• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - deam205

#3181


แพทย์ชำนาญการพิเศษ อายุรแพทย์โรคปอดและเวชบำบัดวิกฤต รพ.มหาราชนครราชสีมา โพสต์เล่าเรื่องราวน่าประทับใจ หลังรับผู้ป่วยโควิด 2 ราย เป็นพ่อซึ่งมีอาการเชื้อลงปอดและลูกน้อย 3 ขวบ มารักษา พบหนูน้อยคอยเป็นพยาบาลดูแลพ่อ ด้านพ่อแม้ไม่มีแรงก็ต้องลุกมาชงน้ำ ล่าสุดสามารถกลับบ้านได้ทั้งคู่แล้ว แต่ต้องกักตัว 14 วัน

เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "อนุชิต นิยมปัทมะ" นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ อายุรแพทย์โรคปอดและเวชบำบัดวิกฤต รพ.มหาราชนครราชสีมา โพสต์ภาพความประทับใจ เผยให้เด็กน้อย วัยเพียง 3 ขวบ กำลังปฐมพยาบาลพ่อของตนเองที่ป่วยเป็นโรคโควิด เชื้อลงปอด ในห้องไอซียู ซึ่งหนูน้อยคนนี้ก็ติดโควิดด้วยเช่นกัน แพทย์จึงลงความเห็นให้พ่อ-กับลูก รักษาตัวภายในห้องเดียวกัน เนื่องจากไม่อยากจับแยกัน โดยนายแพทย์อนุชิต ได้ระบุข้อความว่า

"หอผู้ป่วยหนักicuที่มีพยาบาลอายุน้อยที่สุดแค่3ขวบ วันก่อนรับโทรศัพท์​ขอ​refer.จาก​รพ.อำเภอ ผู้ป่วยชายอายุ44ปี​ ติดเชื้อ​covid.ลงปอด มีอาการหอบเหนื่อย​มาก​ ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ขอย้ายมาใช้เครื่องช่วยหายใจ​high.flow ตอนแรกก็รับมาไม่คิดอะไร​ รับมา

อีกห้านาที​ น้องหมอที่รพ.อำเภอโทรมาอีกว่า ขอให้รับน้องเด็ก3ขวบ จาก​รพ.อำเภอมาด้วย​ เพราะเป็นพ่อลูกกัน​ ลูกก็ติดcovid​ แต่เด็กอาการไม่หนัก แม่เด็กก็เป็นcovid.ปอดอักเสบ​ อยู่โรงพยาบาลในกรุงเทพ​ อาการหนักเหมือนกัน สรุป... ก็รับส่งตัวมาทั้งพ่อและลูก มาหอผู้ป่วยหนัก​ ซึ่งปกติ​ หอผู้ป่วยหนัก​ ไม่ได้ให้ใครเฝ้า แต่เด็กน้อยก็ติดเชื้อเหมือนกันแต่ไม่หนัก​ เด็กน้อยไม่รู้ไปอยู่ไหนดี ผมไม่อยากแยกพ่อแยกลูกกัน ลืมเรื่องกฎระเบียบ​ เพิ่มความเป็นมนุษย์ คุณพ่อดูเหนื่อยมาก​ ใช้เครื่องช่วยหายใจ​High.flow.แต่สติยังดี​ แม้ลุกดูลูกไม่ไหว​ แต่ก็พยายามลุกมาชงนมให้ลูกกิน​ แม้ตัวเองจะเหนื่อยมาก

เห็นแล้วน้ำตาคลอ.... เด็กน้อย​ ก็เป็นพยาบาลส่วนตัว​ คอยดูคุณพ่ออยู่ไม่ห่าง ลูกเอ๋ย... 3ขวบ"

ล่าสุด วันนี้ (11 ส.ค.)นายแพทย์อนุชิต ได้ออกมาโพสต์ข้อความอัปเดตอาการความคืบหน้าของผู้ป่วย 2 รายนี้ มีอาการดีขึ้นแล้ว สามารถกลับบ้านได้ คุณพ่อปอดกลับมาเกือบปกติแล้ว ลูกน้อยแข็งแรง สามารถเล่นซนได้ตามวัย แต่ต้องกลับไปกักตัวที่บ้านอีกอย่างน้อย 14 วัน
#3182

  • หมึกกะตอยแห้งตากเอง ทำเองทุกขั้นตอน
  • เป็นหมึกที่ได้จากทะเลสดๆไม่ผ่านแช่น้ำแข็งมา
  • เป็นผลิตภัณฑ์ของที่บ้านและชาวบ้านใกล้เคียง
  • ปลาหมึกแห้ง หมึกกะตอยหมึกกะตอยเรือได คุณภาพดี ทอดกรอบ อร่อย ไม่เค็มมาก
  • ขนาดบรรจุ 200 กรัม #หมึกกะตอยแห้ง #หมึกแห้ง
สั่งซื้อ https://bit.ly/37zs0nu

#3183


นายสลิล จารุจินดา หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกำกับดูแล บริษัท ไทยคม จํากัด (มหาชน) หรือ THCOM เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.64 บริษัทได้รับหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แจ้งว่า กสทช . ได้มีมติอนุญาตให้บริษัทฯ ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม จำนวน 10 ข่ายงานดาวเทียม ซึ่งรวมถึงวงโคจรที่ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 ใช้อยู่จนถึงวันที่ 10 ก.ย.64 (วันสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน)

โดยบริษัทใคร่ขอเรียนว่า ตามข้อเท็จจริงแล้ว ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 ไม่ใช่ดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารฯ (สัญญาสัมปทาน) เพราะ เป็นการดำเนินการภายใต้ระบบใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ดังนั้น สิทธิการใช้วงโคจรดังกล่าวจึงมิได้เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาสัมปทาน

บริษัทจึงได้มีหนังสือขอให้ กสทช. พิจารณาทบทวนมติดังกล่าวเพื่อให้สิทธิในการใช้วงโคจรเป็นไปตามอายุใบอนุญาตการให้บริการโทรคมนาคมที่อนุญาตโดย กสทช. หรือตามอายุของดาวเทียม แต่ กสทช. ก็มีหนังสือถึงบริษัทฯ แจ้งว่า กสทช. พิจารณาแล้วยืนยันตามมติเดิม หากบริษัทฯ ไม่เห็นด้วยสามารถใช้สิทธิโต้แย้งโดยฟ้องที่ศาลปกครองได้


ดังนั้น บริษัทจึงได้ดำเนินการยื่นคำฟ้องขอเพิกถอนมติดังกล่าวต่อศาลปกครองกลาง และยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาและมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของ กสทช.และกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว และเมื่อวันที่ 9 ส.ค.64 ศาลปกครองกลางไต่สวนคำร้องแล้ว โดยเรียก บริษัทฯ และ กสทช. เข้ามาไต่สวนและ ได้มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับของมติของ กสทช. ดังกล่าว โดยให้ บริษัทฯ มีสิทธิในการใช้วงโคจรและข่ายงานดาวเทียมที่เกี่ยวข้องต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น


ดังนั้น บริษัทจึงยังคงมีสิทธิใช้วงโคจรดาวเทียมและให้บริการดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 และข่ายงานดาวเทียมที่เกี่ยวข้อง ได้ตามปกติต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
#3184


หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ประธานกรรมการ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT)เป็นประธานใน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจเพื่อส่งเสริมการใช้และให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ที่จัดขึ้นในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual MOU Signing Ceremony)  โดยมี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  นายนพดล ปิ่นสุภา  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและดิจิทัล บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  นาวาอากาศเอก สมศักดิ์  ขาวสุวรรณ์  กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และ นางสาวจันทนา เตชะศิรินุกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี  บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามเพื่อวางกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน รวมถึงต่อยอดเทคโนโลยีการสื่อสารและดิจิทัลสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์การให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ  ส่งเสริมและสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตและเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากลมากยิ่งขึ้น

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รูปแบบการใช้พลังงานในปัจจุบัน มุ่งไปด้านพลังงานไฟฟ้าและพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น ปตท. จึงพัฒนาและปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ทิศทางพลังงานในอนาคต อย่างอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันและสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศ  ซึ่งที่ผ่านมา ปตท. ได้วางแผนลงทุนด้านยานยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ทั้งระบบกักเก็บพลังงาน แบตเตอรี่ โครงสร้างพื้นฐาน และแพลตฟอร์ม โดยจับมือพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ในการพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า และรองรับกลุ่มผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งนอกจากจะเป็นการตอบสนองนโยบายและทิศทางการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ ที่มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย ยังเป็นการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดที่จะช่วยประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอีกด้วย

"สำหรับความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้  ปตท. นำเอาความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงาน ตลอดจนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผนวกเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจการสื่อสารและดิจิทัลของโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า ในรูปแบบที่มีจุดแข็งและมีความโดดเด่น ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ด้วยทางเลือกของบริการที่หลากหลาย   อันจะนำไปสู่การสร้างอนาคตแห่งการเดินทางด้วยยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ที่สนับสนุนได้ทั้งความมั่นคงทางพลังงานและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน"

นาวาอากาศเอก สมศักดิ์  ขาวสุวรรณ์ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจเพื่อส่งเสริมการใช้และให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า ของทั้ง 2 หน่วยงานในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือกันศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ มีการทดสอบตลาดและศึกษาความต้องการของลูกค้า การออกแบบทางธุรกิจ การศึกษาความคุ้มทุนในการลงทุน การพัฒนาด้าน IoT และ Application ต่าง ๆ ระบบการให้บริการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่นการติดตาม การจัดเก็บข้อมูล การชำระค่าบริการ และเพื่อสร้างความร่วมมือด้านธุรกิจร่วมกันต่อไป ซึ่ง NT  มีโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านสื่อสาร เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการนำเทคโนโลยี 5G ที่ NT มีคลื่นความถี่ที่พร้อมตอบสนองความต้องการใช้ในทุกรูปแบบมาประยุกต์ใช้ด้วย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนรูปแบบการดำเนินธุรกิจในด้านต่าง ๆ ของ ปตท. และ NT ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่  โอกาสในการนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของ NT ในธุรกิจสื่อสารและดิจิทัล มาใช้ในการพัฒนารูปแบบการใช้บริการยานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นด้าน Charger และด้านการบริหารจัดการระบบรถส่วนกลาง (Fleet Management) ซึ่งระบบบริหารจัดการของยานพาหนะในธุรกิจเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและสร้างจุดแข็งทางธุรกิจที่ช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินงาน ทั้งด้านการบริหารจัดการและด้านความปลอดภัย เชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่การต่อยอดในการสร้างความแข็งแกร่งและความมั่นคงด้านการสื่อสารและดิจิทัลและอุตสาหกรรมด้านยานยนต์ในอนาคตให้กับทั้งสององค์กรร่วมกันและก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน และประเทศชาติเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจด้านพลังงาน และเทคโนโลยีดิจิทัลต่อไป
#3185


นายพีรภูมิ ปราบอริพ่าย ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สิริน สเปซ จำกัด ผู้ให้บริการให้คำปรึกษา ด้าน People Transformation และบริการฝึกอบรมเทรนนิ่งให้กับองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน กล่าวว่า ได้จับมือกับ Happily.ai ผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับเอชอาร์ นำระบบ เอไอ มาช่วยสร้างประสบการณ์การทํางานของพนักงาน ให้มีประสิทธิภาพและพิเศษกว่าที่ผ่านมา 

อีกทั้งยังช่วยให้องค์กรเข้าใจและเข้าถึงพนักงานได้ดียิ่งขึ้นผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบ People analytics ซึ่งเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาบุคลากรในระยะยาวในยุคเน็กซ์ นอร์มอล


ขณะที่ ปัจจุบันงานด้านทรัพยากรบุคคล หรือเอชอาร์ นับเป็นงานส่วนแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้บริหารด้านเอชอาร์หลายองค์กร เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่องค์กรแบบดิจิทัล เอชอาร์ ซึ่งการนำดิจิทัล แพลตฟอร์ม มาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับการทำงานของเอชอาร์จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อธุรกิจ และสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อพนักงานได้อย่างมากและนำองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จ

"ในฐานะที่ปรึกษาองค์กรชั้นนำระดับโลก และโครงการต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมากว่า 20 ปี มั่นใจว่า ดิจิทัลแพลตฟอร์มนี้ จะช่วยตอบ Pain Point ของหลายองค์กร ในการยกระดับความสัมพันธ์ของพนักงานและองค์กรได้ดีและมีประสิทธิภาพ เพราะความสุขของพนักงาน เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กรในยุคนี้ ซึ่งการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ของ Happily.ai จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยกระตุ้นให้พนักงานเกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้ การพัฒนาและการมีส่วนร่วมในการทํางาน โดยยังคงสามารถทำงานสอดประสานร่วมกันได้อย่างมีความสุขภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป"

นอกจากนี้ บริษัท สิริน สเปซ ยังมีแผนที่จะขยายไลน์ธุรกิจใหม่ เพื่อตอบรับกับการเติบโตของบริษัทในปลายปีนี้ กับดิจิทัลแพลตฟอร์มที่บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อที่จะช่วยเป็น "ลมใต้ปีก" ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศ
#3186


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในเช้าวันนี้ โดยบางส่วนได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงตามทิศทางราคาน้ำมัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในหลายประเทศ

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,488.66 จุด ลดลง 5.97 จุด หรือ -0.17%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,887.03 จุด เพิ่มขึ้น 66.99 จุด หรือ +0.24% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,456.61 จุด เพิ่มขึ้น 173.21 จุด หรือ +0.66%

นักลงทุนยังคงจับตาการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาในหลายพื้นที่ โดยล่าสุดนั้น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐได้เพิ่มระดับคำเตือนการเดินทางสู่ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศไทย, อิสราเอล, ฝรั่งเศส, ไอซ์แลนด์, เวสต์แบงก์และกาซา รวมทั้งอีกหลายพื้นที่ เนื่องจากยอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างมากในประเทศเหล่านี้

นอกจากนี้ CDC ยังได้เพิ่มระดับคำเตือนการเดินทางสู่ระดับ 3 สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังออสเตรีย, โครเอเชีย, เอลซาลวาดอร์, อาร์เซอร์ไบจาน, กวม, เคนยา และจาไมกา CDC ยังระบุว่า ชาวอเมริกันที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้

นักลงทุนในภูมิภาคยังจับตาความเคลื่อนไหวหุ้นของบริษัทในเครือซัมซุง หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากมีรายงานว่ากระทรวงยุติธรรมของเกาหลีใต้ประกาศวานนี้ว่า นายเจย์ วาย. ลี หรือนายลี แจยง ทายาทของซัมซุง กรุ๊ป จะได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ศาลสูงกรุงโซลของเกาหลีใต้ ได้ตัดสินจำคุกนายลี แจยง เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ฐานติดสินบนนางชเว ซุน-ซิล คนสนิทของอดีตประธานาธิบดีปาร์ค กึน เฮ เพื่อให้รัฐบาลสนับสนุนแผนการสืบทอดอำนาจในซัมซุง กรุ๊ป

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้น Samsung Electronics ลดลง 0.25% และหุ้น Samsung C&T ร่วงลง 1.05% ขณะที่หุ้น Samsung Life Insurance เพิ่มขึ้น 0.78%

ตลาดยังจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคในวันนี้ ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่น และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.ค.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ของออสเตรเลีย
#3187


นายพูน พานิชพิบูลย์  นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันี้(10ส.ค.) ที่ระดับ  33.46 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ3ปีครั้งใหม่และอ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.41 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.40-33.55 บาทต่อดอลลาร

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าอยู่จากปัญหาการระบาดของโควิด-19 รวมถึงโมเมนตัมขาขึ้นของเงินดอลลาร์ที่ยังมีอยู่จากท่าทีสนับสนุนการทยอยลดคิวอีในปีนี้ของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด

ขณะเดียวกัน เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันจากแรงซื้อดอลลาร์ของฝั่งผู้นำเข้าที่อาจเข้ามาเร่งปิดความเสี่ยงเนื่องจากกังวลว่า เงินบาทอาจจะอ่อนค่าเร็วและแรง

เรามองว่า ในระยะสั้น อาจเห็นเงินบาทอ่อนค่าไปได้ถึง 34 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก หากสถานการณ์การระบาดยังคงเลวร้ายต่อเนื่อง และ เงินดอลลาร์ยังคงมีโมเมนตัมขาขึ้นอยู่ ซึ่งอาจจะหนุนด้วยถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ต่างออกมาสนับสนุนการทยอยลดคิวอีในปีนี้ หรือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ พลิกกลับมาดีกว่าคาด ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะ ยุโรป อาจชะลอตัวลง จากปัญหาการระบาดของ โควิด-19

นอกจากนี้ เรายังมองไม่เห็นโอกาสที่เงินบาทจะพลิกกลับเทรนด์มาแข็งค่าได้ในเร็วนี้ ทำให้ ค่าเงินบาทยังเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้อย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์การระบาดจะเริ่มมีทิศทางดีขึ้น ซึ่งก็อาจจะต้องรอในช่วงต้นเดือนกันยายน


อนึ่งความไม่แน่นอนของสถานการณ์การระบาด โควิด-19 อาจทำให้ทิศทางของเงินบาทยังคงผันผวนอยู่ในระยะสั้น ผู้ประกอบการจึงควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงให้หลากหลายมากขึ้น อาทิ ใช้ Options เพื่อช่วยปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


ขณะที่ผู้เล่นในตลาดการเงินกลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น ท่ามกลางความกังวลปัญหาการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ที่เริ่มกดดันความคาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจ โดยได้สะท้อนผ่านการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งล่าสุดราคาน้ำมันดิบเบรนท์ได้ดิ่งลงกว่า 2.5% สู่ระดับ 69.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ตลาดการเงินยังถูกกดดันโดยความกังวลว่าเฟดอาจลดการทำคิวอีได้เร็วกว่าคาด หลังบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างทยอยออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนการลดคิวอีภายในปีนี้

อย่างไรก็ดี ในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ต่างออกมาดีกว่าคาด ได้ช่วยพยุงตลาดหุ้นไม่ให้ปรับตัวลดลงหนัก โดย ดัชนี Dowjones ปิดลบ -0.30% เช่นเดียวกันกับ ดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวลงราว -0.09%

โดยทั้งสองดัชนีต่างเผชิญแรงกดดันของหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลดลงหนัก ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินได้ปรับตัวสูงขึ้นช่วยพยุงตลาดไว้ ทั้งนี้ หุ้นเทคฯ ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ หลังบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังทรงตัวใกล้ระดับ 1.30% อีกทั้งผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคฯก็ยังคงสดใส หนุนให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปิดบวก +0.16%

ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.06% โดยความกังวลปัญหาการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ก็เริ่มกลับมากดดันหุ้นในกลุ่ม Cyclical มากขึ้น อาทิ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง อย่าง Safran -2.22%, Airbus -1.83% ขณะเดียวกัน หุ้นในกลุ่มเทคฯ ยังช่วยพยุงตลาดไว้ได้บ้าง หลังรายงานผลปะกอบการของหุ้นกลุ่มเทคฯ ออกมาดีต่อเนื่อง Infineon +0.89%, ASML +0.75%

ทางด้านตลาดบอนด์ ผู้เล่นในตลาดบอนด์เริ่มทยอยขายทำกำไรการถือบอนด์ระยะยาวมากขึ้น หลังบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดคิวอีได้ในปีนี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้นตามคาด ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10ปีสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 4bps สู่ระดับ 1.32% ซึ่งก็ยังคงเป็นระดับที่ต่ำนับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ส่วนในฝั่งตลาดค่าเงิน ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าเฟดที่ออกมาสนับสนุนนโยบายการเงินที่เข้มงวด อย่าง การทยอยลดคิวอีภายในปีนี้ รวมถึงการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 93 จุด อีกครั้ง กดดันให้ ค่าเงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลง สู่ระดับ 1.174 ดอลลาร์ต่อยูโร ส่วนค่าเงินเยน (JPY) ก็อ่อนค่าลงแตะระดับ 110.3 จุด

สำหรับวันนี้ ตลาดจะติดตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป โดยตลาดประเมินว่า การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 อาจส่งผลให้ บรรดานักลงทุนสถาบันและนักวิเคราะห์มีมุมมองที่เป็นลบมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจากปัญหาการระบาดรอบล่าสุดในยุโรปและทั่วโลก ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเยอรมนี (ZEW Sentiment) เดือนสิงหาคม อาจลดลงสู่ระดับ 55 จุด จาก 63.3 จุด ในเดือนก่อน

ส่วนในฝั่งไทย ตลาดจะติดตามสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 หลังยอดผู้ติดเชื้อยังคงอยู่ในระดับสูง แต่อาจสถานการณ์การระบาดอาจเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ หลังยอดการแจกจ่ายวัคซีนสามารถเร่งตัวขึ้นมาก ซึ่งหากรัฐบาลสามารถเร่งการแจกจ่ายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงได้ดีขึ้นต่อเนื่อง จนใกล้ระดับ 5 แสนโดสต่อวัน ก็อาจทำให้สถานการณ์การระบาดเริ่มคลี่คลายลงได้
#3188


ในฐานะแชมป์เอฟเอ คัพ ดวลกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีก ลงเตะกันที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน

ในเกมนี้ เลสเตอร์จัดตัวแบบเอาจริง นำโดยตัวหลักอย่าง "เจมี วาร์ดี" "เจมส์ แมดดิสัน" "อโยเซ เปเรซ" "ยูริ ตีเลอมองส์" และ "ฮาร์วีย์ บาร์นส" ส่วน แมนฯ ซิตี จัดตัวผสมตัวจริงกับสำรอง นำโดย "เฟร์รัน ตอร์เรส" "ริยาด มาห์เรซ" "อิลคาย กุนโดกัน" และใช้ "แซก สเตฟเฟน" เฝ้าเสาประตู

รูปเกมส่วนใหญ่ ทั้งสองทีมเน้นความแน่นอน ไม่มีฝ่ายไหนเปิดเกมบุกเต็มตัว โดยเรือใบสีฟ้าเป็นฝ่ายครอง.ได้ส่วนใหญ่และมีโอกาสทำประตูมากกว่า แต่ส่วนใหญ่ไม่เข้าเป้า ขณะที่เลสเตอร์แม้โอกาสยิงน้อยกว่าแต่ส่องเข้ากรอบแบบได้ลุ้นกว่า


นาที 65 ถึงเวลาที่แฟน.ซิตีรอคอย เมื่อ แจ็ค กรีลิช นักเตะใหม่ที่ย้ายจาก แอสตัน วิลลา ด้วยสถิติค่าตัวสูงสุดในสหราชอาณาจักร 100 ล้านปอนด์ ได้ลงสนามมาแทน ซามูเอล เอโดซี


- แจ็ค กรีลิช ในยูนิฟอร์มแมนฯ ซิตี ลงสนามเป็นตัวสำรอง -


นาที 87 นาธาน อาเก เล่นพลาดหน้าประตูตัวเองเปิดช่องให้ เคเลชี อิเฮียนาโช เข้าปะทะ แล้ว.ไหลมาให้ แพตสัน ดากา โฉบเข้ายิงติดเซฟ แซก สเตฟเฟน

อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินตัดสินใจเป่าฟาวล์ย้อนหลังจังหวะที่อาเกปะทะอิเฮียนาโช และให้จุดโทษแก่เลสเตอร์


จากนั้น อิเฮียนาโช รับหน้าที่สังหารไม่พลาด และกลายเป็นประตูชัยให้เลสเตอร์เฉือนชนะไป 1-0 ทำให้ทัพจิ้งจอกคว้าแชมป์รายการการกุศลนี้เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากเมื่อปี 1978 ส่วนแมนฯ ซิตี ยังอยู่ที่ 6 สมัยต่อไป
#3189
ให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถาณการ์โควิท สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19  ให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถาณการ์โควิท สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป

 ให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถาณการ์โควิท สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากสถานการณ์โควิดได้ที่  www.jitasa.care

เว็บ JITASA.CARE จิตอาสาดูแลไทย (สำหรับอาสาสมัคร)  ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19

เว็บ ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19  ให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถาณการ์โควิท สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป
.
สายด่วนสถานการณ์โควิด-19, ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด (กรุงเทพมหานคร),แนวทางปฏิบัติในการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation),
แนวทางการจัดการศพผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19

และ ข้อมูลติดต่อฉุกเนิน ต่างๆเช่น

-สายด่วนกรมการแพทย์ ช่วยเหลือผู้ป่วยในการหาเตียง โทร 1668
-สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินทันที /โทร 1669
-สายด่วน สปสช. ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล โทร 1330
-ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร 1111
-สบายดีบอต หาเตียง Line Official: https://bit.ly/Covid-SaBaiDee
-กรุงเทพมหานคร Line ID: @bkkcovid19connect หรือ https://bit.ly/Covid-BKK
-เราต้องรอด Facebook: www.facebook.com/savethailandsafe Line ID: @iwillsurvive หรือ https://bit.ly/ Covid-iwillsurvive
-โควิดติดล้อถึงเตียง Facebook: www.facebook.com/CC.Kontumngan


และข้อมูลอื่นๆ คลิก JITASA.CARE 

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://pantipmart.com/?p=437


คำค้น
#ช่วยเหลือโควิท, #ร่วมกันช่วยเหลือคนเดือดร้อนจากโควิท19, สายด่วน สถานการณ์โควิด-19, ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด,
แนวทางปฏิบัติในการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation), แนวทางการจัดการศพผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19
#3190


ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 สสจ.ลำปาง รายงานความคืบหน้าการฉีด "วัคซีนโควิด" ของจังหวัดลำปางว่า ขณะนี้ประชาชนยังคงทยอยเข้ารับบริการฉีดวัคซีนที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครลำปาง ซึ่งเป็นศูนย์สถานที่กลางในการฉีดวัคซีนของ อ.เมืองลำปาง กันอย่างต่อเนื่อง ส่วนวัคซีน "ไฟเซอร์" สำหรับแพทย์ด่านหน้า พร้อมฉีด 8 ส.ค.นี้

จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่ระบาดมากขึ้น จึงมีการขยับเวลาฉีดเข็ม 2 แอสตร้าเซเนกาเร็วขึ้น โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนกา เข็มแรกช่วงระหว่างวันที่ 7 – 21 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ตามกำหนดเดิม จะฉีดห่างกัน 16 สัปดาห์ แต่ปรับการฉีดให้เร็วขึ้นเป็น 12 สัปดาห์แทน ตามประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ซึ่งจะมีการนัดหมายผ่านระบบหมอพร้อมอีกครั้ง

จนถึงขณะนี้ มีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งหมด 72,325 เข็ม แบ่งเป็นเข็มแรก 54,643 คน , เข็ม 2 จำนวน 16,884 คน และมีการฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ 798 คน จำนวนผู้ได้รับวัคซีนของ จ.ลำปาง ยอดสะสม อยู่ที่จำนวน 54,643 คน

นพ.ประเสริฐ กิจสุวรรณรัฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ล่าสุดทางจังหวัดลำปางได้รับวัคซีนไฟเซอร์แล้ว 2,400 โดส เพื่อเตรียมฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้า โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 จะเป็นบุคลากรด่านหน้าที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ต้องการปิดเข็ม 2 ด้วยไฟเซอร์ และกลุ่มที่ 3 คือคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย เพราะก่อนหน้านั้นลังเล เมื่อมีไฟเซอร์มาจึงเปลี่ยนใจฉีด

"วัคซีนไฟเซอร์ที่ได้มา คิดเป็น 40% ของบุคลากรด่านหน้าทั้งจังหวัด จึงมีการจัดสรรคิวให้คนที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ได้รับการฉีดกระตุ้นก่อน ส่วนจำนวนบุคลากรด่านหน้าที่แจ้งความประสงค์จะฉีดไฟเซอร์มีประมาณ 5,000-6,000 โดส ก็จะเป็นลำดับต่อไป"

ส่วนจุดฉีดยังคงใช้ที่เดียวเพราะต้องใช้ห้องเก็บวัคซีนของโรงพยาบาลลำปาง ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์ต้องมีการรักษาอุณหภูมิและเวลาจะใช้การดูดวัคซีนออกมายากมากทำให้กระจายจุดฉีดไม่ได้

ทั้งนี้ จังหวัดลำปางจะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับบุคลากรด่านหน้าในวันจันทร์ที่ 8 ส.ค. 2564 นี้
#3191


นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการดูแลสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในภาวะวิกฤตโควิด-19 ว่า  ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ติดตามเรื่องนี้โดยใกล้ชิดมาโดยตลอดรวมทั้งพาณิชย์จังหวัดก็เป็นกลไกสำคัญที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบในแต่ละพื้นที่

ส่วนปัญหาโรงงานที่กำลังประสบปัญหาว่าจะต้องถูกปิดโรงงานหลังจากพบว่ามีแรงงานติดโควิดนั้นว่า ต้องขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดว่า ขอให้รับฟังความเห็นของภาคเอกชนด้วยในกรณีที่โรงงานประสบปัญหาเรื่องโควิดหากจำเป็นต้องปิดโรงงาน ก็ขอให้ปิดเฉพาะในส่วนที่มีปัญหา ไม่ต้องการให้มีการปิดทั้งโรง เพราะจะกระทบต่อการผลิต ทั้งปริมาณสินค้าในประเทศและการส่งออก


นอกจากนี้กรณีโรงงานที่ปิดทั้งโรงไปแล้ว หากมีหน่วยการผลิตไหนแก้ปัญหาจบแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้อนุญาตให้เปิดได้เป็นส่วนๆ ไป ไม่จำเป็นต้องรอให้แก้ปัญหาจบทั้งโรงงาน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้สินค้าในประเทศขาดแคลนและไม่ให้การส่งออกติดขัด รวมทั้งขอความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกกรณีการขนส่งสินค้าข้ามจังหวัด เพราะก็เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งอีกเรื่องหนึ่งสำหรับการที่จะต้องมีสินค้าให้บริการกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

 ด้านนายบุญฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าจากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน ได้หารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้ผลิตไปจนถึงผู้จัดจำหน่าย ทั้งห้างและร้านสะดวกซื้อสถานการณ์จากผู้ผลิตทุกรายยืนยันว่ากำลังการผลิตเพียงพอต่อการความต้องการในประเทศ ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาแรงงาน แต่ก็เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศอย่างแน่นอน

 "ห้างต่างๆที่เป็นจุดจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค กรมการค้าภายในได้กำชับขอความร่วมมือให้ปรับปรุงระบบโลจิสติกส์เพื่อรองรับสถานการณ์อย่างเต็มที่ โดยต้องเติมสินค้าเข้าตลอดเวลาเพราะฉะนั้นในบางช่วงเวลาอาจมีความตื่นตระหนกจากผู้บริโภคบ้าง ที่จะระดมกันไปซื้อเป็นบางช่วงเวลา  แต่ก็ไม่ขาดแคลน ร้านสะดวกซื้อก็เป็นจุดหนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์ได้กำชับว่าให้เติมสินค้าไม่ให้ขาด ขอยืนยันว่าสินค้ามีเพียงพอ ไม่มีปัญหาแน่นอน"
#3192


อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของญี่ปุ่นสูญเสียโอกาสทองทางธุรกิจในช่วงวันหยุดฤดูร้อน เนื่องจากรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ผลสำรวจพบกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจต่างๆ มากกว่า 1,800 บริษัทปิดกิจการแล้ว

ญี่ปุ่นได้ขยายเวลาภาวะฉุกเฉินและมาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิดในหลายจังหวัด ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องยกเลิกแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ธุรกิจการท่องเที่ยวคึกคัก

นายคิกูมะ จุนโงะ ประธานของสมาคมบริษัทท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่นระบุว่า การตัดสินใจขยายเวลาภาวะฉุกเฉินทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเสียหายอย่างหนัก ส่งผลต่อความอยู่รอดของผู้ประกอบการจำนวนมาก เขากล่าวว่า บรรดาผู้ประกอบการจะร่วมมือกับมาตรการควบคุมการระบาด แต่ก็เป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่งในการบริหารจัดการ

ตัวแทนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินเยียวยา เพื่อให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ อยู่รอดได้

สายการบินไทยเดินถึงสนามบินฮาเนดะในกรุงโตเกียวเมื่อ 10 ก.ค.แทบจะไม่มีผู้โดยสาร
สายการบินไทยเดินถึงสนามบินฮาเนดะในกรุงโตเกียวเมื่อ 10 ก.ค.แทบจะไม่มีผู้โดยสาร

โควิดซัดธุรกิจญี่ปุ่นล้มละลายกว่า 1,800 บริษัท

การสำรวจโดยบริษัทวิจัย เทโกกุ เดต้าแบงก์ พบว่า บริษัท 1,860 แห่งต้องปิดกิจการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ถึงต้นเดือนสิงหาคมปีนี้ บริษัทเหล่านี้มีทั้งปิดกิจการไปแล้วหลังจากยื่นขอล้มละลาย หรืออยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อขายทรัพย์สิน

ร้านอาหารคือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ธุรกิจร้านอาหารกว่า 300 แห่งยื่นขอปิดกิจการ ส่วนภาคก่อสร้างมีธุรกิจกว่า 180 แห่งที่ได้รับผลกระทบ อุตสาหกรรมโรงแรมมีประมาณ 100 แห่ง และกลุ่มผู้ค้าส่งอาหารเกือบ 100 แห่งไปไม่รอด

นักวิเคราะห์ระบุว่า เมื่อผู้ประกอบการปิดกิจการก็จะเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อบริษัทต่าง ๆ ข้ามอุตสาหกรรม ทำให้อาจมีบริษัทที่ยื่นขอล้มละลายเพิ่มมากขึ้นอีก เนื่องจากรัฐบาลได้ขยายภาวะฉุกเฉินออกไป

จำนวนผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ในวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อที่ 15,263 ราย เฉพาะกรุงโตเกียวยืนยันผู้ติดใหม่ 5,042 คน เป็นสถิติสูงที่สุด.
#3193


บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล Best New Asset Management Company Thailand ประจำปี 2564 ในหมวด Fund & Asset Management Newcomer Awards จาก Global Banking & Finance Review สื่อการเงินการลงทุนชั้นนำแห่งประเทศอังกฤษ โดยรางวัลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญพร้อมด้วยประสบการณ์ในด้านการลงทุนของบลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) แม้จะเป็นบลจ. ใหม่ในอุตสาหกรรม โดย บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) เป็นผุ้บริหารเงินลงทุนให้แก่กลุ่มบริษัท เอไอเอ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก[1] ผ่านความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนใน 18 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เสริมด้วยเครือข่ายทางธุรกิจระดับโลก พร้อมทั้งพันธมิตรผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงในระดับสากล

ทั้งนี้ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) เริ่มประกอบธุรกิจในปี พ.ศ. 2563 ถือหุ้นโดยกลุ่มบริษัทเอไอเอ ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า "เราลงทุนเคียงข้างลูกค้า บริหารจัดการสินทรัพย์ผ่านความชำนาญและประสบการณ์ระดับโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ลงทุน" ปัจจุบัน บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารประมาณ 800,000 ล้านบาท อันรวมถึงกองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งถือเป็นบลจ. ที่มีขนาดใหญ่ใน 5 อันดับแรกของอุตสาหกรรมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน[2] (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2564)
#3194


Gourmet & Cuisine ฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ.2564 ฉบับนี้จับมือกับโรงเรียนสอนทำอาหารชั้นนำ "เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต" พาผู้อ่านไปเพลิดเพลินกับโลกของเบเกอรีสไตล์ฝรั่งเศสต้นตำรับ ท่ามกลางกระแสนิยมของเบเกอรีสัญชาติฝรั่งเศส ที่แฝงมนต์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลายตั้งแต่ "มาการอง" จนถึง "ครัวซองต์" ติดตามได้ใน COVER STORY



Recipes: แจกสูตรขนมอบสไตล์ฝรั่งเศสจาก 6 เชฟผู้สอนและเชฟ เดอ ปาร์ตีจากหลักสูตรขนมอบและหลักสูตรขนมปังอย่างละเอียด ราวกับเชฟผู้สอนมาเสิร์ฟให้ถึงที่บ้าน อาทิ ทาร์ตเลมอนยูซุ ครัวซองต์เนย โทรเพเซียนน์ เค้กทราเวลลิงพิสตาชิโอและราสป์เบอร์รี อองเทรเมต์คาราเมลเข้มข้น



Delish Delight: เสนอเมนูขนมที่เหมาะกับทานคู่กับน้ำชาหรือกาแฟ สูตรพิเศษจากทีมเชฟโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต มาฝากกัน อาทิ สคอนลูกเกดและพีแคน การ์เดนกีช ขนมปังขมิ้นและเมล็ดป๊อปปี้ไส้ปลาแซลมอนรมควัน



Drinks: เติมความสดชื่นกับม็อกเทลสีสวยจากห้องอาหารญี่ปุ่นร่วมสมัยสไตล์อิซากายะที่มีหลายสาขาทั่วโลก ด้วยสูตรที่ใช้น้ำผลไม้และผลไม้พูเร่หรือผลไม้บดมาเป็นส่วนผสม ดูสูตรแล้วรับรองทำตามได้ไม่ยาก



On The Sidewalk: ชี้เป้า 5 ร้านเบเกอรี่แสนอร่อยในตำนาน ที่ยังสร้างสีสันมาจนถึงทุกวันนี้ แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแต่กลิ่นหอมๆ ของขนมอบสดใหม่ ผสานกลิ่นอายความอบอุ่นที่ยังชวนให้นึกถึงวันวานได้เสมอ



Kitchen & Home ฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 ในฉบับนี้ Kitchen Series ชวนมาตามหาครัวที่ใช่ ดีไซน์ที่คุณชอบกับงานดีไซน์ชุดครัวใหม่ล่าสุดของ IKEA หลากหลายสไตล์ที่ชวนค้นหาเพื่อเติมเต็มครัวในฝันของทุกคน



Easy Recipe : ชวนทำเมนูเต้าหู้ญี่ปุ่นโมเมน (Momen Tofu) เต้าหู้เนื้อสีขาวนวลที่ผ่านกระบวนการผลิตพิเศษในแบบเฉพาะของญี่ปุ่นทั้งอร่อยและสุขภาพดี กับเมนูเต้าหูอบกรอบนอกนุ่มใน, ทาโก้เต้าหู้สำหรับคนไม่ทานเนื้อสัตว์ และโรลไส้เต้าหู้และผัก ซอส Enchiladas และชีส



Flower Corner : ชวนดูไอเดียสุดเก๋ เปลี่ยนบัวรดน้ำให้เป็นแจกัน กับบัวรดน้ำของ IKEA รุ่น FÖRENLIG นำดอกไม้มาตกแต่ง แค่นี้ก็เพิ่มบรรยากาศสดใส เติมความน่ารักให้ห้อง



Garden Lover : พาส่องทุ่งดอกไม้ในสวนหลังบ้านบนพื้นที่ใจกลางกรุงฯ ของคุณเปิ้ล-เพชรรินทร์และคุณชับบี้-สัญชัยวีรวรรณ เนรมิตสวนหลังบ้านให้เป็นทุ่งดอกไม้สร้างความสุข และความสบายใจ



Home Idea : Bangson House by FATTSTUDIO บ้านทรงกล่องสีขาว 3 ชั้นขนาด 10x10 เมตร ดีไซน์ตรงใจแล้วยังออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันใช้งานที่ตอบโจทย์อย่างครบครัน



พิเศษ! ช้อปหนังสือออนไลน์ได้ที่ www.ma.co.th หรือสั่งซื้อผ่านแอปฯ Shopee
ได้แล้ววันนี้ที่ https:// shopee.co.th/gourmetandcuisine
#3195


แม้ไลน์ (LINE) แอปพลิเคชันส่งข้อความแชตยอดฮิตจะไม่ได้ประกาศตรงไปตรงมาว่า วางเป้าหมายของธุรกิจ LINE for Business ปี 2564-2565 ไว้ที่การผลักดันตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศไทย แต่ LINE ก็มั่นใจว่าทิศทางธุรกิจที่จะเกิดในปีนี้ จะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจ และเห็นเทรนด์ที่ 'มากพอ' จนให้ธุรกิจไทยเข้ามาประสานพลังเป็นองค์รวม ติดปีกให้ไทยสามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในยุคนิวนอร์มัล

ถามว่าทำได้อย่างไร? เรื่องนี้ประเมินเบื้องต้นได้จากกองทัพแบรนด์และหน่วยงานที่มาเปิดบัญชีทางการบน LINE หรือที่เรียกว่า LINE OA (LINE Official Account) LINE เชื่อว่าด้วยศักยภาพของแพลตฟอร์ม LINE ที่เข้าถึงคนไทยกว่า 49 ล้านคน บริการ LINE OA จึงมีโอกาสกลายเป็นตัวกลางสำคัญให้บริษัทและองค์กรภาครัฐสามารถให้ข้อมูลหรือให้บริการบางส่วนได้โดยที่คนไทยไม่ต้องเดินทางมายังสถานที่ให้บริการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโลกธุรกิจวันนี้

LINE ยืนยันว่า LINE OA มียอดใช้งานสูงผิดปกติ ย้อนไปช่วง พ.ค. ปีที่แล้ว LINE ประกาศว่าจำนวนหน่วยงานที่มาเปิดบัญชีทางการเป็น LINE OA เพิ่มขึ้นมาเป็น 4 ล้านราย ขยายขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มี 3 ล้านราย มาปี 64 ดาวรุ่งอย่าง LINE ยังคงยึดตัวเลขเดิมคือ 4 ล้านรายไว้ พร้อมกับย้ำว่าในสถานการณ์ที่ไม่มีโควิด-19 ยอด LINE OA ไม่ได้เติบโตปีละ 1 ล้านราย แต่มักต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำได้

ภาวะนี้สะท้อนโอกาสของ LINE OA โดยเฉพาะปี 64-65 ที่ LINE วางโฟกัสไปที่ธุรกิจร้านอาหารและค้าปลีก ผ่านบริการชื่อมายช็อป (MyShop) และมายเรสเตอรอง (MyRestaurant) ที่เปิดพื้นที่ให้ร้านค้ารับออเดอร์และบริการลูกค้าได้ฟรีในขณะนี้ ก่อนที่จะมีการออกแบบให้บริการมีความคุ้มค่าต่อธุรกิจมากขึ้น เพื่อปูทางสู่การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่จะเริ่มเก็บค่าบริการในช่วงปี 65

***ไม่ใช่เก็บเงินจากของที่เคยฟรี

นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย กล่าวถึงแนวทางพัฒนาบริการ MyShop และ MyRestaurant ในปีหน้าว่าจะไม่มีการเปลี่ยนฟีเจอร์ให้บริการฟรีมาเป็นเก็บค่าบริการ แต่ LINE จะมีคุณสมบัติที่ดีขึ้นกว่าเดิมแล้วจึงค่อยเก็บค่าบริการ 

'เราอาจจะต้องขอเงินเป็นรายได้เราด้วย' นรสิทธิ์ระบุ 'เป้าหมายของ LINE คือการพัฒนาโซลูชันให้ใช้ง่าย เน้นให้ธุรกิจใช้ LINE OA ในการบริหารธุรกิจได้มากขึ้น ปัจจุบัน LINE ทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายราย มีการเอา API มาปรับใช้เพื่อให้ธุรกิจใช้ LINE เป็นหน้าร้านได้ง่ายขึ้น เจาะกลุ่มคนไทยได้ทุกอายุ เรียกว่าถ้าใครหรือแบรนด์ใด ต้องการเข้าถึงคนไทยมากขึ้น ก็จะมาที่ LINE OA เชื่อว่าจะเป็นก้าวที่พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ'

ผลดีของเศรษฐกิจ จะไปอยู่ที่กระเป๋าเงินของ LINE ด้วย
ผลดีของเศรษฐกิจ จะไปอยู่ที่กระเป๋าเงินของ LINE ด้วย

LINE OA เป็นโซลูชันหลักที่ LINE ให้บริการลูกค้าธุรกิจและ SME ภายใต้แบรนด์ LINE for Business ธุรกิจนี้ต่อยอดไปมากจากที่ LINE เคยเป็นเพียงแอปพลิเคชันแชตที่ใช้เพื่อรับส่งความช่วยเหลือในช่วงวิกฤตแผ่นดินไหวใหญ่ที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 2554 แล้วจึงเข้าสู่เมืองไทยช่วง 9 ปีที่แล้วที่โซเชียลมีเดียกำลังบูม สำหรับไทย เชื่อกันว่าคนไทยเริ่มทดลองใช้ LINE เพราะว่ามีสติกเกอร์น่ารัก ปูทางให้ LINE เริ่มพาธุรกิจมาสู่บริการ LINE OA ซึ่งกลืน 'LINE@' ที่ให้บริการ SME ก่อนหน้านี้เอาไว้ด้วย

LINE เปิดให้บริการ LINE Pay ในช่วง 2 ปีหลังจากนั้น พร้อมกับเริ่มทำธุรกิจคอนเทนต์ เช่น LINE Today จนมีการเปิดบริการ LINE MAN ราว 2-3 ปีต่อมามีการผลักดันธุรกิจ LINE ไปสู่วงการดิจิทัลไฟแนนซ์ มีการร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยเปิดเป็น LINE BK แล้วขยายไปเปิดธุรกิจอีคอมเมิร์ซผ่าน LINE Shopping ที่เข้าถึงผู้บริโภคตรงๆ ร่วมกับการขยายธุรกิจสติกเกอร์ให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น และการทำโอเพ่นแชต ซึ่งสร้างเป็นชุมชนที่สมาชิกสามารถพูดคุยได้แบบไม่เปิดเผยตัวตน

สิ่งที่ไลน์มองต่อจากนี้คือการปิดช่องว่าง LINE มองตัวเองเป็นแพลตฟอร์มที่ปิดช่องว่างระหว่างวัยหรือ generation จากตอนนี้ที่คิดว่ามีแต่ผู้ใช้วัยรุ่น แต่ขณะนี้ย่ายายก็หันมาใช้งาน LINE ทุกคนสามารถมาพบเจอกันบน LINE

'วันนี้ทุกคนมีกลุ่ม LINE ครอบครัว, LINE หมู่บ้านและ LINE เครือญาติ ภารกิจที่มองก็คือการทำให้ LINE ใช้งานง่ายมากขึ้นและดีมากขึ้น เราต้องรับผิดชอบมากขึ้น เพราะว่าประเทศไทยใช้ social ไม่เหมือนตะวันตก คนประเทศอื่นไม่ให้แชตส่วนตัวในการทำงาน แต่คนไทยไม่ถือสา และใช้ LINE ส่วนตัวในการทำงาน'

ในเมื่อทุกคนใช้ชีวิตบน LINE บริษัทจึงวางแผนใหม่ต่อยอดจากปีที่ผ่านมา LINE มองตัวเองเป็น Mass adapter enabler เพราะทั้งกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มผู้สูงวัยทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัดล้วนสามารถใช้งานได้เร็วเมื่อมี LINE เป็นสื่อกลาง เรียกว่าเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้บริโภคได้เร็วขึ้น และเข้าใจการใช้งานได้มากขึ้น

ปีนี้ เชื่อว่าจะมีการใช้บริการการเงินใน LINE มากขึ้น ทะลุ 1 พันล้านทรานเซกชัน
ปีนี้ เชื่อว่าจะมีการใช้บริการการเงินใน LINE มากขึ้น ทะลุ 1 พันล้านทรานเซกชัน

LINE อธิบายว่าที่ผ่านมา บริษัทเน้นให้หน่วยงานที่ต้องการเข้าถึงคอนซูเมอร์มากขึ้น ได้ใช้งาน open API ซึ่งเป็นเหมือนปลั๊กที่เชื่อมทุกเทคโนโลยีให้ต่อติดกับ LINE และสามารถใช้ LINE เป็นหน้าบ้านให้คนทั้งประเทศใช้งานได้

ปรากฏว่าปีที่ผ่านมา หลายธนาคารไทยหันมาใช้งาน LINE มากขึ้น และในขณะที่แบรนด์ทั่วไปมักใช้ LINE แค่สื่อสารกับลูกค้า แต่กลุ่มธนาคารเป็นเซกเมนต์แรกที่ให้บริการ 'ง่ายๆ' บน LINE เลย ผลคือ LINE พบยอดเติบโตของการใช้งาน Digital Banking ผ่าน LINE API ตั้งแต่ปี 2562 มาจนถึงต้นปี 2564 ในรายเดือน (Monthly API Message) เพิ่มขึ้นถึง 80% การให้บริการ Digital Banking service ก้าวกระโดดมากขึ้นถึง 2.8 เท่า แปลว่ามีผู้เข้ามาใช้งานบริการการเงินจริงจังบน LINE ไม่ใช่แค่รับข่าวสารเท่านั้น

ตัวอย่างน่าสนใจคือ ธนาคารกสิกรไทยเปิดให้ผู้ใช้ LINE เปลี่ยนวงเงินบัตรโดยไม่ต้องไปที่สาขา สามารถยืนยันตัวตนได้โดยไม่ต้องโทรศัพท์ติดต่อเจ้าหน้าที่ ขณะที่ธนาคารกรุงไทยเปิดให้เช็คยอดเงินในบัญชีได้เลย ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยาก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดให้เลือกวางแผนการลงทุนและซื้อกองทุนได้บน LINE เช่นเดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์ที่เป็นเจ้าแรกซึ่งใช้ API ของ LINE ยังมี ธกส. ที่ตรวจผลสลากผ่าน LINE ได้เลย

'ในขณะที่ทั่วโลกพบว่าประชากรไทยใช้ mobile banking มากที่สุดในโลก ปีนี้เชื่อว่าจะมีการใช้บริการการเงินใน LINE มากขึ้น ทะลุ 1 พันล้านทรานเซกชัน'

***ปี 65 ขอเป็นส่วนเสริม

จาก Mass adapter enabler บทบาทของ LINE จะถูกเปลี่ยนเป็นส่วนเสริมเพื่อให้ประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น โดย LINE มองว่าจะรองรับทั้งส่วนเวิร์กฟอร์มโฮม การประชุมออนไลน์ และการรับวัคซีน

นรสิทธิ์อธิบายว่าการแพร่ระบาดทำให้เกิดวิกฤตจริง แต่ก็มีโอกาสแฝงอยู่ เบื้องต้นพบว่าแบรนด์หรูที่เป็น luxury segment ซึ่งมีมานานแต่ไม่ได้เร่งการขายบนออนไลน์มาก เพราะสินค้ากลุ่มนี้คือกลุ่มที่ลูกค้ามักไปซื้อที่ต่างประเทศหรือร้าน duty free แต่เมื่อการท่องเที่ยวหยุดชะงัก แบรนด์กลุ่มนี้จึงมองว่าเป็นโอกาสที่จะขายบนออนไลน์ โดยตั้งแต่ปี 62 พบว่าใน luxury segment มี LINE OA เพิ่มขึ้น 60% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องสำอาง รองลงมาเป็นแฟชั่น และกลุ่มยานยนต์

'จุดที่น่าแปลกใจ คือก่อนนี้กลุ่ม luxury ยังไม่กล้าลองขายออนไลน์ แต่ตอนนี้ทุกแบรนด์มี LINE OA กันหมด ตรงนี้ไทยถือเป็นประเทศแรกที่มีการขายสินค้ากลุ่มนี้ผ่านแชต ที่น่าสนใจคือคนไทยแชตเพื่อซื้อสินค้า luxury จริงจัง พบว่าคนไทยมากกว่า 8 แสนคนเป็นเพื่อนผู้ติดตามแบรนด์เครื่องสำอาง ขณะที่ 2 แสนคนเป็นเพื่อนกับค่ายรถ และ 9 หมื่นคนเป็นเพื่อนกับแบรนด์แฟชั่นหรูอย่างชาแนลและดิออร์ จำนวนการแชตแบบ 1 ต่อ 1 มีมากกว่า 5,000 แชตต่อวัน เชื่อว่ากลางปี 65 แบรนด์หรูจะขยับมาให้บริการลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 บนออนไลน์ได้สมบูรณ์'

ธุรกิจร้านอาหาร และค้าปลีก เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนมากซึ่งได้รับผลกระทบหนักและมีส่งผลต่อ GDP ค่อนข้างสูง ในปีนี้ถึงปีหน้า LINE ตั้งเป้าผลักดัน 2 กลุ่มนี้เพื่อสนับสนุน GDP ไทยให้ไปต่อได้ในช่วงวิกฤต
ธุรกิจร้านอาหาร และค้าปลีก เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนมากซึ่งได้รับผลกระทบหนักและมีส่งผลต่อ GDP ค่อนข้างสูง ในปีนี้ถึงปีหน้า LINE ตั้งเป้าผลักดัน 2 กลุ่มนี้เพื่อสนับสนุน GDP ไทยให้ไปต่อได้ในช่วงวิกฤต

ในภาพรวม LINE ย้ำว่าต้องการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยผ่านการระบาดไปได้ และสามารถปรับตัวเรียนรู้เพื่อแข่งขันได้บนเวทีโลกในช่วงหลังโควิด-19 ปัญหาคือขณะนี้ไทยกำลังอยู่ในวิกฤตสูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาดโลกในหลายด้าน

'ขณะนี้ไทยต้องรู้ตัวและปรับตัวเอง ศักยภาพคนไทยมีมาก SME ไทยก็ไม่ธรรมดา มีการใช้เทคโนโลยีปรับตัวดีกว่าหลายประเทศ แต่ไทยก็ยังต้องทำหลายเรื่องในปีนี้'

ผู้บริหารย้ำว่า SME ไทยเป็นส่วนสำคัญเพราะเป็นเซกเมนต์ที่มีผลกับ GDP ไทยสูงมากคิดเป็นสัดส่วน 45% ในกลุ่มนี้ LINE พบว่ากลุ่มธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในช่วงวิกฤตโควิด-19 คือ ธุรกิจอาหาร ซึ่งส่งผลต่อ GDP ลดลงถึง 37% รองลงมาคือ ธุรกิจขนส่ง และค้าปลีก ในอัตราส่วนที่ลดลง 21% และ 3.7% ตามลำดับ

ท่ามกลางวิกฤตนี้ LINE พบว่าอัตราการเติบโตของ LINE OA โดยธุรกิจกลุ่มร้านอาหารมีอัตราการเปิดใช้งาน LINE OA เพิ่มขึ้น (YoY) สูงสุดถึง 212% รองลงมาคือธุรกิจกลุ่มค้าปลีกที่ 191% ดังนั้น LINE จึงเน้นเรื่องการเปลี่ยนเพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้
'LINE มีวิศวกรไทย 100% ไม่มีคนต่างชาติ ทุกคนพัฒนาโซลูชันจากสิ่งที่คนไทยต้องการ วันนี้ LINE มองเห็นว่าอุตสาหกรรมที่เดือดร้อนมากที่สุดคืออาหาร จึงพัฒนาเป็นบริการที่ตอบโจทย์เมืองไทยโดยเฉพาะ'

ตัวอย่างบริการสำหรับประเทศไทยคือ LINE MyShop ซึ่งผู้บริหารการันตีว่าเป็นบริการที่เปิดให้คนไทยสามารถเปิดหน้าร้านออนไลน์ได้ง่ายที่สุดเมื่อเทียบกับค่ายโซเชียลมีเดียอื่น เช่นเดียวกับ MyRestaurant ที่ง่ายและมีการปรับเปลี่ยนตลอดเพื่อให้ธุรกิจก้าวทัน จุดนี้เป็นผลจากความร่วมมือกับ 'LINE วงใน' ที่เปิดการสื่อสารให้ลูกค้าและร้านติดต่อกันได้ง่ายขึ้น และลูกค้าไม่จำเป็นต้องเข้าไปหารายการอาหารในแอป LINE MAN แก้ปัญหาค้นร้านไม่พบ ซึ่งไทยมีร้านอาหารจำนวนมากติดอันดับโลก
'การที่ร้านอาหารสามารถเปิดขายผ่าน LINE OA จะทำให้สามารถบอกต่อลูกค้าย่านใกล้เคียง สามารถนำ LINE OA ไปเผยแพร่เพื่อให้คนในชุมชนได้รู้ ซึ่งง่ายกว่าในการเข้าไปหาใน LINE MAN'

นอกเหนือจากนี้ ผู้บริหารมองว่าการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยมีหลากหลาย แต่การใช้ดิจิทัลที่มีมูลค่ากลับไปที่ GDP ของประเทศไทยนั้นยังมีไม่มาก จุดนี้ LINE จึงวางบทบาทว่าต้องให้ความรู้ ให้ร้านทราบว่าไม่ใช่แค่การให้ความสำคัญกับความสะอาดหรืออร่อย แต่แท้จริงแล้ว จะต้องใช้ข้อมูล

'การจัดการร้านที่ดีควรให้ความสำคัญเรื่องการจัดการเวลา ต้นทุน และสินค้าคงคลัง จุดนี้หลายร้านในเมืองไทยยังไม่รู้ LINE จึงหวังว่าจะเพิ่มช่องทางเพื่อให้ร้านค้าสามารถคลิกอ่านเพิ่มความรู้ว่าการจัดการร้านแบบครบวงจรด้วยข้อมูลในระดับสากลนั้นเป็นอย่างไร หากทำได้สิ่งนี้จะกระทบไปที่ GDP' นรสิทธิ์ระบุ 'ไม่ใช่แค่ว่า คนไทยใช้งานอินเทอร์เน็ตมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่เรายังพัฒนาได้อีกมากในเรื่องของเศรษฐกิจ เราอยากให้ทุกคนได้รู้ว่า จะใช้บริการนี้ได้อย่างไร'

LINE มีแผนจะเน้นที่ผู้ค้าที่เป็นแบรนด์ เหตุผลคือร้านค้ากลุ่มที่อยู่ในประเภท 'ซื้อมาขายไป' เป็นธุรกิจที่ไม่มีผลต่อ GDP มากนัก เนื่องจากจะต้องซื้อสินค้าราคาต่ำกว่า เพื่อนำมาขายในราคาสูง ทำให้เกิดภาวะที่สินค้าเหมือนกันต้องตัดราคากัน สุดท้ายลูกค้าก็ต้องหาสินค้าที่ถูกกว่าแม้จะคุณภาพไม่เท่ากัน

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว กลุ่มองค์กรที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศไทย คือ กลุ่มบริการสาธารณะต่างๆ Public sector เหล่านี้ใช้ LINE OA ในอัตราเติบโต 30% สถิติชี้ว่ามีผู้ติดตามหน่วยงานอย่างการไฟฟ้านครหลวงจำนวนมากเกิน 1.7 ล้านคน

เชื่อว่ากลางปี 65 แบรนด์หรูจะขยับมาให้บริการลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 บนออนไลน์ได้สมบูรณ์
เชื่อว่ากลางปี 65 แบรนด์หรูจะขยับมาให้บริการลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 บนออนไลน์ได้สมบูรณ์

ที่สุดแล้ว นรสิทธิ์ไม่มองว่าการเน้นที่อาหารและค้าปลีกจะเป็นนโยบายเดิมที่ทำให้ LINE ย่ำอยู่กับที่ เพราะธุรกิจร้านอาหาร และค้าปลีก เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนมากซึ่งได้รับผลกระทบหนักและมีส่งผลต่อ GDP ค่อนข้างสูง ในปีนี้ LINE จึงคิดว่า 2 กลุ่มธุรกิจนี้แม้จะไม่ใช่กลุ่มเซกเมนต์ใหม่ แต่ยังคงมีน้ำหนักความสำคัญต่อภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่มาก การผลักดัน 2 กลุ่มนี้จึงเป็นการผลักดันและสนับสนุน GDP ให้ไปต่อได้ในช่วงวิกฤตนี้

'สิ่งที่จะมาเปลี่ยนการใช้งานอินเทอร์เน็ตหลายด้านของคนไทยให้มีผลต่อ GDP คือการแก้ปัญหาผู้ประกอบการที่วันนี้ไม่ได้รับข้อมูลเพียงพอ หลายคนเข้าใจว่าแค่โพสต์-เปิดร้าน หรือซื้อโฆษณาก็สามารถทำ e-commerce ได้แล้ว หลายคนบ่นว่าทำไมขายไม่ได้ แต่วันนี้ LINE มีการพูดคุยมากขึ้น ทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น เชื่อว่าจะเป็นไกด์ไลน์ให้คนไทย ผู้ประกอบการไทยมีข้อมูล และมีมุมมองการใช้ออนไลน์ให้ประสิทธิภาพกับธุรกิจ และธุรกิจมีกำไรมากขึ้น จุดนี้จะสำคัญมากกว่า GDP และจะสู้กับสินค้าระดับโลกได้'

ปัญหานี้ถือว่าสำคัญ นรสิทธิ์อธิบายว่าเพราะขณะนี้ทุกคนสามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้เลยโดยตรง ไม่ต้องผ่านคนไทย มีเพียงกำแพงภาษีที่กั้นไว้ จุดนี้คนไทยจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือและได้รับการผลักดัน แม้จะยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากนักในปี 65 เนื่องจากวิกฤติกำลังซื้อไทยหดตัว อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบทั้งหมด

'สิ่งที่หวังว่าจะเกิดในปีนี้คือ การเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจ และเห็นเทรนด์ที่มากพอ ให้ธุรกิจเข้ามาร่วมกัน ประสานกันเป็นองค์รวม จะได้สามารถแข่งขันได้มากขึ้น'

แน่นอนว่าผลดีจะไปอยู่ที่กระเป๋าเงินของ LINE ด้วย ในขณะที่หลายธุรกิจติดลบ สถิติรายได้ของ LINE Corp. ย้อนหลัง 5 ไตรมาสถือว่าน่าประทับใจ ด้วยอายุ 10 ขวบ ปัจจุบัน LINE มีผู้ใช้งานมากกว่า 186 ล้านคนต่อเดือนทั่วโลก (สถิติธันวาคม 2020)

ในภาพรวม LINE Corp. ทำรายได้รวม 62,900 ล้านเยน (18,861 ล้านบาท) ในไตรมาส 3 ปี 63 เพิ่มขึ้นเกิน 12.4% รายได้จากธุรกิจหลักมาจากการแสดงโฆษณาผ่านบริการบนแอปโดยเฉพาะ LINE OA และ Sponsored Stickers รวมถึงการโฆษณาบน LINE Part Time Job ขณะที่รายได้จากธุรกิจสื่อสารมาจากธุรกิจสติกเกอร์ และธุรกิจคอนเทนต์มีแหล่งรายได้สำคัญคือบริการ LINE Game

ไฮไลท์ของ LINE ยังอยู่ที่รายได้ในธุรกิจเสริม หรือที่ LINE เรียกเป็นธุรกิจกลยุทธ์ (strategy) ธุรกิจนี้ประกอบด้วยบริการฟินเทคเช่น LINE Pay รวมถึงบริการ AI, LINE Friends และ e-commerce ธุรกิจส่วนนี้เองที่มีอัตราเติบโตเป็นเลข 2 หลักทุกปี สวนทางกับธุรกิจหลักที่เติบโต 1 หลักเท่านั้น

LINE มองไกลแล้ว ขอให้คนไทย (และ GDP ไทย) ไปได้ไกลด้วยเช่นกัน.
#3196


ตัวเลขผู้ป่วยโควิดรายใหม่ (4 ส.ค. 64) ทะลุ 20,200 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้วกว่า 672,385 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 188 ราย การดูแลผู้ป่วยโควิดที่บ้าน (Home Isolation : HI)จึงมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ได้รับยาเร็ว และลดอาการหนักได้ แต่ปัจจุบันยังพบว่ายังมีผู้ป่วยจำนวนมากตกค้างและยังไม่ได้เข้าสู่ระบบรักษา


ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดการประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติ เพื่อดูแล "ผู้ป่วย โควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่บ้าน" และ "ตรวจโควิดด้วยชุดตรวจ ATK" ผ่านระบบ Zoom เพื่อเชิญชวน คลินิกเอกชน ทั่วประเทศที่อยู่นอกระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (UC) เข้าร่วมดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว ที่เป็นกลุ่มที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ซึ่งมีจำนวนราวร้อยละ 80 ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด มีคลินิกเอกชนให้ความสนใจเข้าร่วมประชุมกว่า 1,000 แห่ง โดยสปสช. จัดงบสนับสนุนค่าบริการเบื้องต้นเหมาจ่าย 3 พันบาท/ราย โอนจ่ายทุกสัปดาห์

"นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี" เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า เดิมมีคลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่งเป็นคลินิกที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. มาก่อนหน้านี้ราว 200 กว่าแห่ง จากที่พูดคุยเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน คลินิกจำนวนหนึ่งราว 117 แห่ง ยินดีเข้าร่วมโครงการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ตามแนวทาง Home Isolation ร่วมกับ ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง


"การดำเนินการที่ผ่านมามาพบว่าจำนวนคลินิกที่ดำเนินการอยู่ไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยที่เข้ามาใหม่ ทำให้เกิดปัญหาแจ้งมาในระบบ ไม่ว่าจะช่องทางสายด่วน 1330 หรือกรอกข้อมูลในระบบ หรือไลน์แอด สปสช. หรือช่องทางอื่นๆ พบว่า มีจำนวนผู้ป่วยตกค้างจำนวนมาก สปสช. จึงพยายามขยายไปยังคลินิกเอกชนซึ่งแต่เดิมไม่อยู่ในระบบของ สปสช. โดยเน้นในกทม. ซึ่งมีประมาณ 3,000 กว่าแห่ง,มาเข้าร่วมดูแลผู้ป่วยโควิดตามแนวทาง Home Isolation เพิ่มขึ้น"

ต้องมีแพทย์ ดูแล ติดตาม ผู้ป่วย
สำหรับคลินิกเอกชนที่เข้าร่วมโครงการจะมีหน้าที่ติดตามผู้ป่วย ตามแนวทาง Home Isolation ตามเกณฑ์ คือต้องมีแพทย์ ในการควบคุมดูแลผู้ป่วย จัดระบบที่จะดูแลผู้ป่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ วิดีโอคอล หรือไลน์แอด มีระบบส่งน้ำ ส่งอาหาร ส่งอุปกรณ์ อยากให้คลินิคที่สนใจมาลงทะเบียนกับ สปสช. โดยเบื้องต้น สปสช.จะกระจายยาให้คลินิก หรือส่วนที่ยังเบิกยาไม่ได้ และต่อไปจะเป็นการกระจายความรับผิดชอบให้คลินิกดำเนินการเองต่อไป


นพ.จเด็จ กล่าวต่อไปว่า เวลาผู้ป่วยแจ้งเข้ามา จะยังไม่รู้ว่าอยู่ในระดับสีอะไร ต้องให้คลินิกกดรับเข้าระบบ สัมภาษณ์ ซักประวัติ และการเอกซเรย์ปอดจะสามารถแยกระดับสีได้ชัดเจน ส่วนใหญ่ที่รอนานๆ จะเริ่มมีอาการ ไม่ได้ยา ดังนั้น จึงไม่อยากให้รอนานเกิน 24 ชั่วโมง อย่างน้อยมีแพทย์โทรเข้าไปถามอาการ ตอนนี้แนะนำให้จ่ายยาเร็ว ส่งยาไปให้ก่อน การเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นเหลือง หรือ จากเหลืองเป็นแดงก็จะลดลง ตอนนี้เราทำงานแข่งกับเวลา


"หากมีคลินิกเอกชนเข้ามาร่วม อย่างน้อยผู้ป่วยได้รับการดูแล ได้อาหาร หากผู้ป่วยเยอะก็จะได้ไม่ต้องกังวลมาก เพราะมีการแยกกักตัว มียา อาหารไปให้ แต่ติดที่คอขวดระบบบริการยังไปไม่ถึงชาวบ้าน สถิติตัวเลขล่าสุด (3 ส.ค. 64) เวลารอเฉลี่ย 17 ชั่วโมง นานสุด 27 ชั่วโมง รอเกิน 24 ชั่วโมง จำนวน 408 คน หากทำให้รวดเร็วขึ้น ก็จะทำให้ประชาชนสบายใจขึ้น ผู้ป่วยมั่นใจขึ้น" นพ.จเด็จ  กล่าว

"พญ.กฤติยา ศรีประเสริฐ" ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า คลินิกเอกชนเข้าร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 สามารถให้บริการตรวจ Antigen Test Kit (ATK) กับประชาชนไทยทุกคนได้ตามเกณฑ์การคัดกรอง โดยใช้ชุดตรวจที่ขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการผ่านระบบ Authentication Code ยืนยันด้วยบัตรสมาร์ทการ์ด พร้อมรายงานผลตรวจทุกรายให้ สปสช. เพื่อใช้ในการประเมินการให้บริการประชาชน 

ซึ่งกรณีตรวจด้วยเทคนิค Chromatography จ่ายตามจริงไม่เกิน 450 บาท/ครั้ง และกรณีตรวจด้วยเทคนิค Fluorescent Immunoassay (FLA) จ่ายตามจริงไม่เกิน 550 บาท/ครั้ง หากผลตรวจเป็นบวกกรณีที่อยู่ในผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวให้เข้าสู่การรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้านและในชุมชน (Home Isolation/Community Isolation : HI/CI) แต่กรณีที่จำเป็นต้องรักษาแบบผู้ป่วยใน ให้รับรักษาเป็นผู้ป่วยในที่หน่วยบริการ หรือส่งต่อรักษาในเครือข่ายหน่วยบริการ


สำหรับการเบิกจ่ายค่าบริการระบบ HI/CI  มีดังนี้
1. การตรวจ RT-PCR จำนวน 1,500 - 1,700 บาท/ครั้ง (ปรับอัตราใหม่เริ่ม 1 ส.ค. 64)

2.ค่าดูแลการให้บริการผู้ป่วยอัตราเหมาจ่าย 1,000 บาท/วัน ไม่เกิน 14 วัน (ค่าอาหาร)

3 มื้อ และติดตามประเมินอาการให้คำปรึกษา)

3.ค่าอุปกรณ์สำหรับผู้ป่วย ได้แก่ ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล เครื่องวัดออกซิเจน ตามรายการใช้จริงไม่เกิน 1,100 บาท/ราย

4.ค่ายารักษาเฉพาะโควิด-19 จ่ายตามจริงไม่เกิน 7,200 บาท/ราย

5.ค่ารถส่งต่อ จ่ายตามจริงตามระยะทางและค่าทำความสะอาด 3,700 บาท และ 

6.ค่าบริการถ่ายภาพรังสีทรวงอก (Chest X-ray) อัตรา 100 บาท/ครั้ง จ่ายเพิ่มเติมกรณีผู้ป่วยนอกเพื่อแยกความรุนแรงของโรคและภาวะปอดอักเสบก่อนเข้าสู่ระบบ HI/CI นอกจากนี้ยังมีค่าชุดป้องกันการติดเชื้อ จ่ายตามจริงไม่เกิน 740 บาท/วันสำหรับการดูแลใน CI และค่าออกซิเจนสำหรับผู้ป่วย จ่ายตามจริงไม่เกิน 450 บาท/วัน

"รูปแบบการจ่ายชดเชยค่าบริการในระบบ HI/CI จะเป็นเหมาจ่าย 1 งวด จำนวน 3,000 บาท/ราย โดย สปสช. จะโอนจ่ายในทุกสัปดาห์ และเมื่อดูแลครบตามระยะเวลาที่กำหนด หน่วยบริการสามารถคีย์ข้อมูลเบิกจ่ายตามจริงตามรายการที่แจ้งข้างต้น โดยกรณีที่ค่าบริการมากกว่าจำนวนเงินเหมาจ่าย ทาง สปสช. จะมีการจ่ายชดเชยเพิ่มเติม" พญ.กฤติยา กล่าว  

ทั้งนี้ 'คลินิกเอกชน' ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https:// www.nhso.go.th/downloads/159
#3197


รอยเตอร์ - เวียดนามจะปรับลดระยะเวลาการกักตัวสำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศจาก 2 สัปดาห์ เหลือเพียง 7 วัน กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุวันนี้ (4) ในขณะที่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้กำลังต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ

เวียดนามประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสได้เป็นส่วนใหญ่ในปีที่ผ่านมาจากการตรวจหาเชื้อแบบมุ่งเป้าและการกักกันโรคแบบรวมศูนย์ แต่นับตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. เวียดนามเผชิญกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลจากสายพันธุ์เดลตา

พรมแดนของประเทศปิดรับผู้มาเยือนทั้งหมด ยกเว้นพลเมืองเวียดนามที่เดินทางกลับประเทศ ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ นักลงทุน หรือนักการทูต ซึ่งทุกคนต้องถูกกักตัว 14 วัน ยังสถานที่ที่ได้รับการจัดการจากส่วนกลาง

ชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบ จะได้รับอนุญาตให้กักตัวแค่ 7 วันกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุในคำแถลง

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีเสียงเรียกร้องจากผู้นำธุรกิจของยุโรปและอเมริกันในเวียดนามเมื่อต้นปี ให้ผ่อนปรนกฎระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ

คำแถลงยังระบุว่า ผู้มาเยือนจะถูกเฝ้าระวังทางสุขภาพต่ออีก 7 วัน แต่ไม่ได้ระบุว่านโยบายใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อใด

เวียดนามรายงานว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมในประเทศทั้งหมด 177,800 คน และมีผู้เสียชีวิต 2,327 คน โดยส่วนใหญ่ถูกบันทึกในช่วงเดือนที่ผ่านมาในนครโฮจิมินห์ และในขณะนี้ศูนย์กลางทางธุรกิจและจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศทั้งหมดอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ พร้อมกับกรุงฮานอย

ศูนย์กักกันโรคส่วนกลางทั่วประเทศทำงานอย่างเต็มขีดความสามารถและรัฐบาลได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กำลังเปลี่ยนโฟกัสไปที่การรักษาเพื่อจำกัดจำนวนผู้เสียชีวิตในนครโฮจิมินห์

ข้อมูลของทางการระบุว่า มีประชาชนเพียง 744,000 คน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ในประเทศที่มีประชากร 98 ล้านคนแห่งนี้.
#3198












ขายที่ดิน ต.บ่อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เอกสารสิทธิ์ตามหน้าโฉนดครุฑแดง 
เนื้อที่ 5 ไร่ ขายไร่ละ 800,000 บาท  ขายรวม 4 ลบ.
สามารถแบ่งขายได้  ที่ดินอยู่ใกล้สถานที่สำคัยมากมาย 
แปลงนี้ข้อดี จุดน่าสนใจ บรรยากาศดี วิวดี 
ได้วิวธรรมชาติ พื้นที่สวยอากาศดีโล่งโปร่งสบาย เหมาะแก่การทำการเกษตร
เกษตรสวนผสม หรือสร้างบ้านหรือที่พักอาศัยได้ 
อยู่ใกล้โรงเรียนวืทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ใกล้สำนักงานโภชนาจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย
ใกล้ถนนสำคัญหลายสาย ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจที่ดินทำเล ไม่ไกลกรุงเทพ 
การคมนาคมสะดวกสบาย บรรยากาศธรรมชาติ เหมาะแก่การลงทุน
หรือซื้อไว้ทำที่อยู่อาศัย ทำการเกษตรก็ได้ บรรยากาศสดชื่น ดูร่มรื่น น่าอยู่ น่าอาศัย 
ทำเลดีมาก วิวสวย บรรยากาศปลอดโปร่งบริสุทธิ์ ใกล้ถนนทางหลวงชนบท
ไปเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญ อื่น ๆ ได้อีกหลายสาย ทำให้สะดวกสบายในก ารเดินทาง เข้า-ออก 
ใกล้โรงเรียน ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับผู้มีบุตรยังอยู่ในวัยกำลังเรียน ทั้งยังอยู่ใกล้กับเมืองปทุมธานี 
ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งๆ ขึ้นในการเดินทางสัญจร 
เหมาะกับผู้ที่หาที่ดิน ทำเลสไตล์ ค่าใช้จ่ายวันโอนคนละครึ่ง

โทร 083-712-4115
Line id : 0837124115

ปักหมุด
ใกล้ ตำบล สิงหนาท อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
https://maps.app.goo.gl/TYZRf2azZMHC1Dds5

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=122524909845052&id=100062626307647
 
#3199


"พาณิชย์"เผยจดตั้งบริษัทโฆษณาใหม่ครึ่งปีแรก 557 ราย เพิ่ม 26.59% โตตามกระแสคนไทยใช้สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียพุ่ง แถมภาคธุรกิจยังให้ความสำคัญกับการโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัล แนะเอสเอ็มอี ผู้เริ่มต้นทำธุรกิจ ใช้เป็นช่องทางโปรโมตและสื่อสารถึงลูกค้า

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจโฆษณา ในช่วง 6 เดือนปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวนการจดทะเบียนใหม่ทั้งสิ้น 557 ราย เพิ่มขึ้น 26.59% มีทุนจดทะเบียน 893.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.39% เป็นการส่งสัญญาณแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีของธุรกิจโฆษณาในประเทศไทย โดยเฉพาะการโฆษณาดิจิทัล เพราะผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีการทำงานที่บ้านและเรียนออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้การใช้งานระบบออนไลน์ การใช้โซเชียลมีเดีย และการรับชมทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น การโฆษณาผ่านช่องทางเหล่านี้ จึงโตตามไปด้วย

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนธุรกิจโฆษณาดิจิทัลให้มีอัตราการเติบโต คือ ภาคธุรกิจสามารถเลือกช่องทางการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากขึ้น มีแพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว และการมีเทคโนโลยีที่สามารถรองรับให้ผู้บริโภคเปิดรับสื่อได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีการเติบโตของการลงเงินโฆษณาถึง 20% โดยสื่อดิจิทัลที่มีเม็ดเงินลงทุน ได้แก่ Facebook 32% , YouTube 23% และ TikTok มีแนวโน้มการเติบโตสูงอยู่ที่ 21% โดยการลงทุนในแต่ละสื่อมีมูลค่าเม็ดเงินสูงถึงพันล้านบาท

สำหรับการโฆษณาทางโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน มีความเหมาะสมกับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างสะดวกรวดเร็วและใช้เงินลงทุนที่ไม่สูงมากนัก แต่ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นลำดับแรก การเลือกช่องทางการสื่อสาร การเลือกช่วงเวลา และความถี่ที่เหมาะสม รวมทั้งการคิดนอกกรอบในการสร้างสรรค์สื่อโฆษณา เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายเข้าใจในคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของลูกค้าได้อย่างแท้จริง จะทำให้ธุรกิจโฆษณาสามารถอยู่รอดในตลาดและสามารถแข่งขันได้อย่างสมบูรณ์และยั่งยืน

ปัจจุบัน มีธุรกิจโฆษณาที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวนทั้งสิ้น 10,293 ราย คิดเป็น 1.28% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินกิจการอยู่ และมูลค่าทุนรวม 52,668.81 ล้านบาท คิดเป็น 0.27% ของมูลค่าทุนธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ มีสถิติการใช้งานอินเทอร์เน็ต 5.07 ชั่วโมงต่อวัน เป็นอันดับ 3 ของโลก และหากนับรวมการใช้อินเทอร์เน็ตทั้งระบบ คนไทยมีการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง หรือคิดเป็น 41% ของการใช้เวลาภายใน 1 วัน ส่วนข้อมูลของบริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จำกัด รายงานว่า ช่วงครึ่งปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางรวมแล้วจำนวน 53,640 ล้านบาท
#3200


ในช่วง Work From Home อย่างนี้ พอตกบ่ายก็อยากจะจิบกาแฟเรียกเอนเนอจี้กันหน่อย จะออกไปซื้อก็ลำบาก ฉะนั้นเครื่องทำกาแฟก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและสะดวกสุด น่าหาเครื่องทำกาแฟมาติดบ้านไว้สักเครื่อง ซึ่งตอนนี้ เนสเพรสโซ (Nespresso) ได้เปิดตัวคอลเล็กชั่น "Nespresso x Chiara Ferragni" ลิมิเต็ด อิดิชั่น คอลเล็กชันนี้เป็นผลงานคอลแลบล่าสุดที่เนสเพรสโซร่วมมือกับ เคียร่า เฟอร์รังงี (Chiara Ferragni) แฟชั่นไอคอนชาวอิตาเลียน ของวงการแฟชั่นโลกที่มีผู้ติดตามทางออนไลน์กว่า 24 ล้านคน มาร่วมรังสรรค์คอลเล็กชั่นพิเศษซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องชงกาแฟ และแอคเซสเซอรี่เข้าชุดเพื่อต้อนรับซัมเมอร์ 2021 ให้แฟนๆ สายแฟของเนสเพรสโซและเคียร่าได้เก็บสะสมกัน



คอลเล็กชั่น Nespresso x Chiara Ferragni สุดพิเศษนี้ได้ผสานการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากซัมเมอร์คอลเล็กชั่น เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและสะท้อนผ่านตัวตนที่โดดเด่นของเคียร่า ผ่านการนำเอาไอคอนรูปดวงตาลายเซ็นที่เป็นเอกลักษณ์ของเคียร่าและการเลือกใช้โทนสีสันสดใสรับซัมเมอร์มาดีไซน์ให้คอลเล็กชันลิมิเต็ดอิดิชั่นนี้ให้ความรู้สึกทันสมัยและโดดเด่นสะดุดตาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่



สำหรับความพิเศษของลิมิเต็ด คอลเล็กชั่นนี้ เคียร่าได้คัดสรรไอเท็มชิ้นโปรดนำมาดีไซน์เพื่อนำเสนอความเอ็กซ์คลูซีฟให้แฟนๆ ทั่วโลกของทั้งเนสเพรสโซและเคียร่าได้ตามสะสมโดยเฉพาะ ประกอบไปด้วย เครื่องชงกาแฟรุ่นคลาสสิกอย่าง Essenza Mini ดีไซน์ล้ำ น้ำหนักเบา และมีขนาดกะทัดรัดที่สามารถรังสรรค์กาแฟรสชาติเยี่ยมได้อย่างง่ายดาย โดยเคียร่าเลือกใช้สีชมพูสดใสและลวดลายแพทเทิร์นไอคอนรูปดวงตาสลับโลโก้เนสเพรสโซมาสร้างความว้าวให้กับเครื่องชงกาแฟ นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์อันสมบูรณ์แบบสำหรับคอกาแฟตัวจริงด้วยเครื่องทำฟองนมรุ่น Aeroccino 3 ที่มีลวดลายและสีสันเข้าชุดกัน ไม่เพียงเท่านั้นแฟนๆ ยังสามารถเลือกดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรดได้กับแก้วมัคใส Coffee Mug ลายโมโนแกรม และแก้วมัคแบบพกพาได้ Nomad Travel Mug สีชมพูหวานกับไอคอนดวงตาซิกเนเจอร์สุดเก๋ สำหรับกาแฟในคอลเล็กชั่นนี้ มีทั้งหมด 3 รสชาติ ได้แก่ Roma, Freddo Intenso และ Scuro ซึ่งเป็นกาแฟรสโปรดของเคียร่าอีกด้วย



คอลเล็กชั่น Nespresso x Chiara Ferragni มีกำหนดวางจำหน่ายให้แฟน ๆ ในประเทศไทย ได้ตามสะสม ทางเว็บไซต์เนสเพรสโซ https://www.nespresso.com/th/ สนนราคาแต่ละไอเท็ม นั้นได้แก่
เครื่องชงกาแฟรุ่น Nespresso x Chiara Ferragni Essenza Mini วางจำหน่ายในราคา 5,500 บาท
เครื่องทำฟองนมรุ่น Nespresso x Chiara Ferragni Aeroccino 3 วางจำหน่ายในราคา 4,800 บาท
แก้วมัคใส Nespresso x Chiara Coffee Mug วางจำหน่ายในราคา 890 บาท
แก้วมัคแบบพกพาได้ Nespresso x Chiara Nomad Travel Mug วางจำหน่ายในราคา 1,190 บาท
เห็นแล้วบอกเลยว่าน่ามีตั้งในบ้านสวยๆ เก๋ๆ จริงๆ