• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Jessicas

#8671
ลูกชิ้นพิษณุโลกราม่า ผลิตและจัดจำหน่ายลูกชิ้นภายในจังหวัดพิษณุโลกมานานกว่า 50 ปี เป็นลูกชิ้นหมูและก็ ลูกชิ้นเนื้อวัว เป็นธุรกิจ รุ่นสู่รุ่น ที่ นาย ย้งจุ้ย แซ่โต๋ว นำสูตรจากเมืองโผวเล้ง เมืองจีน มาทำลูกชิ้นขายที่เมืองพิษณุโลกจนมีชื่อเสียงโด่งดัง ของเมืองพิษณุโลกเป็นอย่างดี โดยนำวัตถุดิบท้องถิ่น มาแปรรูปด้วยสูตรดั้งเดิม จนมาเป็นสินค้าที่ชาวพิษณุโลกยอมรับในเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มไม่เป็นแป้ง แล้วก็รสชาติที่ดี ก็เลยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทางด้านเนื้อสัมผัส และรสที่กลมกล่อม ใช้เนื้อสัตว์ที่สดใหม่ ก็เลยเป็นที่มาของ สด ใหม่ ดั่งเดิม เมืองพิษณุโลก





 ลูกชิ้นหมูทอด ลูกชิ้นเนื้อทอด สูตรสำหรับทอด มีส่วนผสมเนื้อหมูแท้ๆเนื้อวัวแท้ๆกว่า 95% กรอบ นุ่ม ไม่เป็นแป้ง ไม่มีสารเจือปน ไม่มีสารบอแร็กซ์ ผลิตภัณฑ์ OTOP มีมาตรฐาน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มผช. สด ใหม่ดั้งเดิมเมืองสองแคว เจ้าตำรับสูตรโบราณ 50 ปี สามารถทอดโดยใช้ กระทะไร้น้ำมัน 

ลูกชิ้นหมูปิ้ง/ลวก ลูกชิ้นเนื้อปิ้ง/ลวก สูตรสำหรับปิ้ง/ลวก ต้มสำหรับใส่กวยเตี๋ยว มีส่วนผสมเนื้อหมูแท้ๆเนื้อวัวแท้ๆ100% นุ่ม ไม่เป็นแป้ง โปรตีนสูง ไขมันต่ำ ไม่มีสารเจือปน ไม่มีสารบอแร็กซ์ ผลิตภัณฑ์ OTOP มีมาตรฐาน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มผช. สด ใหม่ดั้งเดิมเมืองสองแคว เจ้าตำรับสูตรโบราณ 50 ปี





น้ำจิ้มลูกชิ้นสมุนไพร สูตรมะขาม ใช้สมุนไพรรวมทั้งวัตถุดิบในท้องถิ่น มีรสชาติ เปรี้ยวหวาน กลมกล่อมละมุนลิ้น ไม่ซ้ำใคร นอกเหนือจากการที่จะนำไปจิ้มกับเนื้อสัตว์ได้ทุกประเภท ยังสามารถนำไปทำเป็นซอสผัดไทยได้อร่อยกลมกล่อม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อีกด้วย





 แฟรนไชส์ลูกชิ้นพิษณุโลกราม่า แฟรนไชส์ลูกชิ้นดังเมืองสองแคว ทุนน้อย ก็สามารถทำธุรกิจได้ แฟรนไชส์ลูกชิ้นขายง่าย ขายคล่อง กำไรดี คืนทุนเร็ว 

โรงงานของลูกชิ้นพิษณุโลกราม่า มีการผลิตโดยใช้เครื่องจักรที่มีมาตรฐาน ความปลอดภัย ความสะอาด และ ถูกหลักอนามัย โรงงานลูกชิ้นพิษณุโลกราม่า ได้รับการรับรองเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานจาก GMP Codex
#8676
คิดจะถมที่ ปลูกบ้าน หรือ สร้างโรงงาน ยินดีให้คำปรึกษา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ทิ้งงาน 080-022-3804
#8678


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤติ ทำให้รัฐบาลต้องยกระดับมาตรการป้องกันในพื้นที่ควบคุมสูงสุด "สมาคมผู้ค้าปลีกไทย" ได้ทำหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่องขอเสนอมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อให้ความช่วยเหลือ "เอสเอ็มอี" ในภาคค้าปลีกและบริการอย่างเร่งด่วน

โดยขณะนี้ มีเอสเอ็มอี ในระบบกว่า 200,000 ราย ที่กำลังจะต้องปิดตัวลง และมีลูกจ้าง 1-1.5 ล้านราย ที่จะต้องขาดรายได้และไม่มีงานทำ ทั้งยังส่งผลกระทบกับสถาบันการเงินอย่างหนัก เพราะจะก่อให้เกิดหนี้เสียหลายแสนล้านบาท โดย  นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า การแพร่ระบาดในครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ ในขณะที่การฉีดและกระจายวัคซีนยังไม่เป็นไปตามเป้า ยิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก

จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลควรเร่ง "เยียวยา" กลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน

โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ขอนำเสนอ 4 มาตรการเร่งด่วน ดังนี้

1. มาตรการสาธารณสุข

1.1 เร่งจัดหาและกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง โดยใช้พื้นที่จุดฉีดวัคซีนที่ภาคค้าปลีกและบริการได้เตรียมไว้ทั้งหมด 93 จุด แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 25 จุดและในต่างจังหวัดอีก 68 จุด ทั่วประเทศให้เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเพิ่มบริการตรวจ Rapid Antigen Test ให้กับประชาชน

1.2 จัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรในภาคค้าปลีกและบริการ โดยเฉพาะศูนย์กระจายสินค้าของกลุ่มการค้าปลีกและบริการ เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนสินค้า

2. มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและประชาชน

2.1 เร่งสถาบันการเงินอนุมัติเงินกู้ Soft Loan ให้เอสเอ็มอีเร็วขึ้น เพราะในช่วง 30 วันที่ผ่านมา มีเอสเอ็มอีที่ได้รับอนุมัติเงินกู้เพียง 10% ของจำนวนที่ยื่นขอสินเชื่อไปแล้วกว่า 30,000 ราย

2.2 สำหรับเอสเอ็มอีที่เป็นลูกหนี้กับสถาบันการเงินในปัจจุบัน ขอให้พักชำระหนี้และ หยุดคิดดอกเบี้ยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน

2.3 ช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดค่าน้ำ ค่าไฟ เพิ่มเป็น 50% เป็นระยะเวลา 6 เดือน

2.4 ในกรณีที่ผู้ประกอบการมีการจ้างงานเพิ่ม ขอผ่อนผันให้เป็นการจ้างงานแบบรายชั่วโมงเป็นการชั่วคราว เพื่อแบ่งเบาภาระให้ผู้ประกอบการ และลดอัตราการว่างงาน

2.5 เพื่อเป็นการเพิ่มให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ขอให้ปรับเพิ่มรายได้พึงประเมินบุคคลธรรมดาขั้นต่ำที่จะเสียภาษีจาก 150,001 บาท เป็น 250,001 บาท ในปี 2564-2565

2.6 ผ่อนผันให้ร้านอาหารในศูนย์การค้าสามารถให้บริการ Delivery ได้ เพื่อช่วยเหลือ SME ให้สามารถพยุงธุรกิจได้ และลูกจ้างยังมีงานทำต่อไป

3. มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

3.1 นำโครงการ "ช้อปดีมีคืน" กลับมาอีกครั้ง โดยเพิ่มวงเงินเป็น 100,000 บาท เพื่อกระตุ้นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง

3.2 ขอให้ภาคเอกชนไทยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาลและ BOI เช่นเดียวกับการที่ นักลงทุนต่างชาติได้รับ เนื่องจากภาคเอกชนที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ยังมีความแข็งแรง สามารถลงทุนเพิ่ม แต่อาจขาดความมั่นใจและแรงกระตุ้น พร้อมยังช่วยทำให้เกิดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง

4. มาตรการรองรับเศรษฐกิจใหม่ (New Economy)

4.1 กำหนดนโยบายและกฎหมายที่ชัดเจนเพื่อควบคุมบางธุรกิจ ห้ามนักลงทุนต่างชาติ ทำโดยเด็ดขาด และบางธุรกิจสามารถทำได้ แต่มีเงื่อนไข เพื่อปกป้องอาชีพและธุรกิจของคนไทย โดยไม่ทำลายอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยในที่สุด

4.2 ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม จัดเก็บภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ตั้งแต่บาทแรก และห้ามขายต่ำกว่าราคาต้นทุน

4.3 เร่งผลักดันการทำ Digitalization ของหน่วยงานภาครัฐสำหรับใบอนุญาตต่างๆ ให้เป็นแบบ E-Form, E-License, E-TAX และ E-Invoice และลดขั้นตอนการออกใบอนุญาตเหลือเพียง 1 ใบ (Super License) จากเดิมที่ผู้ประกอบการค้าปลีกหรือค้าส่งต้องขอใบอนุญาตต่างๆ กว่า 43 ใบ

4.4 ปรับรูปแบบการบริการของหน่วยงานภาครัฐที่ให้บริการแก่ประชาชน เป็นแบบ Cashless Payment (การทำธุรกรรมทางการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์) เพื่อช่วยลดกระดาษ ลดเอกสาร ลดขั้นตอน ลดเวลา และสามารถตรวจสอบเอกสารย้อนหลังได้จากระบบ

"ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสงครามเชื้อโรคที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราอยู่ในช่วงวิกฤตซ้อนวิกฤต ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อก้าวข้ามความท้าทายนี้ไปให้ได้ โดยสมาคมฯ พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับรัฐบาลในการผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยและขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้อีกครั้ง" นายญนน์กล่าวปิดท้าย
#8682
คิดจะถมที่ ปลูกบ้าน หรือ สร้างโรงงาน ยินดีให้คำปรึกษา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ทิ้งงาน 080-022-3804
#8684


ธุรกิจร้านอาหารที่มูลค่านับ "แสนล้านบาท" ถือเป็นหนึ่งในกิจการหน้าด่าน เมื่อรัฐประกาศ "ล็อกดาวน์" สกัดโควิด จะต้องโดนผลกระทบเป็นลำดับแรกทั้งห้ามรับประทานในร้าน(Dine in) นั่งได้แต่ต้องมีระยะห่าง เปิดพื้นที่ 25% และ 50% เป็นต้น ทว่าล่าสุดการยกระดับคุมเข้มโรคระบาดรอบใหม่ "เดลิเวอรี่-ซื้อกลับบ้าน" จากร้านที่มีสาขาในห้างค้าปลีกก็ทำไม่ได้

ปิดประตูแห่งโอกาสทำเงินที่เหลือช่องอยู่น้อยนิด ทำให้แต่ละแบรนด์ต้องหาพื้นที่นอกห้างเปิดครัวกลาง หน้าร้านขายเดลิเวอรี่ ซื้อกลับบ้านกันจ้าละหวั่น

"บุฟเฟ่ต์" เป็นอีกประเภทร้านอาหารที่ปรับตัวยาก ยิ่งเป็น "ปิ้งย่าง" ลำบากหนักไปใหญ่ เพราะจะให้เสิร์ฟเดลิเวอรี่ปิ้งย่างถึงบ้าน เตา ควัน กลิ่นฯ ไม่เอื้อให้อิ่มอร่อยจริงๆ

สุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ที่มีร้านอาหารแบรนด์ "วาคิว ยากินิกุ" ร้านปิ้งย่างพรีเมี่ยมสไตล์ญี่ปุ่น แม้มีสาขาไม่มาก แต่ได้รับผลกระทบเต็มๆ เพราะหากมองโมเดลธุรกิจ "ร้านอาหาร" ตอบไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ออกมารับประทานเมนูโปรดนอกบ้าน จะปรับตัวพลิกสูตรลุยเดลิเวอรี่ ไม่ใช่ความจำเป็นแม้แต่น้อย

ทั้งนี้ เมื่อร้านอาหารต้องรับมือโรคระบาดควบคู่มาตรการรัฐ ปิดๆเปิดร้านเป็นระลอก การปรับตัวจึงต้องทำเพื่ออยู่รอด โดยที่ผ่านมา "วาคิว ยากินิกุ" งัดโมเดลเสิร์ฟบุฟเฟต์ปิ้งย่างถึงบ้านในชื่อ "วาคิว ยากินิกุ ออน เดอะ เทเบิ้ล" เหมือนกับเชฟ ออน เดอะ เทเบิ้ล โดยมีพนักงาน 2 คน พร้อมเมนูอาหาร 5-6 รายการ ไปบริการแก่ลูกค้าในเวลา 1.30 ชั่วโมง ด้วยราคาหลัก "พันบาท" สร้างผลตอบรับอย่างดี มีรายได้มาจุนเจือจ่ายพนักงาน

ทว่า การล็อกดาวน์ล่าสุด ห้ามรวมตัวกันเกิน 5 คน ปิดตาย!การหารายได้จากบริการดังกล่าว เพราะการทานบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างถึงบ้าน หลายคนจึงจะคุ้มค่า

วาคิว ยากินิกุ มีสาขาไม่มากนัก เช่น สยามพารากอน เอสพลานาด และย่านพระราม 2 เมื่อเจอวิกฤติทำให้บริษัทตัดใจปิด "สาขาสยามพารากอน" ซึ่งเป็นจังหวะที่ศูนย์การค้าปรับปรุงด้วย จากเดิมสาขาดังกล่าวทำเงิน 4-5 ล้านบาทต่อเดือน

ผลกระทบที่เกิดขึ้น บริษัทยังปรับตัวต่อเนื่อง โดยใช้พื้นที่สาขา The Garden คลองเตยและสร้างสรรค์เมนูอาหารจานเดียว เสิร์ฟเดลิเวอรี่ให้กับกลุ่มเป้าหมาย และหารายได้เพื่อดูแลพนักงานเป็นหลัก

"ธุรกิจร้านอาหาร 80-90% รายได้มาจากการนั่งทานในร้าน ส่วนเดลิเวอรี่มีเพียง 10-20% เท่านั้น และไม่ใช่ทุกรายที่ทำเดลิเวอรี่ประสบความสำเร็จ ซึ่งวาคิวฯ หากไม่มีโควิด-19 กระทบ ไม่มีทางทำเดลิเวอรี่ เราไม่จำเป็นต้องพัฒนาโมเดลนี้ เพราะเราคือบุฟเฟ่ต์ ปิ้งย่าง ทำที่บ้านไม่สะดวกเลย ชาบู สุกี้ ยังพอทำที่บ้านได้ แต่ปิ้งย่าง ปรับตัวยากจริงๆ"  


มองแนวโน้มร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ปิ้งย่างโดยรวมยังได้รับผลกระทบหนัก ยิ่งผู้ประกอบการรายย่อยที่เปิดร้านหมูกะทะราคา 129 บาท 199 บาทต่อคน อยู่ลำบากมาก อาจมีหายไปจากตลาด หากต้องส่งเดลิเวอรี่จะไม่คุ้มค่าส่ง ค่าการตลาดต่างๆ ส่วนการฟื้นตัวกลับมาเร็วหรือไม่ ยังมีตัวแปรกำลังซื้อผู้บริโภคลดลงด้วย

"เมื่อคลายล็อกดาวน์ ธุรกิจร้านอาหารกลับมาเร็ว เพราะผู้บริโภคอั้นมานาน จึงออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน อย่างวาคิวฯ สาขาพระราม 2 หลังคลายล็อกดาวน์ ยอดขายทำนิวไฮมาตลอด แต่การล็อกดาวน์เต็มรูปแบบนรอบนี้ ห้ามขายเลย กระทบหนักมาก เพราะธุรกิจทำอะไรไม่ได้เลย จึงไม่เห็นด้วยกับมาตรการล็อกดาวน์"


ธุรกิจร้านอาหารของล็อกซเล่ย์ ถือเป็นพอร์ตโฟลิโอค่อนข้างเล็ก การล็อกดาวน์กระทบยอดขาย แต่ธุรกิจอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภคยังมีแนวโน้มขยายตัวดี โดยเฉพาะน้ำมันพืช "กุ๊ก" ยอดขาย 6 เดือน เติบโตเกือบ 100% เพราะรองรับพฤติกรรมการอยู่บ้าน ทำงานที่บ้านมากขึ้น ทำให้บริโภคประกอบอาหารที่บ้าน รวมถึงกะปิ น้ำปลา ผงปรุงรส ยอดขายเติบโตเช่นกัน ขณะที่น้ำมันพืชจำหน่ายขนาด 200 ลิตรหรือน้ำมันปิ๊บ ได้รับผลกระทบ เพราะส่วนใหญ่บริการลูกค้าโรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งปิดให้บริการ รวมถึงอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูปที่ยอดขายลดลง

ส่วนขนมขบเคี้ยว(สแน็ค)ค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากส่วนใหญ่จำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ เมื่อจำกัดเวลาขายและเป็นช่วงนาทีทอง(ไพรม์ไทม์) จึงกระเทือนยอดขาย อย่างไรก็ตาม ปี 2564 ภาพรวมธุรกิจเทรดดิ้ง คาดว่าจะขยายตัวได้ ไอทีแม้ไม่เติบโต แต่ยังทำกำไร

"ครึ่งปีหลังสินค้าจำเป็น เช่น น้ำมันพืช ข้าว น้ำปลา กะปิ ยาสีฟัน แปรงฟัน ยังมีทิศทางที่ดี เพราะคนไทยต้องกินต้องใช้"