ออสเตรเลียเผชิญอากาศร้อน 50.7 องศาเซลเซียส สูงสุดในรอบ 62 ปี
กรมอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียเตือนประชาชนให้อยู่แต่ในบ้านในวันนี้ เนื่องจากเกิดคลื่นความร้อนรุนแรง (https://www.prachinnews.com/%e0%b9%81%e0%b8%9c%e0%b8%99%e0%b8%89%e0%b8%b5%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%84%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%815-11-%e0%b8%9b%e0%b8%b5/)ในเมืองออนสโลว์ซึ่งตั้งอยู่แนวชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ทำให้อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 50.7 องศาเซลเซียส (123 องศาฟาเรนไฮต์) เท่ากับสถิติอุณหภูมิสูงสุดเมื่อ 62 ปีก่อน
ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศและนักเคลื่อนไหวได้เตือนว่า ภาวะโลกร้อนนั้นใกล้ควบคุมไม่ได้แล้ว อันเนื่องมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) เปิดเผยข้อมูลในสัปดาห์นี้ว่า สถิติบรรดาปีที่ร้อนที่สุดในโลกนั้นล้วนมาจากในทศวรรษที่แล้ว โดยปี 2564 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 6
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการปล่อยปริมาณคาร์บอนต่อหัวมากที่สุดในโลก แต่รัฐบาลออสเตรเลียยังคงพึ่งพาอุตสาหกรรมถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆ ต่อไปโดยให้เหตุผลว่า การยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงดังกล่าวจะทำให้คนจำนวนมากต้องตกงาน
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อสาธารณสุขและประสิทธิภาพการทำงานของแรงงานกลางแจ้ง และจะส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
ผลการศึกษาระดับโลกที่ตีพิมพ์ในสัปดาห์นี้โดยคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดุ๊กชี้ระบุว่า ออสเตรเลียสูญเสียรายได้เฉลี่ย 1.03 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (7.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และสูญเสียผลิตภาพในการทำงาน 218 ชั่วโมงทุกปีในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาเนื่องจากอากาศร้อน พร้อมเตือนว่า ออสเตรเลียจะยิ่งสูญเสียเพิ่มมากขึ้นในทศวรรษต่อ ๆ ไป เนื่องจากโลกกำลังเข้าสู่ภาวะโลกร้อนที่อุณหภูมิสูงกว่าสมัยก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.5 องศาเซลเซียส