ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN

ใต้ตาคล้ำ มีรอยเ.่ยวย่น ทำให้ผู้หญิงหลายคนดูแก่กว่าวัย เราจึงต้องเร่งแก้ไขก่อนที่จะใครต่อใครจะเรียกเราว่าป้า ทุกคนทราบหรือไม่คะว่าปัญหารอยคล้ำรอบดวงตามีสาเหตุมาจากการที่เส้นเลือดรอบดวงตาไหลเวียนไม่สะดวก ซึ่งเกิดจากการอดนอน พักผ่อนไม่เพียง รวมถึงอายุที่มากขึ้น ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของรอยดำใต้ตาเช่นกัน เราจึงควรมาดูแลผิวรอบดวงตาให้กระจ่างใส และไร้รอยเ.่ยวย่น ด้วย New Lancôme Advanced Génifique Eye Cream ครีมลดริ้วรอยใต้ตาตัวดังจากลังโคม

สำหรับครีมบำรุงผิวรอบดวงตาที่ผู้หญิงหลายคนต้องการคงไม่พ้นอายครีมที่สามารถทำให้ ผิวรอบดวงตาเรียบเนียนและดูแข็งแรงขึ้น พร้อมทำให้ริ้วรอยของผิวรอบดวงตาดูจางลง ซึ่ง Lancôme Advanced Génifique Eye Cream ตัวนี้มีคุณสมบัติอย่างครบถ้วนที่ช่วยบำรุงผิวรอบดวงตา โดยสามารถทำให้ผิวรอบดวงตาแข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งยังทำให้ผิวรอบดวงตาเรียน และแลดูเปล่งประกายสดใสได้ภายใน 7 วัน ด้วยนวัตกรรมไมโครไบโอม + พรีและโพรไบโอติก แฟร็กชั่นส์ 7 ชนิด ซึ่งเป็นผสานเทคโนโลยีทันสมัยและส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสูงเข้าด้วยกันจึงสามารถช่วยในการบำรุงใต้ตาและผิวรอบดวงตาให้แข็งแรง เรียนเนียน และดูเปล่งประกาย พร้อมช่วยคงความชุ่มชื้นได้ยาวนาน 24 ชั่วโมง พร้อมทำให้ผิวรอบดวงตาแลดูกระจ่างใสขึ้นภายใน 7 วัน และยังลดเลือนริ้วรอย พร้อมกระชับผิวรอบดวงตาได้ภายในกระปุกเดียว

ในส่วนของอายครีมลังโคม Advanced Génifique Eye Cream ยังอัดแน่นไปด้วยส่วนผสมที่สำคัญอีกมากมาย โดยประกอบด้วย

1.7 PREBIOTIC & PROBIOTIC FRACTION ทำหน้าที่ปรับสมดุลของไอโครไบโอม จึงช่วยทำให้ผิวรอบดวงตาเรียบเนียน และแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
2.HYALURONIC ACID ที่ช่วยทำให้ผิวรอบดวงตาอุ้มน้ำมากยิ่งขึ้น ช่วยคงความชุ่มชื้นได้ยาวนานตลอด 24 ชั่วโมง
3.VITAMIN CG เป็นวิตามินซีที่เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผิวรอบดวงตาของเราแลดูกระจ่างใสมากกว่าที่เคย

สำหรับวิธีใช้อายครีมกระปุกนี้ของเราก็ง่ายนิดเดียว โดยเริ่มต้นจากทำความสะอาดผิว และซับผิวให้แห้ง จากนั้นหยดอายครีมปริมาณพอเหมาะลงบนปลายนิ้ว จากนั้นจึงค่อย ๆ ทาลงบนผิวรอบดวงตาอย่างเบามือ โดยทำเป็นประจำทุกวันทุกคนก็จะเห็นถึงผลลัพธ์ของผิวหน้าอย่างแน่นอน

ซึ่งหากใครสนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการสั่งซื้อสามารถสั่งซื้อผ่านทางช่องทางออนไลน์ ที่ https://www.lancome.co.th/th_TH/home หรือผ่านทางหน้าเคาท์เตอร์ของลังโคมทุกสาขา ราคาเพียง 2,700 บาท ในปริมาณ 15 ml แล้วคุณจะพบการเปลี่ยนแปลงของผิวบริเวณรอบดวงตาอย่างแน่นอน

LANCOME  CLARIFIQUE DUAL ESSENCE ผิวกระจ่างใสครบ 4 มิติ แรงบันดาลใจจากสาวเอเชีย เพื่อผิวของสาวเอเชียโดยเฉพาะ

LANCOME CLARIFIQUE DUAL ESSENCE เป็นเอสเซ้นส์ สูตรน้ำและน้ำมันในขวดเดียว และเป็นน้ำตบที่คว้ารางวัลมามากมายจากประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นรางวัล @cosme Best cosme Award Grand prize, @cosme Best cosme Award – Best Lotion No.1 และ MAQUIA Cosmetics of The Year / SS 2020 – BEST of BEST และยังมีรางวัลอีกมากมายที่เอสเซนส์ตัวดังกล่าวได้ไปสร้างชื่อเสียงเอาไว้ นอกจากนี้ยังไม่ใช่เพียงแค่เพียงรางวัลที่ยืนยันคุณภาพของเอสเซนต์ตัวนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเพราะว่าบิวตี้บล็อกเกอร์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศนั้นได้รีวิวถึงประสิทธิภาพของเอสเซนต์ตัวนี้เอาไว้อย่างมากมาย จนเป็นที่มาของยอดขายแบบถล่มทลาย โดยเรามาดูกันเลยว่าเอสเซนต์ตัวนี้เป็นอย่างไร และเหมาะสำหรับผิวของใครบ้าง ตามมาดูกัน

LANCOME CLARIFIQUE DUAL ESSENCE เป็นเอสเซ้นส์ที่มีคุณสมบัติสำคัญคือการช่วยให้ผิวกระจ่างใสครบ 4 มิติ ดังนี้

● ช่วยให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้น
● เพิ่มความกระจ่างใสให้แก่ผิว
● ปรับผิวหน้าให้แลดูสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
● ปรับผิวให้กระชับและเรียบเนียนได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ซึ่งเอสเซนต์ของลังโคมตัวนี้เป็นสูตรอ่อนโยนต่อผิว จึงมอบความรู้สึกเบาสบาย ไม่เหนอะหนะในขณะที่ทาเอสเซนต์ลงบนผิวหน้า ซึ่งการวิจัยพัฒนาเอสเซนต์ตัวนี้ขึ้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากสาวเอเชีย เพื่อผิวของสาวเอเชียโดยเฉพาะ

โดยผลลัพธ์ของการบำรุงผิวด้วย LANCOME CLARIFIQUE DUAL ESSENCE ทุกคนจะรู้สึกถึงความชุ่มชื้นผิวตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้งาน โดยภายในหนึ่งสัปดาห์จะรู้สึกว่าผิวหน้าของเราดูเรียบเนียนและละเอียดขึ้น รวมถึงมีความเปล่งประกายสดใส และหลังจากใช้เอสเซนต์ตัวนี้ครบ 1 เดือนคุณจะพบว่ารูขุมขนแลดูเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น และผิวหน้ายังดูกระจ่างใสมากอีกด้วย

โดยภายในน้ำตบลังโคมของเราล้วนอัดแน่นไปด้วยส่วนผสมสำคัญอย่างวิตามินซีที่ช่วยทำให้ผิวหน้า ของเราแลดูเปล่งปลั่งสดใส อีกทั้งยังมีกรด Saliccylid Acid ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว พร้อมทั้งลดการอุดตันของรู้ขุมขน จึงทำให้รูขุมขนดูกระชับ และเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น และสุดท้ายคือ Beech Bud Extract ที่มีส่วนช่วยในการลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำ พร้อมทำให้ผิวดูละเอียดและเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น

ซึ่งหากคุณผู้หญิงท่านใดที่ต้องการดูแลผิวเพื่อให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสครบ 4 มิติ สามารถหาซื้อเอสเซนส์ขวดนี้ได้ที่หน้าเคาท์เตอร์ของลังโคมตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปประเทศ หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ที่เว็บไซต์ https://www.lancome.co.th ในราคาเพียง 3,300 บาท ปริมาณ 150 ml และ ราคา 2,200 บาท ปริมาณ 90 ml ค่ะ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องซักผ้าคืออุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกต่อการทำงานบ้านอย่างมาก สมัยนี้ทุกครอบครัวจึงต้องมีติดบ้านเอาไว้อย่างน้อย 1 เครื่อง แต่อย่าลืมว่าหากไม่มีการดูแลรักษาที่ดีก็ทำให้เครื่องพังเสียหาย เสียเงินซ่อมหรืออย่างแย่สุด ๆ ถึงขั้นต้องซื้อใหม่เลยก็มี และถ้าหากบ้านไหนเลือกใช้งานเครื่องซักผ้า 2 ถัง จะขอแนะนำ 4 วิธีง่าย ๆ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน คุ้มค่ากว่าเดิม

4 วิธียืดอายุการใช้งานเครื่องซักผ้า 2 ถัง ที่ควรทำ

1. ใส่ปริมาณผ้าให้เหมาะกับน้ำหนักของเครื่อง

ก่อนการซื้อจะสังเกตเห็นอยู่แล้วว่าเครื่องซักผ้าทุกประเภท ทุกยี่ห้อ มีการะบุจำนวนน้ำหนักที่สามารถรับได้ ดังนั้นทุกครั้งที่จะใส่เสื้อผ้าลงไปต้องกะให้ดีถึงน้ำหนักเครื่องและปริมาณผ้า ไม่ควรใส่ให้มันเยอะจนเครื่องต้องแบกน้ำหนักมากกว่าปกติ นั่นคือสิ่งที่จะทำให้เกิดความเสียหายได้ง่าย ตัวเครื่องเสียสมดุล อีกทั้งความสะอาดในการขจัดคราบต่าง ๆ บนเสื้อผ้าที่ใส่ลงไปก็น้อยตามด้วยเช่นกัน

2. หากผ้ามีปริมาณน้อยควรรวมเอาไว้แล้วซัก อย่าใช้บ่อยเกินวันละ 2 ครั้ง

เข้าใจดีว่าบางบ้านอยู่อาศัยแค่ไม่กี่คน ผ้าที่ใช้งานในแต่ละวันจึงไม่เยอะมาก จึงขอแนะนำให้รวมเอาไว้แล้วค่อยซัก 1 ครั้ง ต่อวัน อย่าใช้งานบ่อยเกินเหตุ เนื่องจากตัวเครื่องเองก็มีมอเตอร์ไม่ต่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น การที่มอเตอร์ทำงานหนักเกินไปจะยิ่งส่งผลให้เกิดความเสียหาย เสื่อมสภาพเร็วขึ้น มากไปกว่านั้นยังเป็นการสิ้นเปลืองไฟอีกต่างหาก

3. เปิดฝาถังทิ้งไว้รอจนแห้งทุกครั้ง

ราคา เครื่องซักผ้า 2 ถัง แม้จะถูกกว่าประเภทอื่น แต่ก็ไม่ควรต้องเสียเงินซื้อใหม่โดยใช่เหตุหากถึงเกิดกลิ่นอับ ซักแล้วมีกลิ่นติดผ้า วิธีง่าย ๆ คือ หลังจากใช้งานเรียบร้อยแล้วให้ทำความสะอาดถังด้วยน้ำเปล่าสะอาด ล้างให้ทั่วทุกบริเวณแล้วเปิดฝาทิ้งเอาไว้รอจนกว่าจะแห้งสนิทแล้วค่อยปิดเก็บไปเหมือนเดิม

4. เช็คการทำงานของเครื่องเดือนละ 1-2 ครั้ง

ท้ายที่สุดแม้มีการทำความสะอาดอยู่ทุกครั้งหลังซักเรียบร้อย แต่ก็ควรทำความสะอาดครั้งใหญ่ 1-2 ครั้ง / เดือน ไม่ว่าจะเป็นการขัดถูบริเวณต่าง ๆ ไม่ให้มีสิ่งสกปรก การตรวจเช็คอุปกรณ์ทั่วไปยังคงทำงานได้ตามปกติ หากมีสิ่งไหนแปลกไปจากเดิมควรเรียกช่างให้เข้ามาดูทันที

ไม่ว่าจะเลือกซื้อเครื่องซักผ้า 2 ถัง ยี่ห้อไหนดี ก็ตาม การรู้วิธียืดอายุตัวเครื่องจะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเงินกันบ่อย ๆ เก็บไว้ใช้ทำประโยชน์ด้านอื่นได้อีกเยอะมาก ลองนำไปปรับทำตามกันเลย

ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากได้ฟินิชลุคสวยเป็นธรรมชาติ แต่หน้าไม่มันเยิ้มแต่อากาศประเทศไทยไม่เป็นใจ เพราะอากาศอันร้อนแรงในประเทศไทยนั้นทำให้ผิวหน้ามันเยิ้ม รองพื้นหลุดลอกเป็นคราบจนเสียความมั่นใจ ยิ่งในช่วงนี้เราต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกวันจึงเกิดปัญหารองพื้นติดแมสก์ ดังนั้นจึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะแก้ไขปัญหานี้ โดยจุดเริ่มต้นของผิวเนียนเรียบเป็นธรรมชาติคือการเลือกรองพื้นที่มีคุณภาพอย่างรองพื้นคุมมัน Lancome Teint Idole Ultra Wear Foundation รองพื้นบางเบาที่ให้ฟินิชผิวอย่างเป็นธรรมชาติ และทว่าปกปิดติดทนยาวนานตลอดวัน

สำหรับความโดดเด่นของรองพื้นลังโคมรุ่นนี้คือนวัตกรรม AIRWEARTM Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เนื้อรองพื้นเปรียบเสมือนกับตาข่ายที่ช่วยให้เนื้อรองพื้นแนบสนิทติดกับผิว จึงช่วยในการปกปิดปัญหาผิวได้อย่างเรียบเรียน แต่ก็ยังคงความเบาสบายผิวเหมือนเปลือยหน้าสด แล้วยังกันน้ำ กันเหงื่อ ทนต่อความร้อนชื้นแม้ผิวหน้าจะถูกซ่อนอย่างภายใต้หน้ากากอนามัยตลอดวัน รองพื้นก็ยังติดทน ไม่ตกร่อง สามารถควบคุมความมันได้ยาวนาน และไม่ไหลเยิ้มระหว่างวัน

โดยรองพื้นปกปิดดีขั้นเทพแต่ยังคงคอนเซ็ปต์แห่งการปกปิดปัญหาผิวของรองพื้นกระปุกนี้ อยู่ในรูปแบบของรองพื้นเนื้อน้ำ แบบ FULL COVERAGE LIQUID FOUNDATION คือการปกปิดขั้นสูงสุด ด้วยการปกปิดระดับนี้ กับเนื้อสัมผัสที่แสนเบาสบาย จึงสามารถครีเอตเมคอัพลุคได้  2 รูปแบบ ดังนี้

● ลุคสบาย ๆ ในวันธรรมดา เป็นเมคอัพลุคที่เน้นงานผิว โดยทุกคนสบายทารองพื้นเคลือบผิวบาง ๆ และแต่งหน้าน้อย ๆ ในวันสบาย ๆ เพื่อให้ผิวได้มีโอกาสได้หายใจ
● ลุคงานเลี้ยงหรือปาร์ตี้ ก็สามารถใช้รองพื้นขวดนี้ได้ เพราะสามารถปกปิดขั้นสุด ช่วยให้ผิวหน้าเนียนกริบ สะดุดสายตาทุกคนในงาน

นับว่าเป็นรองพื้นอีกขวดที่ค่อนข้างคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากใครต้องการซื้อรองพื้นขวดเดียว แต่สามารถใช้ได้ทั้งในวันธรรมดา และวันสำคัญที่ต้องออกงานก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของรองพื้นขวดนี้ได้เลย

สำหรับ Lancome Teint Idole Ultra Wear Foundation มีทั้งหมด 25 เฉดสีให้เลือกจึงค่อนข้างครอบคลุมกับผิวของสาวไทย โดยทุกคนสามารถเลือกสีรองพื้นให้ตรงกับโทนสีผิวของตนเอง แล้วมาสีฟินิชลุคผิวสวยเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังไม่ทำให้หน้าไม่มัน มีผิวผ่องใสต้องแต่เช้าจรดเย็น โดยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของรองพื้นกระปุกนี้ได้ในราคา 1,755 บาท หรือสนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมผ่าน https://www.lancome.co.th หรือผ่านหน้าเคาท์เตอร์ของลังโคมทุกสาขา

"หน้ากากอนามัย" กลายเป็นไอเทมติดตัวที่ไม่ว่าจะออกไปไหนก็ต้องสวมใส่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไหนจะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งยังไม่มีทีท่าจะเบาลง รวมถึงฝุ่นละออง PM 2.5 ทุกวันนี้จึงมีการผลิตหน้ากากต่าง ๆ ออกมาให้ใช้งานกันเยอะมาก ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นและความน่าสนใจต่างออกไป แต่ในเมื่อนี่คือไอเทมที่ต้องมีติดตัว ลองมาคัดเลือก 5 ยี่ห้อที่ตอบโจทย์กันสักหน่อย

5 ยี่ห้อหน้ากากอนามัย ใช้งานดีในยุคโควิด-19

1. Dexzon

เริ่มต้นด้วยยี่ห้อที่มีตัวเลือกหน้ากากให้ใช้งานเยอะมาก ๆ ทั้งแบบหน้ากากทางการแพทย์, หน้ากากผ้า ฯลฯ จุดเด่นของยี่ห้อนี้คือ มักนำเอานวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาสู่กระบวนการผลิตอยู่เสมอ ช่วยเพิ่มคุณภาพการใช้งานให้ดีขึ้นกว่าเดิม ปลอดภัยไร้กังวล เหมาะสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน

2. 3M

หากพูดถึงยี่ห้อที่ผลิตสิ่งของครอบจักรวาล บอกเลยว่า 3M ไม่เป็นสองรองใครแน่นอน ซึ่งหน้ากากชนิดต่าง ๆ อาทิ หน้ากากการแพทย์, หน้ากาก N95 ฯลฯ ก็เป็นอีกสิ่งที่หาซื้อได้จากยี่ห้อนี้ ด้วยชื่อที่การันตีด้านคุณภาพจึงไม่ต้องห่วงเรื่องดังกล่าวเลย แถมยังหาซื้อง่าย มีราคาคุ้มค่า เหมาะกับการใช้งานระยะยาวที่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ ไม่เสียดายเงิน

3. G-LUCKY

ใครที่มองหาหน้ากากราคาถูก คุณภาพดี มีขายอยู่ตลอด ยี่ห้อนี้บอกเลยเหมาะกับความต้องการของคุณแน่นอน ด้วยคุณภาพระดับมาตรฐานในทุกขั้นตอนการผลิต ช่วยป้องกันทั้งเชื้อโรค ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ปลอดภัยสำหรับทุกคนไม่ต้องห่วง

4. Unicharm

ใครที่ชอบความใส่ใจในทุกรายละเอียดแบบญี่ปุ่นยี่ห้อนี้ตอบโจทย์แน่นอน จุดเด่นมาก ๆ คือการเป็นหน้ากากแบบ 3D ที่มีดีไซน์เหมาะกับใบหน้า ไม่รู้สึกอึดอัดมากจนเกินไป ระบายอากาศดีเยี่ยม ช่วยป้องกันฝุ่นละออง เชื้อโรค ได้แบบเต็มประสิทธิภาพ ขึ้นชื่อเป็นยี่ห้อจากญี่ปุ่นไม่ต้องกังวลเลย

5. Fitty

ปิดท้ายกันด้วยยี่ห้อจากญี่ปุ่นอีกเช่นกัน โดดเด่นด้วยการขึ้นรูปผ่านเส้นใยแบบตรง จึงออกแบบให้กระชับกับรูปหน้า ไม่อึดอัด หายใจสะดวก ช่วยป้องกันบรรดาสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง เชื้อโรค สวมใส่แล้วไม่รำคาญใจ พกพาติดตัวเอาไว้อุ่นใจเสมอ

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญของการใช้หน้ากากเพื่อป้องกันเชื้อโรคเหล่านี้ หลังใช้งานเรียบร้อยแล้วควรทิ้งให้เป็นระเบียบทันที อย่าเก็บไว้ใช้งานต่อเด็ดขาด เพราะเชื้อโรคที่ติดอยู่อาจเข้าไปสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ยิ่งปัจจุบันมีตัวเลือกดี ๆ เยอะ ราคาไม่แพง ซื้อเก็บเอาไว้ใช้ไม่ใช่เรื่องยาก ดีต่อสุขภาพของตนเองและคนรอบข้าง พร้อมสู้เพื่อให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด

การมี "โต๊ะทำงาน" ที่ดีย่อมช่วยให้การทำงานมีคุณภาพตามไปด้วย ทั้งนี้อาจคิดว่าจะโต๊ะแบบไหนก็เหมือนกันหมด ในเมื่อหน้าที่หลักคือการใช้ทำในสิ่งต่าง ๆ ทว่าหากลองสังเกตมักพบว่าในหลายออฟฟิศมีการเลือกลักษณะและประเภทของโต๊ะเพื่อให้เหมาะกับรูปแบบงานของพวกเขาด้วย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเหมาะสมในการทำงานให้มากกว่าเดิม ลองมาทำความรู้จักกับประเภทของโต๊ะใช้ทำงานเหล่านี้กันเลย

5 ประเภทโต๊ะทำงาน พบเห็นได้บ่อยในทุกออฟฟิศ

1. โต๊ะยาวทั่วไป

เริ่มด้วยโต๊ะประเภทแรกถือว่าเจอได้บ่อยมาก ลักษณะคือมีพื้นหน้าโต๊ะยาว ด้านล่างโปร่งโล่ง มักนิยมเอาไว้ใช้กับออฟฟิศที่มีการสับเปลี่ยนที่นั่งกันบ่อย ไม่มีโต๊ะของตนเองตายตัว เน้นความสะดวก ประหยัดพื้นที่ บ่อยครั้งจึงถูกนำไปใช้เป็นโต๊ะสำหรับการประชุมด้วยเช่นกัน

2. โต๊ะแบบมีลิ้นชักด้านข้าง

ประเภทต่อมาก็พบเห็นได้บ่อยไม่แพ้กัน เหมาะสำหรับออฟฟิศที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ในระดับหนึ่ง จุดสังเกตที่เด่นชัดมากของโต๊ะประเภทนี้คือบริเวณด้านข้างจะมีลิ้นชักสำหรับเก็บสิ่งของต่าง ๆ มีทั้งแบบลิ้นชักหน้าแคบ ไปจนถึงประตูสำหรับใส่ของขนาดใหญ่ ช่วยให้เกิดความเป็นส่วนตัว บางรุ่นอาจมีกุญแจล็อกให้ด้วย

3. โต๊ะแบบมีช่องวางด้านล่าง

โต๊ะประเภทนี้มักถูกเรียกว่า โต๊ะคอมพิวเตอร์ เหตุผลมาจากช่องว่างด้านล่างจะมีขนาดพอดีกับ CPU สำหรับเชื่อมต่อกับหน้าจอคอม ช่วยให้การทำงานมีความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน แถมไม่เปลืองพื้นที่ในการวาง CPU เอาไว้ด้านบนของโต๊ะ เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน โต๊ะคอมแบบนี้เหมาะกับรูปแบบทำงานที่ต้องใช้ข้อมูลในคอมเยอะ ๆ เช่น งานเอกสาร, งานออกแบบต่าง ๆ

4. โต๊ะแบบมีชั้นวางด้านข้าง

สำหรับโต๊ะดีไซน์นี้จะขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิต หรือผู้ใช้งานอาจเลือกให้ช่างดีไซน์ตามที่ตนเองต้องการเลยก็ได้ ลักษณะคือ จะมีการทำชั้นวางเอาไว้ด้านข้างของตัวโต๊ะ จะฝั่งไหนก็เลือกตามที่นตนเองถนัด ชั้นวางอาจเป็นได้ทั้งขนาดเล็กกะทัดรัด ไปจนถึงขั้นวางขนาดใหญ่สำหรับวางสิ่งของหรือเอกสารต่าง ๆ เป็นต้น

5. โต๊ะปรับระดับได้

ประเภทสุดท้ายคือโต๊ะชนิดปรับระดับได้ สังเกตที่บริเวณขาโต๊ะจะมีตัวล็อกหรือใช้ระบบเซนเซอร์สำหรับปรับระดับให้เหมาะกับการใช้งาน นิยมใช้สำหรับออฟฟิศที่เน้นความสะดวก มีโต๊ะเดียวใช้งานหลากหลาย เช่น ใช้สำหรับทำงานปกติ, ใช้วางสิ่งของเพื่อนำเสนองาน, ใช้เป็นโต๊ะอ่านหนังสือยามว่าง เป็นต้น

แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะใช้โต๊ะแบบไหนก็ควรเลือกให้เหมากับรูปแบบงานของตนเองมากที่สุด เพื่อความคุ้มค่า และที่สำคัญอย่าลืมเลือกซื้อโต๊ะที่มีคุณภาพ จะได้ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนใหม่มบ่อย ๆ ด้วย

คุณค่าการฟื้นบำรุงเพื่อผิวที่แลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น กับครีมบำรุงผิวหน้าการลงทุนกับครีมที่มีราคาแพงนั่นหมายความว่าประสิทธิภาพของครีมบำรุงต้องให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับผิวหน้า และทำให้เรารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผิวจริง ๆ เหมือนกับ LANCOME ABSOLUE SOFT CREAM โลชั่นบำรุงผิวหน้าจากลังโคม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Moisturizer ที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นบำรุงผิวหน้า ช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่งสดใส และลดการอักเสบใต้ชั้นผิวช่วยให้ผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น

สำหรับคุณสมบัติของ LANCOME ABSOLUE SOFT CREAM โลชั่นที่ถูกบรรจุอยู่ภายในกระปุกสีทองสุดหรูหรากระปุกนี้ ต้องเรียกว่าเป็นการรวบรวมคุณค่าจากส่วนผสมชั้นดีและนวัตกรรมการฟื้นบำรุงผิวหน้าที่ช่วยให้ผิวหน้าได้รับสารอาหารที่ดีเยี่ยมอย่างเต็มที่เลยทีเดียวค่ะ โดยผ่านการค้นคว้าวิจัยมานานจนพบว่าสารสกัดจากดอกกุหลาบ Grand Rose ช่วยให้ผิวหน้าแลดูอ่อนเยาว์ เหมือนกับให้กำเนิดผิวใหม่เลย พร้อมกับผสานประสิทธิภาพของดอกกุหลาบ 3 ชนิดเข้าด้วยกัน

● Lancome Rose คือการนำเซลล์กุหลาบลังโคม มาเพิ่มประสิทธิภาพในการตรงเข้าฟื้นบำรุงผิวเพื่อผิวที่อ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
● Rose Essential Oil หรือน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากดอกกุหลาบ ผลลัพธ์แห่งผิวที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่เคยเสื่อมสภาพให้กลับมามีความสดใสมากยิ่งขึ้น
● Rose Extract หรือสารสกัดที่ได้จากดอกกุหลาบเข้มข้นจึงช่วยในการลดอาการอักเสบใต้เซลล์ผิว ผลลัพธ์คือผิวที่ดูสุขภาพดีแลดูอ่อนกว่าวัย

และด้วยคุณค่าที่ได้จากดอกกุหลาบทั้ง 3 ชนิดจึงมอบผลลัพธ์ของผิวหน้าที่แลดูกระชับขึ้น ไม่หย่อนคล้อย รวมถึงมีผิวหน้าที่อ่อนเยาว์ราวกับผิวเกิดใหม่ พร้อมช่วยในการลดเลือนริ้วรอย ล่องลึกให้ดูตื้นขึ้น และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า ลดปัญหาผิวแห้ง มีรอยแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผิวหน้าเรียบเนียน ดูเปล่งปลั่ง และหน้ากระจ่างใสขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงนับว่า LANCOME ABSOLUE SOFT CREAM เป็นครีมลังโคม ลดริ้วรอยตัวท็อปที่ผู้หญิงทุกคนควรมีติดโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้เลยค่ะ

มาถึงคุณสมบัติของเนื้อครีมกันบ้าง เพราะด้วยเนื้อครีมสีกุหลาบที่นุ่มเนียนจึงมอบความสบายให้แก่ผิวหน้า และสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวหน้าทันที โดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิวหน้า ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกถึงผิวที่เรียบตึง และรู้สึกถึงผิวหน้าที่แลดูกระชับมากยิ่งขึ้น โดยกลิ่นหอมของครีมกระปุกนี้เป็นความหอมเบา ๆ อ่อน ๆ ที่ทำให้รู้สึกดีและผ่อนคลาย โดยไม่มีกลิ่นฉุนเลยแม้แต่นิดเดียว

โดยวิธีการใช้งานเริ่มจากตักเนื้อครีมให้เพียงพอแล้วลูบไล้ไปทั่ว ๆ ใบหน้า หลังจากนั้นใช้ปลายนิ้วลูบไล้จากกึ่งกลางหน้าผากออกไปด้านข้าง ต่อด้วยลูบไล้จากสันจมูกออกตามแนวโหนกแก้ม และไล้จากด้านล่างขึ้นสู่ขมับอีกครั้ง จากนั้นก็นวดบริเวณปลายคางถึงใบหู แล้วค่อย ๆ ลูบไล้ลงถึงไหปลาร้า จากนั้นก็นวดกระตุ้นอีกครั้งเพื่อผลักเนื้อครีมให้ซึมซาบลงสู่ผิว

ซึ่งหากใครกำลังตามหาเนื้อครีมที่มีส่วนช่วยในการลดเลือนริ้วรอย สามารถเป็นเจ้าของครีมกระปุกนี้ได้โดยมีทั้งหมด 2 ขนาด ขนาด 30ml ราคา 4,800 บาท และ 60ml ราคา 12,500 บาท โดยสามารถเข้าไปช้อปสินค้าที่ทั้งผ่านทางเว็บไซต์และหน้าเคาท์เตอร์ของลังโคมทุกสาขาเลยค่ะ

ขึ้นชื่อว่า "กาแฟ" คงเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของหลายคนที่หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของความเข้มข้น ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าการจะดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรเป็นกาแฟดำเท่านั้น ยิ่งในปัจจุบันความทันสมัยที่เข้ามาช่วยให้ชีวิตอันแสนเร่งรีบของคนยุคใหม่ง่ายขึ้นด้วยการมีแคปซูลกาแฟ ไม่ต้องเสียเวลาชงเอง ซึ่งคอกาแฟอาจกำลังคิดว่าประโยชน์ที่จะได้รับมากน้อยแค่ไหน บอกเลยไม่ต่างจากกาแฟชงสดแน่นอน

ประโยชน์ที่ร่างกายได้รับเมื่อดื่มแคปซูลกาแฟประเภทกาแฟดำ

1. กระตุ้นความตื่นตัว สดชื่นในทุกเช้า

เหตุผลสำคัญที่ต้องเลือกดื่มกาแฟดำทุกเช้าเพราะในกาแฟมีคาเฟอีนที่จะเข้าไปปลุกร่างกายที่กำลังอ่อนล้าให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มีไฟในการทำงานได้อีกครั้ง เมื่อคาเฟอีนเข้าไปในกระแสเลือดจะทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว ระบบการหมุนเวียนดีขึ้น ลดอาการซึม ง่วง และอาการเครียดต่าง ๆ ของร่างกายลงได้ จึงพร้อมสำหรับเริ่มต้นวันใหม่

2. ลดการเกิดโรคหัวใจ

หากเลือกดื่มในปริมาณที่เหมาะสม วิตามินบีรวมที่ชื่อ นิโคติน ซึ่งอยู่ในกาแฟดำจะมีส่วนสำคัญในการลดระดับคอเลสเตอรอล จึงไม่ทำให้เกิดปัญหาหลอดเลือดแข็งตัว หัวใจทำงานได้เป็นปกติ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค อย่างไรก็ตามหากใครป่วยโรคหัวใจอยู่ก่อนหน้าไม่แนะนำให้ดื่มเด็ดขาด

3. ขับพิษ และช่วยกำจัดของเสียในร่างกาย

ลองสังเกตว่าเมื่อคุณดื่มกาแฟดำไปสักพักจะเริ่มรู้สึกปวดปัสสาวะ อยากเข้าห้องน้ำ เหตุเพราะในกาแฟมีฤทธิ์ช่วยเรื่องของการขับปัสสาวะ เมื่อขับถ่ายออกมาเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ก็จะออกตามมาด้วย เป็นวิธีดีท็อกซ์ช่วยกำจัดของเสียให้ออกจากร่างกาย ขับพิษ แถมยังช่วยลดอาการบวมน้ำได้อีกต่างหาก

4. บำรุงสมอง

หากดื่มกาแฟแคปซูลประเภทกาแฟดำอยู่ประจำจะช่วยเพิ่มระดับของฮอร์โมน G-CSF อันมีส่วนสำคัญในการบำรุงสมอง ลดการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมองได้อย่างดี ยิ่งสารต้านอนุมูลอิสระจะแก้อาการหลงลืมของคนสูงอายุได้อีกด้วย

5. ลดการเกิดโรคเกาต์

เพราะในคาเฟอีนจะช่วยลดปัญหาข้ออักเสบ และลดสารยูริกในร่างกายอันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเกาต์ ด้วยฤทธิ์ขับปัสสาวะ ใครที่ตรวจสุขภาพแล้วมีค่ายูริกสูง การดื่มกาแฟดำในปริมาณเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงได้ดี

ยิ่งปัจจุบันมีตัวเลือกของกาแฟประเภทนี้เยอะมาก เช่น กาแฟแคปซูล Nespresso หาซื้อง่าย สะดวก ไม่ต้องชงเองให้ยุ่งยาก แถมยังราคาประหยัดอีกด้วย แต่ถ้าจะให้มีสุขภาพดีตามคำแนะนำที่กล่าวมาทั้งหมด ขอเน้นว่าต้องเป็นกาแฟดำเท่านั้น

ในการเก็บของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ลิ้นชักถือเป็นอีกอุปกรณ์สำคัญที่ทุกบ้าน ทุกออฟฟิศต้องมีติดไว้เลย ซึ่งวัสดุที่นำมาผลิตก็มีหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือ "ลิ้นชักพลาสติก" ด้วยราคาอันแสนถูก บวกกับมีตัวเลือกเยอะมากไม่ว่าจะขนาด จำนวนชั้น แต่คำถามคือ เมื่อต้องซื้อมาใช้จริง ๆ ควรเลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์และคุ้มค่ามากที่สุด เพราะอุตส่าห์จ่ายเงินทั้งทีหากได้ของไม่ดีคงเสียดายแย่ ลองมาดูวิธีกันเลย

วิธีเลือกซื้อลิ้นชักพลาสติกให้คุ้มค่ามากที่สุด

1. สังเกตลักษณะของเนื้อพลาสติก

แม้จะบอกว่าพลาสติกมีความทนทานน้อยกว่าวัสดุหลายประเภท เช่น เหล็ก หรือไม้ แต่ด้วยราคาที่ถูกกว่าจึงทำให้นิยม ถึงอย่างนั้นก่อนซื้อให้ลองสังเกตลักษณะของเนื้อพลาสติกว่าเป็นอย่างไร กรณีซื้อออนไลน์ต้องดูเรื่องความหนา แต่ถ้าไปซื้อกับร้านโดยตรงให้ลองกดลงไปบนเนื้อสัมผัส หากอ่อนยวบง่ายแสดงถึงความไม่แข็งแรง และไม่แนะนำให้ซื้อใช้ แต่ถ้ากดแล้วมีความแข็ง จัดเป็นลักษณะของพลาสติกที่ดี

2. ความคมของพลาสติก

หลายคนอาจไม่ได้มองถึงเรื่องนี้แต่เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ถ้าเป็นของราคาถูกมาก ๆ จะมีรอยคมบริเวณขอบเนื้อซึ่งอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้หากใช้งานอย่างไม่ระวัง หรือเผลอไปโดนแบบไม่รู้ตัว ดังนั้นพยายามเลือกตู้ลิ้นชักพลาสติกที่มีความเรียบ ไม่คมจะดีที่สุด

3. จำนวนชั้นที่ใช้งาน

จำนวนชั้นของตู้ลิ้นชักเป็นอีกสิ่งที่ต้องรู้ว่าตนเองใช้งานมากน้อยแค่ไหน หากใช้เพื่อเก็บแยกสิ่งของหลายชนิดก็ควรมีชั้นที่เยอะเอาไว้ก่อน แต่ถ้าหากเน้นการเก็บแบบรวม ๆ หรือไม่ได้ซีเรียสว่าต้องแยกของแต่ละอย่างออกจากกัน การเลือกจำนวนลิ้นชักน้อยจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และยังประหยัดพื้นที่ในการจัดวางอีกด้วย

4. มีสัญลักษณ์เรื่องความปลอดภัย

ป้ายสัญลักษณ์ BPA Free เป็นอีกสิ่งที่ควรสังเกตก่อนซื้อ เพราะสาร BPA หรือ Bisphenol A จะพบได้บ่อยมากในผลิตภัณฑ์พลาสติก แม้มีคุณสมบัติในเรื่องการทำให้แข็งแรงและมีความใส น่าใช้งาน แต่ถ้าร่างกายสัมผัสหรือได้รับสารนี้บ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องดี อาจลุกลามถึงขั้นเป็นมะเร็ง ยิ่งบ้านไหนมีเด็กเล็กหรือคนแก่แนะนำให้เลือกแบบ BPA Free ดีกว่า

5. คุณสมบัติอื่น ๆ เพิ่มเติม

บางรุ่นอาจมีเรื่องของระบบล็อกเพื่อความปลอดภัย ไม่ต้องมีใครมายุ่งกับของที่อยู่ข้างใน ก็เป็นอีกสิ่งที่เลือกซื้อมาใช้งานได้หากต้องการ

วิธีเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้ใช้งานลิ้นชักที่ทำจากพลาสติกอย่างเหมาะสม คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไป ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ ให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

LANCÔME ADVANCED GÉNIFIQUE SENSITIVE เซรั่มฟื้นบำรุงผิว เพื่อปลอบประโลมผิวและฟื้นฟูผิวหน้าในยามค่ำคืน

เปลี่ยนวันผิวไม่ดี ให้กลายเป็นผิวดีขึ้น สำหรับใครที่ค้นพบว่าตัวเองมีปัญหาผิวหน้าอ่อนแอ ผิวแห้งบางวันเกิดปัญหาผิวลอกเป็นขุยต้องพึ่งเซรั่มบำรุงผิวตัวนี้ของเราเลยค่ะ นั่นก็คือ LANCÔME ADVANCED GÉNIFIQUE SENSITIVE เซรั่มกลางคืนที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวในทุก ๆ ค่ำคืน เพื่อปลอบประโลมผิวอย่างเร่งด่วน เร่งการฟื้นสภาพผิวที่เคยเสีย เพื่อให้ผิวหน้าของเรากลับมาสุขภาพดีขึ้นได้อีกครั้ง

โดยเซรั่มบูสต์ผิวเพื่อให้ผิวแข็งแรงขึ้นขวดนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบาง หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดการระคายเคืองผิวได้ง่าย รวมถึงผู้ที่รู้สึกว่าผิวหน้าของตนเองกำลังอ่อนแอเลยต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วนก็สามารถใช้เซรั่ม LANCÔME ADVANCED GÉNIFIQUE SENSITIVE ปรนนิบัติผิวหเพื่อน้าของคุณ ให้กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมาพร้อมด้วยความพิเศษของเซรั่มขวดนี้ เพราะมีการรวมคอนเซนเทรต 2 ชนิดด้วยกัน เพื่อช่วยช่วยในการฟื้นบำรุงผิวหน้าได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพในการเข้าจัดการปัญหาผิวหน้า ซึ่งประกอบด้วย

1.เบสเซรั่ม (Serum Base)
2.เซรั่มสีน้ำเงิน (Blue Concentrate)

โดยทั้งสองคอนเซนเทรตทำหน้าที่เป็นบูสเตอร์ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิว โดยเข้าผสานการทำงานร่วมกันกับ Microbiome Technology เทคโนโลยีอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของลังโคม โดยนำมาประยุกต์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเบสเซรั่มในการบำรุงผิวที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของลังโคมอย่าง Génifique ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ประกอบไปด้วย โพรไบโอติกแฟร็กชั่น (Probiotic Fractions) รวม 7 ชนิด และ พรีไบโอติก แฟร็กชั่น (Prebiotic Fractions) พร้อมเสริมคุณค่าด้วย Ferulic Acid ที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98% และสุดท้ายก็คือคุณค่าจากวิตามินอี จึงช่วยในการปลอบประโลมผิวหน้าที่เคยอ่อนแอได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด พร้อมพลิกฟื้นผิวให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง เพื่อให้ผิวหน้าของเราแลดูมีสุขภาพดี และแข็งแรงมากยิ่งชึ้น

โดยขั้นตอนการบำรุงผิวด้วย LANCÔME ADVANCED GÉNIFIQUE SENSITIVE เริ่มต้นจากกดฝาสีดำ แล้วบิดตามเข็มนาฬิกาเพื่อเทคอนเซนเทรตสีน้ำเงินลงบนคอนเซนเทรตหลัก แล้วเขย่าให้ส่วนผสมทั้งสองกลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงดูดและหยดเซรั่มลงบนผิวจากนั้นก็ลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า โดยสามารถใช้เป็นประจำทุกค่ำคืนเพื่อช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วคุณจะค้นพบจึงความเปลี่ยนแปลงของผิวหน้า หากใครสนใจสั่งซื้อ LANCÔME ADVANCED GÉNIFIQUE SENSITIVE หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามหรือสั่งซื้อได้ที่เคาท์เตอร์ของลังโคมทุกสาขา รวมถึงสามารถสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ https://www.lancome.co.th แล้วมาเริ่มต้นปรนนิบัติเพื่อฟื้นคืนสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้นอีกขั้นไปด้วยกัน

"กล่องเก็บของ" ถือเป็นอุปกรณ์อีกชนิดที่ช่วยให้พื้นที่ต่าง ๆ มีความเป็นระเบียบมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นบ้าน, คอนโด, ออฟฟิศ, โรงงาน ฯลฯ ซึ่งประเภทของกล่องเองก็มีให้เลือกใช้เยอะมากขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ลองมาดูกันว่าลักษณะกล่องแต่ละแบบเหมาะกับการใช้งานอย่างไร และถ้าคุณคิดจะซื้อควรเลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์ตนเองมากที่สุด คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย

5 ลักษณะกล่องเก็บของ เหมาะกับการใช้งานของตนเอง

1. กล่องแบบมีฝาปิด

กล่องประเภทแรกถือว่าพบเห็นกันได้บ่อยมาก มีลักษณะเป็นกล่องแล้วมีฝาปิดอยู่ด้านบน เหมาะกับการนำไปใช้เก็บสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่อยากให้รู้สึกรก เกะกะ ตัวฝาด้านบนจะทำขอบล็อกเอาไว้กับกล่องด้านล่าง เน้นพวกสิ่งของที่อาจหยิบใช้บ่อย ๆ หรืออาจเป็นของที่ต้องการเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้นกว่าเดิม

2. กล่องแบบมีฝาล็อก

ต่อมาเป็นกล่องที่จะมีลักษณะคล้ายกับแบบแรก แต่ต่างกันออกไปตรงที่กล่องแบบนี้จะนิยมใช้สำหรับเก็บของส่วนตัวมากขึ้น ไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวาย จึงมีการทำระบบล็อกเอาไว้ ทั้งการล็อกด้วยแม่กุญแจ หรือการล็อกด้วยระบบรหัสผ่าน บ้านไหนที่มีสมาชิกเยอะอยากแยกของบางอย่างเป็นส่วนตัวเลือกเก็บกับกล่องอเนกประสงค์นี้ได้เลย

3. กล่องแบบซ้อนได้

หากพูดถึงกล่องแบบนี้จะนิยมใช้เพื่อเก็บสิ่งของที่ต้องหยิบใช้งานเป็นประจำ ลักษณะคือด้านบนจะมีความกว้างมากกว่าด้านล่าง เพื่อให้ซ้อนทับเก็บไว้ง่าย นิยมใช้ในบรรดาโรงงาน หรือร้านค้าที่ต้องหยิบของออกมาจัดวางบ่อย ๆ ช่วยประหยัดพื้นที่หากต้องมีกล่องหลายใบเพื่อแยกประเภทสิ่งของหลายชิ้นให้ออกจากกัน

4. กล่องแบบมีหูหิ้ว

อีกลักษณะของกล่องที่ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกหากต้องนำไปไหนด้วยบ่อย ๆ เพราะจะมีหูหิ้วด้านข้างช่วยให้การยกเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม นิยมใช้เก็บสิ่งของที่ต้องนำไปใช้ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น บรรดาออแกไนซ์จัดงานทั้งหลาย แนะนำให้ซื้อแบบมีหูหิ้วที่ตัวกล่องจะดีกว่ามีหูหิ้วที่ฝากล่อง ป้องกันการหล่นระหว่างหิ้ว

5. กล่องแบบลัง

สุดท้ายกับลักษณะกล่องที่ใช้งานกันบ่อย จะเรียกลังก็ไม่ติดขัด มักใส่ของที่ต้องหยิบประจำ ไม่มีฝาปิด ถ้าเป็นลังพลาสติกจะน้ำหนักเบา เหมาะกับการใส่ของทั่วไปที่ไม่ต้องรับน้ำหนักเยอะ ราคาถูก ประหยัดเงินได้ดีมากทีเดียว

นี่คือ 5 ประเภทกล่องสำหรับใช้เก็บของที่พบเห็นได้ทั่วไป ลองพิจารณาว่าของที่คุณต้องการเก็บเป็นแบบไหนแล้วซื้อไปใช้งานให้เหมาะสม เพิ่มความสะดวก และตอบวัตถุประสงค์ของตนเองได้อย่างดีที่สุด ไม่ต้องซื้อใหม่บ่อย ๆ ให้เปลืองเงิน

การมีโต๊ะสำหรับกินข้าวสวย ๆ สักชุดเอาไว้ที่บ้านจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับทุกคนได้อย่างดี ด้วยนิสัยคนไทยเวลาแขกไปใครมาก็มักเชิญให้กินข้าวกันจนอิ่มท้องก่อนกลับ พื้นที่บริเวณดังกล่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คนมาบ้านจะมองเห็น แล้วถ้าคุณมีงบอยู่ 10,000 บาท จะซื้อชุดโต๊ะกินข้าวแบบไหนให้คุ้มค่า คุณภาพดี น่าใช้งาน ที่สำคัญยังดูหรูหราในราคาเบา ๆ อีกด้วย มาดูรีวิวกันเลย

รีวิว 3 ชุดโต๊ะกินข้าว ราคาไม่เกินหมื่น คุณภาพคุ้มสุด ๆ

1. ชุดโต๊ะอาหาร 4 ที่นั่ง OMG DIPHAY สีวอลนัท

เริ่มต้นกันด้วยโต๊ะกินข้าวไม้สำหรับ 4 ที่นั่ง ตัวโต๊ะ-เก้าอี้ผลิตจากไม้ยางพาราอย่างดี ไม่ต้องห่วงเรื่องความแข็งแรง ใช้งานได้ยาวนาน รับน้ำหนักได้เยี่ยม (โต๊ะรับได้ 50 กก., เก้าอี้รับได้ 80 กก.) อีกทั้งตัวเบาะเก้าอี้ยังทำจากฟองน้ำนุ่มคุณภาพสูง หุ้มทับด้วยผ้าอย่างดีอีกชั้น นั่งสบาย รองรับทุกสรีระ สีวอลนัทสวยงาม เพิ่มความหรูหรา เหมาะกับการทานอาหารอันแสนอร่อยในทุกมื้อของคุณและแขกที่มาเยี่ยมเยียน

2. ชุดโต๊ะอาหาร 6 ที่นั่ง FURDINI HARRY สี DARK OAK

สำหรับครอบครัวไหนมีจำนวนสมาชิกเยอะ โต๊ะกินข้าวชุดนี้จัดว่าโดนใจอย่างแน่นอน ด้วยจำนวน 6 ที่นั่ง ทานอาหารกันพร้อมหน้าให้รสชาติอร่อยยิ่งกว่าเดิม โต๊ะทำจากไม้ MDF หนาถึง 18 มม. แข็งแรง ทนทาน พร้อมความเรียบเนียน เนื้อละเอียด ดูสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ เคลือบด้านบนด้วย PVC แม้อาหารหกก็ไม่เสียหาย ทนความร้อน ขาโต๊ะ-เก้าอี้ทำจากเหล็กคุณภาพสูง รองรับน้ำหนักสบาย เบาะเก้าอี้บุฟองน้ำหุ้ม PU นุ่ม นั่งสบาย ใช้สีสัน Dark Oak เพิ่มความหรูหรายิ่งกว่าเดิม

3. ชุดโต๊ะอาหาร 4 ที่นั่ง AS FURNITURE DORALESFANTA สีดำ

ใครอยากได้ความหรูหราชุดโต๊ะอาหารสำหรับ 4 ที่นั่งนี้ถือว่าตอบโจทย์ พื้นโต๊ะทำจากกระจกนิรภัยหนา แข็งแรงกว่ากระจกทั่วไปถึง 4 เท่า ส่วนโครงขาของโต๊ะ-เก้าอี้ใช้เหล็กอย่างดี รองรับน้ำหนักเยี่ยม เบาะและพนักพิงทำจากหนังหุ้มด้วยผ้าอีกชั้น นอกจากใช้กินข้าวยังสามารถนั่งทำงานได้ ไม่ต้องกลัวเมื่อย มาพร้อมดีไซน์แบบโมเดิร์นเหมาะกับบ้านของครอบครัวสมัยใหม่ จะตั้งไว้ที่บ้าน คอนโด ก็ไม่มีปัญหา คุ้มค่าแน่นอน

นี่คือ 3 ชุดโต๊ะสำหรับทานอาหารที่การันตีว่ามีเงินเพียงหมื่นเดียวสามารถซื้อมาเป็นเฟอร์นิเจอร์ให้กับบ้านของตนเองได้อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้หากจะซื้อรุ่นไหน แบบใด อย่าลืมพิจารณาเรื่องจำนวนสมาชิก และการรับน้ำหนักให้ดี มั่นใจเลยว่าอาหารทุกมื้อของคุณจะอร่อยมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งอยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา หรือมีใครมาเยี่ยมบ้านไม่มีเหงาแน่นอน

มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ก็คือ ผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวเพื่อป้องกันภาวะ ผิวแห้ง ผิวลอก คัน หรือระคายเคือง โดยจะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวนุ่มและอิ่มน้ำมากยิ่งขึ้น การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำทุกวัน จึงมีความสำคัญต่อผิวของเราอย่างมาก เพราะช่วยทำให้ผิวของเรามีความชุ่มชื้นและยังสามารถช่วยลดปัญหาผิวต่าง ๆ ได้อีกด้วย ยิ่งในปัจจุบันที่ผิวของเราต้องผจญกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง มลภาวะฝุ่นควัน ซึ่งส่งผลทำให้ผิวเราอ่อนแอ ขาดความชุ่มชื้น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ผิวแห้งดี ๆ ที่ทรงประสิทธิภาพในการดูแลปัญหาผิวแห้ง ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวแห้งให้กลับมาชุ่มชื้น สวยสดใสได้อีกครั้งยิ่งมีความจำเป็นอย่างมาก และหนึ่งในมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ดีที่สุดที่เราอยากแนะนำก็คือ Ultra Facial Cream มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ผิวแห้ง ที่พร้อมเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวยาวนาน 24 ชั่วโมงจากคีลส์

ULTRA FACIAL CREAM ผิวแห้งมาจากไหน..ใช้คีลส์เอาอยู่ 

Ultra Facial Cream เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดจากคีลส์ โดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ให้ผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น ถึง 2.3 เท่าทันทีที่ใช้งาน Kiehl's moisturizerสูตรนี้จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้ทั่วโลก โดดเด่นด้วยส่วนผสมทรงประสิทธิภาพที่ช่วยบำรุงรักษาปราการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวให้คงความแข็งแรงอยู่เสมอ ซึ่งปราการกักเก็บความชุ่มชื้นดังกล่าวนั้น จำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำให้ผิวแลดูสุขภาพดี เพราะปราการกักเก็บความชุ่มชื้น คือผิวชั้นนอกสุดที่คอยปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ และทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในผิว ช่วยลดการสูญเสียน้ำผ่านทางผิวชั้นนอก (transepidermal water loss หรือ TEWL)

Ultra Facial Cream ประกอบด้วยส่วนผสมทรงประสิทธิภาพสองชนิดที่ทำงานเพื่อเสริมความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมเสริมความแข็งแรงให้ปราการกักเก็บความชุ่มชื้น ได้แก่ สารสกัดจากไกลโคโปรตีน ส่วนผสมต้นตำรับที่คัดสรรจากธารน้ำแข็งในทะเลทวีปแอนตาร์ติกา ด้วยคุณสมบัติชั้นยอด ในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้อย่างล้ำลึก แม้ในสภาพอากาศที่หนาวสุดขั้ว และ สควาเลน น้ำมันบำรุงบริสุทธิ์สกัดจากผลมะกอก เสริมความแข็งแรงและคงความชุ่มชื้นให้ปราการผิว

Ultra Facial Cream เป็น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ Kiehl's ที่ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้วว่าทำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ฟื้นบำรุงปราการผิวให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวแลดูเรียบเนียน เมื่อใช้แล้วจะสัมผัสได้ว่าผิวนุ่มขึ้น แลดูสุขภาพดี การันตีด้วยยอดจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 40 ล้านกระปุก และยอดขายอันดับ 1 ผลการสำรวจยอดขายรวมผลิตภัณฑ์ Moisturizer โดย Beaute Research ในระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน ปี พ.ศ.2563

หากคุณกำลังมองหามอยส์เจอร์ไรเซอร์คุณภาพเยี่ยม Ultra Facial Cream เป็น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ Kiehl's อันดับหนึ่งในใจสาว ๆ ทุกคน