• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jenny937

#3081


นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารได้ออกมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้าสินเชื่อรายย่อย และผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ต เกสต์เฮาส์ เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยให้พักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 6 งวด เริ่มตั้งแต่งวด กค- ธค 64 โดยธนาคารได้เปิดให้ลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ และมีผู้สนใจเข้ามาตรการอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีลูกหนี้อีกบางส่วน ที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิ์พักชำระหนี้ตามมาตรการนี้ ซึ่งการได้พักชำระหนี้จะช่วยเหลือในเรื่องของการเสริมสภาพคล่อง และยับยั้งไม่ให้ลูกหนี้ต้องกลายเป็นหนี้เสีย (NPL) ที่จะส่งผลกระทบต่อการกู้เงินในอนาคต รวมถึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงที่ต้องขาดรายได้หรือรายได้ไม่แน่นอน จึงขอเชิญชวนให้ผู้ที่ยังไม่ได้แจ้งความประสงค์ขอพักชำระหนี้ โปรดรีบใช้สิทธิ์ ก่อนหมดเขตวันที่ 30 สิงหาคม 2564 นี้

ทั้งนี้ มาตรการพักชำระหนี้ลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 200,000 บาท และไม่ใช้หลักทรัพย์ ค้ำประกัน สำหรับผู้ได้รับผลกระทบทำให้ต้องเลิกกิจการ ถูกเลิกจ้าง ขาดรายได้ ฯลฯ ฯลฯ (ยกเว้นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ) สามารถเข้าตรวจสอบสิทธิ์ในแอป MyMo และกดทำรายการได้ทันทีที่ปรากฏเมนูพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ส่วนผู้ที่ยังไม่มีแอป MyMo แต่มีบัตรเดบิต สามารถดาวน์โหลดและเปิดใช้งานแอป MyMo ด้วยตนเองได้โดยใช้ข้อมูลบัตรเดบิต ซึ่งจะได้รับความสะดวกในการขอพักชำระหนี้โดยไม่ต้องเดินทางไปติดต่อที่สาขาธนาคาร สำหรับมาตรการพักชำระหนี้กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ต เกสต์เฮาส์ เซอร์วิส อพาร์ตเม้นท์ ที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ SMEs มีวงเงินกู้ไม่กิน 250 ล้านบาท ติดต่อเข้าร่วมมาตรการได้ที่สาขาธนาคาร หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115

อนึ่ง มาตรการพักชำระหนี้ โดยพักเงินงวดผ่อนชำระให้สูงสุด 6 งวด เริ่มตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม – เดือนธันวาคม 2564 หลังจากเมื่อสิ้นสุดระยะการพักชำระหนี้ ให้กลับมาจ่ายเงินงวดตามเงื่อนไขเดิม โดยเงินต้นและดอกเบี้ยที่ได้พักไว้ จะถูกนำไปรวมชำระในงวดสุดท้ายของสัญญาเงินกู้หรือข้อตกลงที่ทำกับธนาคาร ทั้งนี้ ช่วงระยะเวลาที่พักชำระหนี้ ไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระและไม่ส่งผลต่อข้อมูลเครดิตของลูกค้า รวมถึงไม่มีดอกเบี้ยผิดนัดชำระและค่าปรับใด ๆ
#3082


เพื่อให้คลังเวชภัณฑ์ทำงานอัตโนมัติ, สร้างระบบเก็บ-รับ-ส่ง-ประมวล-แสดงผลข้อมูลการเข้า-ออก และตำแหน่งปัจจุบันของเวชภัณฑ์แต่ละชนิดอย่างละเอียด เรียลไทม์ ในรูปแบบดิจิทัล ทำให้โรงพยาบาลสามารถวางแผนและจัดเตรียมเวชภัณฑ์ให้เพียงพอต่อการใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ

ผศ.กานดา บุญโสธรสถิตย์ หัวหน้าศูนย์นวัตกรรมโลจิสติกส์ บัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม มจธ. และหัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาคลังเวชภัณฑ์อัจฉริยะฯ กล่าวว่า หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เวชภัณฑ์ในโรงพยาบาล โดยเฉพาะชุด PPE, หน้ากาก N95 และเวชภัณฑ์อื่นๆ ที่มีกว่า 130 ชนิด (SKU) ซึ่งจำเป็นต่อการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มีไม่เพียงพอ หรือ ขาดสต๊อก มาจากปัญหาข้อมูลเวชภัณฑ์ในระบบไม่อัปเดต เพราะต้องใช้แรงงานคนในการติดตามการใช้งานและนับสต็อก ก่อนการคีย์ข้อมูลเข้าระบบจำนวนมาก ใช้เวลานาน

และไม่สามารถอัปเดตได้ตลอดเวลา ข้อมูลปริมาณการใช้งานและจำนวนคงเหลือที่มีอยู่ในระบบจึงไม่สะท้อนความจริง ทำให้กระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถจัดสรรจำนวนเวชภัณฑ์ให้โรงพยาบาลได้อย่างเหมาะสม รวมถึงประชาชนที่ต้องการบริจาคเวชภัณฑ์เพื่อช่วยสนับสนุนการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ก็ไม่สามารถบริจาคได้ตามความขาดแคลนที่แท้จริง นี่จึงเป็นที่มาของโครงการพัฒนาคลังเวชภัณฑ์อัจฉริยะ ที่เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้

"เรานำนวัตกรรมโลจิสติกส์มาพัฒนาคลังเวชภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมให้ทันสมัยขึ้น โดยอัปเกรดอุปกรณ์ในคลัง เช่น รถเข็น, ตะกร้า, กล่องรักษา-ควบคุมอุณหภูมิ, ชั้นวางของ, ตู้แช่เย็น ด้วยกลุ่มเทคโนโลยี IoT ได้แก่ เทคโนโลยี RFID ที่ติดตั้งแท็กบนเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ ทำให้สามารถรับและส่งข้อมูลเวชภัณฑ์ได้อัตโนมัติ เช่น ประเภทของเวชภัณฑ์ หมายเลขล็อตหรือแบ็ทช์, สถานที่ผลิต, วันผลิต, วันหมดอายุ, ตำแหน่งการวางและหยิบเวชภัณฑ์ในคลัง เป็นต้น ทดแทนการใช้คนจดบันทึกและคีย์ข้อมูลเข้าระบบ โดยโรงพยาบาลสามารถนำไปเชื่อมต่อเข้ากับระบบสารสนเทศของโรงพยาบาล (Hospital Information System: HIS) สำหรับการจัดการเวชภัณฑ์คงคลัง ด้วย Economic Order Quantity (EOQ) เพื่อมาคำนวณว่า ควรสั่งเวชภัณฑ์แต่ละประเภทปริมาณเท่าใด และเมื่อไหร่ ทั้งนี้ ข้อมูลเวชภัณฑ์จะอัปเดตทันทีเมื่อมีการนำเวชภัณฑ์เข้าและออกจากคลัง ช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายสามารถเช็คข้อมูลสต๊อกได้ถูกต้อง ตรงกัน และสั่งเวชภัณฑ์ได้ทันเวลา"


โดย ทีมวิจัยฯ เลือกใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสาน เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งาน แก้ปัญหาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ กำลังเผชิญ ด้วยงบประมาณที่สมเหตุสมผล เช่น การบันทึกปริมาณการใช้เวชภัณฑ์ สามารถเลือกใช้การติดตั้งตราชั่ง หรือ โหลดเซลล์ บนอุปกรณ์ ร่วมกับแท็ก RFID บนชั้นวางสำหรับเวชภัณฑ์ราคาสูงและ/หรือมีขนาดเล็ก เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีราคาแพง ส่วนเวชภัณฑ์อื่นๆ สามารถเลือกใช้เทคโนโลยีคิวอาร์โค้ดหรือบาร์โค้ด ซึ่งมีราคาย่อมเยากว่าได้

 ด้าน รศ.นพ. พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า ปัจจุบันระบบการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างคลังเวชภัณฑ์ใหญ่ กับคลังย่อยของวอร์ดต่างๆในโรงพยาบาลยังไม่เชื่อมต่อกัน ทำให้การตรวจสอบปริมาณที่แท้จริงของเวชภัณฑ์แต่ละชนิดที่มีและใช้อยู่เป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด-19 เวชภัณฑ์อย่างชุด PPE, หน้ากาก N95 เป็นเวชภัณฑ์ป้องกันที่จำเป็นและขาดไม่ได้ การพัฒนาคลังเวชภัณฑ์อัจฉริยะ จะเข้ามาช่วยให้การบริหารจัดการเวชภัณฑ์ทั้งระบบดีขึ้น ทำให้รับรู้ปริมาณของที่มีถูกต้อง และช่วงเวลาที่ควรสั่งซื้อ จนถึงความเหมาะสมในการนำเวชภัณฑ์แต่ละชนิดไปใช้ ซึ่งหากระบบนี้สำเร็จจะช่วยป้องกันปัญหาเวชภัณฑ์ขาดแคลนได้ เป็นประโยชน์โดยตรงต่อการรักษาผู้ป่วย และการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์
"นอกจากประโยชน์โดยตรงต่อการรักษาและความปลอดภัยของผู้ป่วย ซึ่งเป็นพันธกิจหลักของโรงพยาบาล คลังอัจฉริยะยังส่งผลดีต่อการบริหารจัดการภายในโรงพยาบาล ช่วยลดภาระงานของบุคลากรในงานด้านข้อมูล หมดปัญหาเวชภัณฑ์หมดอายุ เพราะมีการบันทึกวันเข้าและวันออกจากคลังแบบเรียลไทม์ ขณะเดียวกันก็ยังเชื่อมโยงสู่ระบบโลจิสติกส์ เพราะภายในโรงพยาบาลจะมีคลังย่อยต่างๆ แต่การบริหารจัดการแบบภาครัฐ จะให้ความสำคัญกับคลังใหญ่เป็นหลัก มีการเช็คข้อมูลสต๊อก ของเข้าและออกในคลังใหญ่ แต่ยังไม่มีระบบจัดการข้อมูลในคลังย่อย หากเป็นไปได้ก็อยากเห็นทุกโรงพยาบาลในประเทศไทยมีระบบคลังอัจฉริยะที่เชื่อมโยงข้อมูลไปถึงคลังย่อยแบบครบวงจร สามารถดูภาพรวมของที่มีอยู่ในโรงพยาบาลได้ทั้งหมด จะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจน" รศ.นพ. พฤหัส กล่าวเพิ่มเติม 

โครงการพัฒนาคลังเวชภัณฑ์อัจฉริยะ เป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร่วมกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และบริษัททำน้อยได้มากจำกัด ผู้ให้บริการด้านระบบการจัดการคลังสินค้า และผู้ให้คำปรึกษาด้านลีน ที่มาร่วมกันพัฒนาคลังเวชภัณฑ์เพื่อรองรับการทำงานของโรงพยาบาลต่อการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยขณะนี้ยังอยู่ในช่วงหาทุนสนับสนุนวิจัย เมื่อได้รับทุนแล้วก็พร้อมลงมือพัฒนาคลังเวชภัณฑ์อัจฉริยะได้ทันที
#3083


ศึกฟุต.ลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2021/22 วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2564 เกมที่น่าสนใจ บาร์เซโลน่า ยกพลไปเยือน แอธเลติก บิลเบา ที่สนามซาน มาเมส

บาร์เซโลน่า ของกุนซือโรนัลด์ คูมัน เกมที่แล้วเปิดบ้านเอาชนะ รีล โซเซียดัด 4-2 เกมนี้นำทัพมาโดย 3 แนวรุก อองตวน กรีซมันน์, เมมฟิส เดปาย และมาร์ติน เบรธเวต ส่วน แอธ.บิลเบา เกมที่แล้วเจ๊า เอลเช่ 0-0 เกมนี้นำทัพโดย อินากี วิลเลียมส์, โออิฮาน ซาสเชต์ และอีเคร์ มูเนียอิน

รูปเกมในครึ่งแรกค่อนข้างสูสี โดยเป็นเจ้าถิ่นแอธ.บิลเบา ที่ถึงแม้ชื่อชั้นเป็นรอง แต่เป็นฝ่ายที่ทำเกมบุกได้ดีกว่า มีโอกาสลุ้นประตูได้หวาดเสียวมากกว่าเล็กน้อย แต่ยังทำอะไรกันไม่ได้ หมดเวลา 45 นาทีแรก เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0

ครึ่งหลัง แอธ.บิลเบา ยังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นฝ่ายออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 50 จากจังหวะลูกเตะมุม อีเคร์ มูเนียอิน เปิดมาให้ อินิโก มาร์ติเนซ วิ่งมาโหม่งเต็มๆหัวเข้าไปตุงตาข่าย

นาทีที่ 75 บาร์เซโลน่า ที่โหมบุกอยู่นาน ก็มาตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่เซร์กี โรแบร์โต จ่ายให้ เมมฟิส เดปาย หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนซัดเต็มข้อแสกหน้านายทวารเจ้าถิ่นเข้าไป เป็นประตูแรกในเกมอย่างเป็นทางการของเจ้าตัวในสีเสื้อ "อาซูลกราน่า"

น.90+2 บาร์เซโลน่า ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อเอริค การ์เซีย ตั้งใจเสียบ อินากี วิลเลียมส์ ที่กำลังจะหลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่รอช้าควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที

จบเกมการแข่งขัน 90 นาที บาร์เซโลน่า บุกไปเสมอกับ แอธเลติก บิลเบา 1-1 แบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม โดย "บาร์ซ่า" ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราว มี 4 คะแนน จาก 2 นัด ส่วน "บิลเบา" มี 2 แต้มจาก 2 นัด

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
แอธ.บิลเบา : ฆูเลน อากีร์เรซาบาลา (GK), อินิโก เลเก้, ดานี วิเวียน, อินิโก มาร์ติเนซ, มิเกล บาเลนเซียกา, อเล็กซ์ เบเรนเกอร์, ดานี การ์เซีย, อูไน เบนเซเดอร์, อีเคร์ มูเนียอิน, อินากี วิลเลียมส์, โออิฮาน ซาสเชต์

บาร์เซโลน่า: เนโต (GK), แซร์จินโญ เดสต์, เอริค การ์เซีย, เกราร์ด ปิเก, ยอร์ดี อัลบา, เซร์คิโอ บุสเกตส์, เฟรงกี เดอ ยอง, เปดรี, อองตวน กรีซมันน์, เมมฟิส เดปาย, มาร์ติน เบรธเวต
#3084


รายงานข่าวจากโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ประกาศเปิด "เซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ" ในเดือนตุลาคมปี 2564 พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกสู่รีสอร์ทหรูริมทะเลยอดนิยมแห่งใหม่บนเกาะเดียราของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ เป็นการร่วมทุนระหว่างโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และนาคีล บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ชั้นนำในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งนับเป็นโรงแรมแห่งแรกของเซ็นทาราในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และโรงแรมแบรนด์เซ็นทารา มิราจ แห่งที่สามของโลก ต่อจากแห่งแรกในไทย และแห่งที่สองในเวียดนาม

รีสอร์ทหรูริมทะเลแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบภายใต้ธีมการผจญภัยที่ผสมผสานตำนานเรื่องเล่าเหนือจินตนาการระหว่างวัฒนธรรมไทยและอาหรับเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าตื่นเต้น โดยรีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะเดียรา มีห้องพักให้บริการกว่า 607 ห้อง พร้อมมอบความหรรษาสำหรับครอบครัวด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงสำหรับครอบครัวอย่างเต็มรูปแบบ อาทิ สวนน้ำที่มาพร้อมสระน้ำวนเลซี่ริเวอร์ สระว่ายน้ำริมหาด เลาจน์สำหรับครอบครัว คิดส์คลับ 3 แห่ง สนามเด็กเล่นกลางแจ้ง และสปาเด็ก ซึ่งได้รับการตกแต่งในธีมลูกกวาดสีสันสดใสที่ออกแบบมาเพื่อดูแลคุณหนูๆ โดยเฉพาะ

โรงแรมแบรนด์เซ็นทารา มิราจ เป็นแบรนด์ธีมรีสอร์ทสำหรับครอบครัวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในไทย โดยโรงแรมแบรนด์นี้แห่งแรก คือ เซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา ซึ่งเปิดให้บริการในปี 2552 และได้กลายเป็นโรงแรมสำหรับครอบครัวอันดับหนึ่งในไทยตั้งแต่นั้นมา
#3085


เพราะรอยสักเป็นเหตุ!! เลยเป็นไอเดียให้ศิลปินร็อคมากฝีมือ 7DAYS CRAZY นำทีมโดย โบ๊ต-ธีรพล มาลัยวงศ์ (ร้องนำ), โต้ง-ศรายุทธ พรหมประสาท (กีต้าร์), และ ไอส์-พิเชษฐ์ สุวรรณพันธุ์ (เบส)  ทำซิงเกิลใหม่ "รอยสักที่ถูกลืม"  แถมงานนี้พระเอกในมิวสิควิดีโอ  คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหนุ่ม เก่ง ลายพราง เน็ตไอดอลที่มีลวดลายรอยสักเต็มใบหน้าและลำตัว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเขาไปแล้ว.. 
 
ซึ่งงานนี้ โบ๊ต-ธีรพล เผยถึงเพลงนี้ให้ฟังว่า "สำหรับเพลง "รอยสักที่ถูกลืม" จะพูดถึงคู่รักที่ตอนเวลารักกัน  ก็ไปสักชื่อของคนรักไว้  แต่พอเลิกกันไป  เราเองเป็นฝ่ายที่ยังไม่ลืมนะ เหมือนรอยสักนี้นอกจากที่มันจะฝังอยู่ที่ร่างกายเราแล้ว  มันก็ยังฝังอยู่ในใจไม่ลืม   เพลงนี้เราได้พี่เก่ง ลายพราง มาเป็นพระเอกเอ็มวีให้  บอกเลยว่าชั่วโมงนี้เค้าทำอะไรก็เป็นที่น่าจับตามอง  อีกทั้งคาแรคเตอร์รอยสักบนตัวเค้าตรงกับเพลงของพวกเราด้วย และดูเหมือนเรื่องราวในเอ็มวีบางส่วนก็ค่อนข้างคล้ายกับชีวิตจริงของเค้าด้วยเหมือนกันครับ"

ฟาก เก่ง ลายพราง  เล่าเสริมว่า .. "ดีใจครับที่ทางวง 7Days Crazy ติดต่อมาให้เราเล่น        เอ็มวี  วงนี้เป็นวงที่ผมติดตามมาตลอด  ชอบในผลงานของเค้า  ที่สำคัญชอบในความที่พวกเค้ารักในการมีรอยสักเหมือนกับผม สำหรับ  "รอยสักที่ถูกลืม" ได้มีโอกาสฟังเพลง  ทำการบ้านมาก่อน  ชอบเพลงนะครับ  ส่วนเรื่องราวในมิวสิควิดีโอ  พูดเลยครับว่าบางฉากบางตอนตรงกับชีวิตผมเลย  คือในบางครั้งที่เราคบกับใครซักคน  แล้วเราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่อยู่วันหนึ่งคนรักของเราเค้ามาขอเลิกกับเราโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว  แล้วมาใช้ข้ออ้างบอกว่าเป็นเพราะรอยสักของเรา  ค่อนข้างดราม่าอยู่เหมือนกัน  อยากให้แฟนๆ ของผมและแฟนเพลงของวง 7Days Crazy  ทุกคนลองติดตามชมกันครับ "

ตามชมบทบาทดราม่าของหนุ่มเก่ง ลายพราง ในมิวสิควิดีโอ "รอยสักที่ถูกลืม" จากวง 7Days Crazy   ได้แล้ววันนี้ทาง  https://youtu.be/rrmKeXx8rUk    ทาง FB / YOUTUBE : 7 Days Crazy         #รอยสักที่ถูกลืม #7dayscrazy #khaosanentertainment
#3086


นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เห็นชอบข้อเสนอการจัดตั้งกองทุน FTA ของคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน และได้ส่งเรื่องถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว เพื่อขอให้นำเรื่องการขอจัดตั้งกองทุน FTA ของกระทรวงพาณิชย์ เข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนของกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินกระบวนการรับฟังความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งกองทุน FTA ก่อนเสนอครม. ตามกระบวนการตรากฎหมายด้วย

สำหรับกองทุน FTA ที่เสนอจัดตั้ง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก FTA ทั้งภาคการผลิตสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยจะให้ความช่วยเหลือใน 2 รูปแบบ คือ เงินจ่ายขาด เช่น การวิจัยพัฒนา การจัดหาที่ปรึกษา การฝึกอบรม กิจกรรมที่สนับสนุนการตลาด และเงินกู้ยืม เช่น เงินลงทุน ค่าใช้จ่ายหมุนเวียน โดยจะดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานทั้งรัฐ เอกชน เกษตร วิชาการ และธนาคาร เพื่อเป็นตัวกลางให้กับกลุ่มผู้ขอรับความช่วยเหลือในการช่วยเขียนโครงการและเสนอโครงการมายังกองทุน

ส่วนที่มาของเงินกองทุนส่วนใหญ่ จะขอทุนประเดิมจากรัฐบาล 5,000 ล้านบาท และจากงบประมาณประจำปี 120-150 ล้านต่อปี และกองทุนจะมีการพิจารณาจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ที่ได้ประโยชน์จาก FTA ทั้งผู้ส่งออก ผู้นำเข้า และผู้ประกอบการในภาคการผลิตและภาคบริการ ซึ่งในเบื้องต้นได้มีข้อเสนอให้จัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ขอใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ประสงค์จะใช้สิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับการส่งออกภายใต้ FTA โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและไม่เป็นภาระเกินความจำเป็นต่อภาคเอกชน

ทั้งนี้ การผลักดันจัดตั้งกองทุน FTA เป็นไปตามนโยบายของนายจุรินทร์ ที่ได้เล็งเห็นถึงปัญหาจากการทำ FTA ที่แม้จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการค้า แต่ก็มีความท้าทาย เนื่องจากด้านหนึ่งมีผู้ได้ประโยชน์ อีกด้านหนึ่งก็มีผู้ที่ได้รับผลกระทบ และจากการลงพื้นที่รับฟังความเห็นที่ผ่านมาของกระทรวงพาณิชย์ พบว่ามีเสียงเรียกร้องและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่าง ๆ ให้รัฐมีการจัดตั้งกองทุน FTA อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก FTA ให้สามารถปรับตัวรับมือกับการแข่งขันในตลาดการค้าเสรี จึงได้มีการตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อร่วมกันหาแนวทางและจัดทำข้อเสนอการจัดตั้งกองทุน FTA

ปัจจุบัน ไทยมีความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) จำนวน 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี และเปรู และความตกลง RCEP ที่กำลังจะมีผลใช้บังคับในปีหน้า จะเป็นฉบับที่ 14 ของไทย

รายงานข่าวจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า การจัดตั้งกองทุน FTA อย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นต่อการจัดทำ FTA เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทย และเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบแก่ทุกภาคส่วน ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 178 ที่ได้กำหนดให้มีการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบทางด้านนี้
#3087


ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสซูเปอร์สตาร์ชายขวัญใจแฟนๆ ประกาศขอหยุดพักตลอดฤดูกาล 2021 ไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงขอไม่ลงแข่ง แกรนด์ สแลม ยูเอส โอเพน เพื่อเอาเวลาไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขา

นักหวดมือ 4 โลกจากสเปน บาดเจ็บที่ขาซ้ายมาตั้งแต่ลงแข่ง แกรนด์ สแลม เฟรนช์ โอเพน รอบรองชนะเลิศ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหายตัวไปเยียวยาอาการบาดเจ็บ และไม่ส่งสัญญาณคัมแบ็กใดๆ ทั้งที่ ยูเอส โอเพน จะเริ่มวันที่ 29 สิงหาคมนี้

กระนั้น นาดาล ให้คำตอบกระจ่างผ่าน ทวิตเตอร์ ว่าจะไม่ลงสนามแล้วในปีนี้ เพื่อโฟกัสกับการรักษาอาการบาดเจ็บจนกว่าจะหายดี ซึ่งหมายความว่าจะไม่ลงแข่ง แกรนด์ สแลม ที่มหานครนิวยอร์ค ด้วยเช่นกัน

"สวัสดีทุกคน ผมอยากแจ้งข่าวไม่ค่อยดีว่าผมได้ปิดฉากฤดูกาล 2021 แล้ว พูดตามตรงว่าผมทรมานกับอาการที่เท้ามากเกิน 1 ปีแล้ว และอยากใช้เวลาแก้ไขอาการบาดเจ็บ หรืออย่างน้อยก็ทำให้มันดีขึ้นเพื่อให้ลงเล่นได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า"

"ผมจะทำทุกทางด้วยความกระตือรือร้น เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และกลับมาแข่งขันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของผม ทุกอย่างจะสำเร็จตามเป้าหากขาของผมหายดี ผมสัญญาว่าจะทำงานอย่างหนักเพื่อลงเล่นกีฬานี้ต่อไป" นาดาล ระบุ
#3088


วันนี้(20 ส.ค.)นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคกล้าเขตสวนหลวง-ประเวศกล่าวว่า จากกรณีที่ อธิบดีกรมอนามัย เรียกร้องว่ามีความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกันโควิดด้วยการให้สวมหน้ากากในบ้านเพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนในบ้าน เพราะสถานการณ์ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสสมาชิกในครอบครัวหรือเกิดกับผู้ใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้นนั้น

นายอริย์ธัช ระบุต่อไปว่า โดยหลักการถือว่าเป็นข้อแนะนำที่ชวนให้ตระหนักถึงปัญหาและสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงมาตรการนี้อาจมีความลำบากในทางปฏิบัติ เพราะหลายครอบครัวไม่ได้มีพื้นที่มากนัก สุดท้ายแล้วก็ต้องมีสัมผัสใกล้ชิดในชีวิตประจำวันซึ่งสามารถสัมผัสเชื้อได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อที่ติดอยู่ตามสถานที่ใช้งานร่วมกันต่างๆโดยมือสามารถป้ายไปยังที่ต่างๆในบ้าน หรือเวลารับประทานอาหารที่ยังคงต้องถอดหน้ากากอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ในสิ่งที่ตนเป็นห่วงและยังไม่ได้ถูกจัดการให้ดีพอในตอนนี้สำหรับภาคครัวเรือนก็คือ ขยะติดเชื้อต่างๆที่ไม่ได้รณรงค์หรือหาเครื่องมือช่วยให้มีการคัดแยกตั้งแต่ต้นทางได้มากพอ และปัญหาการเกิดสภาพล้นเกินปริมาณการกำจัดในแต่ละวันที่ปลายทาง ซึ่งหากมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวันแม้อยู่ในบ้านก็จะเป็นการเพิ่มขยะให้มากขึ้นอีก

"ปริมาณขยะปี 2563 คาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 25 ล้านตัน แต่ที่ถูกกำจัดอย่างถูกต้องมีประมาณ 9 ล้านตันเท่านั้น ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษที่สำรวจไว้พบว่า การนำหน้ากากอนามัยไปทิ้งในบ่อฝังกลบทั่วไป ทำได้เพียงร้อยละ 25  เผาในเตาขยะติดเชื้อร้อยละ 9 จ้างเอกชนรับกำจัดร้อยละ 8 ที่มากที่สุดคือรวบรวมให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำจัดถูกวิธีร้อยละ 51 จึงยังมีขยะติดเชื้ออีกพอสมควรที่ยังไม่ถูกจัดการ และปัญหาใหญ่ก็คือการไม่แยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ทำให้ขยะติดเชื้อจากครัวเรือนไม่ว่าจะเป็นหน้ากากหรือทิชชู่หรืออื่นๆที่อาจมีเชื้อ เช่น ชุดตรวจ ATK ถูกรวมในถุงขยะเดียวกันทำให้ไม่สามารถนำไปกำจัดอย่างถูกต้องได้ ยิ่งพื้นที่กำจัดล้นจนระบายไม่ทันก็อาจแพร่กระจายเชื้อติดไปยังขยะอื่นได้ โดยอาจมีคนมาเก็บคัดแยกขยะก็กลายเป็นความเสี่ยง ดังนั้น สำหรับคนเก็บและแยกขยะจึงควรต้องนับรวมเป็นบุคลากรด้านหน้าที่ควรได้รับวัคซีนไฟเซอร์เพื่อป้องกันเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ จะเห็นว่าปัญหาขยะติดเชื้อมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นทุกที เมื่อจะยกระดับการควบคุมโรคแล้วก็ต้องคิดให้ครบถ้วนถึงปลายน้ำ นั่นคือการหาทางยกระดับมาตรการจัดการขยะติดเชื้อด้วย"นายอริย์ธัช กล่าว
#3089


บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์ ในฐานะผู้ที่มอบโภชนาการที่ดีให้กับประชากรไทยมาอย่างยาวนานกว่า 65 ปี ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาปัญหาความยากจน โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นอย่างยาวนาน จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในวงกว้าง และมีผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งในด้านเศรษฐกิจและสุขภาพอย่างต่อเนื่องนั้น

ซึ่งหนึ่งในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบไม่น้อยคือ "เด็ก" โดยเฉพาะเด็กๆ จากครอบครัวที่พ่อแม่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ และค่าครองชีพที่ลดต่ำลง โฟร์โมสต์จึงร่วมกับ มูลนิธิกระจกเงา เปิดตัวโครงการ "โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19" เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมส่งต่อน้ำใจอันยิ่งใหญ่ ผ่านผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์จำนวน 1 ล้านกล่อง รวมมูลค่า 10 ล้านบาท ให้แก่เด็กและครอบครัวทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเมื่อมีการซื้อผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีโฟร์โมสต์ ทุกรสชาติ จำนวน 1 ลัง โฟร์โมสต์จะบริจาคผลิตภัณฑ์นมยูเอชที โฟร์โมสต์โอเมก้า 369 ขนาดบรรจุ 180 มล. ให้กับมูลนิธิกระจกเงาจำนวน 1 ลังทันที

นายราชเทพ นฤหล้า และน.ส. มลฤดี สุขเรืองรอง
นายราชเทพ นฤหล้า และน.ส. มลฤดี สุขเรืองรอง

นายราชเทพ นฤหล้า ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "โฟร์โมสต์เชื่อในความมีน้ำใจของคนไทย จึงได้ร่วมสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดสู่การเป็นสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์วิกฤตที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงสารอาหารสำคัญและโภชนาการที่จำเป็นของครอบครัวชาวไทยจำนวนมาก โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา โฟร์โมสต์ได้ร่วมมือกับทีมจิตอาสาจากเพจอีจัน มอบนมยูเอชทีโฟร์โมสต์จำนวน 2,390 ลัง ให้กับ 17 ชุมชน รวมถึง โครงการ 'ปันนมปันน้ำใจร่วมต้านภัยโควิด-19' ที่มอบผลิตภัณฑ์นมแก่โรงพยาบาลรัฐและศูนย์การแพทย์ 19 แห่งทั่วประเทศ มาในปีนี้เราได้จับมือกับมูลนิธิกระจกเงาชวนทุกคนมาร่วมแบ่งปันครั้งยิ่งใหญ่ มอบน้ำนมโคคุณภาพดีที่อุดมด้วยสารอาหารสำคัญจากโฟร์โมสต์จำนวน 27,778 ลัง รวมกว่า 1,000,000 กล่อง ไปสู่เด็กๆ ทั่วประเทศ โดยผู้ที่ร่วมซื้อผลิตภัณฑ์ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ไว้ใช้บริโภคภายในครัวเรือนแล้ว ยังได้ร่วมแบ่งปัน นอกจากนี้ ยังได้เปิดโอกาสให้พนักงานของบริษัทฯ บริจาคนมสวัสดิการสมทบโครงการนี้เพิ่มเติมอีกด้วย เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมส่งต่อน้ำใจอันยิ่งใหญ่ ในโอกาสครบรอบ 65 ปีของโฟร์โมสต์ ประเทศไทย

และแม้จะเป็นระยะเวลาเพียงสั้นๆ นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการฯ ในวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากคนไทย ถึงวันนี้เราได้มอบนมโคคุณภาพดีโฟร์โมสต์โอเมก้า 369 แก่มูลนิธิกระจกเงา ไปเป็นจำนวนกว่า 415,000 กล่อง (ไม่นับรวมนมสวัสดิการที่พนักงานบริษัทฯ บริจาคสมทบเพิ่มเติม) เพื่อนำไปแจกจ่ายเด็กๆ ในชุมชนต่างๆ สร้างเสริมโภชนาการที่มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กๆ และบรรเทาผลกระทบในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงวิกฤตโควิด-19 เพราะพัฒนาการของเด็กๆ คือสิ่งที่เรียกคืนไม่ได้นั่นเอง"

ด้าน น.ส. มลฤดี สุขเรืองรอง ครูประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน ชุมชนซอยสีน้ำเงิน 1 บางซื่อ กล่าวว่า "ในทุกชุมชนจะมีเด็กเล็กๆ อยู่ในครอบครัวที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ทำให้พ่อแม่หลายคนมีความเสี่ยงถูกเลิกจ้าง และอีกหลายคนก็ขาดรายได้กะทันหัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของลูก อาหารในแต่ละมื้อคือสิ่งที่พ่อแม่จำเป็นจะต้องหาให้ลูกมากกว่านม แต่เด็กทุกคนต้องการนมที่มีคุณภาพสำหรับสมองที่กำลังเติบโต และร่างกายที่กำลังมีพัฒนาการ โดยเด็กๆ ควรได้ดื่มนมสดวันละอย่างน้อย 2 กล่อง หรือ 400 ซีซี และหากไม่ได้รับสารอาหารที่ดีอย่างครบถ้วน เด็กจะไม่สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีแข็งแรงสมบูรณ์ได้เลย การขาดแคลนนมโคคุณภาพดีจึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งค่ะ

โครงการ "โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19" ช่วยแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับเด็กๆ ในครอบครัวกลุ่มเปราะบาง ให้ยังได้รับสารอาหารและโภชนาการที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตแม้ในยามวิกฤติ ต้องขอขอบคุณในน้ำใจของคนไทยทุกคนที่ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ เพราะทุกความช่วยเหลือคือการร่วมสร้างอนาคตให้กับเด็กๆ ในช่วงปฐมวัย ซึ่งเป็นช่วงวัยสำคัญในการสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับชีวิตต่อไปค่ะ"

ขณะที่คุณแม่วัย 34 ปี จากชุมชนซอยสีน้ำเงิน 1 กล่าวว่า "รู้สึกดีใจและขอบคุณทางโฟร์โมสต์อย่างมากค่ะ ที่ให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตของเด็กๆ ตัวเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกสองคน และทำงานรับจ้างรายวัน ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้เราหางานยากขึ้นเรื่อยๆ และส่งผลกับรายได้ในแต่ละวันมาก เวลาลูกร้องจะกินนม เราก็พยายามบ่ายเบี่ยง เพราะบางทีเขาไม่เข้าใจหรอกว่าคำว่าแม่ไม่มีเงินคืออะไร เราต้องเก็บเงินไว้ซื้อข้าวให้ลูกกิน ทั้งที่เราก็อยากให้ลูกได้กินทั้งข้าวและนม เพราะสำคัญต่อการเติบโตของลูกมาก ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยสนับสนุนโครงการนี้จริงๆ ค่ะ"

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อน้ำใจและสร้างอนาคตที่ดีให้เด็กไทย ภายใต้โครงการ "โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19" ได้ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 9 กันยายน 2564 ด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีโฟร์โมสต์ ทุกรสชาติ จำนวน 1 ลัง ผ่านช่องทางของร้านค้าผู้จัดจำหน่ายที่ร่วมรายการและโฟร์โมสต์ออนไลน์ โฟร์โมสต์จะบริจาคผลิตภัณฑ์นมยูเอชที โฟร์โมสต์โอเมก้า 369 ขนาดบรรจุ 180 มล. ให้กับมูลนิธิกระจกเงาจำนวน 1 ลังทันที เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเด็กและครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน สูงสุดจำนวน 1,000,000 กล่อง (ไม่นับรวมนมสวัสดิการที่พนักงานบริษัทฯ บริจาคสมทบเพิ่มเติม) ดูรายละเอียดโครงการได้ที่ https:// www.foremostthailand.com/กิจกรรม/โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https:// www.facebook.com/ForemostThailand/ การแบ่งปันและน้ำใจจากคนไทยในครั้งนี้ จะช่วยสร้างรอยยิ้มของเด็กไทยในยามวิกฤตให้สดใสยิ่งกว่าเดิม
#3090


นายอาคม เติมไพสิฐพิทยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวถึงข้อเสนอของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาทเพื่อเยียวยาโควิด-19และดูแลเศรษฐกิจหลังจบโควิด-19ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการกู้เงินเพิ่มดังกล่าวตามที่ธปท.เสนอมา เนื่องจาก ขณะนี้ยังมีเม็ดเงินที่ยังสามารถใช้บริหารจัดการในช่วงสถานการณ์โควิด-19ได้จากพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ซึ่งยังเพียงพอต่อการเยียวยาสถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้

ส่วนวงเงินจากพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท จะใช้ดูแลเยียวยาและเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 ได้จนถึงปีหน้าหรือไม่นั้น จะต้องดูแผนการใช้เงินของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ที่กำหนดไว้ก่อนรวมถึง แผนดูแลประชาชนกรณีที่สถานการณ์โควิด-19 ลากยาวด้วย


สำหรับข้อเสนอเรื่องกองทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องผู้ประกอบการท่องเที่ยว จำนวน 1 หมื่นล้านบาทนั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังไม่ได้เข้ามาหารือกับตนแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันวงเงินกู้เพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท มีการอนุมัติไปแล้วกว่า 6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การช่วยเหลือเรื่องการศึกษา 3.2 หมื่นล้านบาท และเยียวยาแรงงานในพื้นที่ล็อกดาวน์ 10 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา จำนวน 3 หมื่นล้านบาท
#3091


มาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม ม.40 ม.39 ลูกจ้าง-นายจ้าง ม.33 มีรายละเอียดความคืบหน้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ เสนออนุมัติวงเงิน 33,471 ล้านบาท เนื่องจากการประกาศเพิ่มจำนวนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จาก 13 จังหวัด ก่อนจะเพิ่มอีก 16 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด

โดยกรอบการเยียวยาที่จะนำไปจ่ายให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ซึ่งเป็นแรงงานอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ สัญชาติไทย รายละ 5,000 บาท โดยโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน โดยใน 29 จังหวัด แบ่งออกเป็นผู้ประกันตน ม.39 จำนวน 1.4 ล้านคน และม.40 จำนวน 5.25 ล้านคน รวมทั้งสิ้น 6,694,200 คน

ขณะที่ กลุ่มผู้ประกันตน ม.39 และม.40 ใน 13 จังหวัด จะได้รับเงินเยียวยารวม 2 เดือน โดย ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานไปทำรายละเอียดที่จะได้อีก 1 เดือน เสนอต่อการประชุมครม. ครั้งต่อไป

โดยตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคมที่จะจ่ายให้แต่ละกลุ่มจะมีรายละเอียด และเงื่อนไขการจ่ายเงินแตกต่างกัน ดังนี้

ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ 16 จังหวัดประกอบด้วย กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี อ่างทอง นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี ระยอง สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ ตาก มีอยู่ราว 3-4 แสนราย

ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 13 จังหวัดประกอบด้วย กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา (บางส่วนที่ชำระเงินสมทบก่อนวันที่ 3 ส.ค.64 ) จำนวน 4.2 ล้านราย

ผู้ประกันตนมาตรา 39 และ 40 ใน 16 จังหวัดประกอบด้วย กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี อ่างทอง นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี ระยอง สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ ตาก

ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์เงินเยียวยาประกันสังคม 

1.เข้าเว็บไซต์ www.sso.go.th หรือ คลิกที่นี่ 

2.เลือกตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนตามกลุ่มของตน คือ 

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่ 

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยานายจ้าง สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

- ตรวจสอบสถานะสิทธิ์โครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

3.กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และกรอกรหัสให้ตรงตามรูปที่กำหนด

4.จากนั้นกดค้นหา

5.ระบบจะแสดงผลการค้นหา พร้อมระบุจะอัปเดตข้อมูลล่าสุด ตามวันเวลาที่กำหนดอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

'ประกันสังคม' ม.33 ม.39 ม.40 เช็คที่นี่วิธีผูกพร้อมเพย์รอเงินเยียวยาเข้า 5 พัน
เช็คเงิน 'เยียวยาประกันสังคม' ม.33 โอนเงิน 2,500 บาท พื้นที่สีแดงเข้ม 16 จังหวัด

ส่วนสาเหตุ ที่ตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม เข้าไปตรวจสอบในระบบ แต่กลับพบว่า ไม่ได้รับสิทธิ อาจจะมีสาเหตุ มาจาก ชื่อหรือนามสกุล ในระบบผู้ประกันตนมีตัวสะกดไม่ตรงกับบัตรประชาชน เพราะผู้ประกันตนอาจมีการเปลี่ยนชื่อภายหลัง หรือตอนสมัครมีการสะกดผิด สามารถเข้าระบบสมาชิกผู้ประกันตนได้ ที่นี่

ขณะเดียวกัน ล่าสุด ธนาคารกรุงไทย แจ้งผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 โอน เงินเยียวยา ผ่านพร้อมเพย์ด้วยบัตรประชาชน ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งหมด 29 จังหวัด เริ่ม 23 ส.ค. 64

สมัครพร้อมเพย์ผ่านแอปฯ KrungthaiNEXT หรือตู้ ATM/ATM+

วิธีการสมัคร

1. เลือกเมนู พร้อมเพย์
2. เลือกหมายเลข ที่ต้องการสมัคร พร้อมเพย์ รับเงินจากภาครัฐต้องผูกกับ หมายเลขบัตรประชาชนเท่านั้น
3. อ่านข้อกำหนดและ เงื่อนไข พร้อมทำ เครื่องหมายและ กด ยอมรับ
4. เลือกบัญชีที่ต้องการ ผูกกับหมายเลข พร้อมเพย์
5. ตรวจสอบ และ ยืนยันข้อมูล
6. สมัครสำเร็จ

โดยรายละเอียดการตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม สามารถแยกรายละเอียดได้ดังนี้ 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 2,500 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 20 ส.ค.64 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 23 ส.ค.64 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 24 -26 ส.ค.64 โอนละวันละ 1.5 ล้านราย

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 และ 40 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 27 ส.ค.64
#3092


ในยุคที่ผู้คนใช้เครื่องมือสื่อสารในชีวิตประจำวันจนคล้ายเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิต เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า โลกออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้ว ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนถึงเวลาเข้านอน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่

สำหรับเจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการต่างได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ในภาวะที่การเดินทางระหว่างประเทศก็เป็นไปได้ยาก บางรายอาจไม่ทราบวิธีการเข้าถึงข้อมูลด้านการค้า ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจในปัจจุบัน การมีข้อมูลที่มากกว่าจะช่วยให้เราสามารถวางแผน ตัดสินใจ และดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

DITP Overseas เป็นบริการของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) พร้อมจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการ โดยรวบรวมข้อมูลความรู้ด้านการค้า และเทรนด์สินค้าใหม่ๆ จากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ 32 แห่ง ใน 6 ภูมิภาคซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ได้แก่ ภูมิภาคอเมริกา ลาตินอเมริกา ภูมิภาคยุโรป และCIS ภูมิภาคแอฟริกา และตะวันออกกลาง

โดยข้อมูลของ DITP Overseas เหล่านี้ได้ถูกนำมาวิเคราะห์ ย่อย และนำเสนอให้เข้าถึงง่ายและสะดวกมากขึ้น ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งเอกสารข้อมูล ภาพ เสียง และโมชั่นกราฟฟิก เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลไปปรับใช้พิจารณาปัจจัยแวดล้อมของแต่ละตลาดสินค้าที่สนใจ สร้างโอกาสและต่อยอด เพื่อประโยชน์ด้านการค้าของตนเองต่อไป

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กำลังพัฒนาคู่มือการค้าของทั้ง 27 ประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจตลาดใน 6 ภูมิภาคนี้ ช่องทางในการค้นหาข้อมูลการค้าได้สะดวก โดยสามารถกรอกรายละเอียดเพื่อสมัครสมาชิก และรับข่าวสารกิจกรรมด้านการค้าและรับสิทธิในการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมทางการค้าจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั้ง 32 แห่งได้ง่ายๆ ในรูปแบบกิจกรรมสัมมนาออนไลน์กับผู้เชี่ยวชาญตลาดการค้าในแต่ละประเทศ หรือกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจทั้งออฟไลน์และออนไลน์

โดยระบบการจัดเก็บรายชื่อดังกล่าว ยังช่วยเอื้อประโยชน์ให้สำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ สามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกิจของผู้ประกอบการไทย และสามารถนำเสนอข้อมูลต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศที่สนใจได้โดยตรงอีกด้วย

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลสำคัญด้านการค้าเหล่านี้ได้ ผ่านช่องทางออนไลน์หลายแพลตฟอร์มได้ทาง

FB: DitpOverseas https:// www.facebook.com/ditpoverseas
Youtube: DITP Overseas
Website: https:// ditp-overseas.com/
#3093


นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "Innovation Beyond Business โอกาสนวัตกรรมเศรษฐกิจ" ในการสัมนา Virtual Forum  Thailand next#1 ว่าการพัฒนานวัตกรรมมีส่วนอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งการต่อสู้กับโรคระบาดอย่างโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ซึ่งเราเห็นตัวอย่างจากชาติตะวันตกที่มีความรู้เรื่องนวัตกรรมมีการสั่งสมองค์ความรู้ทางด้านการแพทย์ และวิทยาศาสตร์มาอย่างยาวนานก็สามารถที่จะผลิตวัคซีน-19 ได้ภายในระยะ 1 ปี จากปกติที่ต้องใช้เวลากว่า 8 ปี 

ประเทศไทยยังไม่มีการสั่งสมองค์ความรู้ที่เป็นนวัตกรรมมากนักที่ผ่านมาการลงทุนของภาคเอกชนมีมาอย่างต่อเนื่องและมีการลงทุนซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตโดยในช่วงที่ผ่านมาขนาดของเศรษฐกิจของไทยมีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน 

ส่วนนวัตกรรมที่บางส่วนเกิดจากการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไม่มากนัก โดยก่อนหน้านี้ระดับของ FDI ต่อจีดีพีของไทยอยู่ที่ 1-2% ของจีดีพีเท่านั้น 


อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร และด้านอื่นๆเพื่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติมของภาคเอกชนทั้งในและนอกประเทศ 

ขณะที่การปรับตัวเรื่องภาคส่วนต่างๆของเศรษฐกิจ เช่นการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 โดยเฉพาะในเรื่องของภาคการท่องเที่ยวที่จะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวในปริมาณที่ลดลงเน้นคุณภาพมากขึ้นและมีระบบสาธารณสุขรองรับเป็นอย่างดีซึ่งก็จะช่วยให้ประเทศไทยใช้เครื่องยนต์ทางการท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มากขึ้น 

ส่วนการเปิดรับนักลงทุนที่รัฐบาลพยายามเตรียมความพร้อมที่จะรับการลงทุนจากต่างประเทศนั้นมีการเตรียมความพร้อมโครงการต่างๆในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีการสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องเช่น เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ "EECi หรือ  เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand) หรือ "EECd" ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและการพัฒนานวัตกรรม 

นอกจากนั้นยังมีแนวนโยบายที่พัฒนาเศรษฐกิจสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกคือเรื่องของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยคาร์บอนไดร์ออกไซด์ สังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะมีการลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางนี้เช่นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น  
#3094


นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า เพื่อรับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก (Megatrends) ที่ส่งผลกระทบและสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และธุรกิจ IRPC  จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ขึ้น เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนองค์กร ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม

 วิสัยทัศน์ใหม่ของ IRPC ที่จะเริ่มใช้ในปี 2564 คือ การเป็นองค์กรที่ "สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว (To Shape Material and Energy Solutions in Harmony with Life) ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจต่างๆ ของโลก อาทิ เทคโนโลยี การสื่อสาร การคมนาคม ความต้องการของลูกค้า ที่กำลังเข้าสู่การเป็นสังคมเมืองและสังคมผู้สูงอายุ ความห่วงใยสิ่งแวดล้อม รวมถึงสงครามการค้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจเท่านั้น หากแต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของ IRPC ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วย


IRPC จะให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการใช้วัสดุหมุนเวียนและการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับความต้องการใช้งานทางการแพทย์ และสุขภาพ ที่สร้างประโยชน์เพื่อคนไทยโดยคนไทยเป็นรายแรกของประเทศ อาทิ การสร้างสรรค์นวัตกรรมเม็ดพลาสติก พีพี เกรด เมลต์โบลน (PP Melt blown: Polypropylene Melt blown) วัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 และชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) หรือแม้แต่กลุ่มนวัตกรรมทางการเกษตร ได้แก่ ซิงค์ออกไซด์นาโน (ZnO NANO) ที่พัฒนาต่อยอดมาจากซิงค์ออกไซด์ (ZnO) ทำให้มีขนาดเล็กระดับอนุภาคนาโน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของพืชได้ดียิ่งขึ้นเพิ่มผลิตผลทางการเกษตรและปลอดภัยต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม

สำหรับการสร้างสรรค์ด้านการใช้พลังงานนั้น IRPC จะขยายผลธุรกิจในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแห่งอนาคต ทั้งพลังงานทางเลือก และพลังงานหมุนเวียน เช่น วัสดุเคลือบแผงโซลาร์เซลล์ลดความร้อน และอุปกรณ์เก็บพลังงานสำรองให้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ตลอดจนการปรับปรุงกระบวนการผลิตโรงกลั่นน้ำมันให้ได้เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมากขึ้น 

"เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ใหม่ การดำเนินธุรกิจและสิ่งที่ IRPC จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับชีวิตและสิ่งแวดล้อม เราไม่เพียงแต่ขยายฐานจากการดำเนินธุรกิจด้านการผลิตปิโตรเคมีและการกลั่นที่เราเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 40 ปี และมีความมั่นคงเท่านั้น แต่เราต้องต่อยอดองค์ความรู้ที่มีและเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร เพื่อสร้างนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ และสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนจากความสมดุลของทั้งชีวิตผู้คน และสิ่งแวดล้อม"

สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจหลังจากนี้ IRPC จะใช้องค์ความรู้ขององค์กร ที่ประกอบด้วยนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญของบุคลากร รวมถึงความพร้อมในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ว่องไว ทันต่อสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
#3095


ในวงการ "ขายของออนไลน์" การจะได้ความประทับใจของลูกค้ามานั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย หนึ่งในวิธีที่จะซื้อใจลูกค้าให้ติดหนึบ จนกลายเป็นลูกค้าประจำที่กลับมา "ซื้อซ้ำ" เสมอ นอกจากกลยุทธ์ด้านการขายต่างๆ แล้ว การใส่ใจต่อ "กล่องพัสดุ" ก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน


ทำไม? ต้องตกแต่ง "กล่องพัสดุ"
คำถามนี้อาจจะผุดขึ้นในหัวของพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ ที่คิดว่ากล่องพัสดุของเรามันดีแล้ว มีการจ่าหน้าซองที่ถูกต้องครบถ้วน และชัดเจน จะต้องตกแต่งเพิ่มอีกทำไม? แต่หารู้ไม่! การตกแต่ง "กล่องพัสดุ" มีส่วนทำให้เกิดการ "ซื้อซ้ำ" และเพิ่มความประทับใจต่อสินค้า (Customer Experience) ได้มากถึง 72%

อ้างอิงจากผลสำรวจเรื่อง "ความพึงพอใจของคนอเมริกาต่อกล่องพัสดุและบรรจุภัณฑ์ในการซื้อสินค้า (ปี 2018)" จากบริษัท Paper and Packaging Board ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งชื่อดังของอเมริกาที่ร่วมมือกับ IPSOS บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยการตลาด

นอกจากนี้ "การแต่งกล่องพัสดุ" ยังส่งเสริมการตลาดแบบไวรัล (บอกต่อปากต่อปาก) บนโลกออนไลน์ ด้วยเทรนด์การทำคอนเทนต์เกี่ยวกับ แกะกล่องพัสดุ ที่เรียกว่า Unbox เพิ่มมากขึ้น ทั้งใน Youtube, Tiktok และ Instargram (แม้แต่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยังเคยทำคลิปวิดีโอ Unbox เช่นกัน)

หากเลื่อนลงไปดูในช่องแสดงความคิดเห็น มักจะเห็นผู้คนเข้ามาพิมพ์ข้อความในเชิงบวก เป็นต้นว่า ซื้อที่ร้านไหน, อยากซื้อบ้าง ฯลฯ ซึ่งสามารถขยายฐานลูกค้าได้อีกมาก ชนิดที่แม่ค้าพ่อค้าอาจไม่ต้องลงแรงด้านมาร์เก็ตติ้งอะไรเลย นี่คือเวทมนตร์วิเศษที่เรียกว่า "การแต่งกล่องพัสดุ" ที่แม่ค้าออนไลน์ทั้งหลายจะมองข้ามไม่ได้

ไอเดียตกแต่ง "กล่องพัสดุ" ให้ ว้าว! แบบลืมไม่ลง
หลังจากที่ตระหนักถึงความสำคัญของกล่องพัสดุแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือ การมองหาไอเดียการตกแต่งกล่องพัสดุ ที่สามารถนำมาปรับใช้ให้ตรงกับความเหมาะสมของสินค้าของคุณ ซึ่งเรามีไอเดียง่ายๆ มาแนะนำกัน ดังนี้

1. ปั๊มตราสัญลักษณ์ของร้านลงบนกล่อง

การพิมพ์หรือปั๊มตราสัญลักษณ์ของร้านลงบนกล่อง ถือเป็นวิธีที่ง่ายๆ ที่สามารถสร้างความจดจำให้แก่ร้านค้าตั้งแต่ครั้งแรกที่สินค้าถึงมือลูกค้า โดยอาจจะเลือกพิมพ์หรือปั๊มชื่อร้าน, โลโก้, สัญลักษณ์ของร้าน ลงไปบนกล่องพัสดุที่เตรียมจะส่งได้เลย ยืนยันได้จากร้านค้าออนไลน์หลายๆ ร้านก็นำไอเดียนี้มาใช้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Diamond Grains, Premium fruit Delivery, Konvy เป็นต้น

2. ใช้สีกล่องตรงกับสีแบรนด์ เพื่อตอกย้ำเอกลักษณ์ของร้าน

นอกจากการพิมพ์หรือปั๊มสัญลักษณ์ร้านแล้ว สิ่งที่สามารถตอกย้ำเอกลักษณ์ของร้านอีกอย่างคือการเลือกใช้สีกล่อง ที่บ่งบอกถึงตัวตนของร้าน หรือสินค้านั้นๆ สำหรับตัวอย่าง "กล่องพัสดุ" ที่มีการเพิ่มลูกเล่นด้วยสีกล่อง ได้แก่ แบรนด์ Ducati, แบรนด์ Chand เป็นต้น


3. ติดเทปหรือสติ๊กเกอร์ สร้างเอกลักษณ์ให้กล่อง

แม้ว่าพื้นที่ที่การเป็นมองเห็นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ข้างกล่องไปรษณีย์ แต่ถ้าใครมีงบน้อยที่ไม่เน้นการพิมพ์กล่อง หรือใช้สีกล่องที่แตกต่าง ก็อาจจะเพิ่มลูกเล่นความน่ารักให้กับกล่องพัสดุด้วยการปรับเทปแบบเดิมๆ ให้มีลวดลายเพิ่มมากขึ้น เช่น เทปที่มีลายการ์ตูน เทปที่มีข้อความ Thank You เป็นต้น


อัพเดทล่าสุด! 'มิสทินสู้โควิด' แจก 2,000 บาท ประกาศรายชื่อแล้ว เช็คได้ที่นี่
โอนเงิน ม.33-39-40 ใน 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม วันไหนบ้าง เช็กเลย!
ประกันสังคมมาตรา 40 มาตรา 39 เงินเยียวยา เช็ควันโอน-แนะผูกพร้อมเพย์ง่ายๆรอเงินเข้า
ห่อหุ้มสินค้า เรื่องจำเป็นที่ต้องไม่ลืม
หากให้ความสนใจเรื่องกล่องพัสดุแล้ว เรื่องการหุ้มห่อสินค้าก็ต้องใส่ใจควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นการหุ้มห่อสินค้าพิเศษ หรือสินค้าที่เสี่ยงต่อการเสียหาย แตกหักง่าย โดยมีเคล็ดลับการห่อของประเภทต่างๆ ที่ ไปรษณีย์ไทย มีข้อแนะนำไว้ ได้แก่

สิ่งของที่มีความยาว : ห่อหุ้มด้วยวัสดุกันกระแทก และบรรจุลงในกล่องให้มิดชิด
ของเหลว : ใช้เทปกาวปิดรอยต่อบริเวณคอ หรือฝาของบรรจุภัณฑ์ให้แน่น พร้อมกับห่อหุ้มด้วยวัสดุกันกระแทกก่อนบรรจุลงถุงอีกชั้นหนึ่ง
ของแตกหักง่าย : หากต้องการส่งหลายชิ้นในกล่องใบเดียวควรห่อหุ้มด้วยวัสดุกันกระแทกแบบแยกชิ้น หลีกเลี่ยงการวางซ้อนกัน เพราะทำให้วัตถุเสียหายได้
เอกสารหรือรูปภาพ : ใช้ฟิวเจอร์บอร์ดหรือกระดาษแข็งประกบเอกสารหน้า-หลัง ติดเทปกาวให้แน่นหนา รวมถึงการใช้ซองพลาสติกห่อหุ้มอีกชั้นเพื่อป้องกันน้ำ และนำใส่ซองแล้วปิดผนึกให้เรียบร้อย
ทั้งหมดนี้ คือ เทคนิคเพื่อใช้กับกล่องพัสดุ เพียงแค่เลือกข้อที่เหมาะสม อยู่ในงบประมาณ และนำมาปรับใช้กับสินค้าของตนเอง เท่านี้พ่อค้าแม่ค้าก็จะทำให้กล่องพัสดุทุกกล่องที่ส่งไปถึงมือลูกค้าเหมือนของขวัญแสนพิเศษที่พวกเขาเฝ้ารอ และประทับใจจนต้องกลับมาซื้อซ้ำ
#3096


นางพรรณี พุ่มพันธ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า จากที่ ขบ.ได้ยกระดับการบริการประชาชนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยได้พัฒนาช่องทางชำระภาษีรถประจำปีออนไลน์ให้สามารถรองรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งรถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี หรือรถที่ค้างชำระภาษีเกินกว่า 1 ปี ให้นำรถเข้าตรวจสภาพกับสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ให้เรียบร้อยก่อนดำเนินการชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ สำหรับรถที่ไม่มีเงื่อนไขต้องตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีสามารถดำเนินการได้ทันทีนั้น
ทำให้สถิติการให้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบออนไลน์ ในเขตกรุงเทพมหานคร ประจำเดือนกรกฎาคม 2564เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้บริการชำระภาษีผ่านทางเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นถึง 53,100 คัน และบริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจำนวน 5,956 คัน

ซึ่งมีแนวโน้มที่เจ้าของรถจะใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบออนไลน์เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางให้บริการที่มีความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง อยู่ที่ไหนก็สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในส่วนของสถิติการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางอื่นๆ 

อาทิ เลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) ชำระภาษีได้โดยไม่ต้องลงจากรถ มีผู้ใช้บริการจำนวน 61,573 คัน การให้บริการชำระภาษีที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 มีผู้ใช้บริการจำนวน 266,150 คัน การให้บริการชำระภาษีผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) มีผู้ใช้บริการจำนวน 882 คัน เคาน์เตอร์เซอร์วิส มีผู้ใช้บริการจำนวน 12,270 คัน ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 754 คัน และผ่านแอปพลิเคชัน mPAY  และ Truemoney Wallet จำนวน 1,100 คัน รวมมียอดผู้ใช้บริการชำระภาษีประจำเดือนกรกฎาคม 2564 จำนวนทั้งสิ้น 401,785 คัน

กรมการขนส่งทางบกมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการประชาชนในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ภาครัฐนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการประชาชน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกให้เจ้าของรถสามารถเข้าถึงบริการชำระภาษีรถประจำปีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง เจ้าของรถสามารถชำระภาษีรถล่วงหน้าก่อนภาษีรถสิ้นอายุ 90 วัน ผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก https://eservice.dlt.go.th หรือผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เจ้าของรถจะได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ ภายใน 5 วันทำการ นับจากวันชำระเงิน สำหรับการชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เมื่อมีการชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว ระบบจะแสดงหลักฐานการชำระภาษีรถประจำปีชั่วคราว เพื่อให้เจ้าของรถสามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงการชำระภาษีจนกว่าจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี 

โดยเจ้าของรถสามารถเลือกรับเครื่องหมายการเสียภาษีทางไปรษณีย์หรือเลือกพิมพ์เครื่องหมายการเสียภาษีด้วยตนเองที่ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ซึ่งมีให้บริการที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 สำหรับรถติดตั้งแก๊ส และรถที่ค้างชำระภาษีรถเกิน 3 ปี ที่ไม่สามารถชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์ได้ แนะนำให้ใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ
#3097


นางสุดปรารถนา ดำรงชัยธรรม ผู้อำนวยการ - ทรัพยากรบุคคล "เคทีซี" กล่าวว่า "เนื่องจากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในวงกว้างรุนแรงมากขึ้น เคทีซีจึงได้ปรับแผนการเรียนการสอนของโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 ในรูปแบบออนไลน์ และบันทึกวีดิโอผ่านช่องทางของโรงเรียน โดยใช้หลักสูตรและสานต่อแนวคิดการแบ่งปันความรู้จากรุ่นสู่รุ่น (Train the Trainer) โดยวิทยากรภาษามือจากคุณครูและนักเรียนโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเคยเป็นผู้รับในปีทื่ 2 จะเป็นผู้ร่วมส่งต่อความรู้ในปีที่ 3 ให้กับเพื่อนๆ โรงเรียนโสตศึกษา นนทุบรี ซึ่งเป็นโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 จำนวน 49 คน"

"ความสำเร็จของโครงการฯ สองครั้งที่ผ่านมา มีนักเรียนและครูที่เข้าร่วมในโครงการรวม 156 คน จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ และโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ โดยเคทีซีเน้นให้ความสำคัญกับการแบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์ให้แก่สังคม โดยเฉพาะการส่งเสริมให้คนในสังคมพัฒนาอาชีพสร้างรายได้เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ตลอดจนสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยให้มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม"

"โครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2562 ด้วยเชื่อมั่นว่าการบกพร่องทางกายของเยาวชนมิใช่อุปสรรคในการเรียนรู้ หากได้รับโอกาสในการพัฒนาที่เหมาะสม จึงได้นำการเรียนรู้เพาะเห็ด ออร์แกนิค ตามวิถีเกษตรพอเพียง และความรู้ทางการเงิน เข้ามาเป็นหลักสูตรการสอน โดยเน้นการลงมือปฏิบัติและพัฒนาความรู้ไปสร้างอาชีพ ตลอดจนสามารถส่งต่อเครือข่ายองค์ความรู้ให้กับสังคมต่อไป"

นายสมชาย บ้านไร่ ผู้อำนวยการ โรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า "โครงการเรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 นี้จะเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ได้ศึกษาเรียนรู้ในเรื่องการเพาะเห็ด และการทำผลิตภัณฑ์จากเห็ดเต็มรูปแบบ ทั้งการเพาะ การดูแล การแปรรูป การออกแบบผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย ซึ่งถือว่านักเรียนที่ได้เข้าร่วมโครงการจะสามารถนำความรู้พื้นฐานนี้ไปต่อยอดพัฒนาการเรียนรู้ในวิชาอื่นๆ และประกอบอาชีพต่อไป ขอขอบคุณเคทีซี โรงเรียนโสตทุ่งมหาเมฆ และฟาร์มเห็ดโพธิ์ทอง ที่ให้โอกาสและสนับสนุนนักเรียนได้เข้าร่วมโครงการนี้ ทางโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรีจะพยายามเรียนรู้ สร้างองค์ความรู้ ทักษะการประกอบอาชีพอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้นักเรียนได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้"

"นางจุฑารัตน์ เรืองเดช รักษาการผู้อำนวยการ โรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ กล่าวว่า "ในปีการศึกษา 2563 โรงเรียนได้รับเกียรติจากเคทีซี และโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ ส่งต่อโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน ปี 2" ซึ่งนอกจากโรงเรียนจะได้รับโรงเพาะเห็ดที่มีมาตรฐาน และก้อนเชื้อเห็ดที่มีคุณภาพแล้ว สิ่งที่มีคุณค่าและประโยชน์ยิ่งก็คือ การส่งมอบความรู้ ประสบการณ์ และกระบวนการจัดการ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียรและเคทีซี รวมถึงฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองที่เคทีซีจัดให้นักเรียนไปศึกษาดูงาน เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจ โดยตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการ นักเรียนได้เรียนรู้กระบวนการทำโรงเพาะเห็ด การบริหารจัดการโครงการ การดูแล-เก็บเกี่ยวผลผลิต การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารต่างๆ ก่อให้เกิดรายได้ ทั้งยังสร้างให้นักเรียนเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ มีภาวะผู้นำ เป็นประโยชน์โดยตรงแก่นักเรียน ในขณะที่คณะครูผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันจัดประสบการณ์ เพื่อผลักดันให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ จนทำให้ "เห็ด" เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของโรงเรียนที่สร้างรายได้ เป็นแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน และเป็นแนวทางสร้างอาชีพให้แก่นักเรียนได้เป็นอย่างดี และในปีนี้เป็นความยินดียิ่งของโรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆ ที่จะได้ส่งต่อโครงการที่มีประโยชน์นี้ให้กับเพื่อนต่างโรงเรียนคือ โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 จะยั่งยืนส่งต่ออย่างต่อเนื่องไปอีกนานเท่านาน"

นางสาวเนตรนภา ขวัญสุข หนึ่งในทีมวิทยากรนักเรียนโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ สื่อสารผ่านล่ามภาษามือถึงประสบการณ์ตอนที่เข้าร่วมเรียนรู้ในโครงการฯ ครั้งที่ 2 ว่า "ตอนที่คุณครูบอกว่า เคทีซีจะมาสร้างโรงเพาะเห็ดให้โรงเรียนของเรา และคุณครูกับเพื่อนๆ หูหนวกจากโรงเรียนเศรษฐเสถียรจะมาเป็นวิทยากรให้ความรู้ พวกเรารู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก เพราะพวกเราไม่เคยเห็น ไม่เคยทำโรงเพาะเห็ดมาก่อน โรงเพาะเห็ดที่สร้างสวยงามมาก ติดตั้งระบบไฟฟ้า ระบบพ่นละอองน้ำพร้อมใช้งาน"

"เมื่อฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองมาส่งก้อนเชื้อเห็ดรอบแรก เราตกใจมาก ก้อนเชื้อเห็ดมีจำนวนมากถึง 1,800 ก้อน และเพื่อนๆ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร สอนให้เราเปิดปากถุง เรียงก้อนเชื้อเห็ด รดน้ำ จนวันที่เห็ดทั้งโรงพากันออกดอก เราตื่นเต้นมาก ทำไมมากมายขนาดนี้ เก็บขายครั้งละหลายกิโลกรัม เราขายกิโลกรัมละ 100 บาท โดยขายให้โรงครัวของโรงเรียน ชุมชนรอบโรงเรียน ตลาดสวนพลู และให้เป็นของที่ระลึกแก่ผู้มาบริจาค สัปดาห์ต่อๆ มาเรายังได้เรียนรู้การทำอาหารจากเห็ด สนุกและอร่อยมาก ทำบิ๊กบุ๊ค และพี่ๆ จากเคทีซียังมาสอนการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย คำนวณต้นทุน-กำไร รวมถึงออกแบบโลโก้เห็ดให้พวกเราด้วย ขอบพระคุณครูและเพื่อนๆ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร พี่ๆ จากเคทีซี และครูรัตน์จากฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองมาก ที่นำสิ่งดีๆ มาให้พวกเรา และยินดีมากที่ทราบว่าปี 2564 นี้จะได้มีโอกาสนำความรู้และประสบการณ์ของพวกเรา ไปถ่ายทอดให้เพื่อนๆ และน้องๆ ที่โรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดนนทบุรี เราจะทำให้ดีที่สุด ขอบคุณเคทีซีที่ให้โอกาส ให้ความรู้และประสบการณ์ดีๆ แก่พวกเรา"
#3098


ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ร้านออกแบบกราฟิกครบวงจรเมืองขอนแก่น ปรับตัวปรับแต่งหน้าร้านเปิดขายแฮมเบอร์เกอร์และกาแฟ จับช่องทางขายออนไลน์ หลังธุรกิจหลักรายได้หดหาย จากสถานการณ์โควิด-19ระบาดหนัก

ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุด ได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม และภาคธุรกิจต่างๆสูงมาก ซึ่งธุรกิจออกแบบกราฟิก เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมาก เช่นเดียวกับร้านเพลิน Studio ร้านรับออกแบบกราฟิกครบวงจร ตั้งอยู่ถนนหลังเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ต้องปรับปรุงร้านมาทำเบอร์เกอร์ ตามออเดอร์ลูกค้า ประครองธุรกิจให้อยู่รอด พร้อมปรับหน้าร้านให้เป็นร้านขายเบอร์เกอร์ และกาแฟ ใช้ช่องทางขายผ่านออนไลน์ ตามออเดอร์ผ่านไรเดอร์ส่งอาหาร และขายหน้าร้าน นำกลับไปทานที่บ้านเท่านั้น

นายศิริภัทร์ เพียศิริ หรือ "อ.ต้อง" อดีตอาจารย์สอนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น เป็นเจ้าของร้านเพลิน Studio เปิดเผยว่านับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รอบแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ทางร้านก็เริ่มได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่สามารถผลิตงานกราฟิกและงานออกแบบส่งให้กับลูกค้าได้ โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศ กระทั้งเกิดการแพร่ระบาดในรอบที่ 2 งานก็หดหายลงไปอีก เพราะลูกค้าที่สั่งผลิตงานน้อยลง


กระทั่งเข้าสู่การแพร่ระบาดระลอกที่ 3 งานออกแบบกราฟิกเหลือน้อยมาก จึงคิดหาวิธีสร้างรายได้เสริม จึงเริ่มศึกษาวิธีการทำเบอร์เกอร์และกาแฟขายผ่านออนไลน์ รวมทั้งใช้ความชื่นชอบในการทำอาหารของตนเอง โดยการใช้พื้นที่หน้าร้านปรับปรุงเป็นร้านเบอร์เกอร์แบบโฮมเมด โดยใช้ชื่อร้านว่า "Little Me Burger & Coffee"

ส่วนเมนูให้เลือก มีทั้งเบอร์เกอร์หมู เบอร์เกอร์เนื้อ ชีสเบอร์เกอร์ พิซซ่าญี่ปุ่น ราคาเริ่มต้นที่ 49 บาท รวมทั้งเครื่องดื่มประเภทกาแฟ โดยหลังจากเปิดขายหน้าร้านมาได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็มีลูกค้าสนใจสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้เสริมในช่วงที่ว่างเว้นจากงานออกแบบกราฟิก และมีรายได้มาหมุนเวียนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19


เคล็ดลับความอร่อยของเบอร์เกอร์และพิซซ่าญี่ปุ่นของร้าน คือการใช้วัตถุดิบที่ใหม่ สด สะอาด โดยวัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนประกอบ เช่นหมูสับและผักสด จะซื้อมาแบบวันต่อวัน เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชาติที่สดอร่อย ลูกค้าที่ต้องการลิ้มลอง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น สามารถสั่งซื้อได้ทางแอพลิเคชันไลน์แมน และฟู้ดแพนด้า หรือจะมาสั่งที่ร้านกลับไปทานที่บ้านก็ได้ โดยร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น. หรือจะโทรศัพท์มาสอบถามก่อนก็ได้ที่เบอร์ 089-7104648
#3099


สายเก็งกำไร หรือนักลงทุนที่ลงทุนระยะสั้น ได้เห็นการขึ้นมารอบใหญ่ของหุ้นรับเหมา-ก่อสร้างทั้งรายใหญ่ไปจนถึงรายเล็ก  ตั้งแต่ในช่วงเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา จนทำให้ดัชนีหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวขึ้นทันที 20 -25 %

ปกติราคาหุ้นมักจะสะท้อนข่าวบวกในเชิงผลการดำเนินงาน แต่ใช้ไม่ได้กับกลุ่มหุ้นรับเหมา-ก่อสร้าง ที่แม้จะขาดทุน เจอปัญหาสภาพคล่องตรึงตัวแต่ถ้ามีประเด็นเข้าประมูลโครงการขนาดใหญ่หรือมีสิทธิ์คว้าสัญญาก่อสร้างเป็นตัวกระชากราคาพุ่งได้เป็นเท่าตัว  จนทำให้การลงทุนรอบใหญ่ของกลุ่มดังกล่าวผ่านพ้นไปแล้วและจะเข้าสู่รอบใหม่เมื่อไร   และหุ้นไหนที่แกร่งพอจะต้านทานโควิด-19 ที่กระทบธุรกิจก่อสร้างไปเต็มในช่วงที่ผ่านมา

ด้วยกระแสใหญ่ของหุ้นกลุ่มนี้มาจากการทยอยประกาศผลโครงการออกมาติดกันในช่วงเวลาดังกล่าว จากโครงการรวมที่คาดว่าจะเปิดประมูลเกือบ 5 แสนล้านบาทในปี 2564  ซึ่งว่ากันว่าเป็นมูลค่าที่สูงเป็นประวัติการณ์สำหรับงานก่อสร้างภายในปีเดียว

เฉพาะของกระทรวงคมนาคมเป็นเม็ดเงินมหาศาลรถไฟทางคู่เส้นทางเด่นชัย-เชียงของ มูลค่า  73,000 หมื่นล้านบาท รถไฟทางคคู่บ้านไผ่-นครพนม มูลค่า 5,500 ล้านบาท  รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้มูลค่า  1.2 แสนล้านบาท   หรือรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน  และยังมีโครงการอื่นเช่น อุโมงค์ส่งน้ำ กทม. ช่วงคลองเปรมประชากร มูลค่า 9,600 ล้านบาท  อุโมงค์ส่งน้ำของการประปานครหลวง มูลค่า  17,000 ล้านบาท  เป็นต้น

อาการสดุดไปต่อไม่ไหวของกลุ่มนี้มาจากการระบาดโควิดล่าสุดที่ทำให้ต้องมีการสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างที่เป็นคลัสเตอร์ใหญ่ตั้งแต่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมาจนทำให้เกิดการเคลี่อนย้ายแรงงานกลับภูมิลำเนาและกลับยังประเทศเพื่อนบ้าน จากงานก่อสร้างที่ต้องหยุดปริยาย

ช่วงไตรมาส 2 ปี 2564 หุ้นรับเหมา-ก่อสร้าง  สามารถโชว์ฟอร์มกำไรแค่ไหน ยิ่งใน 3 บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ที่เป็นด่านแรกได้รับงานก่อสร้าง  เริ่มที่บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK    สามารถทำกำไร 318 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 404 % และรอบ 6 เดือน กำไร 525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,171 %   

โดยเป็นผลมาจากกำไรพิเศษขายเงินลงทุนในบริษัทลูก  การรับเงินปันผล และยังรับรู้รายได้ที่ดีขึ้นจากธุรกิจโรงไฟฟ้า   ขณะที่รายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปรับตัวดีขึ้นมีโครงการได้รับงานก่อสร้างรถไฟ ทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และมีลุ้นการเปิ ดประมูลโครงการสายสีม่วงใต้, โครงการโรงไฟฟ้าหลวง พระบาง ด้านราคาหุ้นปิดที่ 19.50 บาท

บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อป เมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD  สามารถพลิกจากขาดทุนมามีกำไรที่ 169 ล้านบาท เติบโต 209 %   ซึ่งมาจากธุรกิจงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นที่ผ่านมา ITD ได้รับงานประมูลใหญ่ๆ เช่นรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีน   ,รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หรือรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย – งาว

ด้านราคาหุ้นถือว่าเป็นหุ้นที่มีราคาปรับตัวขึ้นและลงแรง ราคาขึ้นไปสูงสุด 3.16 บาท (8 มิ.ย.) จากต้นปีอยู่ที่ 1.10 บาท   หรือเพิ่มขึ้นถึง 187 % ก่อนจะปรับตัวลดลงจนมาเคลื่อนไหวที่ 2 บาท

บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC   รายงานกำไร  1.4 ล้านบาท ลดลง 99 % และรอบ 6 เดือนกำไร 198 ล้านบาทลดลง 50 % กลายเป็นได้รับผลกระทบจากธุรกิจก่อสร้างที่ปรับตัวลดลง  และยังมีค่าใช้จ่ายพิเศษบันทึกผลขาดทุนจากการฟ้องร้อง 123.96 ล้านบาท ตามคําพิพากษาศาลฎีกา

บริษัท ยูนิค  เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น  จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ   ถือว่าติดอันดับรายใหญ่ในระยะเวลาไม่นานสามารถคว้างานใหญ่รถไฟไทย-จีน (พระแก้ว-สระบุรี)  ,งานพัฒนา ระบบรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ระยะที่1 (ดอน เมือง-นวนคร)   รายงานกำไรไตรมาส 2ออกมา 6.3 ล้านบาท ลดลง 87 % รอบ 6 เดือนกำไร 12.77 ล้านบาท ลดลง 93 %  จากต้นทุนด้านแรงงานและวัสดุทำให้กดดันอัตรากำไรขั้นต้นลดลง

อย่างไรก็ตามแนวโน้มของหุ้นรับเหมา-ก่อสร้าง จะมีความเหวี่ยงราคาหุ้นสูง ผลดำเนินงานไม่สม่ำเสมอ  แต่ความน่าสนใจที่เมื่อภาครัฐพร้อมกดปุ่มสตาร์ทงานประมูลได้อีกครั้ง หรือลงทุนซึ่งจะมีโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคตามมา ทำให้หุ้นกลุ่มมีกลับมาจุดพลุได้รอบใหม่อีกครั้ง
#3100


วันนี้ (17 สิงหาคม 2564) นอกจากเป็นวันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ ยังเป็นวันครบรอบ 2 ปี ที่พวกเราคนไทยได้สูญเสียน้อง "มาเรียม" พะยูนน้อยขวัญใจคนไทย ไปจากขยะพลาสติกครับ จากการสูญเสียครั้งนั้น ผมได้มอบแนวคิดในการทำงานอนุรักษ์สัตว์ป่าและสัตว์ทะเลหายากอย่างเป็นระบบ ภายใต้ชื่อ "มาเรียมโปรเจกต์" เพื่อสะท้อนความสำคัญและปัญหาด้านการจัดการสัตว์ป่าและสัตว์ทะเลหายาก

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างได้เร่งกำหนดแนวทางและมาตรการกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง หนึ่งในแผนสำคัญ คือการเสนอแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติแล้ว โดยตั้งเป้าหมายว่า ประเทศไทยจะต้องมีพะยูนไม่น้อยกว่า 280 ตัว ในปี 2565 ซึ่งปัจจุบัน ปี 2564 นี้ เราสำรวจพบพะยูนในทะเลไทยได้ 261 ตัวครับ



2 ปีที่ผ่านมา เราได้เร่งขับเคลื่อนโครงการ ภายใต้แผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ กว่า 7 โครงการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านวิชาการ การกำหนดมาตรการจัดการเครื่องมือประมง การพัฒนาองค์ความรู้และประชาสัมพันธ์ การทำแผนระดับพื้นที่ และการเพิ่มกำลังในการลาดตระเวน รวมถึงบทเรียนสำคัญที่เราได้เรียนรู้จากการตายของน้องมาเรียม คือ ปัญหาขยะทะเล ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้ประกาศ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 - 2573 โดยเร่งขับเคลื่อนการจัดการขยะทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางก่อนลงสู่ทะเล

สำหรับแนวทางและมาตรการในการดูแลสัตว์ทะเลหายากรวมถึงการคุ้มครองพื้นที่แหล่งที่อยู่อาศัย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เตรียมประกาศมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่อำเภอปะเหลียน อำเภอหาดสำราญ อำเภอย่านตาขาว อำเภอกันตัง และอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อประกาศบังคับใช้ต่อไปครับ

"การไม่ทิ้งขยะลงสู่ทะเล นอกจากจะเป็นการช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเล รวมถึงระบบนิเวศทางทะเลมีความอุดมสมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ยังเป็นการสร้างทัศนียภาพทางทะเลให้กลับมางดงามดังเดิมอีกครั้งหนึ่งด้วยนะครับ"

พะยูน เป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และเป็นสัตว์น้ำชนิดแรกของประเทศไทยที่ได้รับการกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าสงวน พะยูนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเลเขตอบอุ่น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dugong dugon

ถือเป็นหนึ่งในสัตว์หายาก และนับวันยิ่งมีจำนวนน้อยลง เพราะเสี่ยงต่อภาวะสูญพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ การเพิ่มประชากรพะยูน การดูแลพื้นที่อาศัยของพะยูน การจัดการท่องเที่ยว การประมงเพื่อลดการรบกวนพะยูน การจัดตั้งศูนย์ช่วยชีวิต การสร้างพิพิธภัณฑ์สัตว์หายากและศูนย์เรียนรู้ฯ รวมไปถึงการรณรงค์เพื่อการอนุรักษ์พะยูน จึงถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการอนุรักษ์พะยูนให้คงอยู่คู่ทะเลไทยสืบไป

ข้อมูลอ้างอิง TOP Varawut - ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา