• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chanapot

#3041



สำหรับนักร้องหนุ่ม ติ๊ก เพลย์กราวด์ หรือ กฤษติกร พรสาธิต เมื่อทราบว่าคุณพ่อคุณแม่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งคู่ โดยคุณแม่ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว ส่วนคุณพ่ออยู่ห้อง CCU เพราะมีอาการหายใจไม่ออก

โดยหนุ่มติ๊ก ได้เผยผ่านอินสตาแกรม ว่า...ปีนี้เป็นปีที่ใจร้ายกับผมมากๆ เลยครับ ข่าวร้ายคราวนี้เล่นแรงกับหัวใจผมมากๆ เลย คือเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา "ป๊า" พ่อของผมหายใจไม่ออก ที่บ้านเลยรีบพาไปส่งโรงพยาบาล พอผมตามไปถึงที่โรงพยาบาลคุณหมอได้แจ้งผลว่า ป๊า เป็นโควิด ฮะ แต่ด้วยปกติแล้วป๊าไม่ได้ไปไหน เพราะกึ่งๆ เป็นผู้ป่วยติดเตียง เลยสันนิษฐานได้ว่าน่าจะติดมาจากคุณแม่ ที่อยู่ดูแลป๊าเป็นประจำ เลยทำการตรวจโควิดคนในบ้าน (บ้านผมพักกันอยู่ 3 คน ป๊า แม่ น้องสาว ส่วนผมพักคอนโดอีกที่ไม่ได้อาศัยที่นี่นะครับ เพราะต้องทำงานพบเจอผู้คนตลอด)



ผลปรากฎว่า น้องสาวผมไม่ติด แต่คุณแม่ติดเป็นโควิดด้วยเหมือนกันครับ (ทั้งคู่ฉีควัคซีนแล้วนะครับ น้องสาวผมฉีด sinovax 2 เข็ม คุณแม่ฉีด astrazeneca เข็มแรก ) ผมและครอบครัวเลยพาคุณแม่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ตอนนี้รอเช็คอาการต่างๆ อยู่นะครับ ส่วนป๊าอยู่ห้อง CCU อาการที่หายใจไม่ออกก่อนหน้านี้สาเหตุน่าจะมาจากมีเสมหะมากเกินไปจึงอุดตันระบบหายใจ

ส่วนอาการโควิคยังไม่มีอะไรเลวร้ายและรอดูการตอบสนองกับตัวยาอยู่นะครับ เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกว่าโควิดเข้าใกล้ตัวเรามากๆ จริงๆ นะครับ อยากให้ทุกคนระวังและดูแลสุขภาพกันให้ดีนะครับ ในฐานะลูกผมจะดูแลหัวใจ 2 ดวง ของผมให้ดีที่สุดเลยครับ ขอให้ป๊าและหม่าม้าหายไวๆ นะครับ"
#3042



โซเชียลฯ วิจารณ์ "มิ้นท์ ไอโรมอะโลน" เจ้าของเพจดังไปทำคอนเมนต์อัฟกานิสถาน ทั้งๆ ที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม เจ้าตัวบอกไม่ต้องห่วง คนที่นั่นดูแลดีมาก พบเจ้าตัวตอบกวนประสาททูตไทยที่ดูแลพื้นที่ทวีปแอฟริกาอีก

วันนี้ (30 ก.ค.) ในโลกทวิตเตอร์ได้มีแฮชแท็ก #IRoamAlone วิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ มิ้นท์ ไอโรมอะโลน หรือ น.ส.มณฑล กสานติกุล เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ I Roam Alone เดินทางไปทำคอนเทนต์ที่ประเทศอัฟกานิสถาน ปรากฎว่าเจ้าตัวโพสต์ข้อความ ระบุว่า "อัพเดท ตาลีบันโจมตีใกล้ๆ สนามบินในเมืองที่อยู่ ตอนนี้ไฟล์ทแคลเซินหมดละค่ะ พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ยังไง น้องๆไกด์ผู้หญิงที่อยู่กับมิ้นท์กังวลมาก เพราะตาลีบันใกล้เข้ามาเเล้ว ถ้ามาเมื่อไหร่เธอบอกว่า 'ชั้นฆ่าตัวตายดีกว่า'

ไม่ต้องห่วงมิ้นท์ คนอัฟกันดูแลมิ้นท์ดีมาก นี่ก็มานอนพักเล่นอยู่บ้านแม่ของน้องโซมาย่าไกด์มิ้นท์

วันนี้คนจำนวนมากวางแผนย้ายออกแล้วนะคะ เร่งทำวีซ่ากันเยอะมาก ตลาดมืดวีซ่ามีราคาเป็นแสน เดือนหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ก็มีอีกหลายคนนะที่ยืนยันว่าตาลีบันเข้ามาไม่ได้แน่ๆ และยังสบายๆ อยู่ ไม่มีอะไรคาดเดาได้เลย

คำถามที่ว่าทำไมที่นี่เป็นประเทศที่คนมีความสุขน้อย ก็เป็นเพราะมันไม่มีความปลอดภัย ชีวิตไม่แน่นอน มีสงครามที่เกิดขึ้นตลอดเวลา อาชีพไม่มี เศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลคอรัปชั่น และมีการแทรกแซงจากต่างประเทศโดยตลอด....

แค่คนไม่กี่คนที่ต้องการอำนาจ ทำชีวิตคนมากมายพังทลาย"

ต่อมา เจ้าตัวโพสต์ข้อความ ระบุว่า "อัพเดท ตอนนี้ได้ติดต่อกับเพื่อนในสถานทูตอัฟกานิสถานให้เขาเช็คสถานการณ์ให้แล้ว บอกว่าไม่มีอะไรต้องห่วง ไม่มีอะไรรุนแรง และอีก 2-3 วันเครื่องบินจะกลับมาบินตามปกติ ในเมืองทุกอย่างยังโอเคนะคะ สงบกริ๊บ

ตอนนี้มีติดต่อคนรู้จักที่จะช่วยเราได้หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจริงๆไว้แล้ว แต่เขาเองก็บอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล ยังทรงๆอีกซักพัก ไกด์คนที่ทำงานด้วยก็ทำงานกับหลายคนที่มิ้นท์รู้จักและไว้ใจได้ ส่วนแม่ตอนโทรไปหา แม่ก็เล่าข่าวให้ฟังตามปกติ ไม่ได้ตกใจอะไร ไว้ใจลูกสาวมากๆ

ต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ เมื่อวานตกใจนิดหน่อยเหมือนกัน เพราะโซมาย่าเองตกใจ แต่พอเริ่มเช็คข่าวได้ก็เลยทราบว่ายังไม่มีอะไรรุนแรง

สถานการณ์ปัจจุบันสำหรับมิ้นท์ยังไม่น่ากลัว แต่คนที่มิ้นท์ห่วงจริงๆคือคนที่นี่ โดยเฉพาะไกด์สาวๆของมิ้นท์ ที่เขาก็ไม่อยากอยู่กันแล้ว แต่การย้ายมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น

หลายคนถามมาว่าทำไมถึงเสี่ยงไปอัฟกานิสถาน?

เพราะเวลานี้การมาที่นี่ยังไม่เสี่ยงขนาดนั้น ก่อนจะมามิ้นท์ทำการบ้านมาดีมากเลย เช็คข่าว เช็คคนท้องถิ่น เช็คนักเดินทางที่เพิ่งกลับ ทุกคนบอกว่ายังมาได้ เลยตัดสินใจมา ถ้ามาไม่ได้ก็คงไม่มา

จริงๆ ทุกครั้งที่เดินทาง มันไม่ใช่การตัดสินใจไปปุบปับ ทุกครั้งมันผ่านกระบวนการคิด การทำการบ้านมาอย่างดีที่สุดแล้ว หาข้อมูลแล้ว ประเมินความเสี่ยง เช็คสิ่งที่ต้องเช็ค และคุยกับคนที่ต้องคุยแล้ว

ดังนั้นเหตุการณ์ที่อัฟกานิสถานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจมาก อาจจะตกใจนิดหน่อยที่ไฟล์ทถูกแคลเซินและที่โซมาย่าตกใจมากๆ แต่พอเช็คข่าวกับคนที่เรารู้จักแล้วก็รู้ว่ายังไม่มีอะไรน่าห่วง

มิ้นท์ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เป็นห่วง และขอบคุณทุกคนมากๆจริงๆ

อัฟกานิสถานฟังดูน่ากลัวสำหรับหลายคน แต่คนรอบตัวมิ้นท์ก็มีเดินทางมากันตลอด คงเป็นเพราะแต่ละคนมีการจัดการและประเมินความเสี่ยงที่ต่างกันตามประสบการณ์ที่มี

มิ้นท์พูดเสมอโดยเฉพาะกับคนที่อยากเดินทางตามเราว่า การเดินทางก็เหมือนการเรียนมันต้องค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากไปแบบอนุบาลก่อน สอบผ่านแล้วก็ไปประถม มัธยม ปลดล๊อคค่าประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เป็นแบบนี้กับการทำงานด้วยเนอะ มันเป็นการสะสมสกิลค่ะ

จนถึงวันนี้มิ้นท์เดินทางคนเดียวมา 10 ปีแล้ว จากประเทศง่ายๆ ค่อยๆเพิ่มความยากไปทีละนิด อย่างอินเดียมิ้นท์ไปกับน้องช่างภาพก่อน 2 ครั้ง จนรู้สึกมั่นใจเลยกล้าตัดสินใจไปคนเดียว และตอนนี้ก็ไปคนเดียวมาหลายครั้ง

กว่าจะมาถึงอัฟกานิสถาน เราเดินทางผ่านมาหลายประเทศที่ทุกคนฟังแล้วส่ายหน้า จะโคลอมเบีย เวเนซุเอลา คองโก ซูดาน และอีกมากมาย ฟังดูน่ากลัวจากข่าวสารด้านนอกเสมอแต่พอได้ไปจริงๆทุกครั้งมันก็ไม่เป็นแบบในข่าวเลย เพราะทุกครั้งเราทำการบ้านอย่างดี และไปอย่างมีสติเสมอ

อัฟากานิสถานปัจจุบันก็เช่นกัน ในเมืองยังโอเคมากๆ อาจจะมีขลุกขลักบ้าง แต่สถานการณ์โดยรวมช่วงนี้ยังมาได้ และคนกลับมาเยี่ยมบ้านกันเยอะเลย

จริงๆทุกที่และทุกสิ่งเกิดอันตรายได้เสมอถ้าเราไม่พร้อมและไม่มีสติ

เราไม่เคยดื้อ ทำอะไรห่ามๆ หรือทำสิ่งที่จะทำให้คนอื่นและตัวเองตกอยู่ในอันตราย และแม่ก็รู้เรื่องนี้ดี

ส่วนถ้าถามว่าแม่ไม่ห่วงบ้างหรอ ทำไมทำอะไรไม่คิดถึงที่บ้าน?

แม่พูดตลอดว่าแม่เป็นห่วงมิ้นท์เสมอ อยู่กรุงเทพก็ยังห่วง แต่ในความเป็นห่วงแม่ก็สนับสนุนให้เราได้ทำสิ่งที่ชอบ ไม่อย่างนั้นวันนี้ก็ไม่มี I Roam Alone

ความรักของแม่ คือ ความรักที่ต้องปล่อย ไม่ใช่ความรักที่เก็บเขาเอาไว้ หรือใช้ความห่วงเป็นโซ่คล้องไม่ให้เขาไปไหน ที่แม่ทำได้ คือ ให้อาวุธลูกไว้ดูแลตัวเอง เพราะยังไงซะแม่ก็ไม่สามารถปกป้องลูกได้ตลอดชีวิต

และแม่ก็ทำแบบนั้นจริงๆ

แม่ค่อยๆให้มิ้นท์เริ่มเดินทางตั้งแต่เด็ก ค่อยๆสอน ให้เราปรับตัว ให้เราค่อยๆเจอปัญหา โดยแม่ก็คอยมองดูและคอยรับโทรศัพท์ตลอด จนเขารู้ว่าเราไหว ไว้ใจว่าเราเอาตัวรอดได้และจะไม่ทำสิ่งที่จะทำให้ตัวเองเป็นอันตรายแน่นอน

ดังนั้นวันนี้พอโทรบอกแม่ว่า 'สถานการณ์โอเค ไม่ต้องห่วง' เท่านี้แม่ก็โอเค ส่วนอาม่าถ้าแม่บอกว่าโอเค อาม่าก็โอเค

ระหว่างมิ้นท์ แม่ และอาม่า มันคือความไว้ใจและความเชื่อใจที่มีต่อกันมาโดยตลอด เรารู้ว่าอีกฝ่ายตัดสินใจดีแล้ว คิดมาดีที่สุดแล้ว นี่คือความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดในชีวิตมิ้นท์เลยนะ เป็นความโชคดีที่เรามีแม่ที่เข้าใจและเคียงข้างทุกการตัดสินใจเสมอ

ไว้รอมาฟังเรื่องเล่าที่อัฟกานิสถานของมิ้นท์ดีกว่า ประเทศนี้ติดอันดับประเทศในดวงใจแล้วค่ะ ในประเทศแบบนี้แหละ ที่เราจะได้เจอมิตรภาพ เรื่องราวและประสบการณ์ที่ทำให้การเดินทางมีความหมาย

ป.ล. ชุดแต่งงานที่นี่หวานมากๆ สถานที่แต่งงานอลังการ คนเป็นพันเลยค่ะ

อย่างไรก็ตาม ในทวิตเตอร์ได้วิจารณ์มิ้นท์ไปในทางที่หลากหลาย บ้างก็สงสัยว่าไปประเทศอัฟกานิสถานทำไม ทั้งๆ ที่ในขณะนี้อยู่ในภาวะสงคราม เสี่ยงอันตรายต่อการถูกจับเรียกค่าไถ่ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับชาวญี่ปุ่น บางคนแนะว่าถ้าจะทำคอนเทนต์ที่สื่อถึงความยากลำบาก ให้กลับมาทำประเทศตัวเอง ที่ในขณะนี้ลำบากไม่แพ้กัน

นอกจากนี้ ในโซเชียลฯ ยังวิจารณ์กรณีที่นายจุฑา เสาวภา เลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ถามมิ้นท์ว่า "ติดต่อสถานทูตอัฟกานิสถานคืออะไรนะครับ สถานทูตไทยไม่มีที่อัฟกานิสถานนะครับ หรือสถานทูตไทยที่อื่นที่ดูแลคนไทยในอัฟกานิสถาน หรือสถานทูตอัฟกานิสถานในต่างประเทศ" ปรากฎว่า มิ้นท์ตอบไปว่า "สถานทูตอัฟกานิสถานในต่างประเทศที่เช็กข่าวได้ค่ะ จะติดต่อสถานทูตไทยทำไมคะ" โดยวิจารณ์ว่าเจ้าตัวไปกวนประสาททูตไทยที่ดูแลพื้นที่ทวีปแอฟริกา
#3043
ป้ายไฟวิ่ง LED ดิจิตอล 2 รูปแบบ กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี

**** Single color ****** ราคา 2,900 .- 

**** FULL color ****** ราคา 4,200 .-

- กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี










#3044



ซู่ววว ซู่ ซ่า ซ่า...เบิร์ธเดย์บอย ทอย-ปฐมพงศ์ เรือนใจดี วันเกิดอายุครบ 26 ปี มีสาวแซ่บรู้ใจ "จีน่า-วิรายา ภัทรโชคชัย" หรือ "จีน่า เดอะเฟซ" ตั้งใจลงมือทำเค้กให้ด้วยตัวเอง ทำเอาเจ้าของวันเกิดยิ้มแฉ่งแบบไม่ต้องกั๊ก "หอมหวาน" กว่าเค้กก็ "ความรัก" คู่นี้แหละ...
คริคริ.

ซู่ววว ซู่ ซ่า ซ่า...เบิร์ธเดย์บอย ทอย-ปฐมพงศ์ เรือนใจดี วันเกิดอายุครบ 26 ปี มีสาวแซ่บรู้ใจ "จีน่า-วิรายา ภัทรโชคชัย" หรือ "จีน่า เดอะเฟซ" ตั้งใจลงมือทำเค้กให้ด้วยตัวเอง ทำเอาเจ้าของวันเกิดยิ้มแฉ่งแบบไม่ต้องกั๊ก "หอมหวาน" กว่าเค้กก็ "ความรัก" คู่นี้แหละ...
คริคริ.

"หมวยซ่า" มาแล้ว!! "หมวยซ่า...า" พร้อมรายงานข่าวบันเทิง Right Here Right Now...

ข่าวแนะนำ
ปังจริงไม่จกตา!! จนต้องจับขึ้นแท่นศิลปินหน้าใหม่ 100 ล้านวิว ตั้งแต่เพลงแรก สำหรับ "โจอี้-ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ" จากสังกัดจีนี่ เรคคอร์ดส ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ ที่ปล่อยเพลงคิดถึงแห่งปีอย่าง "ดวงเดือน" ออกมากระแทกใจในช่วงที่ใครหลายๆคนอาจจะต้องห่างบ้านไปนานๆ การันตีความปังด้วยการกวาดอันดับมาแรงในชาร์ตต่างๆมาแล้วมากมาย งานนี้โจอี้ เผยสุดดีใจและเกินฝันมากๆ วินาทีแรกที่พอรู้ว่าทะลุว่า 100 ล้านวิวก็มีแอบน้ำตาซึม!!

ยินดีกับ "รอน อรัณย์" ศิลปิน บ.รถไฟดนตรี คว้ารางวัล "เพชรในเพลง" โดยสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม พิจารณามอบรางวัลเพื่อยกย่องบุคคลในวงการเพลงที่มีผลงานดีเด่นด้านภาษาไทย เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 29 ก.ค.ของทุกปี ปีนี้ผลงานเพลงของรถไฟดนตรีได้รับคัดเลือกให้รับรางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงเพื่อชีวิตชาย ศิลปิน "รอน อรัณย์" จากเพลง "รักคนอื่นไม่ได้เลย" เจ้าตัวสุดภูมิใจ พร้อมอยากให้คนไทยร่วมกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง.

ชวนอิ่มท้อง  -  บาส-สุรเดช พินิวัตร์ นักร้องนักแสดงสังกัด บ.สตาร์ ฮันเตอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด รวมกลุ่มแฟนคลับจัดทำโครงการ "บาสเด็กอ้วนชวนอิ่มท้อง" มอบอาหารกล่องสำหรับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ แทนคำขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน ณ มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์ฯ.
ชวนอิ่มท้อง - บาส-สุรเดช พินิวัตร์ นักร้องนักแสดงสังกัด บ.สตาร์ ฮันเตอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด รวมกลุ่มแฟนคลับจัดทำโครงการ "บาสเด็กอ้วนชวนอิ่มท้อง" มอบอาหารกล่องสำหรับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ แทนคำขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน ณ มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์ฯ.
แม้ตัวไม่อยู่แต่ยังฝากผลงานชิ้นเทพเอาไว้ "PopSmoke" ปล่อยอัลบั้ม "FAITH" เปรี้ยง!! ทำลายสถิติใหม่เปิดตัวขึ้นอันดับ 1 บน Billboard 200 charts สำเร็จในวีกที่ผ่านมาทันที ตามหลังอัลบั้ม "Shoot For The Stars Aim For The Moon" ให้อัลบั้มแรกอย่าง "Shoot For The Stars Aim For The Moon" ได้กลับเข้ามาอยู่ในอันดับที่ 9 ในสัปดาห์นี้ ทำให้ยอดสตรีมรวมตั้งแต่วันแรกถึงปัจจุบันของอัลบั้มนี้อยู่ใน Top 10 นานกว่า 47 สัปดาห์!! ผลงานจารึกตลอดไป.

สั่นสะเทือนชาร์ตเพลงบน iTunes ทั่วโลก หลังศิลปินหนุ่ม "มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์" ปล่อยอัลบั้มเต็ม "365" (Three Six Five) เป็นศิลปินไทยเพียงคนเดียวที่พุ่งทะยาน
เข้าสู่อันดับ 13 Global Digital Artists Rankings หลังจากที่ปล่อยอัลบั้มออกมาในเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง ทั้งตัวอัลบั้มและเพลงต่างๆล้วนทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 และ Top 10 ในหลายประเทศทั่วโลก ถือเป็นเพียงก้าวแรกของอัลบั้ม "365" (Three Six Five) เท่านั้น ซึ่ง 1 ส.ค.นี้ จะสามารถฟังอัลบั้มนี้กันได้แบบเต็มๆ ผ่านทุกแพลตฟอร์ม ถึงเวลานั้น สถิติต่างๆน่าจะเกิดการขยับขึ้นอีกครั้ง มิวเลี่ยนรวมพลังทีไรจัดหนักจัดใหญ่ทู้กที!!

หมวยซ่า https:// www.thairath.co.th/entertain/news/2152006
#3046



โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามภูมิภาค วิตกจีนแทรกแซงกลุ่มเทคโนฯ และโควิดระบาดหนัก ทำให้ต้องจับตาการขยายมาตรการล็อกดาวน์หลังผ่าน 14 วันไปแล้ว จะออกมาเป็นอย่างไร

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างติดลบกันทั่วหน้า หลังจากที่ได้ตอบรับผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไปแล้วในระดับหนึ่ง แต่นักลงทุนยังมีความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 และกังวลจีนแทรกแซงกลุ่มเทคโนโลยี ส่งผลให้ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นจีนยังปรับตัวลงนำตลาดอื่นในภูมิภาค

นอกจากนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก็ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจในภูมิภาคลงด้วย นักลงทุนจึงโยกเงินไปเล่นที่ฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปกัน ทำให้ตลาดสหรัฐฯ และยุโรปเวลานี้ถือว่าดีมาก

ส่วนบ้านเรายังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ จากที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ต้องจับตาการขยายมาตรการล็อกดาวน์หลังผ่าน 14 วันไปแล้ว จะออกมาเป็นอย่างไร พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ซึ่งอาจมีแรงเก็งกำไรหุ้นที่งบฯออกมาดี และให้ปันผลดีที่ด้วย อย่างหุ้น SCC ให้ปันผลดี รวมถึงอาจมีแรงเก็งกำไรประเด็น M&A แม้จะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนออกมา

ทั้งนี้ ดัชนีฯไม่ควรหลุดแนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,545-1,550 จุด
URL
 34
 
#3047
บ้านถั่วลิสง The Peanut House  เรื่องถั่ว... เราถนัด
สืบสานตำนานความอร่อยรวมทั้งส่งต่อภูมิปัญญาในการผลิตถั่วลิสงจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก


 โรงงานถั่วลิสง "ซินกวงน่าน" เป็นโรงงานทำถั่วลิสงเพียงแห่งเดียวในจังหวัดน่าน ก่อตั้งเมื่อปี พุทธศักราช 2521 จนถึงปัจจุบันนี้ได้พัฒนาตนเองสู่โรงงานแปรรูปถั่วลิสงครบวงจร ตั้งแต่เลือกสรรเมล็ดพันธ์ลงแปลงปลูกโดยเครือข่ายเกษตรกรของเรา เก็บเกี่ยวและก็ส่งถั่วลิสงเข้าสู่กรรมวิธีแปรรูปที่สะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน จนเป็นผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงในแบบต่างๆที่พร้อมจะจัดส่งต่อซินกวงน่านถึงมือคุณ


ประวัติของพวกเราและแกลลอรี่ถั่วลิสง Our History & Peanut Gallery
ชมประวัติความเป็นมาของโรงงานถั่วลิสงเก่าแก่เพียงแห่งเดียวของจังหวัดน่าน แผนภาพกรรมวิธีการผลิตวัตถุดิบและก็วิธีการแปรรูปสินค้าถั่วลิสง นอกเหนือจากนี้ชวนทำความรู้จักกับ "ต้นถั่วลิสง" จำลองขนาด 2.5 เมตรที่ออกแบบและทำขึ้นเพื่อให้ได้เห็นลำต้น ดอก ใบ รวมทั้งเมล็ดถั่วลิสงเหมือนจริงที่สุดที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย และประโยชน์ที่ได้รับมาจากถั่วลิสง - ธัญพืชที่ให้โปรตีนแทนเนื้อสัตว์และก็ไขมันที่ร่างกายต้องการแต่ไม่สามารถสร้างเองได้





 ผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงและก็ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปจังหวัดน่าน Peanuts and many moreข้างในร้านบ้านถั่วลิสง นอกเหนือจากที่มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วลิสงแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปของจังหวัดน่านที่มีคุณภาพจำนวนมากหลากหลายให้ได้เลือกซื้อเป็นของฝากจากจังหวัดน่านสำหรับคนรักและคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมัลเบอรี่ ลูกเดือย กาแฟ ข้าว ถั่ว งา และก็ธัญพืชในแบบต่างๆ ตลอดจนสมุนไพรที่ถูกเอามาแปรรูปเป็นเครื่องแต่งหน้าและก็ยาด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้านประสมประสานกับนวัตกรรมสมัยใหม่ 





 กาแฟน่านและเบเกอรี่จากถั่วลิสง Nan Coffee and Peanut Bakery
กาแฟที่เสิร์ฟในร้านบ้านถั่วลิสงเป็นกาแฟอาราบิก้าผสมโรบัสต้าในสัดส่วนที่ลงตัว หอมอร่อย คั่วเข้ม โดยเลือกใช้เม็ดกาแฟเดอม้ง ซึ่งปลูกและผลิตโดยชุมชนบ้านมณีพฤกษ์ ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นกาแฟที่ผ่านการคัดสรรสายพันธ์ที่ดีที่เหมาะสมกับการปลูกที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1400-1600 เมตร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้พี่น้องชาวบ้านมณีพฤกษ์มีรายได้ยั่งยืน มีอาชีพที่มั่นคง รวมทั้งช่วยรักษาแล้วก็ฟื้นฟูผืนป่าน่านให้อุดมสมบูรณ์สืบไป  นอกนั้นยังมี "พีนัทซอฟท์เค้ก" และก็ "พีนัทเบคชีสเค้ก" เบเกอรี่โฮมเมดที่มีส่วนผสมของเนยถั่วลิสงและก็นมถั่วลิสงที่แสนอร่อย หวานน้อย ครีมเบานุ่ม ไม่เลี่ยน  รวมทั้งหอมกลิ่นเนยถั่วลิสง ซึ่งหาทานได้ที่บ้านถั่วลิสงเท่านั้น
 

นมถั่วลิสง Peanut Milk
ไฮไลต์ที่คุณไม่ควรพลาดบ้านถั่วลิสงชวนลอง "น้ำนมถั่วลิสง" Peanut Milk ที่ทำจากถั่วลิสง 100% ไม่มีครีมเทียม แล้วก็หัวนมผง และไม่ใส่สารแต่งสีแต่งกลิ่น เป็นน้ำนมจากถั่วลิสงตามธรรมชาติ ต้มสดทุกรุ่งเช้า หอม อร่อย ทานง่าย มีเสริฟทั้งเมนูร้อน เย็น ปั่น ให้ทุกท่านได้ทดลองตรงนี้ที่เดียวในน่าน นมถั่วลิสงให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ เหมาะสำหรับทั้งเด็กแล้วก็ผู้ใหญ่ ผู้รักสุขภาพ คนที่แพ้นมจากสัตว์  


บ้านถั่วลิสงเปิดรับกรุ๊ปเยี่ยมชมศึกษางานขั้นตอนการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับกลุ่มแม่บ้าน วิสาหกิจชุมชน นักศึกษา นักเรียน หรือกรุ๊ปท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์เพื่อเปิดประสบการณ์เกี่ยวกับการแปรรูปถั่วลิสง (รับเป็นคณะ 20 คนขึ้นไป และติดต่อล่วงหน้าเท่านั้น)


#3048



ทีมเงือกสาว จีน ทำลายสถิติโลก การแข่งขันผลัดฟรีสไตล์ 4x200 เมตร คว้าเหรียญทอง โอลิมปิก 2020 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม

สมาชิกทีมว่ายผลัด 4x200 เมตรของ จีน ได้แก่ หยาง จุน ซวน, จาง ยู่ เฟย, หลี่ ปิงเจี๋ย และ ตัง มู่หาน แตะขอบสระทีมแรก เวลา 7 นาที 40.33 วินาที ตามด้วยอันดับ 2 สหรัฐอเมริกา 7 นาที 40.73 วินาที และอันดับ 3 ออสเตรเลีย 7 นาที 41.29 วินาที

ทั้ง 3 ทีม ต่างทำเวลาต่ำกว่าสถิติโลกเดิม 7 นาที 41.50 วินาที ของ ออสเตรเลีย ซึ่งสร้างไว้ในการแข่งขันชิงแชมป์โลก เมื่อปี 2019
#3049



สอวช. จับมือ วช. และ มจธ. เดินหน้าพัฒนาระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และพัฒนากลไก ในการขับเคลื่อนระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ให้สัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรม

 นอกจากนี้ ยังเป็นการร่วมพัฒนาองค์ความรู้และบุคลากรด้านการพัฒนานโยบายวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ในการเพิ่มขีดความสามารถและการขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมของประเทศ และเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ให้เกิดเครือข่าย การวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย ที่จะนําไปสู่การร่วมกําหนดและผลักดันนโยบาย ววน. ร่วมกันได้อย่าง มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล

โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) พร้อมด้วย ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ (ระบบ ZOOM)

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวถึงการเชื่อมโยงบทบาทของ วช. กับนโยบายวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศในฐานะ PMU ด้วยว่า การมี กระทรวง อว.เกิดขึ้นในส่วนของการรวมกลไกหลักสำคัญของประเทศ ทั้งในเรื่องของการอุดม วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและต้องมีความเข้าใจอย่างมาก สำหรับทีมงานของ วช.ที่ต้องเข้าไปสัมพันธ์กับรูปแบบการทำงานที่มีความเชื่อมโยงทั้งเรื่องเชิงระบบ เชิงกลไก เชิงแผนงาน และการนำส่งผลสำเร็จผลลัพธ์ของงาน อย่างไรก็ตาม การที่จะขับเคลื่อนงานให้เดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพสิ่งหนึ่งคือการเชื่อมต่อในเชิงนโยบาย

สำหรับบทบาทของ PMU ที่ วช.ให้ความสำคัญคือนโยบายและยุทธศาสตร์ อววน.ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ในส่วนของการลงนามวันนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และตัวสมรรถนะของความเข้าใจของบุคลากร วช. ในเรื่องของการพัฒนานโยบาย ววน.มีความเข้มแข็ง สามารถเข้าไปทำความใจระบบใหม่ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ


ด้าน ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผอ.สอวช.กล่าวถึง ความสำคัญของระบบและนโยบายวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ว่า การสนับสนุนในเรื่องดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด19 ที่เกิดขึ้นขณะนี้ที่มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ก็เพื่อให้ระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) มีความเข้มแข็งมากขึ้น ในส่วนของการจัดการนั้นจะต้องดำเนินการในเชิงระบบให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้ง ววน.จะต้องมีมากกว่างานวิจัย และต้องไปถึงการพัฒนาที่มีฐานความรู้ทั้งจากงานวิจัยและนวัตกรรม โดยจะต้องมีการถ่ายทอดให้ความรู้ลงไปถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ เพื่อนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น


ขณะที่ รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวถึงงนวัตกรรมหลักสูตรเพื่อส่งเสริมสมรรถนะของบุคลากรในการบริหารการวิจัยของประเทศด้วยว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นความสำคัญอย่างมาก ในการบริหารจัดการงานวิจัยให้ตอบสนองนโยบายของประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งหลักสูตรการพัฒนาบุคลากร ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่มีการคิดอย่างตนวางระบบที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ
#3050
ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 099.461.1840
@line: chiramathe.nami

อาคารพาณิชย์ ชั้นเดียว ทำเลดี ด้านหน้าติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 เขตประเวศ กทม


เหมาะสำหรับทำการค้า สำนักงานเชิงพาณิชย์ 

เนื้อที่ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร 

ด้านหน้าอาคารติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 ด้านข้างอาคารติดกับ ร.พ.วิภารามอ่อนนุช ขนาด 400 เตียง 19 ชั้น 

และซอย อ่อนนุช 78 ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
- สัญญา 2 ปี 
(สัญญาเช่า 2 ปี = จ่ายเงินประกัน 2 เดือนและค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน เข้าอยู่ได้เลย)

พื้นที่
ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร
ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ทำเลที่ตั้ง
บ้านเลขที่ 39/15 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม 10250

สถานที่ใกล้เคียง
-ร.พ.วิภาราม อ่อนนุช
-เทสโก้โลตัส อ่อนนุช
-ไปรษณีย์อ่อนนุช
-สวนหลวง ร.9
-Seacon square
-Paradise park

ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 0994611840
@line: chiramathe.nami

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=73&t=7827111


























#3051



ถือได้ว่าการปล่อยอัลบั้มเต็มครั้งแรกในชีวิตของ มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ กับอัลบั้ม "365" (Three Six Five) ในวันแรกบน iTunes ช่างร้อนแรงและสั่นสะเทือนทุกชาร์ตของ iTunes ทั่วโลก เพราะหลังจากที่ปล่อยอัลบั้มออกมาในเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง ทั้งตัวอัลบั้มและเพลงต่างๆ ล้วนทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 และ Top10 ในหลายประเทศทั่วโลก

และยังเป็นเพียงศิลปินไทยหนึ่งเดียวที่สามารถพุ่งทะยานเข้าสู่ อันดับ 13 Global Digital Artists Rankings ท่ามกลางศิลปินอินเตอร์ระดับโลกในอันดับ Top20 นี้

เรียกได้ว่า มิว ศุภศิษฏ์ สร้างสถิติใหม่อันน่าทึ่งขึ้นอีกครั้ง กับการปล่อยอัลบั้ม "365"(Three Six Five) บน iTunes เพราะได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนคลับทั่วโลก จนสามารถไต่อันดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่ Top10 และติดอันดับ 1 ในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในส่วนของตัวเพลงในอัลบั้ม และตัวอัลบั้มเอง

ดูได้จากชาร์ตล่าสุดในตอนนี้ที่เพลงฮิตมาแรงน่าจะเป็น Drowning ขึ้นอันดับ 1 ทั้งของประเทศไทยและในหลายที่ เช่น สิงคโปร์, ไต้หวัน, มาเลเซีย และยังทะยานขึ้นสู่ชาร์ตต่างๆ ในอีกกว่า 28 ประเทศทั่วโลก และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ การเข้าสู่อันดับที่ 13 บน Global Digital Artists Rankings ที่ยังไม่เคยเห็นมีศิลปินไทยได้ขึ้นมาสูงผ่านเข้ามาในอันดับ Top20 ได้


ก็ต้องเรียกว่าการที่ มิว ศุภศิษฏ์ ขึ้นมาสู่อันดับ 13 อยู่ท่ามกลางศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมายในชาร์ตนี้ ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในฐานะนักร้องอย่างสุดๆ และนับว่าแฟนคลับต่างภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่มีศิลปินไทยสามารถเข้าสู่ชาร์ตนี้และติด 1 ใน Top20 ได้ ถือว่าได้รับการยอมรับในการเป็นศิลปินอย่างเต็มตัวจากอัลบั้มนี้

นี่ถือเป็นเพียงก้าวแรกของ อัลบั้ม "365" (Three Six Five) เท่านั้น เพราะในวันที่ 1 สิงหาคม จะสามารถฟังอัลบั้มนี้กันได้แบบเต็มๆ ผ่านทุกแพลตฟอร์ม ถึงเวลานั้น สถิติต่างๆ น่าจะเกิดการขยับขึ้นอีกครั้ง.
#3052



"เมย์" รัชนก อินทนนท์ ตบขนไก่สาวขวัญใจชาวไทย ทำเสียวเล็กน้อยเมื่อเสียเกมแรกให้กับ โซเนีย เชี๊ยะ จากมาเลเซียไปก่อน แต่สุดท้ายสามารถพลิกกลับมาเอาชนะไปได้ 2-1 จบแชมป์กลุ่ม เอ็น เข้ารอบน็อคเอาต์ไปเจอนักแบดมินตันอินโดนีเซีย

การแข่งขันแบดมินตันในกีฬาโอลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2564 เป็นการแข่งขันกันในวันที่ 5

ประเภทหญิงเดี่ยว "เมย์" รัชนก อินทนนท์ ขนไก่สาวขวัญในชาวไทย มืออันดับ 6 ของโลก ลงเล่นแมตช์สุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ็น พบกับ โซเนีย เชี๊ยะ มือ 35 ของโลกจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งใครจะชนะเกมนี้จะผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ทันที

เกมแรก โซเนีย เชี๊ยะ เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม อาศัยการเล่นที่เหนียวแน่น ขณะที่ รัชนก ตีผิดพลาดเองอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ขนไก่สาวมาเลเซียเก็บเกมแรกไปได้ก่อน 21-19 ขึ้นนำ 1-0

เกมสอง รัชนก อินทนนท์ แก้เกมของตัวเองมาได้ดี ตีผิดพลาดน้อยลง และมีเกมบุกที่หลากหลายขึ้น ก่อนจะเบียดเอาชนะในช่วงท้ายไป 21-18 คะแนน ตีเสมอ 1-1

เกมตัดสิน โซเนีย เชี๊ยะ ดูจะมีความฟิตที่เป็นรอง เคลื่อนที่ได้ช้าลงกว่าในสองเกมแรก ทำให้ รัชนก อินทนนท์ เล่นได้ง่ายขึ้น บุกใส่สาวจากมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเป็นขนไก่สาวจากไทยที่เก็บเกมนี้ไปได้ 21-10 คะแนน

ส่งผลให้ รัชนก อินทนนท์ พลิกกลับมาเอาชนะ โซเนีย เชี๊ยะ 2-1 เกม 19-21, 21-18, 21-10 จบแชมป์ของกลุ่ม เอ็น ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ได้สำเร็จ โดยจะเข้าไปพบกับ เกรกอเรีย มาริสกา ทันจุง มือ 23 ของโลกจากอินโดนีเซีย โดยจะแข่งขันในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
#3053



กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)เตือนสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19ที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง กำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของหลายประเทศ ขณะที่มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้มีคนจนเพิ่มขึ้น ผู้คนออกมาชุมนุมประท้วงเพราะปัญหาปากท้องกันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เกิดปัญหาความตึงเครียดทางการเมืองเพิ่มขึ้น

ไอเอ็มเอฟ ออกรายงานเตือนเมื่อวันอังคาร(27ก.ค.)ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงดำเนินอยู่แต่ก็ยังคงมีความเหลื่อมล้ำอย่างมากระหว่างประเทศที่มีเศรษฐกิจก้าวหน้า ตลาดเกิดใหม่หลายประเทศและประเทศกำลังพัฒนา เพราะการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ที่ไม่เท่าเทียมกัน และการขาดการสนับสนุนด้านงบประมาณ

รายงานเตือนของไอเอ็มเอฟฉบับล่าสุด มีขึ้นหลังจากประมาณกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เกิดการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในคิวบา ที่เป็นอีกประเทศหนึ่งที่พึ่งพิงรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ต้องเผชิญภาวะชะงักงันจากวิกฤตโรคระบาด จนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตของประชาชน

ชาวคิวบานับหมื่นคนออกมาเดินขบวนประท้วงในหลายเมือง เพื่อแสดงความไม่พอใจการบริหารจัดการของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลนำมาใช้ได้สร้างความยากลำบากให้ชาวคิวบา ก่อให้เกิดความไม่พอใจสะสมจนนำมาสู่การชุมนุมประท้วง

นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุจลาจลและปล้นสะดมร้านค้าในหลายประเทศของแอฟริกาใต้ โดยมีสาเหตุมาจากความไม่พอใจที่รัฐบาลไม่เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน รวมทั้งความยากลำบากและความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นจากเศษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโรคโควิด-19 ระบาดจำนวน จนส่งผลให้ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 77 ราย

รายงานฉบับนี้ของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่จะทำให้ความสามารถในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วกับกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยแตกต่างกัน

"ประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์และมีผู้ติดเชื้อโควิด-19จำนวนมากอาจจะไม่สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าที่วางไว้ และสิ่งนี้จะทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)โลก ภายในปี 2568"กีตา โกปินาธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ไอเอ็มเอฟ ระบุ
#3054



สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand – GCNT) ได้จัดเสวนาออนไลน์เรื่อง "บทบาทภาคเอกชนไทยในการส่งเสริมการพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืน" เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2564 เพื่อยกระดับการจัดการด้านระบบอาหารที่ยั่งยืนจากภาคธุรกิจเอกชนไทยสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบการประชุมสุดยอดด้านระบบอาหารของสหประชาชาติ

โดยข้อสรุปจากเสวนาครั้งนี้จะรวบรวมเป็นข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจไทยสู่การประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก (UN Food Systems Summit 2021) ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ เพื่อพัฒนาระบบอาหารโลกให้เกิดความแข็งแรงและยั่งยืน โดยในงานมีผู้เข้าร่วมจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม กว่า 100 คน

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้ประสานงาน UN Food System Summit National Convener กล่าวว่า ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญในการเสนอแนวทางการพัฒนาการจัดระบบอาหารโลกให้ยั่งยืน โดยข้อเสนอแนะจากงานเสวนานี้จะนำไปเชื่อมโยงกับข้อเสนอจากผู้ที่มีบทบาท และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบการผลิตในแต่ละภาคส่วนของประเทศไทย เพื่อนำไปเป็นแนวทางและข้อเสนอจัดทำนโยบายแผนงานการปฏิรูประบบอาหารและการเกษตรอย่างมั่นคงในการประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก UN Food Systems Summit 2021 เพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายในปี 2573

โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบความมั่นคงและเป็นจุดเปลี่ยนทางด้านอาหารโลกที่หลายประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยประเทศไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นครัวของโลก จะต้องนำประสบการณ์การจัดการระบบอาหารของประเทศไทยภายใต้นโยบาย 3 S คือ Safety, Security และ Sustainability ของภาคเกษตรและระบบอาหารให้มีความยั่งยืน ผู้ประกอบการทางด้านภาคเกษตรจะต้องปรับตัวนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ต่อกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

และเน้นไปสู่รูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจแบบใหม่ โดยมุ่งเป้าหมายด้าน Zero Waste ลดขยะให้เป็นศูนย์เพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน พร้อมกับการพัฒนาอาหารในอนาคต Future Food ที่จะต้องเน้นในเรื่องของการพัฒนาสมุนไพรไทย และการพัฒนาอาหารจากพืช รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการอาหารสัตว์ ซึ่งจะเป็นการจัดการทั้งระบบของอาหารตลอดห่วงโซ่อุปทาน


นายนพปฏล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ในฐานะเลขาธิการสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคธุรกิจเอกชนต่างๆได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้ดำเนินการตามแนวทางพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืน หรือ Food Systems Sustainability ภายใต้กรอบของสหประชาชาติที่มีความท้าทายในเรื่องการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนต่อประชากรทั้งโลก 9 พันล้านคนภายในปี 2050 โดยมีความท้าทายตั้งแต่การผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการจำนวนมาก

ตลอดจนการผลิตและจัดการอาหารให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมให้มากที่สุด ซึ่งในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา แม้โลกจะพัฒนาด้านความยั่งยืนดีขึ้นหลายด้านตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะประเทศไทยที่ได้พัฒนาตามแนวทาง SDGs เป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน และอยู่ในลำดับต้นๆของเอเชีย แต่การจะบรรลุสู่เป้าหมาย SDGs ในปี 2030 ไม่ใช่เรื่องง่าย และขณะนี้เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การพัฒนาเพื่อความยั่งยืนต่างๆถดถอย อาทิ

เป้าหมายที่ 2 ของ SDGs คือ No Hunger ที่ผลกระทบของโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนประชากรโลกที่ประสบปัญหาขาดแคลนอาหารเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามสหประชาชาติได้พยายามสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนที่เป็นระบบมากขึ้นผ่าน UN Food Systems Summit ที่กำลังจะมีการจัดประชุมเร็วๆนี้ และเล็งเห็นว่าประเด็นการจัดการอาหารโลกที่ยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญระดับโลกเช่นเดียวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ


ดร.วนิดา กำเนิดเพ็ชร์ ผู้อำนวยการสำนักการเกษตรต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงภาพรวมของกระบวนการ UN Food Systems Summit ซึ่งเป็นการประชุมที่เน้นให้ความสำคัญการร่วมมือของทุกภาคส่วนในการร่วมกันจัดการระบบอาหารโลกตลอดห่วงโซ่อุปทานให้เกิดความยั่งยืน โดยเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กฯ เป็นกลุ่มภาคเอกชนที่มีความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจที่ควบคู่กับความยั่งยืนในทุกมิติ ซึ่งจะทำให้เกิดความร่วมมือและข้อเสนอแนะจากประเทศไทยสู่การประชุมระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใต้กรอบแนวทางการพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืนทั้ง 5 แนวทางที่จะเป็นแนวทางสร้างเครือข่ายความร่วมมือยกระดับการเติบโตของภาคเกษตร การจัดการระบบอาหารไทยสู่ระบบอาหารโลกให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

ขณะที่ตัวแทนกลุ่มธุรกิจจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยนางสาวอินทิรา พฤกษ์รัตนนภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักพัฒนาและประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมเสวนาใน Action Track 1 :อิ่มถ้วนหน้า ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ โดยกล่าวว่า เครือซีพีและซีพีออลล์ให้ความสำคัญกับระบบอาหารที่ยั่งยืนทำให้ประชากรเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อช่วยลดอัตราการป่วยจากการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม

อย่างไรก็ตามยังมีประชากรบางกลุ่มประสบปัญหาทุพโภชนาการ ซึ่งการสร้างสุขภาพและสุขภาวะประชากรที่ดีต่อประชาชนในแต่ละประเทศเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศนั้นๆ ประเทศไทยในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมธุรกิจอาหารและเกษตรในภูมิภาคนี้จึงมีส่วนสำคัญที่จะผลักดันสิ่งเหล่านี้ให้ประเทศพัฒนา ซึ่งนโยบายของเครือซีพีและซีพีออลล์ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เราร่วมสร้างระบบอาหารโลกที่ยั่งยืนตั้งแต่การสร้างสรรค์สินค้าที่มีโภชนาการที่ดี เข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลาย และสร้างความมั่นคงอาหารให้ประเทศไทย โดยนำนวัตกรรมที่ได้ศึกษามาต่อยอดสร้างอาหารที่ถูกหลักโภชนาการมีความปลอดภัยตลอดจนร่วมสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทานด้วยการบริหารจัดการคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

นางสาวศิรภัสสร สกุลวิวรรธน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้ร่วมเสวนาใน Action Track 5: อิ่มทุกเมื่อ เสริมสร้างความมั่นคงเข้มแข็งของระบบอาหาร กล่าวว่า ซีพีเอฟได้ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารมาโดยตลอดตามแนวทางอาหารมั่นคง สังคมมั่นคง ดินน้ำป่าคงอยู่ โดยเฉพาะการสร้างแหล่งอาหารให้ชุมชนที่ดำเนินการมากว่า 30 ปี โดยการสร้างองค์ความรู้ให้ชุมชนมีศักยภาพผลิตอาหารได้ด้วยตัวเอง ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้

นอกจากนี้ยังได้นำองค์ความรู้เข้าสู่ชุมชนเพื่อร่วมพัฒนาระบบอาหารยั่งยืนผ่านหลากหลายโครงการ อาทิ โครงการไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน โครงการอิ่มสุขปลูกอนาคต โดยสร้างองค์ความรู้ให้เยาวชนได้เข้าใจการผลิตอาหารที่ถูกโภชนาการได้ด้วยตัวเอง และร่วมรักษาเสถียรภาพความมั่นคงในระบบห่วงโซ่อุปทาน แบ่งปันและถ่ายทอดเทคโนโลยีร่วมกับเกษตรกรรายย่อยโดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติตลอดจนดูแลความหลากหลายทางชีวภาพ
#3055



นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน เปิดเผยว่า ธปท. ได้ออกแนวปฏิบัติการใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการให้บริการทางการเงิน เพื่อให้ผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ใช้เป็นแนวทางในการนำเทคโนโลยี  Blockchain ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับลูกค้าผู้ใช้บริการ และองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้มีความปลอดภัยและความเชื่อมั่นแก่ประชาชนผู้ใช้บริการทางการเงินในโลกการเงินยุคดิจิทัลในอนาคต

เทคโนโลยี Blockchain มีศักยภาพในการพัฒนาภาคการเงินเนื่องจากมีคุณสมบัติสำคัญเรื่องการกระจายข้อมูลจัดเก็บ การเข้ารหัสข้อมูล การเชื่อมต่อกันโดยอ้างอิงจากข้อมูลก่อนหน้า ทำให้การบริหารจัดการข้อมูลในเครือข่าย Blockchain มีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ ข้อมูลใน Blockchain ถูกปลอมแปลงแก้ไขได้ยาก และช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ส่งผลให้ต้นทุนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลต่ำลง ทำให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงขึ้น และสามารถนำไปพัฒนาบริการทางการเงินได้หลากหลาย

ซึ่งในปัจจุบันภาคการเงินของไทยมีการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้มากขึ้น เช่น การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลธุรกรรมการเงิน การโอนเงินระหว่างประเทศ การออกหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินต่าง ๆ


แนวปฏิบัติฉบับนี้เป็นกรอบหลักการในการนำเทคโนโลยี Blockchain มาพัฒนานวัตกรรมทางการเงินควบคู่ไปกับการดูแลความเสี่ยงอย่างรัดกุม โดยผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. สามารถนำมาปรับใช้กับบริการทางการเงินที่มีการประยุกต์ใช้ Blockchain โดยเฉพาะในรูปแบบ Private Blockchain Network โดยเนื้อหาของแนวปฏิบัติ Blockchain ประกอบด้วยสาระสำคัญ 4 ส่วน ได้แก่ 


1) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในทางธุรกิจ
2) การกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยี Blockchain
3) การบริหารจัดการความเสี่ยงด้าน IT
4) การบริหารความเสี่ยงทางกฎหมาย
#3056



นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยความคืบหน้าธุรกิจให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้ดำเนินการติดตั้ง เนื่องจากลูกค้าหลายรายที่เคยเจรจากันไว้ ขอชะลอแผนการลงทุนติดตั้ง

โซลาร์รูฟท็อปออกไปก่อน ซึ่งเป็นการตัดสินใจภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยเฉพาะผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19

"ยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันลำบาก ไม่มีคนอยากจะลงทุน และหลายโรงงานก็ปิดตัวลง ทำให้ธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปยังไม่คืบหน้า ตอนนี้ยังไม่ได้ตามเป้าหมาย แต่ในอนาคตยังเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้ และบริษัทยังไม่ล้มเลิกธุรกิจนี้แน่นอน เพียงแต่รอความพร้อมของลูกค้าที่ขอชะลอการติดตั้งออกไปก่อน"

สำหรับธุรกิจให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ก่อนหน้านี้ เอ็กโก กรุ๊ป ระบุว่า มีลูกค้าในมือแล้ว ประมาณ 40 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตในมือแตะระดับ 200 เมกะวัตต์ใน 5 ปี โดยจะมุ่งเน้นเจาะตลาดในกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม บริษัท ยังคงเดินหน้าเร่งรัดขยายการลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพการเติบโตมากกว่าแทน โดยเฉพาะการลงทุนในพลังงานทดแทน ที่จะเป็นส่วนของสำคัญของการพลังงานสะอาดที่มีอนาคตเติบโตอีกมาก ซึ่ง บริษัท ก็ได้ปรับเป้าหมายจะมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นเป็นไม่น้อยกว่า 30% จากเดิม 25% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม ภายในปี 2573 และอีก 75% จะเป็นกำลังการผลิตจากพลังงาน Conventional และธุรกิจใหม่ จากปัจจุบันสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอยู่ที่ 22-23% ของกำลังการผลิตทั้งหมด

อีกทั้งยังมีโอกาสปรับเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนให้มากกว่า 30% ได้ แต่ยังคงต้องรอดูความชัดเจนจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2022) เนื่องจากปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศขณะนี้สูงถึง 40% การเติมพลังงานทดแทนช่วงดังกล่าวอาจยังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟได้ ซึ่งปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,016 เมกะวัตต์ 
#3057
3in1 led 36pcs 1w led flat par light DJ DMX512 Stage Lighting   

ไฟเวที LED FLAT PAR สุดคุ้มการใช้ ปาร์ตี้, ดิสโก้, KTV, ผับ, ร้านอาหาร, สวน, สวนสาธารณะ, พลาซ่า เพิ่มความตื่นตาตื่นใจ ด้วยชุดไฟ วิบวับ  แค่ 990 บาท 

- 1 หลอดมีหลาย สี  RGB MiXED COLOR
- วัตต์: ประมาณ 36 x  วัตต์
- แรงดันไฟฟ้า: 110-220 - v
-แหล่งพลังงาน: AC
- สามารถใช้ได้กับเครื่องควบคุมสัญญาณไฟ DMX512 
- รูปแบบไฟเปลี่ยนได้ถึง 7 แบบ ได้แก่ ปล่อยอัตโนมัติ เปลี่ยนตามจังหวะดนตรี master-slave
- รับประกัน 1 เดือน

สนใจ ติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้า
โทร : 094-5102033
LINE :@gentech
หรือคลิก https://lin.ee/eYs6pVN


#ป้ายNeonflex #ป้ายไฟสั่งทำ #ป้ายเชียร์ #ป้ายร้าน #ป้ายไฟดัด #ป้ายไฟled
#lighting #ไฟled #ledonhome #ป้ายไฟ #ป้ายไฟร้าน #ราคาป้ายไฟ #อุปกรณ์ไฟ
#โคมไฟ #ไฟตกแต่ง #ไฟประดับ #ไฟดาวไลน์led #วิธีเปลี่ยนหลอดled #วิบวับ #laser






#3058



เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ "กลุ่มป่าแก่งกระจาน" ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของประเทศไทย โดยถือเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 3 ของไทย ต่อจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ในปี พ.ศ. 2534 และ กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ในปี พ.ศ. 2548

กลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นผืนป่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรีมีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วยพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง และ 1 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี

ในการพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั้น ยูเนสโก พิจารณาภายใต้เกณฑ์ข้อที่ 10 คือ เป็นถิ่นอาศัยทางธรรมชาติในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงพบชนิดพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่มีคุณค่ายิ่งด้านการอนุรักษ์และวิทยาศาสตร์ โดยมีชนิดพันธุ์สำคัญที่ถูกคุกคามเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (หลักเกณฑ์การพิจารณาเป็นมรดกโลก มี 10 ข้อ ข้อที่1-6 เป็นหลักเกณฑ์แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ข้อที่ 7-10 เป็นหลักเกณฑ์แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ) โดยมีความหลากหลายของชนิดพันธุ์สัตว์ป่าที่สำรวจพบในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน มีจำนวน 459 ชนิด จำแนกตามสถานภาพตามบัญชีแดงของสหภาพสากลเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Red List)
#3059
 สีผึ้งว่านดอกทอง ฝังดอกว่านดอกทองและตะกรุดนะเมตตามหานิยม

พุทธคุณ เน้นเรื่อง เสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขายก่อนว่าคาถาก็ให้นึกขอบารมีพระพุทธเจ้า และคุณครูบาอาจารย์คาถากำกับโอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)แล้วใช้นิ้วชี้ข้างขวาป้าย แล้วทาที่ปากตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ

 ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลย
หรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
https://pdp.lazada.co.th/products/i2632497251.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.2f304edfF8zGh5  
#3060


ภาคอีสาน / ระหว่างวันที่ 17-18 มิถุนายน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะได้เดินทางมาที่จังหวัดอุดรธานีและขอนแก่น เพื่อเยี่ยมเยียนกลุ่มเกษตรกร และติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยตามโครงการ 'บ้านมั่นคง' และการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยตั้งเป้าภายในปี 2579 จะแก้ปัญหาให้คนจนทั่วประเทศมีที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง 1.3 ล้านหลัง

โดยในวันที่ 17 มิถุนายน นายจุรินทร์ได้เดินทางมาที่อำเภอกุมภวาปี จ.อุดรธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านมั่นคงที่ชุมชนบ้านมั่นคงทรัพย์เพิ่มพูน ตำบลพันดอน อ.กุมภวาปี ซึ่งมีการจัดงาน "บ้านมั่นคงพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างเศรษฐกิจชุมชน" และเป็นประธานในพิธีมอบบ้านมั่นคงทรัพย์เพิ่มพูนที่สร้างเสร็จแล้วจำนวน 37 จากทั้งหมด 107 หลัง โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายปฏิภาณ จุมผา รองผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และพี่น้องประชาชนให้การต้อนรับ


ตั้งเป้าแก้ปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยคนจน 1.3 ล้านหลังภายในปี 2579

นายจุรินทร์ กล่าวว่า โครงการบ้านมั่นคงเป็นงานที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ในปี 2543 ซึ่งในขณะนั้นตนเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการ โดยมีเป้าหมายให้คนจนหรือคนที่ไม่มีบ้านอยู่อาศัยหรือมีแต่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง ได้มีโอกาสมีบ้านอยู่ มีที่ดินเป็นของตนเอง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โครงการบ้านมั่นคงจึงก่อกำเนิดขึ้นภายใต้หลักการที่มีองค์กรขึ้นมาบริหารจัดการเป็นการเฉพาะ โดยรัฐบาลช่วยหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยให้ประชาชนที่ไร้บ้านไร้ที่ดินรวมตัวกันเป็นสหกรณ์ และใช้เงินของสหกรณ์เช่าซื้อหรือซื้อที่ดิน เพื่อสร้างบ้านราคาพิเศษให้สมาชิก โดยสมาชิกผ่อนชำระเพื่อจะได้มีบ้านและที่ดินเป็นของตนเอง

นายจุรินทร์กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 จนถึงปัจจุบัน สร้างบ้านเสร็จแล้วประมาณ 200,000 หลัง แต่ขณะนี้ได้มีการกำหนดเป้าหมายใหม่ เพื่อเร่งรัดดำเนินการภายใน 15 ปี โดยภายในปี 2579 จะต้องสร้างบ้านให้ได้ 1,300,000 หลัง เพื่อให้คนจนได้มีที่ดินทำกินและมีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตนเอง นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านพอเพียงชนบท ซึ่งเป็นโครงการซ่อมแซมปรับปรุงบ้านเรือนที่มีฐานะยากจน โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณผ่านทางสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ 'พอช.'
"จังหวัดอุดรธานีได้ดำเนินโครงการบ้านมั่นคงทั้งหมด 18 โครงการ สร้างบ้านเสร็จแล้ว 1,700 หลัง วันนี้มาทำหน้าที่มอบบ้านมั่นคงที่สร้างเสร็จแล้ว 37 หลัง และมอบเงินสร้างบ้านเพิ่มอีก 70 หลัง ช่วยให้พี่น้องมีบ้านรวม 107 หลัง และมอบเงินช่วยซ่อมแซมบ้านพอเพียงอีก 104 หลัง เป็นเงิน 2 ล้านบาท มอบเงินสวัสดิการชุมชนเพื่อช่วยสมาชิก 7,500 คนอีก 2 ล้านบาท มอบงบพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนเรื่องผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของตลาด 5 แสนบาท และมอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดอีก 300 ครัวเรือน" นายจุรินทร์กล่าว

ทั้งนี้ที่ผ่านมา รัฐบาลมีแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) โดยมีเป้าหมายผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศ ประมาณ 3 ล้านครัวเรือน โดยมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ดำเนินการ โดยมีวิสัยทัศน์ว่า "คนไทยทุกคนจะมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่ว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579" แยกเป็น 1.การเคหะแห่งชาติดำเนินการในรูปแบบการเช่าหรือเช่าซื้อประมาณ 2 ล้านครัวเรือน 2.สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยทั้งในเมืองและชนบท รวมทั้งกลุ่มคนไร้บ้าน ตามโครงการบ้านมั่นคงเมืองและชนบท การพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว-คลองเปรมประชากร บ้านพอเพียงชนบท (ซ่อมสร้างบ้านเรือนที่มีฐานะยากจน สภาพทรุดโทรม) ฯลฯ รวม 1,050,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ

บ้านมั่นคงทรัพย์เพิ่มพูนแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย 5 ชุมชน

โครงการบ้านมั่นคงทรัพย์เพิ่มพูน เกิดจากการรวมกลุ่มของชาวบ้าน 5 ชุมชนในเขตเทศบาลตำบลพันดอน อำเภอกุมภวาปีที่มีปัญหาความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยและมีฐานะยากจน โดยชาวบ้านเริ่มรวมกลุ่มกันตั้งแต่ปี 2557 จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินงาน ช่วยกันสำรวจข้อมูล พบว่า มีผู้เดือดร้อนจำนวน 732 ราย จาก 5 ชุมชน แบ่งเป็น กลุ่มบุกรุกที่ดินเอกชน 29 ครัวเรือน กลุ่มเช่าที่ดินราชพัสดุสร้างบ้าน 15 ครัวเรือน กลุ่มบ้านเช่า 16 ครัวเรือน และกลุ่มครอบครัวขยาย รวม 107 ครัวเรือน

ต่อมาในปี 2559 ได้จดทะเบียนเป็นสหกรณ์เคหสถาน ใช้ชื่อว่า 'สหกรณ์เคหสถานทรัพย์เพิ่มพูน จำกัด' เพื่อเตรียมจัดทำโครงการบ้านมั่นคง มีชาวบ้านที่มีความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยเข้าเป็นสมาชิกจำนวน 107 ครัวเรือน และต่อมาได้รับการสนับสนุนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ 'พอช.' จัดทำโครงการบ้านมั่นคง


โดยสหกรณ์ฯ ขอใช้สินเชื่อจาก พอช. เพื่อซื้อที่ดิน เนื้อที่ 4 ไร่ 2 งานเศษ และปลูกสร้างบ้านใหม่ รวม 107 หลัง โดย พอช.สนับสนุน 1.สินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินและปลูกสร้างบ้าน รวม 24 ล้านบาทเศษ 2.อุดหนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย พัฒนาด้านสาธารณูปโภค และงบบริหารจัดการชุมชน รวม 8.5 ล้านบาทเศษ

ส่วนแบบบ้านมี 2 แบบ คือ 1.บ้านแถวชั้นเดียว ขนาด 10 และ 16.5 ตารางวา ราคาก่อสร้างหลังละ 181,312 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 2,055 บาท จำนวน 30 หลัง และ 2. บ้านแถวสองชั้น ขนาด 11 ตารางวา ราคาก่อสร้างหลังละ 277,137 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 2,155 บาท จำนวน 76 หลัง (ผ่อน 15 ปี) เริ่มก่อสร้างบ้านในเดือนธันวาคม 2562 ขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 37 หลัง อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 70 หลัง ตามแผนงานจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปีนี้

รองนายกฯ ยกเสาเอกบ้านมั่นคงแก่นนคร จ.ขอนแก่น

นอกจากภารกิจที่จังหวัดอุดรธานีแล้ว ในวันนี้ (18 มิถุนายน) นายจุรินทร์ รองนายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางมาที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อร่วมพิธียกเสาเอกสร้างบ้านมั่นคงสหกรณ์เคหสถานแก่นนคร จำกัด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อก่อสร้างบ้านมั่นคงเฟสสุดท้าย จำนวน 46 หลัง โดยก่อนหน้านี้สร้างบ้านเสร็จไปแล้วจำนวน 287 หลัง ทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านและที่อยู่อาศัยที่มั่นคง รวม 333 ครัวเรือน

นายปฏิภาณ จุมผา รองผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า พอช. เป็นองค์กรในการกำกับดูแลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินโครงการบ้านมั่นคงอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2546 เพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย สร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัยและการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนคนจนในเมือง ครอบคลุมทั้งมิติด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม และความเข้มแข็งของชุมชน

"พอช.มียุทธศาสตร์การดำเนินงาน โดยส่งเสริมให้ชุมชนและเครือข่ายเป็น 'เจ้าของโครงการ' ทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นและภาคีที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและท้องถิ่น ตั้งแต่กระบวนการรวมกลุ่ม การจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ การหาที่ดินรองรับ การออกแบบบ้านและผังชุมชน รวมถึงการบริหารจัดการโครงการ และการบริหารการเงินด้วยระบบกลุ่มออมทรัพย์และสหกรณ์ โดยมีหน่วยงานท้องถิ่นทำหน้าที่สนับสนุนการดำเนินการ" รอง ผอ.พอช.กล่าวถึงกระบวนการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านมั่นคง

รอง ผอ.พอช.กล่าวว่า พอช.จะสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งรูปแบบในการดำเนินโครงการบ้านมั่นคงมีความหลากหลายตามสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชน เช่น การปรับปรุงที่อยู่อาศัยในที่ดินเดิม การรื้อย้ายสร้างชุมชนใหม่ การแบ่งปันที่ดินสร้างชุมชนใหม่ ฯลฯ โดยขณะนี้ พอช.ได้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว 19 จังหวัด 84 เมือง 537 ชุมชน รวม 28,912 ครัวเรือน

"เฉพาะจังหวัดขอนแก่น พอช.ได้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยภายใต้โครงการบ้านมั่นคง รวม 75 โครงการ 163 ชุมชน จำนวน 7,057 ครัวเรือน และดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้ครัวเรือนยากจน กลุ่มคนเปราะบางที่มีปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านพอเพียงชนบท ตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบัน จำนวน 831ครัวเรือน ใน 81 ตำบล รวมทั้งเกิดการประสานความร่วมมือกับภาคีพัฒนามากกว่า 10 องค์กร" รอง ผอ. พอช.กล่าว