ตลาดหุ้นลอนดอน (https://www.nongkhaitoday.com/%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%82%E0%B8%95/)ปิดลดลงในวันจันทร์ (20 ธ.ค.) โดยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก และนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่พุ่งขึ้นในยุโรปและสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,198.03 จุด ลดลง 71.89 หรือ -0.99%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลง แต่ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่เข้าทดสอบในการซื้อขายช่วงเช้า
หุ้นกลุ่มน้ำมัน อาทิ หุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ ร่วงลงเกือบ 3% หลังราคาน้ำมันดิบร่วงลง 3% ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะ ร่วงลง 1.9% ตามการร่วงลงของราคาทองแดง
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ ปรับตัวลง 0.7% หลังมีรายงานว่าคณะรัฐมนตรีของอังกฤษจะประชุมกันในวันจันทร์ เนื่องจากมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นให้นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษชะลอการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนด้วยการออกข้อจำกัดด้านการเว้นระยะห่างทางสังคมก่อนเทศกาลคริสต์มาส
รองนายกรัฐมนตรีของอังกฤษเปิดเผยว่า ประชาชน 12 รายเสียชีวิตจากไวรัสโอมิครอนในสหราชอาณาจักร และ 104 รายยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
หุ้นกลุ่มการเงินที่ทำธุรกิจในเอเชีย อาทิ เอชเอสบีซีและพรูเดนเชียล ร่วงลง 0.8% และ 4.5% ตามลำดับ ส่วนหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 1.3% หลังถูกธนาคารกลางอังกฤษสั่งปรับเป็นเงิน 46.55 ล้านปอนด์ (61.51 ล้านดอลลาร์) เนื่องจากฝ่าฝืนด้านกฎระเบียบ