• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Ailie662

#3061


บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH  แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทมีกำไรสําหรับไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนและ 6 เดือนแรกของปี2564 เท่ากับ 1,034 ล้านบาท ลดลง22.8% โดยหลักมาจากต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้น 754 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% 

ครึ่งปีแรก 2564บริษัทมีรายได้รวม 13,289 ลา้นบาท ลดลง 0.8%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีภาพรวมกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ 13,222 ล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากรายได้อาคารชุดลดลง 1,750ล้านบาทหรือ ลดลง35.6% ขณะที่รายได้บ้านทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น  1,153 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19.9%  รายไดจากบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้น  543 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  21%  ทางด้านมีอัตรากำไรขั้นต้น27.5% ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 34.0%  มาจากอตัราต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนกิจการโรงพยาบาลวิมุต

ครึ่งปีแรก 2564บริษัทมีรายได้รวม 13,289 ลา้นบาท ลดลง 0.8%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีภาพรวมกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ 13,222 ล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากรายได้อาคารชุดลดลง 1,750ล้านบาทหรือ ลดลง35.6% ขณะที่รายได้บ้านทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น  1,153 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19.9%  รายไดจากบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้น  543 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  21%  ทางด้านมีอัตรากำไรขั้นต้น27.5% ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 34.0%  มาจากอตัราต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนกิจการโรงพยาบาลวิมุต

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ มีโครงการที่เริ่มเปิดขายและยังดำเนินงานอยู่ (Active Poiet) จำนวน 150 โครงการ มูลค่ารวมโครงการ (Total projed value) 161.697 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 86 โครงการ มูลค่ารวม 70,295 ล้านบาท บ้านเดี่ยวจำนวน 41 โครงการ มูลค่รวม 44.941  ล้านบาท  โครงการอาคารชุดจำนวน 23 โครงการ มูลค่รวม 46,461 ล้านบาท


ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 75.,118 านบาท โดยลดลง จากอสังหาริมทรัพย์พัฒนาเพื่อขายเป็นหลัก และบริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ประกอบด้วย เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน  1,150 ล้านมาท เงินกู้ยืมระยะยาว จำนวน 3,457 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 18,250 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและบริหารสภาพคล่องของบริษัท
#3062


มิอุ โกโตะ นักกีฬาซอฟต์.หญิงทีมชาติญี่ปุ่น ได้รับเหรียญทองโอลิมปิกอันใหม่ หลังอันเก่าโดนนายกเทศมนตรีชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งเอาไปกัดเข้าปากออกสื่อ จนโดนด่าเละเทะไม่เป็นชิ้นดี

ก่อนหน้านี้ โกโตะ ได้พบกับ ทาคาชิ คาวามูระ นายกเทศมนตรีเมืองนาโกย่า หลังคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ก่อนจะให้ คาวามูระ ได้ลองเอาเหรียญทองไปคล้องคอ แต่อีกฝ่ายกลับทำเกินกว่านั้นคือเปิดหน้ากากแล้วกัดเหรียญโชว์

แม้นักกีฬาจะมีประเพณีกัดเหรียญโชว์เวลาประสบความสำเร็จ แต่การกระทำของ คาวามูระ ส่งให้เกิดเสียงด่าทอสนั่นบนโลกออนไลน์กว่า 7,000 ครั้ง ทำนองว่าไม่ใช่เหรียญของตัวเองสักหน่อยอยู่ๆ เอาไปกัดทำไม แถมยังละเมิดกฏป้องกันการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่างหาก

ภายหลัง คาวามูระ วัย 72 ปี ได้แสดงความขอโทษต่อ โกโตะ จากพฤติกรรมไม่เหมาะสมนั้น ส่วนฝ่ายจัดการแข่งขัน "โตเกียว 2020" ก็ส่งเหรียญทองอันใหม่ไปให้นักซอฟต์.สาว แทนของเก่าที่โดนกัดจนเปื้อนน้ำลายไปแล้ว
#3063


ผู้ถือหุ้น SIMAT แฮปปี้กันถ้วนหน้า พร้อมใจโหวตหนุนแผนเพิ่มทุน 160 ล้านหุ้น เพื่อรองรับ SIMAT-W5 อัตรา 4.07:1 โดยไม่คิดมูลค่า ราคาใช้สิทธิ 2 บาท/หุ้น เติมฐานทุนแกร่ง รองรับแผนขยายธุรกิจติดปีก กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 18 ส.ค.นี้

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (SIMAT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 11 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 5 (SIMAT-W5) เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในจำนวนไม่เกิน 160,000,000 หน่วย (โดยไม่คิดมูลค่า) โดยมีอัตราส่วนการจัดสรร 4.07 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วย ซึ่งกำหนดราคาใช้สิทธิ 2 บาทต่อหุ้น และได้กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ (XW) ในวันที่ 18 สิงหาคม 2564

"SIMAT ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่าน ที่อนุมัติการเพิ่มทุนและแจกวอแรนต์ในครั้งนี้ จะส่งผลให้มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมั่นคง รองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้"

นายธีรวุฒิ กล่าวอีกว่า การออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 5 (SIMAT-W5) ถือเป็นการเสริมสร้างฐานะทางการเงินในระยะยาวของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และช่วยรองรับแผนการขยายธุรกิจใหม่ๆที่เป็น New s-curve ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตรอบใหม่ในอนาคต  หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการเข้าลงทุนในบริษัท ฮินซิซึ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (HST)
เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทก็เริ่มเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนั้น ทั้งในแง่การรับรู้กำไร และเตรียมที่จะผลักดันให้ฮินซิซึเข้าจดทะเบียนในปี 2565 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น
#3064


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบในเช้าวันนี้ เนื่องจากยังคงมีแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และความเคลื่อนไหวจากการที่รัฐบาลจีนยกระดับการใช้มาตรการควบคุมการลงทุนในหลายภาคธุรกิจ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.)

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,514.47 จุด ลดลง 10.27 จุด หรือ -0.29% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,296.19 จุด ลดลง 221.63 จุด หรือ -0.84% ขณะที่ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,038.96 จุด เพิ่มขึ้น 23.94 จุด หรือ +0.09%

ตลาดภูมิภาคยังคงเผชิญแรงกดดันจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดในขณะนี้ โดยทางการจีนได้สั่งล็อกดาวน์พื้นที่บางส่วนของท่าเรือหนิงโป-โจวซาน (Ningbo-Zhoushan Port) ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก หลังพบพนักงานติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อซัปพลายเชน และการค้าทั่วโลก

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหว หลังรัฐบาลจีนเพิ่มความเข้มงวดในการเข้าควบคุมภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยล่าสุดมีรายงานว่า จีนได้สั่งระงับกองทุนไพรเวท อีควิตี้ในการระดมทุนเพื่อเข้าลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย
#3065


บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) หรือ EA แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 2 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 1,190 ล้านบาท หรือ 0.32 บาทต่อหุ้น เพิ้มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,149 ล้านบาท หรือ 0.31 บาทต่อหุ้น 

ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 2,602 ล้านบาท หรือ 0.70 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 2,601 ล้านบาท หรือ 0.70 บาทต่อหุ้น


โดยบริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 2  จำนวน 4,935.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 759.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,175.30 ล้านบาท และมีรายได้รวมสำหรับงวด 6 เดือนแรกปีนี้จำนวน 9,641.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 704.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.89% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 8,936.71 ล้านบาท

สำหรับฐานะการเงินของบริษัทฯและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 จำนวน 81,829.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 จำนวน 3,346.17 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.26 โดยมีรายการที่เปลี่ยนแปลงหลักๆ เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด จำนวน 4,210.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี2563 จำนวน 1,260.02 ล้านบาทหรือร้อยละ 42.70 เนื่องมาจากกำไรที่เกิดจากการดำเนินงานและเงินกู้ยืมเพื่อการดำเนินงานโครงการใหม่ของ

มีหนี้สินรวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 จำนวน 49,897.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 จำนวน 1,040.32 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.13 เนื่องจากเงินกู้ยืมเพื่อการดำเนินงานโครงการใหม่ของกลุ่มบริษัท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น   จำนวน 31,932.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก สิ้นปี 2563 จำนวน 2,305.85 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.78 เนื่องจากกำไรสุทธิของครึ่งแรกของปี 2564
#3066


โธมัส ทูเคิล ผู้จัดการทีม เชลซี เผยการส่ง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายประตูชาวสแปนิช ลงไปเฝ้าเสาในช่วงการดวลจุดโทษตัดสินของเกมเจอ บียาร์รีล ศึก ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ คือสิ่งที่วางแผนไว้เป็นอย่างดี

เกปา ลงสนามช่วงนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ ที่เสมอกัน 1-1 โดยถูกมอบหมายให้มาเซฟจุดโทษโดยเฉพาะ และเจ้าตัวก็เซฟลูกยิงของ ราอูล อัลบิโอน สำเร็จ ก่อนชนะ 6-5 คว้าถ้วย ซูเปอร์ คัพ ไปครอง

ก่อนหน้านี้ เอดูอาร์ด เมนดี ยืนเฝ้าเสาในฐานะนายทวารเบอร์ 1 มาตลอด ขณะที่ เกปา การมีปัญหากับอดีตกุนซือ เมาริซิโอ ซาร์รี ที่ไม่ยอมเดินออกจากสนามเพราะสั่งให้เปลี่ยนตัวเมื่อปี 2019 ทำให้เจ้าตัวไม่มีความน่าไว้วางใจจนถูกดร็อปเป็นมือสอง

อย่างไรก็ตาม ทูเคิล ก็ชี้แจงถึงเรื่องที่ส่ง เกปา ลงไปเซฟจุดโทษว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเอง เราคุยกันเรื่องนี้มานานแล้ว เรามีสถิติที่เตรียมไว้ ซึ่งจะเห็นว่า วิลลี กาบาเยโร เซฟจุดโทษเก่งที่สุด รองลงมาคือ เกปา และสามคือ เอดู"

"ทีมวิเคราะห์และโค้ชประตูเปิดเผยข้อมูลบให้ผมดู เราคุยกับนายประตูทั้งสามอย่างเปิดเผยและบอกว่าแผนอาจเปลี่ยนได้ในรอบน็อคเอาต์ เราทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องส่วนตัว แต่เพื่อโอกาสคว้าชัยชนะจากสถิติที่เราบันทึกไว้"

"มันวิเศษมากที่ เอดู ยอมรับการตัดสินใจแบบไม่มีอีโก้ เขารู้ว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ มันคือกุญแจสำคัญ ไม่ใช่เพราะการตัดสินใจแบบปุบปับ เกปา เก่งกว่าในเรื่องนี้ และเราก็เล่นฟุต.กันเป็นทีม"
 
#3067


นางสาวมนัญญา   ไทยเศรษฐ์   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า   เพื่อเป็นการสนับสนุนผลิตผลทางการเกษตรของเกษตรกรไทยในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายของ อ.ส.ค.ในช่วงปลายปี 2564 ซึ่งคำนึงถึงวิถีชีวิตของผู้บริโภคในยุค New Normal ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้เหมือนเมื่อก่อน    

 

   จึงต้องหันมาเสาะแสวงหาสินค้าใหม่ๆในโลกออนไลน์มากขึ้น ตลอดจนตอบโจทย์ทางการตลาดที่มีแนวโน้มของผู้บริโภคมีความสนใจในการบริโภคผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มรสชาติที่มีความแปลกใหม่และหลากหลายมากขึ้น จึงได้มอบหมายให้ อ.ส.ค.    เร่งวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์นมปรุงแต่งยูเอชที เพิ่มขึ้น 2 รสชาติ คือ  รสเผือก และรสมะม่วงมหาชนก ตราไทย-เดนมาร์ค ขนาด150 มล. ภายใต้กล่องบรรจุภัณฑ์ยูเอชที "รักเรา รักษ์โลก" โดยวางเป้าหมายเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบการดื่มนมเป็นอาหารว่าง (snack drink)

 

โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น วัยเพิ่งเริ่มทำงาน ที่ดื่มนมลดลง ให้หันกลับมาดื่มนมอีกครั้ง เพราะสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย สำหรับกลุ่มเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบดื่มนม สามารถดื่มนมได้ง่ายขึ้น เพราะมีรสชาติให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญทั้ง 2 รสชาติให้พลังงาน 120 กิโลแคลอรี ต่อ 1 กล่อง 

 

"การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รสเผือกและรสมะม่วงมหาชนก นอกจากกระตุ้นยอดจำหน่ายนมไทย-เดนมาร์คในช่วงปลายปีงบประมาณ 2564 นี้แล้ว ยังเป็นการสร้างปรากฏการณ์ทางการตลาดใหม่ๆของผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม เนื่องจากทั้ง 2 รสชาติมีความสดใหม่ ผสมผสาน ผลผลิตทางการเกษตร คุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ  ซึ่งถือเป็นอีกความภาคภูมิใจที่ อ.ส.ค. ที่ได้ช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้มีรายได้และมีช่องทางตลาดมากยิ่งขึ้นซึ่งสอดคล้องกับนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ  นางสาวมนัญญา กล่าว  


  ทางด้านนายสุชาติ  จริยาเลิศศักดิ์  รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า จากผลสำรวจเกี่ยวกับการบริโภคนมของผู้บริโภคซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเฉลี่ยการดื่มนม/คน/วันยังนับว่ามีอัตราที่ค่อนข้างน้อย โดยช่วงอายุ 13-20 ปี บริโภคนมลดลงกว่าครึ่ง จากสัดส่วน 89% เหลือเพียง 44% เมื่อเทียบกับวัยอนุบาลและประถมศึกษา ซึ่งเฉลี่ยโดยประมาณ 70% ดื่มนม เพียง 1 ครั้งในตอนเช้าหรือก่อนนอน และสาเหตุที่ไม่ดื่มนม เพราะไม่ชอบดื่มนมถึง 24.50% และคิดว่าไม่จำเป็นอีก 12.58% ดังนั้น อ.ส.ค. จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารมากขึ้น และมีสินค้าใหม่เกิดขึ้น ซึ่ง น้ำนมโคแท้ 100% ไม่ผสมนมผง และเติมรสชาติใหม่ ผสมผสานกับวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพสูงจากเกษตรกรในประเทศไทยอีกด้วย    

 

นอกจากนี้ถือเป็นโอกาสดีของนมไทย-เดนมาร์ค ซึ่งมีข้อได้เปรียบด้านคุณภาพของสินค้าอยู่แล้ว เป็นผลิตภัณฑ์นมที่ผลิตจากนมโคแท้ 100 % ไม่ผสมนมผง ส่งตรงจากฟาร์มเกษตรไทยจริงๆ   อีกทั้งกระบวนการผลิตยังไม่มีการผสมนมผงอีกด้วย เรียกได้ว่าผู้บริโภคจะได้รับคุณประโยชน์ และวิตามินจากธรรมชาติเต็มๆแน่นอน เรายังเล็งเห็นว่า นม ยังคงเป็นอาหารที่มีประโยชน์และสามารถพัฒนาต่อยอดในตลาดได้อย่างต่อเนื่องการดื่มนมถือเป็นเครื่องดื่มทีเหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย ให้ทุกคนหันกลับมาดื่มนม ส่งเสริมคนไทยให้มีสุขภาพดี 

                นอกจากนี้การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รสชาติในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายผลักดันผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คก้าวสู่ "นมแห่งชาติ " ภายในปี 2565 อีกด้วย ซึ่งอ.ส.ค. ได้วางเป้าหมายให้คนไทยได้มีโอกาสดื่มนมที่มีคุณภาพมากขึ้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่ต้องการยกระดับความสามารถเกษตรกรโคนมไทยให้ดำรงอาชีพอย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยการสรรสร้างนวัตกรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมโคนมให้แบรนด์ ไทย-เดนมาร์ค เป็นที่หนึ่งในใจคนไทย เพื่อส่งมอบคุณค่าให้คนไทยมีสุขภาพดีด้วยผลิตภัณฑ์จากนมโคแท้ 100% ของเกษตรกรไทยตลอดไป โดย อ.ส.ค.ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการเป็นผู้นำองค์กรในด้านการสืบสานพัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคนมให้แก่เกษตรกรไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน และรองรับน้ำนมดิบที่เพิ่มขึ้น โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีประโยชน์ ช่วยส่งเสริมผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพในแต่ละท้องถิ่น เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืนและให้คนไทยมีสุขภาพดีจากการดื่มนม  

'  "สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์นมปรุงแต่งยูเอชที รสเผือก และรสมะม่วงมหาชนก ตราไทย-เดนมาร์ค  มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์นมปรุงแต่งที่ อ.ส.ค. มีจำหน่ายอยู่แล้ว คือ รสชาติใหม่ ขนาดใหม่ 150 มล.On-the-Go สะดวกในการพกพา พอดีอิ่ม ในกล่องบรรจุภัณฑ์ยูเอชที "รักเรา รักษ์โลก" ซึ่งยังคงคุณภาพของนมที่ดีที่สุด เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากน้ำนมโคแท้100% ไม่ผสมนมผง จากฟาร์มธรรมชาติของเกษตรกรไทย ส่งไปผ่านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ ณ โรงงานนมสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ผสมกับวัตถุดิบคุณภาพที่ช่วยสนับสนุนผลผลิตของเกษตรกรไทย ไม่ใช่แค่การแต่งกลิ่น แต่มีรสชาติเข้มข้นจากผลผลิต ในแต่ละท้องถิ่น อย่างเช่นรสเผือก จะใช้วัตถุดิบที่ได้จากแหล่งเพาะปลูกของเกษตรกรไทยในพื้นภาคกลาง จังหวัดสระบุรี ส่วนรสมะม่วงมหาชนกใช้วัตถุดิบที่ได้จากแหล่งเพาะปลูกของเกษตรกรไทยในพื้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดกาฬสินธุ์" นาย    สุชาติ  กล่าว   

                โดยผลิตภัณฑ์นมปรุงแต่งยูเอชที รสเผือก และรสมะม่วงมหาชนก ตราไทย-เดนมาร์คจะเป็นสินค้า Limited Edition เฉพาะในช่วงนี้เท่านั้น สามารถหาซื้อสินค้าได้จากช่องทางออนไลน์  ของ  อ.ส.ค  ได้แก่ LINE OFFICIAL นมไทย-   เดนมาร์ค Shopee Lazada พร้อมทั้งยังมีโปรโมชั่น เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม – 30 กันยายน 2564 
#3068


Worldometer drama-addict ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุเมื่อวันพุธ(11ส.ค.)ว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวน 36,897,983 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 634,698 ราย

ขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 4 ล้านราย ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 3 ล้านราย ได้แก่ เท็กซัส

รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านราย ได้แก่ ฟลอริดา นิวยอร์ก รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ได้แก่ อิลลินอยส์ เพนซิลเวเนีย จอร์เจีย โอไฮโอ นอร์ทแคโรไลนา นิวเจอร์ซีย์ มิชิแกน

นอกจากนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐ จำนวน 64,852 ราย

ทั่วโลกติดโควิดทะลุ 205,000,000 ราย ตายกว่า 4,300,000 ราย

Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุเมื่อวันพุธ(11ส.ค.)ว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมมีจำนวน 205,103,455 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,332,308 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (36,897,983) รองลงมาคืออินเดีย (32,052,127) บราซิล (20,213,388)

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 6 ล้านราย ได้แก่ รัสเซีย ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 5 ล้านราย ได้แก่ ตุรกี อาร์เจนตินา

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 4 ล้านราย ได้แก่ โคลอมเบีย สเปน อิตาลี อิหร่าน

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 3 ล้านราย ได้แก่ เยอรมนี อินโดนีเซีย

'ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านราย ได้แก่ เม็กซิโก โปแลนด์ แอฟริกาใต้ ยูเครน เปรู

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ อิรัก ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐเชค ชิลี แคนาดา บังกลาเทศ มาเลเซีย เบลเยียม สวีเดน โรมาเนีย ปากีสถาน ญี่ปุ่น

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (634,698) ตามมาด้วยบราซิล (564,890) อินเดีย (429,564) เม็กซิโก (245,476)

ส่วนประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 แสนราย ได้แก่ เปรู รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี โคลอมเบีย ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย อาร์เจนตินา
#3069


'บมจ.เซ็ปเป้' หรือ SAPPE ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 ทำรายได้รวม 960.5 ล้านบาท เติบโต 31.9% และกำไรสุทธิ 125.2 ล้านบาท เติบโต 53.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมเดินหน้าปรับแผนงานเชิงรุก ทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่เจาะตลาดรักสุขภาพ สร้างโมเมนตัมในตลาดอาหารและเครื่อมดื่มมากขึ้น พร้อมรับอานิสงส์ตลาดต่างประเทศฟื้นตัว กำลังซื้อเริ่มกลับมา รวมถึงรับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อนค่า มั่นใจรายได้ทั้งปีเติบโต 10-15% ตามเป้าหมาย

น.ส.ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 (เมษายน-มิถุนายน) ถือเป็นปีที่บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 960.5 ล้านบาท เติบโต 31.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 728.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตแม้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตลาดต่างประเทศกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยอัตราการเติบโต 52.0% จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนจากกำลังซื้อของผู้บริโภคหลังจากประชาชนทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยภูมิภาคที่เติบโตโดดเด่นได้แก่ ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกา ที่ถึงแม้มีอุปสรรคด้านค่าระวางการขนส่งสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการเข้าไปบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด

สำหรับตลาดในประเทศ ไตรมาสนี้ได้มีการลงนาม MOA โครงการส่งเสริมการปลูกพืชกัญชงกับ บจ.ไทย เฮมพ์ เวลเนส เพื่อเตรียมพร้อมรับเทรนด์กัญชงแล้ว SAPPE ยังได้ปรับแผนเชิงรุกเพื่อขยายตลาดในประเทศโดยเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับกระแสรักสุขภาพของผู้บริโภค เช่น เครื่องดื่มเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม เครื่องดื่มน้ำสมุนไพร ตะขาบห้าตัว Sappe x Takaab เครื่องดื่มสมุนไพรแบบช็อตรูบี้ เลดี้ กาแฟเพรียว คอฟฟี่ สูตรใหม่ คอลลาเจน ไทพ์ทู แม็กซ์ทีฟ กาแฟถังเช่าสายพันธุ์ทิเบตผสมวิตามินบีรวม และในกลุ่มขนมขบเคี้ยว เช่น ลูกอมครูเพ็ญศรี โดยร่วมมือกับพันธมิตร Sappe x Workpoint ทำให้มีโมเมนตัมในตลาดอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น

ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 125.2 ล้านบาท เติบโต 53.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 81.6 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาเพิ่มมากขึ้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2564 คาดว่าจะรักษาการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มการขยายตัวของตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากแบรนด์สินค้า ช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทฯ มีแผนทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Functional Drink รวมถึงสร้างสีสันให้ตลาดอาหารและเครื่องดื่มด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อกระตุ้นให้ตลาดกลับมาคึกคักไม่แพ้ช่วงครึ่งปีแรก โดยคาดว่าผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯ จะสามารถผลักดันรายได้ให้เติบโตได้ 10-15% ตามเป้าหมาย
#3070
เพื่อให้เจ้าของกิจการ รอดผ่านวิกฤติ โควัด ไปด้วยกัน โพสต์ธุรกิจของท่านได้ฟรี ที่ https://bizzmotive.net/

สร้างโปรไฟล์ และโพสต์ธุรกิจของคุณได้ ฟรี https://bizzmotive.net/add-listing/ 
หรือ โพสต์ประกาศได้ที่ https://forum.bizzmotive.net/ 

ไม่เสียค่าใช้จ่ายไดๆ ทั่้งสิ้น 
ถ้าติดปัญหรือ ต้องการแนะนำ ติดต่อเข้ามาได้ https://bizzmotive.net/contact/
หรือ email info@bizzmotive.net

ศึกษาวิธีการใช้งานได้ที่ https://bizzmotive.net/how-it-works
#3071
มาฟัง ดร.สมโชค เดชะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออสซี่ออยล์ จำกัด ทางรายการ กรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อเรื่อง ออสซี่ออยล์แตกไลน์ 'น้ำมันแกลลอน' สู้ศึกโควิด
โอกาสมาถึงแล้ว..คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจลงทุนวันนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าในวันข้างหน้าหากสนใจทักแชทได้เลยนะคะ
Aussie oil ผู้เชียวชาญด้านธุรกิจพลังงานที่เราอยากแนะนำให้กับคุณ ...
ปรึกษาหรือสอบถามฟรี
สอบถามรายละเอียดได้ที่ :
Tel : 02-1114-7334  line: @aussieoil
(สามารถติดต่อได้ 9.00 - 17.00 น.)

https://youtu.be/cZRFXCcpzo0
#3073


จากกรณี ประเด็นร้อนในโซเชียลออนไลน์ เรื่องร่างออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบกึ่งเหมาเข่ง ให้กับคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา และบริหารวัคซีนโควิด


ล่าสุด มีการผุดแคมเปญ! คัดค้าน พ​.​ร​.​ก. นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งคนจัดหาวัคซีน  โดยระบุว่า ไม่ต้องอ้างว่าทำเพื่อบุคลากรด่านหน้า ไม่ต้องอ้างคนทำงานเพื่อสอดไส้นิรโทษกรรมให้ตัวเอง 

ขอคัดค้าน พ.ร.ก. นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งให้กับรัฐบาลและคณะผู้จัดหาวัคซีน 



มีการเปิดเผยเอกสารนำเสนอแนวทางปรับปรุงกฎหมายเพื่อเพิ่มความคุ้มครองบุคลากรการแพทย์ในสถานการณ์โควิด ที่ชื่อว่า 'พระราชกำหนดจำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ....' ซึ่ง ล่าสุด อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมายืนยันว่าเป็นเอกสารจริง มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และลดช่องโหว่คนหัวใสฟ้องร้องเอาผิด โดยบอกว่า

"ร่างกฎหมายนี้เป็นการให้ความมั่นใจกับผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ให้คลายความกังวล เช่น การวินิจฉัยโรคและรักษาพยาบาล ก็ต้องทำความมั่นใจว่าเขาจะได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะเรื่องของการฟ้องร้อง หากทำโดยเจตนาสุจริต ศาลก็ไม่เคยลงโทษ เราไม่ต้องการให้บรรดาแพทย์ พยาบาล มีความวิตกกังวลหากถูกฟ้องร้อง แม้จะมั่นใจว่าชนะก็ยังมีความวิตกกังวลระดับหนึ่ง เราต้องการให้แพทย์ พยาบาล มีขวัญกำลังใจเต็มที่ จะได้ทุ่มเทในการรักษาพยาบาล วัคซีนก็ต้องจัดหาเข็มสามเพื่อความปลอดภัยในการไปรักษาคนไข้ มีความกังวลให้น้อยที่สุด สุดท้ายประชาชน คนไข้ก็ได้ประโยชน์" อ่านต่อ
ขอยืนยันว่า ไม่มีใครไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้แพทย์พยาบาล บุคลากรสาธารณสุขในฐานะผู้ปฏิบัติงาน แต่จุดที่เป็นปัญหาที่สุดคือ รายละเอียดที่สอดไส้มาในข้อ 7 ที่เหมารวมถึง "บุคคล / คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีน" (ไม่ว่าจะเป็นศบค. ที่ปรึกษา หรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ) 

เราเห็นว่า 'ด่านหน้าไม่มีความผิด' แต่ 'หน้าด้าน' ที่บริหารประเทศจนทำให้ระบบสาธารณสุขล้มเหลว จนเกิดความสูญเสียจนประชาชนล้มตายกว่า 6 พันคน อันนี้ ต้องรับผิดชอบ หรืออย่างน้อยที่สุดหากเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนจะถูก หรือผิด ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง ดังนั้น พ.ร.ก ฉบับนี้ไม่ควรได้ไปต่อจนว่าจะถูกปรับแก้ 

ในเวลานี้เราต่างรู้ดีว่า 'เงียบแล้วอดทน เปลี่ยนประเทศนี้ไม่ได้' จึงขอเชิญผู้ที่เห็นตรงกันร่วมลงชื่อคัดค้าน และช่วยกันแสดงพลังด้วยการส่งเสียง เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศได้ไปต่อ เมื่อรัฐบาลบริหารงานแบบดิ่งลงเหว เรายิ่งต้องบ่นให้เสียงดังขึ้นไปอีก เสียงของทุกคนมีค่าเสมอ 

"หยุดอ้างว่านี่คือการปกป้องคนทำงาน หยุดอ้างว่านี่คือการให้กำลังใจบุคลากรด่านหน้า เพราะบุคลากรด่านหน้า และอาสาสมัครต่างๆ ทำงานเต็มที่โดยอยู่บนมาตรฐานวิชาชีพอย่างสูงสุดเท่าที่สถานการณ์จะเอื้อให้ทำได้...และพวกท่านทั้งหลายจงหยุดอ้างว่าทั้งหมดเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน แต่พวกท่านจงระลึกว่า เพราะการทำงานของพวกท่านนั่นเองที่นำพาประเทศและการสาธารณสุขให้ดิ่งลงเหวมาจนถึงจุดนี้ และพวกท่านนั่นแหละต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตนเอง!" เครือข่าย Nurses Connect
#3074


โฆษกรัฐบาล เผย ครม.ปรับโครงการเยียวยา ม.33 เพิ่มกรอบวงเงินจำนวนทั้งสิ้น 17,050 ล้านบาท ครอบคลุม 29 จังหวัดแดงเข้ม อนุมัติวงเงิน 33,471 ล้านบาท เยียวยาผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้ม

วันนี้ (10 ส.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม ปรับปรุงรายละเอียดสาระสำคัญของโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้

(1) เปลี่ยนชื่อโครงการ เป็น โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากเดิม โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง

(2) ขยายพื้นที่ดำเนินการจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด โดยเพิ่มเติม 16 จังหวัด (กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง)

(3) กรอบวงเงินโครงการ จากเดิม 15,027.6860 ล้านบาท เป็น 17,050.4145 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,022.7285 ล้านบาท
(4) ขยายระยะเวลาให้นายจ้างในพื้นที่ 3 จังหวัด (ข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 28) และ 16 จังหวัด (ข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 30) สามารถขึ้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ได้ โดยสำนักงานประกันสังคมจะตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2564 นี้

นายอนุชา ยังเปิดเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้เห็นชอบกรอบวงเงิน 33,471.0050 ล้านบาท เยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่ 29 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐตามข้อกำหนดฯ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 5,000 บาท รวมทั้งสิ้น 6,694,201 คน โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

1. พื้นที่ดำเนินการ 29 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี

2. กลุ่มเป้าหมายรวมประมาณ 6,694,201 คน ประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จำนวน 1,436,171 คน และมาตรา 40 จำนวน 5,258,030 คน

3. คุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่มีสัญชาติไทย สถานะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ในฐานทะเบียนประกันสังคมที่มีสถานะ A (Active) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด) หรือ ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564 (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 16 จังหวัด) กรณีเป็นผู้สมัครเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ในฐานทะเบียนประกันสังคมที่มีสถานะรอชำระเงิน W (Wait) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ต้องไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ต้องไม่เป็นข้าราชการหรือผู้รับบำนาญของกรมบัญชีกลาง

4. วิธีการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 จะโอนเงินให้กับผู้ประกันตนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) เฉพาะที่ผูกบัญชีกับเลขประจำตัวประชาชน

โฆษกรัฐบาลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.ยังให้กระทรวงแรงงาน เร่งตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือตามเป้าหมายเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน รวมทั้งขอให้โอนเงินให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนตาม ม.39 และ ม.40 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน 10 จังหวัด ก่อนระยะเวลาที่กำหนด ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ที่มีสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงและได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ ก่อนพื้นที่อื่นๆ อีกทั้งกำหนดให้ผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มเติมในพื้นที่ 10 จังหวัด ต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 และในพื้นที่ 19 จังหวัดต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564

นอกจากนี้ ได้ให้กระทรวงแรงงานจัดทำข้อเสนอขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายที่รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ 13 จังหวัดเพิ่มเติม อีกจำนวน 1 เดือน ซึ่งจะช่วยให้การให้ความช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
#3075


บริษัท GC International Corporation บริษัทย่อยของบริษัท พีทีที โกล. เคมิคอล (จำกัด) มหาชน (GC) และ บริษัท Cargill Incorporated (Cargill) ในฐานะผู้ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 50 ในบริษัท NatureWorks LLC (NatureWorks) ประกาศเดินหน้าสร้างโรงงานพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการใช้วัสดุที่ยั่งยืนให้ตลาดโลก ภายหลังได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

โดยได้รับเกียรติจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสุพัฒนพงษ์  พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมแสดงความยินดีผ่านระบบเสมือนจริง ซึ่งโครงการดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในโครงการที่สนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG Economy Model (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และขับเคลื่อนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ตามเป้าหมายที่วางไว้



ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกล. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) กล่าวว่า บริษัทฯ ในฐานะผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ของประเทศไทยและผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอันดับหนึ่งของโลก มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืนและหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อสร้างสมดุลและการเติบโตไปข้างหน้าร่วมกัน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม โดยขับเคลื่อนบนกรอบของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs)

"วันนี้ GC และ Cargill ในฐานะผู้ถือหุ้นของ NatureWorks ผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพ PLA อันดับหนึ่งของโลก พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชีวภาพเพื่อสิ่งแวดล้อม หลังจากที่ BOI ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนให้กับ NatureWorks"


โดยโรงงานพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจรแห่งใหม่นี้ ใช้เทคโนโลยีพลาสติกชีวภาพอันดับหนึ่งของโลกและใช้น้ำตาลจากอ้อยจากเกษตรกรในประเทศไทยเป็นวัตถุดิบ  ซึ่งจะช่วยขยายฐานพันธมิตรในตลาด Bio-Polymer รวมถึงการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการใช้วัสดุที่ยั่งยืน

โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 20,000 ล้านบาท โดยโรงงานจะตั้งอยู่ที่นครสวรรค์ไบโอ  คอมเพล็กซ์ (NBC) จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นโครงการแห่งแรกของประเทศไทยที่สอดคล้องกับโมเดล BCG Economy ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและขยายโอกาสทางการค้าร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ในเวทีโลก และสนับสนุนให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

เคาะ! จ่าย 'เงินเยียวยาประกันสังคม' ม.39 ม.40 รวม 29 จ.ล็อกดาวน์ รับคนละ 5 พัน
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ตายยิ่งพุ่ง! พบเสียชีวิต 235 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 19,843 ราย ไม่รวม ATK อีก 548 ราย
เช็คสิทธิ 'เงินอุดหนุนบุตร' เดือนสิงหาคม เงินเข้าวันนี้ (10 ส.ค.64)

นางสาว คอลลีน เมย์ President บริษัท Cargill's Bioindustrial Group กล่าวว่า คาร์กิลรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ก้าวไปข้างหน้าร่วมกับ GC เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจของ NatureWorks ด้วยการสร้างฐานการผลิตแห่งที่ 2 ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นการตอกย้ำที่สำคัญถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราในการลงทุนเพื่อพัฒนาโซลูชันที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพทั่วโลก

โรงงานแห่งใหม่นี้เป็นโรงงานพลาสติกชีวภาพโพลีแลคติก แอซิด (Polylactic Acid : PLA) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  แห่งที่ 2 ภายใต้ชื่อทางการค้า Ingeo™ และส่งเสริมการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มกับวัตถุดิบทางการเกษตรของประเทศไทย ตอบสนองการขยายตัวของตลาด ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายใน ปี 2567
#3076


นางสาวอรมงคล ตันติธนาธร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า  ในวันนี้ (10 ส.ค)  บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์(GULF) จะมีการประชุมกับนักวิเคราะห์ ซึ่งยังต้องรอติดตามว่าจากนี้ GULF จะส่งสัญญาณเข้าถือหุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เพิ่มเติมอีกหรือไม่หลังทำคำเสนอซื้อถือเป็น42.25% โดยหากมีการเข้าถือหุ้นเพิ่มอีก ฝ่ายวิจัยมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของGULF อีกครั้ง จากวันศุกร์(6ส.ค.) ที่่ผ่านมาได้มีการปรับกำไรขึ้นไปแล้วจากรับรู้กำไรจากสัดส่วนถือหุ้น
ทั้งนี้หากถือหุ้นเกิน50% ในอนาคตทำให้มีการรวบงบการเงินของ INTUCH เข้ามา ซึ่งจะทำให้งบดุลของGULFขยายใหญ่ขึ้น เพราะINTUCHเป็นบริษัทที่มีสถานะเงินสดสุทธิ

สำหรับวันศุกร์ที่ผ่านมา บล.กสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของGULF 2564-2566 ขึ้น 10% 22% และ 22% เป็น 8.4 พันล้านบาท 1.40 หมื่นล้านบาท และ 1.53 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ จากเดิมคาดไว้ที่  7.4 พันล้านบาท 1.14 หมื่นล้านบาทและ1.25 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนถึงการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในหุ้นINTUCH รวมถึงเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 42.75 บาทจาก 42.25 บาท


นายพิสุทธิ์  งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิรไทย  กล่าวว่า การที่กัลฟ์เข้ามาถือหุ้นอินทัชเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ฟรีโทลท หุ้นอินทัชลดลงมาอยู่ที่  30%  ถือว่า ยังไม่ต่ำ แต่อาจถูกปรับลดน้ำหนักเข้ามาคำนวณน้ำหนักในดัชนีต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และกลับมีผลบวกต่อราคาหุ้นอินทัชยังปรับขึ้นได้  บล.กสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 67.69 บาท จากเดิมที่ 65 บาทซึ่งเป็นราคาเดียวกับในวันทำ Tender Offer เชื่อว่ามีโอกาสที่จะมีปันผลเพิ่มและการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่ม โดยประเมินจากค่าความเป็นไปได้เพียง 30% และหากราคาปรับลดลงคาดเคลื่อนไหวที่ 63-65 บาท 

    สำหรับการประชุมนักวิเคราะหฺ์ของกัลฟ์ในวันนี้ หากมีความชัดเจนของกลยุทธ์ จนทำให้เพิ่มค่าความเป็นไปได้เป็น100% ก็มีโอกาสที่จะปรับราคาเป้าหมายหุ้นอินทัชขึ้นเป็น 70 บาท  แต่หากไม่มีความชัดจน โดยเฉพะไม่มีการซื้อหุ้นอินทัชเพิ่มแล้ว โดยคืนวงเงินกู้ไปแล้วหมด น่าจะเห็นราคาหุ้นอินทัช ต่ำกว่า 60 บาท  และหากราคาหุ้นแอดวานซ์ยังทรงตัว บล.กสิกรไทย ถึงจะเป็นคำแนะนำมาซื้อหุ้นอินทัช สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นอินทัชเลย จากปัจจุบันที่แนะนำเช่นเดิมว่า สลับเปลี่ยนซื้อหุ้นแอดวานซ์ เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มสื่อสาร จะคุ้มค่ากว่า

 แต่สำหรับนักลงทุนที่ถือหุ้นอินทัชอยู่แล้วยังสามารถถือต่อไปได้ เพราะการเข้ามาลงทุนครั้งนี้ของกัลฟ์ต้องสร้างผลตอบแทนที่ดีคุ้มค่าความเสี่ยงแน่นอน โดยมองโอกาสราคาหุ้นปรับลดลง ยังคาดเคลื่อนไหวที่ 63-65 บาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส  กล่าวว่า  เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยได้เพิ่มประมาณการกำไรสุทธิและกำไรปกติของGULFปี 2564  เพิ่มขึ้น 25.45% จากเดิมมาอยู่ที่ 9.8 พันล้านบาท เติบโต 120% จากปีก่อน ขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ พร้อมปรับราคาเป้าหมายปีนี้ที่40.50บาท จากเดิมที่ 38.50 บาท

ทั้งนี้ หากการประชุมนักวิเคราห์วันนี้ หากมีการส่งสัญญาณถือหุ้น INTUCH เพิ่มอีก จะทำให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรเพิ่มได้อีก เพราะจะมีส่วนแบ่งรายได้ที่มากกว่ารายได้เดิมที่มาจากเงินปันผล  อีกทั้งหากมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการบริหาร อาจมีการรวมงบการเงินก็ได้ และการยังมีโอกาสเกิดการซินเนอร์ยี่ในระยะยาว ถือเป็นส่วนเพิ่มที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ ดังนั้น ยังแนะนำหาจังหวะทยอยซื้อสะสม 

 ทางด้านหุ้นอินทัชที่มีฟรีโฟลทลดลงและอาจถูกปรับลดน้ำหนักการคำนวณเข้าลงทุนในดัชนีต่างประเทศ  คาดว่าอาจเกิดแรงขายระยะสั้นเท่านั้น ถือเป็นภาวะปกติ  และปัจจัยพื้นฐานธุรกิจยังไม่ถูกกระทบ ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นอินทัชต่ำกว่า 65 บาท หรือลงราว 10 %จากระดับ 65 บาท เป็นโอกาสเข้าลงทุนได้ เพื่อรับเงินปันผลที่ดีในอนาคต ปัจจุบันเฉลี่ยที่4% ต่อปี     

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์การลงทุนบล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า MSCI และ FTSE ประกาศลดน้ำหนัก INTUCH ระหว่างกาล จากปริมาณหุ้นหมุนเวียน (ฟรีโฟลท) ที่ลดลงมีผลราคาปิดวันนี้(10ส.ค.) คิดเป็นเม็ดเงินไหลออก( Outflow )69.33 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,317 ล้านบาท และ 51 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,704 ล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้เป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นระยะสั้น แต่แนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว เพราะเป็นบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สูงปีนี้ที่3.5% ปีหน้า 3.8%
#3077


เอแอลที ร่วมมือสยามแคนนาเทค – โรงงานเภสัชฯ เจเอสพี ต่อยอด "โครงการเกษตรอินทรีย์เขาค้อ อินโนเวชั่นพาร์ค" ในการปลูกกัญชา เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องสำอาง โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เผยใช้แพลตฟอร์ม AI เกาะติดทุกขั้นตอนการปลูกกัญชานำข้อมูลหรือ Big data มาวิเคราะห์ประมวลผล เพื่อให้เกิดความปลอดภัยรวมทั้ง รักษาสมดุลผู้ซื้อและผู้ปลูก และสร้างประสิทธิภาพสูงสุดทั้งคุณภาพและราคา

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือ "โครงการเกษตรอินทรีย์ เขาค้อ อินโนเวชั่น พาร์ค" ในส่วนของบริษัทสยามแคนนาเทค จำกัด กับ บริษัทโรงงานเภสัชอุตสาหกรรมเจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทสยามแคนนาเทค จำกัด กับบริษัทเอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT โดยมีพลเอกพลางกูร กล้าหาญ รองประธานกรรมการมูลนิธิร่มกล้า เขาค้อ มาร่วมเป็นสักขีพยาน

นางปรีญาภรณ์ ตั้งเผ่าศักดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT กล่าวว่า โครงการเกษตรอินทรีย์ เขาค้อ อินโนเวชั่น พาร์ค เป็นโครงการปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ พืชพรรณ สมุนไพร พืชยา กัญชา และผักต่างๆ ตามโครงการทหารพันธุ์ดี ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาเป็นต้นแบบที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรในพื้นที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และจังหวัดใกล้เคียงรวมทั้งสร้างรายได้ให้วิสาหกิจชุมชนอีกทางหนึ่ง

"เรายินดีและภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือโครงการเกษตรอินทรีย์ เขาค้อ อินโนเวชั่น พาร์ค ซึ่ง ALT ทำธุรกิจเทเลคอม อินโนเวชั่น เป็นหลัก ได้นำเอาองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมา ดัดแปลงทำเป็นแพลตฟอร์มในการตรวจติดตามการปลูกกัญชา เพราะตัวกัญชา ถือเป็นสารเสพติดประเภท 5 จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจติดตามตั้งแต่เมล็ด การเพาะปลูก และการเติบโตเป็นอย่างไร โดยใช้ AI ในการติดตามประมวลผลและวิเคราะห์เพื่อไปทำ Big Data ให้สามารถคาดการณ์ว่า การผลิตจะออกมาวันไหน เดือนไหน เท่าไหร่ เพื่อไปสู่การใช้เทคโนโลยีด้านเกษตรแม่นยำ ( Agriculture Technology) และ ระบบสามารถ แมชชิ่งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้ผลผลิตไม่ล้นตลาด หรือไม่ทำให้ราคาสูงจนเกินไป แพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยและช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ส่งผลผลิตได้ตามเวลาที่ต้องการ ให้ราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรและเป็นแหล่งเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศไทย"

ด้านดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเห็นการทำงานครบ value chain โดยทางโครงการเกษตรอินทรีย์หรือมูลนิธิ เป็นเสมือนแกนกลางในการเชื่อมโยงภาคเอกชน 3 ส่วน คือ ผู้ปลูก ซึ่งผู้ปลูกก็ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัย ส่วนปลายน้ำคือผู้ผลิต ก็คือบริษัทโรงงานเภสัชอุตสาหกรรมเจเอสพี จะการดำเนินการผลิต ทั้งที่เป็นยาแผนปัจจุบัน สมุนไพร อาหารเสริม และเครื่องสำอาง รวมทั้งเครื่องมือที่อยู่ระหว่างดำเนินการขออนุญาตสกัดกัญชา กัญชง และพืชเสพติด

ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้ ทางผู้ปลูกสามารถทำหน้าที่ซัพพลายกัญชา หรือพืชสมุนไพรอื่นให้กับบริษัทโรงงานเภสัชฯ เจเอสพี นำมาสกัดโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงหรือใช้แพทย์แผนไทยมาต่อยอดในการสกัดสมุนไพรเพื่อให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น ยาแผนโบราณ อาหารเสริม เครื่องสำอาง ที่มาจากน้ำมันกัญชา ทำเป็นครีมเซรั่ม ถือเป็นความร่วมมือที่ครบทั้งห่วงโซ่อุปทาน คือต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

พลเอก พลางกูร กล้าหาญ รองประธานกรรมการมูลนิธิร่มเกล้าเขาค้อ กล่าวว่าโครงการนี้เกิดขึ้นมาหลายสิบปี โดยพลเอกพิจิตร กุลวนิช ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ต้องการสร้างความสงบให้เกิดขึ้นในพื้นที่เขาค้อ และจังหวัดใกล้เคียง จึงเกิดแนวคิดในการนำวัตถุดิบมาแปรรูป และทำเป็นศูนย์กลางเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ ดังนั้นความร่วมมือระหว่างบริษัทโรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี และบริษัทเอแอลที จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้เป็นที่ทราบดีว่าเกิดโรคระบาดโควิด-19 ทำให้เกิดการเสียชีวิตซึ่งทางศูนย์จะเร่งดำเนินการเรื่องฟ้าทะลายโจรเพื่อช่วยเหลือประชาชนรวมทั้งจะปลูกพืชที่เป็นประโยชน์คือกัญชา กัญชง หรืออื่นๆ

โดย ความร่วมมือของทั้งสองบริษัทจะทำให้การก้าวเดินไปได้ตามที่กำหนด และทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ แต่อาจไม่ได้เห็นผลภาย 6-12 เดือนแต่มั่นใจว่าจะเห็นผลในอีก 3 ปีข้างหน้า และในอนาคตอาจขายไปยังตลาดต่างประเทศอีกด้วย
#3078


นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า   กรมปศุสัตว์มีหน้าที่กำกับดูแลและส่งเสริมการส่งออกสินค้าเนื้อไก่ ซึ่งในสถานการณ์โรคโควิดระบาดนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูแลการผลิตเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวดต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดส่งออกเนื้อไก่ครึ่งปี2564เพิ่มขึ้นจำนวน 5 แสนตัน มูลค่า 56,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.1 และ 0.9 ตามลำดับ

              อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมปศุสัตว์มีหน้าที่กำกับดูแลด้านความปลอดภัยอาหาร โดยเฉพาะสินค้าปศุสัตว์      ได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันโรคระบาดโควิดไม่ให้ปนเปื้อนกับสินค้า จึงมีนโยบายสนับสนุนให้ผู้ประกอบการทำบับเบิ้ลแอนด์ซี (Bubble and Seal) ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรคควบคู่ไปกับการดำเนินการตามมาตรการของกรมปศุสัตว์อย่างเข้มงวดตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่อาหารสัตว์ ฟาร์มมาตรฐาน GAP โรงฆ่าสัตว์และโรงแปรรูปที่ถูกสุขอนามัย มาตรการป้องกันโรคโควิด    ในโรงงานมุ่งเน้น 3 ด้าน

ได้แก่ 1) ด้านพนักงาน หรือผู้ที่ต้องสัมผัสอาหารต้องมีการเฝ้าระวังสุขภาพและผ่านการตรวจโรคโควิด-19 ก่อนเข้าปฏิบัติงาน 2) ด้านสถานที่ผลิต ให้รักษาความสะอาดเรียบร้อยตามหลักสุขลักษณะที่ดีในการผลิต (GMP) โดยมีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช่ในการผลิตด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อในไลน์การผลิต 3) ด้านสินค้า มีการตรวจสอบประสิทธิภาพ   ในการควบคุมความปลอดภัยอาหารอย่างเข้มงวด มีการเก็บตัวอย่างตรวจการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสินค้า อุปกรณ์ สิ่งแวดล้อม จุดสัมผัสและจุดเสี่ยงในอาคารผลิต เพื่อประกันการปลอดเชื้อ จากการสุ่มเก็บตัวอย่างสินค้าตรวจจำนวน 2,940 ตัวอย่าง ทุกตัวอย่างตรวจไม่พบการปนเปื้อนเชื้อโควิด

"โรงงานที่พนักงานตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดอาจได้รับผลกระทบเนื่องจากถูกสั่งปิด และ   ขาดแรงงาน ส่วนเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่อาจได้รับผลกระทบจากการรอนำไก่เข้าเชือดซึ่งโรงงานในบางจังหวัดถูกสั่งปิดเป็นเวลาสั้นๆ 5-7 วัน แต่บางจังหวัดอาจถูกสั่งปิด 14 วันไก่จะมีน้ำหนักมากและถูกกดราคา สำหรับการส่งออกยังไม่มีหน่วยงานของประเทศผู้นำเข้า   ของต่างประเทศได้แสดงความกังวลมาแต่อย่างใด  ยกเว้นสาธารณรัฐประชาชนจีนหากพบว่าโรงงานใดที่ตรวจพบคนงานติดเชื้อ     กรมปศุสัตว์ต้องชะลอการส่งออกชั่วคราวตามข้อกำหนดจีน" 

ดังนั้น หากประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด           ในภาพรวมได้ พนักงานหายป่วยกลับมาทำงาน รวมถึงการมีแรงงานเข้ามาชดเชย ก็มั่นใจว่า ปัจจุบันในปี 2564 สินค้าเนื้อไก่มีปริมาณการส่งออกมีจำนวน 504,754 ตัน มูลค่า 56,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า สิ้นปีนี้ยอดส่งออกเนื้อไก่จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ     ร้อยละ 2-3 เทียบกับปี 2563 หรือที่ปริมาณ 1,219,909 ตัน มูลค่า 141,786 ล้านบาท อย่างแน่นอน
#3079
 ข้าวปลอดสารเคมีสุรินทร์  ข้าวอินทรีย์อร่อย ข้าวออแกนิคอร่อย ข้าวปลอดสารอร่อย ข้าวเพื่อสุขภาพอร่อย Delicious Organic Rice เทรนด์ใหม่! ข้าวออแกนิคหรือข้าวอินทรีย์ อร่อยดีแถมมีประโยชน์อีกเพียบ  โครงการข้าวออร์แกนิค  ข้าวหอมมะลิใหม่จากท้องนาอินทรีย์จังหวัดสุรินทร์ ถ้าเราพูดถึงข้าวอินทรีย์ซึ่งประเทศไทยมีปลูกหลายจังหวัด หลายภาค แต่ถ้าจะพูดถึงความอร่อย ความหอม เราต้องยกนิ้วให้ข้าวอินทรีย์จากทางภาคอีสานเลย เพราะสภาพภูมิอากาศที่นั่นเอื้ออำนวยต่อการปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์มาก เรียกว่าถ้าอากาศยิ่งร้อน ข้าวจะยิ่งหอมอร่อย ข้าวเกษตรอินทรีย์ ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพที่ดีที่สุด มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อหุ่งสุก จะนิ่ม หอม อร่อย.

7 ชนิดของ ข้าวหอมมะลิออแกนิคยอดนิยม
- ข้าวกล้องหอมมะลิ 105 อินทรีย์ : มีวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามันบีรวม ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ช่วยบำรุงสมอง
- ข้าวขัดขาวหอมมะลิ 105 อินทรีย์ : มีธาตุเหล็กสูง ป้องกันโรคโลหิตจาง
- ข้าวกล้องหอมมะลิแดง อินทรีย์ : ช่วยลดน้ำตาลในเลือด บำรุงสายตา ป้องกันโรคเบาหวาน เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย มีเส้นใยสูง ป้องกันมะเร็งในลำไส้
- ข้าวกล้องหอมนิล อินทรีย์ : บำรุงผิว พร้อมมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าข้าวทั่วไปถึง 7 เท่า
- ข้าวปะกาอำปึล : ข้าวที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ทานแล้วไม่อ้วน
- ข้าวไรซ์เบอรี่ : มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีประโยชน์ต่อร่างการ อร่อย นุ่ม ไม่แข็ง
- ข้าวผสมห้าสายพันธุ์ เป็นข้าวรวมคุณประโยชน์ของข้าวทุกชนิดไว้ด้วยกันข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวหอมมะลิใหม่ 100% มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ขาวใส หอมนุ่ม อร่อย เป็นข้าวหอมมะลิเเรกเกี่ยว คุณภาพดีสดใหม่จากชาวนาจังหวัดสุรินทร์ ที่ปลูกเเละดูเเลเอาใจใส่อย่างดี นอกเหนือจากช่วยเรื่องสุขภาพ ป้องกันโรคต่างๆแล้ว ข้าวอินทรีย์ยังมีความพิเศษในทุกขั้นตอน เพราะชาวนาใส่ใจในการปลูกด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีเลย เพราะฉะนั้นความพิถีพิถันเริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน ไปจนถึงการสีข้าว ที่สำคัญข้าวอินทรีย์ที่เราทานกัน ยังช่วยกระจายรายได้สู่ชาวนาไทยของเราอีกด้วยนอกจาก ข้าวออร์แกนิคจะประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว เรื่องของการผลิตมั่นใจว่าปลอดภัยจากสารเคมีอย่างแน่นอน ตั้งแต่เรื่องข อง มาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ - การเตรียมดิน
- เตรียมดินแบบธรรมชาติ ไถกลบตอซัง
- ฟางข้าวบำรุงดิน
- ใส่ใจแปลงนา
- คอยเช็กระดับน้ำ เฝ้าระวังศัตรูพืช โดยไม่ใช่สารกำจัดศัตรูพืช
- การสีข้าว
- ชาวนาจะทำการสีข้าวล่วงหน้า 2 – 3 วัน
- เก็บข้าวโรงเก็บเฉพาะ
- มีการแยกข้าวอินทรีย์ในโรงเก็บ เพื่อไม่ให้ข้าวปนกัน

เรียกได้ว่า ข้าวออร์แกนิค
ปลูกใจ ปอลดภัย ไร้สารเคมี .. เห็นประโยชน์มากมายแบบนี้อย่าลืมหันมาทานข้าวอินทรีย์กันนะ
เห็นแบบนี้แล้ว...เชื่อหรือยังว่า ข้าวอินทรีย์พวกนี้ไม่ได้ปลูกได้ง่ายๆ เรียกว่าเป็นงานคราฟท์ฝืมือชาวนาไทยเลยทีเดียว แถมยังมีข้อดีของนาอินทรีย์ที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง เพราะการไม่ใช่สารเคมี เลยทำให้ระบบนิเวศน์ที่นี่ค่อนข้างสมบูรณ์ ย้อนกลับไปเหมือนสมัยก่อนที่ "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" มีสัตว์ต่างๆ อาศัยอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเป็น นก แมลงปอ กุ้ง หอย ปู ปลา ก็ยังมีให้เห็น ซึ่งแตกต่างจากนาชนิดอื่นๆ อย่างชัดเจน และยังช่วยให้คุณภาพชีวิตชาวนาดีขึ้น ไม่เจ็บป่วย ไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหาร เพราะถ้าอยากทานอะไรก็หาเองในนาได้สบายๆ หรือจะปลูกเองไว้ทานในบ้าน เหลือเท่าไหร่ก็ขายสร้างรายได้หลายทางอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  [url=https://www.facebook.com/horganig.thailand]ข้าวกล้องออร์แกนิคส่งทั่วไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook :  https://www.facebook.com/Horganik/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์
2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์
3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์  (  ข้าวผกาอำปึลออร์แกนิค)
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์
6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์
7. ข้าวไรซ์เบอรี่ ( ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิค)

#ข้าวอินทรีย์อร่อย #ข้าวออแกนิคอร่อย #ข้าวปลอดสารอร่อย #ข้าวเพื่อสุขภาพอร่อย #ข้าวสุขภาพอร่อย
#3080


ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (2-6 ส.ค.2564) ปรับขึ้น 11.19% หรือ 3.75 บาท มาอยู่ที่ 37.25 บาทต่อหุ้น โดยมีมูลค่าการซื้อขายราว 7.5 พันล้านบาท ภายหลังบริษัทประกาศปิดดีลซื้อหุ้น INTUCH และขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 1 ด้วยสัดส่วน 42.25%

นางสาวอรมงคล ตันติธนาธร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า GULF ได้ทำการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ (VTO) ในช่วงวันที่ 29 มิ.ย. ถึง 4 ส.ค.2564 ที่ราคา 65 บาทต่อหุ้น และมีหุ้นที่ตอบรับ Tender Offer จำนวน 747.87 ลำนหุ้น ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้น INTUCH โดย GULF ปรับเพิ่มเป็น 42.3% จากเต็มที่ 18.9% GULF จึงกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ INTUCH หลังจากการทำ Tender Offer ในครั้งนี้

ฝ่ายวิจัยคาดว่า INTUCH จะสร้างกำไรได้ 1.1-1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ในปี 2564-2566 ซึ่งมีส่วนหลักมาจาก ADVANC บล.กสิกรไทย จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2566 ขึ้น 10% 22% และ 22% เป็น 8.4 พันล้านบาท 1.40 หมื่นล้านบาท และ 1.53 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในหุ้น INTUCH

โดยการลงทุนใน INTUCH จะช่วยขยายพอร์ตกิจการที่ไม่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้า (Non-power) ของ GULF ให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น ขณะที่สัดส่วนการถือครองหุ้นใน INTUCH ที่ 42.3% จะช่วยเพิ่มกำไรให้กับ GULF ในปี 2564-2566 ได้ 1.4 พันล้านบาท 3.1 พันล้านบาท และ 3.6 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 17-24% ต่อกำไรทั้งหมดของบริษัทฯ


ขณะที่การต่อยอดธุรกิจ (Synergy) ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การลงทุนใน INTUCH จะช่วยให้ GULF เข้าถึงดิจิทัลแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี 5G ซึ่งอาจสร้างประโยชน์ร่วมกันทางธุรกิจ อาทิ กลายเป็นผู้จำหน่ายไฟฟ้าภาค B2C จากปัจจุบันที่ดำเนินในรูปแบบ B2B (ทั้งกลุ่มผู้ใช้ภาคอุดสาหกรรมและ กฟผ.) เพราะอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มที่กระจายตัวมากขึ้น บวกกับการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ต่างๆ ในอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าของประเทศ

นอกจากนี้ ในกรณีที่ GULF เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น INTUCH เกิน 50% ในอนาคตจะทำให้งบดุลของ GULF ขยายใหญ่ขึ้น เพราะ INTUCH เป็นบริษัทที่มีสถานะเงินสดสุทธิ

"เราคงคำแนะนำ 'ซื้อ' และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 42.75 บาท จาก 42.25 บาท เพื่อสะท้อนถึงการลงทุนเพิ่มเติมในหุ้น INTUCH นอกจากนี้ GULF ก็อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่จำนวนมากซึ่งจะมาช่วยสร้างความมั่นคงในการเติบโตในระยะยาวได้"

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์กิม​เอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในระยะกลางมองว่าราคาหุ้น GULF มีแนวโน้มปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง เพราะปัจจัยพื้นฐานในระยะกลาง-ยาวของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าใหม่อีกหลายโครงการทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยหนุนให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ถือเป็นการเติบโตจากภายใน (Organic Growth)

ส่วนการลงทุนใน INTUCH จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากเงินปันผลเพิ่มขึ้น ถือเป็นการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) โดยหลักการ GULF สามารถรับรู้งบการเงินรวม (Consolidate Financial Statement) เพราะถือหุ้นในสัดส่วนที่สามารถควบคุมทิศทางการดำเนินงานของ INTUCH จากเดิมที่รับรู้เป็นเงินปันผลรับ ซึ่งจะมีเป็นลูกเล่นแก่ราคาหุ้น GULF ในระยะถัดไป

"เรารอติดตามประเด็นดังกล่าว หากมีความชัดเจนว่าสามารถ Console งบของ INTUCH เข้ามาได้ จะเป็นปัจจัยหนุนส่งราคาหุ้นต่อไป โดยปัจจุบันตลาดให้รคาเป้าหมายบริเวณ 30 บาทตอนปลาย ส่วน บล.เมย์แบงก์ฯ ให้ไว้ที่ 38.00 บาทต่อหุ้น แต่คาดว่ามีโอกาสปรับขึ้นไปบริเวณ 40.00 บาทต่อหุ้น"