• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Beer625

#6751
ติดต่อศูนย์บริการลูกค้าเงินทันเด้อได้ที่
ID Line : @MoneyThunder
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ : https://www.money-thunder.com/
#6755
ASIMAR กางแผนปีนี้ดันรายได้โต 10% จากสัญญาณงานซ่อม-ต่อเรือปลายปี 64 ฟื้น

นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ (ASIMAR) เปิดเผยว่า แผนงานในปี 65 บริษัทวางเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากปีก่อน จากปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ราว 245 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทั้งหมด และการเดินหน้าประมูลงานใหม่ทั้งจากภาครัฐและเอกชน

"แผนธุรกิจของ ASIMAR ในปีเสือทอง และปีนี้ครบรอบ 40 ปีของการก่อตั้งบริษัท ทีมบริหารยังคงมุ่งมั่นสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจ โดยแผนปี 65 นี้ ยังคงเดินหน้าเร่งประมูลงานใหม่ และในช่วงไตรมาส 1/65 นี้ได้ยื่นประมูลงานกับทางภาครัฐ โดยเป็นงานต่อเรือ คาดทยอยประกาศผลงานภายในไตรมาส 2/65 นี้ ส่วนงานเอกชนอยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติม เป็นกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว คาดทราบผลชัดเจนภายในไตรมาส 2-3/65 และมองว่าโอกาสอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ เป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานของธุรกิจการขนส่งทางน้ำ ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการต่อเนื่องไม่มีหยุด" นายสุรเดช กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 64 บริษัทมีรายได้รวม 530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35 ล้านบาท เติบโต 7% จากปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากงานซ่อมเรือ 371 ล้านบาท และรายได้จากงานต่อเรือและจัดหาเรือ 136 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท ลดลง 9 ล้านบาท จากผลกระทบสถานการณ์ COVID ช่วงไตรมาส 3/64 ลูกค้าเลื่อนเข้าซ่อมและขาดกำลังพล แต่กลับมารับงานได้ตามปกติในช่วงปลายปี

"แม้ในปีที่ผ่านมา เอเชียน มารีนฯ ยังเจอความท้าทายในหลายปัจจัย แต่ด้วยกลยุทธ์ และแผนธุรกิจที่วางไว้อย่างรัดกุม ส่งผลให้ผลงานปี 64 ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย แต่อาจจะมีสะดุดในช่วงไตรมาส 3/64 เหตุจากสถานการณ์โควิดที่รุนแรงในโซนพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ทำให้ลูกค้าที่จะนำเรือมาซ่อมต้องชะลอดูสถานการณ์ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่คือกลุ่มเรือบรรทุกสินค้า ถ้ามีลูกเรือติดโควิดแม้แต่คนเดียวก็ต้องถูกกักตัวทั้งลำ ไม่สามารถส่งสินค้าได้ แต่ในช่วงไตรมาส 4/64 สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากเดิมที่ลูกค้ามีการชะลอการซ่อมเรือ และงานต่อเรือ ก็กลับมาส่งงานให้ตามปกติ ทำให้ผลงานยังคงเป็นไปตามเป้า และสามารถส่งมอบงานให้ลูกค้าได้ตามกำหนด" นายสุรเดชกล่าว
อีกหนึ่งความท้าทายของบริษัทคือ เรื่องการขาดแคลนแรงงาน เนื่องด้วยมาตรการภาครัฐที่ไม่สามารถนำแรงงานเข้ามาทำงานในประเทศได้ จึงปรับแผนรับแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศมาทดแทนก่อน แต่ในปัจจุบันกระทรวงแรงงาน เปิดให้นำเข้าแรงงานต่างชาติเข้ามาในประเทศได้แล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 16 ก.พ. 65) ทางบริษัทจึงเร่งหาแรงงานเพิ่มเติมเพื่อรองรับงานในอนาคต และคาดสถานการณ์จะดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป
#6756
ASIMAR ปี 65 ปรับแผนสู้ COVID รายได้โต 10% ลุยประมูลงานใหม่เสริมแกร่ง ด้านบอร์ดเคาะจ่ายปันผล 0.10 บ./หุ้น

เอเชียน มารีนฯ (ASIMAR) ฟอร์มยังเฉียบ ปรับเกมธุรกิจสู้โควิด ปิดงบปี 64 รายได้โตขึ้นเกือบ 7% ด้านซีอีโอ "สุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์" เปิดสตอรี่ปีเสือทอง พร้อมควบ 40 ปีก่อตั้งบริษัทฯ เตรียมรับทรัพย์คว้างานใหม่จากงานประมูลของภาครัฐ ดัน Backlog ในมือพุ่ง จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 240 ลบ. แย้ม อยู่ระหว่างรอปิดดีลงานภาครัฐและเอกชนเพิ่ม วางเป้าปี 65 รายได้โต 10 % ด้านบอร์ดฯ ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.10 บ./หุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 14 มีนาคม 65 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 นี้

นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR ผู้ประกอบธุรกิจซ่อมเรือและต่อเรือ รวมถึงกิจการก่อสร้างงานด้านวิศวกรรมอื่น ๆ เช่น งานโครงสร้างเหล็ก เป็นต้น เปิดเผยถึง ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 64 บริษัทมีรายได้รวม 530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35 ล้านบาท โต 7% จากปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากงานซ่อมเรือ 371 ล้านบาท และรายได้จากงานต่อเรือและจัดหาเรือ 136 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 21 ล้านบาท ลดลง 9 ล้านบาท จากผลกระทบสถานการณ์ COVID ช่วงไตรมาส 3/64 ลูกค้าเลื่อนเข้าซ่อมและขาดกำลังพล โดยที่กลับมารับงานได้ตามปกติในช่วงปลายปี

"แม้ในปีที่ผ่านมา เอเชียน มารีนฯ ยังเจอความท้าทายในหลายปัจจัย แต่ด้วยกลยุทธ์ และแผนธุรกิจที่วางไว้อย่างรัดกุม ส่งผลให้ผลงานปี 64 ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย แต่อาจจะมีสะดุดในช่วงไตรมาส 3/64 เหตุจากสถานการณ์โควิดที่รุนแรงในโซนพื้นที่จ.สมุทรปราการ ทำให้ลูกค้าที่จะนำเรือมาซ่อมต้องชะลอดูสถานการณ์ เนื่องจาก ลูกค้าส่วนใหญ่คือกลุ่มเรือบรรทุกสินค้า ถ้ามีลูกเรือติดโควิดแม้แต่คนเดียว ต้องถูกกักตัวทั้งลำ ไม่สามารถส่งสินค้าได้ แต่ในช่วงไตรมาส 4/64 สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากเดิมที่ลูกค้ามีการชะลอการซ่อมเรือ และงานต่อเรือ ก็กลับมาส่งงานให้ตามปกติ ทำให้ผลงานยังคงเป็นไปตามเป้า และสามารถส่งมอบงานให้ลูกค้าได้ตามกำหนด" นายสุรเดชกล่าว

อีกหนึ่งความท้าทายของบริษัทคือ เรื่องการขาดแคลนแรงงาน เนื่องด้วยมาตรการภาครัฐที่ไม่สามารถนำแรงงานเข้ามาทำงานในประเทศได้ จึงปรับแผนรับแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศมาทดแทนก่อน แต่ในปัจจุบันกระทรวงแรงงาน เปิดให้นำเข้าแรงงานต่างชาติเข้ามาในประเทศได้แล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 16 ก.พ. 65) ทางบริษัทจึงเร่งหาแรงงานเพิ่มเติม เพื่อรองรับงานในอนาคต และคาดสถานการณ์จะดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป

สำหรับปี 65 บริษัทวางเป้าหมายรายได้เติบโต 10 % จากปีก่อน จากปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ราว 245 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทั้งหมด และการเดินหน้าประมูลงานใหม่ทั้งจากภาครัฐและเอกชน

"แผนธุรกิจของ ASIMAR ในปีเสือทอง และปีนี้ครบรอบ 40 ปีของการก่อตั้งบริษัท ทีมบริหารยังคงมุ่งมั่นสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจ โดยแผนปี 65 นี้ ยังคงเดินหน้าเร่งประมูลงานใหม่ และในช่วงไตรมาส 1/65 นี้ ได้ยื่นประมูลงานกับทางภาครัฐ โดยเป็นงานต่อเรือ คาดทยอยประกาศผลงานภายในไตรมาส 2/65 นี้ ส่วนงานเอกชน อยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติม เป็นกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว คาดทราบผลชัดเจนภายในไตรมาส 2-3/65 และมองว่าโอกาสอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ เป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานของธุรกิจการขนส่งทางน้ำ ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการต่อเนื่องไม่มีหยุด" นายสุรเดชกล่าว

ทั้งนี้เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นและตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นเงินรวม 25.83 ล้านบาท ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับมติของการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในวันที่ 8 เมษายน 2565 โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 14 มีนาคม 2565 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 6 พฤษภาคม 2565
#6757
BEM คาดรายได้ปี 65 ฟื้นกลับไปใกล้เคียงปี 63 หลังปริมาณจราจร-ผู้โดยสารดีขึ้น

นายธนาวัฒน์ วรรณดิษฐ์ ผู้จัดการอาวุโสนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 65 น่าจะใกล้เคียงปี 63 ที่มีรายได้ 1.43 หมื่นล้านบาท จากปริมาณจราจรบนทางด่วนและจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้ากลับมาดีขึ้น แม้จะยังคงมีสถานการณ์การระบาดโควิด-19 แต่รัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ ประกอบกับประชาชนมีการฉีดวัคซีนมากขึ้นแล้ว เชื่อว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ค่อยๆ ทยอยเปิดมากขึ้น รวมถึงโรงเรียนก็เริ่มเปิดเรียน on site มากขึ้น

ทั้งนี้ ในเดือน ม.ค.65 ปริมาณจราจรบนทางทางด่วนขึ้นมาระดับ 9.4 แสนคัน ดีกว่าปีก่อนเฉลี่ยที่ 8.5 แสนคัน ซึ่งคาดว่าทั้งปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นมาแตะที่ 1 ล้านคัน กลับไปใกล้เคียงกับปี 63 ที่มีปริมาณจราจรเฉลี่ย 1.05 ล้านคัน

ส่วนจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า (Ridership) คาดว่าในปีนี้น่าจะกลับมาแตะดับ 2 แสนคน/วัน โดยในเดือน ม.ค.65 มีจำนวนผู้โดยสารที่ 1.74 แสนคน/วัน จากปีก่อนจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 1.5 แสนคน/วัน ขณะที่ปี 63 มี Ridership เฉลี่ย 2.6 แสนคน/วัน นอกจากนี้ ยังจะมีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นที่กำลังจะเปิดเดินรถในปีนี้ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร รวมถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นก็ช่วยหนุนจำนวนผู้โดยสารให้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

อย่างไรก็ดี บริษัทมองว่าโอกาสที่รายได้จะดีกว่าปี 62 ที่มีรายได้ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาทซึ่งยังไม่ได้เปิดส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 กลับสภาวะปกติเป็นโรคประจำถิ่น หลังจากรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขสามารถดูแลจัดการได้ เพราะปัจจุบัน BEM เดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินครบเป็นวงกลมพาดผ่านเส้นทางใจกลางเมือง (CBD) ในกรุงเทพเหมือนรถไฟฟ้าสายสีเขียว

"ปี 64 น่าจะเป็น Bottom ปีนี้น่าจะรีบาวด์กลับขึ้นมา สถานการณ์ดีขึ้น รายได้น่าจะมีตัวเลขใกล้เคียงปี 63"นายธนาวัฒน์ กล่าว
อนึ่ง ปี 64 BEM มีรายได้ 1.15 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 1,010 ล้านบาท ลดลงจากปี 63 เท่ากับ 20% และ 51% ตามลำดับ

นายธนาวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเข้าลงทุนโครงการใหม่ที่เป็นโครงการของภาครัฐในลักษณะร่วมลงทุน โดยบริษัทมองว่าเป็น S-Curve ใหม่ของบริษัทที่จะหนุนการเติบโตของบริษัทในอนาคต ได้แก่ โครงการทางด่วน Double Deck หรือทางด่วนชั้นที่ 2 ช่วงประชาชื่น-อโศก ระยะทาง 14.7 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุน 31,500 ล้านบาท ซึ่งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) อยู่ระหว่างศึกษาโครงการและเตรียมทำรายการผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

โครงการมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทางที่มีส่วนเชื่อมต่อทางด่วนของบริษัท ได้แก่ โครงการมอเตอร์เวย์นครปฐม -ปากท่อ (M8) เฟสแรก ระยทาง 63 กิโลเมตร มูลค่า 51,760 ล้านบาท , โครงการมอเตอร์เวย์วงแหวนตะวันออก (บางขุนเทียน-บางบัวทอง) (M9) ระยะทาง 36 กิโลเมตร มูลค่าลงทุน 56,035 ล้านบาท และ โครงการมอเตอร์เวย์ศรีนครินทร์-สนามบินสุวรรณภูมิ (M7) ระยะทาง 19 กม. มูลค่า 29,500 ล้านบาท โดยคาดว่ากรมทางหลวงน่าจะออกประมูลในปี 66 ซึ่งรูปแบบการลงทุน PPP อาจเป็นแบบ Net Cost ที่ให้เอกชนก่อสร้างและบริหารโครงการ หรือเป็นแบบ Gross Cost ที่ให้เอกชนบริหารอย่างเดียว

นอกจากนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (มีนบุรี-บางขุนนนท์) คาดว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คาดจะประมูล มี.ค.-เม.ย.65 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ขณะนี้ได้ผู้รับเหมางานโยธาแล้ว คาดว่าหลังจากนี้ รฟม.จะเจรจากับ BEM ในการบริหารการเดินรถ ซึ่งปัจจุบันบริษัทรับจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง

"โครงการที่เข้าลงทุน จะเป็น S-Curve ใหม่ ทำให้บริษัทเติบโตแน่นอน แต่การทำโปรเจ็คต์ใหญ่ ยังไม่สามารถได้ Return เร็ว ซึ่งอย่างน้อย 10 ปี เพราะแต่ละโครงการใช้เงินลงทุน 3-4 หมื่นล้านบาท ดังนั้น หุ้น BEM เป็นหุ้น Long term"
นายธนาวัฒน์ กล่าวว่า ในปีนี้ก็ยังให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย ส่วนการออกหุ้นกู้คาดว่าจะใช้รีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน จำนวน 3 พันล้านบาทในเดือน พ.ค.และ ก.ย.65
#6758
เสริมจมูก สมุทรปราการอาเซียนบิวตี้คลีนิคศัลยกรรมต้นๆของประเทศดูแลทุกปัญหาความสวย  
ผิวพรรณ ศัลยกรรมตกแต่ง และเวชศาสตร์ชะลอวัย พร้อมการดูแลความสวยงาม
เสริมจมูก สมุทรปราการแบบองค์รวม ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายตีน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  
และก็ คณะทำงานมือโปร 
เสริมจมูก สมุทรปราการทั้งไทยและต่างแดน 


https://bit.ly/3vI9Eh4
#6759
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลบ 3.08 จุด กังวลภาคบริการจีนชะลอตัว

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ หลังมีรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.ของจีนปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2564

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,481.11 จุด ลดลง 3.08 จุด หรือ -0.088%

ผลสำรวจซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซินระบุว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ.ของจีนปรับตัวลงสู่ระดับ 50.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2564 จากระดับ 51.4 ในเดือนม.ค. เนื่องจากภาคบริการของจีนได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นายหวัง ฉือ นักวิเคราะห์จากบริษัทไฉซิน อินไซต์ กรุ๊ปกล่าวว่า อุปสงค์ในภาคบริการของจีนหดตัวลง ขณะที่อุปทานขยายตัวอย่างจำกัด เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของภาคบริการ

ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง 2% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ดิ่งลง 2.1% และดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน ปรับตัวลง 1.9%
#6760
'ซิตี้กรุ๊ป' เชียร์นักลงทุนซื้อหุ้น ชูสถิติบ่งชี้หุ้นขึ้นหลังร่วงจากข่าวสงคราม
 
ซิตี้กรุ๊ปออกรายงานแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นสหรัฐ เนื่องจากสถิติบ่งชี้ว่าราคาหุ้นมักดีดตัวขึ้น หลังจากร่วงลงจากเหตุการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์

ทั้งนี้ นายโรเบิร์ต บัคแลนด์ หัวหน้านักวิเคราะห์หุ้นของซิตี้กรุ๊ป ระบุว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในยูเครน จะส่งผลกระทบต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย และหุ้นสถาบันการเงินบางแห่งเท่านั้น

'เรายังคงต้องการซื้อหุ้นเมื่อราคาดิ่งลง ขณะที่หุ้นในตลาดโลกมักดีดตัวขึ้น 10-20% หลังจากเกิดวิกฤตการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์หลายครั้งที่ผ่านมา' รายงานระบุ
ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ปได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นสหรัฐ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศในระดับโลก ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในขณะนี้ หลังเกิดวิกฤตการณ์ในยูเครน

รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของนายอีเลม เซนยุซ นักกลยุทธ์ด้านมหภาคของบริษัท Truist ที่ได้แนะนำให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นในขณะนี้ เนื่องจากสถิติที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นมักดีดตัวขึ้น หลังจากร่วงลงจากเหตุการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ เว้นแต่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

นายเซนยุซระบุว่า ความเสี่ยงในระยะใกล้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่แนวโน้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นในขณะนี้

'แม้ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ แต่สถิติบ่งชี้ว่าเหตุการณ์ที่เป็นวิกฤตการณ์ทางทหารมีแนวโน้มที่จะทำให้ตลาดเกิดความผันผวน และมักทำให้ตลาดปรับตัวลงในระยะสั้น แต่ตลาดหุ้นก็มักจะดีดตัวขึ้นมาได้ในที่สุด นอกจากว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย' รายงานระบุ
รายงานยังระบุว่า ราคาพลังงานและสินค้าเกษตรที่พุ่งขึ้นจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดเกิดใหม่และเศรษฐกิจยุโรป แต่สหรัฐจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าในอดีต เนื่องจากมีแหล่งพลังงานภายในประเทศ ดังนั้นบริษัท Truist จึงยังคงแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐมากกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ

นอกจากนี้ นายเซนยุซเปิดเผยว่า จากการติดตามผลสำรวจความเชื่อมั่นของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน (AAII) พบว่า ความเชื่อมั่นที่อยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ มักตามมาด้วยการดีดตัวขึ้นของดัชนี S&P 500 มากกว่า 90% ของช่วงเวลาในระยะ 3-12 เดือนข้างหน้า
#6761
DIPEPTIDE NANO ENCAPSULATION

ใน Mana collagen มานาคอลลาเจน

นวัตกรรมใหม่ ลิขสิทธิ์หนึ่งเดียวจาก Asahi  คอลลาลาเจนไดเปปไทด์ ซึ่งผ่านนวัตกรรม Nano ให้มีอนุภาคเล็กและดูดซึมได้ดีที่สุดในโลก สามารถดูดซึมตั้งแต่ชั้นผิวหนังและดูดซึมสู่เส้นเลือดได้ทันที และนวัตกรรม Encapsulation ช่วยให้คอลลาเจนอยู่ในร่างกายได้นานขึ้นและสามารถดูดซึมได้ทั้งหมด ทำให้เห็นผลไว ผิวใส เนียน กระชับ
เป็นนวัตกรรมใหม่ Encapsulation ที่ทำให้โมเลกุลเล็กลงจากตัวเก่า มานาคอลลาเจนสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้นถึงชั้นผิวหนัง (ดีที่สุดในโลก) เห็นผลไวกว่า ใสกว่า ละลายน้ำง่าย ไม่มีกลิ่นคาว
และยังเพิ่มสาร Premium Q10 เป็นสารต้านอนูมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกันโรคภัยต่างๆอีกด้วย
มานาคอลลาเจน พรีเมี่ยมคอลลาเจน 1 กระป๋อง ปริมาณบรรจุ 110,000 มก.
มานาคอลลาเจน ปริมาณ 5,000 มก. ต่อ 1 ช้อนตวง (มีแถมให้ในกระป๋อง)

ทาน มานาคอลลาเจน วันละ 1 ช้อน สามารถทาน มานาคอลลาเจน ได้ถึง 22 วัน

สนใจ mana collagen ทัก
สมัครตัวแทนจำหน่าย ท้ก
---------------------------------------------------------
Line:@collagen
http://line.me/ti/p/@collagen
FB. https://www.facebook.com/manacollagedipeptide
www.manaok.com
www.manaextra.com
www.manathailand.page
#6762
สนใจ สอบถาม ดูได้ที่เวปไซต๋
www.manaok.com
#6763
ดัชนี SET ต้นภาคเช้าพุ่ง 10 จุด ตอบรับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยไม่รุนแรง
 
ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าพุ่งกว่า 10 จุด ตามต่างประเทศตอบรับประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง ตลาดฯ จึงคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นเพียง 0.25% ในเดือน มี.ค.นี้ ต่ำกว่าที่กังวลว่าเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.50% เพื่อสกัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ ขณะที่ราคาพลังงานปรับขึ้นจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนหนุนตลาดบ้านเราด้วย

เมื่อเวลา 9.58 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,704.28 จุด เพิ่มขึ้น 14.47 จุด (+0.86%)

TWPC เปิดวิสัยทัศน์ดันยอดขาย 1 หมื่นลบ.
 
บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC นำโดย คุณโฮ เรน ฮวา (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะผู้บริหารของบริษัท ร่วมเปิดวิสัยทัศน์ในงานแถลงข่าว "ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจปี 2564 และทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2565 ด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืน" โดยระบุว่า ปีนี้จะมุ่งเน้นขับเคลื่อนธุรกิจที่มีความยั่งยืน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงพัฒนานวัตกรรมของสินค้า เพื่อก้าวสู่ระดับสากล และมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ อีก 8-10 รายการ เช่นผลิตภัณฑ์ส่วนผสมที่ปราศจากกลูเตน (Gluten free) และโซลูชั่นด้านอาหาร รวมถึงมุ่งขยายการลงทุน ผ่านไทยวาเวนเจอร์ (Thai Wah Ventures) เพื่อลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพในการต่อยอดและพัฒนาสินค้าเกษตร เพื่อผลักดันสู่เป้าหมายยอดขายปีนี้แตะ 1 หมื่นล้านบาท งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้


ลิขิต ลือสกุลกิจไพศาล ขายหุ้น JSP ออก 11.1904% เหลือถือ 1.7773%
 
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแบบรายงานการจำหน่าย หุ้นของบมจ.เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) โดย นายลิขิต ลือสกุลกิจไพศาล ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย คิดเป็น 11.1904% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 1.7773% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
#6764
SENA ทรานส์ฟอร์มใหญ่แตกไลน์ธุรกิจ,เป้าปี 65 ยอดขาย-โอนพุ่งหลังเทคฯ JSP

น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) ประกาศแผนธุรกิจทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ สู่ SENA Next ครอบคลุม 3 เรื่องหลัก Next EXPANSION - Next ERA - Next LEVEL พร้อมเปิดโมเดลธุรกิจใหม่รูปแบบการสรางรายได้ประจำที่จะหาพาร์ทเนอร์มืออาชีพมาร่วมผลักดันบริษัทในเครือให้แข็งแกร่งขยายการเติบโตสู่ความยั่งยืน

"ในปี 65 ถือเป็นปีแห่งการทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ของ SENA ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจครั้งสำคัญภายใต้กลยุทธ์ SENA Next มิติใหม่สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมตอกย้ำแนวคิด Made From Her คิดละเอียดกว่า ก็อยู่สบายกว่า" น.ส.เกษรา กล่าว
Next Expansion: สำหรับแผนปี 65 บริษัทจะมีโครงการใหม่ 49 โครงการ 27,480 ล้านบาท

Next ERA: เฟ้นหาพันธมิตร (Partnership) เพื่อขยายโอกาสในธุรกิจใหม่ (New Business)

Next Level : การสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์

น.ส.เกษรา กล่าวว่า การสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ผ่านมา บริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ซึ่งยังคงมอบความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการร่วมมือกันพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 65 มีแผนจะพัฒนาโครงการร่วมกันทั้งแนวราบ และแนวสูง 19 โครงการ รวมมูลค่า 13,900 ล้านบาท รวมถึงฮันคิวฯ อาจจะมีการร่วมลงทุนไปยังทำเลที่ JSP เปิดโครงการใหม่ๆ ในอนาคตด้วย เช่น ในพื้นที่กัลปพฤกษ์ บางใหญ่-บางบัวทอง จ.ฉะเชิงเทรา และศรีราชา เป็นต้น

ด้านการขยายธุรกิจใหม่ๆ ในปี 65 บริษัทฯ ยังคงแสวงหาโอกาสและธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเสริมพอร์ตต่อเนื่อง เบื้องต้นวางงบลงทุนไว้ 1,000 บาท ซึ่งจะเห็นการประกาศร่วมทุน หรือการลงทุนออกมาต่อเนื่อง

บริษัทจะมุ่งเน้นการเติบโตในบริษัทลูก แบ่งเป็น

1.POWER CASH ธุรกิจบริการสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อซื้อบ้าน และคอนโดมิเนียม

2.SK ASSET MANAGEMENT ธุรกิจจัดหาและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้มีมูลค่าสูงสุดสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าผู้มีส่วนได้เสียอย่างมีธรรมาภิบาล

3.SENA WELLNESS ธุรกิจบริการด้านการดูแลป้องกันและฟื้นฟูสุขกาพ SENA จับมือทีมแพทย์ผู้ชำนาญการจัดตั้งภายใต้ Brand "SENA HEALTHCARE" ซึ่งจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้มากขึ้น เพราะตลาดมีความต้องการ และมั่นคง

4.The Service Residence ธุรกิจเรื่อง Investment Property Program (IP) และ Service Apartment

5.SENA WAREHOUSE ธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าพร้อมช่วยบริหารจัดการแบบครบวงจรสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของกลุ่มลูกค้าได้ดี โดยจะเห็นการร่วมทุน (JV) กับพันธมิตรในปีนี้ เพื่อมุ่งสร้างฐานรายได้ประจำ

6. S | FINANCIAL SERVICE ธุรกิจให้บริการทางการเงิน เพื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ลูกค้าทุกคนสามารถมีบ้านอย่างปรารถนา ที่จะร่วมมือกับพันธมิตรบริษัท IT และผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่ระดับประเทศ เบื้องต้นจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 2/65

"ในอนาคตบริษัทลูกต่างๆ ที่อยู่ในเครือจะช่วยให้ SENA มีความแข็งแกร่งมากขึ้นและหากบริษัทไหนที่มีการเติบโตสูงและมีขนาดบริษัทที่สามารถเข้าตลาดทุนได้ ก็จะดำเนินการตามแผนระยะยาว เพื่อ Spin-off บริษัทลูกเข้าตลาดหุ้นต่อไป" น.ส.เกษรา กล่าว
น.ส.เกษรา ยังเปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 65 เติบโตแตะ 13,979 ล้านบาท และยอดโอน 12,186 ล้านบาท หลังจากการควบรวมกิจการ บมจ.เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวม 41 โครงการ มูลค่ารวม 25,137 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 27 โครงการ และแนวราบ 14 โครงการ

ขณะที่บริษัทแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มในปี 65 อีก 49 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 27,480 ล้านบาท โดยจะเป็นคอนโดมิเนียม 21 โครงการ และแนวราบ 28 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ SENA มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายในมือเพิ่มเป็น 90 โครงการ รวมมูลค่า 52,617 ล้านบาท

"นี่คือนิวไฮของบริษัทฯ ทั้งในแง่ของ EXISTING PROJECTS และ NEW PROJECTS หลังซื้อ JSP ซึ่งส่งผลให้เราได้แนวราบเข้ามาทันที และอยู่ในโลเคชั่นที่เราไม่มีด้วย ดั้งนั้น จึงเป็น Strategic Acquisition ทำให้เรามีโครงการเข้ามาเพิ่มจำนวน 25 โครงการ มูลค่ารวม 8,980 ล้านบาท และเมื่อรวมกับโครงการของเสนาที่มีอยู่ 65 โครงการ มูลค่ารวม 43,637 โครงการ ก็จะทำให้เสนามีโครงการรวมทั้งสิ้น 90 โครงการ โดยเรามีเป้าหมายยอดขาย เฉพาะของเสนา จำนวน 11,563 ล้านบาท และยอดโอน 10,240 ล้านบาท ส่วนของ JSP วางเป้ายอดขายไว้ที่ 2,416 ล้านบาท และยอดโอน 1,946 ล้านบาท" น.ส.เกษรา กล่าว
สำหรับยอดขาย 13,979 ล้านบาท จะแบ่งออกเป็น คอนโดมิเนียม จำนวน 6,199 ล้านบาท คอนโดมิเนียมต่ำกว่า 1 ล้านบาท จำนวน 3,614 ล้านบาท และแนวราบ 4,166 ล้านบาท ขณะที่ยอดโอน แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม จำนวน 6,713 ล้านบาท คอนโดมิเนียมต่ำกว่า 1 ล้านบาท 1,681 ล้านบาท และแนวราบ 3,793 ล้านบาท