• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Cindy700

#9601
สนใจเชิญให้เข้าร่วมกลุ่ม Line "บ้านที่ดิน HouseLand" เพื่อรับการอัพเดทที่ดิน
https://bit.ly/3xFTxOS

ติดต่อคุณชัย
โทร. 0918849203
LINE ID : @614skoug
เว็บบ้านที่ดิน  https://housetheland.com/index.php?topic=44
กดไลค์กดแชร์ กดติดตาม คือ
https://www.youtube.com/channel/UCIz5DVj6igFVHKPUqY-Z4RA
https://www.facebook.com/HouseTheLand
#9602
ราคาดีมากกก!!!!!!!!
#9603
รับถมดิน ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804 www.mmee2000.com
#9604


ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชำนาญด้านโครงการและแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนและ ท่าอากาศยานได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ -Drsamart Ratchapolsitte โดยมีเนื้อหาดังนี้...รถไฟฟ้าลอดใต้เจ้าพระยา เจาะอุโมงค์เหมือนกัน แต่ทำไมประมูลต่างกัน ?

เวลานี้มีรถไฟฟ้าวิ่งลอดใต้เจ้าพระยาแล้ว 1 สาย นั่นคือสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และกำลังจะมีเพิ่มอีก 2 สาย ประกอบด้วยสายสีส้มส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ และสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ซึ่งอยู่ในระหว่างการประมูล แต่เชื่อมั้ยครับว่าเกณฑ์ประมูลกลับถูกเปลี่ยนจากเกณฑ์เดิมที่ใช้กับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งมีการเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาได้ผลดีมาแล้ว?



รฟม.ใช้เกณฑ์อะไรในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งต้องเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาครั้งแรก?

ในการประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค ซึ่งต้องก่อสร้างอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และต้องขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาครั้งแรก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ใช้เกณฑ์ประมูลโดยพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคก่อน หากผู้ยื่นข้อเสนอผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้านเทคนิคก็จะพิจารณาข้อเสนอด้านราคาต่อไป ใครเสนอราคาต่ำสุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล ซึ่งเกณฑ์นี้เป็นที่ยอมรับและยึดถือปฏิบัติกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของ รฟม. และของหน่วยงานอื่น

ปรากฏว่าผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลไม่เคยมีประสบการณ์ในการขุดเจาะอุโมงค์ในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อน เพิ่งมีโอกาสจากโครงการนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็สามารถทำการก่อสร้างจนสำเร็จลุล่วงเป็นไปตามความต้องการของ รฟม. และได้เปิดใช้ในปี 2562 ชี้ให้เห็นว่าเกณฑ์ประมูลนี้เป็นเกณฑ์ที่ใช้ได้ผลดี

ADVERTISEMENT


รฟม.เปลี่ยนใจไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก ซึ่งต้องเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาเช่นเดียวกัน

รฟม.ได้เปิดประมูลหาผู้ร่วมลงทุน (หรือผู้รับสัมปทาน) ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และจัดหารถไฟฟ้ารวมทั้งให้บริหารจัดการเดินรถตลอดเส้นทาง ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยใช้เกณฑ์ประมูลเหมือนกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย นั่นคือต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคก่อน หากผู้ยื่นข้อเสนอผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้านเทคนิค ก็จะพิจารณาข้อเสนอด้านผลตอบแทน ("ผลตอบแทน" ใช้สำหรับการหาผู้รับสัมปทาน ส่วน "ราคา" ใช้สำหรับการหาผู้รับเหมา) ต่อไป ใครเสนอผลตอบแทนสูงสุดก็จะชนะการประมูล

แต่ก่อนถึงวันยื่นข้อเสนอ รฟม.ได้ประกาศเปลี่ยนไปใช้ "เกณฑ์ใหม่" ซึ่งต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทน โดยให้คะแนนด้านเทคนิค 30% และคะแนนด้านผลตอบแทน 70% ใครได้คะแนนรวมสูงสุดก็จะชนะการประมูล ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการลดทอนความสำคัญข้อเสนอด้านเทคนิคลงจากเดิมที่มีคะแนนเต็ม 100% เหลือ 30% เท่านั้น

ทั้งนี้ รฟม.อ้างว่าเหตุที่ต้องเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลเนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตกเป็นโครงการร่วมลงทุนขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง โดยเฉพาะการก่อสร้างสถานีและอุโมงค์ใต้ดินผ่านพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน รวมทั้งจะต้องก่อสร้างอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย จึงจำเป็นต้องได้ผู้รับสัมปทานที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งผมเห็นว่าถ้าเป็นไปตามข้ออ้างดังกล่าวจริง รฟม.ควรใช้เกณฑ์เดิม เพราะเป็นเกณฑ์ที่ให้ความสำคัญข้อเสนอด้านเทคนิคถึง 100%

รฟม.คงลืมไปว่าในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ซึ่งต้องขุดเจาะอุโมงค์ในพื้นที่ชุมชนหลายแห่งเป็นระยะทางใต้ดิน 13.6 กิโลเมตร จากระยะทางทั้งหมด 22.5 กิโลเมตร รฟม.ก็ใช้เกณฑ์ประมูลเดิมหรือเกณฑ์ที่ใช้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ไม่ได้ใช้เกณฑ์ใหม่ ปรากฏว่าใช้ได้ผลดีทำให้การก่อสร้างมีความคืบหน้าถึงวันนี้ (13 สิงหาคม 2564) ประมาณ 85%

รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งต้องเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาเช่นเดียวกัน

ขณะนี้ รฟม.กำลังประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟาสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ หรือสายสีม่วงใต้ ซึ่งต้องก่อสร้างอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย

แต่ รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งใช้ได้ผลดีมาแล้ว กลับไปใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก ซึ่งพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทน ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจทำให้ รฟม.ต้องเสียค่าก่อสร้างมากกว่า และที่สำคัญ อาจถูกกล่าวหาว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมารายใดรายหนึ่งหรือไม่?

เหตุที่ รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้นั้น รฟม.อ้างเหตุผลทำนองเดียวกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก โดยอ้างว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนและต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ประกอบกับมีเส้นทางผ่านเขตชุมชนหนาแน่น พื้นที่ที่มีความอ่อนไหวสูง เช่น พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องได้ผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์และสมรรถนะสูง

ข้ออ้างของ รฟม. ย้อนแย้งกับข้อเท็จจริงหรือไม่?

รฟม.อ้างว่าเหตุที่ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก และรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เพราะต้องขุดเจาะอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวและมีความซับซ้อน และต้องขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ทำให้ต้องใช้ผู้รับสัมปทานหรือผู้รับเหมาที่มีความสามารถสูง

จะเห็นได้ว่าข้ออ้างของ รฟม.ย้อนแย้งกับข้อเท็จจริง กล่าวคือในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายก็ต้องขุดเจาะอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์และอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกัน ซึ่ง รฟม.ได้ใช้เกณฑ์ประมูลที่ทำให้สามารถคัดเลือกผู้รับเหมาที่มีความสามารถก่อสร้างอุโมงค์ในพื้นที่ดังกล่าวได้สำเร็จสมบูรณ์ โดยไม่ได้นำคะแนนด้านเทคนิคมารวมกับคะแนนด้านราคาเพื่อพิจารณาหาผู้ชนะการประมูลแต่อย่างใด

ข้อเท็จจริงนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยีในการขุดเจาะอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้มีความพิเศษสลับซับซ้อนถึงขนาดต้องใช้เกณฑ์ประมูลที่แตกต่างไปจากการประมูลโครงการอื่นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่อยากให้ทุกคนได้รับรู้ก็คือ การขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ใช่เป็นการขุดเจาะในแม่น้ำ แต่เป็นการขุดเจาะในดินใต้ท้องน้ำประมาณ 10 เมตร หรือใต้ผิวน้ำประมาณ 30 เมตร

สรุป

การที่ รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายสำหรับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และสายสีม่วงใต้ แต่ใช้เกณฑ์พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา อาจทำให้มีข้อเสียดังนี้

1. ในกรณีรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก รฟม.อาจไม่ได้รับผลตอบแทนสูงสุด ส่วนในกรณีรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ รฟม.อาจต้องเสียค่าก่อสร้างมากกว่า การพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา อาจทำให้ผู้ยื่นข้อเสนอที่เสนอผลตอบแทนสูงสุด หรือเสนอราคาต่ำสุดไม่ได้รับการคัดเลือก เพราะเขาอาจได้คะแนนรวม (ด้านเทคนิค+ด้านผลตอบแทนหรือราคา) น้อยกว่า
2. อาจถูกกล่าวหาว่าต้องการล็อกผู้รับสัมปทานหรือผู้รับเหมา หากกรรมการคัดเลือกต้องการช่วยผู้ยื่นข้อเสนอรายใดรายหนึ่งสามารถทำได้ง่าย เนื่องจากเกณฑ์นี้พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา หากเห็นว่าผู้ยื่นข้อเสนอรายนั้นเสนอผลตอบแทนต่ำหรือเสนอราคาค่าก่อสร้างสูง ซึ่งจะทำให้ได้คะแนนด้านผลตอบแทนหรือราคาต่ำกว่า ก็จะเพิ่มคะแนนด้านเทคนิคให้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงอาจทำให้ รฟม.ถูกกล่าวหาว่าต้องการให้ผู้ยื่นข้อเสนอบางรายได้รับคะแนนสูงกว่าผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่นหรือไม่?

ดังนั้น หาก รฟม.คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งความสำเร็จของโครงการอย่างแท้จริง ก็ควรพิจารณาใช้เกณฑ์ประมูลเดิมที่พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคแยกกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา ซึ่งใช้ได้ผลดีเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว แต่เหตุใด รฟม.จึงไม่ใช้เกณฑ์ประมูลเดิมเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนดังที่ได้ยึดถือปฏิบัติกันมา
เห็นชัดๆ กันอย่างนี้แล้ว รฟม.จะว่าไง?

ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง

 
#9605


หนึ่งในนวัตกรรมที่ถ่ายทอดสปิริต "ความยั่งยืน" ของ Tokyo Olympic 2020 คือเตียงนอนนักกีฬาที่ทำจากกระดาษแข็งรีไซเคิล และที่นอนจากเส้นใยโพลิทีลีนที่สามารถรีไซเคิลได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

Airweave บริษัทเครื่องนอนของญี่ปุ่นได้สร้างเตียงและที่นอนจำนวน 18,000 เตียง สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ โดย 8,000 เตียง จะถูกนำมาใช้ใหม่อย่างแน่นอนในพาราลิมปิกเกมส์ และหลังจบการแข่งขันแล้วก็จะนำไปบริจาคให้กับองค์กรระดับชาติต่อไป

โครงเตียงนั้นทำจากกระดาษแข็งรีไซเคิล ส่วนฟูกนอนทำจากเส้นใยโพลีเอทีลีนที่สปริงตัวได้ ออกแบบแยกกันเป็นสามชั้นแบบโมดูลาร์ โดยมีความแน่น 4 ระดับ สำหรับปรับแต่งความกระชับที่ช่วงไหล่ เอว และขา เพื่อให้ได้ท่านอนที่เหมาะกับสรีระ
ทั้งนี้นักกีฬาสามารถขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการจัดวางที่นอนในหมู่บ้านโอลิมปิก หรือส่งรูปถ่ายและระบุสัดส่วนของตนเองผ่านแอปพลิเคชันของ Airweave เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกที่นอนที่เหมาะสม
#9606


เมอร์เซเดส-เบนซ์ เดินหน้ากิจกรรมการตลาด จัด StarFest ต่อเนื่อง เปิดแคมเปญ แถม "เมอร์เซเดส-เบนซ์ เซอร์วิสพลัส" 5 ปี คูปองส่วนลด 5 หมื่นบาท ฯลฯ

แม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังวางใจไม่ได้ แต่เรื่องของธุรกิจก็ต้องดำเนินต่อไป ด้วยการเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ 

กิจกรรมหนึ่ง ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ StarFest (สตาร์เฟสต์) ซึ่งแต่ละปีก็มีผลต่อการผลักดันยอดขายไม่น้อย ไม่ว่าจากส่วนกลางที่จัดงานในพื้นที่ที่เข้าถึงผู้บริโภค เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ หรือว่าในส่วนโชว์รูมต่างๆ ของดีลเลอร์ทั่วประเทศที่จัดขึ้นพร้อมๆ กัน ภายใต้แคมปญเดียว

ปีนี้แม้การจัดในพื้นที่ส่วนกลางไม่อาจทำได้ แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็ยังเชื่อว่า การจัดในโชว์รูม ยังได้รับความสนใจ 

แม้ว่าที่ผ่านมาจะพบว่าอัตราการเข้าโชว์รูมของผู้บริโภคลดลง จะด้วยเหตุผล ของโลกดิจิทัลที่กระจายอย่างรวดเร็วไม่แพ้โควิด-19 หรือ การพยายามไม่พบปะผู้คนของผู้คนก็ตาม 

แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็เห็นว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ที่มาโชว์รูม ส่วนใหญ่ คือตั้งใจซื้อจริง 


ดังนั้นกิจกรรม StarFest ปีนี้ ก็มีเช่นเดิม และจัดขึ้นเฉพาะโชว์รูมตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น พร้อมแคมเปญ "StarFest 2021: Season of the ultimate offers" โดยจะลากยาวไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. กับข้อเสนอในการเลือกซื้อรถทั้ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 

แคมเปญมีอะไรบ้าง


1. แถม "เมอร์เซเดส-เบนซ์ เซอร์วิสพลัส" หรือโปรแกรมการบำรุงรักษารถยนต์ตามข้อกำหนด MBSP Compact รวม 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง โดยรถยนต์รุ่นที่ร่วมรายการนี้ ประกอบด้วย 

C-Class, 
C Coupe
E-Class
GLC
GLC Coupe
V-Class
 Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe
Mercedes-AMG CLS 534MATIC+

คลิกที่นี่ครบจบ อัพเดทเช็คสิทธิ 'ประกันสังคม' www.sso.go.th ม.33 ม.39 ม.40
ราคาทองฟิวเจอร์พุ่ง 1.4% ได้ปัจจัยดอลล์อ่อนหนุนตลาด
ราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสร่วงวันที่ 2
2.ส่วนลด 10,000 บาท สำหรับการซื้อ Mercedes-Benz Collection, กล้องติดรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือ ชุดสินค้าบำรุงรักษารถยนต์ โดยรถที่ร่วมรายการนี้ คือ 

Mercedes-Benz ทุกรุ่น
Mercedes-AMG ทุกรุ่น
3. ข้อเสนอพิเศษ สำหรับผู้ที่ใช้บริการของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง คือ

แถมประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protectionนาน 2 ปี เมื่อทำสัญญามายสตาร์ หรือสัญญาเช่าทางการเงิน โดยรถที่เข้าร่วมรายการนี้ ประกอบด้วย C-Class

C Coupe
E-Class
GLC
GLC Coupe
#9608


วิกฤติโควิด-19 ยังคงฉุดผลประกอบการครึ่งปีแรกของธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการระบาดยาวนานกว่า 1 ปีครึ่ง และมีแนวโน้มยืดเยื้อเกินคาด ส่งผลให้บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นเทล (Centel) ต้องปรับกลยุทธ์รับมือวิกฤติ

ด้วยการบริหารต้นทุน คุมค่าใช้จ่ายเข้ม รวมถึงแผนการลงทุนโรงแรมโครงการใหม่ๆ ในอนาคตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด!

รณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร เซ็นเทล กล่าวในรายงานของบริษัทฯต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทฯมองว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกที่ 3 เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ดังนั้น "การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย" รวมถึง "แผนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ" เป็นกลยุทธ์สำคัญภายใต้สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน!! บริษัทฯได้ทำการควบคุมดูแลงบการลงทุนอย่างใกล้ชิด และให้อยู่ในระดับต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้งบการลงทุนรวมสำหรับธุรกิจโรงแรม (รวมงบการปรับปรุงโรงแรมประจำปีและโครงการใหม่) ในปี 2564 รวมกว่า 2,600 ล้านบาท

"บริษัทฯยังคงแผนการลงทุนสำหรับโครงการโรงแรมใหม่ที่ดูไบ ญี่ปุ่น และการปรับปรุงโรงแรมที่เกาะสมุย แต่เลื่อนการลงทุนโครงการที่มัลดีฟส์ในส่วนของการก่อสร้างอาคารรีสอร์ท และโคซี่ เชียงใหม่"

สำหรับงบการลงทุนและแผนการเปิดโรงแรมที่สำคัญ มีการปิดปรับปรุงโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท สมุย จากเดิมเป็นโรงแรมระดับอัปเปอร์ อัปสเกล (Upper Upscale) เป็นโรงแรม "เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย" ระดับลักชัวรี (Luxury) กำหนดเปิดดำเนินการในไตรมาส 4 นี้ หลังปิดปรับปรุงตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2562 โดยงบใช้จ่ายการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาทในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีโรงแรม "เซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ" คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการในไตรมาส 4 นี้เช่นกัน โดยงบใช้จ่ายการลงทุนประมาณ 800 ล้านบาทในปีนี้ ขณะที่โรงแรม "เซ็นทารา แกรนด์ โฮเทล โอซาก้า" คาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2566 ใช้เงินลงทุนประมาณ 570 ล้านบาทในปีนี้


"จากแนวโน้มธุรกิจโรงแรมในปีนี้ การฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมสะดุดลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะแถบเอเชีย ประกอบกับแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ล่าช้ากว่ากำหนด ส่งผลให้บริษัทฯต้องมีการทบทวนแผนการปิดโรงแรมบางแห่งชั่วคราวในไตรมาส 3 นี้ เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหารและจัดการให้เหลือน้อยที่สุด อย่างไรก็ดี บริษัทฯคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการโรงแรมที่เป็นเจ้าของได้ทั้งหมดภายในไตรมาส 4 นี้ ทั้งนี้การเปิดหรือปิดโรงแรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดเป็นสำคัญ"

โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทฯมีโรงแรมภายใต้การบริหารงานทั้งสิ้น จำนวน 84 แห่ง (17,224 ห้อง) แบ่งเป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 44 แห่ง (7,819 ห้อง) และเป็นโรงแรมที่กำลังพัฒนา 40 แห่ง (9,405 ห้อง) โดยในส่วนของโรงแรม 44 แห่งที่เปิดดำเนินการแล้วนั้น โรงแรม 18 แห่ง (4,443 ห้อง) เป็นโรงแรมที่บริษัทฯเป็นเจ้าของ และ 26 แห่ง (3,376 ห้อง) เป็นโรงแรมที่อยู่ภายใต้สัญญาบริหาร

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2564 บริษัทฯมีรายได้รวม 2,690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 354 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 322 ล้านบาท คิดเป็น 12% ขณะที่รายได้จากธุรกิจอาหารอยู่ที่ 2,368 ล้านบาท คิดเป็น 88% โดยบริษัทฯขาดทุนสุทธิ 607 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 141 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

และเมื่อดูผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวม 5,463 ล้านบาท ลดลง 1,475 ล้านบาท หรือลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 822 ล้านบาท คิดเป็น 15% ขณะที่รายได้จากธุรกิจอาหารอยู่ที่ 4,641 ล้านบาท คิดเป็น 85% บริษัทฯขาดทุนสุทธิ 1,082 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 571 ล้านบาท หรือ 112% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

หากโฟกัสเฉพาะธุรกิจโรงแรมจากผลประกอบการในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ที่บริษัทฯมีรายได้รวม 822 ล้านบาท ลดลง 1,114 ล้านบาท หรือลดลง 58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หลังอัตราการเข้าพักลดลงจาก 31% เป็น 13% และราคาห้องพักเฉลี่ยลดลง 20% อยู่ที่ 4,096 บาท ส่งผลให้รายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPAR) ลดลง 68% อยู่ที่ 516 บาท ทั้งนี้ส่วนของธุรกิจโรงแรมขาดทุนสุทธิ 1,127 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 622 ล้านบาท หรือ 123% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้บริษัทฯมีอัตราส่วนสภาพคล่องดีขึ้นจากสิ้นปี 2563 เป็น 0.7 เท่า อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนผู้ถือหุ้นลดลงเป็น 1.2 เท่า ดีขึ้นจากสิ้นปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของส่วนผู้ถือหุ้นเนื่องจากการตีราคาที่ดินเป็นสำคัญ และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อส่วนผู้ถือหุ้น 0.7 เท่า นอกจากนี้บริษัทฯมีเงื่อนไขกับสถาบันการเงินเกี่ยวกับการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.0 เท่า

อย่างไรก็ดี เนื่องด้วย "ความไม่แน่นอน" ในการฟื้นตัวของธุรกิจ บริษัทฯได้จัดเตรียมวงเงินกู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่สามารถเบิกถอนได้ประมาณ 8,300 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเพียงพอสำหรับการดำเนินงานภายใต้ความผันผวนของธุรกิจถึงไตรมาส 4 ปี 2565 ในการใช้ไปเพื่อการดำเนินงานบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าใช้จ่ายสำหรับลงทุนและดอกเบี้ยจ่าย (ไม่รวมดอกเบี้ยจ่ายตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่อง สัญญาเช่า) รวมสุทธิเดือนละประมาณ 370-380 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจอาหารยังคงสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน รวมถึงเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดในมือเพียงพอในการดำเนินงานและการลงทุน
#9609
สนใจเชิญให้เข้าร่วมกลุ่ม Line "บ้านที่ดิน HouseLand" เพื่อรับการอัพเดทที่ดิน
https://bit.ly/3xFTxOS

ติดต่อคุณชัย
โทร. 0918849203
LINE ID : @614skoug
เว็บบ้านที่ดิน  https://housetheland.com/index.php?topic=44
กดไลค์กดแชร์ กดติดตาม คือ
https://www.youtube.com/channel/UCIz5DVj6igFVHKPUqY-Z4RA
https://www.facebook.com/HouseTheLand
#9611
รับถมดิน ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804 www.mmee2000.com
#9612
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zip lock ซิปล๊อค  ควบคุมน้ำหนัก กล่องละ 590 บาท เท่านั้น ของแท้ 100 %


การรับประทานอาหาร ในปริมาณที่มากเกินไป

มักไม่ได้เกิดจากความหิว แต่เกิดจาก...

"ความอยากอาหาร และการติดในรสชาติ"

ส่งผลให้เกิดการรับประทานแบบไม่เลือก

ทั้งอาหารที่มีแป้งและไขมันสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก

ที่นำไปสู่ปัญหา "น้ำหนักเกิน"  ไปจนกระทั่งการเป็น "โรคอ้วน"

ด้วยความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาเหล่านี้

จึงเป็นที่มาของงานวิจัยทางคลินิคที่ได้ค้นพบ

สารสกัดเอกสิทธิ์ นวัตกรรมนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้

" Yeast Extract Hydrolysate "

ช่วย รูดซิป..ล็อคความอยากอาหาร ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่รับประทาน

พร้อมด้วยสารสกัดที่เป็นสูตรเฉพาะ 15 ชนิด

ซึ่งทำหน้าที่ "บล็อก" การดูดซึมของแป้งและไขมัน

เข้าสู่ร่างกาย พร้อมส่งเสริมการเผาผลาญและสลายไขมันส่วนเกิน

รูปร่างดีได้...โดยไม่ต้องอด

ปิดซิปความอยากอาหาร

เปิดซิปกระตุ้นการเผาผลาญเต็มรูปแบบ

" Zip you fat...Zip you body "

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zip

ผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา

ขึ้นทะเบียน เลขที่ 13-1-01760-5-0083



สารสกัดจากส้มแดง 100 มก

สารสกัดจากส้มซิตรัส ออรานเทียม 100 มก

สารสกัดจากยีสต์ 80 มก

แอล-ฟีนิลอะลามีน 50 มก

ผงน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 30 มก

แอล-คาร์นิทีน 50 มก

สารสกัดจากเจียวกู้หลาน 30 มก

สารสกัดจากส้มแขก 30 มก

L l-tyrosine 20 มก

สารสกัดจากพริก 20 มก

สารสกัดจากถั่วขาว 20 มก

สารสกัดจากชาเขียว 20 มก

สารสกัดจากพริกไทยดำ 12 มก

สารสกัดจากเมล็ดกาแฟไม่คั่ว 7 มก

โครเมียม พิโคลิเนต 1 มก

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อ
 ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

website  คลิก  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zip lock ซิปล๊อค



    ***รับสมัครตัวแทนจำหน่าย***

#รับตัวแทนไม่ต้องสต็อกสินค้า

#สินค้าขายดี #zipyourfatzipyourbody #ziplock #zipwheyplus #zipwheyplus #zipwhey #theicongroup #ลดน้ำหนักแบบปลอดภัย #ลดไขมัน
#9613
ราคาดีมากกก!!!!!!!!
#9614


เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชิคาโก สหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี(12ส.ค.) รายงานพบเคสผู้ติดเชื้อ 203 รายเกี่ยวข้องกับเทศกาลดนตรีประจำปี "ลอลลาพาลูซา" แต่ระบุไม่เกินความคาดหมาย และยังไม่พบความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรพยาบาลหรือเสียชีวิต

"ไม่มีอะไรที่เกินความคาดหมาย" แพทย์หญิงแอลลิสัน อาร์วาดี คณะกรรมการกรมสุขภาพชิคาโกกล่าวระหว่างแถลงข่าว "ไม่มีสัญญาณว่ามันเป็นกิจกรรมซูเปอร์สเปรดเดอร์" เธอระบุ "แต่ชัดเจนว่าด้วยที่มีประชาชนหลายแสนคนเข้าร่วมลอลลาพาลูซา เราจึงคาดหมายว่าคงมีเคสติดเชื้อโควิด-19 อยู่บ้าง"

เทศกาลดนตรีประจำปี 4 วัน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อราวๆ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ดึงดูดผู้คนราวๆ 385,000 คนมายังสวนสาธารณะริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง กระตุ้นให้ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ตั้งคำถามว่าทำไมถึงจัดกิจกรรมในช่วงเวลาเกิดโรคระบาดใหญ่เช่นนี้ ทั้งที่ปีที่แล้วได้ยกเลิกไปสืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ภาพวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นฝูงชนอัดแน่นตามเวทีคอนเสิร์ตและระบบคนขนส่งสาธารณะ ระหว่างนั้นพบเห็นผูุ้คนสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 แค่ประปราย

อย่างไรก็ตามลอรี ไลท์ฟูต นายกเทศมนตรีและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ปกป้องการตัดสินใจอนุญาตให้จัดกิจกรรม ระบุว่ามีการบังคับใช้กฎระเบียบด้านความปลอดภัยต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงผู้เข้าร่วมต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนหรือมรผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ และทางเจ้าหน้าที่เผยว่ามีราวๆ 90% ที่ฉีดวัคซีนแล้ว



อาร์วาดี ระบุว่าในบรรดาเคสผู้ติดเชื้อนั้น มีทั้งบุคคลที่มีผลตรวจเป็นบวกหลังหรือระหว่างร่วมเทศกาลลอลลาพาลูซา ซึ่งอาจสรุปได้ว่าหลายคนที่เดินทางมาร่วมเทศกาลดนตรีติดเชื้อตั้งแต่ก่อนมาถึง

เธอบอกว่าทางเมืองยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนเคสต่างๆ แต่คาดหมายว่ามันคงไม่ส่งผลกระทบสำคัญๆใดๆต่ออัตราการติดเชื้อโควิด-19

ในบรรดาผู้มีที่ผลตรวจเชื้อเป็นบวกนั้น เจ้าหน้าที่เมืองระบุว่ามี 138 คน มาจากเมืองอื่นๆในรัฐอิลลินอยส์ 58 คนเป็นพลเมืองของเมืองชิคาโก และ 7 คนมาจากรัฐอื่น ทั้งนี้เกือบ 80% ที่มีผลตรวจเป็นบวกมีอายุต่ำกว่า 30 ปี และราว 62% เป็นคนผิวขาว

(ที่มา:เอพี)
#9615


"กรุงเทพธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ปกาสิต วัฒนา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบรนเนอร์จี้ จำกัด บริษัทที่ขับเคลื่อนด้วย "กลุ่มคนรุ่นใหม่" ที่เข้าใจและก้าวไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกเน้นคิด และดีไซน์ดิจิทัลโซลูชั่น เป็นบริษัทในเครือ เบญจจินดา โฮลดิ้ง

เบรนเนอร์จี้ (Brainergy) เป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วย "กลุ่มคนรุ่นใหม่" ที่เข้าใจและก้าวไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกเน้นคิด และดีไซน์ดิจิทัลโซลูชั่น ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจตั้งแต่ขนาดใหญ่จนถึงเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ เป็นบริษัทในเครือของบิ๊กคอร์ปชั้นนำของไทย ที่มีผลงานและชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์ในแวดวงธุรกิจมาอย่างยาวนานอย่าง "กลุ่มบริษัทเบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด" 

นั่นทำให้ เบรนเนอร์จี้ มีโอกาสทำงานกับกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีความเข้าใจภาพรวมของธุรกิจ และสามารถตอบโจทย์ได้หลายประเภทและหลายขนาดองค์กร เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เกิดการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

 โดยเฉพาะห้วงวิกฤติและความท้าทายใหม่ ที่ธุรกิจต้อง "รอด" และมีหนทางเดินไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน การทรานส์ฟอร์มไปสู่สิ่งที่ดีกว่า มีนวัตกรรมเป็นหัวใจหลักจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด "ดิจิทัล โซลูชั่น" เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะกรุยทางให้ทุกธุรกิจมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ 

"กรุงเทพธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ปกาสิต วัฒนา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบรนเนอร์จี้ จำกัด หัวเรือใหญ่คนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่พร้อมดัน 3 ดิจิทัลโซลูชั่นหลัก SmartTAX  SmartFLOW และ SmartSIGN ช่วยทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัลในชั่วข้ามคืน พร้อมเป้ารายได้ 100 ล้านบาท ท่ามกลางวิกฤติรอบด้าน

ปลุกดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม-วางเป้า100ล.

"ดิจิทัล โซลูชั่น ของเบรนเนอร์จี้ ถูกพัฒนาขึ้นด้วยความมุ่งหวังให้ช่วยแก้ไข Pain Point ที่หลายองค์กรพบเจอให้หมดไป ไม่ว่าเป็นเรื่องการจัดการเอกสารที่มีความวุ่นวาย การทำข้อมูลภาษีที่มีความยุ่งยาก การลดขั้นตอนการทำงานที่มีความซ้ำซ้อน หรือ การลดสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้การดำเนินการต่างๆ ในองค์กรเกิดความล่าช้า"

ปกาสิต บอกว่า เบรนเนอร์จี้ เน้นมาตรฐานการให้บริการที่ตอบโจทย์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบองค์กรขนาดใหญ่ นำองค์ความรู้ที่แตกต่างแต่ละสายธุรกิจ และความต้องการพื้นฐานที่เหมือนกันทุกธุรกิจมาประยุกต์ใช้เข้าด้วยกัน เพื่อลดจุดด้อยและเสริมจุดแข็งพัฒนาเป็นโซลูชั่น 

ขณะที่ ห้วงเวลาที่ทุกองค์กรเผชิญวิกฤติ เขายอมรับว่า เครือเบญจจินดาเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติที่ทุกคนเจอ ซึ่งทุกองค์กรล้วนได้รับผลกระทบมากน้อยที่ต่างกันไป  

"สำหรับเบรนเนอร์จี้ ผ่านเหตุการณ์มาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ เราต้องเรียนรู้ และสร้างโปรดักส์ ปีนี้เป้าหมายเราหวังไปแตะ 100 ล้าน แต่วันนี้จุดที่เรายืนอยู่ ยังเจอความท้าทาย ลูกค้าชะลอโปรเจคออกไป แต่ยังโชคดีที่มีลูกค้าหลายรายมากกว่า 10 โปรเจค ยังมองว่าการเกิดโควิดเป็นตัวกระตุ้นให้เขาต้องรีบทรานส์ฟอร์ม"



ปกาสิต ขยายความว่า เป้า 100 ล้านบาท หลักๆ มาจากกลุ่มลูกค้าเก่าที่เคย on board ไว้แล้ว และยังทำต่อในส่วนของเฟสถัดไป ซึ่งเบรนเนอร์จี้ พยายามสนับสนุนลูกค้าในทุกส่วนท่ามกลางวิกฤติ ให้ลูกค้าสามารถใช้งานดิจิทัลโซลูชั่นตอบโจทย์การทำงานในยุคนี้ได้จริง 

"ยอมรับว่าวันนี้กลุ่มลูกค้า มีทั้งต้องหยุดการทรานส์ฟอร์มเอาไว้ก่อน เพราะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยเหตุผลวิกฤติ ต้องหยุดหรือปิดหน้าร้าน ธุรกิจดำเนินต่อไม่ได้ ขณะที่อีกกลุ่มที่เป็นกลุ่มพวกซัพพลาย กลุ่มนี้เป็นกลุ่มต้องการนำดิจิทัลโซลูชั่นเข้าไปใช้ และมองหาว่าอะไรที่ทำแล้วทำให้เขา Quick win ได้" 

ชู 3 ดิจิทัลโซลูชั่นบุกองค์กรทุกระดับ 

ปกาสิต มองว่า ทั้ง 3 ดิจิทัลโซลูชั่นหลัก ที่เป็นจะเป็นเรือธงของเบรนเนอร์จี้นับจากนี้ จะตอบโจทย์การทำงานในองค์กรต่างๆ ยุคนี้ได้ดี และช่วยลดต้นทุน ไม่ว่าจะเป็น โซลูชั่น SmartTAX ระบบจัดทำและนำส่งข้อมูลภาษีอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานที่กรมสรรพากรกำหนด SmartFLOW ระบบการจัดการและขออนุมัติเอกสารออนไลน์ และ SmartSIGN ระบบลงลายมือชื่อดิจิทัล ซึ่งทั้ง 3 โซลูชั่นยังเป็นไปตามกฏหมายด้านธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด 

"กลุ่มลูกค้าหลักของเรา มีทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม รีเทล ประกันภัย ธนาคาร พลังงาน และเร็วๆ นี้จะเข้าไปมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ซึ่งเรามองว่า เขามีศักยภาพในแง่ของการพัฒนาโปรดักส์ แต่จะดีมากหากมีระบบหลังบ้านที่ดี ธุรกิจจะเดินไปเร็วขึ้นตรงนี้เป็นโรดแมพของเรา"

มอง"คลาวด์"โตสะพัด3หมื่นล. 

ปกาสิต ยังมองเทรนด์ของการใช้คลาวด์ในยุคนี้ด้วยว่า ถือเป็นอินฟราฯ สำคัญของดิจิทัลโซลูชั่นต่างๆ ว่ายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไทยน่าจะมีเม็ดเงินมากกว่า 30,000 ล้านบาท และมองว่าวิกฤติจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการใช้คลาวด์เพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาลในภาคธุรกิจ 

"เราจะพบว่าการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยทำงานในองค์กร ทั้งรวดเร็ว สะดวก ปลอดภัย รวมถึงการ save cost และช่วยตอบโจทย์ pain point ทั้งในเรื่อง Process การทำงานรูปแบบเดิมและการทำงานในสถานการณ์โควิดแล้ว ในอนาคต หลังจากนี้ หากมีการเร่งให้เกิดดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ได้ทุกภาคส่วน ก็น่าจะเกิด การทำงานที่คล่องตัวและฉับไว้ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน-รัฐ เอกชน-เอกชน หรือรัฐ-รัฐ เพราะข้อมูลทุกอย่างจะถูกคุยกันบนแพลตฟอร์มดิจิทัล"

ขณะเดียวกัน เขาย้ำว่า สิ่งหนึ่งที่เบรนเนอร์จี้พยายามทำ คือ การดีไซน์โซลูชั่นที่จะเน้นการดีไซน์บายลอว์ ไม่ได้เน้นดีไซน์บายแพชชั่น ซึ่งอาจต่างจากสตาร์ทอัพ หรือบริษัทรายอื่น คือ มีแพชชั่นมาแล้วคิดว่าอยากจะทำ 

"เรามองว่าถ้าเราจะเสิร์ฟ และโฟกัสในส่วนของ document management ต่างๆ มันต้องปฏิบัติตามกฏหมาย ซึ่งไม่ใช่แต่กฏหมายในไทยแต่ต้องมองไปถึงกฏหมายในต่างประเทศด้วย"