่ 1 ปีแรก
ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 4 เดือน และคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี 4 เดือน ไม่ต้องชำระเงินงวด
ประนอมหนี้ไม่เกิน 1 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี
หากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี
ที่อยู่อาศัยเสียหายทั้งหลัง ซ่อมแซมไม่ได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของอาคาร
ให้พิจารณาสินไหมเร่งด่วน สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย จ่ายตามความเสียหายจริง รวมทุกภัยธรรมชาติ ไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี
กรณีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่ 1 พ.ย. 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริง แต่ไม่เกินภัยละ 30,000 บาทต่อปี
----------------------------

ที่มา : springnews
#2954


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความก้าวหน้าในเรื่องการบริหารงานด้วยการแต่งตั้ง โดมินิค จอร์แดน เข้ารับตำแหน่งผอ.ฝ่ายข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ โดยงานหลักของเขาก็คือการวิเคราะห์ข้อมูลทุกอย่างในวงการลูกหนัง เพื่อช่วยทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, ทีมงาน และนักเตะ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งบรรลุเป้าหมายสู่การคว้าแชมป์
     แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศแต่งตั้ง โดมินิค จอร์แดน เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการด้านข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ คนแรกของสโมสร โดยเป้าหมายในการวิเคราะห์สถิติต่างๆ ในเกมลูกหนังเพื่อนำมาช่วยสนับสนุนการทำงานของกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา และทีมสตาฟฟ์โค้ช

     จอร์แดน จบปริญญาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ โดยงานของเขาจะทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลจากภายในและภายนอก พร้อมนำข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์และข้อมูลในการวิเคราะห์เพื่อใช้ช่วยพัฒนาฟอร์มการเล่นของนักเตะในสนาม และยังรวมถึงการเฟ้นหานักเตะที่ใหม่ที่เหมาะสมกับทีมในช่วงตลาดซื้อขายผู้เล่น


 

แชมป์ต้องมีแล้ว!แมนยูหัวก้าวหน้าตั้งผอ.ข้อมูลวิทยาศาสตร์
ADVERTISEMENT


 

     สำหรับประวัติการทำงานของ จอร์แดน ถือว่าโดดเด่นมากๆ เพราะเคยทำหน้าที่ดูแลการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ในเครือ เอ็น บราวน์ กรุ๊ป โดยเจ้าตัวเปิดใจหลังได้รับหน้าที่ที่สุดท้าทายกับ "ผีแดง" ว่า "ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์คือกระบวนการที่ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์เพื่อดึงองค์ความรู้ และข้อมูลเชิงลึก"

     "จากนั้นก็นำองค์ความรู้ไปใช้เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการปฏิบัติ สำหรับงานของผมก็คือการสร้างทีมนักวิทยาศาสาตร์ข้อมูล และการวิเคราะห์ที่จะช่วยในการเก็บข้อมูล, เตรียมการ และรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทุกประเภท เพื่อช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ทำการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นใจมากยิ่งขึ้น" จอร์แดน ระบุ
#2955


ผู้ประกอบการรายย่อยหลายๆ คน อาจรู้สึกกังวลเรื่องภาษีที่ต้องจ่ายในการทำธุรกิจ และประเด็นที่ชวนให้สงสัยว่าผู้ประกอบการอาจจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่ถูกต้อง ก็มาจากจุดอ่อนบนงบการเงิน

สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการรายย่อยหลายๆ คนรู้สึกกังวลคือเรื่องภาษีที่ต้องจ่ายในการทำธุรกิจ ซึ่งก็มีภาษีที่เกี่ยวข้องหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax : CIT) ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax : VAT) ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax : SBT) ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax :  WHT) อากรแสตมป์ ที่อยู่ภายใต้ประมวลรัษฎากร และยังมีภาษีตามกฎหมายอื่น เช่น ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร เป็นต้น บทความนี้จะขอกล่าวถึงจุดอ่อนบนงบการเงินที่มักนำมาสู่ประเด็นที่ชวนให้สงสัยว่าผู้ประกอบการอาจจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่ถูกต้อง

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าโดยทั่วๆ ไปภาษีเงินได้นิติบุคคลมักคำนวณจากฐานภาษี ซึ่งก็คือกำไรสุทธิที่คำนวณตามเงื่อนไขของประมวลรัษฎากร ซึ่งเรามักเรียกกันเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายๆ ว่า "กำไรสุทธิทางภาษี" โดยกำไรสุทธิทางภาษีที่ว่านั้นจะตั้งต้นจากกำไรสุทธิทางบัญชี (กำไรสุทธิตามงบการเงิน ซึ่งคำนวณจากรายได้ลบด้วยค่าใช้จ่าย) แล้วจึงปรับปรุงตามเงื่อนไขในประมวลรัษฎากรเพื่อสะท้อนถึงความแตกต่างระหว่างการคำนวณรายได้และค่าใช้จ่ายตามมาตรฐานการบัญชีและตามประมวลรัษฎากร เช่น บวกกลับค่าใช้จ่ายบางอย่างที่บันทึกบัญชีไว้แต่ไม่สามารถนำมาถือเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิทางภาษีได้ ฯลฯ ดังนั้นการที่ธุรกิจถูกสงสัยว่ามีการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลน้อยเกินไปจึงมักมีสาเหตุเบื้องต้นจากการที่งบการเงินมีแนวโน้มที่จะแสดงรายได้ที่ต่ำเกินไปหรือแสดงรายจ่ายที่สูงเกินไป หรือในบางกรณีอาจร้ายแรงถึงขั้นงบการเงินดูไม่น่าเชื่อถือเลย ซึ่ง 5 ประเด็นสำคัญที่อาจนำมาซึ่งความสงสัยดังกล่าว ได้แก่

 
 


1.งบดุลแสดงยอดสินค้าคงเหลือ (inventory หรือที่เรียกกันติดปากว่า stock) สูงผิดปกติ ไม่สัมพันธ์กับยอดขาย สาเหตุหนึ่งของการมีสินค้าคงเหลือสูงผิดปกติอาจเนื่องมาจากธุรกิจต้องตุน stock สินค้าไว้นานกว่าจะขายได้ มี inventory turnover ที่ต่ำ สินค้าขายยาก แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ชวนให้สงสัยได้ว่าสินค้าคงเหลือดังกล่าวอาจไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงตัวเลขบนงบการเงิน เนื่องจากธุรกิจอาจมีการขายสินค้าแต่ไม่บันทึกเป็นรายได้ในงบกำไรขาดทุน ส่งผลให้ไม่สามารถบันทึกบัญชีการตัด stock ได้แม้ว่าของนั้นอาจจะส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้วก็ตาม ประเด็นนี้จึงชวนให้สงสัยว่างบการเงินแสดงรายได้ที่ต่ำเกินไป

2.งบกำไรขาดทุนแสดงกำไรขั้นต้น (gross profit margin) ต่ำผิดปกติ อาจจะต่ำผิดปกติเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนๆ หรือเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งอาจจะเกิดจากการลดราคาสินค้าลงมากเพื่อกระตุ้นยอดขายหรือในบางกรณีก็อาจจะเกิดจากต้นทุนสินค้าที่มีราคาผันผวน แต่กำไรขั้นต้นที่ต่ำผิดปกติก็อาจชวนให้สงสัยได้ว่าธุรกิจอาจมีการขายสินค้าที่ไม่บันทึกเป็นรายได้ในงบกำไรขาดทุนคล้ายกับประเด็นที่ 1 แต่แทนที่จะไม่ตัด stock ออกและแสดงยอดสินค้าคงเหลือสูงผิดปกติ กลับลงบัญชีตัด stock และบันทึกเป็นต้นทุนเพราะของได้ถูกส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้ว จึงทำให้ต้นทุนสูงผิดปกติเมื่อเทียบกับรายได้ กำไรขั้นต้นจึงต่ำผิดปกติ ประเด็นนี้จึงชวนให้สงสัยว่างบการเงินแสดงรายได้ที่ต่ำเกินไป (บันทึกรายได้ไม่ครบถ้วน) หรือแสดงค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป (บันทึกต้นทุนสินค้าที่ขายสูงเกินไป)
 

3.งบดุลแสดงเงินกู้ยืมจากกรรมการสูง (หนี้สิน) ในความเป็นจริงก็มีหลายธุรกิจที่เป็นธุรกิจที่ยิ่งทำยิ่งขาดทุน อาจจะเพราะเป็นธุรกิจตกยุค หรืออาจจะเป็นธุรกิจช่วงเริ่มต้นที่ยังจับทางไม่ได้ หรือเป็นธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายดำเนินงานหรือค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูงมากในช่วงเริ่มต้น ทำให้ธุรกิจไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดที่เพียงพอในการดำเนินงานได้ ต้องกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่อง ซึ่งบริษัทก็อาจจะเลือกกู้ยืมจากกรรมการ (ส่วนใหญ่ก็คือเจ้าของ) แทนการกู้จากธนาคาร งบดุลจึงแสดงหนี้สินเงินกู้ยืมจากกรรมการที่สูง แต่ประเด็นดังกล่าวก็อาจจะมองต่างมุมได้ว่าการขาดสภาพคล่องของธุรกิจอาจเกิดจากการที่ธุรกิจมีการขายสินค้าแต่ไม่บันทึกบัญชีและรับเงินค่าขายสินค้าโดยบุคคลอื่น (ซึ่งก็มักจะคือกรรมการ) แทนที่จะรับเงินค่าขายสินค้าโดยบริษัท ดังนั้นจึงทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดรับไม่เพียงพอต้องทำการกู้ยืมจากกรรมการนั่นเอง ประเด็นนี้จึงเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ชวนให้สงสัยว่างบการเงินแสดงรายได้ที่ต่ำเกินไป

4.งบดุลแสดงยอดเงินสดในมือสูง หรือมีการเปลี่ยนแปลงของยอดเงินสดคงเหลือในแต่ละปีอย่างมีสาระสำคัญ ซึ่งโดยปกติแล้วธุรกิจที่มีระบบควบคุมภายในที่ดีจะพยายามลดการถือเงินสดในมือและลดการรับจ่ายด้วยเงินสดเพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดทุจริต แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกธุรกิจจะสามารถลดการใช้เงินสดได้ทั้งหมด เช่น ธุรกิจค้าปลีก ก็จะยังมีรายการรับเงินจากลูกค้าเป็นเงินสด แต่ในธุรกิจหลายๆ ธุรกิจการมียอดเงินสดคงเหลือที่สูงหรือมีการเปลี่ยนแปลงของยอดเงินสดคงเหลือมากๆดูจะเป็นเรื่องผิดปกติของธุรกิจนั้นๆ ถ้าเปรียบเทียบกับรายการในบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีข้อมูลจากธนาคารมายืนยันรายการได้ว่ารับเงินจากใครหรือจ่ายเงินให้ใคร รายการเงินสดจะเป็นรายการที่ไม่มีเอกสารจากบุคคลภายนอกที่เชื่อถือได้มายืนยัน ทำให้ชวนสงสัยว่าอาจมีการบันทึกบัญชีผ่านบัญชีเงินสดโดยไม่มีรายการเกิดขึ้นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการค่าใช้จ่าย ประเด็นนี้จึงอาจก่อให้เกิดความสงสัยว่ามีการบันทึกค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป หรืออาจจะถึงขั้นสงสัยว่างบการเงินดูไม่น่าเชื่อถือเลย

5.งบดุลแสดงยอดเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการ (ทรัพย์สิน) สูง ในหลายๆ ครั้งการที่บริษัทโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเล็กๆ จะมีการให้กรรมการยืมเงินนั้นเกิดขึ้นได้จริงโดยสุจริตใจ เพราะกรรมการอาจจะขาดสภาพคล่องในการดำเนินชีวิต จะรอการจ่ายเงินปันผลหรือโบนัสก็ไม่ทันกาล หรือจะขึ้นเงินเดือนตัวเองก็เกรงว่าในระยะยาวบริษัทอาจจะจ่ายเงินเดือนที่สูงต่อไปไม่ไหว ต้องปรับขึ้นปรับลงซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยาก จึงต้องอาศัยการกู้ยืมเงินจากบริษัทมาใช้ก่อน ซึ่งในกรณีนี้ก็ควรต้องมีการทำสัญญาเงินกู้และมีการคิดดอกเบี้ย (เป็นรายได้ของบริษัท) อย่างถูกต้อง แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งบัญชีเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการก็เป็นอีกบัญชีที่ชวนให้เกิดข้อสงสัย เพราะก็เป็นบัญชีที่ไม่สามารถยืนยันยอดกับบุคคลภายนอกได้คล้ายกับบัญชีเงินสด ดังนั้นจึงอาจก่อให้เกิดข้อสงสัยว่ามีการบันทึกบัญชีค่าใช้จ่ายพร้อมกับบัญชีเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการโดยไม่มีรายการเกิดขึ้นจริงหรืออาจสงสัยว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุของบัญชีเงินสดก็ได้

จะเห็นว่างบการเงินนั้นอาจมีจุดอ่อนให้เกิดความสงสัยในเรื่องการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในหลายประเด็นซึ่งในทางปฏิบัตินั้นมีมากกว่า 5 ประเด็นที่กล่าวถึงข้างต้น ผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับการจัดทำบัญชีอย่างถูกต้องและมีเอกสารประกอบอย่างครบถ้วนเพื่อให้สามารถชี้แจงประเด็นข้อสงสัยได้อย่างเหมาะสม แล้วเรื่องภาษีเงินได้นิติบุคคลจะไม่เป็นเรื่องน่าหวั่นใจของผู้ประกอบการอย่างที่เคยเป็น

 

โดย : ธัญญพัทธ์ วรวงษ์สถิตย์ นักวางแผนการเงิน CFP®

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
#2956
ผู้ชายรักสุขภาพควรทาน ข้าวหอมมะลิแดง และประโยชน์ของ ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวน้ำตาลน้อย ข้าว Low GI
ข้าวมะลิแดง ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวกล้องมะลิแดง ข้าวกล้องหอมมะลิแดง ข้าวมะลิแดงสุรินทร์ ข้าวหอมมะลิแดงสุรินทร์ ข้าวกล้องมะลิแดงสุรินทร์
"ข้าวหอมมะลิแดง" /  กลุ่มข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์  อาหารผิวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
"ข้าวหอมมะลิแดง / ข้าวมะลิแดง " (Red Jasmine Rice) คือ ข้าวเจ้าพันธุ์หนึ่งของไทย ปลูกได้ปีละ 1 ครั้ง  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิแดง เมล็ดข้าวมีรูปร่างเรียวยาว มีสีน้ำตาลแดง มีความนุ่ม หอม อร่อย ไม่ต่างจาก "ข้าวหอมมะลิ หรือมองง่ายๆก้คือ ข้าวหอมมะลิ ที่มีสีแดงเลยเรียกกันว่า "ข้าวหอมมะลิแดง / ข้าวมะลิแดง  / ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคสำหรับทารก"




คุณสมบัติเด่น   ข้าวหอมมะลิแดงorganic ใช้เป็นอาหารหลักในการฟื้นฟูกำลัง และเยียวยาผู้ป่วยมะเร็ง เบาหวาน
ประโยชน์ของ "ข้าวหอมมะลิแดง / ข้าวมะลิแดง  /  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค"-   ข้าวหอมมะลิแดงสุขภาพ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง
-  ขายข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์ ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิว
-  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ  เป็น Growth Factor ตามธรรมชาติสามารถช่วยการเจริญของเซลล์ผิว
-   ปลูกข้าวหอมมะลิแดงออแกนิค ช่วยชะลอการเกิดและต้านริ้วรอย คงความอ่อนเยาว์
-   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ คืนความมีชีวิตชีวาให้กับผิว
-   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์สุรินทร์ อุดมไปด้วยวิตามินบีเช่นเดียวกับข้าวงอก ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง และช่วยลดอาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย
-   ขายข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ มีไฟเบอร์หรือกากใยสูง ช่วยในการดูดซึมไขมัน ทำให้อิ่มนาน และทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ
-  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง  อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและทองแดงที่ช่วยบำรุงเลือด เป็นอาหารหลักที่ควรกินสำหรับผู้ป่วยโรคโลหิตจางหรือผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน
- ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์  มีสารไนอะซินทำให้ผิวแข็งแรง ลดการเกิดโรคผิวหนังและปัญหาผิวพรรณหยาบกร้าน
-   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์ มีแคโรทินที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ช่วยบำรุงดวงตาให้แข็งแรง
รวมถึงอุดมด้วยใยอาหาร ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ มีเบต้าแคโรทีน และธาตุเหล็กสูง เป็นข้าวกล้องที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคสำหรับทารก  ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน คนป่วยเบาหวานและคนที่กำลังคุมน้ำหนักสามารถกินได้อย่างสบายใจ 
ข้าว Hor.Boutique  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเพื่อสุขภาพ   ข้าวเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   จากนาข้าวเคมีสู่นาข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000 โทร. 092-8245655
website : การทำนาข้าวอินทรีย์  
Facebook : www.facebook.com/Organic.Red.Jasmine.Rice/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ / ข้าวปลอดสาร   ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค เพื่อสุขภาพ 7 ประเภท
1. ปลูกข้าวมะลินิลอินทรีย์
2. ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิคคือ 3.  ข้าวผกาอำปึลอินทรีย์กรมการข้าว4.  จำหน่ายข้าวหอมมะลิสุรินทร์ผสมหลายสายพันธุ์แท้ จากสุรินทร์5.  ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิคสำหรับทารก 6.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค 7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิคคือ

#ข้าวมะลิแดง #ข้าวหอมมะลิแดง #ข้าวกล้องมะลิแดง #ข้าวกล้องหอมมะลิแดง #ข้าวมะลิแดงสุรินทร์  #ข้าวหอมมะลิแดงสุรินทร์  #ข้าวกล้องมะลิแดงสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิแดงสุรินทร์ #ข้าวมะลิแดงอินทรีย์  #ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ #ข้าวมะลิแดงปลอดสาร #ข้าวหอมมะลิแดงปลอดสาร  #ข้าวกล้องมะลิแดงปลอดสาร #ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสาร #ข้าวมะลิแดงเพื่อสุขภาพ #ข้าวหอมมะลิแดงเพื่อสุขภาพ #ข้าวกล้องมะลิแดงสุขภาพ   #ข้าวกล้องหอมมะลิแดงสุขภาพ
 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#2957

"สงกรานต์ บุญมีเกียรติ" เป่าเมืองทอง-หนองบัว ซิวยอดเยี่ยมไทยลีกแมตช์6 ขณะที่ "กชภูมิ"เชิ้ตดำเชียงใหม่ยู-ท่าเรือที่2, VAR"วรินทร-ศรีสุวรรณ-ชัยฤกษ์-ภูเบศ"

    ทีมงานฟุต.สยามรายวัน ยังคงดำเนินการคัดสรรเฟ้นหาผู้ตัดสินยอดเยี่ยมไทยลีก2021-22 นัดที่ 6 ที่แข่งขันในช่วงกลางสัปดาห์เมื่อวันอังคาร-พุธ-พฤหัสบดีที่ 5-6-7 ต.ค.64 ที่ทำหน้าที่ได้อย่างเถรตรงแบบไร้ข้อครหาต่างๆด้วย

    ผู้ตัดสินเป่ายอดเยี่ยม อันดับ 1 ในศึกไทยลีก2021-22 นัดที่ 6 คือ สงกรานต์ บุญมีเกียรติ ผู้ตัดสินฟีฟ่าฝีมือดีที่ลงทำหน้าที่ในเกมที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด เสมอ หนองบัวพิชญ เอฟซี 1-1 ที่ธันเดอร์โดม สเตเดียม เมื่อวันอังคารที่ 5 ต.ค.64 โดยในเกมดังกล่าวมี 2 จุดโทษเกิดขึ้น โดยจุดโทษแรกเป็นจุดโทษของหนองบัวพิชญ เอฟซี ที่ แฮมิตัน โซอาเรส น.4 ส่วนอีกหนึ่งจุดโทษเป็นของ เมืองทอง ยูไนเต็ด จาก ซาดอร์ มีซาเยฟ น.14 ซึ่งจุดโทษทั้ง 2 ช็อตถือได้ว่าผู้ตัดสินเด็ดขาดมากๆ คว้ารางวัลยอดเยี่ยมในนัดที่ 6 ไปครอง 


    ผู้ตัดสินเป่ายอดเยี่ยม อันดับ 2 คือ กชภูมิ มีศรีเดชา ที่ลงเป่าในเกมที่ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด แพ้ การท่าเรือ เอฟซี 0-2 ที่สนามสมโภชเชียงใหม่700ปี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ต.ค.64 โดยภาพรวมถือได้ว่าตัดสินได้ตามมาตรฐาน โดยเฉพาะจังหวะ น.39 ที่การท่าเรือ เอฟซี โวยว่าน่าจะได้จุดโทษ วรวุฒิ นามเวช แนวรับของทีมการท่าเรือโดนดึงในกรอบเขตโทษ แต่ขอผู้ตัดสินไปดูจอ VAR ก็เป็นจังหวะที่ไม่ได้เจตนาทำฟาวล์ของผู้เล่นเชียงใหม่ ยูไนเต็ดแต่อย่างใด 

    ผู้ตัดสิน VAR ยอดเยี่ยม อันดับ 1 ในศึกไทยลีก2021-22 นัดที่ 6 คือคู่ของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เสมอ นครราชสีมา มาสด้า 1-1 ที่สนาม อบจ.ขอนแก่น เมื่อวันพุธที่ 6 ต.ค.64 โดยมี "วรินทร สัสดี และ ศรีสุวรรณ บุญนำ" ทำหน้าที่ โดยช็อตแจ้งเกิดในเกมดังกล่าว คือ 3 จังหวะที่เกิดขึ้นกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด จาก 2 ช็อตที่เจ้าบ้านได้ประตูไปแล้ว แต่ถูกสัญญาณวีเออาร์จับล้ำหน้าไปก่อน รวมถึงต้นครึ่งหลังที่ อลงกรณ์ จรนาทอง ของขอนแก่น ยูไนเต็ดที่ไปย่ำใส่ ออมาดู ออตทาร่า จนเป็นใบแดงในท้ายที่สุดด้วย 

    ผู้ตัดสิน VAR ยอดเยี่ยม อันดับ 2 คือคู่ของ เมืองทอง ยูไนเต็ด เสมอ หนองบัวพิชญ เอฟซี 1-1 ที่มี "ชัยฤกษ์ งามสม และ ภูเบศ เหล็กผา" ซึ่งทั้งคู่ถือว่ามีการแจ้งส่งสัญญาณ VAR ให้กับผู้ตัดสินในสนามกับช็อตจุดโทษช็อตที่ 2 ที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ใน น.14 ซึ่งถือว่าค่อนข้างชัดเจนมากๆอยู่แล้วว่าต้องเป็นจุดโทษ
#2958

"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"

ในโลกการเงินดิจิทัล คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือที่รู้จักในชื่อว่าสกุลเงินดิจิทัล ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายว่าจะเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่จะมาทดแทนการใช้เงินสดหรือแม้แต่เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันได้หรือไม่ และด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ที่อยู่เบื้องหลังอย่างบล็อกเชน (Blockchain) ที่มีความปลอดภัยและสามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้งาน ขณะที่เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยลดบทบาทตัวกลางอย่างสถาบันการเงิน ที่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ธนาคารกลางทั่วโลกจึงหันมาศึกษาความเป็นไปได้ในการนำบล็อกเชนมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการชำระเงิน และการออกใช้ Central Bank Digital Currency (CBDC) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่จะเป็นตัวแทนของเงินได้จริงๆ

CBDC ถือเป็น "สกุลเงิน" ในรูปแบบดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง ซึ่งมีคุณสมบัติในการเป็นสื่อกลางเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ สามารถรักษามูลค่า และเป็นหน่วยวัดทางบัญชีได้ ซึ่งต่างจากคริปโตเคอร์เรนซีอย่าง Bitcoin Ether หรือ Ripple ที่ออกโดยภาคเอกชน และมีมูลค่าผันผวนจากการใช้เพื่อเก็งกำไร จึงไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ

CBDC สามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ สำหรับการทำธุรกรรมระหว่างสถาบันการเงิน (Wholesale CBDC) และสำหรับธุรกรรมรายย่อยของภาคธุรกิจและประชาชน (Retail CBDC)

นอกจากประเทศจีนที่ประกาศใช้เงินดิจิทัลหยวนสำหรับประชาชนอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อช่วงต้นปี 2563 ยังมีหลายประเทศที่กำลังเดินหน้าศึกษาและทดลองเรื่องนี้ อาทิ



E-Krona ในสวีเดน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่พัฒนา CBDC เป็นประเทศแรกๆเนื่องจากในปี 2018 อัตราการชำระเงินด้วยเงินสดในสวีเดนเหลืออยู่เพียง 13% ซึ่งมูลค่าในตลาด Remittance ของสวีเดนมีมูลค่ามากถึง 16,400 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่า GDP ในประเทศถึง 3.5 เท่า โครงการเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2017 ปัจจุบัน E-Krona มีการทดสอบกับร้านค้าและ End-User เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ในรายงานระบุว่าผู้ใช้งานสามารถทำ Anonymouse payment ได้หากมีมูลค่าไม่ถึง 250 EURO และรองรับระบบ Offline Payment

ธนาคารฝรั่งเศสประกาศเมื่อเดือนมีนาคม 2020 เกี่ยวกับ CBDC ว่าทดสอบการใช้เงินยูโรดิจิทัล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจการใช้งาน CBDC สำหรับ Tokenized Financial Assets แม้ว่าก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศฝรั่งเศสจะเรียกร้องให้มีการสร้างระบบการชำระราคาแบบบล็อกเชนในยุโรป

แอฟริกาใต้ประกาศพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2019 โดยธนาคารกลางแอฟริกาใต้ อ้างถึงคุณสมบัติของ CBDC ที่จะถูกพัฒนาขึ้นว่าจะเป็น Legal tender และจะทำงานร่วมกันกับเงินสดมากกว่าจะมาแทนที่เงินสด และสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร

ธนาคารกลางอังกฤษยังอยู่ในช่วงพิจารณาการสร้าง CBDC แต่ก็มีเอกสารและการอภิปรายในการศึกษาความเสี่ยงและโอกาสในการพัฒนา เพราะแม้อังกฤษยังมีการใช้เงินสดอยู่มากแต่ก็มีแนวโน้มที่ลดลงจนกระทั่งปี 2018 นั้น อัตราการใช้เงินสดเหลืออยู่เพียง 28% เท่านั้น

ล่าสุด สหรัฐฯ ก็ได้ประกาศโครงการ Digital Dollar ก่อตั้งขึ้นโดยอดีตผู้นำของคณะกรรมการการ Commodity Futures Trading Commission (CFTC) และ Accenture โดยกล่าวว่าจะสร้างให้เสร็จใน 5-10 ปี

ในส่วนของประเทศไทยนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ 8 แห่งได้ริเริ่ม "โครงการอินทนนท์" ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและความเป็นไปได้ของการใช้ CBDC ในภาคสถาบันการเงิน รวมถึงมีการทดลองการโอนเงินข้ามประเทศร่วมกับธนาคารกลางฮ่องกง ซึ่งผลการทดสอบและองค์ความรู้ในการทำโครงการฯ เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาเงินสกุลดิจิทัลของไทยในอนาคตที่ต้องให้ความสำคัญต่อเสถียรภาพการเงินและการสร้างนวัตกรรมที่สนับสนุนภาคธุรกิจเอกชน

หลายคนคงจำได้ถึงการเปิดตัว Libra ของเฟซบุ๊กเมื่อกลางปี 2562 ที่ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกตื่นตัวยิ่งขึ้นและเริ่มให้ความสนใจกับการพัฒนา CBDC สำหรับรายย่อยมากขึ้น โดย ธปท.อยู่ระหว่างศึกษา ออกแบบ และพัฒนาระบบต้นแบบ CBDC ร่วมกับภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดการพัฒนาจากโครงการอินทนนท์ เพื่อศึกษารูปแบบ ผลกระทบ และข้อจำกัดในการนำ CBDC ไปใช้ในภาคเอกชน โดยเริ่มจากการเชื่อมต่อระบบการบริหารการจัดซื้อและการชำระเงินระหว่างบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กับคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทาน โดยมีบริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบดังกล่าวร่วมทดสอบ

อย่างไรก็ดี การนำระบบต้นแบบมาปรับใช้จริงในวงกว้างนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาศึกษาและพิจารณาผลกระทบในมิติอื่นๆ อย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมายเสถียรภาพของระบบความปลอดภัยในการใช้งาน และความพร้อมด้านเทคโนโลยีของผู้ใช้ เป็นต้น

การพัฒนาเงินดิจิทัลสำหรับประชาชนถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และต้องพิจารณาให้รอบด้าน ซึ่งยากที่จะสามารถตอบได้ว่าเมื่อใดเราจะมี CBDC ใช้ เพราะความพร้อมอาจไม่ขึ้นอยู่กับ ธปท. เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องไปทั้งองคาพยพ ในด้านความพร้อมของภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน รวมถึงมาตรการความปลอดภัยต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในเสถียรภาพระบบการเงิน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำหน้าที่ของธนาคารกลาง

(ที่มา: วารสาร BOT Magazine ฉบับที่ 4/2563)
#2959

ควันหลงหลังจากที่ทัพ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ เอฟซี บุกไปเอาชนะ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด 2-0 ในศึกไทยลีก 2021-22 นัดที่ 6 ที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาขยับขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงของตาราง มีเพิ่มเป็น 11 แต้ม จาก 6 นัด ตามหลังจ่าฝูงบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพียง 2 คะแนนเท่านั้น

    ล่าสุด "โค้ชโอ่ง" ดุสิต เฉลิมแสน กุนซือใหญ่ของทีม ได้ออกมาเปิดเผยหลังจบเกมนี้ว่า "ก็ได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ที่คิดกันไว้ แต่ก็ไม่ง่ายเลยในการมาเยือนเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ซึ่งตอนนี้ไทยลีกไม่ใช่เฉพาะเชียงใหม่ แต่มีหลาย ๆ ทีมที่มาตรฐานค่อนข้างสูงขึ้นและใกล้เคียงกัน มีผลออกได้ 3 หน้าหมดเลย ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้เกมในไทยลีกสนุกขึ้น"

    "อย่างไรก็ตามเกมในครึ่งแรกของเราก็ทำได้ดี แต่ว่าเราไปเร่งกันนิดนึงในช่วงแรก ทำให้เริ่มเกิดข้อผิดพลาดอีก แต่ในครึ่งหลังพอได้คุยกันก็ทำได้ทำเป้า ถือว่าพอจบเกมพอสกอร์ออกมา 2-0 ทำให้เรารีแลกซ์ขึ้นที่ทำได้ตามเป้า ก็ต้องขอบคุณน้อง ๆ เพราะรู้ว่าแมตช์มันเริ่มถี่ขึ้นแล้ว และเริ่มเหนื่อยขึ้น เพราะที่ผ่านมาเราเจอแต่ละเกมค่อนข้างหนัก เหลือ 10 คนบ้าง ครึ่งหลังเล่นไม่ดีโดนพับสนามบุกบ้าง แต่เกมนี้ค่อนข้างโล่งใจที่เกมนี้เราสามารถชนะได้" เฮดโค้ชวัย 51 ปีกล่าวปิดท้าย


    สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปของการท่าเรือ เอฟซี จะกลับไปเล่นในบ้านทำศึกบิ๊กแมตช์ รับการทาเยือน "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 10 ต.ค.64 ที่สนามแพท สเตเดี้ยม เวลา 19.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง AIS Play
#2960

อธิบดีกรมสรรพสามิต เผยเตรียมเสนอโครงสร้างภาษีรถยนต์ไฟฟ้า ในบอร์ด EV จันทร์ที่ 11 ต.ค.นี้ ชี้ภายในปี 64 ได้เห็นความชัดเจนแผนผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าของไทยที่เป็นรูปธรรมแน่นอน

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยความคืบหน้านโยบายผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ว่า ในวันจันทร์ที่11 ตุลาคมนี้  จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ซึ่งในส่วนของกรมสรรพสามิตจะรายงานความคืบหน้าการถึงการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่ขณะนี้มีความคืบหน้าแล้วมากกว่า 50%

 

"วันที่ 11 ต.ค.นี้ ทั้ง 4 คณะอนุกรรมการฯ จะมารายงานความคืบหน้าในที่ประชุมบอร์ดอีวี ซึ่งในส่วนของคลังรับผิดชอบเรื่องสิทธิประโยชน์และแรงจูงใจให้คนหันมาใช้รถอีวีมากขึ้น โดยยังต้องดูว่าเมื่อรายงานความคืบหน้าในที่ประชุมแล้วจะมีความคิดเห็นหรือให้ปรับตรงส่วนไหนเพิ่มหรือไม่" นายลวรณ กล่าว


โดยอธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ภายในปีนี้จะต้องมีความชัดเจนของแผนผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยที่เป็นรูปธรรมแน่นอน ซึ่งจะไม่ใช่แค่อัตราภาษี แต่ยังรวมถึงแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อให้เป็นโรดแมฟในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน 2. คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและแบตเตอรี่เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า 3.คณะอนุกรรมการประเมินผลกระทบด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซเรือนกระจกจากการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า และ 4. คณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ แต่ละด้าน จะไปศึกษาถึงแนวทางการส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย ตามเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ได้ 30% ในปี 2573