• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jenny937

#3101


รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (11) ว่าผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรัฐบาลไทย รัชดา ธนาดิเรก กล่าวผ่านแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (11) ว่า ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (National Center for Genetic Engineering and Biotechnology) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 แบบสเปรย์พ่นจมูกนั้นเตรียมที่จะเริ่มต้นการศึกษาวิจัยในคนได้ภายในสิ้นปีหลังจากที่ผลการวิจัยเบื้องต้นกับหนูก่อนหน้าชี้ไปให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพ

โดยในแถลงการณ์ระบุว่า สเปรย์พ่นจมูกต้านโควิด-19 นี้ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาจากองค์การอาหารและยาเพื่อขออนุญาตต่อไป

โฆษกรัฐบาลชี้ว่า การศึกษาจะรวมไปถึงการใช้เพื่อดูประสิทธิภาพในการปกป้องจากไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยเฟสที่ 2 จะเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคมปี 2022 และเป้าหมายของการผลิตสำหรับการใช้เป็นวงกว้างภายในช่วงกลางปีหน้าได้หากผลการวิจัยสัมฤทธิ

รอยเตอร์รายงานว่า ในเวลานี้นักวิจัยทั่วโลกต่างเริ่มพัฒนาสเปรย์พ่นจมูกเพื่อป้องกันและรักษาโรคโควิด-19 โดยชี้ไปว่าจมูกถือเป็นช่องทางสำคัญของไวรัส

นอกเหนือจากนี้วัคซีนโควิด-19 เทคโนโลยี mRNA ของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์และวัคซีนเชื้อตายของมหาวิทยาลัยมหิดลกำลังจะเริ่มเฟส 2 ของการศึกษาในคนภายในเดือนสิงหาคมนี้

ที่ผ่านมาไทยนั้นพึ่งพาวัคซีนซิโนแวคและวัคซีนซิโนฟาร์มของจีน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่มีโรงงานผลิตในประเทศและวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคที่ได้รับการบริจาคจากสหรัฐฯ ใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านหน้า

รัฐมนตรีสาธารณสุขไทยแถลงในวันพุธ (11) ว่า วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคจำนวน 32.5 ล้านโดสจะส่งมอบมาไทยภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลทำให้มีจำนวนการสั่งซื้อทั้งสิ้น 30 ล้านโดส และรวมกับจำนวนที่ได้รับการบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐฯ

ไทยแจกจ่ายวัคซีนไปแล้ว 6.8% ของประชากรทั้งหมด 66 ล้านคน
#3102


กลุ่มบางจากฯ โดยบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ร่วมจัด โครงการปันกันอิ่ม เฟสพิเศษ ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ สนับสนุนภารกิจกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มอบอาหารกล่องแก่ชุมชนรวม 57 แห่ง ในพื้นที่ 9 เขตในกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและผู้ด้อยโอกาส

และสนับสนุนอาหารจากผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยและร้านพันธมิตรในสถานีบริการน้ำมันบางจากอย่างต่อเนื่อง รวมกว่า 20,000 อิ่ม ระหว่างวันที่  12-15 สิงหาคม 2564

ก่อนหน้านี้ บริษัท บางจากฯ ได้จัดโครงการบางจากฯ ปันกันอิ่มเฟสที่ 1 และขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการเฟสที่ 2 และยังมีโครงการปันกันอิ่มในพื้นที่พระโขนง – บางนา ปันกันอิ่มให้แคมป์คนงานก่อสร้าง และปันกันอิ่มรอบโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ช่วยอุดหนุนเจ้าของธุรกิจและช่วยบรรเทาภาระแก่ผู้รับที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

โดยระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม ถึง 15 สิงหาคม ได้สนับสนุนร้านอาหารในพื้นที่รอบโรงกลั่น ในพื้นที่เขตพระโขนง-บางนา รวมถึงร้านอาหารและผู้ประกอบการรายย่อยและร้านพันธมิตรในสถานีบริการน้ำมันบางจากในกทม. ปริมณฑล รวมเกือบ 100 ร้าน และส่งมอบอาหารรวมกว่า 40,000 อิ่ม ผ่านทุกโครงการ
#3103


แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการเราชนะในส่วนของกรอบวงเงินในโครงการจากเดิมที่ได้รับจัดสรรวงเงินประมาณ 2.8 แสนล้านบาท ปรับลดลงเหลือ 2.73 แสนล้านบาท โดยปรับลดลงประมาณ 6.76 พันล้านบาท

ทั้งนี้วงเงินที่ปรับลดลงเหลือ 2.73 แสนล้านบาทดังกล่าวได้รวมวงเงินที่อยู่ระหว่างดำเนินการระงับสิทธิ์ชั่วคราวของผู้ประกอบการที่กระทำการเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการเราชนะวงเงินประมาณ1.42 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้ประกอบการและประชาชนที่กระทำการเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯซึ่งหกาตรวจสอบแล้วไม่พบการทุจริตจะดำเนินการยกเลิกการระงับสิทธิ์แอปพลิเคชั่น "ถุงเงิน"และจ่ายเงินให้กับร้านค้าต่อไป


สำหรับผลการดำเนินงานของโครงการเราชนะกระทรวงการคลังได้รายงานให้ที่ประชุม ครม.รับทราบว่า ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 มีผู้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการฯจำนวนทั้งสิ้นกว่า 33.22 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มผู้มีบัตรสัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13.6 ล้านคน กลุ่มผู้มีแอพพลิเคชั่นเป๋าตังค์จำนวน 8.3 ล้านคน

กลุ่มผู้ลงทะเบียนฯจำนวน 8.71 ล้านคน และกลุ่มต้องการความช่วยเหลือ จำนวน 2.4 ล้านคน โดยมีผู้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการฯที่ใช้จ่ายจนครบวงเงินสิทธิ์จำนวนกว่า 2.72 แสนล้านบาท โดยในจำนวนนี้รวมวงเงินที่ต้องมีการดำเนินการโอนเงินซ้ำให้แก่ผู้ประกอบการที่โอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 645,533.77 บาท

กระทรวงการคลังโดย สศค. ได้มีการกำหนดแนวทางเพื่อควบคุมและป้องกันการกระทำผิดวัตถุประสงค์ของโครงการฯ อย่างเข้มงวด โดยได้มีการจัดตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะ โดยคณะทำงานฯ ในการติดตามตรวจสอบผู้ประกอบการและประชาชนที่กระทำการเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ อย่างต่อเนื่องในกรณีที่ตรวจพบธุรกรรมที่มีความผิดปกติและเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ เช่น การรับ แลกวงเงินสิทธิ์เป็นเงินสด เป็นต้น จะดำเนินการระงับสิทธิ์ชั่วคราวการเข้าร่วมโครงการฯ และร่วมมือกับ หน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป 

โดยปัจจุบันกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบผู้ประกอบการที่มีธุรกรรมผิดปกติและเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯจำนวน 3,000 ราย โดยมีวงเงินการระงับสิทธิ์ชั่วคราวของผู้ประกอบการที่กระทำการเข้าข่ายผิดหบักเกณฑ์และเงื่อนไขอยู่ประมาณ 1.42 หมื่นล้านบาท
#3104


ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไม่เพียงแต่ได้สุดยอดนักเตะเบอร์ 1 ของโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี แบบไม่เสียค่าตัว แต่ชื่อเสียงของเจ้าตัวก็ส่งผลดีให้ยักษ์ใหญ่แห่ง ลีก เอิง ได้แฟนคลับเพิ่มขึ้นแบบอักโขทาง โซเชียล มีเดีย

เพียงแค่วันแรกที่ชูเสื้อเปิดตัว เสื้อหมายเลข 30 ของ เมสซี ในชุดของ เปแอสเช ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนขาดตลาดภายใน 30 นาที แม้จะไม่ใช่เบอร์ 10 อันเป็นเอกลักษณ์ แต่แฟนๆ ก็อยากครอบครองเสื้อซูเปอร์สตาร์คนนี้ล้นหลาม

ไม่เพียงแค่เสื้อแข่ง มีการเปิดเผยด้วยว่ายอดติดตามทางอินสตาแกรมของ เปแอสเช เดิมทีเคยมีผู้ติดตามอยู่ 19.8 ล้านยูเซอร์ แต่พอแข้งวัย 34 ปี ย้ายสู่ ปาร์ค เดอ แปรงส์ ตัวเลขก็พุ่งขึ้นอีก 20.2 ล้านยูเซอร์ ทำให้ตอนนี้ IG ของทีม มียอดติดตามเกิน 40 ล้านยูเซอร์ไปเรียบร้อย
#3105


นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงรายได้ของธุรกิจและประชาชน ส่งผลให้ ธปท.จำเป็นต้องออกมาตรการช่วยเหลือช่วยเหลือลูกหนี้เพื่อดูแลผลกระทบที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี สถานการณ์การระบาดในปัจจุบันที่ยืดเยื้อกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้มาตรการที่เดิมเน้นช่วยเหลือระยะสั้นต้องปรับให้เหมาะสมมากขึ้น

โดย ธปท.มองว่ามาตรการช่วยเหลือผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้จะสามารถตอบโจทย์ช่วยเหลือลูกหนี้ระยะยาวได้มากกว่ามาตรการพักชำระหนี้ ซึ่งภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้ยังเดินต่อในช่วงที่พักชำระ อย่างไรก็ดี การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในช่วงที่ผ่านมาในรายละเอียดเป็นการยืดระยะเวลาสินเชื่อ หรือพักชำระหนี้ให้ในระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่ในระยะถัดไป ธปท.อยากเห็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การแฮร์คัทหนี้ หรือการลดดอกเบี้ย เป็นต้น


อย่างไรก็ดี การจัดทำมาตรการในดังกล่าว ไม่สามารถทำในลักษณะที่เหมือนกันได้ในทุกกรณี (One Size Fits All) เช่น กลุ่มเอสเอ็มอี หรือกลุ่มไมโครเอสเอ็มอี ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ในการปรับโครงสร้างหนี้อาจกินระยะเวลานานกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ เบื้องต้นคาดว่าบางวงจรธุรกิจอาจใช้ระยะเวลาไม่นานเพียง 3-6 เดือน แต่บางวงจรธุรกิจอาจกินระยะเวลานานถึง 10 ปี เป็นต้น แต่หากระหว่างทางธุรกิจมีทิศทางที่ดีขึ้นก็สามารถกลับมาชำระเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ในลักษณะนี้จะช่วยลดความยุ่งยากและระยะเวลาการดำเนินการแต่ละครั้ง จากเดิมที่ลูกหนี้ต้องติดต่อสถาบันการเงินเพื่อเข้าร่วมโครงการเป็นครั้งไป

"อย่าลืมว่ากลุ่มนี้คือลูกหนี้ชั้นดี หากมีแผลเป็นจากภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้และลูกหนี้ไม่สามารถอยู่รอดได้ ธนาคารก็ไม่สามารถอยู่รอดได้เช่นเดียวกัน ขณะที่การประคับประคองสั้นๆ คงช่วยลูกหนี้กลุ่มนี้ต่อไปไม่อยู่ ดังนั้น การทำมาตรการช่วยเหลือเรามองว่าควรส่งผ่านไปในระยะยาวมากขึ้น แต่นอกจากมิติด้านเวลาแล้ว จะต้องมีการช่วยเหลือผ่านการแฮร์คัทหนี้ ตัดต้น-ตัดดอกบ้าง และให้ผ่อนจ่ายเบาๆ ก่อนค่อยเพิ่มจำนวนขึ้นไปเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมา"

ในการนี้ ธปท.ขอความร่วมมือไปยังสถาบันการเงินต่างๆ โดยสามารถดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้ได้ทันที รวมถึงอยู่ระหว่างหารือร่วมกันเกี่ยวกับการออกมาตรการสร้างแรงจูงใจ (Incentive) เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างเต็มที่ หนึ่งในนั้นคือการที่สถาบันการเงินไม่ต้องจัดชั้นลูกหนี้ที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลือเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพราะหากเป็น NPL แล้วจะส่งผลให้สถาบันการเงินมีภาระตามหลักเกณฑ์ต่างๆ ตามมา เช่น การตั้งสำรองหนี้ เป็นต้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะครบกำหนดอายุในสิ้นปี 2564

ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการจูงใจดังกล่าวจะเห็นความชัดเจนภายในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นมาตรการที่คณะกรรมที่เกี่ยวข้องสามารถดูแลจัดทำได้ทันที ไม่จำเป็นต้องนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)
#3106


การแข่งขันฟุต.เคลีก เกาหลีใต้ เมื่อวันพุธที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา ระหว่าง ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ลงสนามนัดที่ 21 ของฤดูกาล เปิดบ้านรับการมาเยือนของ กวางจู เอฟซี

โดยเกมนี้ ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่ต้อนเอาชนะผู้มาเยือน 3-0 ขณะที่ "เจ้าพี" ศศลักษณ์ ไหประโคน ถูกส่งลงสนามมาเล่นตำแหน่งกองกลางในนาทีที่ 80 แทนที่ของ พัค ซึง-โฮ

จากชัยชนะในเกมนี้ส่งผลให้ ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส มีเพิ่มเป็น 39 แต้ม ตามหลังจ่าฝูง อย่าง วุลซาน ฮุนได อยู่ 5 คะแนน แต่แข่งน้อยกว่า 2 นัด

ซึ่งในเฟซบุ็กของ ศศลักษณ์ ไหประโคน มีการเผยภาพของพ่อและญาติพี่น้องของดาวเตะชาวไทย ที่ล้วนสวมเสื้อแข่งของทีม ชนบุค ออกมานั่งดูจอโทรศัพท์ให้กำลังใจอยู่กลางทุ่ง โดยมีแฟนคลับ และเพื่อนๆ ของ "เจ้าพี" มาคอมเม้นท์ให้กำลังใจอย่างล้นหลาม

สำหรับโปรแกรมต่อไป ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เอฟซี โซล ในวันที่ 15 สิงหาคม 2564 เวลา 16.00น. ตามเวลาประเทศไทย
#3107


นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการมองตลาดเร็วและพร้อมปรับตัวรองรับทุกสถานการณ์ ตลอดเวลา (Speed to Market) ส่งผลให้ 7 เดือนที่ผ่านมาบริษัทสามาถทำยอดขายรวมได้ถึง 20,600 ล้านบาท หรือเกือบ 70% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 13,700 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 6,900 ล้านบาท สัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบเพิ่มเป็น 67% โดยบ้านเดี่ยวแบรนด์ เศรษฐสิริได้รับการตอบรับที่ดี อาทิ โครงการ เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา2, เศรษฐสิริ พระราม 5 และเศรษฐสิริ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า2 เป็นต้น รวมทั้งทาวน์โฮมภายใต้แบรนด์"สิริ เพลส" ซีรี่ย์ล่าสุด Dream Destination ทั้ง สิริ เพลส บางนา - เทพารักษ์ และ สิริ เพลส วงแหวน - ลำลูกกา ที่ทำยอดขายกว่า 80% ของยูนิตที่เปิดขาย


ขณะที่คอนโดมิเนียม แบรนด์เดอะ มูฟ หนึ่งในโปรดักส์ไฮไลท์ในปีนี้ ที่รองรับเซกเมนต์ในระดับราคาที่เข้าถึงง่าย ได้รับการตอบรับที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเดอะ มูฟ เกษตรเดอะ มูฟ ราม 22 ขายหมดทุกยูนิตที่เปิดขายในทั้ง 2 โครงการ คาดว่าจะส่งต่อความสำเร็จไปสู่ "เดอะ มูฟ บางนา" เป็นโครงการที่ 3 ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท ที่เตรียมพรีเซลล์เป็นโครงการต่อไป

นายอุทัย ระบุว่า ช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมาบริษัทมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 18,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 60% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 55 : 45 โดยครึ่งปีหลัง บริษัทยังเตรียมโอนคอนโดมิเนียม เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา และ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ – รังสิตรองรับการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ตามเป้าหมายรายได้จากการขายที่วางไว้ 27,600 ล้านบาท โดยล่าสุด แสนสิริมี รายได้ในมือที่รองรับแล้ว(Secured Revenue)ถึง 22,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 83% เหลืออีกเพียง 17% เท่านั้น ก็จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้อย่างแน่นอน

สำหรับคอนโดมิเนียม เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา จำนวน 603 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท พร้อมสระว่ายน้ำสีทองแชมเปญบนชั้นดาดฟ้า พร้อมวิวอ่าวไทย ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 70% พร้อมเข้าอยู่ในเดือนก.ย. เริ่มโอนวันที่ 4 – 5 ก.ย.นี้

โครงการดีคอนโด ไฮด์อเวย์ คอนโดมิเนียมโลว์ไลส์ สูง 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร 800 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ขนาดพื้นที่โครงการ 10 ไร่ แบ่งออกเป็น พื้นที่ส่วนกลาง 8 ไร่ พร้อมพื้นที่สีเขียว 2.5 ไร่ ครบทั้งสระว่ายน้ำ สวนผักออแกนิกส์ Jogging Track คลับเฮาส์พร้อมฟิตเนส Co-working space และจัดสรรพื้นที่สำหรับจอดรถไว้ถึง 40% บนทำเลศักยภาพ โซนรังสิต ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รองรับกลุ่มนักศึกษา คนทำงาน และนักลงทุน ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท โดยอัตราค่าเช่าในทำเลนี้ยังมีผลตอบแทนที่สูงด้วยเช่นกัน โดยมีอัตราค่าเช่าที่ 8,500 - 10,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่า (Yield) ประมาณ 5.5% ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้ว 60% พร้อมโอนในเดือนต.ค.นี้
#3108


แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม "ไมซ์" (MICE : การจัดประชุม ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) ในปัจจุบัน แต่สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ "ทีเส็บ" ยังคงเดินหน้าผลักดันโครงการ "MICE Winnovation" ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการไมซ์นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจ ยกระดับการจัดงานไมซ์ในภาวะวิกฤติ

จารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้อำนวยการฝ่าย MICE Intelligence และนวัตกรรม ทีเส็บ กล่าวว่า นวัตกรรมและเทคโนโลยีได้กลายเป็นเครื่องมือจำเป็นที่ช่วยผู้ประกอบการไมซ์ดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น! เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และได้คิดค้นเทคโนโลยีรองรับงานไมซ์ในยุควิถีปกติใหม่แล้ว ยังช่วยขยายการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายทั่วโลกอีกด้วย

"ประเทศไทยมีแหล่งจัดงานไมซ์หรือศูนย์แสดงสินค้าอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสร้าง S-Curve ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ด้วย ซึ่งสอดรับกับการจัดงานอีเวนท์ในช่วงที่โควิด-19 ยังระบาด เทรนด์การจัดงานในปีนี้จะเป็นแบบเสมือนจริงหรือไฮบริด (Virtual and Hybrid Event) มากขึ้น ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย การปฏิบัติการเพื่อลดการสัมผัส การบริหารจัดการฝูงชนผู้เข้าร่วมงานเพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม และหันมาจัดงานนอกสถานที่ (Outdoor Activities) มากขึ้น"

โดยในช่วงที่ผ่านมาทีเส็บได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น "BizConnect" สำหรับการจัดงานอีเวนท์และงานแสดงสินค้าเพื่อตอบโจทย์งานไมซ์ในยุคดิจิทัล รวบรวมงานไมซ์ 78 งาน มีผู้ใช้งาน 24,571 ราย และสร้างการรับรู้กว่า 48,300 ราย นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม "Thai MICE Connect.com" มาร์เก็ตเพลสธุรกิจไมซ์เชื่อมโยงผู้ซื้อผู้ขายทั้งในตลาดไทยและตลาดโลก โดยจากการรวบรวมข้อมูลล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2563-14 พ.ค.2564 ซึ่งโควิด-19 ยังระบาด พบว่ามีธุรกิจไมซ์กว่า 10,201 ราย มีผู้เข้าชมแพลตฟอร์ม 603,656 ราย, เกิดปฏิสัมพันธ์ (Engagements) 112,930 ครั้ง และมีผู้ใช้งานใหม่ 129,851 ราย

"เมื่อมีการนำแพลตฟอร์มมาใช้เพื่อตอบโจทย์การเจรจาธุรกิจแบบ B2B ยังสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของผู้เข้าร่วมงานไมซ์ทั้งก่อน-ระหว่าง-หลังเข้าชมงานได้ โดยเฉพาะระหว่างเข้าชมงานแสดงสินค้าว่าผู้เข้าร่วมงานสนใจดูข้อมูลสินค้าตัวไหนแบบซ้ำๆ บนแพลตฟอร์ม เพื่อนำไปสู่การปิดดีลซื้อสินค้าให้ได้ภายใน 3-6 เดือนหลังการจัดงาน เมื่อขายของได้ คนขายก็กลับมาใช้งานแพลตฟอร์มมากขึ้น นับเป็นการสร้างประสบการณ์มากกว่าการจับคู่เจรจาธุรกิจทั่วไป"

จารุวรรณ เล่าเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการ "MICE Winnovation" เป็นการบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สนับสนุนให้การจัดงานไมซ์เดินหน้าต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และเตรียมความพร้อมรองรับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต!

ผลการดำเนินโครงการฯระหว่างเดือน มี.ค.-ก.ค.ที่ผ่านมา มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไมซ์และผู้ให้บริการนวัตกรรมด้านไมซ์มากถึง 152 คู่ นำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ รองรับการจัดงานไมซ์ร่วมกัน มีการจับคู่ขอรับการสนับสนุนจากทีเส็บจำนวน 35 งาน โดยมีงานที่ผ่านการพิจารณาได้รับการสนับสนุนแล้วทั้งสิ้น 18 งาน แบ่งเป็นการสนับสนุนเทคโนโลยีการจัดงานแบบเสมือนจริงหรือไฮบริด จำนวน 15 งาน และเป็นการสนับสนุนเทคโนโลยีบริหารจัดการผู้เข้าร่วมงาน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ จำนวน 3 งาน

ปัจจุบันมีงานที่จัดไปแล้ว 2 งาน คือ งานประชุมใหญ่ "ไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย" ครั้งที่ 55 ระหว่างวันที่ 7-9 พ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมงานออนไลน์จากทั่วประเทศ 2,318 คน และงาน "Bangkok Projection Mapping Competition 2021" (BPMC 2021) ซึ่งเป็นงานประกวดออกแบบสื่อภาพเคลื่อนไหว ระหว่างวันที่ 12-20 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ชมงานผ่านไลฟ์สตรีมมิ่งบนเฟซบุ๊กร่วม 20,000 ราย ส่วนงานที่เหลือมีกำหนดทยอยจัดในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564

"ผลตอบรับโครงการนี้ถือว่าดีมาก เป็นไปตามที่ทีเส็บต้องการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้จัดงานได้จริง ตอบโจทย์การแก้ปัญหาได้ตรงใจ และเกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสามารถในการดำเนินงานให้กับผู้ประกอบการไมซ์แล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจแก่กลุ่มผู้ให้บริการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของไทย ทั้งยังเป็นการพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มาช่วยเสริมสร้างศักยภาพยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในระดับนานาชาติอีกด้วย"

ขณะเดียวกันโครงการ MICE Winnovation ยังได้มีการพัฒนา "MICE Innovation Catalog" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลผู้ให้บริการนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมไมซ์ และเป็นพื้นที่ทางการตลาดให้ผู้ประกอบการไมซ์เฟ้นหาคู่ค้า มีการจัดแบ่งหมวดหมู่นวัตกรรมไมซ์ครอบคลุมตั้งแต่ก่อนเริ่มงานจนจบงาน ซึ่งทีเส็บและพันธมิตรจากทั้งภาครัฐและสมาคมในอุตสาหกรรมไมซ์ได้ร่วมพิจารณาคัดเลือกนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เหมาะสมนำมาบรรจุไว้ใน MICE Innovation Catalog เป็นประจำทุกเดือน เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ผู้ประกอบการไมซ์สามารถเลือกใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันบนแพลตฟอร์มมีนวัตกรรมด้านไมซ์ที่พร้อมให้บริการกว่า 70 นวัตกรรม จาก 50 บริษัท
#3109


นีรนุช กนกวิไลรัตน์ ผู้จัดการด้านงานวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท เอ็ดมันด์ ไต แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โควิดระลอกแรกผู้ประกอบการ "ปิดสำนักงานขาย" พร้อมกับชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่! หลังจากนั้นไตรมาสสามปี 2563 เมื่อสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ดีเวลลอปเปอร์ปรับกลยุทธ์การตลาดรุกผ่านช่องทางออนไลน์ หรือโซเชียลคอมเมิร์ซมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตไทยชอปปิงออนไลน์สูงถึง 83% และทำการซื้อสินค้าผ่านมือถือถึง 71% และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย


"ปัจจุบันลูกค้าสามารถจองคอนโดผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทำให้ผู้ซื้อต่างชาติสามารถเข้าถึงอสังหาฯ ในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ไม่เฉพาะคนไทย เท่ากับว่าผู้ประกอบการสามารถขยายช่องทางขายไปต่างประเทศไทยง่ายขึ้น ทำให้ไตรมาสสามปี 2563 เริ่มมีการเปิดตัวโครงการใหม่ มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 10,302 ยูนิต"

อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรกปี 2564 กลับปรับลดลงเหลือ 1,963 ยูนิต เนื่องจากเริ่มมีการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ แต่ในไตรมาสสอง จำนวนยูนิตที่เปิดตัวขยับขึ้นมา4,214 ยูนิต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบางโครงการที่เปิดตัวในไตรมาสแรกปีนี้เป็นโครงการที่มีจำนวนห้องหลายยูนิต บางโครงการ 1,000 ยูนิต ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดเกรดซี ส่วนคอนโดเกรดเอมีเพียง 1 โครงการที่เปิดตัวในไตรมาสที่สองคือ "ไรส์ เจริญนคร ลักซ์ นีโอ คลาสสิค" เป็นคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชื่อเดิม "อิมเพรสชั่น เจริญนคร" ผู้พัฒนาโครงการ ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ สูง 22 ชั้น จำนวน 170 ยูนิต ราคา 180,000 ต่อตร.ม. เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อที่ต้องการอยู่อาศัยแบบครอบครัว ด้วยจุดขายยูนิตละ 2 ห้องนอน

"จำนวนโครงการที่เปิดตัวในไตรมาสสองปีนี้ ส่วนใหญ่จับกลุ่มคนทำงาน และนักลงทุนคนไทยที่ซื้อเพื่อขายต่อหรือปล่อยเช่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น และจากตลาดคอนโดที่เริ่มชะลอตัวตั้งแต่ปี 2562-2563 ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่โฟกัสบ้านจัดสรร และลดจำนวนการเปิดตัวโครงการคอนโดในปีนี้ หันจับตลาดที่มีกำลังซื้อน้อย และปานกลาง ด้วยการเปิดตัวเซกเมนต์ราคาไม่แพง (affordable price) กลุ่มกำลังซื้อน้อยสามารถซื้อได้"

สำหรับอัตราการจองคอนเปิดตัวใหม่ในไตรมาสสองที่ผ่านมา เฉลี่ย 33.1% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกอัตราการจอง 31.7% เพราะโครงการที่เปิดตัวในไตรมาสสอง ส่วนหนึ่งขายได้ถึง 80-90% จากการลงสนามเซกเมนต์ราคาไม่แพงของรายใหญ่ อาทิ แสนสิริ โนเบิล พฤกษา ออริจิ้น ราคาที่เข้าถึงทำให้เกิดยอดจองเร็ว (Presale) อาทิ เดอะมูฟ คอนโด ของแสนสิริ


"การจองคอนโดปัจจุบันไม่จำเป็นใช้เงินเยอะเหมือนสมัยก่อน ทำให้ลูกค้าตัดสินใจง่าย ยิ่งเป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ โลเกชั่นดี และราคาไม่แพง ตร.ม.ไม่ถึงแสน ลูกค้าจับต้องได้ ยอดจองจึงเร็วกว่าปกติ "

ส่วนราคาขายคอนโดนเกรดเอ ระดับลักชัวรี และซูเปอร์ลักชัวรี ที่มีราคาตั้งแต่ 150,000 ต่อตร.ม.ขึ้นไป ในไตรมาสสองมีแค่ไรส์ เจริญนคร ลักซ์ นีโอ คลาสสิค ที่มีราคาเฉลี่ย 180,000 บาท ต่อตร.ม. โครงการเดียว จากไตรมาสแรกมีการเปิดตัวหลายโครงการทำให้ราคาคอนโดไตรมาสแรกเฉลี่ยอยู่ที่ 240,000 บาทต่อตรม. ทั้งนี้เนื่องจากบรรยากาศของตลาดไม่เอื้อกับการเปิดตัวโครงใหม่ ที่เป็นโครงการหรูที่อยู่ใจกลางเมืองทำให้ราคาปรับตัวลดลง

"แนวโน้มของตลาดคอนโดในปีนี้ จะได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์และคำสั่งปิดแคมป์ก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้การสร้างคอนโดไม่เสร็จได้ทันตามเวลาที่กำหนด หรือแม้ว่าจะสร้างเสร็จตรงเวลาได้แต่ผู้ประกอบการจะเลื่อนเปิดตัวโครงการในไตรมาสสามและสี่ออกไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นโครงการเกรดเอหรือระดับแมส ที่มีราคาตร.ม.ละ 70,000-80,000 บาท ในพื้นที่รอบนอก คาดว่าโครงการคอนโดเปิดตัวใหม่ในปีนี้เทียบปี 2563 ลดลง 25-30%"

เวลานี้ตลาดเต็มไปด้วยปัจจัยลบ!! ไม่ว่าจะจำนวนสต็อกที่ค้างอยู่จำนวนหนึ่ง บรรยากาศไม่เอื้อต่อการซื้อและลงทุน ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น เพราะไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจ จาก "วิกฤติโควิด" ที่ไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน? แนวโน้มผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องทุกวัน สถานการณ์นี้ยิ่งนานก็ยิ่งมีผลกับสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ิอ่อนแอลง กระทบเป็นลูกโซ่ต่อธุรกิจ และการใช้ชีวิต
#3110


วันนี้ (9 ส.ค.2564) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล กำหนดให้การ ฉีดวัคซีน เป็นวาระแห่งชาตินั้น ในส่วนของกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการตามมาตรการปิดแคมป์คนงานเป็นเวลา 1 เดือน

โดยมีเป้าหมายดำเนินการฉีด 3,500 คนต่อวัน จาก แคมป์คนงาน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด 611 แคมป์ คนงาน 83,082 คน เป็นคนไทย 32,471 คน ต่างด้าว 50,611 คน

'ศูนย์ฉีดวัคซีนแคมป์คนงาน' เปิดให้ฉีดรองรับ 3,500 คนต่อวัน
นายสุชาติ กล่าวต่อว่าวันนี้เป็นวันแรกที่กระทรวงแรงงาน โดยโรงพยาบาลในเครือประกันสังคม
กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร ได้เปิด ศูนย์ฉีดวัคซีนแคมป์คนงาน

โดยแห่งแรกที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร มีศักยภาพการฉีดวันละ 2,000 คน มีทีมแพทย์พยาบาลจากโรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนล สมุทรสาครให้การดูแลการฉีด


แห่งที่ 2 ที่ ศูนย์ ณ อาคารลุมพินีทาวเวอร์ ถนนวิภาวดี แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มีศักยภาพการฉีด 1,500 คนต่อวัน มีทีมแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์ สนับสนุนในการฉีดวัคซีนโควิด-19


พร้อมเปิดให้บริการ 9-31 ส.ค.นี้เว้นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
สำหรับ ศูนย์ฉีดวัคซีนแคมป์คนงาน ทั้ง 2 แห่งจะให้บริการตั้งแต่วันที่ 9 - 31 สิงหาคมนี้ เว้นวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์

"การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในแคมป์คนงาน เป็นหนึ่งในมาตรการที่กระทรวงแรงงาน ให้การป้องกันรักษาโดยเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้แก่คนงานในแคมป์ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในกลุ่มคนงาน เป็นการสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนทั่วไปที่อยู่อาศัยบริเวณชุมชนรายรอบแคมป์คนงาน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ภาคแรงงาน ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้"นายสุชาติ กล่าว
#3111


จากมติคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2564 ได้กำหนดการใหม่สำหรับการประมูลการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (Package)

หลังจาก สำนักงาน กสทช.ได้เปิดให้ผู้สนใจเข้ามายื่นเอกสารหลักฐานเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกฯ ในวันที่ 5 ก.ค.2564 มี บริษัท ทีซี สเปซ คอนเน็ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ถือหุ้น 100% เข้ามายื่นเอกสารเข้าร่วมการคัดเลือกเพียงรายเดียว

ทำให้หลังจากนั้นสำนักงาน กสทช.จึงเปิดให้ผู้สนใจรับเอกสารการคัดเลือกเพิ่มเติม ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.-6 ส.ค.2564 ผลปรากฏว่า มีบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เข้ามารับเอกสารการคัดเลือกเพิ่มเติม ในวันที่ 6 ส.ค.2564 เวลา 16.20 น.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้ผู้ที่สนใจขอรับเอกสารการคัดเพิ่มเติม อีกเพียงรายเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ในขั้นตอนต่อไป จะมีการจัดการประชุมสัมมนาเพื่อชี้แจงกระบวนการประมูลและกรอกแบบคำขอรับอนุญาต(public information session) วันนี้ (9 ส.ค.2564) จากนั้นผู้ประสงค์ขอรับอนุญาตยื่นคำขอรับอนุญาตและวางหลักประกันการขอรับอนุญาต วันที่ 11 ส.ค.2564 โดยในขั้นตอนนี้ บริษัท มิวสเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัดสามารถเข้ามายื่นขอรับใบอนุญาตฯ ได้ หลังจากมาขอรับเอกสารการคัดเลือกในรอบแรก และต้องรอดูว่า NT จะเข้ามายื่นขอรับใบอนุญาตฯ หรือไม่ ก่อนที่ประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเป็นผู้เข้าร่วมการคัดเลือก วันที่ 18 ส.ค.2564
จากนั้นประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมการคัดเลือกที่ผ่านเกณฑ์ข้อเสนอด้านประสบการณ์และความสามารถด้านการเงินเพื่อเป็นผู้เข้าร่วมการประมูล วันที่ 24 ส.ค.2564, จัดการประชุมสัมมนาเพื่อชี้แจงขั้นตอนการประมูล (bidder information session) และการประมูลรอบสาธิต (mock auction) วันที่ 25 ส.ค.2564 และประมูล วันที่ 28 ส.ค.2564

สำหรับชุดข่ายงานดาวเทียมทั้ง 4 ชุด ที่จะนำมาประมูลในครั้งนี้ ได้แก่ ชุดที่ 1 ประกอบด้วย วงโคจร 50.5E (ข่ายงานC1, N1 และ P1R) และ วงโคจร 51E (ข่ายงาน 51) ราคาขั้นต่ำ 676.914 ล้านบาท, ชุดที่ 2 ประกอบด้วย วงโคจร 78.5E (ข่ายงาน A2B และ 78.5E) ราคาขั้นต่ำ 366.488 ล้านบาท

ชุดที่ 3 ประกอบด้วย วงโคจร 119.5E (ข่ายงาน IP1, P3 และ 119.5E) และ วงโคจร 120E (ข่ายงาน 120E) ราคาขั้นต่ำ392.950 ล้านบาท และชุดที่ 4 ประกอบด้วย วงโคจร 126E (ข่ายงาน 126E) และ วงโคจร 142E (ข่ายงาน G3K และN5) ราคาขั้นต่ำ 364.687 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจาก กสทช.ยืนยันว่า แม้ว่าในวันที่ 11 ส.ค. 2564 จะไม่มีใครมายื่นเอกสารประมูลดาวเทียมเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้มีเพียงไทยคมรายเดียวที่ได้ยื่นประมูลก่อนหน้านี้ กสทช.ก็ต้องเดินหน้าประมูลในวันที่ 28 ส.ค.2564 โดยยึดมาตรฐานเหมือนการประมูลคลื่นโทรคมนาคมที่มีการขยายเวลาและเดินหน้าประมูลต่อ

อีกทั้ง กสทช.มีหน้าที่ ต้องรักษาวงโคจรของประเทศซึ่งวงโคจรต้องมีดาวเทียมใช้งาน หากประเทศไทยถูก ITU ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้มีการใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมที่ได้รับจริงภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ หรือไม่ได้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง (ไม่มีการใช้คลื่นความถี่บนดาวเทียมจริง) ย่อมมีโอกาสเกิดความเสี่ยงที่ประเทศไทยจะถูกยกเลิกสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและคลื่นความถี่ที่ไม่มีการใช้งานจริง ออกจากทะเบียนความถี่หลักระหว่างประเทศได้ (Master International Frequency Register) และส่งผลให้ประเทศไทยสิ้นสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมนั้น
จากมติคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2564 ได้กำหนดการใหม่สำหรับการประมูลการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (Package)

หลังจาก สำนักงาน กสทช.ได้เปิดให้ผู้สนใจเข้ามายื่นเอกสารหลักฐานเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกฯ ในวันที่ 5 ก.ค.2564 มี บริษัท ทีซี สเปซ คอนเน็ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ถือหุ้น 100% เข้ามายื่นเอกสารเข้าร่วมการคัดเลือกเพียงรายเดียว


ทำให้หลังจากนั้นสำนักงาน กสทช.จึงเปิดให้ผู้สนใจรับเอกสารการคัดเลือกเพิ่มเติม ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.-6 ส.ค.2564 ผลปรากฏว่า มีบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เข้ามารับเอกสารการคัดเลือกเพิ่มเติม ในวันที่ 6 ส.ค.2564 เวลา 16.20 น.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้ผู้ที่สนใจขอรับเอกสารการคัดเพิ่มเติม อีกเพียงรายเดียวเท่านั้น

ทั้งนี้ในขั้นตอนต่อไป จะมีการจัดการประชุมสัมมนาเพื่อชี้แจงกระบวนการประมูลและกรอกแบบคำขอรับอนุญาต(public information session) วันนี้ (9 ส.ค.2564) จากนั้นผู้ประสงค์ขอรับอนุญาตยื่นคำขอรับอนุญาตและวางหลักประกันการขอรับอนุญาต วันที่ 11 ส.ค.2564 โดยในขั้นตอนนี้ บริษัท มิวสเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัดสามารถเข้ามายื่นขอรับใบอนุญาตฯ ได้ หลังจากมาขอรับเอกสารการคัดเลือกในรอบแรก และต้องรอดูว่า NT จะเข้ามายื่นขอรับใบอนุญาตฯ หรือไม่ ก่อนที่ประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเป็นผู้เข้าร่วมการคัดเลือก วันที่ 18 ส.ค.2564

จากนั้นประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมการคัดเลือกที่ผ่านเกณฑ์ข้อเสนอด้านประสบการณ์และความสามารถด้านการเงินเพื่อเป็นผู้เข้าร่วมการประมูล วันที่ 24 ส.ค.2564, จัดการประชุมสัมมนาเพื่อชี้แจงขั้นตอนการประมูล (bidder information session) และการประมูลรอบสาธิต (mock auction) วันที่ 25 ส.ค.2564 และประมูล วันที่ 28 ส.ค.2564
สำหรับชุดข่ายงานดาวเทียมทั้ง 4 ชุด ที่จะนำมาประมูลในครั้งนี้ ได้แก่ ชุดที่ 1 ประกอบด้วย วงโคจร 50.5E (ข่ายงานC1, N1 และ P1R) และ วงโคจร 51E (ข่ายงาน 51) ราคาขั้นต่ำ 676.914 ล้านบาท, ชุดที่ 2 ประกอบด้วย วงโคจร 78.5E (ข่ายงาน A2B และ 78.5E) ราคาขั้นต่ำ 366.488 ล้านบาท
ชุดที่ 3 ประกอบด้วย วงโคจร 119.5E (ข่ายงาน IP1, P3 และ 119.5E) และ วงโคจร 120E (ข่ายงาน 120E) ราคาขั้นต่ำ392.950 ล้านบาท และชุดที่ 4 ประกอบด้วย วงโคจร 126E (ข่ายงาน 126E) และ วงโคจร 142E (ข่ายงาน G3K และN5) ราคาขั้นต่ำ 364.687 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจาก กสทช.ยืนยันว่า แม้ว่าในวันที่ 11 ส.ค. 2564 จะไม่มีใครมายื่นเอกสารประมูลดาวเทียมเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้มีเพียงไทยคมรายเดียวที่ได้ยื่นประมูลก่อนหน้านี้ กสทช.ก็ต้องเดินหน้าประมูลในวันที่ 28 ส.ค.2564 โดยยึดมาตรฐานเหมือนการประมูลคลื่นโทรคมนาคมที่มีการขยายเวลาและเดินหน้าประมูลต่อ

อีกทั้ง กสทช.มีหน้าที่ ต้องรักษาวงโคจรของประเทศซึ่งวงโคจรต้องมีดาวเทียมใช้งาน หากประเทศไทยถูก ITU ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้มีการใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมที่ได้รับจริงภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ หรือไม่ได้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง (ไม่มีการใช้คลื่นความถี่บนดาวเทียมจริง) ย่อมมีโอกาสเกิดความเสี่ยงที่ประเทศไทยจะถูกยกเลิกสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและคลื่นความถี่ที่ไม่มีการใช้งานจริง ออกจากทะเบียนความถี่หลักระหว่างประเทศได้ (Master International Frequency Register) และส่งผลให้ประเทศไทยสิ้นสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมนั้น
#3112


แอนโทนี เฟาซี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับสูงของสหรัฐฯ เร่งเร้าฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นอย่างสมเหตุสมผลโดยเร็วแก่บุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ พร้อมยอมรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำลังจับตาอย่างจริงจังเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อและแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆ ได้

"เราจำเป็นต้องมองพวกเขาต่างออกไป" เฟาซี ให้สัมภาษณ์กับรายการ "Fareed Zakaria GPS" ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) "แน่นอนว่าเราจะมีการฉีดเข็มกระตุ้นให้คนกลุ่มนี้ก่อนฉีดเข็มกระตุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปที่ฉีดวัคซีนแล้ว เราควรทำมันอย่างสมเหตุสมผล"

เฟาซี ยังได้พูดถึงประเด็นถกเถียงที่ขยายวงกว้างมากขึ้น เกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อ "breakthrough" ในบรรดาคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว และควรเห็นชอบฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือไม่ ในขณะที่วันอาทิตย์ (8 ส.ค.) อิสราเอล ซึ่งเป็นชาติแรกของโลกที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในวงกว้าง เผยว่า ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนเข็ม 3 แก่ประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไป แล้วมากกว่า 420,000 ราย

เฟาซี ชี้ว่า คนส่วนใหญ่ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ในนั้นรวมถึงบุคคลที่ผ่านการปลูกถ่ายอวัยวะหรือบุคคลที่ทำเคมีบำบัด "ไม่ได้รับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอย่างเพียงพอ" จากวัคซีนโควิด-19

เมื่อถามว่ากลุ่มคนอื่นๆ ควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วยหรือไม่ เฟาซี ระบุว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) พร้อมออกคำแนะนำดังกล่าวอย่างเร็วที่สุด หากพวกเขาพบเห็นหลักฐานที่ชัดเจนจากข้อมูลที่ได้รับ

เวลานี้ทางซีดีซีกำลังติดตามระดับความคงทนของภูมิคุ้มกันในหมู่คนสูงวัย กลุ่มสูงอายุที่อยู่ตามบ้านพักคนชราและคนหนุ่มสาว แบบเดือนต่อเดือน และทางเฟาซี ระบุว่า "ทันทีที่พวกเขามีระดับความทนทานของภูมิคุ้มกันลดลง เมื่อนั้นคุณอาจได้เห็นคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่คนกลุ่มนี้"

นอกจากนี้แล้ว ทางเฟาซี ยืนยันด้วยว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังจริงจังกับประเด็นเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อ และเขายอมรับว่าตัวกลายพันธุ์เดลตา ซึ่งแพร่เชื้อได้ง่ายมากและกำลังโหมกระพือเคสผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ มากกว่า 100,000 คนต่อวันในเวลานี้จะก่อให้เกิดเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก

ขณะเดียวกัน เฟาซี ยอมรับด้วยว่าตัวกลายพันธุ์เดลตาได้ก่อปัญหาเพิ่มเติม ซึ่งก็คือบุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถแพร่เชื้อไวรัสสู่คนอื่นๆ สถานการณ์ที่ทำให้ทางซีดีซีเปลี่ยนแปลงคำแนะนำด้านการสวมหน้ากากเมื่อไม่นานที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เฟาซี เน้นย้ำว่า "วัคซีนกำลังทำงานได้อย่างดีในสิ่งที่คุณต้องการให้พวกมันทำในเบื้องต้น นั่นคือป้องกันคุณไม่ให้ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ไปจนถึงปกป้องคุณจากการล้มป่วยอาการสาหัส"

ก่อนหน้านี้ เฟาซี ให้สัมภาษณ์กับรายการ "Meet the Press." ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี คาดหวังว่าสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ จะอนุมัติใช้วัคซีนโควิด-19 โดยสมบูรณ์ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ "ผมหวังว่ามันจะเกิดขึ้นภายในเดือนสิงหาคม"

ปัจจุบันวัคซีนต่างๆ ในสหรัฐฯ ยังอยู่ในขั้นอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เหุผลที่ประชาชนบางคนใช้ปฏิเสธฉีดวัคซีน

(ที่มา : บลูมเบิร์ก)
#3113


โครงการ "ครัวปันอิ่ม"ซีพีผนึกกำลังทุกภาคส่วนกว่า 100 องค์กร มูลนิธิ กลุ่มจิตอาสา ภาคประชาสังคมและองค์กรเอกชน แจกอาหาร 2 ล้านกล่อง กระจายสู่ชุมชนใน 40 จุดทั่วกรุงเทพฯ ฝ่าวิกฤตโควิด-19

วันนี้ (9 ส.ค.) จากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการดำรงชีพและปากท้องของประชาชน ที่ถือเป็นหนึ่งในเรื่องเร่งด่วนในภาวะอันยากลำบากนี้ โครงการครัวปันอิ่ม แจกข้าวฟรี 2 ล้านกล่อง ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนกว่า 100 องค์กรพันธมิตร เพื่อหวังเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องในชุมชนต่างๆและผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารรายย่อยให้สามารถฝ่าวิกฤตโควิดไปได้ โดยอาหารจำนวน 2 ล้านกล่องนี้ ประกอบด้วย ส่วนแรกเป็นการช่วยเหลือร้านอาหารรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการควบคุมการแพร่ระบาด โดยโครงการครัวปันอิ่มจะจัดซื้ออาหารที่ปรุงใหม่สุกสะอาดตามหลักโภชนาการบรรจุกล่องถูกสุขอนามัยจากร้านอาหารขนาดเล็กและขนาดกลางในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1 ล้านกล่อง และอีก 1 ล้านกล่องเป็นการสมทบอาหารจากเครือซีพีที่เป็นอาหารอุ่นร้อนพร้อมรับประทาน รวมเป็น 2 ล้านกล่อง ซึ่งประกอบไปด้วยเมนูอาหารแตกต่างกันในแต่ละวัน นอกจากนี้ ยังมีผู้มีจิตกุศลนำอาหารมาร่วมสมทบและมีจิตอาสา มูลนิธิ และภาคประชาสังคมมาช่วยดำเนินการแจกจ่าย เพื่อให้เข้าถึงชุมชนและลดการแออัด โดยประชาชนไม่ต้องมาต่อคิวรอรับ ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ

สำหรับการแจกจ่ายในสัปดาห์แรก นอกจากอาหารแล้ว ยังมีการแจกหน้ากากอนามัยซีพี และสมทบด้วยมังคุดของดีจากสุคิริน จ.นราธิวาส ที่เครือซีพีช่วยเหลือเกษตรกรภาคใต้ที่ประสบปัญหาด้านราคา ทั้งนี้โครงการครัวปันอิ่มพร้อมเปิดรับผู้มีจิตกุศลที่จะเข้าร่วมนำอาหารมาสมทบ หรือร่วมเป็นจิตอาสาแจกจ่ายให้แก่ชุมชน ซึ่งความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีวิกฤตแต่สังคมไทยทุกภาคส่วนต่างไม่ทอดทิ้งกันและพร้อมร่วมฝ่าฟันต่อสู้วิกฤตนี้ไปด้วยกันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย 

นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ หรือ 'ครูประทีป' ผู้ก่อตั้งและเลขาธิการมูลนิธิดวงประทีป กล่าวว่า โครงการครัวปันอิ่มฯ เป็นโครงการที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองวิกฤต ผู้คนหิวโหย ติดโควิดกันจำนวนมาก ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ หลายบ้านที่ติดโควิดออกไปไหนไม่ได้ อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก โครงการนี้ยังสนับสนุนร้านค้าที่หมดทางทำมาหากิน ช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารได้เข้าร่วม นับเป็นการกู้วิกฤตในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี

นางปิยาภรณ์ วงษ์บัณฑูรย์ ประธานกลุ่มอาสาดุสิต (ประเทศไทยกลับมาสดใสดีกว่าเดิม) กล่าวว่า โครงการครัวปันอิ่มเป็นเสมือนกำลังใจที่ส่งให้พวกเราผ่านสถานการณ์วิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน ซึ่งข้าวทุกกล่องที่แจกในโครงการครั้งนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในชุมชนที่ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี โดยทางมูลนิธิสยามนนทบุรี และกลุ่มอาสาดุสิต ยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งเราได้จัดทีมประสานงานในชุมชน สำรวจความต้องการ พร้อมจัดเตรียมรถส่งอาหาร รวมทั้งนำจิตอาสาไปกระจายอาหารให้ทั่วถึงในชุมชนมากที่สุดตลอดทั้ง 2 เดือน

ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์โดยนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือซีพี ได้ประกาศความตั้งใจที่จะผนึกกำลังธุรกิจในเครือร่วมแรงร่วมใจคนละไม้คนละมือกับพี่น้องคนไทยทุกภาคส่วนเพื่อก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน จัดตั้งโครงการ "ครัวปันอิ่มร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19"เพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 40 ชุมชนในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยระดมสรรพกำลังของกลุ่มธุรกิจในเครือประกอบด้วย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ดูแลธุรกิจโลตัส และบริษัท ซีพี โซเชียลอิมแพคท์ จำกัด ตลอดจนได้รับความร่วมมือร่วมใจจากพันธมิตรต่างๆในสังคมที่ได้เข้ามาร่วมกันช่วยเหลือชุมชนที่เดือดร้อน ซึ่งมีทั้งผู้ที่ขาดรายได้ ว่างงาน กลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่กักตัวดูอาการ และผู้ที่รักษาตัวที่บ้านหรือ Home Isolation ซึ่งโครงการครัวปันอิ่มเริ่มดีเดย์แจกจ่ายอาหารพร้อมรับประทานจำนวน 2 ล้านกล่อง ให้แก่ชุมชมต่างๆทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2564 นี้เป็นต้นไป
#3114


แม้การใกล้ชิดผู้ป่วย "โควิด-19" นับเป็นความเสี่ยงสูง ที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้มาก แต่สำหรับผู้ที่มีญาติติดโควิด-19 หรือตัวเองติดเชื้อแล้วจำเป็นต้องเดินทางไปเข้ารับการรักษายังสถานที่ได้ติดต่อไว้ด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถทำได้ แต่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่าจากผู้ติดเชื้อมายังผู้ขับรถหรือผู้ที่โดยสารไปด้วย 

โดยเพจกรุงเทพมหานคร โดยสำนักประชาสัมพันธ์ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนในการปฏิบัติก่อนและระหว่างเดินทางร่วมกับผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารับการรักษาไว้ ดังนี้

ทันทีที่ตรวจพบว่าติดโควิด-19 และต้องการเดินทางไปรับรักษาตัวที่โรงพยาบาลหรือสถานที่รับรักษาสำหรับผู้ป่วยโควิด เริ่มต้นจากการ

1. แจ้งไปยังสายด่วน 1669 ศูนย์เอราวัณ กทม. 

2. เตรียมเอกสารผล LAB ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19

3. เดินไปรักษาตัวตามสถานที่ที่ได้รับนัดหมาย 

โดยระหว่างเดินทางแนะนำให้ปฏิบัติตนดังต่อไปนี้ 

- ทำฉากกั้นระหว่างคนขับและผู้ติดเชื้อ เว้นระยะห่างระหว่างกันให้ได้มากที่สุดระหว่างเดินทาง 

- คนขับและผู้ติดเชื้อจะต้องนั่งทแยงมุมคนละฝั่งของรถ เพื่อรักษาระยะห่างในรถให้ได้มากที่สุด

- เปิดกระจก และปิดเครื่องปรับอากาศ 

- ใส่หน้ากาก 2 ชั้น ทั้งคนขับและผู้ติดเชื้อ โดยจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี คือ ใส่หน้ากากอนามัยไว้ด้านใน สวมทับด้วยหน้ากากผ้าไว้ด้านนอก ดังนี้


- สำรวจเส้นทางก่อนออกเดินทาง เพื่อเลือกใช้เส้นทางที่ใช้เวลาสั้นที่สุด ไม่ควรใช้เวลาเกิน 30 นาที ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ

- เมื่อเดินทางไปถึงจุดหมาย นั่งคอยในรถ โทรประสานเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป 

อย่างไรก็ตามการเดินทางเพื่อเข้ารับการรักษาด้วยรถยนต์ส่วนตัวมีความจำเป็นสำหรับบางกรณี ซึ่งแตกต่างกันออกไปตามสถานการณ์ ระดับอาการของผู้ป่วยด้วย

ซึ่งการนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาพยายาลจำเป็นต้องพิจารณาความเหมาะสมตามกรณี ที่เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยที่มีอาการหนักเข้าสู่ระบบการรักษาได้เร็ว และผู้ป่วยที่มีอาการน้อยได้รับการรักษาที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน โดยเบื้องต้นมีการพิจาณานำเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาล แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มดังนี้

1. ประชาชนที่ตรวจที่ รพ. 

2. ประชาชนที่ได้รับการตรวจเชิงรุก

3. ประชาชนที่ตรวจด้วยตัวเอง (Antigen Test Kit) หรือยืนยันการติดเชื้อ PCR

4. ประชาชนที่มีอาการหนักฉุกเฉิน เร่งด่วน โทร.1669 
#3115

กระทรวงสาธารณสุข เผย ส่งวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ร้อยละ 50-75 ตามข้อมูลสำรวจจากแต่ละโรงพยาบาล พร้อมให้สำรวจจำนวนที่ต้องการอีกครั้ง เนื่องจากบางโรงพยาบาลมีบุคลากรด่านหน้าจบใหม่ หรือได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้าเพิ่มขึ้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า ยืนยันส่งครบตามสำรวจแน่นอน

วันนี้ (8 ส.ค.) นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ว่า การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ 7 แสนโดส เริ่มทยอยจัดส่งวัคซีนตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564 ไปยังโรงพยาบาลใหญ่ครบ 170 แห่ง ทั้ง 77 จังหวัดภายใน 3 วัน โดยเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ถือว่าเร็วกว่ากำหนดที่วางไว้ 5 วัน ขณะนี้ฉีดแล้ว 5.7 หมื่นโดส จากการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ พบอาการปวด บวม ร้อน และไข้เล็กน้อย ไม่มีอาการรุนแรง

"การจัดส่งวัคซีนไปโรงพยาบาลใหญ่ เนื่องจากมีศักยภาพในการเก็บรักษาควบคุมอุณหภูมิและควบคุมติดตามการฉีดได้ง่ายกว่ากระจายไปจุดย่อยๆ เนื่องจากเมื่อเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส วัคซีนจะมีอายุ 31 วัน จึงต้องเร่งฉีดให้หมด โดยวัคซีน 1 ขวดฉีดได้ 6 โดส หากกระจายไปหลายจุดเมื่อเปิดใช้ 1 ขวดอาจไม่ถึง 6 คนจึงต้องรวมไว้ที่โรงพยาบาลใหญ่ก่อนในช่วงแรก" นายแพทย์โสภณ กล่าว

นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนที่ส่งไปล็อตแรกประมาณร้อยละ 50-75 นั้น เนื่องจากได้สำรวจความต้องการฉีด พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนฉีดบูสเตอร์โดสด้วยแอสตร้าเซนเนก้าแล้วกว่าร้อยละ 20 ต้องการฉีดไฟเซอร์ประมาณร้อยล 70 ซึ่งการบริหารจัดการด้วยวิธีการทยอยส่งเป็นล็อตทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากส่งไปทั้งหมด 100% ของจำนวนบุคลากร บางพื้นที่อาจได้เกินหรือขาด เนื่องจากมีบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ารายใหม่ที่ยังไม่เคยฉีดมาก่อน เช่น ผู้ที่จบใหม่ หรือบุคลากรด่านหลังที่ได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้า เพราะว่าในพื้นที่มีโควิดระบาดเพิ่มขึ้น เป็นต้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะจัดส่งครบจำนวนบุคลากรด่านหน้าตามการสำรวจเพิ่มอย่างแน่นอน

นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้น ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปในพื้นที่ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 645,000 โดส รวมถึงชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนไทยเดินทางไปต่างประเทศ 1.5 แสนโดส จะทยอยส่งวัคซีนไปยังโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมนี้ เริ่มจัดบริการได้กลางสัปดาห์ โดยจะฉีดในคนที่ยังไม่เคยได้วัคซีนโควิดตัวอื่นมาก่อนมีการติดตามอาการหลังฉีด 30 นาที 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน โดยกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคเรื้อรังแพทย์ที่รักษาจะประเมินว่าพร้อมรับวัคซีนหรือไม่ และจะติดตามอาการหลังฉีด โดยรายงานผ่านระบบหมอพร้อม ซึ่งเด็กวัยนี้ใช้แอปพลิเคชันได้ หรือให้ผู้ปกครองช่วยรายงาน หลังฉีดวัคซีนหากมีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่นหายใจไม่สะดวก สงสัยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ให้รีบมาโรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคนี้รักษาให้หายได้ ทั้งนี้ เคยมีรายงานจากสหรัฐอเมริกาที่ประชาชนฉีดวัคซีน mRNA เป็นหลักมีโอกาสพบอาการดังกล่าวได้ประมาณ 4 รายต่อล้านเข็ม โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี และเพศชาย ยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต ส่วนในประเทศไทยยังไม่พบอาการเหล่านี้หลังการฉีดวัคซีน

สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ จะมีวัคซีนโควิด 10 ล้านโดส ที่จะทยอยส่งสัปดาห์ละ 2 ล้านโดส โดยจะส่งไปต่างจังหวัดกว่าร้อยละ 80 จำนวนนี้ครึ่งหนึ่งจะส่งไปยัง 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการระบาดเกิดขึ้นอยู่ โดยเน้นฉีดกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ โดยให้ฉีดเร็วที่สุดเพื่อให้ครอบคลุมร้อยละ 70 อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองสวมหน้ากาก ล้างมือเว้นระยะห่าง หากต้องไปสถานที่คนจำนวนมากอาจใส่หน้ากากสองชั้น อยู่ในบ้านก็ต้องระวังผู้สูงอายุติดเชื้อจากลูกหลานที่ออกไปนอกบ้าน ดังนั้น จึงควรออกนอกบ้านให้น้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงไปรับเชื้อนอกบ้านแล้วนำมาติดสมาชิกในครัวเรือน และให้พาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนตามนัดหมายของโรงพยาบาล
#3116


วันนี้ (7ส.ค.64) นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวในสื่อโซเชียลว่า ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่สมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 แล้วจะไม่สามารถใช้สิทธิบัตรทอง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน หรือสวัสดิการแห่งรัฐต่าง ๆ ได้นั้น


กระทรวงแรงงาน ขอชี้แจงว่า จากการที่รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการ "ล็อกดาวน์" ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ครอบคลุม 9 ประเภทกิจการ สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่จะได้รับเงินเยียวยาเป็นเวลา 1 เดือน จะต้องเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 และไม่สามารถใช้สิทธิบัตรทอง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน หรือสวัสดิการแห่งรัฐต่าง ๆ ได้นั้น ในเรื่องนี้ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการสมัครมาตรา 40 มีทั้งหมด 3 ทางเลือก

ทางเลือกที่ 1 ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบ 70 บาทต่อเดือน ได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครอง 3 กรณี มีทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และค่าทำศพ

ทางเลือกที่ 2 ผู้ประกันตนจ่าย 100 บาท ต่อเดือน ได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครอง 4 กรณี มีทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ค่าทำศพ และเพิ่มบำเหน็จชราภาพอีกหนึ่งกรณี

ทางเลือกที่ 3 ผู้ประกันตนจ่าย 300 บาท ได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 5 กรณี มีทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ค่าทำศพ บำเหน็จ ชราภาพ และสงเคราะห์บุตร ซึ่งสิทธิประโยชน์ดังกล่าวไม่เกี่ยวกับสิทธิรักษาพยาบาลร่วมกับบัตรทอง (สปสช.) หรือสิทธิประโยชน์สวัสดิการแห่งรัฐต่าง ๆ ที่เคยได้รับยังเหมือนเดิม

Lazada แจกฟรีคูปองส่วนลด* คลิกเลย!!!

ขณะนี้ สำนักงานประกันสังคม ยังลดเงินสมทบได้ลดเงินสมทบ ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เหลือร้อยละ 60 ของเงินสมทบเดิม เป็นระยะเวลา 6 เดือนตั้งวันที่ 1 ส.ค. 64 -31 ม.ค. 2565 ให้แก่ผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 1 เดิมจ่าย 70 บาท เหลือ 42 บาทต่อเดือน ทางเลือกที่ 2 เดิมจ่าย 100 บาท เหลือ 60 บาทต่อเดือน และทางเลือกที่ 3 เดิมจ่าย 300 บาท เหลือ 180 บาท

โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวยืนยันว่า การสมัครมาตรา 40 ไม่เกี่ยวข้องกับสิทธิรักษาพยาบาลร่วมกับบัตรทอง (สปสช.) รวมทั้งสิทธิประโยชน์สวัสดิการแห่งรัฐต่างๆ แต่อย่างใด และสิทธิที่เคยได้รับยังเหมือนเดิม และมีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย หรือสิทธิประโยชน์กรณีเสียชีวิตจากสำนักงานประกันสังคมเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

ส่วนสิทธิประโยชน์ของมาตรา 40 แต่ละทางเลือกขึ้นอยู่กับทางเลือกที่ผู้ประกันตนสมัคร

การสมัครมาตรา 40 เพื่อให้ได้มีหลักประกันทางสังคมจากรัฐบาล แรงงานนอกระบบหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ยังไม่มีหลักประกันทางสังคม จึงเร่งรัดให้สำนักงานประกันสังคมอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการอาชีพอิสระได้สมัครมาตรา 40 เพื่อเข้าสู่ระบบประกันสังคม เพื่อมีเงินออมในระยะยาว สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือและอุดหนุนเยียวยาจากมาตรการต่างๆ จากภาครัฐได้ในอนาคต

สำนักงานประกันสังคม ประกาศแจ้ง "แรงงานอิสระ" ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด สมัคร มาตรา 40 แล้ว ชำระเงินงวดแรกไม่ทันในเดือน ก.ค.64 ให้รีบจ่ายภายในวันที่ 10 ส.ค. นี้ เพื่อรับสถานะความเป็นผู้ประกันตนตามกฎหมาย พร้อมรับสิทธิเยียวยา 5,000 บาท

ที่มา สำนักงานประกันสังคม และ กระทรวงแรงงาน
#3117


จากข่าวช็อกแฟน.ทั่วโลก เมื่อสโมสรบาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกาสเปน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (5 ส.ค.) ว่า ถึงแม้ทั้งสโมสรและ "ลิโอเนล เมสซี" ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนตินา ได้บรรลุข้อตกลงเรื่องสัญญาฉบับใหม่และมีความประสงค์ชัดเจนว่าต้องการเซ็นสัญญากัน แต่สุดท้ายสิ่งนี้ก็ไม่เกิดขึ้น เนื่องจากติดขัดเรื่องการเงินและกฎการลงทะเบียนผู้เล่นของลาลีกา

"ด้วยเหตุนี้ เมสซีจึงไม่สามารถอยู่กับบาร์เซโลนาได้อีกต่อไป ทั้งสองฝ่ายรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ความต้องการของทั้งผู้เล่นและสโมสร ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ สโมสรขออวยพรให้เมสซีโชคดีกับเส้นทางค้าแข้งกับต้นสังกัดใหม่" แถลงการณ์สโมสรบาร์เซโลนา ระบุ

อันที่จริง บาร์เซโลนาบรรลุสัญญาฉบับใหม่กับเมสซียาวถึงปี 2026 ไปแล้ว แต่ด้วยค่าเหนื่อยหลายแสนยูโรต่อสัปดาห์ของเมสซี จะทำให้บาร์เซโลนาใช้เงินเกินกว่าที่ลาลีกากำหนดไว้ จึงไม่ได้รับการอนุมัติจากลาลีกาให้เซ็นสัญญากัน แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงกันไว้แล้วก็ตาม

ดาวเตะระดับโลก วัย 34 ปี เซ็นสัญญาฉบับแรกกับบาร์เซโลนาในปี 2000 ขณะอายุเพียง 13 ปี และลงเล่นให้สโมสรทุกรายการรวม 778 นัด ยิงได้ 672 ประตู และมีส่วนช่วยบาร์ซาคว้าแชมป์รวม 35 รายการ จนกระทั่งสิ้นสุดสัญญาฉบับเดิมเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา

ขณะที่บรรดาสโมสรใหญ่จากหลายประเทศต่างแสดงความสนใจดึงตัวแข้งซูเปอร์สตาร์ชาวอาร์เจนตินา ที่กลายเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ที่สามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัว และจะเป็นการย้ายทีมครั้งแรกในเส้นทางอาชีพของเมสซีด้วย


มีรายงานว่า ค่าเหนื่อยในสัญญาฉบับใหม่ที่บาร์ซาตกลงกับเมสซีได้แล้วแต่สุดท้ายล่มไปนั้น สูงถึงประมาณ 70 ล้านยูโรต่อปี หรือคิดเป็นราว 1.13 ล้านยูโรต่อสัปดาห์เลยทีเดียว

ดังนั้น หากประเมินจากความเป็นไปได้ ณ เวลานี้ มีอยู่ 6 สโมสรที่อาจมีศักยภาพและเงินทุนมากพอที่จะเป็นจุดหมายต่อไปของดาวเตะวัย 34 ปี

1. ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (เปแอสเช)

ณ ขณะนี้ เปแอสเช ถือเป็นเต็งอันดับ 1 ที่จะได้เมสซีไปร่วมทีม เพราะมีอำนาจเงินเหนือกว่าทีมใหญ่อื่น ๆ

ยักษ์ใหญ่แห่งฝรั่งเศสสามารถเสนอโอกาสให้เมสซีได้ลงเล่นร่วมกับนักเตะพรสวรรค์มากมาย หลังจากคว้าตัวผู้เล่นใหม่อย่าง จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม มิดฟิลด์เลือดดัตช์, จานลุยจิ ดอนนารุมมา นายด่านทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์ยูโร 2020 และเซอร์จิโอ รามอส ปราการหลังจอมเก๋าชาวสเปน


ขณะเดียวกัน เปแอสเชอาจมีภาษีเหนือกว่าทีมอื่น ๆ ตรงที่มีนักเตะชื่อ "เนย์มาร์" แข้งชาวบราซิลที่สนิทกับเมสซีตั้งแต่สมัยเล่นด้วยกันที่บาร์เซโลนา และหากเมสซีย้ายมาประสานงานกับเนย์มาร์อีกครั้ง เปแอสเชจะกลายเป็น "เต็ง 1" คว้าแชมป์ "ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก" ฤดูกาล 2021/22 โดยทันที

2. แมนเชสเตอร์ ซิตี

การได้กลับมาร่วมงานกับ "เปป กวาร์ดิโอลา" อีกครั้งอาจเป็นข้อได้เปรียบสำหรับ "เรือใบสีฟ้า" ที่จะได้ลายเซ็นจอมทัพเลือดอาร์เจนไตน์มาครอง เพราะกุนซือชาวสเปนและเมสซีต่างชื่นชมและให้ความเคารพกัน หลังทั้งคู่เคยร่วมงานที่บาร์เซโลนายุคที่ประสบความสำเร็จที่สุด

ช่วงปี 2008-2012 บาร์ซาภายใต้การคุมทีมของกวาร์ดิโอลาและมีเมสซีเป็นแกนหลักในแนวรุก โกยถ้วยแชมป์รวม 14 รายการ ถือเป็นยุคที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรคาตาลัน

ปัจจุบัน กวาร์ดิโอลาซึ่งเป็นผู้จัดการทีมแมนฯ ซิตี กำลังเดินหน้าแผนล่าตัว "แฮร์รี เคน" ดาวยิงทีมชาติอังกฤษจากท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส หลังเพิ่งกระชาก "แจ็ค กรีลิช" ตัวรุกเลือดผู้ดีจากแอสตัน วิลลา ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความเป็นไปได้ที่ทีมเรือใบสีฟ้าจะเสริมทัพด้วยการเซ็นสัญญาเมสซีอีกคนนั้น "เหลือน้อยมาก"


- เมสซีฟังแท็กติกจากกวาร์ดิโอลา สมัยยังร่วมงานกันในถิ่นคัมป์นูเมื่อปี 2010 -

ล่าสุด กวาร์ดิโอลายืนยันแล้วว่า แมนฯ ซิตีจะไม่เซ็นสัญญากับเมสซี เพราะทีมเพิ่งทุ่มเงินซื้อกรีลิชและมอบหมายเลข 10 ให้กับแข้งอังกฤษรายนี้ไปแล้ว

"ก่อนหน้านี้คิดว่าเขา (เมสซี) จะอยู่กับบาร์ซาต่อ ดังนั้น เมสซีจึงไม่อยู่ในแผนของเราตอนนี้"

3. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 "ปิศาจแดง" คู่แค้นร่วมเมืองของแมนฯ ซิตี ก็มีโอกาสร่วมวงล่าลายเซ็นของเมสซีเช่นกัน เพราะความเคลื่อนไหวในตลาดซื้อขายผู้เล่นที่ผ่านมา พิสูจน์ให้ทุกทีมเห็นแล้วว่า แมนฯ ยูไนเต็ดเป็นสโมสรที่มีความมั่นคงทางการเงินแถวหน้าของโลก

ถึงแม้ "โอเล กุนนาร์ โซลชาร์" กุนซือชาวนอร์เวย์ อาจจะต้องเปลี่ยนระบบการเล่นของทีม เพื่อให้เข้ากับสไตล์ของดาวเตะทีมชาติอาร์เจนตินา แต่ก็น่าจะคุ้มค่าไม่น้อยหากคว้าตัวเมสซีมาร่วมทัพได้ เพราะนอกจากจะได้ตัดหน้าคู่แข่งร่วมเมืองแล้ว ยังเพิ่มโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013 ด้วย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ดูเหมือนว่าตำแหน่ง "มิดฟิลด์ตัวรับ" เป็นจุดที่แมนฯ ยูไนเต็ดต้องการเสริมมากกว่าแนวรุก หลังเพิ่งได้ตัว "เจดอน ซานโช" ปีกจอมเทคนิคทีมชาติอังกฤษจาก "โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์" ที่ตามทาบทามตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาลที่แล้ว

วันนี้! เช็คเงินเยียวยา 'ประกันสังคม ม.33' ไม่เข้าบัญชี เช็กสาเหตุ 'www.sso.go.th'
ก่อนซื้อทำอย่างไร เมื่อ 'ฟ้าทะลายโจร' ขาดตลาด ราคาพุ่ง เจอของปลอม
อาคาร 100 ปี 'วังค้างคาว' เคยเป็นของใครมาแล้วบ้าง? ชวนย้อนรอยก่อนเปลี่ยนมือ
4. เชลซี

"สิงห์บลู" สโมสรดังแห่งลอนดอน เจ้าของแชมป์ยุโรปปีล่าสุด เป็นทีมที่ 3 จากพรีเมียร์ลีกที่สามารถดึงตัวดาวเตะระดับโลกอย่างเมสซีมาสวมยูนิฟอร์มได้ เพราะมีเงินทุนสนับสนุนหลายพันล้านจาก "เสี่ยหมี" โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสรชาวรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เชลซีกำลังโฟกัสกับแผนคว้าตัว "โรเมลู ลูกากู" กองหน้าชาวเบลเยียมด้วยค่าตัวสถิติสโมสร แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจเบนเข็มมาที่แข้งอาร์เจนไตน์ได้เช่นกัน

หากได้เมสซีมาร่วมทัพ น่าจะช่วยเพิ่มสถิติถล่มประตูให้กับเชลซีได้ตามที่ "โธมัส ทูเคิล" กุนซือชาวเยอรมันต้องการ ด้วยผลงานซัลโวกว่า 30 ประตูให้กับบาร์ซาในทุกรายการเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

5. ยูเวนตุส

การดึงตัว เมสซี มาประสานงานร่วมกับ "คริสเตียโน โรนัลโด" แข้งระดับโลกชาวโปรตุเกส น่าจะเป็นเกมรุกในฝันของแฟน.หลายคน และ "ยูเวนตุส" ยักษ์ใหญ่แห่งกัลโช เซเรียอา ก็มีศักยภาพมากพอที่จะทำเช่นนั้นได้

ทีมม้าลายแต่งตั้ง "แม็กซ์ อัลเลกรี" ยอดกุนซือชาวอิตาลีคุมทัพรอบที่สองเมื่อไม่นานนี้ และชื่อชั้นของอัลเลกรี อาจช่วยดึงดูดให้เมสซีอยากมาร่วมงานกับหนึ่งในผู้จัดการทีมแถวหน้าของวงการลูกหนัง

หลังจากทำผลงานน่าผิดหวังในฤดูกาลที่แล้ว ยูเวนตุสจึงต้องการเสริมทัพที่แข็งแกร่งอยู่แล้วให้น่าเกรงขามยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมสู้ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกในฤดูกาลที่จะถึงนี้

6. อินเตอร์ ไมอามี

ถึงแม้ "เมเจอร์ลีก" ในสหรัฐ อาจเป็นจุดหมายปลายทางที่เมสซีต้องการไปค้าแข้งน้อยที่สุด แต่ก่อนหน้านี้ สื่อหลายสำนักรายงานว่า กัปตันทีมฟ้าขาวมีแผนย้ายไปฟาดแข้งในอเมริกาก่อนแขวนสตั๊ด

เมื่อดูจากชื่อชั้นของทีมในเมเจอร์ลีก ดูเหมือนว่า "อินเตอร์ ไมอามี" จะเป็นทีมจากเมเจอร์ลีกที่ถูกโยงกับการย้ายทีมของเมสซีมากที่สุด เนื่องจาก "เดวิด เบ็คแฮม" อดีตแข้งซูเปอร์สตาร์ชาวอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของสโมสรร่วมของอินเตอร์ ไมอามี กำลังพยายามสร้างทีมให้พร้อมสำหรับการไล่ล่าแชมป์หลายรายการ


จากรายชื่อทั้ง 6 ทีมเหล่านี้ หลายฝ่ายคาดว่า เปแอสเช มีโอกาสมากที่สุดในการดึงตัวเมสซีไปร่วมทัพ และล่าสุดตัวแทนทั้งสองฝ่ายเปิดเจรจากันแล้ว

ฟาบริซิโอ โรมาโน เหยี่ยวข่าวกีฬาชาวอิตาลีซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูง รายงานเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ว่า เปแอสเช มั่นใจมากที่จะได้เมสซีไปร่วมทีม หลังจากเปิดโต๊ะเจรจากับนักเตะโดยตรง อีกทั้งมีความคืบหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ และคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงกันได้ในไม่ช้า
#3118
ลอตเตอรี่ออนไลน์ ซื้อเองง่าย จ่ายโดยรัฐบาล ราคา 80 บาท ไม่มีค่าบริการ
ซื้อ https://bit.ly/366z1vn
#3119


เมื่อวันที่ 5 ส.ค.64  ศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แจ้งว่า วันที่ 6 สิงหาคม 2564 เปิดยื่นความประสงค์ขอรับการจัดสรรวัคซีนตัวเลือก "ซิโนฟาร์ม" ระยะที่ 2 สำหรับองค์กร/นิติบุคคล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สำหรับองค์กร และนิติบุคคลที่ต้องการยื่นขอรับการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลได้ทุกประเภททั้งพนักงาน ครอบครัวพนักงาน แรงงานต่างชาติ ตั้งแต่ 100-3,000 คน

วิธีลงทะเบียน 

ลงทะเบียนจองวัคซีนโควิด "ซิโนฟาร์ม" ผ่านทาง http://vaccine.cra.ac.th
ตั้งแต่เวลา 08.08 น. (จำนวน 100,000 ราย)
เลือกเมนู "ยื่นความประสงค์ขอรับการจัดสรรวัคซีนสำหรับองค์กรและหน่วยงาน"
สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

1. เตรียมพร้อมข้อมูลสำหรับยื่นความประสงค์


ข้อมูลองค์กร/นิติบุคคล ประเภทการดำเนินธุรกิจ สถานที่ตั้งสถานประกอบการ
หนังสือจดทะเบียนบริษัท หุ้นส่วนจำกัด นิติบุคคล สมาคม มูลนิธิ
ข้อมูลผู้บริหารที่มีอำนาจลงนามสูงสูด สำเนาบัตรประชาชนพร้อมลงนามสำเนาถูกต้อง อีเมล*
ข้อมูลผู้ประสานงานโครงการ สำเนาบัตรประชาชนพร้อมลงนามสำเนาถูกต้อง อีเมล*
แจ้งจำนวนวัคซีนที่ต้องการขอรับจัดสรร
หมายเหตุ : อีเมลของผู้มีอำนาจลงนามสูงสุดและอีเมลของผู้ประสานงานต้องเป็นคนละอีเมล เพื่อการจัดส่งusername/password ในการเข้าระบบ

เตรียมพร้อม! จองวัคซีนโควิด 'ซิโนฟาร์ม' ระยะที่ 2 องค์กร/นิติบุคคล 8 โมงเช้า 6 ส.ค.นี้
เช็คสิทธิรับเงินเยียวยา 'ประกันสังคม' ม.33 โอนเข้า 'พร้อมเพย์' วันที่สาม
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยิ่งหนัก! พบเสียชีวิต 191 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 21,379 ราย
2. วัคซีนซิโนฟาร์ม อัตราสำหรับองค์กร/นิติบุคคล โดสละ 888 บาท

พร้อมร่วมช่วยเหลือสังคมด้วยการบริจาควัคซีนจำนวน 10% ของจำนวนวัคซีนที่ขอรับการจัดสรรให้กับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส
#3120


ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชำนาญด้านโครงการและแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนและ ท่าอากาศยานได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ -Drsamart Ratchapolsitte โดยมีเนื้อหาดังนี้

เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่รถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันเปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 หลายคนคงไม่รู้ว่ารถไฟฟ้าสายนี้ใช้รางกว้าง 1 เมตร ไม่ใช้ 1.435 เมตร เหมือนรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หาคำตอบได้จากบทความนี้

บทบาทของรถไฟฟ้าสายสีแดง

รถไฟฟ้าสายสีแดงภายใต้การกำกับดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทยมีบทบาทในการขนผู้โดยสารจากชานเมืองเข้าสู่ตัวเมืองหรือสถานีกลางบางซื่อ ตามแผนแม่บทในปัจจุบันด้านทิศเหนือขนคนจากบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ด้านทิศตะวันออกขนคนจากหัวหมาก ด้านทิศตะวันตกขนคนจากศาลายา และด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ขนคนจากมหาชัย ถือได้ว่ารถไฟฟ้าสายสีแดงทำหน้าที่เหมือน "กระดูกสันหลัง" ของโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ถึงเวลานี้เรามีรถไฟฟ้าใช้เป็นระยะทางยาวเท่าไหร่?

ถึงวันนี้ (6 สิงหาคม 2564) กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วรวมเป็นระยะทาง 209 กิโลเมตร จากระยะทางทั้งหมดในแผนแม่บทรถไฟฟ้าประมาณ 560 กิโลเมตร หรือคิดเป็น 37% ของระยะทางทั้งหมด

จากระยะทางที่เปิดใช้แล้วทั้งหมด 209 กม. เป็นระยะทางที่เปิดใช้ก่อนสมัยรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 87 กม. และในสมัยท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ 122 กม. คิดเป็นระยะทางที่เพิ่มขึ้นในสมัยท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ 140% ซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบรางของท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ รวมทั้งรัฐบาลหลายรัฐบาลที่ผ่านมาที่ได้ทำการศึกษาความเหมาะสม ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ออกแบบ เวนคืนที่ดิน และเริ่มก่อสร้างบางสาย

รถไฟฟ้าใช้รางกว้างเท่าไหร่

โดยทั่วไปรถไฟฟ้านิยมใช้รางกว้าง 1.435 เมตร หรือที่เรียกว่า "รางรถไฟมาตรฐานยุโรป (European Standard Gauge)" ซึ่งเป็นขนาดรางที่ใช้ในกลุ่มประเทศยุโรป ทำให้ประเทศเหล่านี้สามารถให้บริการเดินรถไฟเชื่อมโยงระหว่างประเทศได้ ต่อมามักเรียกราง 1.435 เมตร กันติดปากว่า "รางรถไฟมาตรฐาน (Standard Gauge)" ไม่มีคำว่า "ยุโรป (Europe)" ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่ารางขนาด 1.435 เมตรเท่านั้น จึงจะเป็นรางมาตรฐาน ซึ่งไม่ถูกต้อง

รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ทุกสาย (ยกเว้นสายสีแดง สีทอง สีชมพู และสีเหลือง) ใช้รางกว้าง 1.435 เมตร ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีม่วง และแอร์พอร์ตลิงก์ รวมทั้งรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีทอง สีชมพู และสีเหลืองนั้น เป็นรถไฟฟ้าที่ใช้ระบบเดินรถต่างจากรถไฟฟ้าสายอื่น

รถไฟฟ้าสายสีทองซึ่งเปิดให้บริการแล้วจากสถานีกรุงธนบุรี (เชื่อมกับ BTS) วิ่งลอยฟ้าบนถนนกรุงธนบุรี ถนนเจริญนคร และถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินไปจนถึงสถานีคลองสาน เป็นรถไฟฟ้า APM (Automated People Mover) หรือรถไฟฟ้าไร้คนขับ ใช้ล้อยางวิ่งบนพื้นคอนกรีตโดยมีรางเหล็กวางอยู่ตรงกลางระหว่างล้อซ้ายขวาเพื่อช่วยนำทาง เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก APM เป็นที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารไม่มาก

รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เป็นรถไฟฟ้า Monorail หรือรถไฟฟ้ารางเดี่ยว ไม่ใช้คนขับเช่นเดียวกับ APM ใช้ล้อยางวิ่งบนรางคอนกรีตหรือรางเหล็กเพียงรางเดียว เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก

ทำไมรถไฟฟ้าสายสีแดงจึงใช้ราง 1 เมตร?

รางรถไฟขนาดความกว้าง 1 เมตร หรือที่เรียกกันว่ามีเตอร์เกจ (Meter Gauge) สามารถรองรับรถไฟฟ้าที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดได้ไม่เกินประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าความเร็วสูงกว่านี้จะต้องใช้รางกว้างขึ้น เช่น ขนาด 1.435 เมตร เป็นต้น

เหตุที่รถไฟฟ้าสายสีแดงใช้ราง 1 เมตร ทราบว่าการรถไฟฯ ต้องการให้รถไฟชานเมืองและรถไฟทางไกลซึ่งใช้ราง 1 เมตร สามารถใช้รางร่วมกับรถไฟฟ้าสายสีแดงได้ ซึ่งในอนาคตจะมีการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงออกไปชานเมืองไกลขึ้น เช่น ทิศเหนือไปถึงบ้านภาชี และทิศตะวันออกไปถึงฉะเชิงเทรา เป็นต้น ดังนั้นการใช้ราง 1 เมตร จะทำให้รถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟชานเมือง และรถไฟทางไกลสามารถใช้รางร่วมกันได้ เป็นการประหยัดเงินลงทุนของประเทศ

ท่านมีความเห็นอย่างไรต่อเหตุผลของการรถไฟฯ ที่ออกแบบให้รถไฟฟ้าสายสีแดงใช้ราง 1 เมตร ไม่ใช้ราง 1.435 เมตร เหมือนรถไฟฟ้าสายอื่น?