ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN

ญี่ปุ่นจ่อประกาศสถานการณ์กึ่งฉุกเฉินสกัดโควิดในโตเกียวกับ 3 จังหวัดข้างเคียง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานการเปิดเผยของแหล่งข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นในวันนี้ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมตัดสินใจประกาศใช้มาตรการกึ่งฉุกเฉิน (Quasi-Emergency) ในกรุงโตเกียวและ 3 จังหวัดใกล้เคียง ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในพื้นที่ดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว, ไซตามะ, ชิบะ และคานางาวะ จะประชุมทางออนไลน์กันในวันถัดไปเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางรับมือการระบาดระลอกที่ 6 ในจังหวัด อันเกิดจากสายพันธุ์โอมิครอนเป็นส่วนใหญ่

นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าฯกรุงโตเกียวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "เราจะวางแผนลงรายละเอียดไปพร้อมกับคอยฟังสถานการณ์ปัจจุบันจาก 3 จังหวัดใกล้เคียง"

อนึ่ง คาดว่าทั้ง 4 จังหวัดดังกล่าวจะร่วมกันร้องขอให้รัฐบาลกลางออกมาตรการกึ่งฉุกเฉินแก่จังหวัดของตน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ว่าฯ สามารถขอให้ร้านอาหารลดเวลาทำการและสั่งงดให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ตลอดจนขอให้คนในพื้นที่งดเดินทางข้ามจังหวัด

เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) รัฐบาลกรุงโตเกียวรายงานว่า อัตราการครองเตียงในโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ใกล้จะถึง 20% ในโตเกียว ซึ่งเป็นเกณฑ์ชี้วัดในการใช้มาตรการกึ่งฉุกเฉิน โดยใช้เตียงไปแล้วประมาณ 6,900 เตียง

แสนสิริชูกิจกรรม "รักษ์สุขภาพบ้าน" บริการหลังการขายรายแรกและรายเดียวในไทย กุญแจสำคัญดันครองแชมป์แบรนด์อสังหาฯ อันดับหนึ่ง ในใจลูกค้า 4 ปีซ้อน

แสนสิริปักธงเบอร์หนึ่ง แบรนด์อสังหาฯ ไทยในใจลูกค้า ครองแชมป์ The Most Powerful of Real Estate Brand 2021 เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันต่อเนื่อง ด้วย Brand Powerful Score ที่เป็นอันดับ 1 ในทุกด้าน ชี้ผลวิจัยพบ ลูกค้าค้นหาข้อมูลแบรนด์แสนสิริสูงสุด ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์แสนสิริ จากความคุ้มค่า ไลฟ์สไตล์อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ รวมถึง "การบริการ" (Sansiri Service)
ชูกิจกรรม "รักษ์สุขภาพบ้าน" ครองใจลูกค้า กุญแจหลักคว้าแชมป์แบรนด์อสังหาฯ อันดับหนึ่ง ในใจลูกค้า 4 ปีซ้อน ด้วยบริการดูแลรักษาบ้านหลังการขาย รายแรกและรายเดียวในไทย ด้วยบริการระดับมืออาชีพ เน้นการดูแลรักษาเชิงป้องกัน (Preventive maintenance) เพื่อการใช้ชีวิตที่ปลอดภัย ให้บ้านเป็นมากกว่าบ้าน
สานต่อยอดเสริมแกร่งบริการครบวงจร ให้ทุกการอยู่อาศัยของลูกบ้าน มีความสุขตลอดทุกช่วงเวลากับแสนสิริ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ ผนึก 15 พันธมิตร จัดทัพดูแลสุขภาพบ้านกว่า 30 โครงการทั่วประเทศในปี 2565
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริตอกย้ำความเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ แบรนด์อันดับหนึ่งในใจลูกค้า ด้วยการคว้าสุดยอดรางวัล "The Most Powerful of Real Estate Brand 2021" จาก Terra BKK ครองแชมป์ผู้นำแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่ทรงพลังที่สุด ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในทุกด้านถึง 4 ปีซ้อน โดยผลวิจัยเกี่ยวกับความพึงพอใจของลูกค้าต่อแบรนด์อสังหาฯ พบว่า ลูกค้าเลือกพิจารณาแบรนด์แสนสิริจากความสนใจในการซื้อที่อยู่อาศัยสูงสุด และต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์แสนสิริ จากความคุ้มค่า ไลฟ์สไตล์อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ รวมถึง "การบริการ" (Sansiri Service) ซึ่งลูกค้าเจนเนอร์เรชั่นใหม่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้คุณภาพของแบรนด์ ยังทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจและไว้วางใจที่จะเลือกแบรนด์นี้อีกครั้งในอนาคต

"หนึ่งในกุญแจสำคัญ ที่ทำให้แสนสิริครองแชมป์แบรนด์อสังหาฯ อันดับหนึ่ง ในใจลูกค้า 4 ปีซ้อน คือ การบริการ" (Sansiri Service) แสนสิริมุ่งมั่นพัฒนาไลฟ์สไตล์ในการอยู่อาศัยที่แตกต่าง และนำเสนอประสบการณ์เหนือกว่าความคาดหมายให้กับลูกบ้านอยู่เสมอ แนวคิดหลักของแสนสิริไม่ใช่เพียงแค่การมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดเท่านั้น เพราะหนึ่งในส่วนสำคัญที่ทำให้แสนสิริได้รับการยอมรับในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ก็คือความมุ่งมั่นในการมอบ "บริการ" ที่ดีที่สุดในทุกด้านให้กับลูกบ้านของแสนสิริในทุก Touch points ตั้งแต่ก้าวแรกเข้ามาที่ Sales gallery หรือที่โครงการของแสนสิริ ตลอดจนบริการที่ดูแลลูกค้า ทั้งก่อนและหลังการอยู่อาศัย ซึ่งแสนสิรินับเป็นรายแรกและรายเดียวในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ยกระดับการบริการในอสังหาริมทรัพย์ให้อุ่นใจ เพื่อการอยู่อาศัยที่แท้จริงอย่างครบวงจร ภายใต้แนวคิด "บ้านที่ได้มากกว่าบ้าน"

โดยจุดเด่นที่นับเป็นกลยุทธ์หลักที่จะสร้างความแตกต่างให้กับบริการของแสนสิริ ตั้งแต่ปลายปีนี้ คือ "Sansiri Home Care" บริการดูแลและป้องกันทั้งก่อนและหลังเข้าอยู่อาศัย เพื่อความอุ่นใจให้กับลูกบ้านทุกหลัง ด้วยกิจกรรม "รักษ์สุขภาพบ้าน" รักษาสุขภาพบ้านให้เหมือนวันแรกที่เข้าอยู่ อุ่นใจได้ตลอดการอยู่อาศัย ภายใต้มาตรฐานแสนสิริ กับกิจกรรมที่ให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำกว่า 15 แบรนด์ที่คัดสรรมาเพื่อมอบบริการสูงสุด ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ Trane, SB Furniture, Starmark, Cotto, สุขภัณฑ์ American Standard, แอร์ Daikin, ถังเก็บน้ำ DOS, ก๊อกน้ำ VRH, ฮิตาชิ, เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและห้องครัว MEX, อินเด็กซ์ เฟอร์นิเจอร์, igloohome (Digital Doorlock), Kohler และ ระบบประตูหน้าต่างไวนิล Winsor ได้เข้าไปดูแลและตรวจเช็คความพร้อมของอุปกรณ์ภายในบ้านของลูกบ้านอย่างน้อยโครงการละ 2 ครั้ง ทั้งการเช็คแอร์, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, ปั๊มน้ำ, เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน, เฟอร์นิเจอร์ชุดครัว, ซิงค์อ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้า, ที่ดูดควัน, ถังบำบัด และถังดักไขมัน ซึ่งบริการนี้จัดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ภายในบ้านชำรุดเสียหาย ช่วยลดปัญหากวนใจและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว โดยประเดิมจัดกิจกรรมที่แรกที่โครงการดีคอนโด ธาร-จรัญฯ และอีกกว่า 30 โครงการทั่วประเทศในปี 2565

"เราเชื่อมั่นว่า Sansiri Home Care จะตอกย้ำวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นตั้งใจของแสนสิริเพื่อยกระดับความอุ่นใจให้กับลูกบ้านแสนสิริได้อย่างครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดเพื่อให้ลูกบ้านได้รับบริการที่ดี และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการสร้างความแตกต่างให้แสนสิริเหนือคู่แข่ง ทั้งนี้ แสนสิริจะไม่หยุดนิ่งในการพัฒนา Sansiri Home Care เพื่อการบริการที่สะดวกสบายด้านการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้านอย่างต่อเนื่องและมอบประสบการณ์ความสุขสมบูรณ์แบบตลอดการเดินทางในชีวิตลูกบ้านแสนสิริทั้งก่อน และหลังการขาย" นายอุทัย กล่าว

นอกจากนี้ แสนสิริยังเพิ่มความใส่ใจระยะยาวด้วยบริการซ่อมบำรุงหลังหมดประกัน หรือ Sansiri Living Care ทั้งแบบ One Time Service หรือการให้บริการแบบรายครั้ง และ แพ็กเกจต่อประกันบ้านหลังหมดระยะประกันแบบรายปี (Sansiri Living Care Card) ที่แสนสิริได้พัฒนาขึ้นด้วยความใส่ใจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการบริการที่ตอบโจทย์ครบทุกด้าน ผ่านผู้เชี่ยวชาญที่มากด้วยประสบการณ์อีกด้วย

***กราบขอบพระคุณลูกค้าทุกท่าน***
***ที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง***  

รับประกันขายดีหมดไว ขายง่าย คืนทุนเร็วเรท
ราคาส่งกำไรดี มีโปรสะสมทอง
ทดลองขายเพียง 25ห่อ650
สมัครตอนนี้ส่งฟรีตลอดชีพ
สำหรับแม่ทีม เปิด500ห่อ ฝากสต้อก ฝากส่งของได้
ขายอย่างเดียวไม่ต้องเหนื่อยแพค
ลดต้นทุนเป็นตัวแทนร้านเรามมีสินค้าให้เลือกมากมาย
คละได้ สินค้าทุกชิ้นคัดมาแล้วว่าอร่อยและขายได้จริง 

มี 4 รสชาติ รสออริจินอล สไปซี่ หมูมะนาว หม่าล่า

***รับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ***
***รับผลิตในแบลนด์คุณ*** 

รับชมวีดีโอ :
https://www.youtube.com/watch?v=jwYqCfuIlNU&t=2s
- ชุดทดลองขาย 650.- (25ซอง คละรสชาติ ส่งฟรี)
- ชุดเปิดบิลตัวแทน 1,250.- (50ซอง คละรสชาติ ส่งฟรี)  
Dropship ส่งในนามได้ รับตัวแทนทั่วประเทศ 

การสั่งซื้อสายงานคุณบัวสั่งซื้อสินค้า ผ่านทางไลน์นี้เท่านั้น https://line.me/ti/p/IC9lu7UckU
หรือ (ID Line: 0982703417) 

ทักข้อความเพจhttp://m.me/mooyimyim.aroy.d/
Tel: คุณบัว  0982703417  , 0863622339
Line id:  bua_ja2530 

การทำแบลนด์สายงานคุณหยง
Tel: คุณเปิ้ล  0901979366
 https://www.facebook.com/mooyimyim.aroy.d/
หมูแผ่น,หมูแผ่นกรอบ,หมูแผ่นทอด,ขายส่งขนม,หมูแผ่นนครปฐม








 

โบรกฯเชียร์"ซื้อ" TISCO เล็งกำไร Q4/64 โตหลังตั้งสำรองลดลง-จ่ายปันผลสูง

           โบรกเกอร์             คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
           กสิกรไทย                 ซื้อ             118.00
           โนมูระ พัฒนสิน             ซื้อ             115.00
           ทรีนีตี้                    ซื้อ             110.00
           เอเซียพลัส                ซื้อ             104.00
           หยวนต้า                  ซื้อ              96.50
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า ประเมินแนวโน้มการเติบโตของกำไรหุ้น TISCO ในปี 65 จะเติบโตประมาณ 3-4% แม้ว่าจะเป็นอัตราการเติบโตที่ไม่โดดเด่นมาก เมื่อเทียบกับกำไรของทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยราว 10% เมื่อเทียบกับฐานกำไรในปี 64 แต่ด้วยความโดดเด่นเรื่องผลตอบแทนที่สูง ในแง่ของอัตราการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในปี 65 เบื้องต้นประเมินว่าจะสูงถึง 7 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนในรูปแบบของ Dividend Yield ถึง 7.5% ต่อปี

ส่งผลให้ยังคงคำแนะนำเชิงบวกให้กับนักลงทุนที่ต้องการบริหารพอร์ต รับผลตอบแทนที่ดีจากเงินปันผล ท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมที่ไม่แน่นอนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งปี 65

"หุ้นของ TISCO น่าจะเหมาะกับการซื้อเพื่อหวังปันผลมากกว่า ถ้าเกิดเราดู Outlook ของ TISCO ถ้าเทียบถึงการฟื้นตัวต่าง ๆ TISCO จะค่อนข้างขึ้นอยู่กับธุรกิจพวกยอดขายรถยนต์ ถ้ายอดขายรถยนต์ยังไม่ได้ฟื้นตัวสักเท่าไหร่ การฟื้นตัวของ TISCO จะช้ากว่าคนอื่น ฉะนั้นเลยมองว่า จริง ๆ TISCO สำหรับผม ผมมองว่าเหมาะกับหุ้นสำหรับซื้อเพื่อหวังเงินปันผล" นายธนเดชกล่าว
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดว่าในวันที่ 14 ม.ค. 65 TISCO จะประกาศผลประกอบการ Q4/64 คาดกำไรสุทธิที่ 1.69 พันล้านบาท เติบโต +4% YoY หนุนจากค่าใช้จ่ายสำรองลดลง และคาดกำไรเติบโต +8% QoQ หนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในเกณฑ์ดี

สำหรับแนวโน้มกำไรปี 65 คาดอยู่ที่ 6.85 พันล้านบาท +2% YoY การเติบโตชะลอตัวลง เพราะคาด ธนาคารยังคงคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อทุกกลุ่ม ประกอบกับคาดต้นทุนทางการเงิน และ Credit Cost เหลือช่องว่างในการลดลงค่อนข้างจำกัดเทียบกับปีก่อนหน้า

และหากกำไร Q4/64 เป็นไปตามคาด จะทำให้กำไรสุทธิปี 64 อยู่ที่ 6.72 พันล้านบาท +11% YoYและยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ที่ 6.85 พันล้านบาท +2%YoY การเติบโตชะลอตัวลง เพราะคาดสินเชื่อ flat y-y ในปี 65 ธนาคารยังคงคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อบางกลุ่ม ประกอบกับคาดต้นทุนทางการเงินลดลงจำกัด และคาด Credit cost ที่ 90 bps ในปี 65 ลดลงเล็กน้อยจาก 100 bps ในปี 64 คาดธนาคารยังคงต้องการรักษา Coverage Ratio สูงต่อเนื่องเพื่อรองรับความไม่แน่นอน

สำหรับ บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การพยายามควบคุมระดับ NPL ประกอบกับการตั้งสำรองจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ TISCO เป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดในกลุ่มมาตั้งแต่ Q3/63 หลังจาก BBL เป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดมาอย่างยาวนาน โดย Q3/64 TISCO มีสัดส่วนอยู่ 196% ในขณะที่ BBL ที่มีสัดส่วนรองลงมาที่ 190% และกลุ่มธนาคารมีสัดส่วนเฉลี่ยเพียง 158%

ด้านผลกำไรของ TISCO ใน Q4/64 คาดจะมีกำไร 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9%YoY จากการลดลงของการตั้งสำรองหลังจากมีการตั้งไว้เพียงพอแล้ว และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง ในขณะที่รายได้ยังลดต่ำลงจากสินเชื่อที่คาดว่าจะหดตัวต่อเนื่อง และคาดว่าจะทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมลดลงด้วย เมื่อเทียบกับ Q3/64 คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 5.7% QoQ จากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

และคาดว่าใน Q4/64 จะไม่มีผลขาดทุนจากเงินลงทุนเหมือนในไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้คาดกำไรปี 64 อยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5%YoY จากการตั้งสำรองที่ลดลงมาก หลังจากมีการตั้งไว้เพียงพอแล้วในปีที่ผ่านมา และการควบคุมระดับเงินฝาก รวมไปถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดต่ำลง และเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่รายได้ลดต่ำลง ทั้งรายได้ดอกเบี้ยที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการหดตัวลงของสินเชื่อ

นอกจากนี้เนื่องจาก TISCO มีโครงสร้างบริษัทเป็น Holding Company ทำให้ไม่ติดกฎเกณฑ์จำกัดการจ่ายปันผลจาก ธปท.ซึ่งทำให้ในปี 63 TISCO มีการจ่ายปันผลสูงถึง 6.30บาท/หุ้น คิดเป็น Pay-out ratio สูงถึง 83.2% ในขณะที่กลุ่มธนาคารมีการจ่ายปันผล Pay-out ratio เพียง 11.2-52.4% เท่านั้น และในปี 64 ถึงแม้ว่าธปท. จะได้ผ่อนคลายข้อจำกัดการจ่ายปันผลให้กับกลุ่มธนาคารบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ระดับที่เคยอนุญาตให้จ่ายก่อนที่จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และทางฝ่ายคาดว่า TISCO จะมีการจ่ายปันผลจากผลประกอบการปี 64 อยู่ที่ 6.85 บาท/หุ้น ซึ่งคิดเป็น Div.yeild ถึง 7.2% และ TISCO ยังไม่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลออกมา

TISCO บวกสวนตลาด 1.53% ตอบรับผลกำไรออกมาสวยกว่าคาด-เก็งเงินปันผลดี

หุ้น TISCO ปรับขึ้น 1.53% หรือเพิ่มขึ้น 1.50 บาท มาที่ 99.75 บาท มุลค่าซื้อขาย 381.95 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.17 น. จากราคาเปิด 99.00 บาท ราคาขึ้นไปสูงสุด 100.00 บาท ราคาต่ำสุด 98.75 บาท

บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ประกาศกำไรในไตรมาส 4/64 ที่ 1,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% YoY และ 14.8% QoQ เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ยังเติบโตได้ดีมาก ทั้งนี้มีกำไรสุทธิทั้งปี 64 อยู่ที่ 6,781 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตได้ดีมาก สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจตลาดทุน โดยเฉพาะธุรกิจจัดการกองทุน การรับรู้กำไรจากเงินลงทุน และสำรองผลขาดทุนทางด้านเครดิตที่ลดลง

บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลประกอบการที่ออกมาถือว่าดีกว่าคาด ยังคงชอบ TISCO ถือเป็น 1 ใน Top Pick ในกลุ่มธนาคาร จากความสามารถในการทำกำไรสูงสุด ถือว่ามีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งสุด และมีสำรองมากสุดในระบบ และคาดจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการปี 64 ที่ 7 บาท หรือมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงถึง 7.1% (ปกติประกาศปันผลเดือนมี.ค. และขึ้นเครื่องหมาย XD ราวเดือนเม.ย.) แนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมาย 115 บาท

เป็นเรื่องปกติที่เมื่อถึงช่วงต้นปี นักลงทุนต้อววางแผนเรื่องภาษี และแน่นอนว่านักลงทุนสายคริปโทฯ ก็เช่นกัน ประเด็นการจัดเก็บภาษีจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ "Cryptocurrency" กลายเป็นเรื่องถกเถียงกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณต้นทุน หรือการคิดคำนวนผลลัพธ์จากการลงทุนว่ามีการนำผลขาดทุนมาหักผลกำไรก่อนสรุปตัวเลขสุทธิในการคำนวณภาษีหรือไม่ สร้างความสับสนแก่นักลงทุนสายคริปโทฯ ที่ต่างเฝ้ารอแนวทางความชัดเจนจากกรมสรรพากรด้วยความใจจดใจจ่อว่า ภาษีคริปโทฯ จะเรียกเก็บกันอย่างไร ??

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กรมสรรพากรเร่งหาความชัดเจน ในเรื่องของหลักเกณฑ์การคิดคำนวณภาษีจากการลงทุนใน Cryptocurrency แล้ว ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ก็รับคำสั่งพร้อมเร่งหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม ทั้งทางฝั่งภาครัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สำนักงานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงทางภาคเอกชน เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยคาดว่าเกณฑ์การคิดคำนวนภาษีคริปโทฯ จะได้ข้อสรุปภายในเดือน ม.ค. นี้

ด้านนายยุทธนา ศรีสวัสดิ์ หรือ อ.มิก CEO ผู้ก่อตั้ง iTAX ก็ได้นำเสนอแนวทางในการเก็บภาษีคริปโทฯ แก่สรรพากร ผ่านทาง Facebook ซึ่งโพสนี้ได้รับการแชร์ถึง 1,400 ครั้ง ใจความสำคัญ คือ เสนอให้การคิดคำนวณภาษี ควรคำนวณจากผลกำไรที่หักผลขาดทุนไปแล้วจึงค่อยนำตัวเลขสุทธิมาคำนวณภาษี

ทั้งนี้ อ.มิก ได้ออกมาอัปเดตว่าทางกรมสรรพากร ได้รับข้อเสนอไปพิจารณาแล้ว สำหรับใครที่สนใจว่าข้อเสนอแนวทางการเก็บภาษีคริปโทฯ ของก็สามารถไปหาดูกันได้

ด้านฝั่งสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวระหว่างการประชุมสมาชิกวุฒิสภาว่า ทางธนาคารกลางจะออก Report เกี่ยวกับ Cryptocurrency ภายในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวจากตัวแทนสมาชิกสภาคองเกรสจากรัฐมินนิโซต้าที่ออกมา tweet ว่า "ข้อบัญญัติฉบับใหม่ของสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังจะมา"

*VeChain คลอด Stable Coin "VeUSD"

VeChain คือ Blockchain บนแพลตฟอร์ม Smart Contract ที่เน้นการใช้งานทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Supply Chain และการติดตามสินค้า ซึ่งมีความโดดเด่นตรงที่ใช้ขั้นตอนการยืนยันการทำธุรกรรมด้วย Proof of Authority (PoA) ซึ่งจะระบุเลยว่าใครที่สิทธิยืนยันธุรกรรมได้บ้าง ข้อดีก็คือจะทำให้ธุรกรรมประมวลผลเร็วมาก โดยเหรียญของ VeChain มีชื่อย่อว่า VET เคยทำราคาสูงสุด (All Time High) ที่ราคา 0.27 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2564

ล่าสุด ทาง VeChain ได้จับมือกับ Stably เปิดตัวเหรียญ Stable Coin ที่ชื่อว่า "VeUSD" ซึ่ง back-up ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ และจากเหตุการณ์นี้เองก็ทำให้เหล่าสาวก VeChain ต่างจับตามองว่าการที่ VeChain ออก Stable Coin แสดงว่ากำลังจะมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับโลก DeFi ออกมาอีกหรือไม่

เชลล์ จับมือ ปอร์เช่ ผสานกำลังสองแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ขยายเครือข่าย สถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงจากมาเลเซียสู่ประเทศไทย

เชลล์ และ ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก เดินหน้าประกาศความร่วมมือระดับภูมิภาค เปิดตัวเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง (HPC) ข้ามพรมแดนแห่งแรกของเชลล์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ เมืองตังกัก รัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย ให้ลูกค้าสามารถจองจุดชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ล่วงหน้า และชำระเงินไร้สัมผัสผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และไร้กังวลตลอดเส้นทางไฮเวย์จากเหนือจรดใต้พร้อมสัญจรสู่ประเทศสิงคโปร์ได้อย่างไร้อุปสรรค และเร็ว ๆ นี้ เชลล์และปอร์เช่พร้อมจะเดินหน้าขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงดังกล่าวมายังประเทศไทย เพื่อให้การเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างมาเลเซีย สิงคโปร์ และไทยของลูกค้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นไปได้อย่างสะดวกและง่ายดาย

ภายใต้ความร่วมมือนี้ สถานีบริการเชลล์จำนวน 6 แห่งในประเทศมาเลเซีย จะติดตั้งเครื่องชาร์จพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง Direct-current (DC) Chargers ขนาด 180 กิโลวัตต์ ที่ให้ประสิทธิภาพการชาร์จพลังงานไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในประเทศมาเลเซีย ลดระยะเวลาการรอคอยให้กับลูกค้า โดยจะสามารถชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) จากระดับความจุแบตเตอรี่ 0 จนถึง 80% ได้ภายในระยะเวลาประมาณ 30 นาที หรือคิดเป็นระยะทางสูงสุดที่สามารถเดินทางได้ถึง 390 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP[1]) และจะเดินหน้าปักหมุดหมายขยายเครือข่ายการให้บริการมายังประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้มีเครือข่ายสถานีบริการชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) มากยิ่งขึ้น ด้วยจุดเชื่อมต่อการชาร์จในกรุงเทพฯ ตลอดจนเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมต่าง ๆ อีกหลายแห่ง การเป็นพันธมิตรระดับภูมิภาคกับปอร์เช่ด้วยการมุ่งเป้าตอบสนองความต้องการลูกค้าผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า นับเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของเชลล์ในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ Powering Progress เพื่อมุ่งหน้าสู่การเป็นธุรกิจพลังงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593

นวัตกรรมการเดินทางและขนส่ง เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

นายเรืองศักดิ์ ศรีธนวิบุญชัย กรรมการบริหาร ธุรกิจโมบิลิตี้ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า "ภายใต้แนวคิด 'เติมสุขให้ทุกชีวิต' เชลล์มุ่งมั่นขับเคลื่อนกลยุทธ์ Powering Progress ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจ E-mobility ในภูมิภาคและประเทศไทย ในฐานะบริษัทพลังงานชั้นนำระดับโลก เชลล์ภูมิใจมากที่ได้ร่วมมือกับปอร์เช่ ซึ่งมีนวัตกรรมโดดเด่นในอุตสาหกรรมรถยนต์ชั้นนำระดับโลก เพื่อร่วมกันส่งมอบนวัตกรรมที่ล้ำสมัยให้แก่ลูกค้าในภูมิภาคนี้รวมถึงประเทศไทย การเป็นพันธมิตรกันครั้งนี้ มิใช่เป็นเพียงการร่วมมือกันของสองแบรนด์ชั้นนำด้านคุณภาพในอุตสาหกรรมโมบิลิตี้เพื่อมอบความสุขให้กับลูกค้าเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการร่วมกันขับเคลื่อนความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์อีกด้วย เชลล์ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะสานต่อกลยุทธ์ดังกล่าวนี้ พร้อมเดินหน้าขยายจำนวนเครือข่ายสถานีบริการชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ Shell Recharge ให้ครอบคลุมทำเลสำคัญทั่วประเทศไทยต่อไป"

มร. ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย บริษัท เอเอเอส ออโต้ อิมพอร์ต จำกัด "ปอร์เช่ มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนอนาคตอุตสาหกรรมโมบิลิตี้ในประเทศไทย ด้วยเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตลอดห่วงโซ่คุณค่าภายในปี พ.ศ. 2573 ความร่วมมือกับเชลล์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่เรามีเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ตรงกัน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมทางเลือกการชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าที่หลากหลาย รวมถึงมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับลูกค้าของเราที่เป็นเจ้าของรถพลังงานไฟฟ้าปอร์เช่ทุกคันอีกด้วย ด้วยเครือข่ายของสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงใหม่นี้ เรากำลังทำให้การเดินทางไกลข้ามพรมแดนโดยปราศจากการปล่อยมลพิษ ที่เคยเป็นเพียงวิสัยทัศน์ ให้กลายเป็นความจริงได้ในที่สุด"

น่าออกเสมอมากกว่า! ทูเคิ่ลติงแผงรุกทำเชลซีชวดเจ๊าแมนซิตี้

โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีม เชลซี แสดงมุมมองด้วยการตำหนิแผงรุกของทีมว่า สิงห์บลูส์ น่าจะแบ่งแต้มกับ แมนฯ ซิตี้ ได้หากแดนหน้าของทีมเล่นกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ทีมจากลอนดอนบุกมาเสียท่าให้จ่าฝูง 1-0 และถูกทิ้งห่างเป็น 13 แต้มแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นกุนซือชาวเยอรมันได้ชี้ว่าหากนักเตะในแดนรุกของทีมเล่นกันได้อย่างเด็ดขาด ทีมของเขาก็มีโอกาสเก็บหนึ่งแต้มออกจาก เอติฮัด สเตเดี้ยม

    'หากคุณมองดูแผงแบ็คไฟฟ์ของเรา และนักเตะที่เราขาดหายไป ผมแฮปปี้กับฟอร์มการตั้งรับที่ดี' ทูเคิ่ล เปิดปาก

    'ครึ่งหลังเราสร้างโอกาสโต้กลับได้ เรามีโอกาสหนึ่งครั้งที่จะนำก่อน เราแพ้เกมที่ยากซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ มันเป็นคุณภาพของนักเตะรายบุคคล และเราขาดคุณภาพในแดนหน้าหากจะให้ผมพูดตรงๆ'

    'เรารอโอกาสของเรา นักเตะในแดนหน้าต้องโชว์ฟอร์มให้มากกว่านี้ เราจำเป็นต้องมีความคงเส้นคงวา'

    'ผลลัพธ์แบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ เราสมควรเสมอ เราไม่ปล่อยให้พวกเขามีโอกาสที่จะแจ้ง ยกเว้นการก่อความผิดพลาดหนเดียวในครึ่งแรก เราไม่ได้ตกอยู่ภายใต้ความกดดันมากมายอะไร'

    'ฟอร์มการเล่นของเราโอเค ผมชอบความทุ่มเทของนักเตะ เราเคยชนะ ซิตี้ ในเกมแบบนี้ และมันเป็นความรู้สึกที่แตกต่าง'

    'เราได้บุกแปดหรือเก้าครั้ง แต่เราไม่ได้สัมผัส.ในเขตโทษเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันเป็นเรื่องของการขาดความเด็ดขาด และขาดการประสานงาน เราเสีย.บ่อยมาก และหลายครั้ง มันเป็นปัญหาใหญ่ของเราในเกมนี้'

    'เรามีช่วงที่ทุลักทุเล ครึ่งแรกเราสามารถเล่นได้ดีกว่านี้ และสร้างโอกาสได้ดีด้วยการคอนโทรล.ให้ดีขึ้น'

    'โรเมลู ลูกากู เสีย.บ่อยมาก และในจังหวะสำคัญ แน่นอนว่าเราต้องการสนับสนุนเขา แต่เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีม เราสามารถเล่นได้ดีกว่านี้สำหรับฟอร์มของแผงรุกในครึ่งแรก'

    'ผมไม่อยากตอบคำถามว่าเรายังมีสิทธิ์คว้าแชมป์หรือเปล่า เราไม่คิดยอมแพ้ แต่ถ้า ซิตี้ ชนะทุกเกมก็จะไม่มีใครไล่พวกเขาทัน'

    'ซิตี้ ชนะ 12 นัดรวด และเรามีปัญหาบาดเจ็บและโควิด ช่องว่างห่างไกลกันมากขึ้นเพราะพวกเขาจัดการกับปัญหาโควิดและบาดเจ็บได้ดีกว่า'

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย.

การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. โดยได้รับผลกระทบจากภาวะคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่สภาวะอากาศที่อบอุ่นกดดันภาคสาธารณูปโภค

ทั้งนี้ ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค

การผลิตของภาคโรงงานลดลง 0.3% ในเดือนธ.ค. ส่วนการผลิตในภาคเหมืองแร่พุ่งขึ้น 2.0% ขณะที่ภาคสาธารณูปโภคดิ่งลง 1.5%

ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดิ่งลงต่ำกว่าคาด

ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 68.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบ 1 ทศวรรษ จากระดับ 70.6 ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 70.0

ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ สถานะกา

สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยในวันนี้ว่า มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนปี 2564 ขยายตัวเกิน 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก แม้ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการค้าโลกอย่างต่อเนื่อง

มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนแตะที่ 6.05 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับของปีก่อนหน้า

เมื่อคำนวณในรูปสกุลเงินหยวน มูลค่าการค้าขยายตัว 21.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 39.1 ล้านล้านหยวน โดยยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น 21.2% แตะ 21.73 ล้านล้านหยวน และยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 21.5% แตะระดับ 17.37 ล้านล้านหยวน

หลี่ ขุยเหวิน โฆษก GAC ระบุว่า "จีนอยู่แถวหน้าของการพัฒนาเศรษฐกิจและการรับมือกับการแพร่ระบาดระดับทั่วโลก อีกทั้งยังสามารถรักษาระดับการขยายตัวที่รวดเร็วของการค้าต่างประเทศ ซึ่งแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ด้านปริมาณ และก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในด้านคุณภาพ"

นอกจากนี้ การค้ากับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ทั้ง 5 รายยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ยอดนำเข้าและส่งออกของจีนกับอาเซียน สหภาพยุโรป (EU) และสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19.7% 19.1% และ 20.2% ตามลำดับ ขณะที่ยอดการค้ากับญี่ปุ่นและเกาหลีเพิ่มขึ้น 9.4% และ 18.4% ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน การค้าของจีนกับประเทศบนเส้นทางสายไหม (Belt and Road Initiative) เพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 23.6%

เกษตรฯ ประสานพาณิชย์ ตรวจสอบสต็อกหมู คาดมีกักตุนทำหมูราคาแพง นอกเหนือโรค ASF

นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าต้นเหตุที่ราคาเนื้อสุกรมีราคาแพงขึ้นนั้น เกิดจากการเกิดการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ตั้งแต่ปี 2564 มีลูกสุกรเข้าคอกเลี้ยงเฉลี่ยราว 350,000 ตัว ซึ่งปัจจุบันปริมาณลูกสุกรเข้าเลี้ยงก็ยังคงมีตัวเลขใกล้เคียงกัน อีกทั้งยังมีจำนวนสุกรที่เข้าโรงเชือดที่มีปริมาณคงที่มาโดยตลอด จึงเป็นที่น่าสนใจว่าเหตุใดราคาเนื้อสุกรจึงมีราคาแพงขึ้น โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญอาจมาจากการกักตุนสินค้าในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว จึงได้ประสานงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป อย่างไรก็ตาม กรณีการพบการระบาดของโรค ASF นั้น กรมปศุสัตว์จะจัดตั้งวอร์รูมขึ้นทั่วประเทศ เพื่อสแกนพื้นที่เสี่ยงในการเกิดโรคระบาด ASF พร้อมเข้าช่วยเหลือผู้เลี้ยงสุกร โดยเฉพาะรายเล็กและรายย่อย ในการยกระดับมาตรการควบคุมป้องกันโรคอย่างเข้มข้น ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้จะมีอาสาปศุสัตว์เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ "ขอยืนยันว่าหากตรวจพบการเกิดโรค ASF กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ จะเร่งเข้าควบคุมโรคโดยทันที ภายใต้มาตรการต่าง ๆ อย่างรัดกุม และจำกัดวงเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรน้อยที่สุด" นายประภัตร กล่าว

ทาบูล่า (Taboola) ต่อสัญญาความร่วมมือระยะยาวกับ Siamsport.co.th เป็นปีที่ 10 ผนึกกำลังพันธมิตรขับเคลื่อนโซลูชันแนะนำเนื้อหา และสร้างรายได้

ทาบูล่า (Taboola) (Nasdaq: TBLA) ผู้นำระดับโลกที่ให้บริการระบบแนะนำสิ่งน่าสนใจของเว็บไซต์ต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต และช่วยให้ผู้อ่านค้นพบสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเขาอาจชื่นชอบ ประกาศต่อสัญญาความร่วมมือกับ Siamsport.co.th เว็บไซต์กีฬาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ภายใต้เครือบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผู้อ่านมากถึง 8 ล้านคนต่อเดือน นับเป็นการสานต่อความร่วมมือระยะยาวต่อเนื่องกันกว่าทศวรรษระหว่างทาบูล่าและเว็บไซต์ Siamsport.co.th ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรรายแรกๆ ของทาบูล่าในประเทศไทย

ท่ามกลางโลกแห่งข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน เว็บไซต์ Siamsport.co.th จะยังคงเดินหน้าใช้เทคโนโลยีของทาบูล่าเพื่อขับเคลื่อนการแนะนำเนื้อหาคุณภาพสำหรับเนื้อหาข่าวด้านกีฬาของเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมชื่นชอบในหมู่คอกีฬาชาวไทยอย่างมาก รวมถึง Taboola Feed ซึ่งเป็นฟีดที่ถูกผสานรวมแบบไร้รอยต่อเพื่อมอบเนื้อหาส่วนบุคคลและโฆษณาที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเสพคอนเทนต์ของคนรักกีฬาอย่างตรงจุด เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากเว็บไซต์ของสำนักข่าว และเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ เว็บไซต์ Siamsport.co.th จะเริ่มทดสอบโซลูชันอีคอมเมิร์ซใหม่ ๆ ของทาบูล่า อันเป็นผลมาจากการเข้าซื้อกิจการ Connexity ของทาบูล่าครั้งล่าสุด เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การเติบโตของรายได้ของเว็บไซต์อีกด้วย

นายวรรคสร โหลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสปอร์ต ดิจิตอล มีเดีย จำกัด ได้กล่าวถึงความยินดีในการเป็นพันธมิตรกับทาบูล่าในครั้งนี้ว่า "เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ผนึกกำลังความร่วมมือในระยะยาวกับทาบูล่า เพราะทาบูล่าถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในการสร้างสรรค์และส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผู้อ่านข่าวออนไลน์ในปัจจุบัน อีกทั้งทาบูล่ายังมีบริการใหม่ในอนาคตอันใกล้ด้านโซลูชันอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ให้บริการเนื้อหาและเว็บไซต์ที่จะช่วยเสริมกลยุทธ์การสร้างรายได้ สร้างฐานผู้อ่านและจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ใหม่ ๆ จากเครือข่ายพันธมิตรผู้ผลิตและผู้ให้บริการอุปกรณ์มือถือของทาบูล่าทั่วโลก การเสริมกำลังระหว่างทาบูล่ากับทีมงานคอนเทนต์ของเราในครั้งนี้จะช่วยให้เนื้อหาข่าวในเว็บไซต์ของเรามีมุมมองข้อมูลที่ครอบคลุมและวัดผลได้จริง และช่วยสร้างการมีส่วนร่วมใหม่ ๆ ในกลุ่มผู้รักกีฬารุ่นใหม่ เช่น อีสปอร์ต ที่เราตั้งเป้าที่จะขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมออกไปในยุคดิจิทัลนี้ เราหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตให้กับเว็บไซต์ของเราอย่างต่อเนื่อง ในฐานะบริษัทชั้นนำในแวดวงกีฬาของประเทศไทย"

นายอดัม ซิงโกลด้า ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งทาบูล่า กล่าวว่า "สยามสปอร์ตได้สร้างชื่อเสียงอันแข็งแกร่งในฐานะสำนักข่าวแถวหน้าที่เผยแพร่ข่าวสารความเคลื่อนไหวในวงการกีฬาอย่างครอบคลุมครบทุกเนื้อหาให้แก่ผู้อ่านชาวไทยในวงกว้าง ด้วยความร่วมมือระหว่างกันที่ยาวนานกว่าทศวรรษ สยามสปอร์ตได้แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นด้านนวัตกรรมในการเปิดรับและนำวิธีการใหม่ๆ มาปรับใช้ ผ่านเครื่องมือแนะนำสิ่งที่น่าสนใจ รวมถึงการทดสอบโซลูชันอีคอมเมิร์ซล่าสุด เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ ทาบูล่าพร้อมที่จะสนับสนุนพันธกิจของสยามสปอร์ตและเติบโตไปด้วยกันอย่างต่อเนื่องในอนาคต"

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษขยายตัวแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ แตะ 0.9% ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าระดับก่อนที่อังกฤษจะเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ครั้งแรก

ทั้งนี้ ONS ระบุว่า GDP ของอังกฤษเดือนก.พ. 2564 ขยายตัว 0.7%

รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า GDP เดือนพ.ย. จะขยายตัว 0.4%

อย่างไรก็ดี แม้ GDP จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในเดือนพ.ย. แต่ก็อาจได้รับผลกระทบในเดือนธ.ค. เมื่อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดทั่วยุโรป และผลกระทบอาจยาวนานจนถึงเดือนม.ค. โดยบริษัทหลายแห่งรายงานว่าขาดพนักงานอย่างรุนแรง และผู้บริโภคยังคงระมัดระวังที่จะออกไปข้างนอก

นานี่ อดีตปีกทักษะสูง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โยกไปวาดลวดลายในลีกสูงสุดแดนมะกะโรนี โดยเซ็นซบ เวเนเซีย แบบไร้ค่าตัว หลังจากที่หมดสัญญากับสโมสรดังในลีกมะกัน 

     นานี่ ปีกจอมเทคนิคชาวโปรตุกีส อดีตสตาร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าร่วมทีม เวเนเซีย สโมสรท้ายตารางในศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ด้วยสัญญาถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ปี 2023 เมื่อวันศุกร์ที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา 

     ปีกจอมพลิ้ววัย 35 ปี เก็บข้าวของย้ายไปโชว์ฝีเท้าในถิ่น สตาดิโอ ปิแอร์ ลุยจิ เปนโซ่ แบบไร้ค่าตัว หลังจากที่หมดสัญญากับ ออร์แลนโด้ ซิตี้ สโมสรลูกหนังในศึก เมเจอร์ลีก (เอ็มแอลเอส) สหรัฐอเมริกา เมื่อปลายปีก่อน   

 

ยังไม่เลิกเล่นง่ายๆ!นานี่อดีตสตาร์แมนยูเซ็นซบเวเนเซีย
 

     ปัจจุบัน เวเนเซีย รั้งอันดับ 17 ในตารางคะแนน เซเรีย อา โดยมี 17 แต้ม จากการลงแข่ง 20 นัด อยู่เหนือโซนตกชั้นแค่แต้มเดียวเท่านั้น 

     สำหรับ นานี่ เคยโด่งดังอย่างมากสมัยค้าแข้งกับ 'ปีศาจแดง' ช่วงระหว่างปี 2007-2015 ที่ซึ่งเจ้าตัวทำได้ถึง 41 ประตู กับ 73 แอสซิสต์ จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 230 นัด และยังประสบความสำเร็จอย่างมากมาย โดยเฉพาะตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก 4 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย

สวิตเซอร์แลนด์รั้งอันดับ 1 ประเทศน่าอยู่ เดนมาร์กอันดับ 2 สหรัฐหลุดโผ Top 10

CS Global Partners บริษัทการตลาดและที่ปรึกษาของภาครัฐชั้นนำระดับโลก ได้เผยแพร่รายงาน World Citizenship Report (WCR) ซึ่งจัดทำดัชนี World Citizenship Index (WCI) เพื่อเปรียบเทียบความเป็นพลเมืองของประเทศต่าง ๆ จากมุมมองของพลเมืองทั่วโลก โดยได้ประเมิน 187 ประเทศและดินแดน ใน 5 ปัจจัยหลักที่กำหนดความเป็นพลเมืองของพลเมืองทั่วโลก

สวิตเซอร์แลนด์ทำคะแนนได้สูงสุด (88.1) ตามมาด้วยเดนมาร์ก (88.0) ในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 ร่วมตกเป็นของฟินแลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน (86.9) นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่ามหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาไม่ติด 10 อันดับแรก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งทั่วโลกมีมุมมองที่เปลี่ยนไปอย่างมากเกี่ยวกับความสามารถของประเทศยักษ์ใหญ่ในการมอบข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม ขณะเดียวกัน เอเชียได้กลายเป็นศูนย์กลางของความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ อันเป็นผลมาจากข้อได้เปรียบทางธุรกิจมากมาย ที่โดดเด่นคือประเทศญี่ปุ่นซึ่งรั้งอันดับ 6 และสิงคโปร์ในอันดับ 7

สำหรับ 5 ปัจจัยหลักที่มีการประเมินประกอบด้วย ความมั่นคงปลอดภัย คุณภาพชีวิต โอกาสทางเศรษฐกิจ ความสามารถในการเดินทางทั่วโลก และอิสระทางการเงิน โดยพิจารณาจากข้อมูลสถิติอย่างเป็นทางการ ได้แก่ ผลวิจัยจากธนาคารข้อมูลชั้นนำ บทสัมภาษณ์ และผลสำรวจนักลงทุนผู้มั่งคั่งกว่า 500 ราย ซึ่งในรายงาน WCR ไม่ได้มองในแง่ความแข็งแกร่งของพาสปอร์ตเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่น ๆ ที่มีบทบาทในการเลือกขอสัญชาติที่สองด้วย

Micha Emmett ซีอีโอของ CS Global Partners กล่าวว่า รายงาน WCR มีความโดดเด่นเหนือรายงานอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม เพราะสำรวจประเทศที่มอบสิทธิประโยชน์สูงสุดให้แก่พลเมืองโลก โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด ซึ่งบรรดาผู้ที่มีช่องทางต่างแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ และความมั่นคงปลอดภัยมากกว่าเดิม

"ผู้มีความมั่งคั่งต้องพิจารณาปัจจัยมากมายก่อนตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างการขอสัญชาติที่สองและการลงหลักปักฐานในประเทศที่สอง แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของพาสปอร์ตเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ปัจจัยนี้ก็มีความผันผวนอย่างมากเช่นเดียวกัน เห็นได้จากการจำกัดการเดินทางในสถานการณ์โควิด" Micha Emmett กล่าว
นอกจากนี้ Micha Emmett กล่าวเพิ่มเติมว่า "เมื่อมีทางเลือกในการขอสัญชาติที่สองหรือสาม คำถามแรกที่เกิดขึ้นในใจของผู้มีความมั่งคั่งคือ เราควรเลือกที่ไหนดี เราจึงต้องการนำเสนอสิ่งที่ได้รับความสนใจและส่งผลต่อพลเมืองโลกอย่างแท้จริง"

นอกเหนือจากการวิเคราะห์สมรรถภาพของประเทศต่าง ๆ แล้ว รายงาน WCR ยังสำรวจแนวทางที่ผู้มีความมั่งคั่งใช้ในการปกป้องและเพิ่มพูนความมั่งคั่งของตนเอง หนึ่งในนั้นคือการวางแผนการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องพิจารณาถึงภาษีทรัพย์สินและภาษีมรดก รวมถึงการลงทุนในสินทรัพย์เกิดใหม่ที่มีมูลค่าอย่างเช่นสกุลเงินดิจิทัล

รายงานดังกล่าวยังค้นพบด้วยว่า การลงทุนเพื่อขอสัญชาติ (Citizenship by Investment: CBI) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้มีความมั่งคั่งที่สุดจากทั่วโลก และกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงที่เกิดสถานการณ์โรคระบาด โดย CBI มอบทางเลือกและทางออกที่ประหยัดเวลาในการขอสัญชาติ แม้ผู้ที่ไม่มีพันธะด้านการสมรส การสืบสกุล หรือการแปลงสัญชาติในประเทศนั้น ๆ ก็สามารถได้รับสัญชาติที่สองภายใน 3-4 เดือน เมื่อผ่านกระบวนการตรวจสอบหลายขั้นตอน

รายงานระบุว่า ผู้ประกอบการและนักธุรกิจต่างกำลังมองหาการลงทุนที่มั่นคงท่ามกลางการล็อกดาวน์ทั่วโลก แม้ว่าอนาคตไม่อาจล่วงรู้ได้ แต่การตามทันกระแสโลกได้ช่วยให้ผู้มีความมั่งคั่งและพลเมืองโลกจำนวนมากสามารถคว้าโอกาสในสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน ทั้งนี้ รายงาน WCR ตั้งใจนำเสนอกระแสโลกเหล่านี้ และช่วยให้กระบวนการขอสัญชาติที่สองเป็นเรื่องง่ายขึ้น ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ผู้มีความมั่งคั่งและครอบครัวให้ความสนใจมากที่สุด

'โนวัค ยอโควิช' ถูกคุมตัวอีกครั้งก่อนออสเตรเลียน โอเพ่นเปิดฉากวันจันทร์

เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียเปิดเผยในวันนี้ (15 ม.ค.) ว่า โนวัค ยอโควิช แชมป์เทนนิสชายเดี่ยวมือวางอันดับ 1 ของโลก ได้ถูกควบคุมตัวอีกครั้งในสถานที่กักกันแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยอโควิชได้พยายามที่จะยื่นอุทธรณ์การยกเลิกวีซ่าของเขา ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับการเดินทางเข้าสู่ออสเตรเลีย เนื่องจากยอโควิชยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ก่อนที่การแข่งขันเทนนิสรายการออสเตรเลียน โอเพ่น จะเริ่มขึ้นในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (17 ม.ค.)

นายอเล็กซ์ ฮอว์ค รัฐมนตรีตรวจคนเข้าเมืองของออสเตรเลีย เป็นผู้ใช้อำนาจสั่งยกเลิกวีซ่าของยอโควิชอีกครั้ง โดยให้เหตุผลในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า 'มีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ความปลอดภัย และกฎระเบียบอันดีของออสเตรเลีย และบนพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนที่จะทำเช่นนั้น'

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่นายยอโควิชออกมายอมรับในสัปดาห์นี้ว่า เขาได้ไปให้สัมภาษณ์และถ่ายภาพกับหนังสือพิมพ์จริงทั้งที่รู้ว่าติดเชื้อโควิด-19 พร้อมกล่าวโทษเรื่องที่ตนแจ้งข้อมูลไม่ตรงกับที่ระบุในแบบฟอร์มการเดินทางเข้าออสเตรเลียว่า ตัวแทนของตนได้กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มผิดพลาด 'เรื่องดังกล่าวเป็นข้อผิดพลาดและไม่ใช่การจงใจอย่างแน่นอน'

ทั้งนี้ การถูกยกเลิกวีซ่าในครั้งนี้อาจทำให้ยอโควิชถูกสั่งห้ามเข้าออสเตรเลียเป็นเวลา 3 ปี

เลิกไปนานแล้วเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาฉันคบกับแอคหลุม?!?

จีนหวังสหรัฐขยายกรอบความร่วมมือทางการค้า ขณะข้อตกลงเฟสแรกยังไม่แน่นอน

ทางการจีนออกมาเปิดเผยในวันนี้ (13 ม.ค.) ว่า จีนหวังว่าสหรัฐจะสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการขยายกรอบความร่วมมือทางการค้า หลังจากที่จีนล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกในยุคของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์เมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ในข้อตกลงการค้าเฟสแรกนั้น จีนได้ตกลงที่จะซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐเพิ่มขึ้นจากปี 2560 อย่างน้อย 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2563-2564 ซึ่งถือเป็นการหยุดสงครามภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2561

อย่างไรก็ดี รายงานของสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สัน (PIIE) ระบุว่า เมื่อนับจนถึงสิ้นเดือนพ.ย. 2564 จีนซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐเพียง 60% ของเป้าหมายดังกล่าว

ชู จือติง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน แถลงว่า "นับตั้งแต่ที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ จีนได้ทำงานอย่างหนักเพื่อเอาชนะปัจจัยที่ไม่พึงประสงค์หลายประการ อันเกิดจากผลกระทบของโควิด-19 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน พร้อมผลักดันให้ดำเนินการตามข้อตกลงจากทั้งสองฝ่าย"

"เราหวังว่าสหรัฐจะสามารถสร้างบรรยากาศและเงื่อนไขทางการค้าที่เอื้ออำนวยต่อทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือต่อไป" ชูกล่าว พร้อมระบุว่า ผู้ประสานงานด้านการค้าของทั้ง 2 ประเทศยังคงสื่อสารกันอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม นายทอม วิลแซค รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของสหรัฐ ยืนยันเมื่อวันอังคาร (11 ม.ค.) ว่า สหรัฐจะยังคงเดินหน้ากดดันจีนให้ดำเนินการตามข้อตกลงทางการค้าอย่างสมบูรณ์ ก่อนที่จะยอมเปิดประตูสู่การเจรจาขยายความร่วมมือ

 

ศาลฎีกาสหรัฐระงับคำสั่งไบเดนบังคับธุรกิจขนาดใหญ่ฉีดวัคซีนให้พนักงาน

ศาลฎีกาสหรัฐประกาศคำตัดสินเมื่อวานนี้ให้ระงับคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำหนดให้ธุรกิจขนาดใหญ่ต้องให้พนักงานของตนฉีดวัคซีนหรือเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในช่วงที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น แม้ว่าจะยังอนุญาตให้บังคับใช้กฎการฉีดวัคซีนกับสถานบริการด้านสุขภาพได้

คำสั่งพิเศษดังกล่าวของปธน.ไบเดนเป็นที่โต้แย้งกันอย่างกันอย่างหนัก โดยเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ศาลอุทธรณ์ภาคห้าแห่งสหรัฐได้ระงับการบังคับใช้คำสั่งพิเศษของปธน.ไบเดนที่กำหนดให้บริษัทต่าง ๆ ที่มีพนักงานมากกว่า 100 คนขึ้นไปต้องให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่ต่อมาก็ได้มีคำตัดสินจากศาลอุทธรณ์ภาค 6 ของสหรัฐในเมืองซินซินนาติในวันที่ 17 ธ.ค. ให้คืนคำสั่งบังคับธุรกิจขนาดใหญ่ในสหรัฐต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หรือตรวจเชื้อโควิดให้กับพนักงาน

คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลอุทธรณ์แสดงความเห็นว่า "กฎหมายอนุญาตให้สำนักงานบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัยสหรัฐ (OSHA) ดำเนินการตามหน้าที่เพื่อรับรองสภาวะการทำงานที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพสำหรับแรงงานของประเทศ และเพื่อรักษาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ"

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำพิพากษาดังกล่าวของศาลฎีกา ตลอดจนการฟ้องร้องในประเด็นเดียวกันที่ยังคงดำเนินอยู่ในศาลชั้นต้น ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลกลางสหรัฐล้มเหลวในการพยายามเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนด้วยการใช้อำนาจผ่านหน่วยงานด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน นอกจากนี้ ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกา ผู้พิพากษาบางคนยังได้ตั้งข้อสงสัยว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

ขณะเดียวกัน การที่ศาลฎีกาตัดสินรับรองคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนสำหรับบุคลากรในสถานบริการด้านสุขภาพ ก็จะทำให้บุคลากรราว 10.3 ล้านคนในสถานบริการ 76,000 แห่งที่รวมถึงโรงพยาบาลและบ้านพักคนชราที่รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

     'ดร.แรชชี่' โดนวิจารณ์อย่างหนักหลังจบเกมที่ชนะ วิลล่า ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 3 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักเตะแสดงอาการเหมือนกับคนไม่ทุ่มเทในการเล่น แถมยังมีหลายจังหวะที่มักจะทำ.เสียบ่อยๆ

     ช่วงที่ผ่านมาสาวก 'เร้ด อาร์มี่' และบรรดากูรูลูกหนังหลายรายให้คำแนะนำว่าควรจับ แรชฟอร์ด พักก่อน เพื่อจะได้ปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อมมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามดูเหมือนนักเตะไม่ได้คิดแบบนั้น

 

ลุ้นฟิต โรนัลโด้, จับตา คูตินโญ่! ผ่า 5 ประเด็น แมนยู เยือน แอสตัน วิลล่า
 

     เนื่องจากภาพล่าสุด กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ยิ้มแย้มแจ่มใสในขณะที่ซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยืนยันให้เห็นว่าสภาพจิตใจของเขามีแต่ความแฮปปี้ที่ได้ลงสนามเพื่อ 'ปีศาจแดง' ที่สำคัญ แรชฟอร์ด ต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังคงทุ่มเทเพื่อทีมอยู่เสมอ 

     ยิ่งไปกว่านั้นหากแมตช์กับ 'สิงห์ผงาด' โรนัลโด้ เกิดลงสนามไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ แน่นอนว่า รังนิก ต้องการให้ แรชฟอร์ด ลงไปช่วยสร้างสรรค์เกมบุก อย่าลืมว่านี่คือนักเตะที่เต็มไปด้วยความเร็ว และสามารถเปลี่ยนเกมได้เพียงเสี้ยววินาที