• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - fairya

#3041


นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน6 เดือนแรกปี 2564  มีกำไรสุทธิ183.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 191.74%  และมีรายได้ 826.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

สาเหตุหลักมาจากในปีนี้บริษัทจัดตั้งกองทุนรวมใหม่จำนวน 10 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(AUM) 8,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น314.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 998.4%

โดยมีกองทุนที่โดดเด่น ที่เป็นกองทุนยอดนิยม คือ MRENEW กองทุนพลังงานทดแทนกองแรกในไทย, M-EM กองทุนตลาดเกิดใหม่, MFTECH กองทุนฟินเทค, MEURO กองทุนหุ้นยุโรป, MCHINA กองทุนหุ้นจีน A-shares, MGF กองทุนหุ้นเติบโตคุณภาพดีทั่วโลก และ MMPLUS กองทุนตราสารหนี้ เป็นต้น

และปัจจัยจากการปรับขยายช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 31.55 % และมีอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวมเท่ากับ 22.21 %


พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้รับงานบริหารการลงทุน 2 แห่ง โดยเป็น "ผู้จัดการกองทรัสต์โรงพยาบาลรายแรกในไทย" และ "ทรัสตีรายแรกของกองโทเคน" ดังนั้นบริษัทตั้งเป้าขยายทีมงานและพัฒนาทักษะการดำเนินงานของทุกภาคฝ่าย ให้มีความพร้อมและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมรับการเข้าบริหารงานกองทุนในโครงการใหม่ๆที่กำลังจะมีเข้ามาในอนาคต

นายธนโชติ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเข้ารับหน้าที่เป็น "ผู้จัดการกองทรัสต์" โดยยื่นไฟล์ลิ่งขอจัดตั้งและเสนอขายกองทรัสต์โรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทยคือ "ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก" หรือ "Bangpakok Hospital Group Leasehold Real Estate Investment Trust" (ชื่อย่อหลักทรัพย์ BHGRT) คาดว่ามีมูลค่าเข้าลงทุนครั้งแรกไม่เกิน 5,200 ล้านบาท

โดยจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโครงการโรงพยาบาลบางปะกอก1 (BPK 1) และโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล (BPK 9) รวมถึงระบบสาธารณูปโภค งานระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนควบของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินกิจการใน

สำหรับโครงการดังกล่าว มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เป็นทรัสตี และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การเข้าเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ BHGRT นั้นจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายของประเภททรัพย์สินที่ MFC บริหารจัดการ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและเพิ่มโอกาสในการเป็นผู้จัดการกองท

อีกทั้งบริษัทยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ทรัสตี ในโครงการ "โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ" หรือ "SiriHub Investment Token"มีหน้าที่จัดการกองทรัสต์ และติดตาม ดูแลการบริหารจัดการทรัพย์สินของผู้ออกโทเคนดิจิทัล ซึ่ง MFC เป็นทรัสตีรายแรกของไทย ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้ประกอบธุรกิจการเป็นทรัสตีของทรัสต์สำหรับธุรกรรมการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 24มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา

ด้าน "สิริฮับ" เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่อ้างอิงกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate-backed ICO) รายแรกในไทย ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่  29กรกฎาคม 2564 มีมูลค่าการเสนอขาย 2,400 ล้านบาท

จุดประสงค์เพื่อกระจายโอกาสให้นักลงทุนทุกกลุ่มสามารถลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพและมีมูลค่าสูงได้ โดยมีกลไกการคุ้มครองนักลงทุนในทุกขั้นตอน ปลอดภัยสูงบนเทคโนโลยีบล็อกเชน เนื่องจากในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับครั้งนี้ ถูกรองรับด้วยเทคโนโลยีระบบบล็อกเชน (Blockchain) ของเทโซส (Tezos) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ทันสมัยที่สุดถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการระดมทุนในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลที่มีสินทรัพย์อ้างอิงโดยเฉพาะ ยังเป็นการขยายช่องทางและโอกาสการเป็นทรัสตีในอนาคตอีกด้วย  
#3042


ไม่มีใครลืมสุนัขตัวแรกที่ตัวเองเคยเลี้ยงว่ามีความผูกพันต่อกันเพียงใด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ทำให้สุนัขถูกทอดทิ้งจนกลายเป็นสุนัขจรจัดที่ตกเป็นภาระแก่สังคม จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่สำคัญว่าทำไมจึงต้องมี "วันสุนัขโลก" ที่ตรงกับวันที่ 26 สิงหาคม ของทุกปี

ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGS) แห่งสหประชาชาติ ข้อที่ 11 ที่ว่าด้วยเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities) หนึ่งในปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคของการพัฒนาเมืองและชุมชนให้ยั่งยืน คือ การจัดระเบียบทางสังคม ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้นในสุนัขประเทศไทย จำนวนประมาณกว่า 2 ล้านตัว เป็นสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ หรือ "สุนัขจรจัด" ถึงกว่า 1 แสนตัว ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า (เรบีส์) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อความปลอดภัย และสุขภาวะของผู้คนในสังคมเมือง และชุมชน และที่น่าเป็นห่วงคือ ในประเทศไทยยังไม่เคยมีระบบลงทะเบียนข้อมูลการเกิด ตาย และย้ายถิ่นของสุนัข เพื่อการติดตามดูแลควบคุมประชากรสุนัขแต่อย่างใด

รองศาสตราจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์อนุวัตน์ วิรัชสุดากุล อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข และประจำศูนย์เฝ้าระวังและติดตามโรคจากสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่น และสัตว์อพยพ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหัวหน้าโครงการแบบจำลองการระบาดและการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขประเทศไทย ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่ได้วิจัยร่วมกับ กรมปศุสัตว์ กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างปีพ.ศ.2562 - 2564 ได้กล่าวถึงผลจากการศึกษาวิจัยว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการระบาดใหม่ของโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย ได้แก่ ความหนาแน่นของประชากรมนุษย์ ประวัติการเกิดโรคในพื้นที่ และระยะห่างจากจุดเกิดโรคเดิม โดยการอุบัติซ้ำอาจเกิดจากการที่ไวรัสยังคงอยู่ในสุนัขที่ได้รับเชื้อ แต่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งในการรับเชื้อต่อครั้งมีระยะฟักตัวประมาณ 3 - 8 สัปดาห์ โดยผู้ที่ถูกกัดและรับเชื้อจะเสียชีวิตทุกราย วิธีการป้องกันที่ยั่งยืนที่สุด คือ การไม่ทอดทิ้งสุนัขเลี้ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุนัขจรจัด นอกจากนี้ควรให้สุนัขเลี้ยงทุกตัวได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเรบีส์เป็นประจำทุกปี ตลอดจนควบคุมประชากรสุนัขด้วยการทำหมัน อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยอีกส่วนหนึ่งยังชี้ให้เห็นว่า ความรู้ของเจ้าของสุนัขมีผลอย่างมากต่อพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคเรบีส์ ดังนั้น การให้ความรู้อย่างต่อเนื่องถึงอันตรายและการป้องกันโรคเรบีส์ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากเช่นกัน

มีข้อสังเกตุหนึ่งที่น่าติดตามจากผลวิจัยของโครงการฯ ที่ได้ให้เยาวชนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย ที่เข้าร่วมโครงการฯ บันทึกข้อมูลการเลี้ยงสุนัขที่บ้านของตนผ่านแอปพลิเคชัน พบว่าได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องค่อนข้างน้อย ทั้งๆ ที่มีการให้รางวัลตอบแทนในการลงบันทึกข้อมูลด้วย ซึ่งอาจชี้ได้ว่าเด็กไทยรุ่นใหม่ยังไม่ตระหนักใส่ใจภัยจากเรบีส์ และตื่นตัวในการเรียนรู้เพื่อป้องกันโรคดังกล่าวเท่าที่ควร

ซึ่งการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องภัยจากเรบีส์เป็นเรื่องที่สำคัญต่อการพัฒนาเมืองและชุมชนให้ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการปลูกฝัง และสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเลี้ยงสุนัขด้วยความรับผิดชอบแก่คนในสังคม ซึ่งบ่อยครั้งมักพบว่าผู้ที่รับเชื้อเรบีส์ไม่ได้เพียงจากเหตุโดนสุนัขจรจัดกัด แต่กลับรับเชื้อจากสุนัขที่ตัวเองเลี้ยง โดยสุนัขของตัวเองรับเชื้อจากสุนัขจรจัดมาก่อนแล้ว

"วิธีการป้องกันสุนัขกัดควรปฏิบัติตามหลัก "5 ย" คือ "อย่าแหย่" "อย่าเหยียบ" "อย่าแยก" "อย่าหยิบ" และ "อย่ายุ่ง" และถ้าหากถูกสุนัขกัดควร "ล้างแผล ใส่ยา จับหมา หาหมอ" โดยทีมวิจัยหวังว่าผลจากโครงการแบบจำลองการระบาดและการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขประเทศไทย ที่ได้ร่วมวิจัยกับ กรมปศุสัตว์ กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ นี้จะส่งผลให้ประเทศไทยมีการติดตามพลวัตประชากรของสุนัข เกิด ตาย ย้ายถิ่น ที่เป็นระบบ สู่การจัดทำนโยบายการควบคุมจำนวนประชากรสุนัขจรจัด และลดอุบัติการณ์แพร่ระบาดของโรคเรบีส์ที่ส่งผลยั่งยืนต่อไปได้ในอนาคต" รองศาสตราจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์อนุวัตน์ วิรัชสุดากุล กล่าวทิ้งท้าย
#3043


หลังจากมีการเผยแพร่คลิปชาวสวนลำไยลำพูน ใช้ไม้ฟาดลูกลำไยให้ร่วงลงพื้นที่ พร้อมระบายความอัดอั้นตันใจ ทำนองว่าประสบปัญหาราคาลำไยตกต่ำ จนเก็บขายไม่ได้เพราะไม่คุ้มทุน จึงนำไม้มาฟาดลูกลำไยให้ร่วงลงพื้นที่เป็นปุ๋ยแทน ซึ่งหลังจากที่มีการแชร์ภาพดังกล่าวโลกโซเชียลฯต่างมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่เห็นใจชาวสวนที่ประสบปัญหาราคาลำไยตกต่ำ

ล่าสุดวันนี้(18 ส.ค.64) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบนายพีรพัฒน์ อยู่ท้วม อายุ49 ปี ชาวส่วนลำไย ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน ที่ปรากฏอยู่ในคลิปภาพ ซึ่งได้เปิดเผยว่า วันนั้นตนออกไปขายลำไยปรากฏราคาลำไยตกลงมามาก เกรด AA เหลือกิโลกรัมละ 12 บาท เกรด A กก.ละ 4 บาท เกรด B กก.ละ 2 บาท ส่วนเกรด C ไม่รับซื้อ และหลายล้งหลายโรงงานยังหยุดรับซื้ออีกด้วย

หลังจากนั้นตนจึงมาเจราจาขอลดค่าแรงกับคนเก็บลำไย(แบบรูดร่วง)จากกิโลกรัมละ 3 บาท เหลือ 2 บาท แต่ก็ไม่เป็นผลจึงต้องยอมทนไป สุดท้ายเมื่อนำลำไยไปขายหักค่าแรงคนเก็บลำไยแล้วเหลือเพียงไม่กี่ร้อยบาท หากหักค่าปุ๋ย-ค่าแรงที่ทำมาทั้งปี ถือว่าขาดทุนอย่างมากมาย

"ตอนนั้นไม่รู้จะระบายความอัดอั้นตันใจยังไง จึงใช้ไม้ฟาดลูกลำไยให้ร่วงเป็นปุ๋ยแทน และมีคนถ่ายคลิปแล้วนำไปแชร์บนโลกโซเชียลฯจนมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง"

ด้านนายฉัตรนิพัฒน์ สิงห์คำโต อายุ 55 ปี ชาวสวนลำไยเปิดเผยว่าราคาลำไยปีนี้ถือว่าตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ชนิดที่ว่าไม่เคยตกต่ำแบบนี้มาก่อน เมื่อวาน(17 ส.ค.)เอาลำไยไปขายตันครึ่ง ได้เงินมา 6,000 กว่าบาทจ่ายค่าคนงาน-ค่ารถ หักแล้วเหลือพันกว่าบาท ทั้งที่ทำมาทั้งปี ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรง ยังไม่ได้ ถือว่าขาดทุนอย่างหนัก

"เคยมีรอบที่แย่ที่สุดคือ ขายลำไยได้เงินมา 720 บาท หักค่าคนงานค่ารถแล้วเหลือเงินถึงตนเองแค่ 20 บาท ตอนนี้ตอนนี้เป็นหนี้เกือบล้านบาทเพราะกู้เงินมาลงทุนทำสวนหลายแปลง และทำใจแล้วเก็บได้เท่าที่เก็บได้และต้องปล่อยให้ลำไยเน่าคาต้นหลายสิบไร่เพราะไม่มีทางเลือกอื่น"

ด้านนางทิวาพร ทรงประสิทธิ์พาณิชย์ รองนายกเทศมนตรีตำบลปาไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นเจ้าของโรงร่อนลำไยและยังเป็นชาวสวนลำไยเองด้วย เปิดเผยว่าปัญหาลำไยราคาตกต่ำมีทุกปี แต่ปีนี้หนักสุด ล้งทั้งอ้างโควิด อ้างไม่ได้สเปกส่งออกและอีกสารพัด กดราคา เอาลำไยเกรดดีๆแต่ไม่เคยคุยเรื่องราคา

"ที่ผ่านมาเกษตรกรถูกกดหัวมาตลอด ซ้ำปีนี้ยังเจอโควิด-19 ระบาดในพื้นที่อีก ทำให้แรงงานขาดแคลน เกษตรกรต้องปล่อยลำไยเน่าคาต้นคาสวน จึงอยากขอวิงวอนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไยที่อำเภอลี้ด้วย เพราะถือว่าเป็นแหล่งผลิตลำไยคุณภาพและมีชาวสวนลำไยมากเป็นอันดับต้นๆของจังหวัดลำพูน ระยะยาวอยากให้รัฐบาลประกันราคาลำไยและลงมาเจรจากับผู้ส่งออกลำไยเพราะในระดับล่างไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้"
#3044
ในการสร้างบ้านหรือตกแต่งบ้านแต่ละครั้ง กระเบื้องนับเป็นวัสดุอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้บ้านของคุณดูสวย และมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญไปกว่านั้นคือวัสดุแต่ละชนิดมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไปด้วย โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงกระเบื้องปูพื้นแต่ละชนิดว่าจะมีราคาอยู่ในเกณฑ์ใดบ้าง ซึ่งการที่เรารู้จักราคาของกระเบื้องแต่ละชนิดนั้นนับว่าเป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะกับคนที่กำลังสร้างบ้าน การรู้จักราคาของวัสดุที่จะใช้นั้น จะทำให้คุณสามารถกำหนดงบประมาณได้ว่าจะต้องใช้งบประมาณในการสร้างบ้านเท่าไรนั่นเอง จะมีวัสดุประเภทใดที่จะอยู่ในเกณฑ์ถูกและดี หรือราคาดีมีคุณภาพกันบ้าง เราไปดูพร้อม ๆ กันเลย

สำหรับใครที่กำลังอย่ากทราบถึงราคา วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับราคาของวัสดุแต่ละชนิดที่น่าสนใจ จะมีกระเบื้องชนิดใด และจะมีราคาอยู่ในเกณฑ์ใดบ้างเราไปดูพร้อมกันเลย

1. ดินเผา

วัสดุแบบดินเผา เป็นที่นิยมในการตกแต่งบ้านโดยจะใช้เพื่อนำไปปูพื้นสำหรับภายนอกเช่น พื้นที่รอบบ้าน หรือพื้นที่ใช้สอบนอกตัวบ้านอย่างเช่นครัวแบบ Out Door เป็นต้น มีราคาที่ค่อนข้างถูก โดยชนิดที่เป็นแบบดินเผานั้นมีราคาอยู่ที่ประมาณ 800 บาทต่อตารางเมตร หรืออาจจะสูงกว่านั้นเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับขนาดและคุณภาพของสินค้าด้วย

2. แกรนิตโต้

มีความทนทานสูง และแข็งแรง เนื่องจาก มีส่วนผสมของหินแกรนิต โดยราคาของวัสดุแบบแกรนิตโต้จะอยู่ที่ประมาณ 300 บาท ต่อตารางเมตรหรืออาจจะสูงกว่า ซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างหลากหลายขึ้นอยู่กับคุณภาพและขนาดของวัสดุด้วย

3. เซรามิก

เป็นวัสดุที่เรามักจะคุ้นเคยกันดี เนื้องจากเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังมีลวดลายและโทนสีที่หลากหลาย ซึ่งเซรามิกนั้นเป็นกระเบื้องปูพื้นที่มีราคาค่อนข้างถูก โดยจะมีราคาประมาณ 200 บาทต่อตารางเมตร อย่างไรก็ดีราคาของวัสดุขึ้นอยู่กับขนาดและคุณภาพด้วยเช่นกัน

4. โมเสค

เป็นวัสดุแบบชิ้นเล็ก ๆ แต่นำมาต่อกันบนแผงตาข่าย โดยนิยมนำมาปูพื้นสระว่ายน้ำ หรือพื้นห้องน้ำ เป็นต้น เนื่องจากคุณสมบัติที่สำคัญคือ สามารถระบายน้ำได้ดีเพราะจากมีร่องจำนวนมากให้น้ำไหลผ่านได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,300 บาท ต่อตารางเมตร ซึ่งเรียกว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงมากทีเดียว

5. หินอ่อน

มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์สวยงาม อีกทั้งยังมีความแข็งแรงและทนทานสูง โดยวัสดุแบบหินอ่อนนั้นจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,200 บาท ต่อตารางเมตร
#3045
'airasia food' ประเดิมเปิดให้บริการ ในกรุงเทพฯ 4 พื้นที่

อแมนดา วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอป กล่าวว่า วิกฤติโควิด 19 ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของเราไปอย่างถาวร จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบริการฟู้ดเดลิเวอรี่และการซื้อกลับบ้านกลายเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมการบริโภคของคนจำนวนมาก

"แอร์เอเชียพร้อมนำเสนอบริการซึ่งสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบนิวนอร์มอลแก่คนกรุงเทพฯ และช่วยสนับสนุนคนไทย ทั้งร้านอาหารและคอมมิวนิตี้ต่างๆ ไปในเวลาเดียวกัน ความตั้งใจของพวกเราคือพัฒนา airasia super app ให้กลายเป็นไลฟสไตล์แอปพลิเคชันแบบครบวงจรสำหรับทุกคนและทุกความต้องการ"

อแมนดา กล่าวเสริมว่า airasia super app มุ่งมั่นที่จะเติบโตในฐานะแอปพลิเคชันที่ให้บริการครบวงจรสำหรับทุกคนและทุกความต้องการในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว บริการส่งอาหาร หรือโลจิสติกส์ ถือได้ว่าบริการฟู้ดเดลิเวอรี่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติธุรกิจ และเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวบริการส่งของ บริการส่งของกินของใช้ บริการเรียกรถโดยสาร และบริการความสวยความงาม

นายวรุฒ วุฒิพงศาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอป กล่าวว่า ด้วยการผนึกความรู้ที่ได้จากความสำเร็จของซูเปอร์แอปในมาเลเซียและสิงคโปร์ ความเชี่ยวชาญของทีมเทเลพอร์ต ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจด้านโลจิสติกส์ของเรา ความแข็งแกร่งของทีมแอร์เอเชียในเรื่องของธุรกิจท่องเที่ยว และความเข้าใจในตลาดของทีมงาน Gojek ประเทศไทย จึงมั่นใจว่า airasia food จะสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้าที่สุดและกลายเป็นทางเลือกที่ผู้คนในกรุงเทพฯ นิยมใช้อย่างแน่นอน 
"ภารกิจของ airasia food คือเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมอาหารหลากหลายที่ตรงใจ ในราคาเข้าถึงได้ และมีประสบการณ์ที่ใช้งานง่าย รวมถึงช่วยสนับสนุนร้านค้าและผู้ขับขี่ในระบบนิเวศอย่างมีประสิทธิภาพและราคาที่ดีที่สุด สำหรับลูกค้า"



สำหรับร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการระบาดในปัจจุบัน ในการเปิดตัวจะคิดว่าคอมมิชชั่นเพียง 5% ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนตุลาคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนร้านค้ โดยจะเริ่มให้บริการใน 4 พื้นที่ในกรุงเทพฯ ได้แก่ ดินแดง จตุจักร ลาดพร้าว และห้วยขวาง

ก่อนขยายพื้นที่ให้บริการอีก 4 เขต คือ พญาไท ราชเทวี ปทุมวัน และวัฒนา โดยในแอปพลิเคชันมีร้านค้ามากมายหลากหลายให้เลือก ตั้งแต่แบรนด์ดังอย่างแม็คโดนัลด์ แฟลช คอฟฟี่ หรือคาเฟ่ อเมซอน ไปจนถึงร้านค้าเอสเอ็มอี และเปิดให้บริการตั้งแต่ 6.30 น. ถึง 19.00 น. ของทุกวัน พร้อมตั้งเป้าขยายสู่พื้นที่อื่นๆ อาทิ เชียงใหม่และภูเก็ตในอนาคตอันใกล้

ทั้งนี้ เพื่อฉลองการเปิดตัวในประเทศไทย airasia food มอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สำหรับผู้ใช้ใหม่ภายใต้แคมเปญการเปิดตัว ทั้งแจกฟรี ส่งฟรี และอื่นๆ ได้แก่ แคมเปญฟรี 30,000 มื้อเป็นเวลา 30 วัน วันละ 1,000 มื้อ โดยร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำ อาทิ แม็คโดนัลด์ แฟลช คอฟฟี่ และคาเฟ่ อเมซอน เพื่อจัดเมนูยอดนิยมมามอบให้ฟรีวันละ 1 เมนู หมุนเวียนมาให้ลูกค้าได้สั่ง เพียงใส่โค้ด FREEMEALS จะได้รับเมนูประจำวันฟรีทุกวัน (จำกัดออเดอร์ต่อวัน / 1 ครั้งต่อผู้ใช้ตลอดแคมเปญ) ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม - 16 กันยายน 2564

รวมถึงจัดส่งฟรีสำหรับทุกออเดอร์ภายใน 6 กิโลเมตรแรก ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม - 30 กันยายน 2564
ส่วนลด 80 บาทสำหรับผู้ใช้ใหม่เมื่อสั่งขั้นต่ำ 100 บาท เพียงใส่โค้ด HELLO80 ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม - 30 กันยายน 2564 และมอบ BigPoint จำนวน 2,000 แต้มสำหรับสมาชิก 20,000 รายแรกที่ได้ลงทะเบียนใช้งานครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม - 16 กันยายน 2564
#3046


นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 2 ปี2564 สถานกาณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงกว่าไตรมาสแรกส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจถดถอยต่อเนื่่อง และยังไม่มีความชัดเจนถึงการฟื้นตัวภายในปี 2564 ส่งผลกระทบต่อการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ การขยายตัวของสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ และการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องภาพรวมของทั้งประเทศ พบว่าการเพิ่มขึ้นของอุปทานใหม่ลดจำนวนลงมาก ในส่วนของหน่วยที่ได้รับอนุญาตจัดสรรทั่วประเทศ ปี 2564 ยังคงชะลอตัว โดยครึ่งแรกปี 2564 หน่วยที่ได้อนุญาตจัดสรรลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2563 แนวโน้มลดต่อเนื่องในไตรมาส 3 คาดว่าจะกระเตื้องในไตรมาส4 ปีนี้

แต่อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ความรุนแรงโควิดระลอก3 สู่ระลอก4 ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ลดปริมาณการขอจัดสรรลง สังเกตได้จากไตรมาส 2 ของปีนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงก่อนเกิดโควิด ติดลบ 41.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี63 พบว่าหน่วยจัดสรรรายเดือน ติดลบ37 -46 %ระหว่าง เดือนม.ค. - เม.ย. 2564 และเริ่มกระเตื้องขึ้นในเดือนพ.ค. - มิ.ย. 2564 และคาดว่าไตรมาส 4 ปี 2564 จะเริ่มดีขึ้น แต่ทุกไตรมาสจะยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่ผู้ประกอบฯจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่มีราคาสูงเพื่อรองรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อ

โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2564 มีการออกใบอนุญาตจัดสรร30,514 หน่วย ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ทุกไตรมาส ขณะที่ข้อมูลการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มซึ่งมีสัดส่วน 89% ของการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั่วประเทศ พบว่า 10 ลำดับแรกของจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม มีอัตราขยายตัวลดลง33.1% โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวน 14,863 หน่วยขณะที่ช่วงครึ่งแรกปี 2563 มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวน 25,062 หน่วย ลดลง40.7%


ขณะที่ความเคลื่อนไหวด้านการเปิดตัวโครงการใหม่เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่าเริ่มมีการเปิดตัวโครงการใหม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ต่อเนื่องจากปี 2562 โดยการชะลอตัวของหน่วยเปิดตัวใหม่ อาจเป็นผลจากยอดขายที่ชะลอตัวและหน่วยเหลือขายสะสมในตลาด

"การแพร่ของโควิด ทำให้กำลังซื้อของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง ในช่วง ไตรมาส 2 ปีนี้มีหน่วยเปิดตัวใหม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงก่อนเกิดโควิดระบาดลดลง76.4% และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 หดตัวลง46.2% คาดว่าไตรมาส 3 และไตรมาส 4 อาจจะเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนหน่วยที่ขายได้ในช่วงที่ผ่านมาโดยเป็นโครงการขนาดกลาง-เล็ก และเน้นการขายโครงการที่มีสต็อกทำให้เปิดโครงการใหม่น้อยลง"


โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2564 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีโครงการเปิดตัวใหม่ 12,740 หน่วยมูลค่า 66,123 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2563 มีโครงการเปิดตัวใหม่ จำนวน 29,816 หน่วยมูลค่า 137,068 ล้านบาท จำนวนหน่วยปรับตัวลดลง57.3 % ส่วนมูลค่าลดลง51.8 %

นายวิชัย กล่าวว่า ด้านอุปสงค์อสังหาฯชะลอตัวสะท้อนจากการโอนกรรมสิทธิ์ช่วงครึ่งแรกปี 2564 โดยในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ การโอนกรรมสิทธิ์ขยายตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ จำนวนหน่วยและมูลค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ติดลบ31.2% และ16.5% ตามลำดับ ทั้งนี้การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศสะสมครึ่งแรกปี 2564 โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวนทั้งสิ้น 120,023 หน่วย มูลค่า 377,520 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 168,625 หน่วย มูลค่า 422,870 ล้านบาท จำนวนหน่วยปรับตัวลดลง28.8 % มูลค่าลดลง10.7 % ซึ่งค่าเฉลี่ยจำนวนหน่วยต่อไตรมาส 90,233 หน่วย และมูลค่า 232,859 ล้านบาท

ในช่วงครึ่งแรกปี 2564 การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลมีจำนวน 79,422 หน่วย มูลค่า 284,411 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2563 มีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 88,336 หน่วย มูลค่า 270,435 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง 10.1% ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น5.2 % คาดว่าปี 2564 จะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ 164,861 หน่วย ลดลงจากปีก่อน 16.2% การโอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านจัดสรรลดลง5.2 % และการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดลดลง27.1 % ด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คาดว่าปี 2564 จะมีมูลค่า 587,539 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 4.2% มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านจัดสรรลดลง0.8 % โครงการอาคารชุดลดลง8.9%

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้มีการปรับการคาดการณ์ใหม่อีกครั้งภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งใหม่ โดยประมาณการว่าปี 2564 ภาพรวมการออกใบอนุญาตจัดสรรปี 2564 คาดว่าจะลดลง22.1 % และในปี 2565 จะเพิ่มขึ้น25.2 % ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากฐานปี 2564 ที่มีตัวเลขต่ำ และการจัดสรรจะเข้าสู่ค่าเฉลี่ยของช่วงปกติในปี 2568 ขณะที่แนวโน้มโครงการเปิดตัวใหม่จะลดลงมาอยู่ที่ 43,051 หน่วย ลดลงจากปีก่อน35.0 % ซึ่งเป็นการลดลงของโครงการอาคารชุดมากถึง44.3 % ขณะที่บ้านจัดสรรลดลง27.4 % และในปี 2565 เพิ่มขึ้น 38.5% และการเปิดตัวหน่วยที่อยู่อาศัยใหม่จะเข้าสู่ค่าเฉลี่ยของช่วงปกติในปี 2568 - 2569  ขณะที่ หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ปี 2564 อาจลดลงเหลือเพียง 270,151 หน่วย ลดลงจากปีก่อนที่เคยมีหน่วยโอน358,496 หน่วย หรือลดลง 24.6 %คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 และสามารถกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยในภาวะปกติได้ในปี 2570

" ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2564 จะยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับสู่สภาวะสมดุลทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัยจะกลับเข้าสู่ภาวะที่ก่อนเกิดโควิดในปี 2568 – 2570 หรือประมาณ 5-6 ปีข้างหน้า หากรัฐช่วยออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ขยายเพดานลดค่าโอน-จำนองครอบคลุมทุกระดับราคารวม-บ้านมือสอง ฟื้นตลาด แบงก์ชาติปลดล็อกมาตรการแอลทีวี จะช่วยให้สถานการณ์อสังหาฯฟื้นตัวได้เร็วขึ้น"
#3047


นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ที่รุนแรงจากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์และยาวนานกว่าที่ประเมินไว้ ทำให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการระบาด ส่งผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และอาจส่งผลต่อแผนการเปิดประเทศ

"หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ได้ก่อนไตรมาส 4 ปี 2564 ททท.อาจต้องพิจารณาปรับลดเป้าหมายการทำงาน"

โดยปีนี้คาดการณ์แนวโน้มว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 1.2 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 85,000 ล้านบาท จากการฝากความหวังไว้ที่การเปิดประเทศในพื้นที่นำร่องแบบไม่กักตัว โดยเฉพาะโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในมิติการสร้างความมั่นใจว่าไม่พบการติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติไปยังคนในพื้นที่นำร่อง และจากคนในพื้นที่นำร่องไปยังนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวไทยคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 100 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 540,700 ล้านบาท เนื่องจากยังมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของรัฐบาลที่เตรียมไว้ ทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และโครงการทัวร์เที่ยวไทย นอกจากนี้ยังมีความต้องการท่องเที่ยวของคนไทยภายหลังจากที่ต้องกักตัว ไม่สามารถออกเดินทางท่องเที่ยวได้เพราะต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดมาระยะใหญ่ รวมถึงได้การกระตุ้นตลาดของ ททท.และรายการส่งเสริมการขายในช่วงปลายปีของผู้ประกอบการเป็นแรงหนุนสำคัญ ส่งผลให้แนวโน้มตลอดปีนี้ประเทศไทยน่าจะมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวทั้งตลาดในและต่างประเทศที่ 625,700 ล้านบาท

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ททท.ตั้งเป้าหมายการทำงานปีนี้ว่าภาคท่องเที่ยวไทยจะสร้างรายได้รวมที่ 850,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 300,000 ล้านบาท จากเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 ล้านคน ขณะที่รายได้จากตลาดในประเทศตั้งเป้าที่ 550,000 ล้านบาท จากเป้านักท่องเที่ยวไทย 100-120 ล้านคน-ครั้ง


ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปี 2565 ททท.ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นซีนาริโอที่ดีที่สุดจากแนวโน้มการเติบโตทางการท่องเที่ยวของไทย คิดเป็น 2 ใน 3 เมื่อเทียบกับรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดในปี 2562 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์และเน้นคุณภาพ ไม่เน้นจำนวน ให้น้ำหนักกับการเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริป และการสร้างสมดุลระหว่างรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติกับนักท่องเที่ยวไทย

โดยมีเงื่อนไขความสำเร็จคือการกระจายวัคซีนจะคุมการระบาดให้ได้ในช่วงต้นไตรมาส 4 ปีนี้ ทำให้ระยะการเกิดระดับภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นในครึ่งปีแรกของปี 2565 และเศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ระดับก่อนระบาดในปลายปีหน้า รวมทั้งเปิดประเทศได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้ ทั้งการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศแบบไม่กักตัว เป็นไปตามแผนและปลดล็อกการท่องเที่ยวในประเทศ และรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
#3048
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#3049


บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ AAV ไตรมาส2ปี2564 ขาดทุนสุทธิ1,691.87 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 48% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน1,141.32 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทมีรายได้รวม1,080.7 ล้านบาท ลดลง 51% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีราไยด้รวม 2,221 ล้านบาท แต่บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวม 3,894 ล้านบาท ลดลง3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 4,021.4 ล้านบาท

ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 บจ. ไทยแอร์เอเชีย มีจำนวนผู้โดยสาร721,794 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 155 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งขยายตัวไปในทิศทางเดียวกับปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารและปริมาณที่นั่ง

โดยหลักหนุนจากความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายน 2564 และฐานที่ต่ำซึ่งเป็ยผลมาจากการหยุดให้บริการบินชั่วคราวในเดือนเมษายน 2563

อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตามที่กล่าวข้างต้น ส่งผลให้อัตราการขนส่งผู้โดยสารในไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 61นอกจากนี้บจ. ไทยแอร์เอเชีย ได้ดำเนินงานลดจำนวนเครื่องบินตามแผนในระหว่างงวด ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือน
มิถุนายน 2564 มีจำนวนเครื่องบินทั้งสิ้น 60 ลำ

ขณะที่งวดครึ่งปีแรก2564 ขาดทุน3,556.46 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น96% จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน1,812.80 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,431.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 75จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 8,451.1 ลดลงร้อยละ 34จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท


ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 สินทรัพย์มีจำนวน 64,601.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 เทียบจากสิ้นปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจาก
(1) สินทรัพย์หมุนเวียนลดลงจำนวน 1,045.3 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลงจำนวน
876.8 ล้านบาท จากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงและการชำระคืนหุ้นกู้บางส่วน และค่าใช้จ่ายล่วงหน้าลดลงจำนวน 177.8
ล้านบาท จากการรับเงินชำระค่าน้ำมันเชื้อเพลิงล่วงหน้าคืน

(2) สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนลดลงจ านวน 2,331.1 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากสินทรัพย์สิทธิการใช้และที่ดิน เครื่องบิน ส่วนปรับปรุงอาคารเช่าและอุปกรณ์ ลดลงจากค่าเสื่อมราคาสะสมที่เพิ่มขึ้น

ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในครึ่งหลังของปี2564 มีแนวโน้มฟื้นตัว แต่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศสูงขึ้น โดยประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วจะฟื้นตัวได้ดีกว่าจากความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 การทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่

ในขณะเดียวกันประเทศเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาฟื้นตัวชะลอลง เนื่องจากอัตราการแจกจ่ายวัคซีนยังคงล่าช้าทำให้ยังต้องใช้มาตรการการควบคุมการแพร่ระบาด และมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับจำกัด นอกจากนี้ประเทศที่พึ่งพาภาคการท่องเที่ยวเป็นหลักจะยังฟื้ นตัวได้ช้ากว่าประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นการแพร่ระบาดของ COVID-19กลายพันธุ์นั้นกระจายเป็นวงกว้างโดยเฉพาะในเอเชีย ความล่าช้าในการกระจายวัคซีน และความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก ทั้งนี้ธนาคารกลางสหรัฐ ("Fed") ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 0.25 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของการจ้างงาน รักษาเสถียรภาพของอัตราเงินเฟ้อ และคงนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ กอปรกับเศรษฐกิจที่ฟื้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนของดอลลาร์
สหรัฐฯแข็งค่า ทั้งนี้บริษัทอาจเสียประโยชน์จากค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศ อาทิเช่น สัญญาซ่อมบำรุง สัญญา
เช่าเครื่องบิน เป็นต้น

ดังนั้นบริษัทจึงทำการบริหารภายใต้นโยบายการบริหารความเสี่ยงแบบธรรมชาติ คือ จัดการให้รายจ่ายอยู่ในสกุลเงินเดียวกับรายรับให้มากที่สุด นอกจากนี้โครงสร้างเงินกู้ในสกุลเงินต่างๆ จะถูกปรับให้สอดคล้องกับสกุลเงินของเงินสดสุทธิจากการด าเนินงานโดยบริษัทจะพิจารณานำเครื่องมือทางการเงินมาใช้ในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามความเหมาะสมราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นมากกว่าที่เคยประมาณการไว้เมื่อต้นปีโดยได้รับปัจจัยสนับสนุนที่ส าคัญจากการเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ เช่น การเดินทาง การท่องเที่ยว และการขนส่ง

อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังคงรุนแรงในหลายประเทศโดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้า
น้ำมันอันดับสามของโลก และการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC+) ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึง
ธันวาคมปีนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน

อนึ่ง ในไตรมาสนี้บริษัทไม่มีสัญญาแลกเปลี่ยนราคาน้ำมัน (Fuel Price Swap Agreements )
จากรายงานเดือนสิงหาคม 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย("ธปท.") คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีแนวโน้ม
ขยายตัวร้อยละ 0.7 ลดลงจากประมาณการในเดือนมิถุนายน2564 ที่ร้อยละ 1.8 จากการระบาดของ COVID-19 รอบที่สาม
ที่ยืดเยื้อและรุนแรงมากกว่าที่ประเมินไว้ มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเร่งสูงขึ้น โดยเฉพาะสายพันธุ์ Delta ที่มีความรุนแรง
ส่งผลให้มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น และทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การบริโภคภาคเอกชน และแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวลง

อย่างไรก็ดีภาครัฐได้มีการออกมาตรการสนับสนุน รวมถึงการส่งออกยังขยายตัวได้ดีหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ อีกทั้ง ธปท. คาดการณ์ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวช้าโดยประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 ไว้ 2 กรณี ในกรณีฐานจะมีนักท่องเที่ยว
ต่างชาติจำนวน 0.15 ล้านคน และกรณีที่แย่ที่สุด จะมีนักท่องเที่ยวเพียงจ านวน 0.10 ล้านคน ภายใต้สมมติฐานที่
สถานการณ์แพร่ระบาดในประเทศสามารถควบคุมได้และทยอยผ่อนคลายมาตรการในช่วงต้นและช่วงปลายไตรมาส 4
ปีนี้ ตามลำดับ

ทั้งนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจมีความล่าช้าออกไปจากปัจจัยความเสี่ยง อาทิเช่น สถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศ การเลื่อนระยะเวลาการเปิดประเทศประสิทธิภาพและความล่าช้าในการกระจายวัคซีนบจ. ไทยแอร์เอเชีย คาดการณ์ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะทรงตัวอย่างประคับประคองจากการที่ภาครัฐบาลได้ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวดและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ("กพท.") ได้ประกาศห้ามบินรับส่งผู้โดยสารในประเทศพื้นที่ควบคุมสูงสุดเริ่มตั้งแต่ 21 กรกฎาคม เป็นต้นไปโดยไม่มีกำหนด

ดังนั้น บจ.ไทยแอร์เอเชีย จึงประกาศหยุดให้บริการในทุกเส้นทางบินภายในประเทศชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 12 - 31 สิงหาคม 256
เพื่อให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการช่วยกันป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ดี บจ. ไทย
แอร์เอเชีย ยังเน้นการเติบโตในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน("Non-airline Business") โดยเพิ่มศักยภาพธุรกิจขนส่งทาง
อากาศโดยการนำเครื่องบินมาใช้ในการขนส่งทางอากาศอย่างเดียว เพื่อรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและความต้องการ ขนส่งสินค้าโดยรวม

นอกจากนี้ หน่วยธุรกิจด้านดิจิทัลภายใต้กลุ่มแอร์เอเชียได้ผนึกก าลังกับโกเจ็กแพลตฟอร์มบริการด้านอีคอมเมิร์ซและการช าระเงินผ่านมือถือชั้นนำของอาเซียนผ่านการเข้าซื้อกิจการของโกเจ็กส่วนที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย เพื่อที่จะเสริมศักยภาพและสร้างระบบนิเวศธุรกิจของกลุ่มแอร์เอเชีย โดยในประเทศไทยนั้น airasia super app จะเริ่มเปิดตัว airasia food และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายในครึ่งปีหลังนี้
#3050


นายสมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง โพสต์ข้อความระบุว่า การดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในปีนี้น่าจะจบกัน เมื่อวันพุธที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ในสื่อมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับคนไทย ข่าวดีคือท่านนายกรัฐมนตรียอมยกเลิกประกาศปิดปากสื่อโดยใช้การอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกข้อกำหนดให้ยกเลิกข้อกำหนดฉบับที่ 29 ที่ออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.เดียวกันนี้ ฟังดูมันเหมือนเรื่องตลกสำหรับคนทั่วไป

จะเอาอะไรกันกับเรื่องแค่นี้ ในประวัติศาสตร์ไทยเมื่อ 46–47 ปีที่แล้ว สมัยที่ท่านจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี ยังได้นำทหารออกมาทำการปฏิวัติตัวเองเลย เรื่องนี้คนไทยสมัยนี้ที่ยังไม่เกษียณคงจำเหตุการณ์ไม่ได้ น่าจะมีการลองทำแบบนี้กันอีกไหมครับ จะทำอะไรก็สุดแท้แต่ผู้มีอำนาจและนักการเมืองทั้งหลายเถอะครับ เพราะตอนนี้ที่พึ่งของประชาชนเหมือนไม่มีแล้ว

สำหรับข่าวร้ายที่ได้ปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ในวันพุธที่ 11 นี้ ก็คือข่าวที่ว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (US Centers for Disease Control and Prevention) หรือ CDC ได้ออกคำเตือนแก่ชาวสหรัฐให้เลี่ยงการเดินทางไปหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยนั้น CDC ได้ปรับให้อยู่ในระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด คือ ห้ามการเดินทาง เพราะมีการระบาดและติดโควิดสูงในไทย!

บางคนอาจจะทำเป็นรู้ดีบอกว่าเราไม่ต้องเป็นกังวล เพราะนักท่องเที่ยวสหรัฐปกติมาเที่ยวไทยน้อยมากอยู่แล้ว แต่ผมว่าเขาพูดถูกแค่นิดเดียวเอง เพราะข้อเท็จจริงคือเมื่อสหรัฐพูดคนทั่วโลกเขาก็ได้ยินด้วยว่าไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงสุดถึงขนาดห้ามการเดินทางเข้ามา

ถ้าผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวพอจำกันได้ว่า เมื่อประมาณกลางเดือนกรกฎาคมที่แล้ว กลุ่มประเทศ EU ก็เคยปรับมาตรการไม่รับคนไทยเข้าประเทศกลุ่ม EU มาแล้ว ซึ่งเท่ากับบอกประชาชนของกลุ่ม EU ที่หน้าหนาวนักท่องเที่ยวชอบมาเมืองไทยกันมากให้รู้ว่าเมืองไทยไม่ควรมานะ

ADVERTISEMENT


เมื่อการท่องเที่ยวไม่มีโอกาสฟื้นในปีนี้ ความพยายามที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวดูเหมือนจะจบแล้ว ความหายนะของประเทศก็จะแผ่ออกไปมากขึ้น นับตั้งแต่การจ้างงานในด้านการท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากสุดของประเทศจะไม่เกิด อาชีพอื่นๆที่เกี่ยวโยงที่มีการจ้างงานมากก็ไม่มีทางฟื้นเช่น ธุรกิจการบิน ธุรกิจทัวร์ ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจนวดแผนโบราณและสปา แม่ค้าแม่ขายของที่ระลึก และรวมถึงร้านอาหารที่มีสภาพล้มทั้งยืนกันให้เห็นทุกจังหวัดตายหมด

ความหวังที่อุตส่าห์คิด อุตส่าห์ทำ เพื่อสร้างโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โครงการสมุยพลัส และยังมีการคิดชื่อล่วงหน้าที่หรูไว้อีกมาก สำหรับกระบี่ พัทยา และที่จังหวัดอื่นๆ ล้วนต้องเป็นฝันกลางวันไปหมด

ใครเป็นคนทำให้ความหวังที่จะฟื้นของการท่องเที่ยวซึ่งเป็นสาขาหลักทางเศรษฐกิจของประเทศต้องคลานจนโงหัวไม่ขึ้นมาจะสองปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อหรือถามชื่อกันอีกแล้ว สาเหตุที่เศรษฐกิจพังพินาศมาจากโควิด-19 จากการแพร่ระบาดที่มีไม่มากตอนต้นปี 2563 มาถึงขณะนี้จะสองปีแล้วกลับระบาดจนวิกฤตติดอันดับต้นของโลก ใครกันที่รับทำงานสู้รบกับมัน ในทางการเมืองประชาชนเขาต้องชี้ไปที่ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุขเท่านั้นแหละ ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานหนักและเหนื่อยมากนั้น ไม่มีใครไปโทษเขาเหล่านี้หรอก แต่พวกท่านๆทั้งหลายนี่ซิที่คนเขาสาปแช่งวันละสามเวลา

ทำยังไงๆ อธิบายยังไงๆ ประชาชนก็ยังยากที่จะคิดว่าพวกท่านๆทั้งหลายจะเอาอยู่ เพราะแค่ในคุกที่อยู่ในอุ้งมือของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทยยังมีการระบาดได้ และยังเอาไม่อยู่ หรือในแคมป์คนงานก่อสร้างใหญ่ๆใน กทม.ที่ต้องอยู่ในสายตาและการควบคุมของหน่วยงานราชการหลายหน่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงเทพมหานครก็ยังเอาไม่อยู่

ในช่วงนี้จะได้ข่าวกันว่ายังมีการระบาดของโควิด-19 ชุกชุมมากในโรงงานทั้งเล็กและใหญ่รอบๆ กทม. ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ชลบุรี อยุธยา ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ถ้าเอาไม่อยู่ ปล่อยให้การระบาดทอดยาวออกไปก็จะเกิดผลกระทบกับกระบวนการผลิตเพื่อการส่งออกของประเทศแน่

อย่างไรก็ดียังมีข่าวดีที่เพิ่งผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการ ศบค. ซึ่งนำไปปฏิบัติได้แล้ว คือข้อเสนอของกระทรวงแรงงงาน เรื่อง Factory Sandbox เพื่อทำการตรวจ รักษา ควบคุม และดูแล สถานประกอบการที่ผลิตเพื่อการส่งออกสำหรับโรงงานขนาดพนักงาน 500 คนขึ้นไป ทั้งนี้ต้องให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องหลัก เช่น มหาดไทย สาธารณสุข แรงงาน และอุตสาหกรรม ร่วมดำเนินการด้วยกันอย่างกระชับและรวดเร็วเป็นระบบ ถือว่าเป็นข่าวดีอีกชิ้นหนึ่งที่เพิ่งคิดกันได้

แต่อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่ายังมีจุดอ่อนที่ใหญ่มากอยู่เรื่องหนึ่ง คือแม้ไม่ใช่โรงงานผลิตเพื่อการส่งออกก็ควรต้องรวมเข้าไปด้วย และโรงงานที่มีขนาดพนักงานต่ำกว่า 500 คน เช่น 200 คน ที่มีการติดโควิด-19 กันระนาวก็ควรนำมารวมเข้าไปในโครงการนี้ด้วยเช่นกัน มิฉะนั้น จะทำให้เกิดการขว้างงูไม่พ้นคอเป็นแน่

เมื่อไม่กี่วันมานี้ เผอิญผมได้ฟังแนวนโยบายการปราบโควิด-19 ของท่านประธานาธิบดีไบเดนว่า "เรื่องต่อสู้กับโควิด-19 นี้จะไม่มีคนหนึ่งคนใดปลอดภัย ตราบใดที่คนอื่นๆ ยังไม่ปลอดภัย" ผมเห็นว่า แม้ผู้นำของเราจะมีความเก่งและความฉลาดเท่าผู้นำของชาติอื่น ก็ไม่ควรทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับนโยบายดีๆ ของชาติอื่น
#3051


กรุงเทพประกันชีวิต เผยผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2564 กรุงเทพประกันชีวิตมีเบี้ยประกันรับปีแรกจำนวนทั้งสิ้น 1,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 80 จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกของทั้งช่องทางธนาคาร ตัวแทน และช่องทางอื่น ๆ จากการออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมให้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งได้รับการตอบสนองที่ดีในแต่ละช่องทางจำหน่าย สำหรับเบี้ยรับประกันภัยรวมในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 มีจำนวน 8,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 18,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า "บริษัทมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 จำนวน 348,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563
ที่ร้อยละ 3 โดยสินทรัพย์ลงทุนมีสัดส่วนสูงที่สุดคือร้อยละ 94 ในไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ
751 ล้านบาท ทำให้ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ร้อยละ 102 เนื่องจากไตรมาสที่ 1 ปี 2563 บริษัทมีการตั้งสำรองค่าเผื่อความผันผวน (PAD: Provision for Adverse Deviation) เพิ่มขึ้น ทางด้านความมั่นคงของฐานะทางการเงิน บริษัทมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio – CAR) ณ ไตรมาสที่ 2/2564 ที่ระดับร้อยละ 295"

ไตรมาสที่ 2/2564 นี้ ทางบริษัทฯ ได้ทำการตลาดในช่องทางจำหน่ายแต่ละช่องทาง โดยในช่องทางธนาคาร บริษัทเปิดตัวแบบประกันสะสมทรัพย์ใหม่ เกนเฟิสต์ ซิมเพิล (Gain1st Simple) และยังคงทำการตลาดผ่านแคมเปญ "เลือกประกันที่ดี ชีวิตมีแต่ได้" ที่มีนาย ณภัทร เสียงสมบุญ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของกรุงเทพประกันชีวิต ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบบประกันเกนเฟิสต์ (Gain 1st) ในส่วนของช่องตัวแทนจำหน่าย กรุงเทพประกันชีวิตได้ทำการสื่อสารแคมเปญโฆษณาแบบประกันสุขภาพ บีแอลเอ แฮปปี้เฮลธ์ แบบประกันสุขภาพที่ทำให้หมดความกังวลทั้งค่ารักษาพยาบาลและส่วนเกินค่าห้อง ครอบคลุมค่าห้องเดี่ยวมาตรฐานของทุกโรงพยาบาลแบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม พร้อมเพิ่มความคุ้มครองการเข้าพักรักษาตัวจาก 3 โรคร้าย ตอบโจทย์คนทุกเพศ ทุกวัย อาชีพไหน ๆ ก็ครอบคลุม ทั้งผู้ประกอบอาชีพอิสระ รวมถึงเจ้าของกิจการอีกด้วย

กรุงเทพประกันชีวิต ยังได้เสริมบริการด้านสุขภาพเพื่อครอบคลุมความต้องการในการดูแลสุขภาพของผู้ทำประกันสุขภาพ ผ่านบริการเสริมด้านสุขภาพภายใต้โครงการ BLA Every Care ของกรุงเทพประกันชีวิตให้แข็งแกร่งครบวงจร รองรับความต้องการและดูแลลูกค้าได้อย่างเต็มศักยภาพ และเปิดบริการแพลตฟอร์มออนไลน์บนเว็บไซต์ "BLA Health Partner เพื่อนซี้สุขภาพ" ศูนย์บริการข้อมูลสุขภาพสำหรับลูกค้ากรุงเทพประกันชีวิตที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ในยุควิถีใหม่ ให้ลูกค้าได้รับความอุ่นใจกับข้อมูล คำตอบ และแนวทางในการดูแลรักษาสุขภาพ คลายกังวลกับข้อมูลด้านค่ารักษาพยาบาลเมื่อเข้ารับการรักษา รวมถึงการสอบถามการบริการด้านการดูแลหลังจากการออกจากโรงพยาบาลเพิ่มเติม

นอกจากนี้ กรุงเทพประกันชีวิต มุ่งให้ความสำคัญในการสร้างและพัฒนาตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน ผ่านโครงการรับรองรายได้ผู้บริหารตัวแทนมืออาชีพ (Smart Leader) เพื่อยกระดับการพัฒนาคุณภาพทีมงานขายอย่างมั่นคงและยั่งยืน และร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ

ด้านแผนการลงทุนคู่ความคุ้มครองผ่านที่ปรึกษาการเงินของบริษัท เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านการเงินให้ประชาชนทุกกลุ่ม โครงการ Smart Leader ได้ทำการสื่อสารผ่านแคมเปญ อาชีพของแม่ที่ผมภูมิใจ ที่มีคุณปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย เป็นผู้นำเสนอ ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา

ในไตรมาสที่ 2/2564 นี้ กรุงเทพประกันชีวิต ได้รับรางวัลบริษัทประกันสุขภาพที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยม (Most Innovative Health Insurance Company) จากงาน International Finance Awards 2020 แสดงถึงการเป็นบริษัทประกันชีวิตและสุขภาพชั้นนำที่มีการพัฒนาทางด้านความคุ้มครองสุขภาพที่บริษัทมีนวัตกรรมและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
#3052
อาชีพนักเดินเรือ รายได้สูง ท่องเที่ยวรอบโลก
เราคงจะทราบกันดีว่ามีหนึ่งอาชีพในประเทศไทยที่เงินเดือนสูงอย่างยิ่ง ถ้าหากเทียบกันในหลายๆสาขาวิชาชีพ นั่นคืออาชีพคนประจำเรือ หรือ พาณิชย์นาวี นั่นเอง ดังเช่นว่าค่าตอบแทนรายเดือนอย่างน้อยของลูกเรือ เริ่มต้นเงินเดือน ก็ถึง 25,000 บาท ไม่ต้องเอ่ยถึงระดับสูงๆนะ ว่าเท่าใด บางบริษัทกัปตันค่าจ้างรายเดือน 300,000 บาทต่อเดือน แถมในอาชีพนี้ดีถึงขั้นภาษีเงินได้ไม่จำเป็นต้องจ่ายกันเลย

เหตุผลหลักๆของผู้เรียนและสนใจงานเรือสินค้า  คือ 1. รักและก็ชอบงานเรือจริงๆ 2. รายได้สูงยิ่งกว่าการปฏิบัติงานบก 3. ชอบเดินทางได้แวะท่องเที่ยวตามเมืองท่าสำคัญๆของโลก แอบกระซิบว่าบางคนเดินทางรอบโลกกันเป็นว่าเล่น





มาดูการเริ่มต้นอาชีพนักเดินเรือได้ง่ายๆในหลักสูตรนายท้าย ค่าใช้จ่ายไม่มาก ได้เริ่มปฏิบัติงานเร็ว มีรายได้หลังจากสำเร็จการศึกษาทันที
มาดูๆ นักเรียนเค้าฝึกถือท้ายเรือใหญ่ด้วยเรือย่อส่วนเสมือนจริง เพื่อให้นักเรียนได้ทราบอาการเรือ แล้วก็ฝึกถือท้ายด้วยคำสั่งภาษาอังกฤษ พวกเค้าจะได้ต่อยอดไปเป็นนายท้ายอีกขั้น





รับสมัครรุ่น 4 เปิดภาคเรียนเดือนตุลาคม นี้
ต้องการสมัครกดลิ้งค์ : https://lin.ee/VwT7dvr
เรียนกับพวกเราสิแล้วคุณจะได้
ได้งานทำแน่นอน
ที่พักฟรี เอกสาร หนังสือเรียนฟรี
ได้ฝึกกับอุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย
ได้เอกสารครบจบแล้วลงเรือได้เลย
ยื่นสอบรวมทั้งติวสอบตั๋ว(II/4) ฟรี
วางแผนแนวทางต่อยอดเพื่อพัฒนาสู่ตำแหน่งนายประจำเรือ
เชื่อมั่นได้ ว่ามีเรือลงทำงานชัวร์

(sure) เพราะสถานที่เรียนของพวกเรามี บริษัท จัดหางาน ทีเอสทีซีไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดหาคนเรือไทย ให้กับสายการเดินเรือทั้งไทยรวมทั้งต่างประเทศ เป็นบริษัทในเครือ (sure) https://m.facebook.com/tstcthai/ #tstc #งานเรือ #สมัครงานเรือ #ทำงานเรือ #หางานเรือ #maritimeschool #seamanthai





คุณสมบัติผู้สมัคร เรียนเดินเรือ
1.เพศชาย อายุ 18- 40 ปี
2.จบการศึกษาระดับ ม.3/ ปวช. หรือเทียบเท่าขึ้นไป
3.ไม่มีรอยสัก ยกเว้นในร่มผ้า
4.สุขภาพต้องผ่านการตรวจแล้วก็รับรองจากแพทย์ ดังนี้
4.1 ตาไม่บอดสี
4.2 การได้ยินอยู่ในเกณฑ์ปกติ
4.3 ไม่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี
5.ใจพร้อม กายพร้อม

สอบถามเพิ่มเติม/สมัคร
Tel. 0661259598 (พี่จ๋า)
กดลิ้งค์เลย : https://lin.ee/VwT7dvr
ปรึกษาเรื่องเรียน
Tel. 0661299598 (กัปตันธนา)
กดลิ้งค์เลย : https://lin.ee/0CXmbYW
https://www.facebook.com/SpeedyNauticalSchool/
https://www.facebook.com/speedycruiseacademy
www.speedynautical.ac.th
www.speedycruise.net
     
#MaritmeSchool #งานเรือสินค้า #การขนส่งสินค้าทางทะเล #ลูกเรือ #นายประจำเรือ #การฝึกอบรม #ม3 #ม6 #การศึกษาต่อ #เรือสำราญ #STCW2010 #อาชีพนักเดินเรือ #การโรงแรม #เดินเรือ #ช่างกลเรือ #พาณิชย์นาวี #SeaMan #Seafarer #Maritime #Ship #Aboat #เชี่ยวชาญการศึกษาก้าวหน้าระดับสากล #ตารางฝึกอบรมคนประจำเรือ #คนประจำเรือ #คนเรือ #SpeedyNauticalSchool
#3053


คริสตี มิวอิส กองกลาง สหรัฐอเมริกา กับ แซม เคอร์ ศูนย์หน้ากัปตันทีม ออสเตรเลีย เปิดเผยความสัมพันธ์กำลังคบหาดูใจกัน หลังเสร็จสิ้นภารกิจการแข่งขันฟุต.หญิง โอลิมปิก 2020

ภาพถ่ายทั้งคู่สวมกอด และนั่งปลอบซึ่งกันและกัน หลังจบการแข่งขัน 90 นาที แฟนๆ ลูกหนังทาง โซเชียล มีเดีย มองว่า เป็นสปิริตของนักกีฬาอันยอดเยี่ยม แต่บางส่วนมองว่า อาจมีอะไรในกอไผ่ ก่อนความจริงถูกเปิดเผย

เพียงไม่กี่วัน นับตั้งแต่ภาพดังกล่าวถูกแชร์อย่างแพร่หลาย เคอร์ ดาวยิงสังกัด เชลซี ยืนยันว่า เธอกับ มิวอิส กำลังคบหากัน พร้อมโพสต์รูปถ่ายทั้งคู่ประกบปาก และบรรยายด้วยสัญลักษณ์หัวใจ ติดแท็ก มิวอิส จากนั้นอีกฝ่ายก็อัพโหลดภาพคู่บน Story ของ IG

เคอร์ เคยมีประวัติคบหา นิกกี สแตนตัน มิดฟิลด์ชาวอเมริกัน นานเกือบ 7 ปี สมัยค้าแข้งระดับสโมสรด้วยกัน ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้าความสัมพันธ์กับ มิวอิส เป็นเพียงข่าวลือ กระทั่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ผลการแข่งขัน ปรากฏว่า มิวอิส และผองเพื่อน สหรัฐอเมริกา อาทิ เมแกน ราปิโน, เทียร์นา เดวิดสัน, อาเดรียนนา ฟรานช์, เคลลีย์ โอ'ฮารา ฯลฯ คว้าเหรียญทองแดง โตเกียว เกมส์ ปลอบใจ หลังเอาชนะ ออสเตรเลีย 4-3
#3054


องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกอาจทะลุระดับ 300 ล้านรายภายในต้นปีหน้า หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงดำเนินต่อไปในทิศทางปัจจุบัน และได้เรียกร้องให้บรรดาผู้นำทั่วโลกชะลอการแพร่ระบาดด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์ตรวจเชื้อ, การรักษา และวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แก่บรรดาประเทศยากจน

นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของดับเบิลยูเอชโอ เปิดเผยในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ว่า การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังจากดับเบิลยูเอชโอ รายงานว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกจำนวน 200 ล้านรายแล้ว

นายแพทย์ทีโดรสกล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ไม่มีการรายงานนั้น อาจทำให้ยอดติดเชื้อจริงๆ สูงกว่าที่มีการรายงานอย่างมาก

"ยอดติดเชื้อจะถึง 300 ล้านรายหรือไม่ และจะไปถึงระดับดังกล่าวรวดเร็วเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน" นายแพทย์ทีโดรสระบุ

บรรดาเจ้าหน้าที่ของดับเบิลยูเอชโอ เปิดเผยถึงความต้องการเงินทุน 7.7 พันล้านดอลลาร์อย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยในการแจกจ่ายวัคซีน, ออกซิเจน และการรักษาพยาบาลในประเทศที่มีรายได้ต่ำ ขณะที่นายแพทย์ทีโดรสผลักดันให้มีการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาผู้ติดเชื้อตั้งแต่อาการน้อยจนถึงอาการรุนแรง

ด้าน Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมนั้นมีจำนวน 205,103,455 รายแล้ว และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,332,308 ราย โดยสหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (36,897,983) รองลงมาคืออินเดีย (32,052,127) และบราซิล (20,213,388)
#3055


นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อสินค้าของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รายได้จากการขายในไตรมาส 2 ที่ 6,913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจากการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกลุ่มประเทศ CLMV เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจหลัก ผลักดันอัตราการเติบโตในต่างประเทศโดยรวมที่ 76% นอกจากนี้ โอสถสภายังได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้แก่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีน นอกจากนี้ ยังได้พัฒนารถเข็นแรงดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ให้แก่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามต่างๆ 161 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นพลังให้คนไทยฮึดสู้ฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19

สำหรับตลาดในประเทศนั้น OSP ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่งการตลาด 55% จากแบรนด์อันดับ 1 อย่างเอ็ม-150 แบรนด์ลิโพ ที่มีการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ สร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกในรอบ 22 ปี เปิดตัว 'ลิโพ-ไฟน์' แจ้งเกิดเซกเมนต์ใหม่ให้ "เครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับผู้หญิง" และเครื่องดื่มโสมอินซัมที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากส่วนผสมสมุนไพรซึ่งตอบสนองเทรนด์ของตลาดในขณะนี้ได้อย่างตรงจุด ส่วนกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริงก์นั้น ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่ง 37% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังจากออกสินค้าใหม่เพื่อตอบรับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งผลิตภัณฑ์กล่องใหญ่ขนาด 1 ลิตรสำหรับการบริโภคในครอบครัวได้เป็นประจำ และ 'ซีวิท พลัส' เครื่องดื่มวิตามินซีผสมคอลลาเจน นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้จากการกระจายสินค้าให้แก่เครื่องดื่มวิตามินของกลุ่มยันฮี ซึ่งเป็นอีกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูง

นอกจากนี้ การกลับมาเดินเครื่องจักรของโรงแก้วหลังจากปิดปรับปรุงในไตรมาสก่อน สัดส่วนช่องทางการขายที่ดีขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนภายใต้โครงการ Fit Fast Firm อย่างต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน ทำกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 1,824 ล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

จากผลการดำเนินงานที่เติบโตตามเป้าหมาย ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 มีมติเสนอจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 ในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน 1,352 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2564 และจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 กันยายน 2564

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OSP กล่าวว่า "จากสถานการณ์ความท้าทายจากโควิด-19 โอสถสภามุ่งเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ช่วยดูแลสุขภาพ การสร้างพลังทางด้านการตลาดผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร และเริ่มวางรากฐานการนำดิจิทัลมาร์เกตติ้งและนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยตั้งเป้าใช้ Big Data มาช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพและทรานส์ฟอร์มองค์กรให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตในอนาคต"

นอกจากนี้ โอสถสภายังได้ร่วมเป็นพลังสนับสนุนการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชน ชุมชน และเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ บริษัท เฮ้าส์ โอสถสภา ฟู้ดส์ จำกัด บริษัท โอสถสภา ไทโช ฟาร์มาซูติคอล จำกัด และ บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด จัดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น เครื่องดื่มวิตามินซีแบรนด์ซีวิทยันฮี วิตามิน วอเตอร์ ลิโพ และเครื่องดื่มผสมสมุนไพร เช่น โสมอินซัม สูตรผสมถั่งเช่า และเอ็ม-150 สูตรผสมกระชายดำรวมกว่า 2 ล้านขวด มอบให้แก่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีน ณ จุดบริการนอกโรงพยาบาล ในเครือข่ายสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยทั้ง 25 แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร รวมถึงโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามต่างๆ 161 แห่งทั่วประเทศ 

นอกจากนี้ โอสถสภายังได้ออกแบบและพัฒนาแคปซูลแรงดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ช่วยจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อและลดโอกาสในการสัมผัสเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์เมื่อปี 2563 ล่าสุด ทีมวิศวกรของโอสถสภาได้ออกแบบและพัฒนารถเข็นความดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยภายในโรงพยาบาล เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัยและคล่องตัวมากขึ้น โดยได้ส่งมอบแคปซูลความดันลบ จำนวน 3 คัน และรถเข็นความดันลบ จำนวน 18 คัน มูลค่ารวมกว่า 4.8 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาล 16 แห่งในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสระบุรี
#3056


กรมการค้าต่างประเทศจับมือสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยหารือ BERNAS กระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและติดตามสถานการณ์ข้าว เผยมาเลเซียยันพร้อมนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เหตุข้าวไทยราคาแข่งขันได้ดีขึ้นจากบาทอ่อน และพร้อมร่วมมือกับไทยจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์กระตุ้นการบริโภคช่วง ต.ค.นี้ เตรียมถกคู่ค้าเพิ่ม คิวต่อไปบังกลาเทศ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และสิงคโปร์

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ จัดการประชุมหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลการนำเข้าข้าวของรัฐบาลมาเลเซีย (Padiberas Nasional Berhad : BERNAS) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปยังมาเลเซียในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้เร่งกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า หารือเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าข้าว และผลักดันการส่งออกข้าว

ในการประชุมครั้งนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ตลาดข้าวของไทยและมาเลเซีย โดยไทยได้แจ้งให้ BERNAS ทราบถึงสถานการณ์การผลิตข้าวของไทยในปี 2564 คาดว่าไทยจะมีผลผลิตข้าวมากขึ้นเนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอ รวมทั้งแรงงานในภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีแรงงานกลับสู่ภูมิลำเนาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยผลผลิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ปัจจุบันราคาข้าวไทยปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับข้าวจากประเทศคู่แข่ง เช่น อินเดีย และเวียดนาม ไทยจึงขอให้ BERNAS พิจารณานำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น

ทางด้านผู้แทน BERNAS ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดข้าวในมาเลเซียว่า มาเลเซียมีผลผลิตข้าวไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศประมาณปีละ 9 แสนตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30-35% ของปริมาณความต้องการบริโภคทั้งหมด และในปี 2564 คาดว่ามาเลเซียจะนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีปริมาณ 1.08 ล้านตัน เนื่องจากมีปัญหาด้านการเพาะปลูกในประเทศ และไทยถือเป็นแหล่งนำเข้าข้าวหลักของมาเลเซียมาโดยตลอด เนื่องจากข้าวไทยมีคุณภาพดีและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวมาเลเซีย แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา BERNAS จำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากแหล่งอื่น เช่น อินเดีย ปากีสถาน และเวียดนาม เพิ่มขึ้น แม้ว่าคุณภาพข้าวจะด้อยกว่าไทย แต่เนื่องจากประเทศเหล่านี้สามารถส่งข้าวในราคาที่ถูกกว่าข้าวไทยมาก

ทั้งนี้ BERNAS เห็นว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 อุปสงค์ของข้าวไทยจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาข้าวไทยลดลงมาอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อได้ โดยนอกจากปัจจัยด้านราคาที่ปรับตัวลดลง ทำให้ข้าวไทยแข่งขันได้มากขึ้นแล้ว ผู้บริโภคในมาเลเซียยังเชื่อมั่นในคุณภาพและนิยมข้าวไทยมากกว่าข้าวจากแหล่งอื่น โดยจะเห็นได้จากปริมาณคำสั่งซื้อข้าวจากไทยที่เริ่มมีมากขึ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง

ขณะเดียวกัน BERNAS มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในมาเลเซียว่าควรเริ่มดำเนินการในช่วงเดือน ต.ค. 2564 เป็นต้นไป เนื่องจากคาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลาย ประชาชนจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ รวมถึงอุปสงค์จากธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้อุปสงค์ข้าวไทยเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ BERNAS แสดงความขอบคุณไทยสำหรับความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอดโดยเฉพาะในฐานะแหล่งนำเข้าข้าวที่มีคุณภาพ และยินดีที่จะร่วมสนับสนุนข้าวไทยในตลาดมาเลเซีย

นายกีรติกล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้กรมฯ ไม่สามารถเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำเข้าข้าวหลักในประเทศต่างๆ ได้ แต่กรมฯ ยังคงมีแผนจัดการประชุมหารือและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญของไทยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้ข้าวไทยมีส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยที่ผ่านมาได้มีการหารือกับสมาคมผู้นำเข้าข้าวของฮ่องกงและผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในระยะต่อไปมีแผนหารือกับบังกลาเทศ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้ข้าวไทยมีส่วนแบ่งในตลาดเป้าหมายเพิ่มขึ้น

สำหรับสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยตั้งแต่ 1 ม.ค.-29 ก.ค. 2564 ส่งออกแล้วปริมาณ 2.74 ล้านตัน มูลค่า 1,671 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 50,925 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าส่งออกลดลงจากปี 2563 คิดเป็น 17.07% และ 24.84% ตามลำดับ แต่คาดว่าในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีนี้ สถานการณ์การส่งออกข้าวน่าจะดีกว่า 6 เดือนแรกตามปัจจัยที่ได้กล่าวไปแล้ว
#3057


ฝ่ายประชาสัมพันธ์​การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ. โดยกระทรวงคมนาคม จะดำเนินการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษ รวม 3 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) จำนวน 19 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) จำนวน 31 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) จำนวน 10 ด่าน ในวันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม 2564 (วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หรือ วันแม่แห่งชาติ) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึง 24.00 น. จำนวน 1 วัน

ซึ่งเป็นวันหยุดราชการประจำปีตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ปรากฏในสัญญาสัมปทาน ฉบับแก้ไขใหม่ระหว่าง กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน


อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID 19 กทพ. ได้จำกัดการให้บริการ ทางพิเศษทุกด่านฯ ทุกสายทาง เว้นแต่รถที่ได้รับอนุญาตตามข้อกำหนด ระหว่างเวลา 21.00 น.- 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น มาตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ กทพ.ขอความร่วมมือให้ผู้ใช้ทางพิเศษอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ หากไม่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทาง ออกนอกบ้าน หรือหากจำเป็นต้องใช้ทางพิเศษเดินทางในวันปกติที่ไม่ได้ยกเว้นค่าผ่านทาง ควรสมัครใช้บัตร Easy Pass เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับธนบัตรหรือเหรียญ ซึ่งอาจจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค รวมถึงใช้บริการเติมเงิน ในบัตร Easy Pass ผ่าน Application ของธนาคารต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะได้รับความสะดวกรวดเร็วแล้วยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากการรับหรือแพร่เชื้อ COVID-19 ได้อีกด้วย
#3058


เป็นอีกหนึ่งบุคคลในวงการบันเทิง ที่ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 สำหรับหนุ่ม "ฟลุค-จิระ" นักแสดงจากละคร "ขุมทรัพย์ลำโขง" ทางช่อง 8 ที่ล่าสุด ร่วมกับ โรงพยาบาล เวชการุณย์รัศมิ์ ทำโครงการ Home isolation ด้วยการรับบริจาค เงินหรือสิ่งของ เพื่อทำถุงยังชีพจำนวน 1,000 ใบ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาเร็ว รักษาเร็ว โดยมีวิธีการคือ ตรวจและจ่ายยาเลย สำหรับคน rapid positive ไปรักษาตัวที่บ้าน เนื่องจากปัญหาเตียงที่โรงพยาบาล และ โรงพยาบาลสนาม หลายแห่งเริ่มไม่เพียงพอ ล่าสุดตอนนี้คนมาบริจาคเยอะ จนต้องปิดรับบริจาคแล้ว และ หนุ่มฟลุคแย้มอีกว่า ใครไม่ทันร่วมสมทบทุนรอบแรก รอบสองยังมีอีกแน่นอน รายละเอียดที่มาที่ไปของโครงการนี้เป็นอย่างไร มีบทสัมภาษณ์มาให้อ่านกัน

ล่าสุดทำ โครงการดี ๆ ร่วมกับ รพ.เวชการุณย์รัศมิ์ โครงการ Home Isolation ช่วยเหลือผู้ป่วย

เป็นการร่วมบุญกันของตัวผมกับเพื่อนๆ เกิดจากที่ผมเคยไปช่วยโรงพยาบาลนี้แถวหนองจอก ชื่อโรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ ซึ่งโรงพยาบาลนี้ช่วยเรื่อง ผ้าห่ม สำหรับผู้ป่วยตามโรงพยาบาลสนามที่อยู่สนามกีฬาบางกอกอารีนา ข้างๆโรงพยาบาลครับ จนคราวนี้โรงพยาบาลมีอะไรที่ต้องการ ก็จะส่งเรื่องเข้ามา เผื่อเราอยากจะทำบุญ อย่างตอนนี้ มีเรื่องห้องแรงดันลบ ที่เคยช่วยเขาไป ซึ่งตอนนี้เขาก็ส่งเรื่องเข้ามา เพราะผู้ป่วยฉุกเฉินตอนนี้เริ่มไม่มีที่อยู่ ก็ต้องใช้บริเวณลานจอดรถเป็นแรงดันฉุกเฉิน ก็ต้องใช้เงิน ผมก็ระดมเงินจากเพื่อนฝูง โพสต์เฟสบุ๊คบ้าง ทีนี้พอผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ทำให้โรงพยาบาลมีพื้นที่ไม่เพียงพอ ไปโรงพยาบาลสนามก็เต็ม จนเป็นที่มาของโครงการ Home Isolation ที่ผมกับเพื่อน รวบรวมเงินสร้างกันขึ้นมา ครับ

ได้ข่าวว่าไม่ได้ทำคนเดียวด้วยโครงการนี้

"ใช่ครับไม่ใช่เงินผมคนเดียว แต่เป็นเงินของผมและเพื่อน ส่งให้กันในกรุ๊ปเพื่อนๆนักแสดงช่อง 8 เพื่อนๆสมัยมัธยม ซึ่งพวกเขาก็รู้อยู่แล้ว เวลาผมส่งเรื่องราวแบบนี้ เขาจะรู้ได้ทันทีเลยว่า ผมเอาไปทำประโยชน์จริงๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้บอกสื่อ ก็ อย่างรอบนี้ ทางโรงพยาบาลก็มีอีกหนึ่งโครงการมานำเสนอผมก็คือ ผู้ป่วยพอมาตรวจ แล้วพบ เพียงแค่พบจาก Rapid Test ไม่ต้องถึง Swab นะ หากพบปุ๊ป ให้ยา ให้ถุงยังชีพกลับไปที่บ้านเลย โดยในถุงจะมียา เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ถุงขยะติดเชื้อ แมส เจลแอลกอฮอล์ และอุปกรณ์ยังชีพ ก็เลยทำโครงการเริ่มต้นที่ 1,000 ถุง ก็เลยเริ่มรวบรวมเงิน ปรากฏว่าได้มาไวมากเลย คนมาช่วยกัน เยอะมากจนเราต้องรีบปิด บอกว่าไม่ต้องสมทบแล้วนะ เดี๋ยวที่เหลือผมจ่ายเอง เพราะไม่งั้นเดี๋ยวผมไม่ได้จ่ายอะไรเลย แล้วจะกลายเป็นเกิน แล้วถ้าเกิน ผมก็ต้องไปหาที่ลงอีก ว่าจะซื้ออะไรต่ออีก ซึ่งมันผิดเจตนารมณ์ คนที่เขาสมทบ เขาอยากสมทบเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น เลยคือเงินห้ามเกิน แล้วถ้าเงินขาด เราจะเป็นคนสมทบเอง

ครั้งนี้ก็คือปิดรับบริจาคแล้ว จะมีครั้งต่อไปไหม

"มีแน่นอนครับ (ยิ้ม) ถ้าเปิดอีกรอบผมจะเปิดบัญชีใหม่ เพราะว่าดูแล้วมันไม่มีทางพอ เราให้ได้แค่ 1,000 ถุงเองนะ แล้วเขาติดกันทั้งประเทศเป็นเกือบสองหมื่นคนต่อวัน มันไม่มีทางพออยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่เราทำมันเป็นแค่จุดเล็กๆ พอช่วยคนได้บางกลุ่มเท่านั้นเอง ส่วนตัวผมที่มีครอบครัวแล้ว มีลูกเราแล้ว เราก็ไม่ได้ลุยทำบุญเหมือนเมื่อก่อน ที่แบบว่าขึ้นเขา ลงห้วย ไปช่วยคน ตอนนี้เรามีความเป็นห่วงตัวมากขึ้น อย่างที่บอก เรามีลูก แล้วยิ่งสถานการณ์โรคระบาดตอนนี้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราเอาตัวเราเข้าไปเสี่ยง ผมก็อาจจะทำให้ลูกผมทั้งสองคนมาเสี่ยงด้วยอีก ผมก็เลยตัดสินใจว่า เราช่วยเป็นทางนี้ดีกว่า เรารวบรวมเงิน เราทำอยู่ห่างๆ ช่วยอยู่ห่างๆ แบบนี้ดีกว่า

ช่วงที่กักตัวอยู่บ้านนานๆเวลาเครียด ทำยังไง

"ทุกคนเวลาอยู่บ้านนานๆ มันเครียดอยู่แล้วแหละ วิถีชีวิตมันถูกทำลาย เมื่อก่อนออกจากบ้านทุกวัน การที่อยู่บ้าน ต้องไม่มีอะไรทำ ต้องว่างจริงๆถึงจะอยู่บ้าน แต่ตอนนี้มันเปลื่ยนไป ก็คือ ทุกวันที่เราตื่นมา เราต้องคิดว่า วันนี้เราจะทำอะไร สำหรับคนที่ไม่มีงาน ยิ่งไม่รู้ว่าจะทำอะไร อย่างเรา เรายังคิดว่า วันนี้เราจะทำอะไร แต่สำหรับบางคนที่ไม่มีงานทำเลย ตื่นมาแล้วไม่มีอะไรเลย ผมว่าเขาต้องเครียดมาก ส่วนวิธีการคลายเครียดของผมก็คือ ท่ามกลางความเครียดนั้น เราจะต้องพยายามหาความสุขให้เจอ อย่างความสุขที่เราหาเจอในบ้าน ของผมก็คือลูกๆ การที่ผมได้ใช้เวลากับลูก ผมมีความสุขมาก ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่เราไม่มีละครถ่าย ยิ่งมีความสุขมากเลย เพราะว่าเราได้อยู่กับลูกทุกช่วงเวลา ตั้งแต่เขาตื่น เขากิน จนเขาหลับ"

แฟน ๆ เริ่มคิดถึงผลงานละครแล้ว

"ใช่ครับ ตอนนี้ก็มีแฟน ๆ ถามถึงละครก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ละครขุมทรัพย์ลำโขงออกอากาศ ใหม่อีกรอบพอดี ดีใจมากเลยครับ ผมดูแล้วเหมือนเป็นละครใหม่เลย มีการทำซีจีใหม่ มีการตัดต่อ หรือแม้กระทั่งทำให้กระชับขึ้นเพิ่มซีจีพญานาค แล้วอีกอย่างคือ มันมีฟีดแบคที่ดีกลับมา มีแฟนๆแท็กสตอรี่ในไอจีมาหาผม เราก็ดีใจ มีคนพูดถึง บรมชัย เขารู้อยู่แล้วแหละ ว่าบรมชัยเป็นยังไง เขาก็ยังมาชื่นชม มาพูดถึง และหลายๆคนก็คิดถึงด้วย เพราะเราก็ห่างละครมานาน เพราะโควิดอะเนอะ ก็ได้หายคิดถึงกันไป ที่สำคัญนึกถึงทีมงานนักแสดงที่ลำบากมาด้วยกัน กว่าจะได้ผลงานนี้ ผมว่ามันเป็นละครเรื่องหนึ่งที่ ถ่ายทำยากที่สุด ที่ผมทำมานะ มันเป็นบู๊ แล้วก็ยังมี ดราม่า ไหนจะมีการหักมุม เป็นคาแรคเตอร์ที่แปลกใหม่ด้วยสำหรับผม ไม่เคยเล่นแบบนี้มาก่อน ใครคิดถึง ตัวละครบรมชัย สามารถติดตามชม "ขุมทรัพย์ลำโขง" ออกอากาศทุกวันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 19.00 น. ทางช่อง 8 กดเลข 27 ครับ"
#3059


ราคาน้ำมันขยับขึ้น 2% ในวันอังคาร(10ส.ค.) ดีดตัวจากดิ่งลงแรงเมื่อเร็วๆนี้ ท่ามกลางสัญญาณอุปสงค์ฟื้นตัวในสหรัฐฯ แม้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน หลังวุฒิสภาเห็นชอบแพ็คเกจโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้าน ขณะที่ทองคำก็ปรับขึ้นเช่นกัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.81 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

การแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตาของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ผลักให้เคสผู้ติดเชื้อและผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน

อย่างไรก็ตามด้วยการจ้างงานขยายตัวขึ้นในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้น ช่วยส่งเสริมการบริโภคน้ำมันเบนซิน สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ(อีไอเอ) ระบุในรายงานประจำเดือน

อีไอเอประมาณการว่าการบริโภคน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 8.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2021 เพิ่มขึ้นจากระดับ 8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2020 แต่กระนั้นเชื่อว่าการบริโภคน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯจะยังคงต่ำกว่าระดับปี 2019 ไปจนถึงปี 2022 สืบเนื่องจากประชาชนจำนวนมากยังคงทำงานจากที่บ้าน

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดผสมผสานในวันอังคาร(10ส.ค.) แต่ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดตลอดกาล ได้แรงหนุนจากหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ หลังวุฒิสภาสหรัฐฯลงมติเห็นชอบแพ็คเกจโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ภายใต้การสนับสนุนจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 162.82 จุด (0.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,264.67 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.40 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,436.75 จุด แนสแดค ลดลง 72.09 จุด (0.49 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,788.09 จุด

ร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเวลานี้มุ่งหน้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏร อาจเปิดทางสำหรับการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในรอบหลายทศวรรษ ทั้งถนน สะพาน สนามบินและเส้นทางน้ำ ขณะเดียวกันวุฒิสภาก็จะเริ่มโหวตในแพ็คเกจงบประมาณ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ทางเดโมแครตวางแผนไว้ว่าจะยกมือเห็นชอบโดยไม่จำเป็นต้องได้รับแรงหนุนใดๆจากรีพับลิกัน

ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร(10ส.ค.) ปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน จากแรงช้อนซื้อหลังจากร่วงลงหนักก่อนหน้านี้ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 5.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,731.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(ที่มา:รอยเตอร์)
#3060


นักกีฬาจากประเทศไทยได้สร้างผลงานที่น่าประทับใจในโอลิมปิกปีนี้ โดยมีการใช้แฮชแท็ก #โอลิมปิกเกมส์ และก่อให้เกิดการพูดคุยกว่า 3.8 ล้านครั้งบน Instagram และ Facebook

สำหรับประเทศไทยมีนักกีฬาหญิงคว้าเหรียญทอง และเหรียญทองแดงกลับมาได้ และสิ่งที่น่าสนใจคือการที่นักกีฬาหญิงได้รับความสนใจในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก

โดยตั้งแต่เริ่มการแข่งขันปีนี้นักกีฬาที่มีผู้ติดตาม (Followers) มากที่สุด 3 อันดับแรกเป็นนักกีฬาหญิง นำโดย รัชนก อินทนนท์ (ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นประมาณ 1.8 แสนราย) ตามด้วย 'เทนนิส' พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นประมาณ 1.78 แสนราย) และ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย (ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นประมาณ 74,000 ราย)

รัชนก อินทนนท์ ได้รับ Engagements หรือการมีส่วนร่วมบน Instagram มากกว่า 5 แสนครั้ง ซึ่งมากที่สุดในหมู่ตัวแทนนักกีฬาไทย

ขณะที่ โพสต์บน Facebook โดย เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จัดเป็นโพสต์จากนักกีฬาไทยที่ได้รับ Engagements มากที่สุด (กว่า 223,000 ครั้ง)


สำหรับตัวเลขทั่วโลก พบว่าเหล่านักกีฬามี Followers เพิ่มขึ้นกว่า 75 ล้านราย ส่งผลให้มี Interactions หรือปฏิสัมพันธ์กับแฟนๆ ทั่วโลกกว่า 410 ล้านรายการบน Instagram ตลอดการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการสร้าง Stories มากกว่า 300,000 Stories ซึ่งคงไม่มีใครโดดเด่นเกินกว่า ราอิสซ่า เลอัล (Rayssa Leal) นักกีฬาสัญชาติบราซิล

เมื่อเทียบกับนักกีฬาทุกคนในโอลิมปิกปีนี้ ราอิสซ่า เลอัล มี Followers เพิ่มขึ้นมากที่สุด (5.8 ล้าน) และสร้าง Interactions สูงสุด (18.44 ล้าน) บน Instagram นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของโพสต์ที่เกี่ยวกับโอลิมปิกบน Instagram ที่มียอด Likes สูงสุด (มากกว่า 4 ล้าน Likes) และ Instagram video ที่มียอดวิวสูงสุดระหว่างการแข่งขันอีกด้วย (มากกว่า 11 ล้านวิว)

โพสต์จาก ไท่ ซือ หยิง (Tai Tzu Ying) นักแบดบินตันหญิงจากไต้หวันที่ขอบคุณแรงสนับสนุนจากเหล่าแฟนๆ ของเธอหลังจากจบการแข่งขัน จัดเป็นโพสต์จากนักกีฬาบน Facebook ที่สร้าง Interactions สูงสุดตลอดการแข่งขัน (กว่า 1.3 ล้าน Interactions)

เปิดสถิติที่น่าสนใจจากมหกรรมกีฬาครั้งนี้ 

กีฬาที่ถูกพูดถึงบน Facebook มากที่สุด (ทั่วโลก)

1. กีฬาลู่และลาน

2. ยิมนาสติก

3. เรือพาย

4. มวยสากล

5. ว่ายน้ำ

นักกีฬาที่ได้รับการกล่าวถึง (Mentioned) มากที่สุดบน Facebook (ทั่วโลก)

1. ซิโมน ไบลส์ (Simone Biles)

2. นีราจ โชปรา (Neeraj Chopa)

3. ไฮดีลีน ดิแอซ (Hidilyn Diaz)

4. ซูนิ ลี (Suni Lee)

5. ทอม เดลีย์ (Tom Daley)

ประเทศที่ 'ส่งเสียงเชียร์ได้ดังที่สุด' บน Facebook

(จัดอันดับจากจำนวนผู้ใช้งานที่พูดถึงโอลิมปิกบน Facebook)

1. อินเดีย

2. สหรัฐอเมริกา

3. บราซิล

4. ฟิลิปปินส์

5. เม็กซิโก

อิโมจิที่ถูกใช้มากที่สุดบน Facebook (ทั่วโลก)

1. หัวใจ ❤️

2. ปรบมือ

นักกีฬาที่ได้รับการกล่าวถึง (Mentioned) มากที่สุดบน Instagram (ทั่วโลก)

1. นีราจ โชปรา (Neeraj Chopa)

2. ซิโมน ไบลส์ (Simone Biles)

3. ราอิสซ่า เลอัล (Rayssa Leal)

4. เกรย์เซีย โปลี (Greysia Polii)

5. อาปรียานี ราฮายู (Apriyani Rahayu)

Reels ที่เกี่ยวกับโอลิมปิกที่มียอดวิวสูงสุดในช่วงการแข่งขัน 3 อันดับแรก (ทั่วโลก)

1. เลอทีเซีย บูโฟนี่ (Leticia Bufoni) จากบราซิลแข่งสเก็ตบอร์ด

2. เจสสิก้า ฟ๊อกซ์ (Jessica Fox) จากออสเตรเลียยินดีกับเหรียญทอง

3. เจสสิก้า ฟ๊อกซ์ (Jessica Fox) จากออสเตรเลียกล่าวขอบคุณผู้จัดงานและเหล่าอาสาสมัคร