ผลวิจัยชี้วัคซีนสูตร SV+SV ตามด้วยไฟเซอร์ป้องกันโอมิครอน (https://www.hotescortservices.com/%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1351/)ได้น้อยกว่าสายพันธุ์อื่น
ผลการวิจัยของนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยเยล กระทรวงสาธารณสุขของสาธารณรัฐโดมินิกัน และสถาบันอื่น ๆ ซึ่งยังไม่ได้รับการทบทวนโดยผู้รู้เสมอกัน เปิดเผยว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยวัคซีนของไฟเซอร์เป็นเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมินั้น ให้การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอนได้น้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ โดยแนะนำให้ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนของซิโนแวค 2 เข็มเข้ารับการฉีดกระตุ้นเพิ่ม 2 เข็มเพื่อให้ป้องกันสายพันธุ์โอมิครอนได้
ผลการวิจัยดังกล่าวระบุว่า การฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3 ให้การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันในระดับที่คล้ายกับการฉีดวัคซีนแบบ mRNA 2 เข็ม ซึ่งไม่เพียงพอต่อการป้องกันสายพันธุ์โอมิครอน โดยในกลุ่มผู้ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์อีกเข็มนั้น มีระดับแอนติบอดีต่อสายพันธุ์โอมิครอนน้อยกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม 6.3 เท่า และน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา 2.7 เท่า
ส่วนการฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มโดยไม่มีการฉีดเข็มกระตุ้นนั้น ผลการวิจัยนี้ไม่พบว่ามีฤิทธิ์ลบล้างสายพันธุ์โอมิครอน
ก่อนหน้านี้ มหาวิทยาลัยฮ่องกงและมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกงร่วมกันเปิดเผยผลการวิจัย ระบุว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากบริษัทซิโนแวคของจีนจำนวน 3 โดส ซึ่งรวมถึงเข็มบูสเตอร์ด้วยนั้น ไม่สามารถสร้างแอนติบอดีได้มากพอที่จะต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน