(https://i.ibb.co/QvRBm97/2021-07-28-195642.jpg)
เชื้อโควิด-19 โผล่อาละวาดในเมืองหนันจิง มณฑลเจียงซูทางภาคตะวันออกจีน โดยถือเป็นแหล่งแพร่ระบาดในจีนที่พบการติดเชื้อภายในท้องถิ่นมากที่สุด และดันจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศดีดตัวสูงในรอบครึ่งปีมานี้โดยล่าสุดในวันที่ 27 ก.ค. ผู้ป่วยรายใหม่มีจำนวน 86 ราย
สำหรับการระบาดที่เมืองหนันจิง (https://www.paidooo.com/Guestpost/%E0%B8%97%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%86-%E0%B8%97%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9D%E0%B8%B1/) เริ่มพบเคสติดเชื้อในวันที่ 20 ก.ค.ที่สนามบินนานาชาติลู่โข่วโดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนงานทำความสะอาด อนึ่ง การฉีดวัคซีนของคนทำงานทั้งหมดกว่า 9,000 คนในสนามบินลู่โข่วมีอัตราครอบคลุมถึง 90.87 เปอร์เซนต์แล้ว
หนันจิงได้ลุยตรวจโควิด-19 ขนานใหญ่ ก็พบผู้ป่วยในท้องถิ่นมากขึ้นๆจาก 30 กว่ารายในช่วงวันที่ 25-26 ก.ค. เพิ่มเป็น 47 รายในวันที่ 27 ก.ค. หน่ำซ้ำยังเป็นเชื้อกลายพันธุ์เดลต้าซึ่งมีลักษณะเด่นคือเป็นเชื้อที่ติดง่ายและรวดเร็วฉับไว นอกจากนี้การระบาดยังแพร่ไปอีกสี่มณฑลอย่างอย่างรวดเร็วราวติดจรวด ได้แก่ กว่างตง เสฉวน เหลียวหนิง และอันฮุย ในวันอาทิตย์(25 ก.ค.)ที่ผ่านมา หนันจิงได้ขยายเป็นการตรวจเชื้อฯผู้อาศัยในเมืองทั้งหมด 9.3 ล้านคน
การระบาดโควิดภายในเมืองหนันจิงช่วง 8 วันมานี้มีผู้ป่วยสะสมรวม 153 ราย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นผู้ป่วยอาการเบา 81 ราย ผู้ป่วยอาการทั่วไป 68 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก 4 ราย ตัวเลขต่างๆเหล่านี้เมื่อเทียบกับยอดผู้ป่วยในประเทศอื่นๆถือได้ว่าต่ำมาก แต่ทว่า สิ่งที่ชาวจีนข้องใจและสงสัยกันมากที่สุด ก็คือกลุ่มผู้ติดเชื้อเกือบทั้งหมดได้ฉีดวัคซีนกันไปแล้ว
"ทำไมคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ติดเชื้อฯได้"
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญจีนได้ออกมาตอบข้อสงสัยดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่การวิจัยของศูนย์ควบคุมโรคระบาดแห่งจีน นาย เส้า อีหมิง ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีน ว่าบทบาทหน้าที่ของวัคซีนแบ่งได้เป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่หนึ่ง คือป้องกันการติดเชื้อ คุ้มครองผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วไม่ให้ติดเชื้อโรค, ระดับที่สอง คือป้องกันหรือยับยั้งอาการป่วย ช่วยปกป้องผู้ป่วยอาการเล็กน้อยมีอาการทรุดหนักและเสียชีวิต, ระดับที่สาม คือหากเพิ่งมีสัญญาณการติดเชื้อโรค แต่ในร่างกายมีเชื้อในปริมาณน้อยมาก ก็ยากที่จะนำเชื้อไปติดผู้อื่น กล่าวคือเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อนั่นเอง
เส้า อีหมิง กล่าวว่า คุณค่าของวัคซีนจีนนั้นคือการป้องกันระดับที่สอง อัตราการคุ้มครองมุ่งไปที่การเกิดอาการป่วย ไม่ได้มุ่งไปที่การติดเชื้อ ดังนั้นจึงมีคนที่ฉีดวัคซีนแล้วจำนวนหนึ่งที่อาจติดเชื้อได้
"จากการสังเกตการณ์เคสผู้ป่วยในกว่างตง รุ่ยลี่ ผู้ป่วยที่ฉีดวัคซีนแล้ว โดยรวมแล้วมีอาการเบาหรือเล็กน้อยเท่านั้น โดยโอกาสที่อาการจะทรุดลงไปเป็นอาการหนักนั้นมีอัตราที่ต่ำมากอย่างชัดเจน การดำเนินโรคมีระยะสั้นมาก ดังนั้นจึงพูดได้ว่าการฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพในการคุ้มครองอยู่" หยัง อี้ หัวหน้าแผนกผู้ป่วยอาการหนักของโรงพยาบาลจงต้า สังกัดมหาวิทยาตงหนัน
สื่อแดนมังกรอีกรายอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญจีนกล่าวถึงการระบาดภายในท้องถิ่นหนันจิงซึ่งผู้ติดเชื้อกว่า 90 เปอร์เซนต์ฉีดวัคซีนแล้วว่า ขณะที่อัตราการคุ้มครองของวัคซีนไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์แต่ก็สามารถป้องกันผู้ติดเชื้อมีอาการทรุดหนักและป้องกันการเสียชีวิต อีกประการหนึ่งคือเชื้อที่ระบาดเป็นสายพันธุ์เดลต้ายิ่งทำให้ความสามารถในการคุ้มครองของวัคซีนลดลง
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ในเดือนก.ค.ปีที่แล้วที่มีการอนุมัติใช้วัคซีนในกรณีฉุกเฉินนั้น การฉีดวัคซีนในจีนได้สั่งสมประสบการณ์ก้าวหน้าไปมาก แต่ยังไม่ไม่ถึงขั้นสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ขณะที่การแพร่ระบาดในหลายประเทศขยายวงกว้างไม่หยุดหย่อน ความคุ้มครองจากวัคซีนจึงเป็นที่ต้องการอยู่ ที่สำคัญคือไม่ว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ฉีดก็ตาม ผู้ที่อยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากและในสถานที่ปิด ยังต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด