• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jenny937

#2921
เกาหลีใต้ ระบุในวันเสาร์ (23) ว่า พวกเขาได้บรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีน 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากร 52 ล้านคนแล้ว ปลดล็อกเงื่อนไขแรกสำหรับการกลับสู่สภาวะปกติในเดือนหน้า

เป้าหมายดังกล่าว ซึ่งถูกตั้งหนึ่งเดือนก่อนเกาหลีใต้เริ่มการรณรงค์ฉีดวัคซีนเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถูกบรรลุเมื่อเวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากจำนวนผู้ได้รับวัคซีน 36 ล้านคน สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (เคดีซีเอ) ระบุ

ก่อนหน้านี้เป้าหมายดังกล่าวถูกตั้งข้อสงสัย ในขณะที่รัฐบาลยังเผชิญปัญหาวัคซีนต้านโควิด-19 ไม่เพียงพอและความล่าช้าในการขนส่ง แต่ถึงแม้จะเริ่มต้นอย่างขลุกขลัก เกาหลีใต้ก็ผลักดันความพยายามฉีดวัคซีนได้อย่ารวดเร็ว เนื่องจากจำนวนวัคซีนที่มากขึ้นและการยอมรับในหมู่ประชาชนที่ค่อนข้างสูง ยิ่งกว่าสหรัฐฯ และประเทศที่เริ่มต้นมาก่อน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ควอน ดอกโช กล่าวว่า รัฐบาลจะเริ่มการกลับสู่กิจกรรมปกติตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เลื่อนเข้ามาจากช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน

"มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะการแพร่ระบาดด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เนื่องจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้า" เคดีซีเอ ระบุในถ้อยแถลง

"อย่างไรก็ตาม การบรรลุเป้าหมานการฉีดวัคซีนมีความหมายสำคัญอย่างยิ่งในการสดจำนวนผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิต และเป็นเงื่อนไขสำคัญข้อแรกสำหรับการกลับสู่ชีวิตประจำวันดังเดิมของเรา"

เกาหลีใต้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้โดยไม่ใช้การล็อกดkวน์อย่างที่หลายประเทศทั่วโลกใช้ ด้วยอาศัยการตรวจและการติดตามผลอย่างเข้มข้น

อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้ประสบความยากลำบากในการควบคุมการระบาดระลอกที่ 4 ตั้่งแต่ฤดูร้อนที่แล้ว ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 3,000 คนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนที่แล้ว ถึงแม้ตัวเลขผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตจะน้อยลงก็ตาม เมื่อวันศุกร์ (22) เคดีซีเอ รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,508 ราย
#2922
ยอดติดเชื้อโควิดโคราชเหลือแค่2หลัก5วันติดต่อกัน 2 รพ.ใหญ่เร่งปูพรมฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม3

ศูนย์โควิด 19 โคราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ในพื้นที่ว่า มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่ แค่ 69 รายยอดป่วยใหม่ 2 หลัก ไม่ถึง 100 ราย 5 วันติดต่อกันแล้ว โดยติดเชื้อกันเองในพื้นที่ 66 ราย และติดมาจากนอกจังหวัด 3 ราย ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 29,099 ราย ซึ่งรักษาหายแล้ว 26,698 ราย ยังรักษาอยู่ 2,183 ราย และไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ยอดเสียชีวิตสะสมจึงอยู่ที่ 218 ราย



ทั้งนี้ ทั้งจังหวัด ยังระดมฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่กันอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 2,112,381 ราย สามารถฉีดวัคซีนเข็ม 1 ได้แล้ว 1,321,313 ราย หรือคิดเป็น 62.55 % ของเป้าหมาย ส่วนเข็ม 2 ฉีดได้ 945,545 ราย หรือ 44.76 % , เข็ม 3 ฉีดได้ 53,517 ราย หรือ 2.44 % รวมฉีดวัคซีนกลุ่มนี้ไป 2,320,375 โดส ในขณะที่กลุ่มเป้าหมายอุย 12-18 ปี จำนวน 144,928 ราย สามารถฉีดเข็ม 1 ไปได้ 98,341 ราย หรือ 67.86 % ,เข็ม 2 ฉีดได้ 9 ราย หรือ 0.01% ส่วนเข็ม 3 ยังไม่ได้ฉีด รวมกลุ่มนี้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 98,350 โดส

วันนี้ ทั้ง รพ.มหาราชนครราชสีมา และรพ.เทพรัตน์นครราชสีมายังคงเปิดบริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และเริ่มทยอยฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส เข็ม 3 ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายแล้ว โดยจุดบริการฉีดวัคซีนของ รพ.เทพรัตน์ฯ ที่ห้างเดอะมอลล์นครราชสีมา หยุดให้บริการในวันนี้ซึ่งตรงกับวันปิยมหาราช เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่จะเปิดบริการฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดสเข็ม 3 แอสตร้าเซเนก้าในวันพรุ่งนี้ให้กับประชาชนที่มีรายชื่อแจ้งไปแล้ว


ส่วนจุดบริการฉีดวัคซีนของ รพ.มหาราชนครราชสีมา ที่ห้องโคราช ฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช ยังเปิดให้บริการในวันนี้ด้วย โดยบริการฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็ม 1 , แอสตร้าเซเนก้า เข็ม 2 และ ซิโนฟาร์ม เข้ม 1 และ 2 แก่ผู้ที่มีคิวฉีดวันนี้

นอกจากนี้ ยังเปิดฉีดเข็ม 3 แอสตร้าเซเนก้า แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มกับทาง รพ.ด้วย โดยเป็นคิวของผู้ที่ฉีดเข็ม 1 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2564 ซึ่งทาง รพ.จะเร่งทยอยฉีดให้ตามลำดับคิวโดยเร็วต่อไป
#2923
สายการบิน "ไทย ไลอ้อน แอร์" เข้าร่วมโครงการ "IATA  Travel Pass" เตรียมความพร้อมช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารในการเดินทางระหว่างประเทศ

นายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ กล่าวว่า "ไทยไลอ้อนแอร์" เข้าร่วมโครงการ "IATA Travel Pass" กับสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) พร้อมทดลองใช้ระบบการเชื่อมต่อข้อมูลกับแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่ง IATA Travel Pass เปรียบเสมือนกับการบันทึกข้อมูลด้านสุขภาพของผู้โดยสารในการเดินทางตามข้อกำหนดของของภาครัฐ พร้อมกับผลตรวจของวัคซีนที่ป้องกันโรคโควิด-19  ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารเมื่อเปิดประเทศ หรือในการเดินทางเส้นทางบินระหว่างประเทศ                 

"เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวของภาครัฐและเตรียมความพร้อมที่จะกลับมาบินในเส้นทางบินระหว่างประเทศของสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ จึงได้ทำการทดลองเชื่อมต่อข้อมูลและระบบกับ IATA Travel Pass เพื่อในอนาคตอันใกล้นี้ IATA Travel Pass จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร และยังช่วยทำให้ผู้โดยสารได้ทราบถึงขั้นตอนและข้อกำหนดต่างๆทางด้านสาธารณสุข และสามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องก่อนการเดินทาง"

โดยผู้ใช้ IATA Travel Pass จำเป็นที่จะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือก่อนการเดินทาง โดยในแอปพลิเคชันสามารถตรวจสอบเอกสารและข้อกำหนดในการเดินทางเข้าสู่จุดหมายปลายทางในแต่ละประเทศทั่วโลกได้ ซึ่งผู้โดยสารสามารถเลือกห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยวิธีการตรวจแบบ RT-PCR หรือ ตามที่ประเทศปลายทางกำหนด และผลตรวจจะแสดงบนแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติทันทีหลังจากได้รับการอนุมัติจากห้องปฏิบัติการ ซึ่งช่วยทำให้ผู้โดยสารสามารถทำการเช็คอิน ณ ท่าอากาศยานได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ยังรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้โดยสารให้ปลอดภัย และเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้โดยสารในทุกเที่ยวบิน

ทั้งนี้สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ ยังคงความใส่ใจเป็นพิเศษในเครื่องบินทุกลำ และยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค โควิด-19 ทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางทุกเที่ยวบินมีความมั่นใจ ว่าเครื่องบินสะอาด ปลอดภัยและอุ่นใจเมื่อบินไปด้วยกัน
#2924
เชอร์วู้ดฯ ยกธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเป็น New S-curve สร้างการเติบโตธุรกิจในอนาคต หลังแข็งแกร่งในหมวดสินค้าอุปโภคทั้งผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงเชนไดร้ท์ ผลิตขจัดกลิ่นสำหรับสัตว์เลี้ยงเชนการ์ด ไตรมาส 4 ส่งแบรนด์ฮอกไกโด เปิดร้านสาขาที่ 20 รับเปิดเมืองฟื้นตลาด
นายธนากร วัฒนวิจารณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชอร์วู้ด คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สินค้าในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทนอกจากมีผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงเชนไดร้ท์ น้ำยาล้างจานทีโพล์ ผลิตภัณฑ์ขกัดกลิ่นสำหรับสัตว์เสี้ยงเชนการ์ด ฯ บริษัทยังให้ความสำคัญในการขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่จะสร้างการเติบโตใหม่หรือNew S-Curve ให้กับบริษัท โดยส่งแบรนด์ฮอกไกโด(Hokkaido)เครื่องดื่มซูเปอร์พรีเมี่ยมเข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

  ทั้งนี้ บริษัทได้ขยายช่องทางจำหน่ายในรูปแบบร้าน หรือช็อป 4 โมเดล ประกอบด้วย 1.ร้านคาเฟขนมหวาน(Dessert Café) เน้นทำเลในห้างค้าปลีกชั้นนำ พร้อมเปิดสาขาใหม่ที่เซ็นทรัล เฟสติวัล อิสต์วิลล์ เป็นสาขาที่ 20 พร้อมเสิร์ฟเมนูต่างๆ เช่น นมฮอกไกโด ชา กาแฟ สปาร์คกลิ้ง และน้ำผลไม้ 2.โมเดล Grab and Go เน้นให้ทำเลในสถานีบริการน้ำมัน(ปั๊ม) 3.ศูนย์กลางสุขภาพหรือHealth Hub เจาะโรงพยาบาล

และ4.รูปแบบคีออส  บุกคอมมูนิตี้ มอลล์ หรือพื้นที่ขนาดเล็กที่มีศักยภาพ เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายในชุมชน  พร้อมกันนี้ ได้เปิดตัวเครื่องดื่ม 3 กลุ่มใหม่ ได้แก่ กาแฟโคลด์บริว  ชาเซนชะ  และสปาร์คกลิ้งโซดา เพื่อดึงดูดและสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้า

เชอร์วู้ดฯ ขยายร้านฮอกไกโด รับรัฐเปิดเมือง สานเอสเคิร์ฟใหม่ หนุนธุรกิจโต

ส่วนช่องทางค้าปลีก บริษัทได้เสริมทัพผลิตภัณฑ์ฮอกไกโดรายการใหม่(SKUs)รูปแบบขวดเข้าไปจำหน่ายเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์นม  น้ำผลไม้ และ3.กลุ่มผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต ขายผ่านซูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมี่ยมทั่วประเทศรวม 66 สาขา ได้แก่ กูร์เมต์ มาร์เก็ต 14 สาขา ฟู้ดแลนด์ 18 สาขา และวิลล่า มาร์เก็ต 34 สาขา 

"การขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ถือเป็นจิ๊กซอว์สร้างการเติบโตใหม่ให้กับบริษัท และยังเป็นผลักดันบริษัทให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคตอบสนองความต้องการกลุ่มเป้าหมายชาวไทย และมองโอกกาสขยายสู่อาเซียน ซึ่งแบรนด์ฮอกไกโด และผลิตภัณฑ์นมได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอย่างดีโดยเฉพาะรสชาติ ความอร่อย จึงคาดว่าจะช่วยผลักดันให้ผลดำเนินงานของบริษัทเติบโตก้าวกระโดด" 

อย่างไรก็ตาม จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อช่องทางจำหน่ายห้างค้าปลีก ซึ่งปิดบริการลงชั่วคราว แต่ช่องทางอื่นๆ ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี และคาดการณ์ไตรมาส 4 ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายนนี้ จะกระตุ้นบรรยากาศจับจ่ายภายในห้างค้าปลีกคึกคักยิ่งขึ้น สอดคล้องกับการเปิดร้านใหม่ของฮอกไกโด จะช่วยกระตุ้นยอดขายเติบโต 50% 
#2925
ผู้หญิงๆรับประทานข้าว low Gi คนตั้งครรภ์ควรทานข้าวกล้องโภชนาการสูงข้าวอินทรีย์เพื่อสุขภาพที่ดีของแม่
ขายข้าวอินทรีย์, กลุ่มข้าวอินทรีย์  ข้าวเพื่อสุขภาพส่งทั่วไทย    ข้าวสุรินทร์ ข้าวปลอดสารไทยมีราคาแพง    ส่งออกข้าวปลอดสาร   การทำนาข้าวปลอดสาร  ถ้าไม่อยากกินยาตลอดชีวิตให้กิน "ข้าวกล้อง" เป็นยาการที่ข้าวเปลือกอินทรีย์ถูกขัดสี ทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นออกไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งขัดสีเป็นข้าวขาวหลายครั้งเท่าไร สารอาหารยิ่งเหลือน้อยลงไป การหันกลับมากินข้าวกล้อง เหมือนบรรพบุรุษของเรา จึงเป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ช่วยไม่ให้เป็นโรคอันไม่ควรจะเป็น เนื่องจากขาดสารอาหาร
 
การฝึกกินข้าวกล้องออแกนิค (ต้นข้าวอินทรีย์ )
1. คนที่เพิ่งหัดกินข้าวกล้อง ( หลักปฏิบัติในการผลิตข้าวออร์แกนิค
) อาจใช้วิธีง่ายๆ คือนำข้าวกล้องผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 : 2 โดยแช่ข้าวกล้องก่อนนำไปหุงรวมกับข้าวขาว เพื่อจะได้สุกพร้อมๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้อง จนเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องทั้งหมด ท่านก็จะกินข้าวที่ได้คุณค่าอาหารอย่างเต็มที่ 
2. การกินข้าวกล้องก็คือควรกินขณะยังอุ่นๆ โดยทั่วไป พอข้าวสุก ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุประมาณ 5-10 นาทีแล้วควรรีบกิน ข้าวจะนุ่มกินได้ง่าย และให้ค่อยๆ เคี้ยวพอละเอียด จะได้รสชาติหวานอร่อยของข้าวกล้อง ตาม  สถานการณ์ข้าวออร์แกนิคไทย
3. ควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมดในมื้ออาหารนั้น เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายกว่าข้าวขาวทั่วๆ ไป

วิธีหุงข้าวกล้องอินทรีย์  ความหมายของข้าวออร์แกนิค

1. ก่อนซาวข้าวควรเก็บสิ่งแปลกปลอมออกเสียก่อน และซาวข้าวเบาๆ ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว เพื่อไม่ให้วิตามินสูญเสียไปกับน้ำซาวข้าว
2. การหุงข้าวกล้องนั้น ต้องใส่น้ำมากกว่าหุงข้าวขาว การหุงข้าวกล้อง 1 ส่วนจึงควรเติมน้ำประมาณ 2-3 เท่า ถ้าจะให้ประหยัดเวลาหุง ควรแช่ข้าวกล้องก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีนี้อาจทำให้สูญเสียวิตามินบางอย่างที่ละลายน้ำไปบ้าง แต่ไม่แนะนำให้แช่ข้าวเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะข้าวที่มีสี แต่ถ้าจำเป็นต้องแช่ข้าว แนะนำให้ใช้น้ำที่แช่ข้าวนำกลับไปใช้ในการหุ้ง เพื่อลดการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระในข้าว โดยเฉพาะข้าวสี
3. สำหรับข้าวใหม่หรือข้าวเก่านั้น จะมีผลต่อการหุงต้มเช่นกัน เพราะข้าวใหม่เมื่อหุงสุกจะมีลักษณะเมล็ดข้าวติดกันมาก ส่วนข้าวเก่าเมื่อหุงสุกการติดกันของเมล็ดข้าวจะน้อย เนื่องจากข้าวเก่าเมล็ดข้าวจะแห้งกว่าข้าวใหม่
เหตุนี้จึงทำให้บางท่านหุงข้าวแล้วบอกว่าใช้น้ำมากเท่าเดิมทำไมข้าวจึงแฉะหรือร่วน ซึ่งก็ต้องถามผู้ขายว่า เป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ส่วนจะให้แฉะหรือร่วนแล้วแต่จะชอบ ผู้หุงข้าวจึงต้องใส่น้ำให้เหมาะสมหรือต้องใช้ศิลปะในการหุงเช่นกัน


ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ปลูกข้าวอินทรีย์ กันมั้ย

277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://www.hor.boutique
Facebook : https://www.facebook.com/Rice.For.Infant/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique วิธีปลูกข้าวอินทรีย์  

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ 2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ 3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์) 4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์ 5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์ 6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์ 7. ข้าวไรซ์เบอรี่

#ข้าวกล้องอินทรีย์สุรินทร์ #ข้าวกล้องออแกนิคสุรินทร์ #ข้าวกล้องปลอดสารสุรินทร์ #ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ #ข้าวกล้องเมืองสุรินทร์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#2927
พลพรรคแข้ง อาร์เซนอล โชว์ฟอร์มพังประตูกันแบบไม่ซ้ำหน้า ก่อนปิดจ๊อบคว้าชัยชนะในบ้านซัด แอสตัน วิลล่า 3-1 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
อาร์เซนอล 3-1 แอสตัน วิลล่า

เกมคู่วันศุกร์ อารืเซนอล อันดับ 12 มี 11 แต้ม เปิดรังเจอ แอสตัน วิลล่า อันดับ 13 มี 10 แต้ม เกมนี้ 'ปืนโต' ส่งสองดาวยิง อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ กับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ลงซัด ส่วน วิลล่า ใช้คู่หน้าเป็น ออลลี วัตกินส์ กับ แอนนี อิงส์ ยิงประสาน

เริ่มเกม 4 นาที อาร์เซนอล หวิดนำ นูโน่ ตาวาเรส กระชากหลุดมาทางซ้ายแล้วสับไกแต่แรงเกินข้ามคาน ก่อนเดิมเกมบุกฝั่งเดียวแล้ว นาที 22 ก็ขึ้นนำจนได้จากเตะมุม เอมิล สมิธ โรว เปิดเข้ามาแล้ว โธมัส ปาร์เตย์ โขกตุงตาข่าย 1-0

นาที 29 ปืนโต ชวดเม็ดสอง นูโน่ ตาวาเรส เกี่ยว.ขึ้นซ้ายแล้วจ่ายปาดขวาให้ บูกาโย่ ซาก้า ยิงแต่ตรงตัว เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เซฟทัน ก่อนที่ทดเจ็บ นาที 46 เจ้าถิ่นได้จุดโทษหลัง อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ เจอเสียบล้มจากข้างหลัง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ซัดทีแรกติดเซฟแต่ยังซ้ำเข้า 2-0

และจบครึ่งแรกเลยครึ่งหลัง นาที 55 อาร์เซนอล ได้ลูกสามแบบมีดวง เอมิล สมิธ โรว ลากขึ้นไปยิงทางซ้ายแฉลบขา ไทโรน มิงส์ เข้าประตู 3-0 ด้าน วิลล่า พยายามทวงคืน นาที 711 จาค็อบ แรมซีย์ แปะต่อให้ ลีออน ไบญี หวดซ้ายนอกเขตแต่ติดเซฟ อารอน แรมสเดล

ท้ายเกม นาที 81 วิลล่า มีฮึดตีไข่แตก ลีออน ไบญี ปั๊มแย่ง.หน้าประตูแล้ว จาค็อบ แรมซีย์ วิ่งมาปั่นขวาไล่ตาม 1-3 แต่เวลาที่เหลือก็ไล่ไม่ทันแล้ว จบเกม ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เก็บเพิ่มเป็น 14 แต้ม ขึ้นมาที่ 9 ของตาราง ส่วน วิลล่า มี 10 แต้ม ที่ 13 เท่าเดิม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


X


อาร์เซนอล - อารอน แรมสเดล, กาเบรียล, เบน ไวท์, นูโน่ ตาวาเรส, ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ, เอมิล สมิธ โรว, อัลเบิร์ต แซมบี โลกองก้า, โธมัส ปาร์เตย์, บูกาโย่ ซาก้า, อเล็กซองเดร ลากาแซตต์, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง
แอสตัน วิลล่า - เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ, อาเซล ตวนเซเบ้, ไทโรน มิงส์, เอซรี คอนซ่า, ดักกลาส ลุยซ์, จอห์น แม็คกิน, เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย, แมตต์ ทาร์เก็ตต์, แม็ทธิว แคช, ออลลี วัตกินส์, แดนนี อิงส์
#2928
ผู้ประกอบการภาคอสังหาฯ เด้งรับ ธปท.การคลายล็อค "แอลทีวี" ในกลุ่มขอกู้สินเชื่อใหม่ ปลุกตลาดอสังหาฯพร้อมโอน 7.5 แสนล้านบาท ให้มีโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อมากขึ้น "อธิป พีชานนท์" ขอบคุณธปท.แต่ยอมรับ การฟื้นตัวอสังหาฯคงไม่ฉับพลัน คนซื้อไม่มีเงิน รายได้ยังไม่เข้ามา จ่อชงคลัง ขอยืดลดภาษีค่าโอนฯไปสิ้นปี 65 บิ๊กเอพี ไทยแลนด์ ชี้ เพิ่มความสามารถในการซื้อของลูกค้ามากขึ้น ด้าน"กานดา พร็อพเพอร์ตี้" หนุนผู้ประกอบการกล้าที่จะลงทุน ขยายเปิดโครงการใหม่ ขณะที่ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เตรียมปรับมุมมองปี 64 ดีขึ้นจากBase Case

ต้องถือว่าเป็นข่าวดีในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ และ ผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในหลังที่ 2 เมื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) เป็นการชั่วคราว โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) เป็นร้อยละ 100 (กู้ได้เต็มมูลค่าหลักประกัน) สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (รวมสินเชื่ออื่นนอกเหนือจากเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยและมีที่อยู่อาศัยนั้นเป็นหลักประกันหรือสินเชื่อ Top-up แล้ว) ทั้งกรณี มูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ กรณีมูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 1 เป็นต้นไป สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565

จากประเด็นดังกล่าว ผู้บริหารระดับสูงในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เสียงส่วนใหญ่ ขานรับ กับแนวทางของธปท.ในการเปิดช่องให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ได้มีโอกาสได้รับวงเงินสินเชื่อที่เต็ม และยังมีสภาพคล่องที่สามารถนำเงินที่อาจจะต้องไปวางเงินดาวน์ ไปดำเนินธุรกิจหรือใช้จ่ายในส่วนต่างๆได้

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์

ปลุกตลาดที่อยู่อาศัยพร้อมโอน7.5แสนล้าน

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ "LPN" กล่าวถึงปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการของธปท.ว่า สามารถช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้น จากหลักเกณฑ์เดิมที่ผู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 (สัญญาที่ 2) ต้องวางเงินดาวน์ขั้นต่ำ 10% หากผ่อนสัญญาแรกมาแล้ว 2 ปี หรือมากกว่านั้น และถ้าผ่อนสัญญาที่ 1 น้อยกว่า 2 ปี จะต้องดาวน์ 20% และบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไป (สัญญาที่ 3 ขึ้นไป) ต้องวางเงินดาวน์ขั้นต่ำ 30%

"มาตรการผ่อนคลายที่ออกมา ทำให้ผู้ซื้อมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น แทนที่จะต้องมีเงินก้อนเพื่อวางเงินดาวน์ ร้อยละ 10-30 ของมูลค่าหลักประกัน ก็ไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อนเพื่อมาวางดาวน์ ช่วยให้ผู้ซื้อที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ที่มีความสามารถในการผ่อนชำระ แต่ไม่มีเงินก้อนสามารถที่จะเป็นเจ้าของบ้านได้ โดยกลุ่มสินค้าที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการผ่อนคลายนี้ เป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่พร้อมโอน ซึ่งมีอยู่ในตลาดตอนนี้ประมาณ 750,000 ล้านบาท เป็นส่วนของคอนโดมิเนียมประมาณ 300,000 ล้านบาท และแนวราบประมาณ 450,000 ล้านบาท ในส่วนของ LPN เองมีสินค้าที่พร้อมอยู่พร้อมโอนประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้" นายโอภาส กล่าว

อย่างไรก็ตาม นอกจากมาตรการผ่อนคลาย LTV แล้ว นายโอภาส กล่าวว่า มาตรการสำคัญที่จะสามารถกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ได้คือ การผ่อนคลายความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ซื้อบ้าน โดยปัจจุบันมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 40-50% ในกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 3 ล้านบาท ถ้าสถาบันการเงินผ่อนคลายการพิจารณา หรือ ภาครัฐมีเครื่องมือมาช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น ก็จะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อภาคอสังหาฯ ให้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ต่อไป

นายอธิป พีชานนท์ 
นายอธิป พีชานนท์

"อธิป"ขอบคุณธปท. คาดเห็นสัญญาฟื้นตัวปลายปีต่อปี65

นายอธิป พีชานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ,ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาสมาคมการค้า และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ต้องขอบคุณในการคลายล็อก LTV ของธปท.ซึ่งการออกมาตรการ ดีกว่าไม่ออกอะไรออกมาช่วยเลย แต่ก็ต้องรอดูว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวหรือไม่ เพราะกำลังซื้ออยู่ในช่วงถดถอย ดีมานด์ไม่มีเงิน รายได้ยังไม่เข้ามา เพราะมีการเลิกจ้างงาน แต่ก็คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวในปลายปีนี้ไปจนถึงปี2565 แต่ไม่เต็ม 100% เหมือนในช่วงที่ผ่านมา อย่าคาดหวังว่าจะดีขึ้นอย่างฉับพลัน เพราะไม่ดีขึ้นเหมือนในอดีต แต่ก็จะช่วยระบาย สต๊อกที่สร้างเสร็จแล้วได้ จนถึงปลายปีอาจจะช่วยระบายได้พอสมควร โดยเฉพาะตลาดคอนโดฯจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น เพราะมีพื้นที่เหลือขายและมีสต๊อกอยู่มาก จะทำให้ดีมานด์กล้าซื้อมากขึ้น

นอกจากนี้ ตนในนามสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยังเตรียมหารือกับผู้ประกอบการทั้ง 3 สมาคม เพื่อทำหนังสือถึงภาครัฐ ในการเสนอเปลี่ยนเงื่อนไข-ขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ให้ขยายเป็นระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท เพื่อขยายตลาดและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น โดยจะขอให้ยืดไปสิ้นสุดมาตรการในปลายปี 2565 โดยจะรีบทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังในเร็วๆนี้

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ "AP" กล่าวว่า การผ่อนคลายมาตรการ LTV เท่ากับเป็นการเพิ่มความสามารถในการซื้อให้กับลูกได้มากขึ้น รวมถึงส่วนหนึ่งภาคอสังหาฯ ถือเป็นอีกหนึ่ง Key Drive สำคัญในการช่วยขับเคลื่อน จีดีพี ของประเทศ โดยเฉพาะเป็นอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่ทำให้เกิดการจ้างจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการนำมาสู่โอกาสที่ดีอีกมาก

นายอิสระ บุญยัง
นายอิสระ บุญยัง

อสังหาโค้งท้ายปีคึกคัก บรรยากาศดีขึ้น
ห่วงแบงก์ เข้มปล่อยกู้ รีเจกต์เรตพุ่ง!

นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวเห็นด้วยว่า เป็นเรื่องที่ดี ไม่เพียงแต่กำลังซื้อจะดีขึ้น ยังทำให้ผู้ประกอบการกล้าที่จะลงทุน และขยายการเปิดโครงการใหม่ ซึ่งข้อดีการผ่อนคลาด LTV ทำให้ผู้กู้สัญญาแรกซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น เพราะที่ผ่านมาต้องหาผู้กู้ร่วมถึงจะกู้ได้ง่ายขึ้น และผู้กู้ร่วมก็ไม่ต้องกลายเป็นสัญญาที่ 2 เมื่อจะซื้อบ้านของตัวเอง ก็ทำให้ง่ายขึ้น

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์

REICเตรียมปรับมุมมองอสังหาปี 64 ดีขึ้นจากBase Case

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ด้วยแนวโน้มที่ดีขึ้น และการคลายล็อค LTV น่าจะทำให้ทางศูนย์ข้อมูลฯจะปรับมุมมองต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2564 โดยคาดว่าตัวเลขน่าจะปรับดีขึ้นจากเส้น Base Case ซึ่งเดิมทางศูนย์ข้อมูลฯประเมินว่า ในปีนี้ จะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ลดลงเหลือเพียง 164,861 หน่วย ลดลงจากปี 63 ที่เคยมีหน่วยโอนฯ 196,639 หน่วย หรือร้อยละ - 16.2 (ห่างจากค่าเฉลี่ยร้อยละ -15.4) และมูลค่าโอนฯลดลงจะเหลือเพียง 587,539 ล้านบาท ลดลงจากปี 63 ที่เคยมูลค่าโอนฯ 613,590 ล้านบาท หรือร้อยละ -4.2 (แต่สูงกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ + 12.9)

"เราเชื่อว่า ในช่วง 2 เดือนที่เหลือ ผู้ประกอบการจะอาศัยโอกาส จัดโปรโมชั่นที่หนักมากขึ้น เพื่อรับกับมาตรการเรื่อง LTV ขณะที่ยังมีปัจจัยเสริมเรื่อง มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือร้อยละ 0.01 ในกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 3 ล้านบาท ที่จะสิ้นสุดปลายปี ยิ่งทำให้ บรรยากาศการแข่งขันจะมีมาก เพื่อกระตุ้นยอดขายและยอดโอนส่งท้ายปี ปิดตัวเลขบัญชีให้สวย" ดร.วิชัย กล่าว
#2930


กรดไหลย้อนขึ้นคอ อาจดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่ใครจะรู้ว่า "ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ" อาจกลายเป็นเนื้อร้ายได้นะ !!

อย่า ❗️ชะล่าใจ ทาน Green Curmin ตัวช่วยให้หายจากกรดไหลย้อน ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่น อาหารไม่ย่อย
หายไว เน้นเห็นผลจริง ไม่เลี้ยงไข้ (แนะนำทานต่อเนื่อง 2-3เดือนให้หายขาด)
งานวิจัยรางวัลเหรียญทอง ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ
สมุนไพรแท้ทางเลือกที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด



  • Green Curmin สมุมไพรขมิ้นชัน กรีนเคอมิน สรรพคุณ ช่วยเรื่องกรดไหลย้อน แผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหาารอักเสบ จุก เสียด แน่นอก แสบคอ เรอเปรี้ยว ช่วยบำรุงตับ ลดการอักเสบของตับ ลดค่าเอมไซม์ตับ ลดไขมันเกาะตับ ต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยป้องกันมะเร็งตับ
  • Green Curmin (กรีนเคอมิน) ​ ปกติสารเคอร์คุมินอยด์จากขมิ้น จะมีการละลายน้ำได้ไม่ดี ทำให้การดูดซึมได้น้อยมาก ทำให้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการรักษา แต่ ดร.ณสพน โพธิ์วิจิตร นักวิจัยขมิ้นชันเหรียญทองระดับโลก ได้ทำการวิจัยสำเร็จ ทำขมิ้นชันละลายน้ำได้ มากกว่าเดิม 10,000 เท่า สารเคอคูมินอยด์ ถูกดูดซึมไปที่กระเพาะอาหาร ทำให้การอักเสบลดลง สารไซโตไคน์ลดลง แผลก็สามารถกลับสู่ภาวะปกติ นั่นหมายถึงว่า Green Curmin (กรีนเคอมิน) มีประสิทธิภาพมากกว่าขมิ้นปกติเป็น 16,000 เท่านั่นเอง
  • วิธีรับประทาน – รับประทาน ครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 3 เวลา หลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็นหรือเมื่อมีอาการ
  • ขนาดบรรจุ 30 เม็ด เม็ดละ 500 มิลลิกรัม
  • เลขที่ อย. 50-2-05159-5-0002
เคอม่า แม็กซ์ ลดอาการกรดไหลย้อนแบบเฉียบพลัน กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง อาหารไม่ย่อย ลดอาการท้องอืดเพิ่มประสิทธิภาพการขับสารพิษออกจากตับ เพิ่มการทำงานของตับและตับอ่อน 

  • Curma Max ผลิตภัณฑ์เคอม่า แม็กซ์ ลดอาการกรดไหลย้อนเฉียบพลัน เรื้อรัง โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญ สารสกัดจากขมิ้นชัน และสารสกัดจากพริกไทย การันตีคุณภาพด้วยผลงานวิจัย สามารถทำละลายได้16,000เท่ามากที่สุดในโลกตอนนี้ กินดี เห็นผลชัดเจน
  • Curma Max (เคอม่า แมกซ์) อาหารเสริมในรูปแบบเครื่องดื่ม บรรเทาอาการกรดไหลย้อนชนิดเฉียบพลัน และโรคกระเพาะเรื้อรัง ลดการอักเสบ ปวด แสบท้อง ลดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย กรดในกระเพาะเยอะ
จุดเด่นของ Curma Max

  • สกัดจากสมุนไพรไทยธรรมชาติ 100%
  • สารสกัดเคอคูมินอยด์นวัตกรรมลิขสิทธิ์เฉพาะของCCI ที่ละลายในน้ำและคงตัวได้นานที่สุดในโลก ทำให้ออกฤทธิ์ได้ตรงจุด เห็นผลจริงและชัดเจน ในระยะเวลาที่รวดเร็ว
  • การันตีคุณภาพด้วยรางวัลชนะเลิศจากการประกวดผลงานวิจัยระดับโลก 6 เหรียญทอง
  • ราคาถูก เพราะเราวิจัยเอง ผลิตเอง ภายใต้มาตรฐานการผลิตสากล GMP
  • วิธีรับประทาน : ดื่มครั้งละ 1 ขวด เมื่อมีอาการ (เพื่อรสชาติที่ดียิ่งขึ้น ควรแช่เย็นก่อนดื่ม)
  • ขนาดบรรจุ : 90 ml. /ขวด (1กล่อง มี 6 ขวด)
  • เลขที่ อย. 50-2-02962-2-0004


ปรึกษา/สั่งซื้อทักด่วน จัดส่งวันนี้ทางเคอรี่ เก็บเงินปลายทางได้ 
โทร : 080-955-3303
 Line : https://lin.ee/mFNug7i
WEB : https://awakesalepage.com/JammyShop/Shop/GreenCurminCurmaMax
#2931
 การกินข้าวปลอดสารพิษที่มีค่าน้ำตาลต่ำ ทำไมถึงเหมาะกับสุขภาพคุณแม่มีน้อง
(ข้าวออแกนิคคือ) ถึงแพงกว่าข้าวธรรมดา     การปลูกข้าวอินทรีย์   หลักปฏิบัติในการผลิตข้าวอินทรีย์  ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างก็ให้ความสนใจกับการดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น  อย่างยิ่งกับการเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยซึ่งมีมากมายหลากหลายในปัจจุบัน  รวมถึงผลผลิตจากระบบเกษตรอินทรีย์ที่เป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคทั้งหลายให้ความไว้วางใจ  แต่ก็ยังมีคำถาม ข้อสงสัย ติดอันดับยอดนิยมจากผูบริโภคว่า  "ทำไมข้าวเกษตรอินทรีย์ถึงราคาแพงกว่า ทั่วไป ทั้งที่ข้าวในนาผลิตตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีต้นทุนปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง"    การผลิตข้าวอินทรีย์  ข้อมูลจากเวปไซด์ขององค์กรการอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวถึงข้อเท็จจริงบางประการ ข้าวเกษตรอินทรีย์ที่เป็นเหตุผลของราคาผลผลิตและสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สูงกว่าเอาไว้  ดังนี้- ฟาร์มเกษตรอินทรีย์มีขนาดเล็ก ใช้แรงงานต่อหน่วยในการผลิตมากกว่าฟาร์มทั่วไป (สาเหตุหนึ่งที่ต้นทุนการผลิตสูง)
- ค่าใช้จ่ายในขบวนการหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตเกษตรอินทรีย์ ข้าวกล้องอินทรีย์   สูงกว่าเพราะในการขนส่ง หรือแปรรูปจะต้องแยกออกจากผลผลิตทั่วไปอย่างชัดเจน
- ปริมาณของข้าวเกษตรอินทรีย์ค่อนข้างน้อย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าต่อหน่วยของข้าวหอมมะลิปลอดสาร ออกสู่ตลาดนั้นสูงกว่าผลผลิตทั่วไป
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ทำให้เกษตรกรได้รายได้ที่เป็นธรรมและพอเพียง
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษ  มีการจัดการมาตรฐาน คุ้มครองสัตว์เลี้ยงในฟาร์มได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
- และสุกท้ายที่สำคัญที่สุด ข้าวเกษตรอินทรีย์มีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้บริโภค
เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิคที่แท้จริงของเรา  




ข้าวฮอร์ (HOR) ขายข้าวอินทรีย์, กลุ่มข้าวอินทรีย์ ได้รับมาตรฐาน 
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้"  จากกรมการข้าว  จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   ในประเภทของ 
2.1  ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)  
2.2  ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)  
2.3  ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวเกษตรอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวออร์แกนิคส่งทั่วไทย  ปลูกข้าวออแกนิค
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : www.hor.boutique
Facebook :   g.page/Hor-Boutique
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ  ข้าวอินทรีย์แฟร์เทรด   ข้าวกล้องอินทรีย์ส่งทั่วไทย
1.  ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารก
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารก
3. ข้าวปะกาอำปึลปลอดสารพิษ
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.  ขายข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์
6.ข้าวมะลินิลปลอดสารพิษ
7. ข้าวไรซ์เบอรี่   ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค  #ข้าวออแกนิก #ข้าวอินทรีย์ 
#ข้าววสุขภาพ  #ข้าวเกษตรอินทรีย์
 

 

 

 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#2932
"นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง" พร้อมระดมทุนขายหุ้น IPO เดินหน้าสร้างรายได้จากยอดขายที่ดิน-เช่าอาคาร ดันรายได้โต 60% เตรียมรับอานิสงค์เปิดประเทศนักลงทุนจ่อบินดูพื้นที่ เซ็นสัญญา ชูโครงปิ่นทอง 6 และ Logistics Park ดูดอุตสาหกรรมเป้าหมาย

วันที่ 20 ตุลาคม 2564 นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปลายเดือน ต.ค. 2564 นี้ บริษัทคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 290 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินงานที่จะเป็นส่วนช่วยผลักดันรายได้ขอบริษัทในอนาค โดยบริษัทจะเดินหน้าพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงโครงการ Logistics Park




ซึ่งจะใช้จุดเด่นในเรื่องของประสบการณ์กว่า 25 ปี ทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ไข่แดง อย่าง เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ใกล้กับท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ท้าเรือมาบตาพุด รวมถึงสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอู่ตะเภา ปัจจุบัน บริษัทมีนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่ง ซึ่งยังคงเหลือพื้นที่ขายประมาณ 1,800 ไร่ โดยเฉพาะในนิคมฯ ปิ่นทอง 4 ปิ่นทอง 5 รวมถึงปิ่นทอง 6 ที่กำลังจะเปิดดำเนินการเร็วๆนี้ และพื้นที่ Logistics Park จำนวนอีก 1 โครงการ

สำหรับเป้าหมายรายได้ที่จะเกิดขึ้นหลังเข้าตลาดฯ ในปี 2565 คาดว่าบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายที่ดินเติบโตไม่ต่ำกว่า 70% รายได้จากค่าเช่าเติบโต 50% และรายได้จากค่าสาธารณูปโภคคาดว่าจะเติบโต 10% หรือมีรายได้รวมเคิบโตไม่ต่ำกว่า 60% ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดประเทศ ทำให้นักลงทุนที่เตรียมเข้ามาดูพื้นที่และเซ็นสัญญาพร้อมเดินทางเข้ามาทันที โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นอุตสาหกรรม S-Curve กลุ่มนักลงทุนจีนที่มีแผนย้ายฐานการผลิตมาอาเซียนโดยเฉพาะไทยมากขึ้น


นายสุรัช พัฒนวงศ์ยืนยัง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฎิบัติการ บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเตรียมพัฒนาโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการในพื้นที่ EEC คือ ฝนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 6 จ.ระยอง พื้นที่โครงการ 1,322 ไร่ เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมสมัยใหม่ (S-Curve) ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตเป็นหลัก คาดว่าจะเปิดขายเฟสแรกภายในไตรมาส 4/2564 นี้

และโครงการ Logistics Park โดยเป็นการพัฒนาที่ดินและสร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า บนพื้นที่ของโครงการที่ประกอบด้วยเขตปลอดอากร (Free Zone) และเขตทั่วไป (General Zone) คาดว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการปลายปีนี้ ซึ่งผลักดันโครงสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มขึ้นเป็น 40-50% ภายใน 4-5 ปีจากนี้ จากปัจจุบัน 20-30% ของรายได้รวม

สำหรับรายได้จากการขายพื้นที่ และการบริการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2561-2563) อยู่ที่ 888.88 ล้านบาท 789.28 ล้านบาท และ 1,062.85 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 216.43 ล้านบาท 223.70 ล้านบาท และ 403.89 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตที่ดีมาจากการขายที่ดินที่พัฒนาแล้วในโครงการปิ่นทอง 3, 4 และ 5 รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนของรายได้ Recurring Income ซึ่งมาจากรายได้การให้เช่าและให้บริการเพิ่มขึ้น

ขณะที่รายได้จากการขายที่ดินช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 205.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 99.31 ล้านบาท เติบโตขึ้น 79% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิเพียง 55.57 ล้านบาท
#2933

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ็มบีธนชาต (ttb) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3 และรอบ 9 เดือน ปี 2564 โดยธนาคารมีกำไรสุทธิ 2,359 ล้านบาท ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลจากนโยบายการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าที่ได้ทำในปีที่แล้ว ซึ่งธนาคารได้ตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญไปในไตรมาส 3 ปี 2563 เพื่อเตรียมรับมือกับปี 2564 โดยแม้ว่าในปีนี้ธนาคารจะยังคงตั้งสำรองฯ ในระดับสูงกว่าปกติ แต่ยังลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จึงทำให้กำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้น สำหรับเป้าหมายทางการเงินด้านอื่นๆ ยังคงทำได้ตามแผน ไม่ว่าจะเป็นด้านการรวมกิจการ การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ศรษฐกิจไทยเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อและการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างจนนำไปสู่การประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ยังคงเห็นแรงกดดันต่อด้านรายได้อย่างต่อเนื่อง ในสถานการณ์เช่นนี้ การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา เรายังคงทำได้ดี ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรวมกิจการก็ตาม แต่ด้วยการรักษาวินัยด้านค่าใช้จ่าย ประกอบกับการรับรู้ผลประโยชน์ด้านต้นทุนจากการรวมกิจการได้ตามแผน จึงช่วยให้ค่าใช้จ่ายไม่เพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ที่ชะลอตัว โดยในไตรมาส 3 ปี 2564 ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 15,663 ล้านบาท ลดลง 3.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 7,268 ล้านบาท ลดลงเช่นกันที่ 2.2%

สำหรับค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองฯ อยู่ที่ 5,527 ล้านบาท ยังคงเป็นระดับที่สูงกว่าช่วงเศรษฐกิจปกติ แต่ลดลง 19.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 ที่ธนาคารได้วางแผนตั้งสำรองฯ ล่วงหน้าเป็นจำนวน 6,863 ล้านบาท จึงเป็นที่มาของกำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว ทั้งนี้ ภายใต้ภาพเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางธนาคารจะยังรักษาระดับการตั้งสำรองฯ ไว้ในระดับสูง และเน้นการประเมินความเสี่ยงของพอร์ตปัจจุบันและการจัดชั้นคุณภาพสินเชื่ออย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นพอร์ตสินเชื่อปกติหรือพอร์ตโปรแกรมให้ความช่วยเหลือ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 12% ของสินเชื่อรวม เพื่อให้มั่นใจว่าการบริหารจัดการและการตั้งสำรองฯ เป็นไปอย่างเหมาะสมและเพียงพอ

ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2664 ยังคงเห็นแรงกดดันด้านรายได้อย่างต่อเนื่อง เพราะไตรมาส 3 เป็นช่วงเวลาของการประกาศใช้มาตรการคุมเข้มขั้นสูงสุดก่อนค่อยๆ ผ่อนคลายลงในช่วงปลายไตรมาส ขณะที่ผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือน ปี 2564 จะให้ภาพชัดเจนถึงผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยืดเยื้อมาตลอดตั้งแต่ต้นปี เทียบกับปี 2563 ซึ่งสถานการณ์ในไตรมาส 1 ยังคงเป็นปกติ

นายปิติ กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า ภาพรวมในไตรมาส 4 นั้น แม้ว่าการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่การฟื้นตัวไปสู่ระดับก่อนโควิด-19 ยังคงต้องใช้เวลา ดังนั้น เราจึงยังคงเน้นการดำเนินธุรกิจแบบระมัดระวัง ไม่สร้างความเสี่ยงด้วยการเร่งเติบโตสินเชื่อฝ่าคลื่นลมทางเศรษฐกิจ จุดประสงค์หลักเพื่อคงสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง และสร้างชีวิตการเงินที่ดีขึ้นให้คนไทยทั้งวันนี้และอนาคต ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและดีที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละคน ตลอดทุกช่วงชีวิต พร้อมรับมือกับความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิด-19 และรอโอกาสที่จะกลับมาเติบโตเมื่อเศรษฐกิจเอื้ออำนวย นอกจากนี้ การดูแลความปลอดภัยของพนักงานถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญเช่นกัน

สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินงานไตรมาส 3 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และรอบ 9 เดือน ปี 2564 เทียบปี 2563 มีดังนี้

รายได้จากการดำเนินงานรวมในไตรมาส 3 ปี 2564 มีจำนวน 15,663 ล้านบาท ลดลง 1.5% จากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี รายได้ค่าธรรมเนียมปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงช่องทางการให้บริการในช่วงที่ผ่านมา ด้านค่าใช้จ่ายยังสามารถบริหารจัดการได้ตามเป้าหมาย โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 7,268 ล้านบาท ลดลง 1.8% เป็นผลจากการรับรู้ประโยชน์ด้านต้นทุนจากการรวมกิจการ การมีวินัยด้านค่าใช้จ่าย รวมถึงค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่ลดลงตามปริมาณธุรกรรมที่ลดลงในช่วงล็อกดาวน์ ส่งผลให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ทรงตัวอยู่ที่ 46% และจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ธนาคารต้องเลื่อนกิจกรรมและค่าใช้จ่ายบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการรวมกิจการไปในช่วงไตรมาส 4 จึงคาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ในไตรมาส 4 จะยังอยู่ในระดับ 47-49% ด้านค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ อยู่ที่จำนวน 5,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาส 2 ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,359 ล้านบาท ลดลง 6.9% จากไตรมาสที่แล้ว

สำหรับรอบ 9 เดือน ปี 2564 ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงาน 48,406 ล้านบาท ลดลง 5.0% จากรอบ 9 เดือน ปี 2563 ด้านค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ที่ 22,597 ล้านบาท ลดลง 4.0% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ 46% เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนค่าใช้จ่ายสำรองฯ มีจำนวน 16,497 ล้านบาท ทรงตัวจากรอบ 9 เดือนปีก่อนหน้า เนื่องจากธนาคารยังคงตั้งสำรองฯ ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส ส่งผลให้มีกำไรสุทธิสำหรับรอบ 9 เดือน ปี 2564 อยู่ที่ 7,675 ล้านบาท ลดลง 13.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 1,359 พันล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ชะลอลง 2.4% จากสิ้นปีที่แล้ว เป็นผลจากการที่ธนาคารยังคงเน้นการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ทำให้ยอดชำระหนี้คืนยังคงสูงกว่ายอดสินเชื่อใหม่ ด้านหนี้เสียอยู่ที่ 44.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 43.5 พันล้านบาท และ 39.6 พันล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2 และสิ้นปีที่แล้ว ทั้งนี้ จากฐานสินเชื่อที่ชะลอตัวจึงทำให้สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมขยับมาอยู่ที่ 2.98% ยังคงเป็นไปตามแผนบริหารจัดการหนี้เสียและอยู่ในกรอบเป้าหมายที่วางไว้

ด้านเงินฝากอยู่ที่ 1,325 พันล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ชะลอลง 3.5% จากสิ้นปีที่แล้ว การเคลื่อนไหวด้านเงินฝากเป็นผลจากการบริหารสภาพคล่องให้สอดคล้องกับภาวะสินเชื่อ รวมทั้งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างเงินฝากภายหลังการรวมกิจการ โดยการปรับลดสัดส่วนเงินฝากประจำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเน้นการเติบโตของเงินฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก เช่น บัญชี ttb all free ซึ่งยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ด้านความเพียงพอของเงินกองทุนยังอยู่ในระดับสูงและเป็นลำดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมธนาคาร โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2564 อัตราส่วน CAR และ Tier I (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.7% และ 15.6% ตามลำดับ ยังคงสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 11.0% และ 8.5%
#2934
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท "แข็งค่า" กรอบการเคลื่อนไหววันพรุ่งนี้ คาดไว้ที่ 33.20-33.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ แนะติดตามปัจจัย เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในประเทศ

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 33.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.47 บาทต่อดอลลาร์ฯ

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามค่าเงินหยวน และสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายทำกำไรหลังจากที่บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปีย่อตัวลงต่ำกว่าระดับ 1.60% อีกครั้ง


สำหรับสถานะการลงทุนของต่างชาติ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 1,591.57 ล้านบาท และ 317 ล้านบาท ตามลำดับ

 

ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 19 ตุลาคม 2564 โดยธปท. อยู่ที่ 0.18 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ 3.13 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)

 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ คาดไว้ที่ 33.20-33.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในประเทศ  การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ของธนาคารกลางจีน ตัวเลขเงินเฟ้อของ อังกฤษ และสหภาพยุโรป 
#2935
หุ้นไทยภาคเช้าปิดลบ 13.66 จุด รับแรงขายทำกำไรในหุ้นใหญ่ หลังราคาปรับขึ้นแรงพอสมควร รอติดตามผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 64 ที่จะทยอยประกาศ เริ่มจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกังวลเงินเฟ้อ เฟดลดมาตรการคิวอีในปีนี้

ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าวันที่ 19 ตุลาคม 2564 เคลื่อนไหวในแดนลบ รับแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่นำโดยกลุ่มท่องเที่ยว พลังงาน และธนาคารพาณิชย์ หลังราคาปรับขึ้นสูงพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา และจะเริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 เริ่มที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ ยังมีความกังวลภาวะเงินเฟ้อ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดการใช้มาตรการคิวอีภายในปีนี้ ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,630.26 จุด ลดลง 13.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.83% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 62,564.73 ล้านบาทขณะที่ ดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,649.66 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,629.32 จุด


หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

HENG ปิดที่ 3.02 บาท เพิ่มขึ้น 1.07 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,008.92 ล้านบาท

KBANK ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง 4.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,716.98 ล้านบาท

SCC ปิดที่ 393.00 บาท ลดลง 9.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,278.00 ล้านบาท

AOT ปิดที่ 65.25 บาท ลดลง 1.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,773.91 ล้านบาท

BANPU ปิดที่ 12.80 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,617.40 ล้านบาท

 

หลักทรัพย์ที่กดดัชนีมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่

AOT ปิดที่ 65.25 บาท ลดลง 1.75 บาท มีผลต่อดัชนี -2.1659 จุด

PTT ปิดที่ 39.50 บาท ลดลง 0.50 บาท มีผลต่อดัชนี -1.2373 จุด

SCC ปิดที่ 393.00 บาท ลดลง 9.00 บาท มีผลต่อดัชนี -0.9356 จุด

KBANK ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง 4.00 บาท มีผลต่อดัชนี -0.8211 จุด

PTTGC ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 1.75 บาท มีผลต่อดัชนี -0.6836 จุด
#2936
ท่อเฟล็กซ์ งานประปา ขนาดใหญ่  10" SUS304  โทรเลย 080-9006306







 
#2937
กระทรวงพาณิชย์ หารือสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (USABC) พร้อม 12 บริษัทสหรัฐฯ ย้ำไทยเตรียมพร้อมเปิดประเทศ มีมาตราการรับมือโควิด-19 สร้างความเชื่อมั่นด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เร่งฟื้นฟูและยกระดับขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ ด้านสหรัฐฯ ย้ำจุดยืนเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่เหนียวแน่น พร้อมสนับสนุนด้านเทคโนโลยีไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

วันที่ 17 ตุลาคม 2564 ดร.สรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ให้เป็นผู้แทนกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมการหารือผ่านระบบการประชุมทางไกล กับคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (U.S. – ASEAN Business Council: USABC) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ซึ่งนำโดยนายไมเคิล มิคาลัค รองประธานกรรมการอาวุโสและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคของ USABC พร้อมด้วยผู้แทนจาก 12 บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ ในอุตสาหกรรมสุขภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ขนส่ง การผลิต การเงิน ประกอบด้วย Abbott, Adobe, Amazon, Citi, Facebook, FedEx, Ford, Google, Johnson & Johnson, MSD, UL และ Visa


ดร.สรรเสริญ กล่าวว่า ไทยและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดกันมาอย่างยาวนาน โดยไทยได้ให้ความมั่นใจแก่สหรัฐฯ เกี่ยวกับการดำเนินมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ตลอดจนการดำเนินนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาวบนฐานเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model และการดึงดูดการลงทุนเข้าสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

พร้อมทั้งการให้ความสำคัญกับกติกาการค้าโลกที่โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่สร้างภาระแก่ภาคธุรกิจในการทำการค้า การขยายตลาดการค้าใหม่ๆ ผ่านการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) การค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมด้านทรัพย์สินทางปัญญา และการส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัลในทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันทางเศรษฐกิจของไทยในอนาคต


ขณะที่ภาคเอกชนสหรัฐฯ ได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับไทยในการเสริมสร้างความสามารถด้านห่วงโซ่การผลิต การขนส่ง ระบบสาธารณสุข การท่องเที่ยว การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลแก่บุคลากรและผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคโควิด-19 เพื่อให้ไทยและอาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีความแข็งแกร่งและพร้อมเข้าสู่เศรษฐกิจยุคดิจิทัลต่อไปด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบัน สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย รองจากจีนและญี่ปุ่น โดยในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค. 64) การค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มีมูลค่า 36,460 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 9.56% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 26,884 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัว 20.56%)

สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เหล็ก และเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น และไทยนำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 9,576 ล้านเหรียญสหรัฐ (หดตัว 12.79%) ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น
#2938
"ไทยประกันชีวิต" ยื่นไฟลิ่งก.ล.ต. เพื่อนำเสนอขายหุ้นIPO จำนวนไม่เกิน 2.38 พันล้านหุ้น โดบมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท หวังใช้เงินระดมทุนลงทุนDigital Transformation พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งทำการตลาด ยกระดับความแข็งแกร่งเงินทุนและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564ทาง บมจ.ไทยประกันชีวิต ได้ยื่นไฟลิ่งเพื่อนำเสนอขายหุ้นสามัญครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) จำนวนไม่เกิน 2,384,318,900 หุ้นซึ่งประกอบด้วย

(1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯจำนวนไม่เกิน 1,000,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 8.6ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
(2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท วี.ซี. สมบัติ จำกัดจำนวนไม่เกิน 1,2 18,815,600 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 10.5
ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
(3) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Her Sing (H.K.)Limited จำนวนไม่เกิน 165,503,300 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ1.4 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท

ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้รวมทั้งหมดคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 20.6 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ โดยมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท


สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงิน  เพื่อการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) และการทำการตลาด  ,การ
เสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางพันธมิตร  ,เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุน และสำหรับเงินทุนหมุนเวียนและวัตถุประสงค์อื่น ๆ 

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 สินทรัพย์รวมของบริษัทฯมีจำนวนเท่ากับ 511,443.44 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯยังมี
กลยุทธ์การจัดการการลงทุนที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งดำเนินการโดยทีมงานที่มีประสบการณ์และสามารถบรรลุ
ผลตอบแทนที่สูงได้ ในระยะยาว ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2563บริษัทฯมีผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ย (Average Investment
Yield) อยู่ที่ประมาณร้อยละ 4.26

โดยสินทรัพย์รวมของบริษัทฯเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8.87 จาก416,854 ล้านบาทในปี 2561 เป็น 494,045 ล้านบาทในปี
2563 ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นนั้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 12.94จาก 60,985 ล้านบาทในปี 2561 เป็น 77,785 ล้านบาท

ในปี 2563 แม้บริษัทฯจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โรค โควิด-19 และการชะลอตัว
ของเศรษฐกิจ กำไรสุทธิของบริษัทฯปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7,692 ล้านบาทในปี 2563 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยจากปี 2561 อยู่ที่ร้อยละ 7.08
#2939
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเปิดงาน Bangkok FinTech Fair 2021 ในหัวข้อ A New Decade of Opportunities ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นเร็วและแรงอย่างน้อย 2 เรื่อง โดยเรื่องแรกคือ พัฒนาการทางเทคโนโลยีที่พลิกโฉมการใช้ชีวิต การดำเนินธุรกิจ และการทำธุรกรรมต่างๆไปอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกันวิกฤติโควิดก็เข้ามาเร่งให้ผู้บริโภคจำเป็นต้องเรียนรู้เทคโนโลยี และนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

ส่วนเรื่องที่ 2 คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เราเห็นภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนภาคเศรษฐกิจในหลายส่วน ทำให้เราต้องหันมาคิดอย่างจริงจังว่า ทำอย่างไรที่จะผลักดันให้ภาคเศรษฐกิจและประเทศ เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนภายใต้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้

ทั้งนี้ ผู้ว่าการ ธปท.ได้นำเสนอความคิดเกี่ยวกับการปรับตัวของภาคการเงินในทศวรรษนี้ ซึ่งแบ่งมุมมองเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 คือ การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะเห็นในภาคการเงินไทย ส่วนที่ 2 คือ การดำเนินงานของ ธปท.ในการสร้างโอกาสและรับมือกับความท้าทายที่จะมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทั้งในแง่การปรับตัวของ ธปท. และในแง่แนวทางของ ธปท.ที่จะวางภูมิทัศน์หรือ landscape ของระบบการเงินไทยในระยะต่อไป ส่วนที่ 3 คือ ภาพอนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงไปที่ทำให้ประชาชน ผู้ประกอบธุรกิจ และผู้ให้บริการทางการเงินได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้น

โดยในส่วนแรก เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญของภาคการเงินไทย ซึ่งมีอย่างน้อย 2 ด้าน สำหรับด้านแรกคือ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการทางการเงินอย่างกว้างขวาง เช่น ด้านบริการชำระเงิน โครงสร้างพื้นฐาน PromptPay ทำให้ประชาชนสามารถทำธุรกรรมฝาก ถอน โอนเงิน หรือชำระเงินได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว ทุกที่ ทุกเวลา โดยปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียน PromptPay มากกว่า 60 ล้านหมายเลข และมีมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันกว่า 85,000 ล้านบาท หรือการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Blockchain มาใช้ในการออกหนังสือค้ำประกันให้กับองค์กรต่าง ๆ ช่วยลดเวลาในการออกหนังสือค้ำประกันจากเดิม 3-5 วัน ปัจจุบันเหลือเพียง 10 นาที ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนให้กับธุรกิจและภาครัฐได้มาก

ขณะที่ด้านที่ 2 คือการเพิ่มขึ้นของบทบาทของผู้ให้บริการที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ ทั้งในรูปแบบที่เป็น non-bank เดี่ยวหรือ non-bank ร่วมมือกับธนาคาร ทำให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่หลากหลาย และมีส่วนสำคัญในการเข้ามาเติมเต็มให้กับกลุ่มประชาชนหรือ SMEs ที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินบางประเภท โดยเฉพาะเรื่องของสินเชื่อ เช่น การทำธุรกรรมต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้เกิดข้อมูลทางเลือก หรือที่เรียกกันว่า alternative data ที่ช่วยให้ประชาชนที่ไม่มีรายได้ประจำ ไม่มีหลักประกัน หรือไม่มีข้อมูลกับสถาบันการเงิน สามารถใช้ข้อมูลพฤติกรรมในการขอสินเชื่อและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ในเรื่องนี้ ธปท. ได้อนุญาตให้มีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดี โดยปัจจุบันการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลนี้ช่วยให้ประชาชนกว่า 2 แสนราย เข้าถึงสินเชื่อกว่า 2 พันล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีผู้เล่นใหม่ๆจากอุตสาหกรรมอื่นๆที่พยายามเข้ามาปิดช่องว่างในการให้บริการทางการเงินหรือสนับสนุนการทำธุรกิจให้กับกลุ่ม เช่น กลุ่ม FinTech startups ที่เข้ามาให้บริการในส่วนที่ยังเป็นช่องว่างของการให้บริการโดยกลุ่มธนาคาร อย่างผู้ให้บริการ peer-to-peer lending platform ที่เชื่อมโยงผู้กู้กับผู้ให้กู้โดยตรง หรือ BigTech platforms ที่มีการให้บริการครบวงจรตั้งแต่ให้บริการซื้อขายสินค้า ส่งของ ลงทุน ไปจนถึงการให้บริการทางการเงิน และล่าสุด มีการให้บริการในลักษณะเป็น Decentralized Finance หรือ DeFi ที่ดำเนินกิจกรรมทางการเงินทุกอย่างด้วย smart contracts ซึ่งเป็นการตัดบทบาทของตัวกลางออกไป แม้ปัจจุบันจะยังมีจำนวนไม่มาก แต่แนวโน้มเหล่านี้ ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจปัจจุบันจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้แข่งขันได้

ADVERTISEMENT


สำหรับส่วนที่ 2 นอกจากผู้ประกอบการต้องปรับตัว ธปท. เองก็จำเป็นต้องปรับ และดำเนินการเพื่อช่วยให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์จากโอกาสที่มากับความเปลี่ยนแปลงต่างๆอย่างเต็มที่ โดยการเพิ่มความยืดหยุ่นในการกำกับดูแล และรักษาสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการดูแลเสถียรภาพของระบบการเงินที่จะคำนึงถึงต้นทุนจากการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆของผู้ประกอบธุรกิจ และการกำกับดูแลตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของผู้ประกอบการ ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายขนาดและประเภทมากขึ้น โดยในเรื่องเสถียรภาพนั้นจะให้น้ำหนักของเรื่อง resiliency มากขึ้นคือ ความสามารถในการรับมือกับผลกระทบของปัจจัยเสี่ยงและแรงกดดันต่างๆ รวมถึงความสามารถในการฟื้นตัวหลังจากถูกแรงกระทบ เพื่อให้เกิดวิวัฒนาการสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากการปรับตัวของ ธปท.ให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงแล้ว ธปท.จะดำเนินการใน 3 แนวทางสำหรับสร้างภูมิทัศน์หรือ Landscape ของระบบการเงินไทยในระยะต่อไป หรือที่เรียกกันภายในว่า 3 Open ประกอบด้วยOpen แรก คือเรื่องของ Open, shared and interoperable infrastructure ได้แก่ การมีโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัลที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรม โดยต้องเปิดกว้างให้ผู้ให้บริการทั้งรายเดิมและรายใหม่ สามารถเข้ามาต่อยอดบริการทางการเงินได้ และแข่งขันได้อย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ ต้องมีการ share infrastructure เพื่อลดต้นทุน และทำให้ Infrastructure ที่สร้างขึ้นมาสามารถเชื่อมโยงกันได้

ขณะเดียวกันการพัฒนาเงินบาทดิจิทัล หรือ CBDC ก็จะเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบการเงินของเราในอนาคต เพิ่มทางเลือกสำหรับประชาชนและธุรกิจให้สามารถเข้าถึงเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยได้ ช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกรรมต่างๆ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการหลากหลายประเภทนำไปพัฒนานวัตกรรมเพิ่มเติมได้ และยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ ธปท.ร่วมผลักดัน เช่น digital ID ภายใต้ NDID platform เพื่อใช้ยืนยันตัวตนสำหรับธุรกรรมในภาคธุรกิจ ภาคธนาคาร และภาครัฐ ล่าสุดมีลูกค้าลงทะเบียนใช้งาน NDID แล้วเกือบ 2 ล้านราย ในอนาคต ธปท.จะร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในการผลักดันให้มีการใช้งาน digital ID อย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนา digital ID สำหรับนิติบุคคลในระยะต่อไป

ส่วน Open ที่ 2 คือเรื่องของ Open environment ได้แก่ การสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการแข่งขันอย่างเท่าเทียม เพื่อให้เกิดนวัตกรรมจากผู้เล่นทุกประเภท โดยจะปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อทั้งการปรับตัวของผู้เล่นรายเดิมและการเข้าสู่ตลาดของผู้เล่นรายใหม่ กำกับดูแลเป็นสัดส่วนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงของผู้ประกอบการ หรือ risk proportionality รวมถึงการปรับปรุง regulatory sandbox ของ ธปท.ให้ยืดหยุ่น เปิดรับนวัตกรรมของผู้เล่นใหม่ๆเพิ่มขึ้น ขยายความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มีนวัตกรรมสามารถเข้าทดสอบได้ ซึ่งจะช่วยลดภาระที่ผู้ประกอบการต้องติดต่อกับผู้กำกับดูแลหลายราย

โดย Open ที่ 3 คือเรื่อง Open data คือ การพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกันได้ เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของข้อมูล และนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เป็นทิศทางที่ทุกประเทศกำลังเดินหน้าไป สำหรับในภาคการเงินไทย การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการทางการเงินต่างๆจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำถูกต้องในการวางนโยบาย การบริหารความเสี่ยง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า

'ปัจจุบัน ธปท.ร่วมกับภาคธนาคารกำลังดำเนินการเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูล bank statements เพื่อให้ลูกค้านำข้อมูลการเงินของตนเองไปขอใช้บริการอื่น ๆ เช่น การขอสินเชื่อ หรือการยืนยันฐานะกับหน่วยงานอื่นได้สะดวกมากขึ้น และจะขยายไปสู่การแลกเปลี่ยนข้อมูลอื่นๆในระยะต่อไป โดย ธปท.จะร่วมกับผู้ประกอบการภาคการเงินกำหนดมาตรฐานและทิศทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลทางการเงิน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการใช้ทรัพยากรข้อมูลร่วมกันอย่างชัดเจน'

สำหรับส่วนที่ 3 โอกาสหรือประโยชน์ที่แต่ละภาคส่วน จะได้รับจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยในมุมของประชาชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการดังกล่าว จะช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตรงกับความต้องการรายบุคคลมากยิ่งขึ้น หรือที่เรียกกันว่า mass customization รวมทั้งได้รับความสะดวกในการใช้บริการทางการเงิน เช่น สามารถทำธุรกรรมโดยไม่ต้องไปที่สาขาธนาคาร จากการยืนยันตัวตนข้ามหน่วยงานผ่านโครงสร้างพื้นฐาน digital ID และการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการผ่านการใช้มาตรฐาน APIs ร่วมกัน ซึ่งจะช่วยลดเวลาและต้นทุนในการทำธุรกรรม เปิดโอกาสให้มีบริการทางการเงินที่หลากหลาย ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ที่เข้าถึงบริการทางการเงินได้ยากในอดีต จะมีโอกาสมากขึ้นจากการทำธุรกรรมทางการเงินดิจิทัล ทำให้มี digital footprint ซึ่งเป็นข้อมูลที่สามารถนำมาวิเคราะห์ประกอบการให้บริการของผู้ประกอบการได้ด้วย

ขณะที่ในมุมของผู้ประกอบธุรกิจ การเร่งให้มีการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานจากการลดขั้นตอน ลดความผิดพลาด ลดเวลาในการให้บริการ รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวางมากขึ้นจากการให้บริการช่องทางดิจิทัล และการเข้าถึงข้อมูลที่เอื้อให้เกิดการพัฒนาบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า

ส่วนในมุมของผู้ให้บริการทางการเงิน การสนับสนุนให้มีการพัฒนาและใช้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลร่วมกัน เช่น โครงการ Smart financial and payment infrastructure และโครงการอื่น ๆ ที่กล่าวถึงข้างต้น จะส่งเสริมให้มีการพัฒนานวัตกรรม ตลอดจนการปรับปรุงกฎเกณฑ์การกำกับดูแลของ ธปท.ที่จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น จะช่วยลดต้นทุนและเอื้อให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียมกัน

ทั้งนี้คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องกล่าวถึงความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยี ทั้งด้านภัยไซเบอร์และการหลอกลวงที่ทวีจำนวนและความหลากหลายของรูปแบบมากขึ้น ธปท. จึงยังคงให้ความสำคัญกับการยกระดับความสามารถให้การป้องกันและรับมือกับภัยไซเบอร์ของผู้ประกอบการทางการเงินอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานสากล รวมทั้งการให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้ใช้บริการในการระวังป้องกันตัวเอง
#2940
ใครบ้างที่มีสิทธิ์ กู้ยืม สินเชื่อประชารัฐ สินเชือเพื่อผู้สูงวัย ธ.ออมสิน
เงินกู้พิเศษ สำหรับผู้สูงอายุ ผู้สูงวัย ที่ต้องการ นำเงินไปลงทุน ค้าขาย 

ใครบ้างที่มีสิทธิ์ กู้ยืม สินเชื่อประชารัฐ สินเชือเพื่อ ผู้สูงวัย เป็นสินเชื่อใหม่ ของ ธนาคารออมสิน ที่เปิดใหม่ ในปี 2564 ตามนโยบาย ภาครัฐในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก โควิด 19 ให้กู้สูงถึง 2 แสนบาท ผ่อนนาน 10 ปี เพื่อเป็นทุน หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ