ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN

update krub

ดันจร้าา

DEMCO ลุยประมูลงานภาครัฐหนุนรายได้ปี 65 เข้าเป้า-เจรจาพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ

นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เด็มโก้ (DEMCO) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจในปี 65 จะเป็นปีที่ดี ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีกว่า 4,000 ล้านบาททยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 66 อีกทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้รัฐบาลคลายล็อกดาวน์กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การประมูลโปรเจ็คต์ภาครัฐและเอกชน เริ่มกลับมาคึกคักหลังจากอั้นมานานกว่า 2 ปี ทำให้มั่นใจว่าธุรกิจในปีนี้จะกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ DEMCO มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในส่วนของภาครัฐ ทั้งในส่วนโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจะมีการเปิดประมูลงานในส่วนงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย เฉลี่ย 1 หมื่นล้านบาท/ปี และโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเข้าประมูลงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยและสายส่ง และมีมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท/ปี ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

นอกจากนี้ ทีมผู้บริหารอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาร่วมกับพันธมิตร เพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างโอกาสในการเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ และสร้าง New S Curve จากธุรกิจแห่งอนาคต สอดรับ Mega Trends หลังเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง เช่น Computerized Base , Smart Grid , Micro Grid , Energy Storage รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ส่วนการขยายการลงทุนโครงการสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างหน่วยงานเอกชนกับเอกชน (Private PPA) DEMCO ตั้งเป้ากำลังการผลิตรวมที่ 20 เมกกะวัตต์ภายในปี 66 จากปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 2.5 เมกกะวัตต์

S โอนทุนสำรอง-ส่วนล้ำมูลค่าหุ้นล้างขาดทุนสะสมกว่า 1,988.18 ลบ.

บมจ.สิงห์เอสเตท (S) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจ ปี 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการโอนเงินทุนสำรองตามกฎหมายของบริษัทฯ ทั้งหมด จำนวน 116,642,738 บาท และส่วนล้ำมูลค่าหุ้นบางส่วน เป็นจำนวน 1,871,541,254 บาท เพื่อชดเชยขาดทุนสะสมทั้งหมดของบริษัทฯ ตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 1,988,183,992 บาท ทั้งนี้ภายหลังการชดเชยผลขาดทุนสะสมแล้ว บริษัทฯ จะยังมีส่วนล้ำมูลค่าหุ้นคงเหลืออยู่อีกจำนวน 8,889,983,394 บาท และไม่มีผลขาดทุนสะสมในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เมื่อบริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานในอนาคต ทั้งนี้ การชดเชยขาดทุนสะสมในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อส่วนของผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นเพียงการหักลบตัวเลขทางบัญชี

JWD วางเป้ารายได้ปีนี้ 6 พันลบ.พร้อมสนใจระดมทุนรูปแบบดิจิทัลแอสเสท

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) กล่าวว่า ในปี 65 ได้วางแผนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท จากปี 64 ถือเป็นปีที่บริษัทเติบโตได้ดี สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (64-68) ที่จะผลักดันรายได้รวมแตะ 10,000 ล้านบาท แม้ภาพรวมเศรษฐกิจปีที่ผ่านมายังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19

ในปึนี้คาดว่าหลายธุรกิจของ JWD จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน อาทิ ธุรกิจขนส่งสินค้า ที่มีแผนขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ขยายงานขนส่งสินค้าข้ามแดนใน สปป.ลาวและการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลากหลายรูปแบบ (Multi Modal Transportation), ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ ที่มีแผนขยายฐานลูกค้า, ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นและคลังสินค้า Fulfillment ที่จะมีพื้นที่จัดเก็บสินค้าเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ปี 65 จะมีพื้นที่คลังสินค้าห้องเย็นแห่งใหม่ 4 โครงการ ที่ทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการทุกไตรมาส คิดเป็นพื้นที่ให้บริการจัดเก็บสินค้ารวมกันประมาณ 44,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ Alpha Industrial Solutions ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง JWD และกลุ่ม Origin Property ยังมีโครงการพัฒนาพื้นที่คลังสินค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี รวมพื้นที่ให้บริการประมาณ 200,000 ตารางเมตร

"ปัจจุบันเรามีเงินทุนพร้อมรองรับแผนงานขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทั้งในรูปแบบของการลงทุนเองและร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อขยายธุรกิจปัจจุบันและการ M&A หลังจากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา JWD ได้ออกหุ้นกู้วงเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท นอกจากนี้เรามีความสนใจที่ระดมทุนในรูปแบบดิจิทัลแอสเสทอีกด้วย" นายชวนินทร์ กล่าว
นายเอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน JWD กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/64 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 4 ไตรมาสติดต่อกัน โดยมีรายได้รวม 1,476.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 176.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 1,388.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 139.1 ล้านบาท ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจของบริษัทภายใต้โมเดล Total Logistic Solutions ที่มีบริการหลากหลายอย่างครบวงจรแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น

สำหรับธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ได้แก่

(1) ธุรกิจขนส่งสินค้า มีรายได้ 265.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

(2) ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น มีรายได้ 225.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

(3) ธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย มีรายได้ 146.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.0%

(4) ธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า (Self-Storage) และบริการจัดเก็บงานศิลปะครบวงจร (Art Space) มีรายได้ 31.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161.2%

(5) ธุรกิจให้บริการอาหารที่เข้าลงทุนใน CSLF ประเทศไต้หวัน มีรายได้ 369.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7%

นอกจากนี้ บริษัทเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด (ESCO) 13.1 ล้านบาท หลังจากเข้าถือหุ้นเฟสแรก 15% นับตั้งแต่เดือน พ.ย.64

ส่วนธุรกิจที่ลงทุนในต่างประเทศมีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่ง ทั้ง Transimex ในประเทศเวียดนามที่รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 113.1 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 29.5 ล้านบาท ส่วน Phnom Penh SEZ. Plc. (PPSEZ) และ Bok Seng PPSEZ Dry Port Co., Ltd. ในกัมพูชา รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 20.0 ล้านบาท และ 7.2 ล้านบาทตามลำดับ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2.4 ล้านบาท และ 0.9 ล้านบาทตามลำดับ เนื่องจากยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมและรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสถานีบรรจุและแยกสินค้า (ICD)

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 64 ทำรายได้รวม 5,293.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 5,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 571.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจที่เติบโตโดดเด่น อาทิ ธุรกิจขนส่งสินค้า มีรายได้ 835.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย มีรายได้ 585.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ มีรายได้ 463.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ฯลฯ

SELIC ไฟเขียว Spin-Off พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ ขายหุ้น IPO เข้า SET

บมจ.ซีลิค คอร์พ (SELIC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการแปรสภาพบริษัทย่อยเป็นบริษัทมหาชนจำกัด การออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัด (PMCT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และต่อผู้ถือหุ้นสามัญบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ (Pre-emptive Offering) รวมถึงการนำหุ้นของ PMCT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Spin-Off)

ทั้งนี้ PMCT จะเสนอขายหุ้นสามัญการเพิ่มทุนจดทะเบียน 107,145,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 214,290,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จากเดิม 250,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 357,145,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 714,290,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยจะจัดสรรหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้น IPO เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทเฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นเพื่อรักษาสิทธิ (Pre-emptive Offering) ตามสัดส่วนการถือหุ้น

AQUA ออกวอร์แรนต์แจกผถห.เดิม 2:1 ราคาใช้สิทธิ 1.20 บาท/หุ้น

บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น (AQUA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายใบส คัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น ครั้งที่ 3(AQUA-W3) จำนวน 2,956,228,261 หน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) โดยไม่คิดมูลค่า ในอัตรา 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย

ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิ W3 มีอายุ 2 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิจะสามารถใช้สิทธิได้ 1 ครั้งซึ่งตรงกับวันครบกำหนดอายุของใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยอัตราการใช้สิทธิอยู่ที่ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ที่ราคาการใช้สิทธิ 1.20 บาทต่อหุ้น

 

การซื้อ-ขายทั้งปวงที่ดำเนินงานผ่านสะสม ได้ผ่านกรรมวิธีการสำรวจอย่างละเอียดลออทุกรายการ
ซื้อ-ขายในราคากลางที่ตลาดเป็นผู้กำหนด พร้อมบริการหลังแนวทางการขายระดับพรีเมียม รวมถึงการไม่เปิดเผยตัวตน พวกเรามอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีเยี่ยมที่สุดในตลาด
ซื้อ-ขายง่าย ไม่เป็นอันตราย ไม่ต้องเผยตัวตน หรือติดต่อกับผู้บริโภคหรือผู้ขายโดยตรง ช้อปหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการได้ในเพียงไม่กี่คลิก ในเว็ปไซต์สะสม SASOM
เข้าถึงข้อมูลราคาขายล่าสุดบนแพลตฟอร์ม ช่วยให้คุณสามารถพินิจพิจารณา เดา แล้วก็ศึกษาเล่าเรียนราคาของผลิตภัณฑ์ เพื่อประกอบกิจการตัดสินใจซื้อ-ขายได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

วิธีการซื้อ Puma Suede Classic Stampd 88-18
ขั้นตอนที่ 1: เลือกของ SASOM ของคุณ
เลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณปรารถนา แล้วคลิกที่ปุ่มซื้อ ถ้าหากปุ่มซื้อไม่พร้อมใช้งาน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ "ไม่มีปุ่มกดซื้อสินค้าที่ฉันต้องการ"
ขั้นตอนที่ 2: เลือกราคา, ไซส์ และก็ภาวะสินค้าที่คุณต้องการ
เลือกราคา, ขนาด รวมทั้งภาวะผลิตภัณฑ์ที่คุณอยากได้ แล้วปฏิบัติการต่อที่หน้าชำระเงิน
ขั้นตอนที่ 3: กรอกที่อยู่สำหรับในการจัดส่ง Puma Suede Classic Stampd 88-18
กรอกที่อยู่aสำหรับการจัดส่ง หรือเลือกที่อยู่ที่คุณบันทึกไว้ คุณสามารถเลือกซื้อบริการเสริม (Add-on service) หรือเข้ารหัสส่วนลด (หากมี) แล้วกดยอมรับหลักเกณฑ์และข้อแม้ก่อนคลิกต่อไป
ขั้นตอนที่ 4: ชำระเงิน Puma Suede Classic Stampd 88-18
เลือกแนวทางการจ่ายเงินที่คุณอยาก โดยคุณสามารถดูข้อมูลช่องทางการชำเงินต่างๆเหมาะ "ช่องทางการชำระเงิน"
ขั้นตอนที่ 5: สะสมดำเนินการจัดส่งสินค้า Puma Suede Classic Stampd 88-18
สะสมปฏิบัติการจัดส่งผลิตภัณฑ์ถึงมือคุณ! พร้อมค้ำประกันผลิตภัณฑ์ว่าเป็นของแท้ 100% คุณภาพรวมทั้งภาวะผลิตภัณฑ์ตรงตามมาตรฐานของสะสม หากเกิดเหตุขัดข้องใดๆก็ตาม
เกี่ยวกับรายการสั่งซื้อของคุณ ทางเราจะแจ้งให้ท่านรู้และจัดหาลู่ทางที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณ!


https://bit.ly/36zIbDR

แบงก์ชาติยูเครนสั่งระงับการโอนเงินทางดิจิทัล ส่งผลปชช.แห่ใช้คริปโทฯ

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ธนาคารกลางยูเครน (NBU) สั่งระงับการโอนเงินทางระบบดิจิทัล โดยเป็นมาตรการหนึ่งในกฎอัยการศึกที่รัฐบาลประกาศใช้ทั่วประเทศ ส่งผลให้ชาวยูเครนบางส่วนหันไปใช้สกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีแทน

ธนาคารกลางยูเครนออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) ให้ผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ระงับการออก e-money รวมถึงการเติม e-money ในวอลเล็ตด้วย โดยคำสั่งยังระบุด้วยว่า การแจกจ่าย e-money ถูกระงับไว้ชั่วคราว

ทั้งนี้ e-money ดังกล่าวน่าจะหมายถึงเงินตราที่ถืออยู่ในบัญชีดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น เวนโม (Venmo) หรือเพย์พาล (PayPal)

นอกจากนี้ ธนาคารกลางยูเครนยังมีมติต่าง ๆ อาทิ ออกคำสั่งระงับการซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ, จำกัดการถอนเงินสด และห้ามออกสกุลเงินต่างประเทศจากบัญชีธนาคารลูกค้ารายย่อย

ขณะเดียวกัน คูนา (Kuna) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโทฯ ยอดนิยมของยูเครนเปิดเผยว่า ผู้ซื้อในประเทศยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อซื้อสเตเบิลคอยน์เทเทอร์ (Tether USD ? USDT) ซึ่งผูกกับราคาดอลลาร์สหรัฐ

นายไมเคิล โชบาเนียน ผู้ก่อตั้งคูนา ให้สัมภาษณ์กับคอยน์เดสก์ (Coindesk) ว่า "เราไม่ไว้ใจรัฐบาล เราไม่ไว้ใจระบบธนาคาร เราไม่ไว้ใจสกุลเงินท้องถิ่น คนส่วนใหญ่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากคริปโทฯ"

อนึ่ง เทเทอร์เป็นสเตเบิลคอยน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีมูลค่าตลาดเกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ และราคาค่อนข้างมีเสถียรภาพ ต่างจากคริปโทฯ อย่างบิตคอยน์และอีเทอเรียมที่มีความผันผวนสูงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน

DIPEPTIDE NANO ENCAPSULATION

ใน Mana collagen มานาคอลลาเจน

นวัตกรรมใหม่ ลิขสิทธิ์หนึ่งเดียวจาก Asahi  คอลลาลาเจนไดเปปไทด์ ซึ่งผ่านนวัตกรรม Nano ให้มีอนุภาคเล็กและดูดซึมได้ดีที่สุดในโลก สามารถดูดซึมตั้งแต่ชั้นผิวหนังและดูดซึมสู่เส้นเลือดได้ทันที และนวัตกรรม Encapsulation ช่วยให้คอลลาเจนอยู่ในร่างกายได้นานขึ้นและสามารถดูดซึมได้ทั้งหมด ทำให้เห็นผลไว ผิวใส เนียน กระชับ
เป็นนวัตกรรมใหม่ Encapsulation ที่ทำให้โมเลกุลเล็กลงจากตัวเก่า มานาคอลลาเจนสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้นถึงชั้นผิวหนัง (ดีที่สุดในโลก) เห็นผลไวกว่า ใสกว่า ละลายน้ำง่าย ไม่มีกลิ่นคาว
และยังเพิ่มสาร Premium Q10 เป็นสารต้านอนูมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกันโรคภัยต่างๆอีกด้วย
มานาคอลลาเจน พรีเมี่ยมคอลลาเจน 1 กระป๋อง ปริมาณบรรจุ 110,000 มก.
มานาคอลลาเจน ปริมาณ 5,000 มก. ต่อ 1 ช้อนตวง (มีแถมให้ในกระป๋อง)

ทาน มานาคอลลาเจน วันละ 1 ช้อน สามารถทาน มานาคอลลาเจน ได้ถึง 22 วัน

สนใจ mana collagen ทัก
สมัครตัวแทนจำหน่าย ท้ก
---------------------------------------------------------
Line:@collagen
http://line.me/ti/p/@collagen
FB. https://www.facebook.com/manacollagedipeptide
www.manaok.com
www.manaextra.com
www.manathailand.page

JAS ASSET สุดยอด! อวดงบปี 64 กำไรพุ่ง 186% ชูธุรกิจ Community Mall - Senior Wellness หนุนกำไรปี 65 โตต่อไม่หยุด

JAS ASSET ประกาศผลงานติดลมบน ปี 64 กำไรทะยาน 186 % อยู่ที่ 161.4 ลบ. ดันธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เติบโตแม้ในยุคโควิด มองปี 65 จัดทัพลุย 4 ธุรกิจหลัก ชู Community Mall รับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยโครงการล่าสุดเปิดตัวในเดือนธันวาคม 64 ที่ผ่านมา ในชื่อ JAS Green Village Kubon เข้ามารับรู้รายได้ในปีนี้เต็มปี แถมปัจจุบัน อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ Senera Senior Wellness จับกระแส Healthcare Service เสริมงบแรงไม่หยุด

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (J) เปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2564 (มกราคม - ธันวาคม 2564) งบสุดแข็งแกร่ง มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 161.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 186% สาเหตุมาจากการบริหารจัดการต้นทุน การปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร การควบคุมค่าใช้จ่าย และการบริหารต้นทุนค่าเช่าที่ดีขึ้น ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 433.5 ล้านบาท ลดลง 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน

โดยการเติบโตในครั้งนี้ มองว่า มาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มทยอยเก็บเกี่ยวความสำเร็จ จากโครงการที่มีการเปิดตัวต่อเนื่อง และในปี 2564 ได้เปิดตัวศูนย์การค้าประเภท Community Mall แห่งใหม่เพิ่ม 1 โครงการ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รวมปัจจุบัน บริษัทฯ มี Community Mall 5 แห่ง มองว่าเป็นเทรนด์ใหม่ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจในการเข้ามาจับจ่ายสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สถานการณ์โควิดที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่อง พร้อมด้วยการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น สะท้อนถึงกลยุทธ์มุ่งเน้นการเติบโตของกำไรเป็นสำคัญ

ในปี 2565 เจเอเอส แอสเซ็ท จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง เดินหน้าโฟกัส 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจบริหารพื้นที่เช่า IT Junction จะมีการปรับโมเดลใหม่ๆ เพื่อสอดรับยุคเทคโนโลยีบูม ธุรกิจ JAS Property หรือการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยในช่วง 2 ปีก่อน ได้เปิดตัวคอนโดฯ ในชื่อ NEWERA ผลตอบรับดีเยี่ยม และวางแผนจะปิดโปรเจกต์ปีนี้ อีกทั้ง ยังมีการก่อสร้าง-ปรับปรุง อสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านมือสองพร้อมอยู่ร่วมกับบริษัทย่อยของ JMT คาดจะสนับสนุนยอดขายกลุ่มนี้ชัดเจนขึ้น

สำหรับธุรกิจ Community Mall มองว่าจะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้มากว่า 7 ปี มั่นใจว่าจะก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำ Community Mall ที่มีความแตกต่าง เป็นแนวโน้มของห้างยุคใหม่ และไฮไลท์ล่าสุดในปี 2564 บริษัทฯ ได้เปิดตัว JAS Green Village บนถนนคู้บอน ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สร้างกระแสรายได้ใหม่ให้กับบริษัท และรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2565

ธุรกิจสุดท้าย Senior Wellness บริษัทฯ มองว่าจะเป็นอีก Key Success และเกาะเมกะเทรนด์ด้านเฮลธ์แคร์ เซอร์วิส (Healthcare Service) ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ Senera Senior Wellness ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแห่งใหม่ ตอบรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศ (Aging Society) และเป็นครั้งแรกของโมเดลศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่อำนวยความสะดวกครบครัน ในโลเคชั่นอยู่ติดกับห้าง JAS Green Village ถนนคู้บอน พร้อมเปิดให้บริการปลายปีนี้

IP งบปี 64 ฟอร์มแกร่ง! กำไรสุทธิพุ่งทะลุ 110 ลบ.-รายได้โตกว่า 106%

บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา ปิดปี 2564 ผลงานโตแกร่ง กำไรสุทธิพุ่ง 86.45% ทะลุ 110 ล้านบาท กวาดรายได้ไปกว่า 920 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดกว่า 106% ตามการเติบโตของยอดขายที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่องทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับคนและสัตว์เลี้ยง พร้อมรับรู้รายได้จากโรงงาน "เทวา ฟาร์มา" เกือบ 70 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 1,600-1,800 ล้านบาท

 ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนา คิดค้น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและนวัตกรรมความงามสำหรับคน และผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 ว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 110.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.45% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน รายได้รวมเติบโตก้าวกระโดดกว่า 106% แตะ 921 ล้านบาท ส่วนสำคัญมาจากรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 105% อยู่ที่ 909 ล้านบาท ตามการเติบโตของยอดขายทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับคนและสัตว์เลี้ยง โดยยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับคนเติบโตต่อเนื่องขึ้นราว 132% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แตะ 572 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์โปรไบโอติก และ Fit Series ที่ยังคงมีกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค  

ขณะที่ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงทำได้ 336 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 71% ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์อาหารทานเล่นสัตว์เลี้ยงแบรนด์ "Choo Choo" และผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ "มาเรีย" นอกจากนี้ บริษัทฯยังรับรู้รายได้จากการขายยาสามัญ ทั้งแบบรับจ้างผลิต (OEM) และจัดจำหน่ายเองจากโรงานผลิตยาบริษัท เทวา ฟาร์มา จำกัด (ซื้อกิจการ 11 สิงหาคม 2564) อีกราว 68 ล้านบาท 

สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายอยู่ที่ 165 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 30% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ตามต้นทุนขายที่ขยับตามการเติบโตของยอดขาย รวมถึงการเพิ่มจำนวนพนักงานขายให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ และการซื้อสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่อย่างไรก็ตาม เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าการเติบโตของยอดขาย ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 69% สาเหตุหลักๆมาจากการปรับฐานเงินเดือน และจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อกิจการโรงงานยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin : GP) อยู่ที่ระดับ 44.11% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin : NP) อยู่ที่ระดับ 12% ซึ่งขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงคุณภาพด้านต่างๆของผลิตภัณฑ์กลุ่มเวชภัณฑ์รักษาโรค และเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมออกจำหน่าย เพื่อผลักดันอัตรากำไรให้ปรับเพิ่มสูงขึ้น

ดร.ตฤณวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความคืบหน้าการเข้าซื้อหุ้น 88.67% ของทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว มูลค่าราว 311 ล้านบาท ของบริษัท ดรัก แคร์ จำกัด ผู้นำธุรกิจร้านขายยาภายใต้แบรนด์ "LAB PHARMACY" ซึ่งประกอบธุรกิจมายาวนานถึง 29 ปีนั้น ล่าสุดอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน ยืนยันสามารถชำระเงินและโอนหุ้นทั้งหมดได้ภายในไตรมาส 1/2565 ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งนับเป็นอีกย่างก้าวการขยายธุรกิจเข้าสู่การจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ (ยา) สำหรับคน และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ต่อจิ๊กซอว์การดำเนินธุรกิจให้มีความครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อผลักดันยอดขายและกำไรเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง มั่นใจภาพรวมปี 2565 จะเป็นปีแห่งการเติบโตที่ดีของบริษัทฯ กำไรสุทธิและรายได้เติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 1,600 - 1,800 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา แบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.นวัตกรรมยารักษาโรค (Pharmaceutical Innovation), 2.โภชนบำบัดเพื่อการรักษาสุขภาพและชะลอวัย (Wellness & Anti-Aging Nutraceuticals), 3.เวชสำอางและนวัตกรรมความงาม (Cosmeceuticals & Aesthetic Innovation), 4.ผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพของสัตว์เลี้ยง(Companion Animal Healthcare) และ5.ผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพสำหรับปศุสัตว์ (Livestock Animal Healthcare) 

คมนาคม ผลักดันใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสำหรับขนส่งทางราง EV on Train

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวหลังการประชุมเรื่องการผลักดันการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการขนส่งสาธารณะ กรณีรถไฟขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า EV on Train ครั้งที่ 3 ว่าเพื่อเร่งรัดการผลักดันการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการขนส่งสาธารณะ กรณีรถไฟขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า EV on Train จึงให้สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เตรียมยื่นขอรับการสนับสนุนทุนวิจัย EV จากเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปีงบประมาณปี 65

นอกจากนี้ รฟท. ยังได้ร่วมมือกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จัดตั้งคณะทำงานร่วมภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการขนส่งทางรางด้านรถจักรล้อเลื่อนเพี่อการพัฒนาไปสู่ระบบไฟฟ้า เพื่อศึกษาวิจัยและพัฒนารถไฟ EV on Train ของประเทศไทย ซึ่งมีโครงการในการศึกษาและพัฒนารถไฟ EV Shuttle Train ต้นแบบที่จะวิ่งใช้งานเชื่อมต่อกับสถานี ARL ลาดกระบัง สู่สถานี สจล. และสถานีหัวตะเข้

และยังได้สั่งการเพิ่มเติม ให้ศึกษาการใช้ EV on Train ในระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่ใช้ในเมืองด้วย เพื่อให้สามารถลดต้นทุน ในการติดตั้งและดำเนินการ รวมถึงให้กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนและเร่งรัด Action plan เพื่อให้แปรนโยบายไปสู่การปฏิบัติได้

ทั้งนี้เพื่อเป็นไปตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายนโยบายการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อให้ประเทศไทยสามารถลดก๊าซเรือนกระจกลงได้ 20 - 25% ภายในปี73 โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แทนน้ำมันเชื้อเพลิงในระบบขนส่งของประเทศ รวมทั้ง "นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า" หรืออุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-generation Automotive) ซึ่งเป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่รัฐบาลให้การส่งเสริมอย่างจริงจัง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.yslbeautyth.com/ysl-rouge-pur-couture-the-slim-glow-matte-lipstick.html

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.yslbeautyth.com/all-hours-foundation.html

www.facebook.com/mediapro60
สอนทำพิมพ์ สอนหล่อเรซิ่น น้ำยาดับกลิ่นเรซิ่น