นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบเป็นไปตามที่คาดไว้ (https://www.morningnews247.com/%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2-4-%E0%B8%9B%E0%B8%B5/) เนื่องจากอยู่ในช่วงของการรอดูความคืบหน้าของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะต้องติดตามเพราะยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ตลาดฯไม่ไปไหนไกล โดยตลาดฯยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวลง หลังเงินบาทอ่อนค่ามาก ล่าสุดมาแถว 33.85 บาท/ดอลลาร์ฯ ทำให้ต้องระวัง Fund Flow ไหลออก
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ยกเว้นตลาดหุ้นเวียดนามที่ปรับตัวลงไปมาก หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ส่วนตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็บวกได้ ซึ่งมองเป็นการรีบาวด์หลังจากที่ปรับตัวลงไปมากในช่วงก่อนหน้านี้
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นางสาวธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังไม่ไปไหนไกล เพราะยังต้องรอดูความคืบหน้าของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน และสัปดาห์หน้าก็จะมีวันทำการแค่ 3 วันเองด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด
"ตอนนี้คงจะต้องไปรอดูการประชุมหลายธนาคารกลางในช่วงกลางเดือนนี้มากกว่า โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะประชุมในวันที่ 14-15 ธ.ค., ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุม 16 ธ.ค., ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุม 16 ธ.ค. และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุม 16-17 ธ.ค." นางสาวธีรดา กล่าว
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์