ทนายเชียงใหม่ (https://www.xn--42cgi4cjab1btnchd1exbza5gvad6dvnqc6f.com/) จะนำเสนอข้อเท็จจริงดังนี้การจัดการทำศพเป็นกิจการซึ่งไม่ เกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ตาย การจะทำให้บังเกิดผลบังคับได้ตามกฎหมายต้องแสดงเจตนาโดยทำเป็นพินัยกรรมตาม ป.พ.พ. มาตรา 1646 แต่คำสั่งเสียด้วยวาจาของผู้ถึงแก่ความตาย ที่ให้โจทก์เป็นผู้จัดการทำศพมิ เข้าหลักเกณฑ์การทำพินัยกรรมด้วยวาจาตาม ป.พ.พ. มาตรา 1663 ย่อมไม่ บังเกิดผลบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อผู้มรณภาพ มิได้ทำพินัยกรรมตั้งผู้จัดการมรดก และทรัพย์สินของผู้ถึงแก่ความตาย ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในเป็นพระ ย่อมตกเป็นสมบัติของวัดจำเลยที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1623 ส่วนโจทก์และน้องคนอื่นของผู้ตาย แม้เป็นทายาท โดยธรรมในลำดับที่ 3 ตามมาตรา 1629 (3) ก็มิ มีสิทธิรับมรดกของผู้มรณภาพ ย่อมมิอาจ อาจมอบหมายตั้งให้บุคคลใดเป็นผู้จัดการทำศพผู้ตาย การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุคคลผู้ได้รับทรัพย์มรดกโดยสิทธิโดยธรรมตามผลของมาตรา 1623 อันเป็นจำนวนมากที่สุด จึงเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่จัดการทำศพผู้ถึงแก่ความตาย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1649 วรรคสอง จำเลยที่ 1 จึงไม่ ต้องส่งมอบศพผู้ตาย แก่โจทก์บทความจาก ทนายความเชียงใหม่