• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - fairya

#9496


คิมี ไรโคเนน สุดยอดนักขับจอมเก๋าชาวฟินแลนด์ ประกาศรีไทร์จากวงการฟอร์มูล่า วัน อย่างเป็นทางการหลังสิ้นสุดฤดูกาล 2021

นักขับวัย 41 ปี ก้าวขึ้นมาในวงการรถสูตรหนึ่งตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน เปิดตัวครั้งแรกในออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ปี 2001 กับทีมเซาเบอร์ และขับเคี่ยวเป็นคู่แข่งกับ มิคาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานนักขับชาวเยอรมันในช่วงหนึ่ง ก่อนจะย้ายมาคว้าแชมป์โลกกับ เฟอร์รารี เมื่อปี 2017 โดยปัจจุบันเขาสังกัดทีมอัลฟา โรมิโอ ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาเมื่อจบฤดูกาลนี้

'นี่จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของผมในฟอร์มูล่า วัน ผมตัดสินใจเรื่องนี้มาตั้งแต่ฤดูหนาวที่ผ่านมา มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย แต่หลังจากฤดูกาลนี้มันก็ถึงเวลาสำหรับสิ่งใหม่ๆ' ไรโคเนน เริ่มกล่าวผ่านอินสตาแกรม ส่วนตัว

'แม้ว่าฤดูกาลจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ผมก็ต้องการที่จะตอบคุณครอบครัวของผม ทุกทีมที่เคยร่วมงาน ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนักแข่งรถของผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนๆ ที่ยอดเยี่ยมทุกคน ที่คอยให้กำลังใจผมเสมอมา'

'ฟอร์มูล่า วัน อาจจะจบลงสำหรับผม แต่ชีวิตของผมยังต้องการสัมผัสกับอะไรใหม่ๆหลังจากนี้ ผมต้องการประสบการณ์อื่นๆ และสนุกไปกับมัน แล้วพบกันใหม่' ยอดนักขับชาวฟินแลนด์ ทิ้งท้าย

สำหรับ คิมี ไรโคเนน เดบิวต์ในฟอร์มูล่า วัน กับทีมเซาเบอร์ในปีแรก ก่อนจะย้ายมาร่วมทีมแม็คลาเรน ซึ่งเขาใช้เวลาอยู่กับทีมนี้ถึง 5 ปีเต็ม ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ เฟอร์รารี และคว้าแชมป์โลกในปี 2017

ตลอดการแข่งขันฟอร์มูล่า วัน 344 รายการ เขาคว้าชัยไปทั้งหมด 21 ครั้ง ขึ้นโพเดียม 103 ครั้ง และคว้าโพล โพซิชั่น ได้ 18 ครั้ง โดยในฤดูกาล 2021 ยังเหลืออีก 10 รายการให้เขาได้ลงชิงชัย
#9497


คณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ เห็นชอบ การเตรียมเปิดประเทศพื้นที่ท่องเที่ยว เพิ่มเติมอีก 4 จังหวัด ตามที่รัฐบาลได้มีการประกาศไว้ รองรับการเปิดประเทศ "ศูนย์กลางการผลิตวัคซีน-ศูนย์กลางการส่งเสริมสุขภาพ-ศูนย์กลางสมุนไพร" เตรียมจัดงานมหกรรมสินค้าและบริการสุขภาพ "Thailand International Health Expo 2022" ระหว่างวันที่ 20 – 23 ม.ค.2565 และการเป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Expo ระดับโลก

วันนี้ (1 ก.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) ครั้งที่ 2/2564 ร่วมกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผ่านระบบวิดีโอทางไกล โดยมีนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

ดร.สาธิตกล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ 5 เรื่อง ได้แก่ 1.แนวทางและมาตรการในการเปิดประเทศภายใน 120 วันตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, พัทยา, หัวหิน และพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องเพิ่มเติม ได้แก่ เชียงคาน จ.เลย และ จ.หนองคาย รวมถึงพื้นที่เกาะกูด เกาะช้าง จ.ตราด และเกาะเสม็ด จ.ระยอง ในรูปแบบ bubble and seal route และมอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยบรรจุในแผน เปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยว เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

2.ผลักดันให้มีการผลิตวัคซีนทั้ง 4 ชนิด เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตวัคซีนของประเทศไทย ได้แก่ วัคซีน ChulaCov19 โดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,วัคซีนใบยา โดยบริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด, วัคซีนโควิด 19 HXP - GPO Vac โดยองค์การเภสัชกรรม และวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) แบบพ่นจมูก โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โดยเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ และให้ อย.ลดระยะเวลาการขึ้นทะเบียนอนุญาต

3.เห็นชอบแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์ ในงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนเมษายน – ตุลาคม 2568 ในการเข้าร่วมการจัดศาลาไทยในธีม การส่งเสริมสุขภาพทุกช่วงวัย รวมทั้งเป็นการเฉลิมฉลองเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย และญี่ปุ่น ตลอดจนให้ประเทศไทยเข้าร่วมประมูลสิทธิ์ในการจัดนิทรรศการนานาชาติเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialized Expo 2028 เดือนสิงหาคม-ตุลาคม ปี 2571 ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและส่งเสริมสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ 4.การพัฒนา Wellness Hub ของประเทศไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานนวดไทยและสปาไทยในลักษณะ Wellness ให้มีมาตรฐานระดับนานาชาติ โดยประสานงานกับสมาคม/ สมาพันธ์/ ชมรม ในประเทศไทย เชื่อมโยงการทำงานร่วมกับสมาพันธ์โลกนวดไทย & สปา และจัดทำโครงการบูรณาการร่วมกันทุกกระทรวง และ 5.เปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพรองรับการเป็นศูนย์กลางสมุนไพรโลก นำผลิตภัณฑ์กัญชา และสมุนไพรต้านโควิด 19 มาจำหน่ายในเส้นทางการท่องเที่ยวนำร่องใน 4 เส้นทาง รวม 9 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี สกลนคร นครพนม หนองคาย เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬนครราชสีมา ปราจีนบุรี (อภัยภูเบศร) และบุรีรัมย์ (โนนมาลัยโมเดล)

ด้านนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงานมหกรรมสินค้าและบริการสุขภาพ "Thailand International Health Expo 2022" ระหว่างวันที่ 20 – 23 มกราคม 2565 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ในรูปแบบ HYBRID EXPO ในรูปแบบ Onsite และ Online ภายใต้แนวคิดหลัก "สร้างสุขภาพ เสริมเศรษฐกิจ เพื่อคุณภาพชีวิตประชาชน" ภายในงานประกอบด้วย 6 โซน คือ โซนนิทรรศการแสดงศักยภาพของไทย โซนแสดงนิทรรศการและสินค้า โซนบริการฉีดวัคซีน โซนบริการประชาชน ให้บริการเบ็ดเสร็จจุดเดียว เช่น การยื่นขออนุญาตสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจากหน่วยบริการรัฐและเอกชน บริการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน/ แพทย์แผนไทย/ แพทย์แผนจีน ตรวจสุขภาพ นวดสปา เป็นต้น โซนจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และโซนการประชุมสัมมนา บรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลก คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมทั้งชาวไทยและต่างชาติ ประมาณ 50,000 คน
#9499
ทาวเวอร์เบียร์ ราคาถูก!!!!!
#9500
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 

#9502
มาหาเงินออนไลน์แบบง่ายๆ กับ 3 ธุรกิจมาแรง 

1.ธุรกิจโทรคมนาคม
https://training.simk4.com/vsp?id=0976510999

2.ธุรกิจรับส่งพัสดุ
https://www.allexpress.app/register?referrerCode=j69j9zhx]

3.ธุรกิจทำเวบไซต์
https://www.iswebgroup.com/2135

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากเพจ
https://www.facebook.com/dmalld






























#9504


จากข้อมูลด้านระบาดวิทยาและการติดเชื้อของโรคโควิด-19 ณ วันที่ 29 ส.ค.64 พบผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้ว จำนวนกว่า 212 ล้านราย และผู้เสียชีวิตกว่า 4 ล้านราย ซึ่งแม้ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา และหลายประเทศในยุโรป ที่มีระบบจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพก็ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ดี หรือในประเทศที่มีแนวโน้มการระบาดของโรคลดลงแต่ยังมีการระบาดซ้ำต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพ และการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน รวมไปถึงการขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์ และระบบสุขภาพในภาพรวม

ดร.จุไรรัตน์ พรหมใจ ผู้จัดการงานวิจัย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า "จากปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ที่ส่งผลกระทบไปทุกมิติทั่วโลก จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาค้นคว้าวิจัยในเรื่องนี้อีกมากและอย่างเร่งด่วน สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จึงได้สนับสนุนทุนโครงการ "การศึกษาโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) : งานวิจัยไวรัสวิทยา การศึกษาข้อมูลการตรวจวินิจฉัย การรักษา และการพัฒนาวัคซีน" โดยทีมวิจัยจากภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา, สถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และหน่วยชีวสารสนเทศและการจัดการข้อมูลวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อทบทวน และสรุป องค์ความรู้ที่เกี่ยวกับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 จากงานวิชาการหลากหลายแหล่งในระดับชาติและนานาชาติ ตลอดจนการรวบรวมความคิดเห็นของนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในระดับประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนางานวิจัยสร้างองค์ความรู้เชิงโนบายสาธารณและนวัตกรรมเพื่อการแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ในประเทศไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป" 



ผศ.ดร.ไตรวิทย์ รัตนโรจนพงศ์ นักวิจัยเครือข่าย สวรส. สังกัดภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวถึงงานวิจัยเรื่องนี้ว่า ทีมวิจัยได้รวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติทางชีววิทยา การรักษาป้องกัน และการตรวจวินิจฉัยเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จากข้อมูลวิชาการและรายงานจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือที่มีในปัจจุบัน ทั้งงานวิจัยที่มีการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการนานาชาติและระดับชาติ มาสรุปในโครงการศึกษาฯ ดังกล่าว ซึ่งมีประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น วิวัฒนาการระดับโมเลกุลและจีโนไทป์ของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งมีรายงานผลการศึกษาระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าในอดีตที่ผ่านมา เช่น โรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือซาร์ส (SARS-CoV) และโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS-CoV) ล้วนชี้ให้เห็นว่า ไวรัสเหล่านี้มีศักยภาพสูงในการติดและแพร่กระจายเชื้อไปได้ในวงกว้าง ซึ่งพบว่าการกลายพันธุ์ในจีโนมหรือพันธุกรรมของเชื้อที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงลำดับกรดอะมิโนหรือที่เราเรียกว่า nonsynonymous substitution มีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งต่อความสามารถในการติดและแพร่กระจายตัวของเชื้อ ในกรณีของการกลายพันธุ์ในส่วนของโปรตีน Spike ของเชื้อไวรัสโคโรน่านั้น จะมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มศักยภาพให้เชื้อไวรัสสามารถเปลี่ยนไปติดเชื้อในสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ได้ และยังพบด้วยว่าการกลายพันธุ์เพียงกรดอะมิโนเดียว ก็ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการทำลายเซลล์ของผู้รับเชื้ออีกด้วย 



แต่เนื่องจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 เป็นเชื้อไวรัสอุบัติใหม่ ที่รู้จักเมื่อปลายปี 2562 ดังนั้นจึงมีการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงวิวัฒนาการระดับโมเลกุล เพื่อค้นหาแหล่งที่มาของเชื้อชนิดนี้ มีการศึกษาจำนวนมากที่พยายามพิสูจน์ว่าเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 มีสารรหัสพันธุกรรม รวมถึงจีโนมคล้ายกับเชื้อไวรัสโคโรน่าของค้างคาว ผลการวิเคราะห์จากนักวิจัยหลายแหล่งข้อมูล ชี้ตรงกันว่าลำดับนิวคลีโอไทด์จากชิ้นส่วนของยีนสำคัญ ๆ ของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 มีวิวัฒนาการใกล้ชิดกับเชื้อไวรัสโคโรน่าที่แยกจากค้างคาวเนื่องจากเชื้อทั้งสองชนิดนี้มีบรรพบุรุษร่วมกัน (common ancestor) ทำให้อนุมานได้ว่าเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 น่าจะวิวัฒนาการมาจากการกลายพันธุ์ ซึ่งทำให้เชื้อมีความสามารถที่จะจับกับโมเลกุลตัวรับบนเซลล์มนุษย์ จนทำให้เกิดการติดเชื้อไปสู่คนในที่สุด

จากการค้นคว้าข้อมูลของทีมวิจัยยังพบว่า การศึกษาเกี่ยวกับจีโนไทป์ (genotyping) หรือข้อมูลทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัส เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เข้าใจการระบาดของเชื้อและสามารถช่วยวางนโยบายในการป้องกันการระบาดของโรคได้ด้วย ในทางทฤษฎีการศึกษาจีโนไทป์ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดๆ ควรเริ่มต้นจากการเข้าใจวิวัฒนาการเชิงโมเลกุลของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นก่อน ในกรณีของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลสารพันธุกรรม มีบทบาทสำคัญต่อการเข้าใจจีโนไทป์ของเชื้อไวรัส แต่เนื่องจากไวรัส SARS-CoV-2 เป็นไวรัสที่มีจีโนมขนาดใหญ่ ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลตลอดจีโนมไม่ใช่สิ่งง่าย เนื่องจากการวิเคราะห์ดังกล่าวต้องการประสิทธิภาพในการคำนวณด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีกำลังในการประมวลผลสูง และมีการจัดการข้อมูลที่ยุ่งยากพอสมควร ทำให้การวิจัยจำนวนมากเริ่มต้นจากการเลือกใช้ข้อมูลนิวคลีโอไทด์บางส่วน มาเป็นตัวแทนของข้อมูลในการศึกษาวิวัฒนาการระดับโมเลกุลเพื่อลดภาระและเวลาในการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์

รายงานฉบับนี้ทางผู้วิจัยยังได้กล่าวว่า "ระบบมาตรฐานของการศึกษาด้านจีโนไทป์หรือข้อมูลทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในปัจจุบันจำเป็นต้องใช้ข้อมูลนิวคลีโอไทด์ตลอดจีโนมของเชื้อไวรัสในการเปรียบเทียบวิเคราะห์ยังมีข้อจำกัดว่าต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีกำลังในการประมวลผลสูง ทำให้ข้อมูลจีโนไทป์ของไวรัส SARS-CoV-2 ยังมีการถกเถียงกันอยู่และยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมอีกมาก อย่างไรก็ตามการสร้างแผนภูมิที่แสดงถึงสายวิวัฒนาการ phylogenetic tree เพื่อศึกษาระบาดวิทยาโมเลกุล และความหลากหลายทางชีวภาพของไวรัส ยังเป็นความต้องการของประเทศอย่างมาก เนื่องจากจะช่วยให้เห็นรูปแบบการระบาดของเชื้อแล้ว ยังมีบทบาทต่อการวางนโยบายทางสาธารณสุขเพื่อป้องกันต่อไป"

นอกจากนี้ ในรายงานการศึกษาดังกล่าว ยังได้ทบทวนองค์ความรู้ในด้านการตรวจวินิจฉัยเชื้อด้วยชุดตรวจแบบต่างๆ, การพัฒนายาต้านไวรัส SARS-CoV-2, และปฏิสัมพันธ์ระหว่างไวรัส SARS-CoV-2 กับสิ่งมีชีวิตและการป้องกันโรคที่จะเน้นไปที่ระบบภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองต่อการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 อีกด้วย
#9505


วันนี้ (31 ส.ค. 64) เวลา 15.00 น. นางพัชรี  อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.)  เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การกำกับดูแลการนำเสนอเนื้อหารายการบนหลักสิทธิพื้นฐานของเด็กและเยาวชนสตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ระหว่าง 5 หน่วยงาน ได้แก่  1) กระทรวง พม. 2) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)  3) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) 4) ศูนย์คุณธรรม (องค์กรมหาชน) และ 5) สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมทั้งลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยแอปพลิเคชัน Zoom Meeting

นางพัชรี กล่าวว่า ปัจจุบันข้อมูลข่าวสารจำนวนมากที่ประชาชนรับส่งอย่างรวดเร็วผ่านสื่อต่างๆ มีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการดำรงชีวิต และอาจนำไปสู่พฤติกรรมการเลียนแบบได้ เนื่องจากอิทธิพลของสื่อต่างๆ ที่มีต่อค่านิยม ความเชื่อถือ และการนำไปปฏิบัติของคนในสังคมส่วนมาก สำหรับการนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมผ่านทางสื่อต่างๆ ในประเด็นที่เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ การกระทำความรุนแรง ในเด็ก เยาวชน สตรี คนพิการ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ อาจส่งผลให้ประชาชนมีการตอบสนองต่อเรื่องดังกล่าวลดลง และเกิดความเคยชิน ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการเพิกเฉยต่อการพบเห็นหรือการกระทำดังกล่าว นอกจากนี้ ยังทำให้ความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ถูกกระทำน้อยลง

นางพัชรี กล่าวต่อไปว่า นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ได้มีแนวคิดให้กระทรวง พม. ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านเด็ก เยาวชน สตรี คนพิการ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ เป็นองค์กรหลักในการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อเฝ้าระวังสื่อที่ไม่เหมาะสมและส่งเสริมให้ภาคประชาชนได้เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายในการเฝ้าระวังสื่อที่ลิดรอนสิทธิ เสรีภาพ และสิทธิพื้นฐานของเด็กและเยาวชน  สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งวันนี้ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การกำกับดูแลการนำเสนอเนื้อหารายการบนหลักสิทธิพื้นฐานของเด็กและเยาวชน สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ระหว่าง 5 หน่วยงาน โดยมีผู้ร่วมลงนาม ดังนี้  1) นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวง พม. 2) นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวง วธ. 3) นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. 4) รองศาสตราจารย์ สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์กรมหาชน) และ 5) นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ นายกสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกทั้งมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน ได้แก่ กระทรวง พม. โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ  กรมกิจการผู้สูงอายุ  และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ  กระทรวง วธ. โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสื่อมวลชน

นางพัชรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 5 หน่วยงานครั้งนี้ เพื่อมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการให้ความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชน สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศ แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบกิจการ สื่อมวลชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง  และสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังการนำเสนอเนื้อหาของสื่อที่ไม่เหมาะสมตามแนวทางการจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ตามประกาศ กสทช.  อีกทั้งเพื่อมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคประชาชนได้เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายในการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลง ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ยังถือเป็นส่วนสำคัญของความร่วมมือกันระหว่าง 5 หน่วยงาน ในการกำกับดูแลการนำเสนอเนื้อหารายการ บนหลักสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชน สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและสังคม  โดยคำนึงถึงเนื้อหาที่มีความสร้างสรรค์ และไม่ทำลายความเสมอภาคระหว่างเพศ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่เราทุกคนต้องแสดงจุดยืนที่เข้มแข็งร่วมกัน
#9507
 
 มากกว่าคำว่ากาแฟ Room Coffee อร่อยดี ไม่มีอ้วน




ประโยชน์เพียบจากสารสกัด 36 ชนิด
เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงร่างกาย ชงง่าย
ชงได้ทั้งน้ำร้อนน้ำเย็น อยากกินต้องได้กิน

มีสารสกัดทั้งหมดมากถึง 36 ชนิด
เช่น โสม ถั่วเช่า เห็ดหลินจือ เมล็ดเจีย คอลลาเจน (สูตรเจ) และอีก...เยอะ
ที่ให้คุณ 5 คุณประโยชน์
Detox ขับสารพิษ
Block บล็อกแป้งและน้ำตาลที่มาใหม่
Burn ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ
Build  ช่วยสร้างเสริมกล้ามเนื้อให้กระชับ
Boost  เพิ่มพลังงานให้กระฉับกระเฉง

และยังช่วยเสริมภูมิต้านทาน ให้ไกลจากโรคหวัดและโรคต่างๆอีกด้วย ทุกอย่างรวมไว้ให้คุณขนาดนี้ บอกเลย คุ้

Room Coffee 1 ห่อ มี 10 ซอง ราคา 299 บาท
สนใจติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ

Tel. 0846623662

Line id : teerapat999
ข้อมูลเพิ่มเติม/รีวิวสินค้า https://teerapat99.iconroomcoffee.com/

#9508
รับถมดิน ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804  หรือ www.mmee2000.com
#9509


ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) แห่งสหประชาชาติ ข้อที่ 8 ซึ่งว่าด้วยการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน (Decent Work And Economic Growth) ในโลกยุคปัจจุบัน ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกทางเศรษฐกิจ และการก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ลำพังแรงงานของคนหนุ่มสาวอาจไม่เพียงพอต่อการทำให้เศรษฐกิจชาติเกิดความมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤติ COVID-19 พบกุญแจสำคัญในการตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคสูงวัย คือ การเตรียมความพร้อมให้ผู้สูงวัยด้วยกันเองได้มีโอกาสลุกขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการ

อาจารย์ ดร.สุเทพ นิ่มสาย หัวหน้าสาขาการจัดการและกลยุทธ์ (Management and Strategy) และสาขาการจัดการธุรกิจอาหาร (Food Business Management) วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวในฐานะหัวหน้าทีมผู้สอนรายวิชาอบรมออนไลน์ "ผู้ประกอบการและนวัตกรรมสำหรับธุรกิจผู้สูงวัย" (Entrepreneurship And Innovation For Aging Business) ทางระบบ MUx ของมหาวิทยาลัยมหิดล

ว่า วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ไม่ได้มุ่งเน้นการเรียนการสอนเพื่อพัฒนานักบริหารและผู้ประกอบการที่มุ่งหวังผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะพยายามส่งเสริมให้มีทักษะการเป็นนักบริหารและผู้ประกอบการที่มีมุมมองที่มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจแบบยั่งยืน และส่งผลดีต่อสังคมและชุมชน ซึ่งต้องอาศัยการพึ่งพาตนเองเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ตามสภาพเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค Next Normal ที่เปลี่ยนแปลง และการที่นับวันยิ่งมีสัดส่วนของประชากรผู้สูงวัยมากขึ้น จึงไม่อาจมองข้ามการขยายตลาดแรงงานสู่กลุ่มประชากรผู้สูงวัย ซึ่งการส่งเสริมให้ผู้สูงวัยได้ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการจะเป็นการตอบโจทย์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้สูงวัยด้วยกันเองได้ดีที่สุด โดยปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้ประกอบการ คือ การที่จะต้องทำธุรกิจที่ต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Build Data-Driven Culture) "รู้เขา" "รู้เรา" และ "เข้าใจตลาด" อย่างแท้จริง

โดยจะต้องเข้าใจก่อนว่าปัจจุบันผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยมีแนวโน้มการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง "รู้เขา" คือ จะต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายว่า เป็นผู้สูงวัยที่มีการใช้ชีวิต (Life Style) อยู่ในกลุ่มใด ซึ่งปัจจุบันพบโดยทั่วไปใน 3 แบบแบ่งตามลักษณะทางสังคมและสุขภาวะ คือ ผู้สูงวัยแบบ "ติดบ้าน" "ติดเตียง" และ "ติดสังคม" แล้วให้มาพิจารณา "รู้เรา" หรือปัจจัยความพร้อมทางเศรษฐกิจ ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของตัวผู้ประกอบการเอง รวมทั้งจะต้อง "เข้าใจตลาด" โดยศึกษาได้จากแนวโน้มความสนใจของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย

ซึ่งแนวโน้มการประกอบการ หรือธุรกิจที่น่าจับตาของผู้สูงวัยในปัจจุบัน ได้แก่ การประกอบการ หรือธุรกิจที่มีความเฉพาะด้าน อาทิ ด้านอาหาร ด้านที่อยู่อาศัย และด้านสุขภาวะ นอกจากนี้ ยังมีการประกอบการ หรือธุรกิจที่น่าสนใจรองลงมา อาทิ ด้านการท่องเที่ยว และด้านการเงิน ซึ่งจากข้อมูลการสำรวจที่ผ่านมา เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้สูงวัยส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเป็นโสด และพักอาศัยอยู่คนเดียว ดังนั้นรูปแบบในการอยู่อาศัยจึงเปลี่ยนไปจากเดิม จึงจำเป็นที่จะต้องมีการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เหมาะสม และตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

เพื่อการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้ประกอบการสำหรับธุรกิจผู้สูงวัยที่ยั่งยืน จำเป็นต้องมีการสร้างเครือข่าย และเพิ่มพูนทักษะต่างๆ ที่จำเป็นต่อการประกอบการในโลกยุคปัจจุบันอยู่เสมอ โดย มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดอบรมออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นต่างๆ ในการดำรงชีพ และประกอบวิชาชีพที่ทันสมัยในระบบ MUx ซึ่งได้เปิดกว้างให้ประชาชนโดยทั่วไปสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการอบรมออนไลน์พร้อมรับประกาศนียบัตรได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทาง http://mux.mahidol.ac.th
#9510
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 716