• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#3241


เมอร์เซเดส-เบนซ์ เดินหน้ากิจกรรมการตลาด จัด StarFest ต่อเนื่อง เปิดแคมเปญ แถม "เมอร์เซเดส-เบนซ์ เซอร์วิสพลัส" 5 ปี คูปองส่วนลด 5 หมื่นบาท ฯลฯ

แม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังวางใจไม่ได้ แต่เรื่องของธุรกิจก็ต้องดำเนินต่อไป ด้วยการเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ 

กิจกรรมหนึ่ง ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ StarFest (สตาร์เฟสต์) ซึ่งแต่ละปีก็มีผลต่อการผลักดันยอดขายไม่น้อย ไม่ว่าจากส่วนกลางที่จัดงานในพื้นที่ที่เข้าถึงผู้บริโภค เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ หรือว่าในส่วนโชว์รูมต่างๆ ของดีลเลอร์ทั่วประเทศที่จัดขึ้นพร้อมๆ กัน ภายใต้แคมปญเดียว

ปีนี้แม้การจัดในพื้นที่ส่วนกลางไม่อาจทำได้ แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็ยังเชื่อว่า การจัดในโชว์รูม ยังได้รับความสนใจ 

แม้ว่าที่ผ่านมาจะพบว่าอัตราการเข้าโชว์รูมของผู้บริโภคลดลง จะด้วยเหตุผล ของโลกดิจิทัลที่กระจายอย่างรวดเร็วไม่แพ้โควิด-19 หรือ การพยายามไม่พบปะผู้คนของผู้คนก็ตาม 

แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็เห็นว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ที่มาโชว์รูม ส่วนใหญ่ คือตั้งใจซื้อจริง 


ดังนั้นกิจกรรม StarFest ปีนี้ ก็มีเช่นเดิม และจัดขึ้นเฉพาะโชว์รูมตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น พร้อมแคมเปญ "StarFest 2021: Season of the ultimate offers" โดยจะลากยาวไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. กับข้อเสนอในการเลือกซื้อรถทั้ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 

แคมเปญมีอะไรบ้าง


1. แถม "เมอร์เซเดส-เบนซ์ เซอร์วิสพลัส" หรือโปรแกรมการบำรุงรักษารถยนต์ตามข้อกำหนด MBSP Compact รวม 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง โดยรถยนต์รุ่นที่ร่วมรายการนี้ ประกอบด้วย 

C-Class, 
C Coupe
E-Class
GLC
GLC Coupe
V-Class
 Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe
Mercedes-AMG CLS 534MATIC+

คลิกที่นี่ครบจบ อัพเดทเช็คสิทธิ 'ประกันสังคม' www.sso.go.th ม.33 ม.39 ม.40
ราคาทองฟิวเจอร์พุ่ง 1.4% ได้ปัจจัยดอลล์อ่อนหนุนตลาด
ราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสร่วงวันที่ 2
2.ส่วนลด 10,000 บาท สำหรับการซื้อ Mercedes-Benz Collection, กล้องติดรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือ ชุดสินค้าบำรุงรักษารถยนต์ โดยรถที่ร่วมรายการนี้ คือ 

Mercedes-Benz ทุกรุ่น
Mercedes-AMG ทุกรุ่น
3. ข้อเสนอพิเศษ สำหรับผู้ที่ใช้บริการของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง คือ

แถมประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protectionนาน 2 ปี เมื่อทำสัญญามายสตาร์ หรือสัญญาเช่าทางการเงิน โดยรถที่เข้าร่วมรายการนี้ ประกอบด้วย C-Class

C Coupe
E-Class
GLC
GLC Coupe
#3242


วิกฤติโควิด-19 ยังคงฉุดผลประกอบการครึ่งปีแรกของธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการระบาดยาวนานกว่า 1 ปีครึ่ง และมีแนวโน้มยืดเยื้อเกินคาด ส่งผลให้บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นเทล (Centel) ต้องปรับกลยุทธ์รับมือวิกฤติ

ด้วยการบริหารต้นทุน คุมค่าใช้จ่ายเข้ม รวมถึงแผนการลงทุนโรงแรมโครงการใหม่ๆ ในอนาคตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด!

รณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร เซ็นเทล กล่าวในรายงานของบริษัทฯต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทฯมองว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกที่ 3 เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ดังนั้น "การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย" รวมถึง "แผนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ" เป็นกลยุทธ์สำคัญภายใต้สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน!! บริษัทฯได้ทำการควบคุมดูแลงบการลงทุนอย่างใกล้ชิด และให้อยู่ในระดับต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้งบการลงทุนรวมสำหรับธุรกิจโรงแรม (รวมงบการปรับปรุงโรงแรมประจำปีและโครงการใหม่) ในปี 2564 รวมกว่า 2,600 ล้านบาท

"บริษัทฯยังคงแผนการลงทุนสำหรับโครงการโรงแรมใหม่ที่ดูไบ ญี่ปุ่น และการปรับปรุงโรงแรมที่เกาะสมุย แต่เลื่อนการลงทุนโครงการที่มัลดีฟส์ในส่วนของการก่อสร้างอาคารรีสอร์ท และโคซี่ เชียงใหม่"

สำหรับงบการลงทุนและแผนการเปิดโรงแรมที่สำคัญ มีการปิดปรับปรุงโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท สมุย จากเดิมเป็นโรงแรมระดับอัปเปอร์ อัปสเกล (Upper Upscale) เป็นโรงแรม "เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย" ระดับลักชัวรี (Luxury) กำหนดเปิดดำเนินการในไตรมาส 4 นี้ หลังปิดปรับปรุงตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2562 โดยงบใช้จ่ายการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาทในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีโรงแรม "เซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ" คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการในไตรมาส 4 นี้เช่นกัน โดยงบใช้จ่ายการลงทุนประมาณ 800 ล้านบาทในปีนี้ ขณะที่โรงแรม "เซ็นทารา แกรนด์ โฮเทล โอซาก้า" คาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2566 ใช้เงินลงทุนประมาณ 570 ล้านบาทในปีนี้


"จากแนวโน้มธุรกิจโรงแรมในปีนี้ การฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมสะดุดลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะแถบเอเชีย ประกอบกับแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ล่าช้ากว่ากำหนด ส่งผลให้บริษัทฯต้องมีการทบทวนแผนการปิดโรงแรมบางแห่งชั่วคราวในไตรมาส 3 นี้ เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหารและจัดการให้เหลือน้อยที่สุด อย่างไรก็ดี บริษัทฯคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการโรงแรมที่เป็นเจ้าของได้ทั้งหมดภายในไตรมาส 4 นี้ ทั้งนี้การเปิดหรือปิดโรงแรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดเป็นสำคัญ"

โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทฯมีโรงแรมภายใต้การบริหารงานทั้งสิ้น จำนวน 84 แห่ง (17,224 ห้อง) แบ่งเป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 44 แห่ง (7,819 ห้อง) และเป็นโรงแรมที่กำลังพัฒนา 40 แห่ง (9,405 ห้อง) โดยในส่วนของโรงแรม 44 แห่งที่เปิดดำเนินการแล้วนั้น โรงแรม 18 แห่ง (4,443 ห้อง) เป็นโรงแรมที่บริษัทฯเป็นเจ้าของ และ 26 แห่ง (3,376 ห้อง) เป็นโรงแรมที่อยู่ภายใต้สัญญาบริหาร

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2564 บริษัทฯมีรายได้รวม 2,690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 354 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 322 ล้านบาท คิดเป็น 12% ขณะที่รายได้จากธุรกิจอาหารอยู่ที่ 2,368 ล้านบาท คิดเป็น 88% โดยบริษัทฯขาดทุนสุทธิ 607 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 141 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

และเมื่อดูผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวม 5,463 ล้านบาท ลดลง 1,475 ล้านบาท หรือลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 822 ล้านบาท คิดเป็น 15% ขณะที่รายได้จากธุรกิจอาหารอยู่ที่ 4,641 ล้านบาท คิดเป็น 85% บริษัทฯขาดทุนสุทธิ 1,082 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 571 ล้านบาท หรือ 112% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

หากโฟกัสเฉพาะธุรกิจโรงแรมจากผลประกอบการในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ที่บริษัทฯมีรายได้รวม 822 ล้านบาท ลดลง 1,114 ล้านบาท หรือลดลง 58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หลังอัตราการเข้าพักลดลงจาก 31% เป็น 13% และราคาห้องพักเฉลี่ยลดลง 20% อยู่ที่ 4,096 บาท ส่งผลให้รายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPAR) ลดลง 68% อยู่ที่ 516 บาท ทั้งนี้ส่วนของธุรกิจโรงแรมขาดทุนสุทธิ 1,127 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 622 ล้านบาท หรือ 123% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้บริษัทฯมีอัตราส่วนสภาพคล่องดีขึ้นจากสิ้นปี 2563 เป็น 0.7 เท่า อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนผู้ถือหุ้นลดลงเป็น 1.2 เท่า ดีขึ้นจากสิ้นปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของส่วนผู้ถือหุ้นเนื่องจากการตีราคาที่ดินเป็นสำคัญ และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อส่วนผู้ถือหุ้น 0.7 เท่า นอกจากนี้บริษัทฯมีเงื่อนไขกับสถาบันการเงินเกี่ยวกับการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.0 เท่า

อย่างไรก็ดี เนื่องด้วย "ความไม่แน่นอน" ในการฟื้นตัวของธุรกิจ บริษัทฯได้จัดเตรียมวงเงินกู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่สามารถเบิกถอนได้ประมาณ 8,300 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเพียงพอสำหรับการดำเนินงานภายใต้ความผันผวนของธุรกิจถึงไตรมาส 4 ปี 2565 ในการใช้ไปเพื่อการดำเนินงานบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าใช้จ่ายสำหรับลงทุนและดอกเบี้ยจ่าย (ไม่รวมดอกเบี้ยจ่ายตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่อง สัญญาเช่า) รวมสุทธิเดือนละประมาณ 370-380 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจอาหารยังคงสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน รวมถึงเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดในมือเพียงพอในการดำเนินงานและการลงทุน
#3243


เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชิคาโก สหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี(12ส.ค.) รายงานพบเคสผู้ติดเชื้อ 203 รายเกี่ยวข้องกับเทศกาลดนตรีประจำปี "ลอลลาพาลูซา" แต่ระบุไม่เกินความคาดหมาย และยังไม่พบความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรพยาบาลหรือเสียชีวิต

"ไม่มีอะไรที่เกินความคาดหมาย" แพทย์หญิงแอลลิสัน อาร์วาดี คณะกรรมการกรมสุขภาพชิคาโกกล่าวระหว่างแถลงข่าว "ไม่มีสัญญาณว่ามันเป็นกิจกรรมซูเปอร์สเปรดเดอร์" เธอระบุ "แต่ชัดเจนว่าด้วยที่มีประชาชนหลายแสนคนเข้าร่วมลอลลาพาลูซา เราจึงคาดหมายว่าคงมีเคสติดเชื้อโควิด-19 อยู่บ้าง"

เทศกาลดนตรีประจำปี 4 วัน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อราวๆ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ดึงดูดผู้คนราวๆ 385,000 คนมายังสวนสาธารณะริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง กระตุ้นให้ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ตั้งคำถามว่าทำไมถึงจัดกิจกรรมในช่วงเวลาเกิดโรคระบาดใหญ่เช่นนี้ ทั้งที่ปีที่แล้วได้ยกเลิกไปสืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ภาพวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นฝูงชนอัดแน่นตามเวทีคอนเสิร์ตและระบบคนขนส่งสาธารณะ ระหว่างนั้นพบเห็นผูุ้คนสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 แค่ประปราย

อย่างไรก็ตามลอรี ไลท์ฟูต นายกเทศมนตรีและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ปกป้องการตัดสินใจอนุญาตให้จัดกิจกรรม ระบุว่ามีการบังคับใช้กฎระเบียบด้านความปลอดภัยต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงผู้เข้าร่วมต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนหรือมรผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ และทางเจ้าหน้าที่เผยว่ามีราวๆ 90% ที่ฉีดวัคซีนแล้ว



อาร์วาดี ระบุว่าในบรรดาเคสผู้ติดเชื้อนั้น มีทั้งบุคคลที่มีผลตรวจเป็นบวกหลังหรือระหว่างร่วมเทศกาลลอลลาพาลูซา ซึ่งอาจสรุปได้ว่าหลายคนที่เดินทางมาร่วมเทศกาลดนตรีติดเชื้อตั้งแต่ก่อนมาถึง

เธอบอกว่าทางเมืองยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนเคสต่างๆ แต่คาดหมายว่ามันคงไม่ส่งผลกระทบสำคัญๆใดๆต่ออัตราการติดเชื้อโควิด-19

ในบรรดาผู้มีที่ผลตรวจเชื้อเป็นบวกนั้น เจ้าหน้าที่เมืองระบุว่ามี 138 คน มาจากเมืองอื่นๆในรัฐอิลลินอยส์ 58 คนเป็นพลเมืองของเมืองชิคาโก และ 7 คนมาจากรัฐอื่น ทั้งนี้เกือบ 80% ที่มีผลตรวจเป็นบวกมีอายุต่ำกว่า 30 ปี และราว 62% เป็นคนผิวขาว

(ที่มา:เอพี)
#3244


"กรุงเทพธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ปกาสิต วัฒนา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบรนเนอร์จี้ จำกัด บริษัทที่ขับเคลื่อนด้วย "กลุ่มคนรุ่นใหม่" ที่เข้าใจและก้าวไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกเน้นคิด และดีไซน์ดิจิทัลโซลูชั่น เป็นบริษัทในเครือ เบญจจินดา โฮลดิ้ง

เบรนเนอร์จี้ (Brainergy) เป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วย "กลุ่มคนรุ่นใหม่" ที่เข้าใจและก้าวไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกเน้นคิด และดีไซน์ดิจิทัลโซลูชั่น ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจตั้งแต่ขนาดใหญ่จนถึงเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ เป็นบริษัทในเครือของบิ๊กคอร์ปชั้นนำของไทย ที่มีผลงานและชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์ในแวดวงธุรกิจมาอย่างยาวนานอย่าง "กลุ่มบริษัทเบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด" 

นั่นทำให้ เบรนเนอร์จี้ มีโอกาสทำงานกับกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีความเข้าใจภาพรวมของธุรกิจ และสามารถตอบโจทย์ได้หลายประเภทและหลายขนาดองค์กร เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เกิดการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

 โดยเฉพาะห้วงวิกฤติและความท้าทายใหม่ ที่ธุรกิจต้อง "รอด" และมีหนทางเดินไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน การทรานส์ฟอร์มไปสู่สิ่งที่ดีกว่า มีนวัตกรรมเป็นหัวใจหลักจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด "ดิจิทัล โซลูชั่น" เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะกรุยทางให้ทุกธุรกิจมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ 

"กรุงเทพธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ปกาสิต วัฒนา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบรนเนอร์จี้ จำกัด หัวเรือใหญ่คนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่พร้อมดัน 3 ดิจิทัลโซลูชั่นหลัก SmartTAX  SmartFLOW และ SmartSIGN ช่วยทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัลในชั่วข้ามคืน พร้อมเป้ารายได้ 100 ล้านบาท ท่ามกลางวิกฤติรอบด้าน

ปลุกดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม-วางเป้า100ล.

"ดิจิทัล โซลูชั่น ของเบรนเนอร์จี้ ถูกพัฒนาขึ้นด้วยความมุ่งหวังให้ช่วยแก้ไข Pain Point ที่หลายองค์กรพบเจอให้หมดไป ไม่ว่าเป็นเรื่องการจัดการเอกสารที่มีความวุ่นวาย การทำข้อมูลภาษีที่มีความยุ่งยาก การลดขั้นตอนการทำงานที่มีความซ้ำซ้อน หรือ การลดสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้การดำเนินการต่างๆ ในองค์กรเกิดความล่าช้า"

ปกาสิต บอกว่า เบรนเนอร์จี้ เน้นมาตรฐานการให้บริการที่ตอบโจทย์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบองค์กรขนาดใหญ่ นำองค์ความรู้ที่แตกต่างแต่ละสายธุรกิจ และความต้องการพื้นฐานที่เหมือนกันทุกธุรกิจมาประยุกต์ใช้เข้าด้วยกัน เพื่อลดจุดด้อยและเสริมจุดแข็งพัฒนาเป็นโซลูชั่น 

ขณะที่ ห้วงเวลาที่ทุกองค์กรเผชิญวิกฤติ เขายอมรับว่า เครือเบญจจินดาเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติที่ทุกคนเจอ ซึ่งทุกองค์กรล้วนได้รับผลกระทบมากน้อยที่ต่างกันไป  

"สำหรับเบรนเนอร์จี้ ผ่านเหตุการณ์มาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ เราต้องเรียนรู้ และสร้างโปรดักส์ ปีนี้เป้าหมายเราหวังไปแตะ 100 ล้าน แต่วันนี้จุดที่เรายืนอยู่ ยังเจอความท้าทาย ลูกค้าชะลอโปรเจคออกไป แต่ยังโชคดีที่มีลูกค้าหลายรายมากกว่า 10 โปรเจค ยังมองว่าการเกิดโควิดเป็นตัวกระตุ้นให้เขาต้องรีบทรานส์ฟอร์ม"



ปกาสิต ขยายความว่า เป้า 100 ล้านบาท หลักๆ มาจากกลุ่มลูกค้าเก่าที่เคย on board ไว้แล้ว และยังทำต่อในส่วนของเฟสถัดไป ซึ่งเบรนเนอร์จี้ พยายามสนับสนุนลูกค้าในทุกส่วนท่ามกลางวิกฤติ ให้ลูกค้าสามารถใช้งานดิจิทัลโซลูชั่นตอบโจทย์การทำงานในยุคนี้ได้จริง 

"ยอมรับว่าวันนี้กลุ่มลูกค้า มีทั้งต้องหยุดการทรานส์ฟอร์มเอาไว้ก่อน เพราะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยเหตุผลวิกฤติ ต้องหยุดหรือปิดหน้าร้าน ธุรกิจดำเนินต่อไม่ได้ ขณะที่อีกกลุ่มที่เป็นกลุ่มพวกซัพพลาย กลุ่มนี้เป็นกลุ่มต้องการนำดิจิทัลโซลูชั่นเข้าไปใช้ และมองหาว่าอะไรที่ทำแล้วทำให้เขา Quick win ได้" 

ชู 3 ดิจิทัลโซลูชั่นบุกองค์กรทุกระดับ 

ปกาสิต มองว่า ทั้ง 3 ดิจิทัลโซลูชั่นหลัก ที่เป็นจะเป็นเรือธงของเบรนเนอร์จี้นับจากนี้ จะตอบโจทย์การทำงานในองค์กรต่างๆ ยุคนี้ได้ดี และช่วยลดต้นทุน ไม่ว่าจะเป็น โซลูชั่น SmartTAX ระบบจัดทำและนำส่งข้อมูลภาษีอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานที่กรมสรรพากรกำหนด SmartFLOW ระบบการจัดการและขออนุมัติเอกสารออนไลน์ และ SmartSIGN ระบบลงลายมือชื่อดิจิทัล ซึ่งทั้ง 3 โซลูชั่นยังเป็นไปตามกฏหมายด้านธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด 

"กลุ่มลูกค้าหลักของเรา มีทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม รีเทล ประกันภัย ธนาคาร พลังงาน และเร็วๆ นี้จะเข้าไปมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ซึ่งเรามองว่า เขามีศักยภาพในแง่ของการพัฒนาโปรดักส์ แต่จะดีมากหากมีระบบหลังบ้านที่ดี ธุรกิจจะเดินไปเร็วขึ้นตรงนี้เป็นโรดแมพของเรา"

มอง"คลาวด์"โตสะพัด3หมื่นล. 

ปกาสิต ยังมองเทรนด์ของการใช้คลาวด์ในยุคนี้ด้วยว่า ถือเป็นอินฟราฯ สำคัญของดิจิทัลโซลูชั่นต่างๆ ว่ายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไทยน่าจะมีเม็ดเงินมากกว่า 30,000 ล้านบาท และมองว่าวิกฤติจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการใช้คลาวด์เพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาลในภาคธุรกิจ 

"เราจะพบว่าการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยทำงานในองค์กร ทั้งรวดเร็ว สะดวก ปลอดภัย รวมถึงการ save cost และช่วยตอบโจทย์ pain point ทั้งในเรื่อง Process การทำงานรูปแบบเดิมและการทำงานในสถานการณ์โควิดแล้ว ในอนาคต หลังจากนี้ หากมีการเร่งให้เกิดดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ได้ทุกภาคส่วน ก็น่าจะเกิด การทำงานที่คล่องตัวและฉับไว้ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน-รัฐ เอกชน-เอกชน หรือรัฐ-รัฐ เพราะข้อมูลทุกอย่างจะถูกคุยกันบนแพลตฟอร์มดิจิทัล"

ขณะเดียวกัน เขาย้ำว่า สิ่งหนึ่งที่เบรนเนอร์จี้พยายามทำ คือ การดีไซน์โซลูชั่นที่จะเน้นการดีไซน์บายลอว์ ไม่ได้เน้นดีไซน์บายแพชชั่น ซึ่งอาจต่างจากสตาร์ทอัพ หรือบริษัทรายอื่น คือ มีแพชชั่นมาแล้วคิดว่าอยากจะทำ 

"เรามองว่าถ้าเราจะเสิร์ฟ และโฟกัสในส่วนของ document management ต่างๆ มันต้องปฏิบัติตามกฏหมาย ซึ่งไม่ใช่แต่กฏหมายในไทยแต่ต้องมองไปถึงกฏหมายในต่างประเทศด้วย" 
#3245


ต้องการผลักดัน "พืชสมุนไพร" ของไทยเป็นอุตสาหกรรมระดับโลก ! "จุลภาส (ทอม) เครือโสภณ" ผู้ก่อตั้งบริษัท (Founder) บริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิลเฮลท์ จำกัดหรือ GTH  กับโอกาสธุรกิจกำลังเข้ามาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 

ส่งผลให้พืชสมุนไพร่ไทยเริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในตลาดโลก...

ประกอบกับเมืองไทยกระทรวงสาธารณสุขประกาศ "ปลดล็อก"ให้ใช้ประโยชน์บางส่วนของพืชเศรษฐกิจ "กัญชง" ในเชิงการค้า

สอดรับแผนการให้ บริษัท เอ็นอาร์อินสแตนท์โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRFผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส อาหารสำเร็จรูป รวมทั้งธุรกิจอาหารโปรตีนจากพืช หรือ Plant-Based Food ของ "แดน ปฐมวาณิชย์" เข้ามาถือหุ้นสัดส่วน 49%และมีโอกาสซื้อหุ้นเพิ่มได้ถึง 51% แต่ยังไม่ใช่ระยะใกล้นี้ เพื่อร่วมกันขยายตลาดผลิตภัณฑ์จากพืชเศรษฐกิจไทยสู่ตลาดโลก หลัง NRF เข้ามาถือหุ้นทีมผู้บริหารเดิมของ GTH ยังทำงานต่อไปตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ด้วยการลงทุนในธุรกิจกัญชง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และธุรกิจแฟรนไชส์Hemp House

โดย GTH ทำธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยการนำเข้าเมล็ดกัญชงสายพันธ์ที่มีคุณภาพ พัฒนาการปลูกและสกัดกัญชง ตลอดจนการพัฒนาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ผสมรสชาติกัญชงภายใต้แบรนด์ของ GTH เช่น Kinchakan, TOM, และช่อผกา

อีกทั้งบริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ กับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ อาทิ Dentiste Smooth E , เซียงเพียวอิ๊ว เพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจกัญชงในประเทศไทย

ดังนั้น เป้าหมายในปี 2564 จึงต้องการขยายธุรกิจสู่ตลาด "ต่างประเทศ"โดยคาดว่าปลายปีนี้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 60% จาก 30% หรือเพิ่มขึ้น "เท่าตัว"โดยปี 2563 สัดส่วนรายได้ในประเทศ 70% ต่างประเทศ 30%และเป้าหมายรายได้ปีนี้อยู่ที่ 100 ล้านบาท !!

"ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเรากำลังเน้นตลาดขยายต่างประเทศ ตั้งเป้าปลายปีสัดส่วนรายได้จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากปีก่อนที่สัดส่วนรายได้อยู่ในประเทศเป็นหลักเนื่องจากตลาดต่างประเทศเวลาส่งออกที่จะเป็นวอลุ่มที่ใหญ่มากโดยวอลุ่มที่ใหญ่จะเป็นสารสกัดจากกัญชง สารสกัดใบกระท่อม"

นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดตัว"ธุรกิจแฟรนไชส์"ร้านจำหน่ายสินค้าส่วนผสมกัญชง ภายใต้แบรนด์"Hemp House"ภายหลังจากที่ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศให้นำกัญชงใช้ในเชิงพาณิชย์ได้และ และองค์การอาหารและยา (อย.) ยังเปิดให้เอกชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตปลูกกัญชงในพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อธุรกิจได้ รวมถึงใช้กัญชงในส่วนผสมของเครื่องดื่ม,อาหาร, อาหารเสริม และเครื่องสำอาง

ล่าสุดเมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา NRF และ GTH ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นปลูกกัญชงกว่า 400 ไร่ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อผลิตกัญชงสายพันธุ์ไทยให้มีคุณภาพสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ

โดยสกัดกัญชงเป็นแคนนาบิไดออล (cannabidiol) หรือ CBD เทอร์พีน (Terpenes) และน้ำมันกัญชง (Hemp Oil) ซึ่งเป็นสารไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท สามารถใช้รักษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้ โดยหลังจากสกัดกัญชงแล้วบริษัทตั้งเป้านำมาผลิตเป็น ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศมากกว่า 36 ประเทศทั่วโลก ทั้งโซนยุโรป สหรัฐฯ ภายในเดือนธ.ค.2564

สำหรับ "จุดเด่น"ที่ทำให้ NRF และ GTH แตกต่างจากคู่แข่งทางธุรกิจรายอื่นคือ บริษัทมีพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีที่มีโรงสกัดขนาดใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งในวงการด้านการปลูกและสกัดกัญชง หรือ สาร CBD และ Terpenesได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมผลักดันกัญชงและผลิตภัณฑ์จากกัญชงให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในเร็วๆ นี้ บริษัทยังได้วางแผนนำสมุนไพรไทยชนิดอื่นๆ เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชายขาว และกระท่อม มาให้เกษตรกรปลูกเพิ่มเติมโดยช่วยควบคุมคุณภาพของการปลูกกัญชงและการทำเกษตรพันธสัญญา และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมจัดจำหน่ายไปทั่วโลก

สอดคล้องกับประกาศแล้ว พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ปลดพืชกระท่อมจากยาเสพติดให้โทษส่งผลให้บริษัทศึกษาส่งออกผลิตภัณฑ์สารสกัดจากใบกระท่อมไปในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ มูลค่าราว 60,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากใบกระท่อมวางจำหน่ายในเดือนธ.ค.นี้ เบื้องต้นจะเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลัง
#3246


เมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 ติดตามความคืบหน้า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประกาศผ่าน เฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แจ้งว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2564

ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนซิโนฟาร์ม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 12-16 สิงหาคม 2564 ผ่านทาง LINE Official รพ.จุฬาภรณ์ >> https://bit.ly/MomForm

ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะส่งข้อความ SMS ถึงคุณแม่ที่ลงทะเบียนเข้ามาทุกท่านให้เข้ามาดำเนินการทำแบบคัดกรองและใบยินยอม และนัดหมายการเข้ารับวัคซีนต่อไป

คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องมีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป
เข้ารับบริการที่ศูนย์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) อาคาร 9 (ทีโอทีเดิม) ถนนแจ้งวัฒนะ เท่านั้น
ในวันฉีดวัคซีนกรุณานำเอกสารการฝากครรภ์ และบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อแสดงเป็นหลักฐานในการเข้ารับบริการฉีดวัคซีน
#3247


นายสุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลผลิตไข่ไก่ที่มีอยู่ในระบบยังมีปริมาณตามปกติ ที่  41-42 ล้านฟองต่อวัน และจากมาตรการรัฐที่ให้ยืดอายุแม่ไก่ยืนกรง จะทำให้ปริมาณไข่ไก่เพิ่มอีก 3 ล้านฟองต่อวัน รวมเป็น 44-45 ล้านฟองต่อวันในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ เป็นปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการบริโภคในประเทศอย่างแน่นอน  ที่สำคัญคือราคาขายหน้าฟาร์มเกษตรกรยังอยู่ในระดับเดิมตามที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือไว้ จึงแปลกใจว่าทำไมราคาไข่ไก่ในหลายพื้นที่มีการปรับสูงขึ้น

 

"ต้องยอมรับว่าในสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีหลายจังหวัดในพื้นที่สีแดงเข้มถูกล็อกดาวน์ การขนส่งผลผลิตไข่ไก่ให้กับห้างต่างๆ  จึงทำได้ไม่สะดวกนัก  ส่งได้เพียงวันละหนึ่งเที่ยว  หากว่ามีคนซื้อมากกว่าปกติ ก็จะทำให้เติมไม่ทัน  ยืนยันว่าผลผลิตไข่ไก่ที่มีอยู่ขณะนี้เพียงพอกับความต้องการบริโภคในประเทศอย่างแน่นอน  ความต้องการที่ดูเหมือนว่ามีเพิ่มขึ้นช่วงนี้น่าจะเป็นเพราะผู้บริโภคซื้อตุนไว้ เพื่อลดความถี่ในการออกนอกบ้าน จากปกติซื้อที่ 10 ฟอง ก็เพิ่มเป็น 90-120 ฟอง   เราเองก็เห็นใจผู้บริโภค ก็ต้องประคับประคองกันไป เพื่อก้าวผ่านโควิด-19 ไปด้วยกัน" นายสุเทพ กล่าว

 

นายสุเทพ กล่าวว่า ปัญหาราคาไข่ที่สูงขึ้นช่วงนี้ อยู่ที่พ่อค้าคนกลางเป็นสำคัญ  ซึ่งทางสมาคมฯได้ย้ำให้เกษตรกรระมัดระวังไม่ขายผลผลิตไข่ให้คนแปลกหน้า แต่จะขายให้เฉพาะลูกค้าประจำ สำหรับต้นทุนการเลี้ยง  ขณะนี้มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยพุ่งขึ้นมาใกล้เคียงเกือบเท่าราคาที่ขายหน้าฟาร์มแล้ว จากช่วงไตรมาสที่สองต้นทุนอยู่ที่ฟองละ 2.76 บาท และมีแนวโน้มต้นทุนสูงขึ้นอีกจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกากถั่วเหลือง ทำให้ตอนนี้ผู้เลี้ยงแทบไม่มีกำไรเลย


ทางด้านนายสุวัฒน์ แพร่งสุวรรณ์ ประธานชมรมไข่ไก่ภาคอีสาน เปิดเผยว่า การที่ราคาไข่ในขณะนี้ดีดตัวขึ้น มาจากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผลผลิตส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้สำหรับผู้กักตัวที่โรงพยาบาลสนามต่างๆ ซึ่งเป็นผู้ป่วยจากกทม.ที่กลับมารักษาตัวที่ภูมิลำเนาของตนเองมากขึ้น   เพราะไข่ไก่เป็นสินค้าที่นำมาประกอบอาหารได้ง่าย และเก็บรักษาไม่ยาก   ขณะที่ราคาขายหน้าฟาร์มอยู่ในระดับที่กรมการค้าภายในขอความร่วมมือ  โดยปกติไข่ไก่ในภาคอีสาน ส่วนใหญ่จะเป็นผลผลิตส่วนเกินของภาคอื่น ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณที่ลดลงบ้างจากช่วงปกติ จากที่ภาคอื่นๆมีความต้องการเพิ่มขึ้นดังกล่าว

 

ส่วนนายอุ่นเรือน ต้นสัก ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด กล่าวว่า ปริมาณไข่ไก่ในพื้นที่ทางภาคเหนือมีเพียงพอกับความต้องการบริโภค ไม่มีปัญหาขาดแคลน และจำหน่ายตามราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด พร้อมขอให้ภาครัฐช่วยดูแลให้ราคาไข่ไก่มีเสถียรภาพ รวมทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลืองให้อยู่ในระดับที่เกษตรกรผู้เลี้ยงพอจะสามารถลืมตาอ้าปากได้
#3248



ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 220.30 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 35,484.97 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 10.95 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 4,447.70 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 22.95 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 14,765.14 จุด


ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ส่งสัญญาณชะลอตัวในวันนี้ ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ หลังสหรัฐเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อสกัดราคาที่กำลังพุ่งขึ้น ก็ช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐ

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยระบุว่า ดัชนีซีพีไอ ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.ค. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3% หลังจากทะยานขึ้น 5.4% เช่นกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551

'12 สิงหาคม' เฉลิมพระเกียรติพระอัจฉริยภาพ 'สมเด็จพระพันปีหลวง' ทรงเป็นผู้นำการแต่งกายด้วยผ้าไทย
ไอเดีย'ของขวัญวันแม่'ในยุคโควิด-19 ระบุ 'นมแม่' วัคซีนที่ดีที่สุด
'ลุมพินีวิสดอม'ลุ้นรัฐคุมโควิดปลุกเศรษฐกิจ-ธุรกิจฟื้นปีหน้า
นอกจากนี้ หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนีซีพีไอพื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนมิ.ย.

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 220.30 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 35,484.97 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 10.95 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 4,447.70 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 22.95 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 14,765.14 จุด


ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ส่งสัญญาณชะลอตัวในวันนี้ ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ หลังสหรัฐเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อสกัดราคาที่กำลังพุ่งขึ้น ก็ช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐ

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยระบุว่า ดัชนีซีพีไอ ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.ค. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3% หลังจากทะยานขึ้น 5.4% เช่นกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551

นอกจากนี้ หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนีซีพีไอพื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนมิ.ย.

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว
#3249


นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กล่าวว่า วันนี้ ตน และ ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไทยโซล่าร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) พร้อมกลุ่มเพื่อนธนกร จัดซื้ออาหารกล่องเพื่อแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ ผ่านโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยมี นพ.เพชร อลิสานันท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฯ ด้านสนับสนุนบริการ โรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นผู้รับมอบ ทั้งนี้ ตนได้จัดซื้อจากผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตนและเพื่อนๆ จะทยอยจัดซื้อข้าวกล่องไปแจกให้กับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และพี่น้องประชาชนทั่วประเทศด้วย



นายธนกร กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และ ม.40 นั้น ขณะนี้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้โอนเงินเยียวยาลูกจ้าง ม.33 ในพื้นที่ 13 จังหวัดแล้ว ยอดการโอนอยู่ที่ 2.4 ล้านราย เป็นเงินเกือบ 6,000 ล้านบาท ส่วนนายจ้าง ม.33 ที่จะได้รับเงินเยียวยา 3,000 บาทต่อจำนวนลูกจ้างหนึ่งคน แต่ไม่เกิน 200 คนตามเงื่อนไขที่ระบุไว้นั้น สำนักงานประกันสังคมได้เริ่มโอนให้กับนายจ้าง ในพื้นที่ 13 จังหวัดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2564 โดยยอดการโอนให้นายจ้างวันแรกจำนวน 1,861 กิจการ เป็นเงิน 94.7 ล้านบาท และจะดำเนินการทยอยโอนให้ลูกจ้างและนายจ้าง ม. 33 พื้นที่ 16 จังหวัดที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ต่อไป

โฆษก ศบศ. กล่าวอีกว่า ครม. ยังมีมติอนุมัติเงินช่วยเหลือผู้ประกันตน ม.39-ม.40 ในพื้นที่ 29 จังหวัด คนละ 5,000 บาท ใน 29 จังหวัดล็อกดาวน์ กรอบวงเงิน 33,471 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกันตน ม.39 ที่อยู่ในระบบ 29 จังหวัด จำนวน 1.4 ล้านคน และผู้ประกันตน ม. 40 อยู่ในระบบ 29 จังหวัด จำนวน 5.2 ล้านคน โดยขยายเวลาให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่สีแดง 13 จังหวัด ที่ลงทะเบียนภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 สามารถจ่ายเงินสมทบภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ส่วนกรณีที่อยู่ในพื้นที่ 16 จังหวัด ต้องจ่ายเงินสมทบภายในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ จึงถือว่าเป็นผู้ประกันตน ม.40 ที่ได้รับเงินเยียวยาตามโครงการฯ ซึ่งกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม คาดว่า จะสามารถเริ่มโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนได้ในวันที่ 24 สิงหาคมเป็นวันแรก โดยผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบสิทธิได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th/eform_news/
#3250


คลำหาทางออกไม่เจอ "ลูกบ้านแอชตันอโศกที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลปกครองกลาง" ไลฟ์เฟซบุ๊ก ร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ หวั่นโดนลอยแพ ความมั่นคงที่อยู่อาศัย รีไฟแนนซ์คอนโดไม่ได้ ต่างชาติฝันสลาย เบรกซื้อโปรเจคอื่น กระเทือนเชื่อมั่นอสังหาฯ

"โครงการแอชตัน อโศก" ของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ยังคงเดินหน้าหา "ทางออก" ให้กับผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง หลังศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดําที่ ส. 53/2559 คดีหมายเลขแดงที่ ส. 19/2564 ให้เพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้าย อาคาร หรือเปลี่ยนการใช้อาคารโดยไม่ยื่นคําขอรับใบอนุญาต ตามมาตรา 39 ทวิ และมาตรา 39 ตรี แห่ง พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่ออกให้แก่บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของอนันดาฯ โดยให้มีผลย้อนหลัง


ทั้งนี้ ผู้ได้รับผลกระทบเริ่มจาก อนันดาฯ ที่ร้อนถึงผู้บริหาร "ชานนท์  เรืองกฤตยา" ซีอีโอพร้อมทีมฝ่ายกฎหมายต้องแจงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพื่อให้สื่อรับทราบ พร้อมให้ความเชื่อมั่นแก่ลูกบ้านว่าจะไม่ทิ้งใครไม่ไว้ข้างหลัง ยืนยันเคียงข้างทุกคนก้าวข้ามวิกฤติใหญ่ไปให้ได้ จะไม่มีการ "หนี" อย่างแน่นอน 

ล่าสุด เป็นคิวของ "ตัวแทนลูกบ้าน" โครงการแอชตัน อโศกที่มีกว่า 1,000 ชีวิต จากกว่า 600 ครอบครัว ออกมาตั้งคำถามถึงมาตรการ "เยียวยา" รวมถึงวอนทุกภาคส่วนให้ช่วยเหลือจากกรณีที่เกิดขึ้นด้วย 

วันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ตัวแทนลูกบ้านโครงการแอชตัน อโศก 2 ราย ได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก "ลูกบ้านแอชตันอโศกที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลปกครองกลาง" เผยผลกระทบเกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าวมีหลายด้าน ได้แก่ การทำธุรกรรมทางการเงิน ที่ลูกบ้านกำลังยื่นขอ "รีไฟแนนซ์" กับธนาคาร ได้รับการ "ปฏิเสธ" ทันที เนื่องจากคอนโดถูกเพิกถอนใบอนุญาตย้อนหลัง  


ด้านความมั่นคง เนื่องจากโครงการแอชตัน อโศกได้ถูกแช่แข็งหรือฟรีซไว้ ทำให้ไม่มีผู้ใดต้องการทำนิติกรรมด้วย เพราะมองเป็น "คอนโดมิเนียมเถื่อน" จะโอนให้ลูกหลานต่อยังไม่ได้ ขณะเดียวกันเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ต้องการจะขายห้องชุดเพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องให้กับตัวเอง ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากทำนิติกรรมต่างๆได้ยาก 

นอกจากนี้ โครงการแอชตัน อโศก ยังมีลูกบ้านเป็นชาวต่างชาติ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นลูกบ้าน นักลงทุนต่างชาติต่อภาพลักษณ์อสังหาริมทรัพย์ของไทยโดยรวมด้วย  



จากปัญหาดังกล่าว ลูกบ้านโครงการแอชตัน อโศกค่อนข้าง "มืดแปดด้าน" ในการหาทางออก จึงหาที่ปรึกษาทางกฏหมายมาช่วยเหลือ ขณะเดียวกันเรียกร้องให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางช่วยเหลือและหามาตรการ "เยียวยา" ผู้ที่ได้รับผลกระทบ

"ความกังวลตอนนี้คือลูกบ้านต้องผ่อนแบงก์ไปประมาณ 30 ปี ค่าส่วนกลางจะเพียงพอต่อการดำเนินการทางกฏหมายหรือไม่  เงินที่จ่ายจะสูญเปล่าไหม หากโครงการถูกทุบทิ้งจะทำอย่างร เราทำงานหนักเก็บเงินซื้อห้องชุดเพื่อเจอแบบนี้เหรอ นี่คือคำถามที่ไม่มีคำตอบ"   

อย่างไรก็ตาม ลูกบ้านแอชตัน อโศก ได้วิงวอนสื่อ สังคม รัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1.อยากสอบถามว่าใครจะเป็นเยียวยายื่นมือช่วยลูกบ้านแอชตัน อโศกกว่า 1,000 ชีวิต ทั้งเรื่องที่พักอาศัย การรีไฟแนนซ์ และการต่อสู้คดีความในระยะยาว 3-5 ปี  

2.หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนใบอนุญาต ทุบทิ้งโครงการแอชตัน อโศก ใครจะรับผิดชอบ หน่วยงานรัฐที่ออกใบอนุญาตหรืออนันดาฯ 


ต่างชาติ 1 ในลูกบ้านโครงการแอชตัน อโศก

"จนถึงวันนั้น จะมีใครเยียวยาเราไหม บริษัทย่อยคืออนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จะปันผล ปิดบริษัทหนีไปแล้วหรือยัง จะมีการตั้งสำรองหนี้เผื่อพวกเราไหม เพราะที่ผ่านมบริษัทไม่มีการตั้งสำรองหนี้ไว้ หรือรัฐจะมาเยียวยา"

ด้าน อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย ได้ทำหนังสือถึง "นายผยง ศรีวณิช" ประธานสมาคมธนาคารไทย เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ปัญหาอันเนื่้องมาจากผลกระทบคำตัดสินของศาลปกครอง ซึ่งมีผลกระทบในวงกว้างต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภาคประชาชนและความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ สมาคมฯ ได้ติดตามเหตการ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และพบว่าการเพิกถอนใบอนุญาต โดยมีผลย้อนหลัง แม้โครงการจะผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจทุกภาคส่วนตามขั้นตอนแล้ว ทั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) สำนักงานเขตวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักงานโยธา และกรุงเทพมหานคร จึงทำให้ได้รับใบอนุญาตครบถ้วนถูกต้อง แต่เมื่อเกิดดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดข้อห่วงกังวลผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย โดยมีโครงการมีลักษณะการใช้ที่ดินของหน่วยงานของรัฐเป็นทางเข้าออกนับ "ร้อยโครงการ"

"เหตุการณ์ข้างต้นอาจกระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวม โดยเฉพาะภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจธนาคารสินเชื่อลูกค้ารรายย่อยยหรือหลักประกันการชำระหนี้ต่างๆ ทุกฝ่ายขาดความเชื่อถือต่อระบบการขออนุญาตจากทางราชการ และมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศและส่งผลกระทบต่อการลงทุน การจ้างงาน และเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างมาก"
#3251


อาร์เดิร์น ได้รับการชื่นชมจากประชาคมโลกในฐานะที่ประสบความสำเร็จในการใช้กลยุทธต่างๆควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศอย่างได้ผล ซึ่งรวมถึงการการล็อกดาวน์และปิดพรมแดนระหว่างประเทศตั้งแต่เดือนมี.ค.ปี 2563 แต่กลยุทธดังกล่าวเริ่มมีปัญหาเพราะเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ต้องพึ่งพาแรงงานอพยพอย่างมาก เมื่อไม่มีแรงงานต่างชาติ ทำให้ต้นทุนในการผลิตในภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้นและผลผลิตทางด้านอุตสาหกรรมตกต่ำลง

ปัญหาขาดแคลนแรงงานในนิวซีแลนด์เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมทั้ง อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นม พืชสวน ที่อยู่อาศัย การบริการ สุขภาพ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกัับสาธารณ ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากผู้ประกอบการในทุกภาคอุตสาหกรรมขอให้รัฐบาลเปิดพรมแดนระหว่างประเทศอีกครั้ง

แรงกดดันเกี่ยวกับเรื่องนี้รุนแรงขึ้นเมื่อวันจันทร์(9ส.ค.)เมื่อพยาบาลผดุงครรภ์ประมาณ 1,500 คนผละงานประท้วงโดยให้เหตุผลว่าทำงานหนักเกินไปเพราะปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ ขณะที่พยาบาลจำนวนกว่า 30,000 คนชุมนุมประท้วงเป็นครั้งที่2ในเดือนนี้นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นมา เพื่อเรียกร้องให้ทางการปรับขึ้นเงินเดือนและปรับปรุงสวัสดิการให้ดีขึ้น

"เราพึ่งพาพยาบาลที่มีคุณสมบัติจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาช่วยเติมเต็มปัญหาขาดแคลนพยาบาลแต่ถ้าพรมแดนประเทศของเรายังคงปิดอยู่ เราก็ไม่สามารถรับสมัครพยาบาลจากต่างประเทศได้ เกลนดา อเล็กแซนเดอร์ ผู้จัดการแผนกการบริการด้านอุตสาหกรรมขององค์การพยาบาลแห่งนิวซีแลนด์ กล่าว

อเล็กแซนเดอร์ กล่าวเสริมว่า ชาวนิวซีแลนด์ไม่นิยมมาเป็นพยาบาลเพราะเห็นว่าเป็นงานหนักและได้ค่าเหนื่อยน้อย ประกอบกับวิตกกังวลว่าจะทำงานได้ไม่ดีหรือผิดพลาดจนส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย


เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลนิวซีแลนด์ยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ เกือบทั้งหมดที่เคยประกาศใช้เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ ส่งผลให้ชาวนิวซีแลนด์ไม่ต้องทำตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และสามารถออกไปรวมตัวกันในที่สาธารณะได้โดยไม่มีข้อจำกัด แต่นิวซีแลนด์ก็ยังไม่เปิดด่านพรมแดนสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

นิวซีแลนด์กำหนดให้ชาวนิวซีแลนด์ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศต้องกักตัวหรือเข้ารับการควบคุมโรคเป็นเวลา 14 วัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาร์เดิร์น เปิดรับแรงงานตามฤดูกาลจากซามัว ทองกา และวานูอาตู ซึ่งประเทศเหล่านี้ไม่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมด้านการเกษตร

ขณะที่ทางการนิว ซีแลนด์ระบุว่ามีผู้ป่วยโรคโควิด-19สะสมประมาณ 2,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้จำนวน 26 ราย ถือเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในโลก

ปัญหาขาดแคลนแรงงานในนิวซีแลนด์กำลังเพิ่มต้นทุนทางธุรกิจแก่บรรดาผู้ประกอบการ เพราะต้องจ่ายค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานทำงานกับบริษัทต่อไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อรายปีของประเทศเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสสอง อยู่ที่ 3.3% สูงกว่าที่ธนาคารกลางของนิวซีแลนด์คาดการณ์ไว้

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่าแรงกดดันจากปัญหาขาดแคลนแรงงานจะบังคับให้ธนาคารกลางแห่งนิวซีแลนด์(อาร์บีเอ็นซี)ดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดในสัปดาห์หน้าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศร้อนแรงเกินไป

อย่างไรก็ตาม ข้อกังวลหลักของอาร์เดิร์นและบรรดาผู้กำหนดนโยบายคือการระบาดของโรคโควิด-19สายพันธุ์เดลตา ซึ่งขณะนี้กำลังสร้างปัญหาให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างออสเตรเลียและประเทศอื่นๆทั่วโลก

การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาทั่วออสเตรเลีย ทำให้เมื่อเดือนที่แล้ว อาร์เดิร์นตัดสินใจระงับโครงการ"ทราเวล บับเบิล"ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เดินทางไปมาระหว่างกันได้โดยไม่ต้องกักตัว

บรรดาผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในนิวซีแลนด์จะส่งผลให้มีการล็อกดาวน์ยาวนานขึ้น เพราะขณะนี้ประชาชนในนิวซีแลนด์ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเพียง 21% เท่านั้น

"สายพันธุ์เดลตามีอันตรายกว่าโควิด-19สายพันธุ์อื่นๆ และโควิด-19สายพันธุ์นี้จะเปลี่ยนแปลงการคำนวณหรือประเมินความเสี่ยงในชีวิตของประชาชนทุกคนอย่างสิ้นเชิง"อาร์เดิร์น กล่าว
#3252


ทาคุมิ มินามิโนะ กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่น โชว์ฟอร์มอย่างโดดเด่นกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล นัดอุ่นเครื่องเอาชนะ โอซาซูน่า 3-1

โดย มินามิโนะ ที่ถูกปล่อยให้ เซาแธมป์ตัน ยืมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มีส่วนกับทุกประตูที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ในนัดชนะ โอซาซูน่า

1-0 ทาคุมิ มินามิโนะ พา.เข้ากรอบเขตโทษก่อนซัดไปแฉลบ เฆซุส อเรโซ่ เข้าประตู
2-0 มินามิโนะ ทำชิ่งกับ คอสตาส ซิมิกาส ก่อนจะเปิดให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ทำประตู
3-0 มินามิโนะ ครอสจากฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษให้ ฟีร์มิโน่ ทำประตู

ทั้งนี้กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่น ดูเหมือนจะเป็นส่วนเกินของทีม "หงส์แดง" โดยมีรายงานว่ากำลังมีหลายสโมสรให้ความสนใจคว้าตัวดาวเตะรายนี้

สำหรับ ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดแรก บุกไปเยือน นอริช ซิตี้ วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม เวลา 23.30 น.
#3253
ยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรสกัด ยาแผนโบราณ/ยาสามัญประจำบ้าน
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย :
สารสกัดฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ไม่ต่ำกว่า 24 มก.
วิธีใช้ :
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร คำเตือน : อ่านฉลากก่อนใช้ยา การเก็บรักษา : เก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงความชื้นและแสงแดดเก็บให้พ้นมือเด็ก
รหัสสินค้า 48009
ปริมาณสุทธิ : 30.00 แคปซูล
น้ำหนักรวม : 40.90 กรัม
จำนวน : 1 กล่อง   

add line  https://line.me/ti/p/tSPtWbRL8c
ดูรายละเอียด https://bit.ly/3CvHCq2

#3254


นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) เตรียมจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 7 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2564 ถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.25204 บาท     โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 23 สิงหาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 7 กันยายน 2564

เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด จะส่งผลให้ SUPEREIF จ่ายเงินปันผล รวม 7 ครั้ง คิดเป็นเงิน 1.62044 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินคืนทุนไป 1 ครั้ง ในอัตรา 0.040 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 1.66044 บาทต่อหน่วย

สำหรับ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 ของกองทุน SUPEREIF มีรายได้รวม 222.5 ล้านบาท รายได้จากการลงทุนสุทธิ 177.0 ล้านบาท อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ เท่ากับ 79.6%  ส่วนผลการดำเนินงานรวมครึ่งปีแรกของปี 2564 มีรายได้รวม 460.1 ล้านบาท รายได้จากการลงทุนสุทธิ 370.1 ล้านบาท อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ เท่ากับ 80.4%

ทั้งนี้ กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์

ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584
#3255


เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 64 ที่สโมสรทหารราบที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา พล.ต.ไพวัลย์ จุ้ยเจริญ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 พร้อมด้วย นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ร่วมกันตรวจความพร้อมและเปิดสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง State Quarantine เพื่อใช้เป็นสถานที่กักตัวกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ที่รอผลการตรวจหาเชื้อวิด-19


พล.ต.ไพวัลย์ จุ้ยเจริญ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 กล่าวว่า ทางกองทัพภาคที่ 2 มีนโยบายสนับสนุนงานด้านสาธารณสุขในแต่ละจังหวัด ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งกองบัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งด้านแพทย์ พยาบาล และกำลังพล ที่จะช่วยเหลือประชาชน จึงได้ร่วมกับทางสาธารณสุขจังหวัด เทศบาลตำบลโพธิ์กลาง เปิดสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง State Quarantine ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์คัดกรอง ช่วยเหลือด้านสาธารณสุข แบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลัก ทั้งแพทย์ พยาบาล และระบบสาธารณสุข ซึ่งสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง แห่งนี้สามารถรองรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัว ได้จำนวน 50 เตียง

ด้าน นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 488 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต แยกเป็นติดเชื้อนอกจังหวัด 311 ราย ติดเชื้อในจังหวัด 177 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ พบในพื้นที่ อ.สูงเนิน 119 ราย อ.โนนไทย 52 ราย อ.ประทาย 49 ราย อ.สีคิ้ว 32 ราย อ.ครบุรี 30 ราย อ.เสิงสาง 26 ราย อ.เมือง 23 ราย อ.ห้วยแถลง 21 ราย อ.พิมาย 18 ราย อ.ขามสะแกแสง 16 ราย อ.โนนสูง 16 ราย อ.บัวใหญ่ 16 ราย อ.ด่านขุนทด 11 ราย อ.วังน้ำเขียว 11 ราย อ.ปักธงชัย 8 ราย อ.บ้านเหลื่อม 7 ราย อ.พระทองคำ 7 ราย อ.ชุมพวง 6 ราย อ.ลำทะเมนชัย 6 ราย อ.สีดา 5 ราย อ.จักราช 4 ราย อ.บัวลาย 3 ราย และ อ.ขามทะเลสอ 2 ราย
#3256
ข้าวเกษตรอินทรีย์  ข้าวออแกนิคส่งทั่วไทยคือ#ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวมะลินิลอินทรีย์กรมการข้าว คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิก คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิคเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก   ข้าวหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์   เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6bf1bev6bzbun6ssb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวหอมมะลิสุขภาพ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค
3.   ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4. ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ออร์แกนิค จ.สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์สุรินทร์7.  กลุ่มข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
#3257


"FWD ประกันชีวิต เป็นบริษัทประกันที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร โดยเลือกที่จะสื่อสารกับลูกค้าด้วยการสร้างพลังบวก สร้างความหวัง และสร้างความสุข ไม่ใช่ความกลัวหรือความเศร้า"

บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต บริษัทประกันชีวิตในไทยที่ก่อตั้งเข้าสู่ปีที่ 8 แต่มีมุมมองต่อธุรกิจประกันชีวิตที่ไม่ธรรมดา "เดวิด โครูนิช" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FWD ประกันชีวิต ให้สัมภาษณ์พิเศษกับหนังสือพิมพ์ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า FWD ประกันชีวิต มีวิสัยทัศน์ที่จะเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิต โดยสนับสนุนให้ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องห่วง เพราะ FWD ประกันชีวิต พร้อมที่จะสนับสนุนและดูแลให้ทุกคนได้ "Celebrate living" ในทุกมุมมอง ตามรูปแบบที่ทุกคนต้องการ ซึ่งเป็น brand promise หรือคำมั่นสัญญาของแบรนด์ที่ FWD ประกันชีวิต ยึดมั่นมาโดยตลอด

ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว FWD ประกันชีวิต ได้ประกาศความสำเร็จควบรวมกิจการกับ บริษัท                 ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCB Life โดยมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ต.ค.2563 ที่ผ่านมา ซึ่งการผนึกกำลังกันในครั้งนี้เป็นการรวมธุรกิจและแพลตฟอร์มเข้าด้วยกัน ส่งผลให้ FWD ประกันชีวิต มีความแข็งแกร่งมากขึ้นจากการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ที่หลากหลายและเข้าใจง่าย ประกอบกับการบริการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย เพื่อมอบประสบการณ์ด้านประกันที่เหนือระดับให้แก่ลูกค้าได้อย่างดีที่สุด

"ที่ FWD ประกันชีวิต เราอยากให้ทุกคนมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ รอบตัว โดยไม่ต้องกังวลใจ ซึ่งช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่ (Macro moments) อย่างการแต่งงาน หรือการมีลูก แต่อาจเป็นความสุขเล็กๆ ในชีวิต (Micro moments) อย่างการทำสวน หรือการทำอาหาร ฯลฯ"

อย่างไรก็ดี ในปี 2563 หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อทุกอุตสาหกรรม เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมประกัน ท่ามกลางความท้าทายในครั้งนี้หลายบริษัทจึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์และแนวปฏิบัติทางธุรกิจตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

"โดยในช่วงโควิด-19 พบว่าลูกค้าหันมานิยมใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมุ่งเน้นการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อประกันได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน หากลูกค้าต้องการพูดคุยกับตัวแทนก็สามารถติดต่อกับตัวแทนเราได้แบบ Social Distancing ผ่านการติดต่อที่หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะผ่านทางโทรศัพท์ หรือ Face Time ให้เห็นหน้าเห็นตากันได้"

"โรคระบาดโควิด-19 ในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในแทบจะทุกอุตสาหกรรม เพราะคนมีรายได้น้อยลง ความสามารถในการใช้จ่ายก็ลดลง แต่อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์เช่นนี้ คนกลับยิ่งมองหาความคุ้มครองจากประกันชีวิตเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"

เดวิด กล่าวว่า "จากการที่คนเริ่มหันมาสนใจประกันมากขึ้น และพร้อมที่จะเปิดรับฟังข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับประกัน ดังนั้นจึงมองว่านี่เป็นเวลาที่ FWD ประกันชีวิต จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า โดยเราปรับวิธีการสื่อสารกับลูกค้า ด้วยการเลือกใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน หลีกเลี่ยงใช้ศัพท์ประกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ประกันที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม และตรงตามความต้องการ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง (Right Product at the Right Time)"

"โดยในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา คนให้ความสนใจในประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมากขึ้น โดยเฉพาะประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล (IPD) ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการสูงมาก"

"อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปข้างหน้าในโลกหลังโควิด-19 เชื่อว่าคนจะเริ่มให้ความสนใจประกันประเภทอื่น นอกเหนือจากประกันสุขภาพ แม้ในระยะสั้นคนจะให้ความสนใจในประกันสุขภาพที่ครอบคลุมโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะไม่รู้ว่าจะมีโรคระบาดอื่นเกิดขึ้นอีกหรือไม่ แต่ในระยะยาว คนจะมองหาประกันที่ตอบโจทย์การออมเงิน การเกษียณอายุ และการวางแผนมรดกมากขึ้นอีกครั้ง เพื่อวางแผนชีวิตให้ตัวเองและลูกหลาน"

"ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ไม่แน่นอนมากมายเกิดขึ้น
กลยุทธ์สำคัญของเราคือ ลูกค้าต้องมาก่อน เราเอาความต้องการลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยในช่วงโควิด-19 การปรับตัว และการเรียนรู้ให้เร็วเป็นสิ่งสำคัญมาก รวมถึงโครงสร้างการทำงานแบบ 'Agile' หรือโครงสร้างองค์กรแนวราบ เป็นจุดแข็งหนึ่งของ FWD ประกันชีวิต เพราะทำให้ทุกคนในองค์กรมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ การทำงานจึงทำได้อย่างยืดหยุ่น รวดเร็วและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น" เดวิดกล่าว

นอกจากนี้ สำหรับกลยุทธ์ในการแข่งขันด้านราคา "เดวิด" ต้องการให้ FWD ประกันชีวิต เป็นบริษัทประกันที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่มีคุณค่า และตรงกับความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งราคายังอยู่ในเกณฑ์ที่แข่งขันได้ ขณะที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งลูกค้า ตัวแทน และบริษัท ต่างได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม

"เดวิด" กล่าวทิ้งท้ายว่า FWD ประกันชีวิต เป็นบริษัทประกันที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร โดยเลือกที่จะสื่อสารกับลูกค้าด้วยการส่งมอบความสุข ส่งพลังบวก ไม่ใช่ความกลัวหรือความเศร้า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ทำหนังสั้น หนังโฆษณา ที่ให้ความรู้สึกดี สร้างรอยยิ้ม ประกอบกับสื่อสารกับลูกค้าด้วยวิธีใหม่ๆ เข้าไปถึงไลฟ์สไตล์และใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น เช่น จับมือกับแบรนด์ไอศกรีมเพื่อสร้างรสชาติไอศกรีมเฉพาะของ FWD ประกันชีวิต ซึ่งในอนาคตเราจะเดินหน้าเข้าไปอยู่ในชีวิตลูกค้าผ่านช่องทางใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
#3258


สธ.วัคซีนไฟเซอร์สำหรับบุคลากรฯด่านหน้า ฉีดแล้ว 5.7 หมื่นโดส  กระจายไปแล้ว 4.46 แสนกว่าโดส รอส่งรอบ2อีกกว่า 2.5 แสนโดส สัปดาห์นี้เริ่มฉีดกลุ่ม ผู้สูงอายุ-โรคเรี้อรังตั้งแต่ 12 ปี –หญิงตั้งครรภ์ ใน 13 จังหวัด จัดส่งไปที่รพ.ประจำจังหวัด เน้นกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เคยได้รับวัคซีนชนิดใดมาก่อน   

           เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 สิงหาคม 2564 ในการแถลงสถานการณ์โควิด 19 ของกระทรวงสาธารณสุข ในประเด็น "การกระจายวัคซีนไฟเซอร์"นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาบริจาคให้ประเทศไทยจำนวน  1.5 ล้านโดสนั้น  ซึ่งปกติวัคซีนทุกชนิดที่ได้รับมาจะมีการตรวจสอบและเตรียมการก่อนการกระจายและการฉีดราว 1 สัปดาห์ แต่เนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์นี้มีการเรียกร้องต้องการ จึงมีการกระจายและเริ่มการฉีดเร็วกว่าเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 9 ส.ค. โดยตั้งแต่ 4-6ส.ค. มีการจัดส่งไปถึงโรงพยาบาลแล้ว 170 แห่งใน 77 จังหวัด  และช่วง 4-7 ส.ค.มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าแล้วจำนวน 5.7 หมื่นคน

        "การกระจายวัคซีนไฟเซอร์นั้น เพื่อให้ใช้เป็นการฉีดเข็มกระตุ้นในผู้ที่ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว รวมถึงคนที่ฉีดวัคซีนเป็นเข็มแรกและฉีดเข็ม 2 อีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยส่วนี้จะเป็นรบุคลากรที่เพิ่งจบใหม่และกลุ่มที่รอวัคซีน  อย่างไรก็ตาม บุคลากรฯด่านหน้าที่ฉีด 2 เข็มแรกไปแล้วหลายคนเลือกฉีดวีคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มกระตุ้นไปแล้วเมื่อช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีผู้ที่ฉีดเข็มกระตุ้นไปแล้ว   20 % เหลือรอฉีดวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มกระตุ้นประมาณ 70 % และอีกส่วนเป็นผู้ที่ไม่ต้องฉีดเข็มกระตุ้นในช่วงเวลานี้ โดยได้รับวัคซีนแอสตร้าฯไปครบ 2 เข็ม เพราะคณะผู้เชี่ยชาญยังไม่แนะนำให้ฉีดเข็ม 3 เพราะยังมีภูมิคุ้มกันที่สูงอยู่สู้กับเดลตาได้"นพ.โสภณกล่าว  

       นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า การจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ไปยังรพ.จึงส่งไปรพ. 50-75 % โดยดูข้อมูลจากระบบหมอพร้อม ว่าจำนวนผู้ที่ฉีดเข็ม 3 ด้วยแอสตร้าฯแล้วจำนวนเท่าไหร่ ร่วมกับข้อมูลที่รพ.สำรวจบุคลากร ก็จัดสรรไป 50-70  % แต่บางรพ.มีการส่งชื่อแบบเผื่อไว้ก่อนเมื่อมีการสอบทานใหม่พบว่าบางส่วนฉีดแอสตร้าฯไปแล้ว จึงต้องมีการสำรวจจำนวนดีๆ เนื่องจากขณะนี้หลายจังหวัดเริ่มมีการระบาดใหม่ ทำให้มีบุคลากร เช่น พยาบาลบางส่วนที่เดิมอาจจะเป็นพยาบาลด่านหลัง จะต้องมีช่วยดูแลผู้ป่วยโควิด 19ด้วยจึงกลายเป็นพยาบาลด่านหน้าใหม่ทันที  ก็ต้องสำรองวัคซีนไว้ให้กลุ่มนี้ด้วย 

 
  "วัคซีนไฟเซอร์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่มีการจัดสรรไว้ราว 7 แสนโดส มีการจัดส่งรอบแรกประมาณ 446,000 กว่าโดส เหลืออีกประมาณกว่า 250,000 จะกระจายส่งไปอีกเพื่อเป็นการฉีดเข็ม 2 สำหรับผู้ที่เพิ่งฉีดวัคซีนเข็ม 1 และสำหรับคนที่ยังลังเลในการตัดสินใจฉีดบูสเตอรอยู่ช่วงแรก   ยืนยันบุคลากรด่านหน้าได้ฉีดทุกคน เพียงแต่วัคซีนทยอยไปล็อตแรก และครั้งที่  2 จะทยอยไปต่อ เพราะถ้าส่งทั้งหมดไปตั้งแต่แรกจะเกิดปัญหา บางแห่งเกินเพราะมีบุคลากรที่ฉีดแอสตร้าฯหกระตุ้นไปแล้ว แต่บางที่ขาด และถ้าขาดจะไปเอาจากที่เกินยากแล้ว รวมถึง ต้องพิจารณากรณีมีบุคลากรจบใหม่ หรือจากด่านหลังมาเป็นด่านหน้าด้วย"นพ.โสภณกล่าว  

       นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มเป้าหมายอื่นที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ในล็อตบริจาคนี้ด้วย คือ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคเรื้อรังตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป โดยกลุ่มผู้ที่มีอายุ 12 ขึ้นไปนั้น จะฉีดเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวบางโรค เช่น โรคหัวใจ ไต โรคอ้วน เบาหวานและมะเร็ง เป็นต้น และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ใน 13 จังหวัดที่เป็นพื้นทึ่ควบคุมสูงสุดและเข็มงวดก่อนหน้านี้ ประมาณ 650,000 โดสนั้น จะมีการทยอยส่งวัคซีนออกไปตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.นี้และคาดว่าน่าจะเริ่มฉีดได้ในช่วงกลางสัปดาห์ เช่นเดียวกับกลุ่มที่เป็นชาวต่างประเทศที่เป็นผู้สูงอายุ มีโรคเรื้อรังและตั้งครรภ์ และคนไทยที่จะเดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ที่มีการจัดสรรไว้ 1.5 แสนโดส ก็คาดว่าจะเริ่มฉีดได้ในช่วงกลางสัปดาห์เช่นกัน 
นพ.โสภณ กล่าวด้วยว่า การกระจายวัคซีนไฟเซอร์สำหรับฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปและหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปนั้น  จะจัดส่งไปที่รพ.ในแต่ละจังหวัด ซึ่งหลักๆจะเป็นรพ.ประจำจังหวัด เพื่อให้สามารถจัดบริการได้อย่างมีคุณภาพ  โดยการให้วัคซีนไฟเซอร์จะเน้นคนที่ไม่เคยได้รับวัคซีนชนิดใดมาก่อนเลย และอยู่ในกลุ่มเป้าหมาย ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปและหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและอีก 3 สัปดาห์ก็ฉีดเข็ม 2

เหล่านี้เป็นหลักเกณฑ์ที่จะให้จังหวัดพิจารณาดำเนินการ เพราะวัคซีนนี้เมื่อไปถึงพื้นที่จะต้องฉีดให้หมดภายใน 31 วัน ก็ฉีดให้คนที่มาเร็วและได้ฉีดเร็ว เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงได้รับการป้องกันและลดการเสียชีวิต  โดยจะมีการจัดสรรไปใน  13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดก่อนหน้านี้ก่อน ส่วนอีก 16 จังหวัดที่เพิ่มขึ้นมากนั้นจะมีการพิจารณาจัดสรรวัคซีนที่จะเข้ามาในล็อตต่อไป 
#3259


วันนี้ (8ส.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่โซเชียลมีเดียได้มีการนำภาพซึ่งระบุว่ามาจากงานภารกิจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2564 เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่โรงพยาบาลท่าตะโก อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ มาโพสต์พร้อมระบุข้อความว่ารองนายกรัฐมนตรีเคลมว่าวัคซีนไฟเซอร์เป็นผลงานของตนเองนั้น เป็นการแสดงข้อความที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงและทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด

สำหรับข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจการทำงานแก่เจ้าหน้าที่ในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งพร้อมกับการลงพื้นที่ก็ได้มีการตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ล็อตที่ได้รับบริจาคจากประเทศสหรัฐฯ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครสาธารณสุขและบุคลากรด่านหน้าในพื้นที่ด้วย ส่วนการจัดเตรียมป้าย หรือข้อความต่างๆ ก็จัดโดยเจ้าหน้าที่ในจังหวัด ซึ่งจากการตรวจสอบก็ไม่พบข้อความที่มีการส่งต่อข้อความที่มีการส่งต่อทางโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด

"ในการลงพื้นที่จังหวัดหวัดนครสวรรค์ นอกจากท่านรองนายกฯอนุทินแล้ว ยังมีท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดีกรมควบคุมโรคร่วมเดินทางด้วย ซึ่งภารกิจของการลงพื้นที่ก็คือการไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ติดตามการดำเนินงานการควบคุมและแพร่ระบาดของโรคโควิด19 จากการสอบถามในคณะผู้ลงพื้นที่ ก็ไม่มีใครเห็นข้อความใดที่มีการส่งต่อในโซเชียลมีเดีย ก็ยังสงสัยเช่นกันว่าข้อความนั้นอยู่ส่วนใดของงาน" น.ศ.ไตรศุลี กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หากเป็นการวิจารณ์บนข้อมูลและเป็นความจริง และเพื่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีขึ้น เป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนทำได้อยู่แล้ว แต่ขอความร่วมมืออย่าสร้างและส่งต่อข้อมูลที่ก่อความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่จะกระทบต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ที่เป็นด่านหน้าปฏิบัติงานอย่างหนัก โดยเป้าหมายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขเวลานี้คือการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่
#3260


ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดี(5ส.ค.) ยืนยันอาจกำหนดให้ชาวต่างชาติเกือบทุกคนที่จะเดินทางเข้าสหรัฐฯ ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบเสียก่อน ส่วนหนึ่งในแผนกลับมาเปิดการเดินทางระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวและยังไม่มีการยกเลิกข้อจำกัดต่างๆในทันที

เจฟ ไซนส์ ผู้ประสานงานคณะทำงานเฉพาะกิจโควิด-19 ของทำเนียบขาว ยืนยันว่ากลุ่มทำงานระหว่างหน่วยงาน กำลังคิดแผนที่อาจออกข้อบังคับบางรูปแบบสำหรับกำหนดให้ชาวต่างชาติเกือบทุกคนที่จะเดินทางเข้าสหรัฐฯ ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบเสียก่อน

"เราจะพร้อมเมื่อถึงเวลาที่ต้องพิจารณาเปิดพรมแดน" ไซนส์ กล่าวระหว่างแถลงสรุปสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำเนียบขาว

รายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เวลานี้รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อทบทวนและนำระบบใหม่นี้มาใช้ทันทีที่พร้อมจะเปิดรับชาวต่างชาติอีกครั้ง ภายใต้เงื่อนไขว่าชาวต่างชาติจากทุกประเทศที่จะเดินทางเข้าสหรัฐฯ จะต้องได้รับวัคซีนครบแล้ว

ในถ้อยแถลงแยกกัน เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวยอมรับว่ามีความไม่สอดคล้องกันในข้อจำกัดต่างๆในปัจจุบันที่ห้ามนักเดินทางจากบางประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในระดับต่ำเดินทางเข้าสหรัฐฯ แต่กลับไม่ห้ามนักเดินทางจากประเทศอื่นๆที่มีอัตราการติดเชื้อในระดับสูง

อย่างไรก็ตามเธอเน้นว่ายังไม่เป็นที่แน่นอนว่าสหรัฐฯจะบังคับนักเดินทางจากต่างชาติฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบเสียก่อนหรือไม่

ทำเนียบขาวระบุในวันพฤหัสบดี(5ส.ค.) ว่ายังไม่พร้อมยกเลิกข้อจำกัดต่างๆในทันที เพราะว่าเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นและการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก

รัฐบาลอเมริกันเริ่มจำกัดการเดินทางของชาวต่างชาติที่จะเข้ามายังสหรัฐฯ โดยเริ่มจากประเทศจีนในเดือนมกราคม 2020 เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนที่จะเพิ่มรายชื่อประเทศต่างๆ ที่มีการระบาดในระดับสูงในประเทศนั้นๆ โดยล่าสุดได้แก่อินเดีย

ทำเนียบขาวได้หารือกับสายการบินต่างๆและอื่นๆว่าจะสามารถบังคับใช้กฎเกณฑ์ใหม่นี้ได้อย่างไร ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องพิจารณาว่าจะยอมรับหลักฐานหรือเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนแบบไหน และจะยอมรับวัคซีนโควิดที่บางประเทศใช้หรือไม่ ขณะที่มันยังไม่ผ่านการรับรองของคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของสหรัฐฯ

ปัจจุบันสหรัฐฯห้ามนักเดินทางที่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯเกือบทุกคนที่อยู่ในสหราชอาณาจักร กลุ่มประเทศเชงเก้น 26 ชาติในยุุโรป ไอร์แลนด์ จีน อินเดีย แอฟริกาใต้ อิหร่านและบราซิล ในช่วง 14 วันหลังสุดเดินทางเข้าประเทศ

ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าแผนดังกล่าวจะบังคับใช้กับชาวต่างชาติที่เดินทางทางบกผ่านพรมแดนที่ติดกับแคนาดาและเม็กซิโกด้วยเงื่อนไขเดียวกันหรือไม่

เจ้าหน้าที่ด้านอุตสาหกรรมการบินระบุว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์หรือบางทีอาจหลายเดือน ก่อนข้อจำกัดด้านการเดินทางจะถูกยกเลิก ขณะที่ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์บางส่วนระบุว่ามันไม่สมเหตุสมผล เพราะว่าบางประเทศที่มีอัตราการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระดับสูง ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศที่จำกัดด้านการเดินทาง ขณะที่บางประเทศที่สามารถควบคุมโรคระบาดใหญ่ได้แล้วกลับมีรายชื่ออยู่ในบัญชีดังกล่าว

(ที่มา:รอยเตอร์)