• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Thetaiso

#1901


นางสาวพรวิสาข์ มังกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต (INETREIT) เข้าจดทะเบียนและซื้อขายหน่วยทรัสต์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 9สิงหาคมนี้ หลังจากที่ปิดการเสนอขายหน่วยทรัสต์แก่นักลงทุนเป็นที่เรียบร้อยในปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุน แม้อยู่ในช่วงที่มีมาตรการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ ความสำเร็จในการเสนอขายหน่วยทรัสต์ที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของ INETREIT กองทรัสต์กองแรกที่เข้าลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีในประเทศไทย ซึ่งเป็นเทรนด์ธุรกิจแห่งอนาคตที่มีแนวโน้มเติบโตไปพร้อมกับยุคดิจิทัล โดยเชื่อว่าการที่กองทรัสต์ INETREIT เข้าลงทุนในโครงการ INET-IDC3 เฟส 1 จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลที่มีความทันสมัยระดับโลก อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ที่จะเกิดความเสียหายจากภัยพิบัติต่างๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร 24 ชั่วโมง สามารถเชื่อมต่อกับโครงการ INET-IDC 1 และ INET-IDC 2 อย่างสมบูรณ์แบบ จะได้รับประโยชน์จากความต้องการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความต้องการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลและเพิ่มขึ้นทุกวันไว้ในระบบคลาวด์ เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง

​"บริษัทฯ ต้องขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นและตอบรับการเสนอขายหน่วยทรัสต์ของ INETREIT ที่ดีมาก แม้สถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมามีปัจจัยต่างๆ เข้ามากดดันบรรยากาศการลงทุน กองทรัสต์ INETREIT จะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและจัดเก็บข้อมูลสู่ดิจิทัล (ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น) ของภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อโครงการ INET-IDC3 เฟส 1 ที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ในระบบคลาวด์"  

ทั้งนี้ โครงการ INET-IDC3 เฟส 1 จังหวัดสระบุรี มีลูกค้าภาครัฐและเอกชนใช้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลที่มีจำนวนมหาศาลในยุคดิจิทัล และเป็นส่วนหนึ่งของการดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นองค์กร แสดงถึงความต้องการใช้งานระบบคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   โดยINETREIT ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับในปีแรก ตามประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ตามงบกำไรขาดทุนตามสมมติฐานอยู่ที่ 8.96% สำหรับช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565


นางสาวพรวิภา ตั้งตรงจิตร ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า ขอขอบคุณนักลงทุนสำหรับกระแสการตอบรับที่ดีที่ผ่านมา การลงทุนในกองทรัสต์เป็นการถือสินทรัพย์ทางเลือกที่ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีรายได้ค่าเช่าที่สม่ำเสมอและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มั่นคงในระยะยาว

นายอภิชาติ เนตรจรัสแสง ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า กองทรัสต์ INETREIT เป็นทางเลือกการลงทุนที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวจากเงินปันผล โดยการเข้าลงทุนครั้งแรกของกองทรัสต์ INETREIT มีมูลค่ารวม 4,300 ล้านบาท โดยมาจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์ 330 ล้านหน่วย ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท รวมมูลค่า 3,300 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาว 1,000 ล้านบาท INETREIT มีจุดเด่นเป็นกองทรัสต์ ที่ลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ในประเทศไทยกองแรก ซึ่งเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่จะได้รับประโยชน์การความต้องการจัดเก็บข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลในยุคดิจิทัล และทรัพย์สินที่เข้าลงทุนยังอยู่ในสภาพที่ดี

ทั้งนี้ กองทรัสต์ INETREIT มีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อรอบปีบัญชี ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว และยังมีโอกาสขยายการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยได้รับสิทธิในการปฏิเสธก่อน (Right of First Refusal) ในโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 เฟส 3 และ เฟส 4 และศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลอื่นๆของ INET ในอนาคต
#1902


เป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว ที่เหล่าเซเลบริตีซึ่งมีธุรกิจของครอบครัวและต่างสืบทอดธุรกิจกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่จะมีบางบ้านที่อาจจะมีลูกหลายคน และอาจจะมีบางคนไม่อยากทำธุรกิจของครอบครัว แต่อยากที่จะทำตามฝันสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง และมีอีกหลายคนที่จำเป็นต้องช่วยทำธุรกิจของครอบครัวบ้าง แต่มุ่งเดินหน้าธุรกิจของตัวเองอย่างสุดกำลัง ซึ่งจะมีใครบ้างนั้นตามมาดูกัน

อุณาวรรณ ตั้งคารวคุณ
"ยูกิ-อุณาวรรณ ตั้งคารวคุณ" ทายาทคนโตของ อรสา ตั้งคารวคุณ หนึ่งในเจ้าของธุรกิจสี TOA ภายใต้บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยูกิเป็นทายาททางธุรกิจที่ไม่ประสงค์จะสืบสานธุรกิจของครอบครัว แต่รักที่จะเดินทางตามฝันของตัวเองซึ่งชอบแฟชั่นและรักการแต่งตัวมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยการสร้างแบรนด์ "ยูนา" (YUNA) แบรนด์เสื้อผ้าที่เธอปลุกปั้นมากับมือ จนเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว นอกจากนี้ เธอยังนำร้านชานมไข่มุก The Alley จากไต้หวันมาเปิดในไทย จนเป็นที่นิยมของสาวกชานม และขยายสาขาไปกว่า 20 แห่ง โดยเธอนั่งบริหารในตำแหน่งเอ็มดีของบริษัท มิลลาร์รี่ กับธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่เธอหมายมั่นปั้นมือมาจนสำเร็จสมใจ



กรัชเพชร อิสสระ
รายนี้เป็นทายาทของอาณาจักรใหญ่แห่งไขมุกอันดามัน "ปลาเข็ม-กรัชเพชร อิสสระ" ลูกสาวคนเล็กของ สงกรานต์ กับศรีวรา อิสสระ แห่งศรีพันวา ภูเก็ต ที่พี่ชายทั้งสองคน ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ และปลาทู-ดิฐวัฒน์ ต่างก็มุ่งมั่นสืบทอดธุรกิจของครอบครัว มีแต่ตัวเธอเท่านั้นที่แม้จะช่วยธุรกิจของที่บ้านอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีธุรกิจในฝันของตัวเอง ที่ไม่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ นั่นก็คือ แบรนด์ KEMISSARA ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นที่เธอภาคภูมิใจ สมกับที่เธอร่ำเรียนทางด้านแฟชั่นมาจากอังกฤษ



มธุนาฏ ซอโสตถิกุล
สาวเก่งร่างเล็กแต่ใจใหญ่ ทายาทธุรกิจห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์, รองเท้านันยาง และผงชูรสตราชฎา "ผึ้ง-มธุนาฏ ซอโสตถิกุล" เป็นลูกสาวของ ธีระ และบุศรา ซอโสตถิกุล หลานสาวของคุณปู่กอบชัย ซอโสตถิกุล หลังจบการศึกษาระดับปริญญาโท เธอก็มุ่งหน้าทำงานด้านศิลปะที่เธอรัก ด้วยการเป็นศิลปินอิสระเจ้าของ "มธุนาฏดีไซน์" ที่มีผลงานเพนต์กำแพงร้านอาหารจนเป็นที่ยอมรับ แม้กระทั่ง ร้านอาหารในสหรัฐอเมริกา ยังต้องใช้บริการฝีมือเพนต์กำแพงของเธอมาแล้วหลายแห่ง จึงทำให้เป็นกำลังใจให้เธอมุมานะที่จะสร้างผลงานของตัวเอง ให้คนจดจำเธอได้ในฐานะมธุนาฏดีไซน์ ไม่ใช่เพราะเธอเป็นทายาทธุรกิจใหญ่



สุวดี พึ่งบุญพระ
ประธานกรรมการบริษัท PP Group Thailand ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นสุดหรูชื่อดังระดับโลก Givenchy, Loewe, Tory Burch, Longchamp, Roger Vivier, MCM, Off White, Maison Kitsune และ Palm Angels แม้ว่า "ปิ่น-สุวดี พึ่งบุญพระ" จะเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านการสื่อสารมวลชนและสิ่งพิมพ์ ของคุณพ่อสวาสดิ์ และคุณแม่ประพีร์ ปุ้ยพันธวงศ์ แต่ตัวเธอกลับมาบริหารจัดการในเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์สินค้าที่หลากหลายรวมทั้งแบรนด์สตรีทแวร์ ร่วมกับน้องชาย "โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์" จนเป็นที่ยอมรับของหนุ่มสาวในแวดวงสังคม



อภินรา ศรีกาญจนา
"ปรางค์-อภินรา ศรีกาญจนา" ทายาทนักธุรกิจพันล้านแห่งเอเชียประภันภัย ลูกสาวคนโตของ คุณพ่อจุลพยัพ ศรีกาญจนา เจ้าของบริษัท เอเชียประกันภัย กับคุณแม่ยูกิ-นราวดี ผู้บริหารบริษัท เพนดูลัม จำกัด (Pendulum) ที่นอกจากจะช่วยคุณแม่ดูแลร้านธุรกิจร้านอาหาร NARA ร่วมกับน้องๆ แล้ว เธอยังทำธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อสังคมของตัวเองในชื่อ U Drink I Drive ให้บริการส่งคนขับรถรับส่งบุคคลที่ไปดื่มในงานสังสรรค์กลับบ้านอย่างปลอดภัย เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุเมาแล้วขับ ล่าสุด เธอได้ร่วมแรงร่วมใจกับเพื่อนสาวรุ่นพี่ ทำธุรกิจใหม่ ONNA ที่แปล "ผู้หญิง ผู้หญิง" ในภาษาญี่ปุ่น เพราะทั้งคู่เรียนจบจากญี่ปุ่น และสาวปรางค์ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากญี่ปุ่นมาโดยตลอด จึงตกลงกันว่าควรที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้ที่รักสวยรักงามได้ดูแลตัวเอง จึงเป็นที่มาของ @onnaonna2021 นับเป็นธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจของสาวปรางค์



วารีนิธิ-วาริธร กันท์ไพบูลย์
ดีไซเนอร์สาวสวย "บูบี-วารีนิธิ กันท์ไพบูลย์" ผู้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า Varithorn Boutique ร่วมกับพี่สาว "เปเป้-วาริธร กันท์ไพบูลย์" ทั้งสองเป็นลูกสาวของนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชาวฮ่องกง คุณพ่อไกรวุฒิ กับคุณแม่ศศิ กันท์ไพบูลย์ และสร้างแบรนด์เสื้อผ้าให้เป็นที่รู้จักมาได้ถึง 9 ปีแล้ว ไม่เพียงฮอตฮิตในประเทศไทยเท่านั้น ยังส่งออกไปจำหน่ายในหลายประเทศอีกด้วย และด้วยความที่สาวบูบีรักและหลงเสน่ห์ในซูเปอร์คาร์ ปัจจุบันสาวบูบียังทำธุรกิจ The Ultimate Rides ซึ่งเป็นตัวกลางในการซื้อขายรถยนต์ระดับลักชัวรีอีกด้วย ขณะที่ เปเป้ พี่สาวก็มีธุรกิจแบรนด์น้ำตาลโตนด "ตาลสยาม" (Tansiam), ร้านชานมไข่มุก "ราก" (Raak) และคลินิกเสริมความงาม "Infinity Clinic"



ระริน ธรรมวัฒนะ
แม้ว่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ ผู้ทำธุรกิจตลาดยิ่งเจริญอันโด่งดังแห่งหนึ่งของเมืองไทย แต่สาวระรินเธอกลับมาปลุกปั้นแบรนด์ไอศกรีมฝีมือคนไทย Guss Damn Good ร่วมกับเพื่อนสนิท นที จรัสสุริยงค์ ซึ่งเป็นคราฟต์ไอศกรีมที่มีคาแรกเตอร์ของตัวเองมาได้ 7 ปี จนเป็นที่ถูกอกถูกใจเหล่าไอศกรีมเลิฟเวอร์



ชยพล หลีระพันธ์
ลูกหลานตระกูลธรรมวัฒนะอีกหนึ่งคน โดยปอนด์เป็นลูกชายคนโตของ อ.มัลลิการ์ (ธรรมวัฒนะ) หลีระพันธ์ แต่เขากลับมุ่งเดินหน้าทำธุรกิจของตัวเอง ไม่ได้สนใจในธุรกิจใหญ่โตของตระกูล ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะเป็นผู้สืบทอดธุรกิจร้านอาหาร มัลลิการ์ ต่อจากคุณแม่ของเขา แต่เขากลับทำให้ธุรกิจนี้โด่งดังและเป็นที่จดจำด้วยตัวของเขาเอง ด้วยไอเดียที่สร้างสรรค์ ไม่ซ้ำใครของเขานั่นเอง



วฤธ หงสนันทน์
คุ้นหน้าคุ้นตากันดีทางหน้าจอทีวี ในบทบาทนักแสดงหนุ่ม "เป๋า-วฤธ หงสนันทน์ บุตรชายคนเล็กของ ศักดิ์ชัย หงสนันทน์ ประธานกรรมการ บริษัท สุปรีมทรัค จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถบรรทุกยี่ห้อ FAW ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ กับวิสาขา หงสนันทน์ น้องชายของพ่อหนุ่มกล้ามล่ำ ปาล์ม-ฐณส หงสนันทน์ ที่ปล่อยให้คุณพี่ชายสุดหล่อลุยธุรกิจของครอบครัวไปอย่างเต็มตัว ส่วนตัวเองหันมาเอาดีด้านการแสดงและนายแบบไปพลางๆ เพราะความที่รักทางด้านแฟชั่นและศิลปะ หล่อเลือกได้ของจริงคร่า



ฐิติกุล อยู่วิทยา
"พลอย-ฐิติกุล อยู่วิทยา" หนึ่งในทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มกระทิงแดง หลานสาวของคุณปู่เฉลียว อยู่วิทยา ที่เธอฉีกแนวมาทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร "พอว์พาลส์" นับเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของครอบครัวอย่างสิ้นเชิง แต่เป็นธุรกิจที่สาวพลอยทำเพราะใจรักอย่างแท้จริง จากพื้นฐานที่เป็นคนรักสุนัขมาก จึงอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับน้องหมา ปัจจุบันสาวพลอยทำธุรกิจในฝันของตัวเองมาได้ถึง 8 ปีแล้ว
#1903


"กิมตึ้ง" เป็นชื่อของเครื่องลายครามจีนที่นำมาจัดเป็นเครื่องโต๊ะบูชาของไทย ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในสมัยรัชกาลที่ ๕ งานใหญ่ในสมัยนั้นจะขาดการจัดประกวด "โต๊ะกิมตึ้ง" เสียมิได้ ส่วนกฎกติกาประกวดก็ถึงกับออกเป็น พ.ร.บ.ในปี ๒๔๔๔ มีชื่อว่า "พระราชบัญญัติข้อบังคับในการตัดสินเครื่องโต๊ะ รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๙" มีหลักเกณฑ์ว่า เครื่องลายครามที่นำมาจัดโต๊ะนั้นจะต้องเป็นลายเดียวกันทั้งชุด มีรูปร่างสวย เนื้อดี สีสวย ลวดลายดี และต้องเป็นของเก่าที่มีการเก็บรักษาไว้อย่างดีไม่มีบุบสลาย ทั้งต้องเป็นของที่ไม่มีใครเหมือน ความนิยมเครื่องกิมตึ้งนี้ถึงขนาดมีการเอาชื่อลายต่างๆ ซึ่งบางลายก็เป็นภาษาจีน ไปตั้งเป็นชื่อถนนที่อยู่รอบพระราชวังสวนดุสิตถึง ๑๙ สาย

เหตุที่มาของความนิยมโต๊ะกิมตึ้งได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ ๑ แล้ว ซึ่งบ้านเมืองอยู่ในช่วงว่างศึก มีความสงบร่มเย็น ศัตรูที่เข้ามารังควานตลอดนั้นได้ถูกปราบปรามจนขยาดไปแล้ว การค้าขายจึงรุ่งเรือง มีสำเภาส่งไปค้าขายกับเมืองจีนไม่ขาดสาย เริ่มแรกมีการเล่นป้านถ้วยชา มีการสะสมป้านถ้วยชาจีนยี่ห้อต่างๆ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๒ เมื่อมีการสร้างพระตำหนักสวนขวา ราชทูตไทยที่ไปเมืองจีนได้เห็นการตกแต่งวังและบ้านขุนนางด้วยเครื่องลายคราม จึงนำกลับมาใช้ตกแต่งพระตำหนักสวนขวาด้วย ทำให้พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางนิยมตามไปด้วย เริ่มมีการประกวดกัน บ้างก็ส่งลายเบญจรงค์ของไทยไปให้ช่างจีนทำ

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ ซึ่งทรงมีพระราชนิยมสร้างวัด นอกจากจะทรงใช้ถ้วยชามจีนตกแต่งวัดจอมทองหรือวัดราชโอรสาราม ที่ทรงสร้างแล้ว ยังได้จัดเครื่องโต๊ะลายครามไปถวายวัดด้วย

เมื่อได้รับความนิยมมากขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระยาโชฎึกเศรษฐี (พุก) จึงสั่งทำเครื่องโต๊ะจากเมืองจีนมาเป็นชุดสำเร็จรูป จากโรงงานยี่ห้อ "กิมตึ้งฮกกี่" เรียกกันว่า "โต๊ะกิมตึ้ง" ขายชุดละ ๒๔๐ บาท เมื่อโต๊ะกิมตึ้งมาเป็นโต๊ะโหลแบบนี้ ความนิยมโต๊ะกิมตึ้งจึงซาลง เพราะใครๆที่มีเงินก็มีได้ ไม่ต้องสะสม

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรวบรวมเครื่องถ้วยชาม "ลายผักกาด" จากสมัยรัชกาลที่ ๒ กับ "ลายมังกรห้าเล็บ" อีกโต๊ะหนึ่ง มาตั้งในงานฉลองหอสมุดวชิรญาณในปี ๒๔๓๐ บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางก็หันมานิยมโต๊ะกิมตึ้งกันอีกครั้ง จนมีการประกวดกันอย่างแพร่หลายและใหญ่โตยิ่งกว่ายุคที่ผ่านมา การจัดโต๊ะกิมตึ้งนี้ แม้จะใช้เครื่องลายครามจีนเป็นหลัก แต่ก็จัดตามความนิยมแบบไทย ไม่ได้จัดตามแบบจีน

เครื่องกิมตึ้งมาโด่งดังแรงสุด เมื่อมีการสร้างพระราชวังสวนดุสิต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯได้ทรงพระราชทานนามถนนรอบพระราชวังแห่งนี้เป็นชื่อของเครื่องกิมตึ้งทั้งหมด ๑๙ สาย แต่ในสมัยรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานนามใหม่ถนนชุดนี้ ๑๕ สาย คงชื่อเดิมไว้เพียง ๔ สาย คือ

๑. ถนนซังฮี้ จากแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานกรุงธนบุรี หรือ "สะพานซังฮี้" ไปจนถึงถนนราชปรารภ เปลี่ยนเป็น "ถนนราชวิถี"

๒. ถนนฮก จากถนนลูกหลวง ริมคลองผดุงกรุงเกษม ผ่านหน้าทำเนียบรัฐบาล ข้ามถนนพิษณุโลก มาสุดที่หน้าวัดเบญจมบพิตร เปลี่ยนเป็น "ถนนนครปฐม"

๓. ถนนลก จากถนนลูกหลวง ตรงข้ามฝั่งคลองกับทำเนียบรัฐบาล ขนานคลองเปรมประชากร จนไปบรรจบกับถนนเตชะวณิชที่สะพานแดง เปลี่ยนเป็น "ถนนพระรามที่ ๕"

๔. ถนนสิ้ว หรือ ซิ่ว จากสะพานยมราช ขนานทางรถไฟไปถึงคลองสามเสน เปลี่ยนเป็น "ถนนสวรรคโลก"

๕. ถนนดวงตะวัน จากแม่น้ำเจ้าพระยา ข้างวัดเทวราชกุญชร ข้ามถนนสามเสน ผ่านหน้าบ้านสี่เสา ไปจนถึงถนนราชปรารภ เปลี่ยนเป็น "ถนนศรีอยุธยา"

๖. ถนนดวงเดือน จากแม่น้ำเจ้าพระยาไปจดถนนสิ้ว เปลี่ยนเป็น "ถนนศุโขทัย"

๗. ถนนดวงดาว จากถนนพิษณุโลกถึงคลองสามเสน เปลี่ยนเป็น"ถนนนครราชสีมา"

๘. ถนนพุดตาน จากถนนซังฮี้ไปถึงคลองสามเสน เปลี่ยนเป็น "ถนนพิชัย"

๙. ถนนเบญจมาศ จากสะพานมัฆวานรังสรรค์ถึงพระราชวังวังสวนดุสิต เปลี่ยนเป็น "ถนนราชดำเนิน" เป็นส่วนหนึ่งของถนนราชดำเนินนอก

๑๐. ถนนประทัดทอง จากถนนประทุมวัน ผ่านถนนประแจจีนที่สี่แยกอุรุพงษ์ เลียบคลองประปาไปจนถึงถนนเตชะวณิชที่บางซื่อ ซึ่งเรียกกันเพี้ยนเป็น "บรรทัดทอง" เปลี่ยนเป็น "ถนนพระรามที่ ๖"

๑๑. ถนนส้มมือ แยกจากถนนสุโขทัยถึงคลองสามเสน เปลี่ยนเป็น "ถนนสุพรรณ"

๑๒. ถนนใบพร จากถนนสามเสนหน้าท่าวาสุกรีถึงถนนนครราชสีมาเปลี่ยนชื่อเป็น "ถนนอู่ทองนอก" กับอีกส่วนจากลานพระบรมรูป เลียบข้างพระที่นั่งอนันตสมาคม จดถนนราชวิถี เปลี่ยนเป็น "ถนนอู่ทองใน"

๑๓. ถนนคอเสื้อ จากถนนสามเสนถึงสะพานยมราช เปลี่ยนเป็น "ถนนพิษณุโลก"

๑๔. ถนนราชวัตร จากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ศรีย่าน ถึงถนนพระรามที่ ๖ เปลี่ยนเป็น "ถนนนครไชยศรี"

๑๕. ถนนประแจจีน จากสะพานยมราชตรงไปถึงสะพานเฉลิมโลก เปลี่ยนเป็น "ถนนเพชรบุรี"

ยังมีถนนที่ได้ชื่อตามเครื่องลายครามในยุคนั้น แต่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนชื่อไปด้วย คือ

"ถนนเขียวไข่กา" จากถนนสามเสนข้างโรงเรียนราชินีบนถึง "ท่าเขียวไข่กา" ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

"ถนนขาว" จากถนนซังฮี้ ขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านหลังวชิรพยาบาล มาถึงถนนสุโขทัย

"ถนนสังคโลก" จากถนนสามเสนข้างวชิรพยาบาลด้านใต้ ไปเชื่อมถนนขาว

"ถนนทับทิม" แยกจากถนนสุโขทัย คู่ขนานกับถนนส้มมือ

นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในความเป็นมาของบ้านเมืองเราก่อนจะถึงวันนี้
#1904


กระแสการเลือกใช้ยาสมุนไพรเพื่อช่วยต้านโควิด-19 มีข่าวออกมาให้เห็นกันเรื่อยๆ จากยาฟ้าทะลายโจร มาจนถึงกระชาย และล่าสุดกับ "โกฐจุฬาลัมพา" ที่ล่าสุดนี้มีข่าวออกมาว่า มีการวิจัยในขั้นต้นว่าสมุนไพรชนิดนี้ช่วยต้านโควิด-19 ได้

โดยทางเพจ BIOTHAI (มูลนิธิชีววิถี) ได้ออกให้ข้อมูลว่า มีคณะนักวิจัยจาก Columbia University และ University of Washington สหรัฐอเมริกา ได้วิจัยพบว่า "โกฐจุฬาลัมพา" สามารถต้านเชื้อโควิดได้ในห้องปฏิบัติการ ผลวิจัยดังกล่าว พบว่าสารสกัดโดยน้ำร้อนของสมุนไพรนี้มีฤทธิ์ยับยั้งโควิดได้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ของนักวิจัยในจีน และการส่งเสริมโดยประธานาธิบดีแห่งมาดากัสการ์

สารสกัดรวมของโกฐจุฬาลัมพา (โดยมีตัวอย่างหนึ่งเป็นใบแห้งมีอายุการเก็บมานานกว่า 10 ปี) มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งเชื้อโควิด ซึ่งรวมทั้งสายพันธุ์แอฟริกา และอังกฤษ โดยนักวิจัยเชื่อว่าสารที่มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งไวรัสมรณะนี้นอกจากสาร artemisinin และองค์ประกอบแล้วน่าจะมาจากการทำงานของสารอื่นๆ ในโกฐจุฬาลัมพาด้วย

ในบัญชียาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เดิม ตามประกาศของคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) มีปรากฏการใช้สมุนไพรโกฐจุฬาลัมพาในหลายตำรับ ได้แก่ ยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิตหรือยาแก้ลม ซึ่งมีปรากฏในตำรับ "ยาหอมเทพจิตร" และตำรับ "ยาหอมนวโกฐ" ที่มีส่วนประกอบของโกฐจุฬาลัมพาอยู่ในพิกัดโกฐทั้งเก้าร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ อีกในตำรับ

โดยมีสรรพคุณเป็นยาแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืดตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน และแก้ลมจุกแน่นในท้อง และในยาแก้ไข้ก็มีปรากฏในตำรับ "ยาจันทน์ลีลา" และตำรับ "ยาแก้ไข้ห้าราก" ที่มีส่วนประกอบของโกฐจุฬาลัมพาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ อีกในตำรับ โดยมีสรรพคุณเป็นยาบรรเทาอาการไข้ตัวร้อน ไข้เปลี่ยนฤดู

ทั้งนี้ งานวิจัยเกี่ยวกับโกฐจุฬาลัมพาช่วยต้านโควิด-19 ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองในห้องปฏิบัติการ การจะเลือกใช้โกฐจุฬาลัมพา เป็นยาสมุนไพรช่วยต้านโควิดจึงต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ และติดตามผลการทดลองทั้งในไทยและต่างประเทศ

ในเบื้องต้น ทาง BIOTHAI แนะนำข้อควรระวังไว้ว่า ต้นโกฐจุฬาลัมพามีทั้งพันธุ์ดอกสีขาวและดอกสีแดง มีสรรพคุณทางยาเหมือนกัน สามารถนำมาใช้แทนกันได้ นอกจากนี้ ยังมีพันธุ์ดอกสีเหลือง ชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artemisia princeps Pamp ด้วย แต่พันธุ์นี้จะมีพิษ ถ้าใช้เกินขนาดก็อาจทำให้เสียชีวิตได้

การใช้ยา ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ควรใช้ตามคำแนะนำของหมอพื้นบ้าน และแพทย์แผนไทย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อตับไต หญิงตั้งครรภ์ หรือไข้เลือดออก

https:// m.mgronline.com/travel/detail/9640000075833
#1905


กสศ. เดินหน้า Reskill – Upskill ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ผ่านทุนพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน สร้างกระบวนการให้เกิดการยกระดับความรู้ ความสามารถ ในการประกอบอาชีพตามความถนัดและศักยภาพของตนเอง

ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ประธานอนุกรรมการกำกับทิศทางโครงการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคประชาสังคม) ในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

กล่าวตอนหนึ่งในเวทีเสวนาออนไลน์ เรียนให้รู้...อยู่ให้รอด ภายใต้วิกฤตโควิด 19 บทเรียนการทำงานทุนพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 ในหัวข้อ "ทุนพัฒนาอาชีพที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน  ทางรอด ทางเลือกในยุค New Normal" เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาว่า โครงการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 หรือ ทุนพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ภายใต้การสนับสนุนของ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เริ่มดำเนินโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 2562  กสศ. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือประชากรวัยแรงงานที่เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยใช้ชุมชนเป็นฐานสร้างกระบวนการให้เกิดการยกระดับความรู้ ความสามารถ ในการประกอบอาชีพตามความถนัดและศักยภาพของตนเองให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ เพิ่มทักษะใหม่ที่จำเป็น (Reskill) เสริมทักษะใหม่ในบริบทใหม่ (Upskill) พัฒนาทักษะอาชีพรายบุคคล โดยใช้ทุนชุมชนในการพัฒนาอาชีพ

"เรากำลังเปิดพื้นที่การเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สร้างนิเวศแห่งการเรียนรู้ใหม่ การเรียนรู้รูปแบบนี้เป็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ของประเทศ ที่น่าจะเป็นคำตอบให้กับสังคมไทยได้ และที่สำคัญกำลังรอให้คนนำไปขยายผลต่อ"ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ กล่าว

ดร.สมคิด แก้วทิพย์ ผู้จัดการโครงการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 กล่าวว่า องค์ประกอบที่สำคัญของโครงการฯ นี้ คือ "ระบบการจัดการร่วม" ที่ กสศ.มี "อนุกรรมการกำกับทิศทางโครงการฯ" และจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีการทำงานร่วมกับ "พี่เลี้ยง" ที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศทำหน้าที่ กระตุ้น หนุนเสริมองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้แก่ "หน่วยพัฒนาอาชีพ" ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเข้าไปทำงานและร่วมเรียนรู้กับ "ผู้เข้าร่วมโครงการฯ" ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการฯ องค์ประกอบเหล่านี้เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดการบริหารจัดการร่วมเชิงบูรณาการบนฐานพื้นที่ ทำงานเชื่อมประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีจุดร่วมคือการนำปัญหาของพื้นที่เป็นตัวตั้ง

ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ ชี้ว่า เรากำลังสร้าง "ต้นแบบ" การพัฒนาทักษะอาชีพบนฐานทุนชุมชนในมิติใหม่ ที่ตอบโจทย์เรื่องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ด้วยการเข้าไปดูว่าเขาต้องการแก้ปัญหาอะไร ชุมชนมีต้นทุนอะไร และสุดท้ายเรานำข้อมูลมาวิเคราะห์ออกแบบเป็นหลักสูตรเฉพาะร่วมกับชุมชนที่เหมาะสม เพื่อคลี่คลายปัญหาของชุมชน

ตลอดการทำงาน 2 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดกลุ่มแรงงานนอกระบบ แรงงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นแรงงานที่มีฝีมือ จำนวน 14,414 คน จาก 194  โครงการ ใน 51 จังหวัด ครอบคลุม 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ  เกิดหลักสูตรการยกระดับการประกอบอาชีพที่ตอบโจทย์ท้องถิ่นและตลาดแรงงาน นำไปสู่การเป็นผู้ประกอบการและแรงงานที่มีฝีมือในชุมชน เกิดเครือข่ายคนทำงานรุ่นใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในการร่วมพัฒนา อีกทั้งยังเกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิชาการ สถาบันการศึกษาในการพัฒนากลไกเสริม เครื่องมือ และชุดความรู้ร่วมกับหน่วยพัฒนาอาชีพ และเกิดเป็นนวัตกรรมการพัฒนาอาชีพในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การพัฒนาส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการ การรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน และเกิดผลิตภัณฑ์ งานบริการที่ถูกยกระดับให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นผ่านการใช้เทคโนโลยีออนไลน์

"การใช้ชุมชนเป็นฐานเป็นต้นแบบหนึ่งของ กสศ. ถือเป็นมิติใหม่ของการทำงานเชิงพื้นที่ที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน โดย กสศ.เข้าไปหนุนเสริมทักษะความรู้และงบประมาณบางส่วน ทำให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นความสุขมากขึ้น ผมคิดว่ารูปแบบการทำงานแบบบนี้น่าจะเป็นทางเลือกทางรอดของประเทศได้"


ขณะที่ ดร.สมคิด กล่าวเสริมว่า ผลจากการทำโครงการ 2 ปีที่ผ่านมา วันนี้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น คือ เห็นระบบของการดึงโครงสร้างความรู้ มาร่วมปฏิบัติการในพื้นที่ เป็นระบบการศึกษาใหม่ในการพัฒนาอาชีพโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สร้างทักษะและองค์ความรู้ที่จะนำมาประกอบอาชีพให้เกิดรายได้แล้ว ความรู้ที่เกิดขึ้นยังเป็นเกราะกำบังให้คนในชุมชนเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และที่สำคัญคือ เกิดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างคนในชุมชน คือ "หาได้" และ "ให้ได้" สร้างสังคมแห่งการดูแลกันและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

ดร. สมคิด กล่าวสรุปว่า การสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการยกระดับทักษะความรู้ให้กลุ่มแรงงานสามารถประกอบอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว ถือเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุณภาพการศึกษา สังคม วัฒนธรรม ให้ค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างเข้าใจ อันจะนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในชุมชน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการลดความเลื่อมล้ำในสังคมโดยใช้ชุมชนเป็นฐานได้อย่างแท้จริง
#1906


นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ขั้นตอน (Flow Chart) การพิจารณาคำเสนอขายไฟฟ้าด้านราคาโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) ตามระเบียบ กกพ.ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) พ.ศ.2564 โดยขั้นตอนที่ 1 จะเป็นการเปิดซองคำเสนอขายไฟฟ้าด้านราคา และตรวจสอบความถุกต้องของเอกสาร สำหรับผู้ที่ยื่นขอเสนอขายไฟฟ้าที่ผ่านการพิจารณาด้านเทคนิค ขั้นตอนที่ 2 เรียงลำดับส่วนลดราคา FiTF จากมากไปหาน้อย โดยกรณีที่ผู้ยื่นคำเสนอขอขายไฟฟ้าให้ราคาส่วนลดเท่ากันจะเรียงการลำดับการยื่นข้อเสนอ

ส่วนขั้นตอนที่ 3การพิจารณาศักยภาพของระบบไฟฟ้า เป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้า ทีละรายตามลำดับส่วนลดราคา โดยไม่ยกเชื้อเพลิง ซึ่งในขั้นตอนนี้จะเป็นการพิจารณาทั้ง Feeder หลัก และ Feeder ทางเลือก ตามที่ระบุในคำขอเสนอขายไฟฟ้า ขณะที่การพิจารณาศักยภาพระบบไฟฟ้านั้น จะพิจารณาสายป้อน (Feeder) หลักและสายป้อนทางเลือก ศักยภาพหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และศักยภาพ Grid Capacity ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่เชื่อมต่อกับ Feeder นั้นๆ

โดยเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของแต่ละเชื้อเพลิง จะพิจารณาตามเป้าหมายของการรับซื้อไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งกำหนดเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล 75 เมกะวัตต์ และเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ 75 เมกะวัตต์ โดยในขั้นตอนนี้จะพิจารณาตามปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายที่ระบุในคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านราคา และปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายที่ยอมปรับลดของผู้ยื่นคำเสนอขอขายไฟฟ้าแต่ละรายด้วย

ขณะที่ขั้นตอนที่ 4 จะเป็นการพิจารณาเลือก Feeder หลัก หรือ Feeder ทางเลือกที่ผ่านการคัดเลือกตามปริมาณพลังไฟฟ้าที่เสนอขายสูงสุดที่ผ่านการคัดเลือกของแต่ละ Feeder โดยภายหลังจากการพิจารณา Feeder ดังกล่าวแล้วจะต้องนำปริมาณพลังไฟฟ้าที่ผ่านการคัดเลือกไปหักลบข้อมูลศักยภาพของระบบไฟฟ้า และปริมาณเป้าหมายพลังงานหมุนเวียนคงเหลือของแต่ละเชื้อเพลิง เพื่อนำไปใช้ในการพิจารณาในลำดับถัดไป

ทั้งนี้ผู้ที่ผ่านการพิจารณาด้านเทคนิคหรือผู้ที่สนใจสามารถเข้าดูแนวทางการพิจารณาคำเสนอขายไฟฟ้าด้านราคา รวมถึงตัวอย่างการพิจารณาคำเสนอขายไฟฟ้าด้านราคา ผ่านคลิปวีดีโอ ในช่องทางยูทูป (OERC Thai) https://youtu.be/NWNgAIMuv44 หรือรับชมในช่องทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ. (www.erc.or.th) และช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ เฟซบุ๊คเพจ (Facebook Page : สำนักงาน กกพ.) และทวิตเตอร์ (Twiter : ERC Thailand)

สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคฯ จำนวน 151 ราย และได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งผลการพิจารณา หรือภายในวันที่ 23 ก.ค.64 คณะอนุกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะพิจารณาอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน โดยผลการพิจารณาอุทธรณ์จะถูกนำเสนอคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานภายในวันที่ 25 ส.ค.64 ก่อนที่จะประกาศผู้ที่ผ่านการอุทธรณ์ต่อไป โดยผู้ที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาด้านราคาจะเป็นผู้ที่มีรายชื่อตามประกาศการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและผู้ที่ผ่านการพิจารณาอุทธรณ์เท่านั้น
#1907


ดร.แพทย์หญิงสายพิณ โขติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ ประชาชนส่วนใหญ่อยู่กับบ้าน หรือทำงานที่บ้านกันมากขึ้น จึงนิยมสั่งซื้ออาหารออนไลน์เพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2563 ที่ผ่านมา จากข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สำรวจพฤติกรรมทางออนไลน์ เรื่อง "การใช้บริการ Online Food Delivery ของคนไทย" ระหว่างวันที่ 5 – 15 มีนาคม 2563 พบว่า มีผู้ใช้บริการสั่งอาหารออนไลน์ ถึงร้อยละ 85 และอาหารที่นิยมสั่งทางออนไลน์คืออาหารจำพวกฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ เช่น ไก่ทอด เบอร์เกอร์ พิซซ่า ร้อยละ 61 รองลงมาเป็นอาหารตามสั่งร้อยละ 47 และก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารประเภทเส้น ร้อยละ 41 ส่วนอาหารสำเร็จรูปมีการสำรองกักตุนไว้ ร้อยละ 69 โดยอาหารแห้งที่ซื้อมากักตุนคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น หมูหยอง หมูแผ่น หมูทุบ ปลากระป๋อง ขนมหวาน เช่น ช็อคโกแลต เค้กคุกกี้ และ อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งตามลำดับ โดยอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดที่นิยมสั่งกันนั้น มักจะมีสารอาหารประเภทไขมันและโซเดียมสูง กินมากอาจสะสมเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนและเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ตามมาได้

1) เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของอาหารสำเร็จรูปให้มากขึ้น เช่น นำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาเพิ่มวัตถุดิบอาหารที่เสริมสร้างภูมิต้านทาน ผัก และสมุนไพร เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผัดกระเพรา หรือ ต้มยำทรงเครื่อง ปลากระป๋องห่อไข่ 

2) ลดการกินจุบ กินจิบ กินอาหารให้เป็นเวลา 

3) งดการกินอาหารมื้อดึก เพราะจะสะสมเป็นไขมันแทน ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ 

4) เคี้ยวอาหารช้า ๆ จะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วกว่า เพราะร่างกายคนเราจะเริ่มรู้สึกอิ่มเมื่อกินอาหารไปประมาณ 20 นาที และ 

5) ไม่กินทิ้งขว้าง มีวินัยในการซื้อและการกินที่ดี

"สำหรับการบริโภคอาหารของประชาชนในบางพื้นที่ที่ได้รับการช่วยเหลือจากการบริจาคขององค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน หากเป็นอาหารปรุงสำเร็จ ขอให้ผู้บริจาคเน้นย้ำสุขอนามัยในการปรุงประกอบอาหาร โดยให้เป็นอาหารที่ปรุงสุกอย่างทั่วถึง ส่วนในกรณีที่ผู้บริโภคที่ได้รับการช่วยเหลือเป็นอาหารแห้ง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ควรนำมาปรุงให้สุกก่อนกิน โดยเทอาหารใส่จานของตนเอง และไม่กินอาหารร่วมกับผู้อื่น" ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าว
 
#1908


พร้อมหรือยัง.. เปิดให้ขึ้นฟรีวันนี้ "รถไฟชานเมืองสายสีแดง" บางซื่อ-รังสิตและบางซื่อ-ตลิ่งชัน
ช่วงเช้าวันนี้ เปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการระบบ รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน (soft opening) วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2564 เวลา 9.30 น. ที่สถานีกลางบางซื่อ โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด

"รถไฟชานเมืองสายสีแดง"

การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-ตลิ่งชัน โดยจะให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

และจะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ในช่วงปลายปี 2564 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนที่ต้องการจะเดินทางจากปริมณฑล พื้นที่ชานเมืองเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร


สำหรับตารางการเดินรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง มีดังนี้

เส้นทาง บางซื่อ-รังสิต เที่ยวแรกจากบางซื่อ เริ่มเดินรถเวลา 06.00 น. ส่วนเที่ยวแรกจากรังสิต เริ่มเดินรถเวลา 06.00 น. เช่นกัน

เส้นทาง บางซื่อ-รังสิต เที่ยวสุดท้ายจากบางซื่อ เวลา 19.30 น. ส่วนสุดท้ายจากรังสิต เวลา 19.30 น.

เส้นทาง บางซื่อ-ตลิ่งชัน เที่ยวแรกจากบางซื่อ เริ่มเดินรถเวลา 06.00 น. ส่วนเที่ยวแรกจากรังสิต เริ่มเดินรถเวลา 06.06 น.

เส้นทาง บางซื่อ-ตลิ่งชัน เที่ยวสุดท้ายจากบางซื่อ เวลา 19.30 น. ส่วนสุดท้ายจากรังสิต เวลา 19.36 น.

ทั้งนี้ เฉพาะวันที่ 2 สิงหาคม 2564 จะเริ่มเดินรถ เวลา 10.30 น.
#1909


ไอบีเอ็ม วิเคราะห์เหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลที่เกิดกับองค์กรกว่า 500 แห่งทั่วโลก พบมูลค่าความเสียหายของเหตุด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังจัดการยากขึ้น เพราะองค์กรมีการปรับรูปแบบการดำเนินงานครั้งใหญ่ อีกทั้งค่าใช้จ่ายยังเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ปีที่แล้วองค์กรต่างถูกบีบให้ต้องปรับตัวและนำเทคโนโลยีมาใช้รวดเร็ว หลายบริษัทต้องให้พนักงานทำงานจากบ้าน ขณะที่องค์กร 60% ปรับงานสู่คลาวด์มากขึ้นช่วงแพร่ระบาด ผลศึกษาชี้ให้เห็นว่า ระบบซิเคียวริตี้ขององค์กรอาจยังปรับตัวตามระบบไอทีที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วไม่ทัน กลายเป็นอุปสรรครับมือเหตุข้อมูลรั่วไหลขององค์กร

รายงานมูลค่าความเสียหายของเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลประจำปี ที่ดำเนินการโดยสถาบันโพเนมอน ภายใต้การสนับสนุนและวิเคราะห์โดยไอบีเอ็ม ซีเคียวริตี้ ระบุถึงเทรนด์สำคัญ ดังนี้

ผลกระทบจากการทำงานระยะไกล จะเห็นได้ว่าการปรับโหมดสู่การทำงานระยะไกลอย่างรวดเร็ว ทำให้มูลค่าความเสียหายจากเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลสูงขึ้น เคสที่มีปัจจัยต้นเหตุมาจากการทำงานระยะไกล สร้างความเสียหายมากกว่า เคสทั่วไปที่ไม่มีปัจจัยดังกล่าวเข้ามาเกี่ยวข้องเฉลี่ยกว่า 35 ล้านบาท (มูลค่าความเสียหาย 162 ล้านบาท เทียบกับ 127 ล้านบาท) 

ความเสียหายจากข้อมูลเฮลธ์แคร์รั่วพุ่งสูง อุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงอย่างมากช่วงการแพร่ระบาด อย่างเฮลธ์แคร์ ค้าปลีก บริการ และการผลิต กระจายสินค้าอุปโภค-บริโภค ต้องเผชิญค่าใช้จ่ายจากเหตุข้อมูลรั่วเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เหตุข้อมูลรั่วในกลุ่มเฮลธ์แคร์สร้างความเสียหายมากสุด คือ 303 ล้านบาทต่อเคส ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 60 ล้านบาทต่อเคส เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ข้อมูลรับรองตัวตนของบุคคลรั่ว นำสู่ข้อมูลรั่ว ข้อมูลรับรองตัวตนของบุคคลที่ถูกขโมย คือ ต้นเหตุข้อมูลรั่วไหลที่พบมากที่สุด ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า (เช่น ชื่อ อีเมล และพาสเวิร์ด) คือ ชุดข้อมูลที่พบมากสุดในเหตุข้อมูลรั่วไหล หรือราว 44% ของเหตุที่เกิดขึ้น การที่ข้อมูลชื่อผู้ใช้และพาสเวิร์ดรั่วไปพร้อมกัน อาจนำสู่ผลที่ร้ายแรงกว่าที่คิด เพราะเป็นการเปิดช่องโจมตีในอนาคตให้กับอาชญากร

เทคโนโลยีก้าวล้ำลดมูลค่าความเสียหาย การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ซิเคียวริตี้ อนาไลติกส์ และการเข้ารหัสมาใช้ เป็นหนึ่งในสามปัจจัยหลักช่วยลดมูลค่าความเสียหายจากเหตุข้อมูลรั่วให้องค์กรได้ประมาณ 41-48 ล้านบาท เมื่อเทียบกับองค์กรที่ไม่ได้มีการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้จริงจัง 

ทั้งนี้ พบว่า องค์กรที่ใช้แนวทางไฮบริดคลาวด์มีมูลค่าเสียหายจากเหตุข้อมูลรั่ว 118 ล้านบาท น้อยกว่ากลุ่มที่ใช้พับลิกคลาวด์เป็นหลัก (157 ล้านบาท) หรือกลุ่มที่ใช้ไพรเวทคลาวด์เป็นหลัก (149 ล้านบาท)

"คริส แมคเคอร์ดี" รองประธานและกรรมการผู้จัดการ ไอบีเอ็ม ซิเคียวริตี้ กล่าวว่า มูลค่าความเสียหายจากเหตุข้อมูลรั่วไหลที่พุ่งสูงขึ้นกลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นขององค์กร ขณะที่องค์กรเองต้องปรับตัวรวดเร็ว เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ช่วงแพร่ระบาด 

"แม้มูลค่าความเสียหายจากเหตุข้อมูลรั่วไหล จะสูงเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา แต่ผลศึกษาชี้ให้เห็นแนวโน้มเชิงบวกจากการนำเทคโนโลยีซิเคียวริตี้ที่ก้าวล้ำเข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็น เอไอ ออโตเมชัน หรือ zero trust เทคโนโลยีเหล่านี้อาจนำสู่มูลค่าความเสียหายที่ลดลงในอนาคต"

หลายองค์กรปรับตัวสู่การทำงานระยะไกล และเริ่มใช้คลาวด์มากขึ้น การที่สังคมหันพึ่งการปฏิสัมพันธ์ดิจิทัลเพิ่มช่วงแพร่ระบาด รายงานชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบ องค์กรเกือบ 20% ระบุว่า การทำงานระยะไกล คือ สาเหตุของข้อมูลรั่ว ซึ่งสร้างความเสียหายให้บริษัทถึง 162 ล้านบาท (สูงกว่าเหตุข้อมูลรั่วโดยเฉลี่ย 15%)

ข้อมูลรับรองตัวตนบุคคลรั่วไหล

รายงานยังชี้ว่า 82% ของกลุ่มบุคคลที่สำรวจยอมรับว่าใช้พาสเวิร์ดเดิมซ้ำในหลายแอคเคาท์ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นต้นเหตุและผลลัพธ์หลักของเหตุข้อมูลรั่ว แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงให้กับธุรกิจต่างๆ ด้วย

ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล เกือบครึ่ง (44%) ของเหตุข้อมูลรั่วที่วิเคราะห์ เป็นต้นเหตุที่ทำให้ข้อมูลลูกค้าหลุดออกไป ไม่ว่าจะเป็นชื่อ อีเมล พาสเวิร์ด หรือแม้แต่ข้อมูลด้านสุขภาพ เหล่านี้เป็นชุดข้อมูลที่พบว่ามีการรั่วไหลมากที่สุด

ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าสร้างมูลค่าความเสียหายสูงสุด การสูญเสียข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า มีมูลค่าความเสียหายสูงกว่าข้อมูลประเภทอื่นๆ (ราว 6,000 บาทต่อรายการ เทียบกับค่าเฉลี่ย 5,300 บาทของข้อมูลประเภทอื่น)

วิธีการโจมตีที่พบมากที่สุด การเจาะระบบด้วยข้อมูลรับรองตัวตนของบุคคลที่รั่ว คือวิธีการเริ่มต้นโจมตีที่อาชญากรใช้มากที่สุด นับเป็น 20% ของเหตุข้อมูลรั่วไหลที่ศึกษา

แม้การปรับเปลี่ยนระบบไอทีช่วงแพร่ระบาดจะนำสู่มูลค่าความเสียหายจากเหตุข้อมูลรั่วที่เพิ่มขึ้น แต่องค์กรที่ระบุว่าไม่ได้ดำเนินโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น คือ กลุ่มที่เผชิญกับมูลค่าความเสียหายจากเหตุข้อมูลรั่วสูงกว่า โดยสูงกว่าองค์กรอื่นประมาณ 24.6 ล้านบาทต่อเคส (16.6%)

องค์กรที่ระบุว่าใช้แนวทางซิเคียวริตี้แบบ Zero Trust มีความพร้อมรับมือเหตุข้อมูลรั่วไหลได้ดีกว่า โดย Zero Trust เป็นแนวทางบนพื้นฐานของสมมติฐานที่ว่า ทั้งข้อมูลระบุตัวตนของผู้ใช้และตัวเน็ตเวิร์คเองอาจถูกเจาะแล้ว ดังนั้นจึงใช้เอไอและอนาไลติกส์เข้ามาทำหน้าที่รับรองการเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้ ข้อมูล และทรัพยากรต่างๆ แทน องค์กรที่ใช้กลยุทธ์ Zero Trust มีมูลค่าความเสียหายจากเหตุข้อมูลรั่วเฉลี่ย 108 ล้านบาทต่อเคส ซึ่งต่ำกว่าองค์กรที่ไม่ได้ใช้แนวทางดังกล่าวราว 58 ล้านบาท

การลงทุนพัฒนาทีมและแผนตอบสนองต่อเหตุโจมตียังเป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยลดมูลค่าความเสียหายจากเหตุข้อมูลรั่ว โดยองค์กรที่มีทีมรับมือเหตุโจมตีและมีการทดสอบแผนการรับมือ มีมูลค่าความเสียหายจากเหตุข้อมูลรั่วเฉลี่ย 106 ล้านบาท ขณะที่องค์กรที่ไม่มีทั้งทีมงานและแผนรับมือ ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายจากเหตุข้อมูลรั่วเฉลี่ย 187 ล้านบาท (ต่างกัน 54.9%)

เป็นที่น่าสังเกตุว่า ครั้งนี้ เหตุข้อมูลรั่วไหลในอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์มีมูลค่าความเสียหายสูงสุด (ราว 303 ล้านบาทต่อเคส) ตามด้วยอุตสาหกรรมการเงิน (188 ล้านบาท) และเภสัชกรรม (165 ล้านบาท) โดยแม้กลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีก สื่อ บริการ และภาครัฐ จะมีมูลค่าความเสียหายต่ำกว่า แต่ถือว่ามีมูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
#1910


รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า โครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายใน จ.ภูเก็ต แบบไม่กักตัวช่วง 1 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1-31 ก.ค.ที่ผ่านมา จำนวนสะสมรวม 14,055 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 14,022 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อ 32 คน แบ่งเป็นการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งที่ 1 จำนวน 15 คน ครั้งที่ 2 จำนวน 7 คน และครั้งที่ 3 จำนวน 3 คน ผู้สัมผัสและเสี่ยงสูงตรวจพบอีก 7 คน ส่วนรอผลตรวจมีจำนวน 1 คน

และเมื่อดูเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยววานนี้ (31 ก.ค.) เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จำนวน 773 คน จาก 7 เที่ยวบิน ได้แก่ การบินไทย 3 เที่ยวบิน, กาตาร์แอร์เวย์ส 1 เที่ยวบิน, เอมิเรตส์ 1 เที่ยวบิน และสิงคโปร์แอร์ไลน์ 2 เที่ยวบิน โดยไม่พบผู้ติดเชื้อ 772 คน รอผลตรวจ 1 คน ขณะที่สถิติผู้ติดเชื้อใหม่รายวันของ จ.ภูเก็ต วานนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 41 คน แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 39 คน และต่างประเทศอีก 2 คน

สำหรับยอดการจองโรงแรมในภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ล่าสุดพบว่าในช่วงไตรมาส 3 ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.นี้ มีจำนวน 309,719 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 190,843 คืน เดือน ส.ค. 109,694 คืน และเดือน ก.ย. 9,182 คืน ส่วนช่วงไฮซีซั่นเดือน ต.ค.2564-ก.พ.2565 มีจำนวน 6,857 คืน ทำให้ยอดจองโรงแรมตั้งแต่เดือน ก.ค.2564-ก.พ.2565 มีจำนวนรวม 318,901 คืน

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952243
#1911
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 
#1912



นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานการเตรียมส่งออกข้าวไทยจำนวน 44,000 ตัน ไปยังอิรักเป็นครั้งแรก ในรอบ 7 ปี เรียกคืนความเชื่อมั่นข้าวไทยในตลาดอิรัก โดยรัฐบาลพร้อมผลักดันภาคเอกชน และผู้ส่งออกไทย เปิดตลาดข้าวไทยในประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติมจาก 3 ตลาดหลัก ได้แก่ ตลาดพรีเมียม ตลาดทั่วไป และตลาดเฉพาะ ซึ่งการส่งออกข้าวไปอิรักครั้งนี้ ยังจะส่งผลดีแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวอีกด้วย

โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ข้าวขาว 100% ของไทยจำนวน 44,000 ตัน ซึ่งจะส่งออกไปในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ ถือเป็นข้าวไทยล็อตแรกที่ถูกส่งออกไปยังตลาดอิรักในรอบ 7 ปี หลังจากที่อิรักได้ระงับการนำเข้าข้าวจากไทย ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้ ผู้ส่งออกไทยจะสามารถส่งออกข้าวไทยไปยังอิรักได้ต่อเนื่อง รวมทั้งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้ผู้ส่งออกไทยทำการตลาดสินค้าเกษตรไทยในประเทศเอเชีย ตะวันออกกลาง และภูมิภาคอื่นๆอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์เร่งประชาสัมพันธ์ข้าวและสินค้าเกษตรไทย เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดโลก ทดแทนความต้องการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจและวิกฤตโควิด-19

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952147
#1913


แม่ค้าอุทัยธานี บ่นลอตเตอรี่เหลือเพียบ หลัง "โควิด-19" แพร่ระบาด ทำบรรดานักเสี่ยงโชคประหยัดเงินมากขึ้น บางร้านต้องปรับแผนรับสลากกินแบ่งมาน้อยลง

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในอำเภอเมืองอุทัยธานี บรรดาแม่ค้าต่างบ่นกันอุบ เพราะตั้งแต่เปิดแผงจำหน่ายในตอนเช้านั้นไม่คึกคักมาหลายงวดแล้ว

จากการสอบถาม แม่ค้าสลากกินแบ่งนั้น เผยว่า ลอตเตอรี่เหลือทุกงวด ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้บรรดาแม่ค้านั้นจำต้องแบกรับภาระไว้เอง เนื่องจากลอตเตอรี่เหลือเพราะประชาชนนั้นต่างแตกตื่นกับโควิดเป็นอย่างมากที่เพิ่มขึ้นทุกวันและอย่างต่อเนื่องจึงต้องใช้เงินอย่างประหยัด


ขณะที่แม่ค้าบางราย เตรียบรับสถานการณ์ไว้คือนำลอตเตอรี่มาขายลดลง เพราะงวดที่ผ่านมาขายไม่ได้เช่นกัน จึงต้องรับมาน้อยลง ถึงแม้จะได้กำไรน้อยแต่ก็ต้องจำทนกันไป ทำได้แค่เฝ้ารอให้สถานการณ์ดีขึ้น.

https:// www.thairath.co.th/lottery/news/2154506
#1914
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 
#1915


เรียกว่าชวนเหล่าแขกรับเชิญที่สลัดคราบนักร้องมาแข่งขันหาคู่รักตัวจริงโดยเฉพาะใน "รายการ Couple or not? คู่ไหน...ใช่เลย" ทั้ง "ซีดี–กันต์ธีร์" นักเต้นเท้าไฟ และ "แกรนด์–กรณ์ภัสสร" สาวแซ่บสุดเซ็กซี่ตัวแม่ ต้องมาประชันกับ "ว่าน–ธนกฤต" ควงศิลปินในค่าย "น้องแซนดี้–ญาณิศา" นักร้องสาวน้อยเสียงหวานวัย 13 ปี ที่ส่งเพลงแรก "สวัสดีความรัก" มาทักทาย

งานนี้พิธีกรฝีปากฮา "ต้นหอม–ศกุนตลา, นุ้ย–ธนวัฒน์" ขอซอกแซกถึงการมาคู่กันของ แกรนด์–ซีดี ที่มาครั้งนี้เตรียมมีโปรเจกต์อะไรหรือเปล่า

แกรนด์ เผยว่า "ใช่แล้วค่ะ กำลังจะมีผลงานใหม่ออกมาให้ได้ชมกันหลังจากที่แกรนด์ห่างหายการทำเพลงไปประมาณ 6-7 ปี ซึ่งตอนนี้กำลังจะกลับมาทำเพลงให้ทุกคนหายคิดถึงแล้ว โดยมีน้องชายสุดที่รักอย่าง ซีดี ที่เราทั้งแต่งเพลงและฟีเจอริงกัน บอกได้เลยว่างานนี้ยังคงแดนซ์กันกระจายเหมือนเดิม จะเป็นเมื่อไรต้องรอติดตามชมกันนะคะ"

ส่วนเกมการแข่งขันรับประกันความมันส์ ลุ้นกันว่าระหว่าง "แกรนด์–ซีดี" และ "ว่าน–แซนดี้" คู่ไหนจะเข้ารอบแจ็กพอตคว้าเงินสะสมไปได้ วันอาทิตย์ที่ 1 ส.ค.นี้ เวลา 16.00 น. ทางช่อง 3HD.
#1916



"ตับ" เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีหน้าที่สำคัญหลายประการ เช่น เป็นแหล่งสะสมพลังงาน สารอาหาร และวิตามินต่างๆ ควบคุมระบบเผาผลาญของร่างกาย สร้างน้ำดีเพื่อช่วยย่อยและดูดซึมอาหารประเภทไขมัน สร้างโปรตีนช่วยการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ตับยังมีหน้าที่ขจัดยาหรือสารพิษออกจากร่างกาย และทำลายเชื้อโรคที่ผ่านมาทางกระแสเลือดอีกด้วย ซึ่งหากตับเกิดความผิดปกติเรื้อรัง เช่น การอักเสบหรือผังผืด ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อาจตามมาด้วยการเป็นโรคตับแข็ง หรือตับวายเรื้อรัง และเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้

ในปัจจุบันมีการรักษาโรคตับแข็ง หรือตับวายเรื้อรัง โดยการปลูกถ่ายตับ ทำให้ผู้ป่วยสามารถหายขาดและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ซึ่งบทความ "ศุกร์สุขภาพ" สัปดาห์นี้จะกล่าวถึงเฉพาะการปลูกถ่ายตับในเด็กเท่านั้น

สาเหตุที่ทำให้เด็กต้องได้รับการปลูกถ่ายตับ

สาเหตุของ โรคตับแข็ง หรือตับวายเรื้อรัง ที่ทำให้เด็กต้องได้รับการปลูกถ่ายตับมากที่สุดคือ โรคท่อน้ำดีตีบตันแต่กำเนิด โดยเด็กจะเริ่มมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ตั้งแต่อายุ 1-2 เดือน และมีอุจจาระสีซีด แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคจากการตรวจเลือด อัลตราซาวนด์และฉีดสารทึบรังสีบริเวณท่อน้ำดี

หลังจากที่ได้รับการวินิจฉัยว่าโรคท่อน้ำดีตีบตันแต่กำเนิด คนไข้จะได้รับการผ่าตัดแก้ไขทางเดินน้ำดีก่อน ซึ่งควรทำในอายุไม่เกิน 2 เดือน จึงจะให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหากบางรายที่การผ่าตัดไม่ได้ผล หรือวินิจฉัยช้า จะส่งผลให้เด็กเป็นโรคตับแข็งตามมา และจะต้องปลูกถ่ายตับภายในอายุ 2-3 ปี ไม่เช่นนั้นเด็กจะเสียชีวิต ซึ่งในอดีตมีเด็กจำนวนหนึ่งต้องเสียชีวิตจากภาวะตับแข็ง เนื่องจากยังไม่มีการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ

ภาวะหรือโรคอื่นๆ ที่พบไม่บ่อย แต่อาจเป็นสาเหตุทำให้เด็กต้องได้รับการปลูกถ่ายตับได้ เช่น ภาวะตับวายเฉียบพลัน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เด็กจะมาด้วยอาการตัวเหลือง ซึมลง มีเลือดออกผิดปกติ หลังจากที่ให้การรักษาแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องได้รับปลูกถ่ายตับ เพื่อการรักษาที่หายขาด โรคตับที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นต้น


การปลูกถ่ายตับ เป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อน ต้องอาศัยทีมสหสาขาวิชาในการประเมินและการดูแลรักษาผู้ป่วย และผู้บริจาค อาทิ เช่น ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะ กุมารศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ อายุรแพทย์และกุมารแพทย์โรคทางเดินอาหารและตับ พยาบาลประสานงาน นักสังคมสงเคราะห์ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบัน ผลลัพธ์ของการปลูกถ่ายตับในเด็กอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว

ขั้นตอนการปลูกถ่ายตับเป็นอย่างไร

ตับบริจาคได้มาจากไหน?

การบริจาคตับ ได้มาจากผู้บริจาค 2 ประเภท ได้แก่ ผู้บริจาคอวัยวะสมองตาย คือผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายโดยแจ้งผ่านทางสภากาชาดไทยและมีการกระจายให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ที่ลงทะเบียนปลูกถ่ายอวัยวะไว้ตามความเหมาะสม อย่างเป็นธรรม และอีกประเภท คือ ผู้บริจาคที่มีชีวิต ซึ่งเป็นญาติทางสายเลือดกับคนไข้

ในประเทศไทยผู้บริจาคอวัยวะสมองตาย ยังมีจำนวนไม่มากนัก และขนาดของตับมักจะไม่เหมาะกับขนาดตัวของเด็ก เพราะการปลูกถ่ายตับมักจะทำในเด็กอายุประมาณ 1-2 ปี ดังนั้นการปลูกถ่ายตับเด็กในประเทศไทยส่วนมากจะใช้ตับจากผู้บริจาคที่มีชีวิต ซึ่งเป็นพ่อหรือแม่ หรือญาติทางสายเลือดที่มีกรุ๊ปเลือดเข้ากันได้กับคนไข้

ใครที่บริจาคตับได้บ้าง?

ในการรับตับจากผู้บริจาคที่มีชีวิต ความปลอดภัยของผู้บริจาคมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง แพทย์จึงจะประเมินผู้บริจาคอย่างละเอียด โดยผู้บริจาคต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ทั้งนี้แพทย์จะประเมินความพร้อมของร่างกาย โดยการตรวจเลือด และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หลังจากนั้นจะวางแผนการผ่าตัดแบ่งตับในขนาดที่เหมาะสมกับคนไข้ และไม่เป็นอันตรายต่อตัวผู้บริจาค รวมทั้งมีจิตแพทย์ร่วมประเมินภาวะของจิตใจว่าผู้บริจาคมีความพร้อมหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องประเมินความพร้อมของครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยหลังจากปลูกถ่ายตับเรียบร้อยแล้ว


ระหว่างการผ่าตัด

ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเอาส่วนหนึ่งของตับจากผู้บริจาคที่มีชีวิต (หรือตับทั้งหมด ในกรณีที่ได้ตับจากผู้บริจาคสมองตาย) มาใส่ให้กับผู้ป่วย โดยการนำตับเก่าของคนไข้ออก แล้วจึงผ่าตัดตับที่ได้รับบริจาคจากผู้บริจาคเข้าไปทดแทนตับเดิม โดยเย็บต่อเส้นเลือดและท่อน้ำดีเข้าด้วยกัน

สัปดาห์หน้ายังมีเรื่องราวน่ารู้ของการดูแลผู้ป่วยที่ผ่าตัดปลูกถ่ายตับเรียบร้อยแล้ว ข้อควรระวัง และสิทธิ์การผ่าตัดรักษาด้วยการปลูกถ่ายตับในเด็ก รอติดตามกันนะคะ

@@@@@@@

แหล่งข้อมูล

ผศ.พญ.ฉัตต์มณี เลิศอุดมผลวณิช ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
#1917



ปังตั้งแต่เริ่มจริงๆ สำหรับค่ายดัง genie records ที่ขอรัวกลองต้อนรับวงร็อกน้องใหม่ "BOMB AT TRACK" (บอมบ์ แอท แทร็ค) เข้าสู่บ้านหลังใหญ่ ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน เต้-วงศกร เตมายัง (นักร้องนำ), เมษ-ภควรรษ ประเสริฐศักดิ์ (กีตาร์), ปุ้ย-ปราชญานนท์ ยุงกลาง (กีตาร์), ข้น-ศาสตร์ พรมุณีสุนทร (เบส) และ นิล-สิรภพ เลิศชวลิต (กลอง) หลังโดนกระชากหน้ากากเผยโฉมว่าเป็นมือดีที่บุกอาละวาดห้องทำงานป๋าเต็ด ไปในวันครบรอบ 5 ปี ของวง เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา 

งานนี้เปิดฉากแนะนำตัวอย่างเป็นทางการด้วยการปล่อยเพลงและมิวสิกวิดีโอสุดแสบ "บ้ายอ" เพื่อให้เห็นถึงตัวตนที่มาพร้อมกับอาวุธทางดนตรีสไตล์ RAP METAL แถมยังแสดงฝีมือแต่งเนื้อเพลงทั้งหมดเองอีกด้วย นับเป็นวงร็อกวัยรุ่นเลือดใหม่ที่น่าจับตามองของยุคนี้เลยทีเดียว


เต้-วงศกร นักร้องนำของวงได้พูดถึงแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงว่า "ผมนึกถึงสถานการณ์ที่คนผู้น้อยคอยประจบเจ้านายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ คำว่าบ้ายอมันเลยผุดขึ้นมาในใจผมครับ ผมจึงตั้งใจหยิบประเด็นนี้มาต่อยอดเป็นเพลงบ้ายอซึ่งเพลงก็จะพูดถึงคนที่มีอำนาจ มีพวกพ้องไว้คอยสรรเสริญเยินยอและเรียกใช้จนลืมตัว จนเป็นต้นตอของปัญหาที่ตามมาอีกมากมาย ทั้งเนื้อร้อง ทำนอง และดนตรีเพลงนี้ ถูกขึ้นโครงไปพร้อมๆกัน จากโจทย์ของวงที่อยากได้ซาวด์ที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากอัลบั้มที่เราเคยทำ"


"นอกจากนี้เรายังได้ พี่มิน-ศิวโรจน์ จิตตนิยมพาณิชย์ (Minerva Recording Studios) มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ และได้ Ted Jensen (Sterling Sound) Mastering Engineer ที่เคยทำงานให้กับ Green Day, Madonna และศิลปินระดับโลกอีกหลายคน มาจบขั้นตอน Mastering ให้วงของพวกเรา จนในที่สุดวง BOMB AT TRACK ก็ได้ซาวด์ดนตรีที่มีความเปลี่ยนแปลงและมีเอกลักษณ์เฉพาะวงของเราชัดเจนยิ่งขึ้น แต่อุดมการณ์ในการทำเพลงของพวกเรายังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือพัฒนาการทางดนตรีที่จะเข้มข้นกว่าเดิมครับผม ยังไงก็ฝากแฟนๆ ติดตามผลงานของพวกเราด้วยครับทาง genie records ทุกช่องทางครับ"
 
#1918



ปังไม่หยุด! "Pop Smoke" ปล่อย MV "Demeanor" ได้ "Dua Lipa" ป็อปสตาร์สาว โดดร่วมแจม รับประกันคุณภาพ สวยงามทั้งภาพ MV และเพลงคุณภาพจัดเต็ม แน่นอน!!



หลังจาก "Pop Smoke" ได้ปล่อยอัลบั้ม "FAITH" มาให้แฟนๆได้ฟังกันไปเรียบร้อย วันนี้ทางสังกัดได้ส่ง MV "Demeanor" ที่ได้ป็อปสตาร์สาวอย่าง "Dua Lipa" มาร่วมแจม ตามมาให้แฟนๆได้รับชมกัน ซึ่ง "Dua Lipa" นั้น ได้ปรากฎตัวใน MV ในลุคของขุนนางชนชั้นสูงสวยสง่าในปาร์ตี้มือเย็นในพระราชวัง พร้อมกับซีนของ "Pop Smoke" บอกเลยว่า MV อลังการงานสร้างมาก ทำเอาแฟนเพลงอยากหลุดเข้าไปในซีน MV เลยทีเดียว

"Dua Lipa" ได้กล่าวไว้ว่า "ฉันดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในเพลงนี้ เพื่อเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ในฐานะศิลปินของ "Pop Smoke" ครั้งหนึ่ง" เมื่อ "Steven Victor"จากค่ายของ "Pop Smoke" ได้โชว์วิดีโอที่ "Pop Smoke" เต้นในเพลง "One Kiss'"และบอกว่าเขาชอบเพลงของฉันมากแค่ไหน และฉันหวังว่าทุกคนจะชอบ MV นี้



สำหรับ MV เพลง "Demeanor" ได้ผู้กำกับมากความสามารถอย่าง "Nabil" มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานสุดอลังการได้อย่างไร้ที่ติ โดย "Nabil" ได้กล่าวว่า "ฉันรู้สึกดีใจและตื่นแต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับ Pop Smokeและเป้าหมายของฉันคือการสร้างฉากเทพนิยายที่ไร้กาลเวลา และฉันหวังว่ามันจะได้รับการตอบรับที่ดีตลอดไป"

ซึ่ง MV เพลงนี้ได้ปล่อยหลังจากที่อัลบั้ม "FAITH" ได้อยู่อันดับที่ 1 บน "Billboard 200 Chart" ซึ่งเป็นอัลบั้มที่สองของเขาที่ได้ขึ้นอันดับ 1 ทันทีหลังจากที่อัลบั้ม "Shoot For The Stars Aim For The Moon" และหลังจากปล่อยอัลบั้ม "FAITH" ไปได้ไม่นาน ก็ทำให้อัลบั้ม "Shoot For The Stars Aim For The Moon" ได้ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 9 บน "Billboard Chart" ซึ่งรวมเวลาทั้งหมดที่อยู่บน Top 10 ในชาร์ตกว่า 47 สัปดาห์



และนอกจากนี้ก็ยังมี ซิงเกิลที่ 3 จากอัลบั้ม "FAITH" ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอย่าง "COUPE" ให้แฟนๆได้ติดตามกัน โดย MVเพลงนี้ จะประกอบไปด้วยภาพการแข่งขันบาสเก็ตบอล ประจำปีครั้งที่ 2 ของ "Pop Smoke Day" ที่ Seaview Park ใน Canarsie,Blooklyn ที่ Victor Victor Worldwide และ Shoot For The Stars Foundation เป็นเจ้าภาพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อีกด้วย

สามารถชมวิดีโอ "Pop Smoke" เต้นเพลง "One Kiss" ได้ที่ : https:// www.youtube.com/watch?v=IMr5KeuKI14&t=3s

สามารถรับชมและฟังเพลง "Demeanor" ได้ที่ : https:// www.youtube.com/watch?v=UBjTdLGV8L0

สามารถชมและรับฟังเพลง "COUPE" ได้ที่ : https:// www.youtube.com/watch?v=AzQJO6AyfaQ&t=9s
#1919



ออปโป้ แบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำ คว้าตัว "เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ" ฮีโร่เหรียญทองจากกีฬาเทควันโด Tokyo Olympic 2020 เข้าเป็นสมาชิกคนล่าสุดใน OPPO Family เพื่อร่วมส่งต่อแรงบันดาลใจในการพัฒนาศักยภาพของตนเองสู่การเป็นเบอร์หนึ่งของโลกและพร้อมเอาชนะทุกอุปสรรค เพื่อมอบความหวังและสร้างรอยยิ้มให้คนไทยด้วยพลังแห่งกีฬาท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้

ชานนท์ จิรายุกุล ประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายบริหาร ออปโป้ ประเทศไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ออปโป้ได้มีโอกาสต้อนรับน้องเทนนิส ฮีโร่คนล่าสุดของคนไทย เข้าสู่ครอบครัวออปโป้

ออปโป้พร้อมสนับสนุนและร่วมเดินเคียงข้างในทุกก้าวของการเติบโตของน้องเทนนิสตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยน้องเทนนิสจะเข้ามารับบทบาทเป็นสมาชิกใหม่ของ OPPO Family เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเป้าหมาย และพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อทลายทุกอุปสรรคที่ขวางกั้นสู่การพิชิตทุกเป้าหมาย

เตรียมพบกับอีกหนึ่งบทบาทของ "เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ" ในฐานะ OPPO Family คนล่าสุดของออปโป้ได้เร็วๆ นี้
#1920
ไอดินไทย เครื่องประดับดินปั้น ด้วยอินสไปเรชั่นทำเครื่องประดับดินปั้นมาจากความชื่นชมที่มีต่อละครมนต์รักลูกทุ่งและก็แฟชั่นการแต่งกายยุคนั้น





ทำให้คุณพัชร์ชิสา ไชยวีรวัฒน์ เกิดความคิดในการทำเครื่องประดับร่วมกับการเรียนปั้นดินไทยของชุมชนระแหง จังหวัดตาก จนเกิดเป็นเครื่องประดับดินปั้นที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วมากกว่า 10 ปี





ซึ่งตัววัสดุนั้นเป็นดินไทยที่ผสมกับดินท้องถิ่นของจังหวัดตาก มีความงามผสมความเป็นไทย สีสันสดใส ความเป็นธรรมชาติแล้วก็นอกจากนั้นทุกผลิตภัณฑ์มีรอยนิ้วมือจากการปั้น โดยไม่ใช้เครื่องจักร แสดงให้เห็นถึงงานฝีมืออย่างแท้จริง