• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Joe524

#3201


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 106.66 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 35,101.85 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 4.17 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 4,432.35 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 24.41 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 14,860.18 จุด

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อวันศุกร์แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ดีเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ท่ามกลางการทรุดตัวของราคาน้ำมัน หลังจากที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้นานาชาติยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและถ่านหิน ขณะที่ภาวะโลกร้อนกำลังใกล้เข้าสู่ระดับวิกฤต

ทั้งนี้ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็นเรียกร้องให้นานาชาติยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและถ่านหิน รวมทั้งพลังงานอื่นๆที่ปล่อยมลพิษในระดับสูงโดยทันที หลังจากที่รายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ระบุว่า ระดับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศในขณะนี้สูงพอที่จะส่งผลเสียต่อสภาพภูมิอากาศไปอีกหลายสิบปีหรือหลายร้อยปีข้างหน้า

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพุธ และเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ในวันพฤหัสบดี

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี

นักลงทุนกังวลว่า หากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) รวมทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ส่งสัญญาณในการกล่าวถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอีภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด" นายแคลริดากล่าว

"หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้" เขากล่าว

คำกล่าวของนายแคลริดาสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด โดยนายวอลเลอร์ระบุว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.
#3202


นายเศรษฐา  ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้เป็นอุบัติการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ทาง โดยเฉพาะการพังทลายของระบบเศรษฐกิจการค้าที่ยังหาจุดจบไม่ได้ และดูเหมือนทุกคนจะโดนผลกระทบเหมือนๆ กัน ซึ่งหากวิเคราะห์ จากตัวเลขสถิติต่างๆ ให้ดี สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือช่องว่างทางด้าน "ความมั่งคั่ง" ระหว่าง "คนมี" กับ "คนไม่มี" กำลังขยายตัวกว้างขึ้นอย่างน่ากลัวและจะเป็นการปรับฐานสมดุลย์ทางด้านความมั่งคั่งที่ทำให้โอกาสเกิดความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจเป็นไปได้ยากมาก อย่างไรก็ดี ทุกประเทศมีวิธีแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน ผ่านนโยบายอัดเงินเข้าระบบ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย การแจกเงิน การลดภาษี ผ่อนปรนหนี้ ฯลฯ แต่มาตรการเหล่านี้ไม่ใช่คำตอบที่ส่งผลให้เกิดความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ หรือช่วยลดช่องว่างทางด้านความมั่งคั่งลงได้


 ยกตัวอย่าง  สหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีการออก American Rescue Plan Act ซึ่งนับเป็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดยักษ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมทั้งการออกมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจที่เรียกว่า CARES Act มากว่า 2.2 ล้านล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว ผลที่ตามมาและเกิดขึ้น คือกลายเป็นการช่วยทวีคูณความมั่งคั่งให้คนรวย 1% ที่อยู่ด้านบนของปิรามิดประชากรเป็นมูลค่าถึงกว่า 4.8 ล้านล้านเหรียญเลยทีเดียว ในขณะที่คน 80% ที่อยู่ด้านล่างฐานปิรามิดต้องแบ่งความมั่งคั่งมูลค่าแค่ 12,000 ล้านเหรียญเท่านั้น 


"สำหรับในประเทศไทย วิกฤติโควิดในไทยครั้งนี้ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของเศรษฐกิจ-สังคม ในสัดส่วนที่ "ห่าง" ออกจากกันเยอะขึ้น ดังนั้น ความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจสังคม ที่เกิดขึ้นหลังโควิด จึงเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะจะทำให้ความเท่าเทียมยิ่งถูกลิดรอน คนรวยรวยขึ้น คนจนจนลง อย่างไรก็ดี วิกฤติโควิดฟื้นได้ หากมีวัคซีนที่ดีทั่วถึงโดยเร็วที่สุด คนป่วยได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียมและรวดเร็วเพื่อลดการเสียชีวิต ขณะที่การพยุงเศรษฐกิจในขณะนี้ ภาครัฐควรมีการจัดกองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโควิดและขาดรายได้ ควบคู่ไปกับการพักชำระหนี้" นายเศรษฐา กล่าว  

อย่างไรก็ตาม แสนสิริภายใต้การมองตลาดเร็วและความพร้อมในการปรับแผนรองรับในทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งภายใต้สถานการณ์โควิด- 19 ด้วยรายได้สูงสุดในกลุ่มตลาดอสังหาฯ และยอดโอนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา และยอดขาย-ยอดโอนในปีนี้เกินเป้าหมายในรอบครึ่งปีและมี Secured Revenue เกินกว่า 83% ของเป้ารายได้ในปีนี้ในระยะเวลาเพียง 7 เดือน ทำให้แสนสิริมีกำลังที่จะแบ่งปันสังคมในด้านต่างๆ 


ทั้งนี้ แสนสิริขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประเทศไทยด้วยการใช้งบ 100 ล้านบาทเพื่อผลักดัน "วัคซีนทั่วถึง – รักษาเท่าเทียม - พยุงคนลำบาก"  เพราะแสนสิริจะไม่ทอดทิ้งใคร เพื่อให้สังคมก้าวข้ามวิกฤตินี้ไปด้วยกัน เพราะการสร้างสังคมที่ดี สร้างชีวิตที่ดีสำหรับแสนสิริ เราหมายถึง "ทุกคน" #แสนสิริไม่ทอดทิ้งใคร พร้อมยืนยันมุ่งมั่นช่วยเหลือ 4 เสาสังคมอย่างเต็มที่และดูแลทุกกลุ่มไม่ทอดทิ้งใคร เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และเพื่อประเทศและเศรษฐกิจไทยเราจะผ่านพ้นไปด้วยกันได้  


ผู้ถือหุ้น – สร้างความแข็งแกร่งทางการการเงิน โตสวนกระแสแม้ในภาวะวิกฤติ

ลูกบ้าน – ออกมาตรการขานรับ Home Isolation มุ่งช่วยเหลือลูกบ้านผู้รักษาแบบกักตัวที่บ้านสูงสุด และ Community Isolation เพื่อความอุ่นใจปลอดภัยของทั้งโครงการ และปลูกฟ้าทะลายโจรจำนวน 100,000 ต้นไว้รองรับ

พนักงาน-คู่ค้า – จัดตั้งกองทุน Sansiri Relief Fund, จัดหาวัคซีนครอบคลุมพนักงานทุกคน

สังคม – มุ่งเน้นสังคมมากขึ้นในปีนี้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยคนจนที่ช่องว่างทางสังคมเริ่มห่างออกไป เพื่อให้ภาคใหญ่ของประเทศผ่านวิกฤติไปด้วยกัน เช่น ร่วมสร้างโรงพยาบาลสนาม, ช่วยแคมป์คนงาน, ช่วยเหลือเกษตรกร, ช่วยช้างไทย ฯลฯ


โดยเฉพาะในด้านสังคม แสนสิริเดินหน้าสุดตัวบริจาคและสร้างโรงพยาบาลสนาม บริจาคภาครัฐให้คนเข้าถึงวัคซีนทั่วถึงและเท่าเทียม และช่วยเกษตรกรคนยากไร้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีน ด้วยการบริจาคเงินรวม 4 ล้านบาทให้ศูนย์วัคซีนกลางบางซื่อ ร่วมปูพรมฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มแก่พนักงาน-คู่ค้า-สังคม  ภายใต้กลยุทธ์ "แสนสิริและสังคม...คนละครึ่ง" 50% ของวัคซีนให้แก่พนักงานและครอบครัว ส่วนอีก 50% สู่คู่ค้า พันธมิตร และสังคม รวมทั้งจัดซื้อโมเดอร์นาเข็มที่ 3 ให้กับพนักงานรวม 6,000 คน 


ลดความเหลื่อมล้ำในการรักษาโควิด ด้วยการร่วมสร้างโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เช่น เร่งสร้างห้อง ICU ที่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม เสร็จภายใน 1 อาทิตย์ และกำลังเดินหน้าสร้างห้อง ICU เพิ่ม สร้างห้องอาบน้ำสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 มูลค่า 8 ล้านบาท และสร้างห้องอาบน้ำให้กับแพทย์และพยาบาล 40 ห้อง รวมทั้งยังบริจาคให้แก่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการรักษาและควบคุมการระบาดสม่ำเสมอ เช่น บริจาคเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือทางการแพทย์ 8 ล้านบาทแก่กระทรวงสาธารณสุข, บริจาครถตรวจโควิด ฯลฯ


ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ด้วยการช่วยสนับสนุนสินค้าเกษตรจากเกษตรกรทั่วประเทศ และทำแคมเปญช่วยเหลือ SME และซื้อของจาก SME ในธุรกิจก่อสร้างมากขึ้น ช่วยเหลือผู้เดือดร้อน อุดหนุนร้านค้ารายย่อยในชุมชน และดูแลชุมชนรอบโครงการ ตลอดจนดูแลแคมป์คนงานก่อสร้างอย่างเต็มที่ 


"ตอนนี้เป็นวาระแห่งชาติที่ทุกคนต้องช่วยกัน แสนสิริเชื่อมั่นว่า ควรยับยั้งความเหลื่อมล้ำที่จะเกิดขึ้น เพื่อสังคมจะฟื้นตัวอย่างอย่างยั่งยืน และอยากให้บริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ทุกแห่งมาช่วยกัน เพื่อประเทศไทยเราจะได้ฟื้นตัวและข้ามวิกฤติได้ โดยไม่ทอดทิ้งใครไว้แม้แต่คนเดียว "No One Left Behind" นายเศรษฐา กล่าว 

เศรษฐกิจไทยควรเดินต่ออย่างไร โดยไม่ทอดทิ้งใคร


"ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าวัคซีน ที่ต้องมีเพียงพอ จัดหาอย่างรวดเร็ว และการกระจายอย่างเสมอภาค รัฐบาลควรเตรียมวัคซีนช็อตที่ 3 เพื่อสร้างภูมิจากการรุกหนักของโควิดในรอบนี้ นอกจากนี้ต้องไม่ลืมมองข้ามช็อตไปถึงวัคซีนปีหน้าและปีถัดๆ ไปที่เราต้องเตรียมตัวเอาไว้ด้วย  เพราะโควิดจะเหมือนไข้หวัดใหญ่ที่ต้องฉีดวัคซีนทุกปี เรามีบทเรียนในปีนี้แล้ว ดังนั้น ในปีหน้าต้องประเมินปริมาณวัคซีนให้ดี ควรต้องสั่งเผื่อล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เท่าของจำนวนประชากร สำหรับตัวเลข 2 แสนล้านสำหรับค่าวัคซีนถึงแม้จะดูจำนวนมาก แต่อยากให้ภาครัฐ "ลงทุนกับสวัสดิภาพและความมั่นใจของประชาชนในระยะยาว" นายเศรษฐา กล่าว

สำหรับภาพเศรษฐกิจไทย ธนาคารโลกได้วิเคราะห์ไว้ว่า วิกฤติโควิดครั้งนี้ทำให้คนจนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 1.5 ล้านคน ซึ่งภาครัฐควรถือโอกาส "ยกการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นวาระแห่งชาติ" นอกจากนี้ แนวทาง "ทำอย่างไรให้ประเทศไทยฟื้นตัวเร็ว" มีมุมมองในด้านต่างๆ ดังนี้ 


"ควรเตรียมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่" เพราะแผนลงทุนโครงสร้างขนาดใหญ่กระตุ้นให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้างและการจ้างงานปริมาณมหาศาลตามมา ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐต้องหาเงินมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือคนที่ได้รับผลกระทบเพิ่มโดยเฉพาะ SME และธุรกิจท่องเที่ยว ผ่านการกู้เพิ่มและเก็บภาษีมรดกคนรวย ยกตัวอย่างที่ยุโรป สหรัฐอเมริกาออกแผนงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเรียบร้อยแล้ว โดย ประธานาธิบดี สหรัฐฯ โจ ไบเดน เปิดตัวแผนลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของสหรัฐฯ มูลค่ารวม 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่างบที่ใช้ช่วงวิกฤติเมื่อสิบกว่าปีก่อนถึง 4 เท่า ขณะที่ทางรัฐสภายุโรปก็เพิ่งอนุมัติงบประมาณ 3 หมื่นล้านยูโร ในการสนับสนุนโครงการด้านการขนส่ง ดิจิทัล และพลังงานจนถึงปี 2570 


ในประเทศไทย หากต้องลงทุนเพิ่มก็ต้องมีเงินทุน แหล่งเงินอย่างแรกที่รัฐบาลต้องพิจารณาก็คือ "การกู้" ที่ได้รับความเห็นชอบให้กู้เงินเพิ่มเป็น 1.5 ล้านล้านบาทแล้ว ควรต้องเดินหน้าเร่งกู้เงินเพื่อเตรียมใช้ในการลงทุน เพราะไทยต้องแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ที่เร่งกู้เพื่อฟื้นฟูประเทศเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ รัฐบาลควรต้องขอขยายสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 60% เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศที่มีการปรับอัตราสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สูงขึ้นแล้ว จากการที่ทุกประเทศต้องการเงินกู้เพื่ออัดฉีดเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมในประเทศของตัวเองเช่นกัน หากไทยไม่เร่งกู้ เงินในระบบจะถูกดูดไปหมดก่อน คล้ายกับกรณีวัคซีนที่จะหาทีหลังก็หาไม่ได้แล้ว 
ควรมีการปรับโครงสร้างการเก็บภาษี เพราะเป็นแหล่งรายได้ของรัฐ ที่จะถูกนำมา ใช้ในการชำระหนี้และดำเนินการบริหารโครงการต่างๆ ของประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับการเสนอแนะให้ปรับภาษีความมั่งคั่ง ที่ควรมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มจากผู้ที่มั่งคั่งกว่าในรูปแบบต่างๆ ให้เกิดภาวะการเงินที่สมดุลของประเทศ 


การพยุงราคาสินค้าและประกันราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และอ้อย รัฐบาลต้องช่วยรับภาระในการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรกลับไปสร้างผลิตผลทางการเกษตร แทนที่จะรอเงินช่วยเหลืออย่างเดียวและประชาชนจะได้พอเลี้ยงตัวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปได้
ควรเร่งแก้ปัญหาการบินไทยและพยุงสายการบินอื่นๆ ด้วย เพราะ GDP ไทย พึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสูงมาก ดังนั้นต้องเร่งแก้ปัญหาการบินไทยให้จบ และต้องใช้โอกาสนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ปรับองค์กรให้จบ และโปร่งใส เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ไทยจะได้มีสายการบินหลักที่มีประสิทธิภาพที่จะนำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยได้ 


มีมาตรการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ การลงทุนจากต่างชาติอั้นมาพอสมควรจากสถานการณ์ 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ปริมาณการลงทุนจะดีดตัวขึ้นแน่นอน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนนี้ไทยเริ่มโดนสิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซียทิ้งห่างไปเยอะ มาตรการดึงดูดการลงทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษีหรือสิทธิประโยชน์ที่ต้องตอบโจทย์บริษัทที่จะเข้ามาลงทุนก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลต้องรีบจัดการและประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจน 


การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาสู่ระบบการเมืองในสายตาประชาชน ไม่ว่าจะมีการปรับแก้ไขรายมาตราหรือจะแก้ทั้งฉบับก็ต้องหาทางออกให้ได้ เพราะเศรษฐกิจและการเมืองแยกกันไม่ขาด ถ้าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาแต่องค์ประกอบทางการเมืองยังเป็นชนวนของความขัดแย้งอยู่ ประชาชนก็จะไม่มีความมั่นใจ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็จะชะลอไปด้วย
#3203
ทำไม  ข้าวกล้องออแกนิค   (SURIN Organic Rice)  ถึงดีกว่าข้าวทั่วๆไปที่ใช้สารเคมีอย่างไร ?  ข้าวจังหวัดสุรินทร์ หรือ ข้าวออร์แกนิค (Organic Rice)  คือ  ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิคทีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติในนา  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออร์แกนิค ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์  สารเคที สารพิษ ยาฆ่าหญ้า ว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตของ ข้าวปลอดสารพิษ สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากการดัดแปลงพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม  เราเน้นปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในไร่นาหรือจากแหล่งอื่น ควบคุมโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานที่ไม่ใช้สารเคมี การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมมีความต้านทานโดยธรรมชาติ รักษาสมดุลของศัตรูธรรมชาติ การจัดการพืช ดิน และน้ำ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นข้าว เพื่อทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงตามธรรมชาติ การจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เป็นต้น มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญในทุกขั้นตอนการผลิตและการแปรรูป ข้าวหอมสุรินทร์

 
ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิคส่งทั่วไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook : https://www.facebook.com/Hor.Product
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ  ขายข้าวอินทรีย์ส่งทั่วไทย
1.   ข้าวหอมมะลิเกษตรอินทรีย์ 
2.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ
3.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  จำหน่ายข้าวหอมมะลิสุรินทร์ผสมหลายสายพันธุ์แท้ จากสุรินทร์
5.ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์
6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค
7. ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค #ข้าวออแกนิก  #ข้าวอินทรีย์ #ข้าวสุขภาพ
#3204


และแล้วเปลวเพลิงสัญลักษณ์ของโอลิมปิกเกมส์ 2020 ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้มอดดับลงแล้ว และจะกลับมาโชติช่วงสว่างไสวอีกครั้ง ในอีก 3 ปีข้างหน้า ที่มหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในฐานะเจ้าภาพโอลิมปิก PARIS 2024 ครั้งต่อไป ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 26 กรกฎาคม – 11 สิงหาคม 2024 

โดยการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในครั้งนี้ ชาวปารีสต้องรอนานถึงหนึ่งร้อยปี ในการได้กลับมาเป็นเจ้าภาพเกมกีฬาแห่งมนุษยชาตินี้อีกครั้ง หลังจากได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันไปแล้วเมื่อปี 1924 

ดังนั้น PARIS 2024 จึงคล้ายเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสครบ 100 ปีของการได้ทำหน้าที่เจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกอีกครั้ง ซึ่งไม่เพียงชาวฝรั่งเศสเท่านั้นที่ตื่นเต้นนับวันรอเท่านั้น เพราะเชื่อเถอะว่า ถ้าใครได้เห็นภาพจำลองสนามแข่งขันที่ทางฝรั่งเศสปล่อยออกมา ต่างเป็นต้องอยากเก็บกระเป๋ารอกันอย่างแน่นอน

เพราะจากภาพจำลองสนามแข่งขันบางส่วนใน PARIS 2024 ที่ปล่อยออกมานั้น บอกเลยว่า อลังการสะท้อนภาพของปารีส ผ่านสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมที่งดงาม โดยฝรั่งเศสเลือกใช้แลนด์มาร์คทางประวัติศาสตร์ที่เป็นภาพจำของปารีส มาปรับเปลี่ยนเป็นสนามกีฬาในโอลิมปิกชั่วคราวในครั้งนี้ แทนการสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่

ยกตัวอย่างเช่น กีฬาวอลเล่ย์.ชายหาดที่ควรจัดริมทะเล เจ้าภาพฝรั่งเศสก็ยกสนามแข่งมาอยู่กลางเมืองตรง ช็องเดอมาร์ส (Champ de Mars) ซะเลย โดยมีหอไอเฟลตั้งตะหง่านเป็นฉากหลัง อลังการสุดๆ


หรือตรงจัสตุรัสคองคอร์ดที่มีเสาโอเบลิสก์ จากประเทศอียิตป์ที่ได้ส่งมอบให้เป็นของขวัญแด่พระเจ้าชาร์ลที่ 10 ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น จะถูกสร้างอัฒจันทร์ชั่วคราวเป็นสถานที่แข่งกีฬาเอ็กซ์ตรีม อย่างสเกตบอร์ด จักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ บาสเก็ต. 3x3 และเบรกแดนซ์ กีฬาที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในโอลิมปิกครั้งนี้

ส่วนบริเวณพระราชวังแวร์ซาย จะถูกปรับให้เป็นสถานที่จัดแข่งขันขี่ม้า ประเภทศิลปะการบังคับม้า กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง และอีเวนติ้ง ท่ามกลางบรรยากาศของสวนสวยซึ่งเป็นไฮไลต์ของพระราชวังแวร์ซาย ได้ฟีลย้อนยุคไปยังสมัยศตวรรษที่ 17 ที่กีฬาขี่ม้าเป็นกิจกรรมที่นิยมของชนชั้นสูงและขุนนางในสมัยนั้น

อีกแลนด์มาร์กสำคัญอย่างแม่น้ำแซน ที่ไหลผ่านกลางเมืองปารีส ก็จะเป็นสถานที่แข่งว่ายน้ำสำหรับให้นักกีฬาไตรกีฬา รวมถึงกีฬาว่ายน้ำมาราธอนและกีฬาโต้คลื่น

สำหรับกีฬาฟันดาบ และกีฬาเทควันโดที่เป็นความหวังในการคว้าเหรียญของคนไทย ถูกจัดแข่งขันที่กร็องด์ ปาเลส์ ซึ่งเป็นอาคารสไตล์อาร์ตนูโวที่มีหลังคาโดมกระจก สร้างในปี 1900 โดยใช้เป็นที่จัดนิทรรศการและกิจกรรมทางวัฒนธรรม ซึ่งกร็องด์ ปาเลส์ในปัจจุบัน อยู่ในระหว่างบูรณะ เพื่อเตรียมพร้อมใช้งานในโอลิมปิก 2024

และนี่เป็นเพียงไฮไลต์ที่ทาง PARIS 2024 ปล่อยออกมาเรียกน้ำย่อย เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่คนทั้งโลก โอลิมปิกครั้งที่ 33 ที่ฝรั่งเศสจึงไม่ใช่เพียงเรื่องการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ได้เชื่อมโยงเสน่ห์ของเมืองปารีส สู่สายตาชาวโลกได้อย่างน่าติดตาม

อ้างอิง :  paris2024
#3205


ปฏิเสธไม่ได้ว่าความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญของ "ร้านค้าออนไลน์" พ่อค้าแม่ค้าในแวดวงออนไลน์จึงต้องศึกษาหาข้อมูลทั้งในแง่กลยุทธ์การขาย การบริการ ช่องทางการขาย วิธีโปรโมทร้าน รวมถึงวิธีส่งเสริมความน่าเชื่อถือทางด้านกฎหมายด้วย ซึ่งหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องรู้คือ "จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์"

ทำไม? ต้อง "จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์"
มีข้อมูลจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น ก็เพื่อให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ จากการมีสถานะตัวตนทางกฎหมาย และเพื่อเป็นประโยชน์ในการทำธุรกรรมกับหน่วยงานต่างๆ อีกทั้งยังจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค

โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอาศัยอำนาจตามกฎหมายทะเบียนพาณิชย์ กำหนดให้ผู้ขายสินค้าหรือบริการทางอินเทอร์เน็ต ทั้งเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์หรือ Social Media ต้องจดทะเบียนพาณิชย์การประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ผู้ประกอบการแสดงตนอย่างเปิดเผยต่อทางราชการ


ประโยชน์ของการ "จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์"
นอกจากการจดทะเบียนฯ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจแล้ว ยังมีประโยชน์อื่นๆ ต่ออาชีพ "ขายออนไลน์" ด้วย  ได้แก่

1. หลังจดทะเบียนฯ เจ้าของธุรกิจจะมีสิทธิ์ในการเข้ารับการอบรม ตามหลักสูตรที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนด ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาความรู้ด้านธุรกิจ การบริหารร้านค้า เรียนรู้เทคนิคการตลาดแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

2. ช่วยสร้างเครดิตให้กับ "ร้านค้าออนไลน์" ในสายตาของสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อเงินกู้ ยื่นขอกู้เงินทุนหมุนเวียน หรือแม้แต่การขอสินเชื่อเรื่องอื่นๆ ก็สามารถใช้ทะเบียนร้านค้าพาณิชย์เป็นหลักฐานประกอบการยื่นเอกสารทางการเงินได้เช่นกัน

3. ช่วยให้หน่วยงานภาครัฐเก็บข้อมูลสถิติร้านค้าออนไลน์ได้ง่ายขึ้น รัฐจะได้สามารถดำเนินการตามนโยบายทางเศรษฐกิจได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน, การช่วยเหลือผู้ประกอบการ, การสนับสนุนธุรกิจออนไลน์, การลงทุนต่างประเทศ ฯลฯ


หากไม่ "จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์" มีสิทธิ์ถูกปรับ
ผู้ค้าออนไลน์ทุกคนจะต้องรู้จัก "ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2553 มาตรา 5" ซึ่งบังคับให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจ ดังต่อไปนี้ ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ได้แก่ กิจการที่มีการซื้อ-ขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

หรือการบริการเป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนสามัญ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือบริษัทมหาชนจำกัดทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร)

ดังนั้น การขายสินค้าออนไลน์ จึงนับเป็นพาณิชยกิจที่ต้องจดทะเบียนตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับดังกล่าว


อีกทั้ง ผู้ค้าออนไลน์ต้องรู้จัก "พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499" เอาไว้ด้วย เนื่องจากเป็นกฎหมายที่กำหนดบทลงโทษไว้ในมาตรา 19 ที่ระบุว่า

หาก "ร้านค้าออนไลน์" ไม่จดทะเบียนตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้ หรือแสดงรายการเท็จ หรือไม่มาให้นายทะเบียนพาณิชย์สอบสวน ไม่ยอมให้ถ้อยคำ หรือไม่ยอมให้ทะเบียนพาณิชย์หรือพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบนั้น จะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และให้ปรับอีกวันละ 100 บาท จนกว่าจะจดทะเบียนแล้วเสร็จ

ใครบ้างที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์?
1. ผู้ขายสินค้า/บริการ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และ Social Media

2. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISP)

3. ผู้ให้เช่าพื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (WebHosting)

4. ผู้ให้บริการเป็นตัวกลางในการซื้อขายสินค้า/บริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต (E-Marketplace) เช่น Lazada Shopee ฯลฯ

โดยต้องขอจดทะเบียนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มค้าขาย ผู้ค้าต้องทำเว็บไซต์ที่จะใช้ขายสินค้าให้เรียบร้อย เช่น ลงรูปสินค้า คำบรรยาย ราคา วิธีชำระเงิน และวิธีจัดส่งให้ครบถ้วน

ขั้นตอนการยื่นจดทะเบียนฯ และเช็กจุดให้บริการ
ผู้ขายสินค้าหรือบริการผ่านทางออนไลน์ สามารถเดินทางไปจดทะเบียนพาณิชย์ ณ สำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตามที่ตั้งของสถานประกอบการหรือตามที่อยู่ของผู้ขาย โดยเอกสารที่จำเป็น ได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง สำเนาบัตรประชาชน รูปหน้าแรกของเว็บไซต์ (Print เป็นเอกสารเตรียมไปด้วย)

ส่วนขั้นตอนการยื่นจดทะเบียน และเอกสารสำคัญที่ใช้จดทะเบียนพาณิชย์เล็กทรอนิกส์  มีดังนี้

1. แสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง พร้อมแจ้งว่ามาจดทะเบียนฯ

2. ขอเอกสารแบบคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ (แบบ ทพ.)

3. กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์(เอกสารแนบแบบ ทพ.) กรอก 1 ใบต่อ 1 เว็บไซต์

4. เตรียมเอกสารที่ Print หน้าแรกของเว็บไซต์

5. วาดแผนที่ตั้งการประกอบพาณิชยกิจ

6. หนังสือรับรองการจดทะเบียนของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท (กรณีจดในนามนิติบุคคล)

7. กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาจดแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของทั้งผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ

วิธีขอเครื่องหมาย "DBD REGISTERED" รับรองธุรกิจออนไลน์
เมื่อพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ผ่านขั้นตอนการยื่นจดทะเบียนฯ เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็สามารถขอใช้เครื่องหมายรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่าเครื่องหมาย "DBD Registered" ได้เลย โดยเครื่องหมายนี้มีประโยชน์คือ ใช้แสดงความมีตัวตนในการประกอบธุรกิจ e-Commerce โดยแสดงไว้บนหน้าเว็บไซต์ร้านค้าของคุณ และสามารถคลิกตรวจสอบข้อมูลความมีตัวตนมายัง www.trustmarkthai.com ได้


สำหรับช่องทางในการยื่นขออนุญาตใช้เครื่องหมาย "DBD Registered" สามารถแจ้งขอใช้เครื่องหมายฯ ได้ที่ กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 0-2547-5960 หรือ เว็บไซต์ www.trustmarkthai.com หรือ ส่งเอกสารมาที่ e-Mail : e-commerce@dbd.go.th หรือ โทรสาร 0-2547-5973

NOTE : เครื่องหมายรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จะมีอายุการใช้งานเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่กรมอนุมัติให้มีกำหนดใช้

-------------------------

ที่มา : 

POST family

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
#3206


"สินิตย์"สั่งเดินหน้าช่วยผู้ประกอบการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้ประโยชน์จาก FTA ทำการส่งออกไปตลาดอาเซียน เผยมีหลายสินค้าที่มีศักยภาพ ทั้งผลไม้ อาหารทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางพารา และผ้าบาติก

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาออนไลน์ เรื่อง "รู้ลึกก่อนใคร โอกาสการค้าชายแดนใต้สู่ตลาดการค้าเสรีอาเซียน" และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ชี้ช่องเพิ่มโอกาสการค้าของจังหวัดชายแดนใต้กับตลาดอาเซียน" ว่า ได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศสร้างความตระหนักรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยให้ทำงานร่วมกับทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เร่งช่วยหาช่องทางให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ ผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของตลาด ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการหาตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ตามนโยบาย "ตลาดนำการผลิต"

สำหรับการจัดสัมมนาครั้งนี้ ได้ระดมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มาร่วมแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วม โดยวิทยากรมีทั้งผู้ส่งออกรายใหญ่ นักการตลาด ทูตพาณิชย์ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. และพาณิชย์จังหวัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้ามาชี้โอกาสการทำธุรกิจและการส่งออกสินค้าที่มีศักยภาพในพื้นที่ เช่น ผลไม้ (ทุเรียน ส้มโอ เงาะ ลองกอง มังคุด) อาหารทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางพารา และผ้าบาติก เป็นต้น เน้นตลาดมาเลเซีย อาเซียน และตลาดสินค้าฮาลาล และแนะนำแนวทางการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA สร้างแต้มต่อขยายส่งออกสินค้าในตลาดการค้าเสรี ที่ประเทศคู่ค้าได้ลดและยกเลิกการจัดเก็บภาษีศุลกากรให้กับสินค้าจากไทยแล้วเกือบทุกรายการ

"กระทรวงพาณิชย์มีความตั้งใจและมุ่งมั่นส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ของตลาด โดยเน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงวิธีการผลิตและแหล่งผลิตได้ โดยเฉพาะสินค้าอาหารที่ต้องมีใบรับรองด้านมาตรฐาน เพื่อให้ตลาดยอมรับ ผู้บริโภคเชื่อมั่น ซึ่งจะช่วยให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้ในราคาสูง และจะช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้ใช้ประโยชน์จาก FTA เป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขันทางการค้าขยายส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดสินค้าฮาลาลที่มีประชากรสูงกว่า 2,000 ล้านคน และมั่นใจว่าผู้เข้าร่วมสัมมนาจะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้และต่อยอดสำหรับวางแผนหาโอกาสจากตลาดใหม่ๆ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับสินค้าของไทยได้มากขึ้น"นายสินิตย์กล่าว

ในปี 2563 การค้าไทยกับอาเซียนมีมูลค่าสูงถึง 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกมูลค่า 6.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อเปรียบเทียบการส่งออกปี 2563 กับปีก่อนที่ความตกลงการค้าเสรีอาเซียนมีผลบังคับใช้ พบว่า การค้าของไทยกับอาเซียนขยายตัวถึง 843% และการส่งออกขยายตัวสูงถึง 1,135% สำหรับในช่วง 5 เดือของปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) การค้าไทยกับอาเซียนมีมูลค่า 45,267.41 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกมูลค่า 26,224.69 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 24.14%

ทั้งนี้ หากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) มีผลบังคับใช้ในต้นปี 2565 จะเป็นอีกหนึ่ง FTA สำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการและเกษตรกร สามารถใช้ประโยชน์ขยายการส่งออกไปตลาดสำคัญของไทย ทั้งอาเซียน จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่เดิม
 
#3207


"กัปตันคิม" คิม ยอน คยอง ซูเปอร์สตาร์ทีมลูกยางเกาหลีใต้ ประกาศเลิกเล่นทีมชาติทันที หลังแพ้ เซอร์เบีย 0-3 เซต ในรอบชิงเหรียญทองแดง วอลเลย์.หญิง โอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

โดย "กัปตันคิม" วัย 33 ปี ที่วืดเหรียญทองแดง "โตเกียวเกมส์" เผยว่า "นี้คือเกมสุดท้ายของฉันในฐานะผู้เล่นทีมชาติ มันน่าผิดหวังที่ต้องปิดฉากโอลิมปิกเกมส์แบบนี้ แต่ฉันเองก็ยังดีใจนะที่พาทีมมาถึงจุดนี้ได้ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเราจะได้มายืนอยู่ตรงนี้ แม้กระทั่งผู้เล่นบางรายในทีมของเราเอง"

"ปีนี้ฉันตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะต้องกลับบ้านเกิดโดยที่ไม่มีอะไรต้องเสียใจ และจากความพ่ายแพ้วันนี้ ฉันคิดว่าเราสามารถระบุได้ว่าจุดไหน เราต้องทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาทีมของเราไปสู่อนาคตที่ดี แต่จากการเตรียมตัวก่อนมาแข่งโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ถือว่าเราไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจกับการเดินทางมาไกล"

"ในฐานะกัปตันทีมชาติเกาหลีใต้ ฉันคิดว่าเราได้ฝากผลงานอันยิ่งใหญ่เอาไว้ที่โอลิมปิกเกมส์ 2020 และเราสมควรที่จะยิ้มให้กับมันมากกว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งทุกครั้งที่ได้เล่นในนามทีมชาติ"

สำหรับ คิม ยอน คยอง ถือเป็นสุดยอดนักกีฬาวอลเลย์.ของเกาหลีใต้ โดยเคยคว้าเกียรติยศมากมายในนามทีมชาติ อาทิ เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2014 (อินชอนเกมส์), เหรียญเงินเอเชียนเกมส์ 2010 (กวางโจวเกมส์) และเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ 2018 (จาการ์ตา-ปาเลมบัง) เป็นต้น
#3208
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 
#3209


การ์มิน ประเดิมตลาดครึ่งปีหลังด้วยการเปิดตัว "Garmin tactix Delta Solar Edition" คอนเซ็ปต์ BUILT FOR THE LONG MISSION นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นนี้มากับระบบจีพีเอส แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 120 วัน ในโหมดประหยัดพลังงาน ด้วยระบบชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ ดีไซน์เรียบหรูด้วยวัสดุพรีเมียม แข็งแรงตามมาตรฐาน MIL-STD-810 ของกองทัพสหรัฐ 

พร้อมฟีเจอร์และเทคโนโลยีที่เรียกใช้งานได้ง่าย ออกแบบมาเพื่อการปฏิบัติภารกิจลับ การฝึกซ้อมแบบยุทธวิธี พร้อมยกระดับประสบการณ์กิจกรรมกลางแจ้งด้วยฟีเจอร์ออกกำลังกายและติดตามสุขภาพแบบจัดเต็ม เอาใจผู้ที่หลงใหลในความคล่องตัว และสายเอาท์ดอร์แอดเวนเจอร์ วางจำหน่ายในราคา 37,390 บาท 

การ์มิน ระบุว่าเตรียมรุกเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการทำมิชชั่นมีการใช้งานแบบเฉพาะตัวมากขึ้น กับจุดเด่นในเรื่องของแฟชั่นการดีไซน์ที่ทำให้ดูคล่องตัว มาตรฐานในการเลือกใช้วัสดุ ความง่ายในการเรียกใช้งานของแต่ละฟีเจอร์ และเทคโนโลยีการชาร์จด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่ช่วยให้ระยะเวลาการใช้งานของสมาร์ทวอทช์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น



Garmin tactix Delta Solar Edition มาพร้อมหน้าจอเลนส์แซฟไฟร์ และกรอบเคลือบคาร์บอนคุณสมบัติแข็งแกร่งคล้ายเพชรช่วยป้องกันรอยขีดข่วน หน้าจอดิสเพลย์ขนาดใหญ่ 1.4 นิ้ว ถือได้ว่าเป็นนาฬิกาหน้าปัดกลมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของการ์มิน ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการใช้งานในทุกสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ตามมาตรฐาน MIL-STD-810 ของกองทัพสหรัฐ

อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ยุทธวิธีสำหรับการฝึกซ้อมและปฏิบัติภารกิจลับ ไม่ว่าจะเป็น โหมด Night Vision Capacity โหมดการใช้งานที่ทำให้สามารถมองเห็นหน้าจอได้เมื่อสวมใส่ Night Vision Goggles โหมด Stealth เพื่อการหยุดบันทึกและแชร์ตำแหน่ง GPS รวมถึงหยุดการเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้สาย ฟีเจอร์ Kill Switch ลบข้อมูลเพื่อความปลอดภัย โหมด Jumpmaster โหมดการคำนวนความสูง นำทาง และคำนวนจุดปล่อยตัวและลงจอดเพื่อการกระโดดร่ม

รวมไปถึงโหมด Dual-Format GPS ระบุตำแหน่งพร้อมกัน 2 ค่าที่มาพร้อมแผนที่ topographic เพื่อการระบุตำแหน่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งยังมาพร้อมกระจกแซฟไฟร์ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 120 วัน ในโหมดประหยัดพลังงาน


นอกเหนือไปจากความสามารถในการซัพพอร์ตการฝึกซ้อมและการปฏิบัติภารกิจลับ ยังเป็นสมาร์ทวอทช์จีพีเอสระดับพรีเมียมที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็น ปีนเขา วิ่งเทรล ปั่นจักรยาน กอล์ฟ สกี และดำน้ำ รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่สำคัญ เช่น ฟีเจอร์วัดค่าการใช้ออกซิเจนของร่างกายเมื่อออกกำลังอย่างเต็มกำลัง (VO2 max)

ฟีเจอร์ติดตามและแนะนำการวิ่ง PacePro ฟีเจอร์ติดตามการเต้นของหัวใจ Heart Rate Tracking และ ฟีเจอร์ติดตามระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด Pulse Ox Blood Sensor สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับเพื่อรับการแจ้งเตือนการโทรเข้าออก ข้อความ และปฏิทินนัดหมาย จัดเก็บเพลงโปรด รวมทั้งเชื่อมต่อ Garmin Pay เพื่อการชำระเงินแบบปราศจากการสัมผัส (Contactless)

ด้านการออกแบบมาในรูปลักษณ์ดีไซน์เรียบหรูวัสดุพรีเมียม และยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงทนทาน หน้าจอและปุ่มกดขนาดใหญ่ จึงทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวก มาพร้อมสายรัดข้อมือไนลอนและสายซิลิโคนสีดำ ให้ผู้ใช้เลือกใช้งาน ตอบโจทย์การใช้งานแบบสมบุกสมบันทุกภารกิจ ด้วยสีดำทั้งตัวเรือนสามารถเข้าได้กับการแต่งตัวทุกลุค
#3210


"เรือใบสีฟ้า" ตกเป็นข่าวกับปีกตัวเก่งทีมชาติอังกฤษมาอย่างยาวนาน ก่อนที่ทีมจะบรรลุข้อตกลงกับ แอสตัน วิลล่า ปิดดีลดึง กรีลิช มาร่วมทัพได้สำเร็จ ซึ่งเจ้าตัวจะเซ็นสัญญาอยู่โยงกับทีมไปจนถึงปี 2027 และจะได้สวมเสื้อหมายเลข 10 แทนที่ของ เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลน่า 

การย้ายทีมครั้งนี้ของ แจ็ค กรีลิช ทำให้เขามีค่าตัวเป็นสถิติใหม่ของเกาะอังกฤษ ที่ 100 ล้านปอนด์ หรือประมาณ หรือประมาณ 4,600 ล้านบาท ทุบสถิติเดิมที่ พอล ป็อกบา เคยทำเอาไว้ หลังย้ายจาก ยูเวนตุส กลับมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ค่าตัว 93.25 ล้านปอนด์

"ผมมีความสุขอย่าไม่น่าเชื่อที่ได้ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้" กรีลิช เริ่มกล่าว

"ซิตี้ เป็นทีมที่ดีที่สุดในประเทศ ณ เวลานี้ โดยมีผู้จัดการทีมที่ว่ากันว่าดีที่สุดในโลก เหมือนความฝันที่เป็นจริงที่ผมได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้"

"ตลอดระยะเวลา 10 ฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาคว้าแชมป์ได้อย่างต่อเนื่อง เป๊ป ช่วยทำให้พวกเขาก้าวขึ้นไปอีกระดับ ฟุต.ที่นี่มันน่าตื่นเต้นที่สุดในยุโรป การลงเล่นภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป ถือเป็นเรื่องที่ดี ผมจะได้เรียนรู้จากเขา ถือเป็นสิ่งที่พิเศษ และนักฟุต.ทุกคนก็ต้องการ"

"ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าทึ่งมากๆ ผมรอแทบไม่ไหวแล้วที่จะได้เริ่มพบปะกับทุกคนที่นี่" เจ้าของค่าตัวแพงที่สุดในเกาะอังกฤษคนใหม่ ทิ้งท้าย
#3211


เกาะติดกรณีการแจกเงินเยียวยา แรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในกลุ่ม 9 อาชีพ ใน 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ที่ประกาศ ล็อกดาวน์ โดยประกันสังคม เปิดลงทะเบียนผ่าน www.sso.go.th 

โดยวันนี้ สำนักงานประกันสังคม ประกาศ โอนเงิน "ช่วยเหลือเยียวยาโควิด" ให้แก่ ผู้ประกันตน มาตรา 33 (ม.33) ผ่าน "พร้อมเพย์" ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน โดยจะโอนเงินให้วันละ 1 ล้านคน ซึ่งทางกระทรวงแรงงานได้เริ่มจ่าย "เงินเยียวยา" ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. 64 เป็นต้นมานั้น

เช็คสิทธิรับเงินเยียวยา ผ่านออนไลน์ คลิก  


ผู้ประกันตน ม.33 

รับเงินเยียวยา 2 ส่วน คือ เงินชดเชย 50% ของค่าจ้าง สูงสุด 7,500 บ. และเงินชดเชยเพิ่มเติมอีก 2,500 บาท ระยะเวลา 2 เดือนคือในเดือน ก.ค. - ส.ค. รวม 5,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 4 - 6 ส.ค. 64 วันละ 1 ล้านราย โดยจะดำเนินการทยอยโอนเงินผ่าน "พร้อมเพย์" 

ยกเว้น พื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม อีก 3 จังหวัดที่ประกาศเพิ่มเติม ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และอยุธยา จะดำเนินการโอนเงินเยียวยาในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ต่อไป

นายจ้าง ม.33

รับเงินเยียวตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุด 200 คน ภายในวันที่ 6 ส.ค. 64 

ยกเว้น พื้นที่จังหวัดสีแดงเข้มอีก 3 จังหวัดที่ประกาศเพิ่มเติม ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และอยุธยา จะดำเนินการโอนเงินเยียวยาในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ต่อไป


'พยากรณ์อากาศกรมอุตุนิยมวิทยา' วันนี้มีฝนฟ้าคะนอง 36 จังหวัด รับมือมรสุม
Cluster Concepts – ว่าด้วยกรอบระเบียงเศรษฐกิจที่สอง หรือสาม หรือสี่ ..... ตอนที่ 2
โควิดหนุนเงินดิจิทัลโต-กัมพูชาเล็งเลิกพึ่งดอลล์สหรัฐ
ทั้งนี้ หาก "ผู้ประกันตน ม.33" ยังไม่ได้เงินเยียวยา 2,500 บาท ในวันที่ 4-6 สิงหาคม 2564 ทางประกันสังคมจะทยอยโอนเงิน แนะนำรอตรวจสอบในวันถัดไป

ขณะที่ "ผู้ประกันตน ม.33" สงสัยว่าทำไมอยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 แล้วไม่ได้รับสิทธิ​ ทางประกันสังคม ชี้แจงว่า มาตรการเยียวยานายจ้าง และผู้ประกันตน รวมทั้งอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยเพิ่มจากเดิม 10 จังหวัดเป็น 13 จังหวัด 9 ประเภทกิจการ

(1) ก่อสร้าง
(2) กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร
(3) กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ
(4) กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ ตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
(5) การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
(6) การขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์
(7) กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน
(กิจกรรมวิชาชีพวิทยาศาสตร์ และกิจกรรมทางวิชาการ
(9) สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร
ตรวจสอบสาเหตุต้องติดต่อสำนักงานประกันสังคมพื้นที่ ที่รับผิดชอบโดยตรง

ที่มา :สำนักงานประกันสังคม
#3212


นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ กพอ. เป็นประธานเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมาได้พิจารณา แก้ปัญหาซ้อนทับ โครงการรถไฟความเร็วเชื่อมสามสนามบิน และโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย- จีน ในช่วงบางซื่อ ถึง ดอนเมือง ซึ่งใช้โครงสร้างโยธาร่วมกัน แต่เวลาการก่อสร้างและมาตรฐานเทคนิคไม่สอดคล้องกัน

ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว สกพอ. กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเจรจาเอกชนคู่สัญญาทำข้อเสนอการแก้ไขสัญญาร่วมทุน เพื่อให้เอกชนเร่งก่อสร้างช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง 

โดยจะเจรจาให้เอกชนรับพื้นที่และเริ่มงานก่อสร้างโยธาให้ได้มาตรฐานเร็วกว่ากำหนด เพื่อให้โครงการรถไฟไทย-จีน ใช้เส้นทางดอนเมือง-บางซื่อได้ภายในเดือน ก.ค.2569

รวมทั้งเอกชนคู่สัญญาจะรับผิดชอบออกแบบและก่อสร้างงานโยธา รวมงานทางวิ่งของโครงการรถไฟไทย-จีน ช่วงบางซื่อ-ดอนเมืองด้วย 

ทั้งนี้ยังให้ยึดข้อตกลงทั้งมาตรฐานและระยะเวลาของรถไฟไทย-จีนเป็นหลัก เพื่อแก้ปัญหาความไม่สอดคล้องระยะเวลา และด้านเทคนิคให้รองรับทั้ง 2 โครงการ โดยจะหาแนวทางร่วมกับเอกชนคู่สัญญาในส่วนการปรับหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนของรัฐ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นกับเอกชนคู่สัญญาอย่างเหมาะสม โดยยึดหลักไม่ให้เกิดงบประมาณเพิ่มเติม และแผนก่อสร้างทั้ง 2 โครงการมีประสิทธิภาพสูงสุด

ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ อีอีซี โครงการ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน การส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนคู่สัญญามีความคืบหน้า 86% แล้ว และพร้อมส่งมอบทั้งหมดภายในเดือนกันยายน 2564 คู่ขนานไปกับการยกระดับ แอร์พอร์ต เรลลิงก์ โฉมใหม่ ที่ผู้โดยสารจะได้รับบริการ ที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเป็นโครงการที่เป็นการลงทุนของภาคเอกชนโดยเอกชนผู้รับสัมปทานคือบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยได้มีการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจขึ้นมาบริหารโครงการในชื่อ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด

จัดตั้งเพื่อขึ้นเซ็นสัญญาร่วมทุนสัมปทาน 50 ปี โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. และแอร์พอร์ตลิงก์ ทุนจดทะเบียน 4,000 ล้านบาท
#3213


เลขานุการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) แจงตลาดหลักทรัพย์ ยันไม่ได้ให้ข้อมูลการทำสัญญา หรือจะทำสัญญาซื้อวัคซีนไฟเซอร์ ร่วมกับกระทรวงกลาโหม และไม่ได้ใช้เงินสด เงินกู้ หรือทรัพย์สินของบริษัทฯ วางมัดจำหรือค่าปรับมัดจำวัคซีน อีกด้านไม่สามารถเปิดเผยจำนวนวัคซีน และระยะเวลาการนำเข้าได้ อ้างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

วันนี้ (5 ส.ค.) น.ส.สุวดี พันธุ์พานิช เลขานุการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือถึงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้แจงการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 เทคโนโลยี mRNA (เพิ่มเติม) ระบุว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ("สำนักงาน ก.ล.ต.") มีหนังสือลงวันที่ 4 สิงหาคม 2564 โดยใช้อำนาจมาตรา 58(1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ("พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ") ให้ผู้บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") ชี้แจงข้อมูลและนำส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และเปิดเผยคำชี้แจงดังกล่าวผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่ในหนังสือ

บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้รับหนังสือจาก สำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว โดยจะดำเนินการชี้แจงโดยละเอียดตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยขอให้ข้อมูลเบื้องต้นได้ดังนี้

1. บริษัทฯ "ไม่ได้ให้ข้อมูลการทำสัญญาหรือจะทำสัญญาร่วมกับกระทรวงกลาโหม" ตามที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐเพื่อร่วมกันนำเข้าวัคซีนจริง โดยจะเปิดเป็นเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้สำนักงาน ก.ล.ต.

2. บริษัทฯ ไม่ได้ใช้เงินสด เงินกู้ หรือทรัพย์สินของบริษัทฯ ในการวางมัดจำหรือค่าปรับมัดจำวัคซีน

3. วัคซีนจำนวน 20 ล้านโดส ที่ได้มีการเจรจากับผู้แทนจำหน่ายแล้วนั้น ยังไม่มีการลงนามสั่งซื้อจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตามระเบียบของรัฐ แต่บริษัทฯ ยังไม่ละทิ้งความพยายาม โดยจำนวนวัคซีน และระยะเวลาการนำเข้าวัคซีนไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

อนึ่ง ขอเรียนให้ท่านทราบว่า "แม้บริษัทฯ ไม่ใช่ผู้มีหน้าที่ในการดำเนินการสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ตามกำหนดของรัฐ" แต่เป็นการ "ทำหน้าที่ในฐานะเอกชนและพลเมือง" ที่ไม่เพิกเฉยต่อสถานการณ์การระบาดของโรคที่มีในปัจจุบัน เพื่อช่วยให้วิกฤตนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ราคาหุ้น THG วานนี้ (4 ก.ค.) ปิดตลาดอยู่ที่ราคา 28.25 บาท ลดลงมา 2.50 บาท หรือ 8.13% โดยพบว่าเปิดตลาดราคาหุ้นดิ่งลงมาจากราคา 30.75 บาท ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นมา
#3214



ความหวังที่ว่าอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกจะเริ่มฟื้นตัว เพราะหลายประเทศเริ่มเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะดูเหมือนสายการบินอเมริกันหลายแห่งเริ่มมีรายได้เข้ามาแต่สายการบินในเอเชีย โดยเฉพาะสายการบินชั้นนำของญี่ปุ่นกลับขาดทุน

เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า สายการบินเจแปน แอร์ไลน์ (เจเอแอล)เผยตัวเลขขาดทุนสุทธิ 5.792 หมื่นล้านเยน (531 ล้านดอลลาร์) ในไตรมาสที่ 2/2564 สวนทางกับบรรดาสายการบินอเมริกันหลายแห่ง ทั้งเดลตา แอร์ไลน์ และอเมริกัน แอร์ไลน์ที่รายได้เพิ่มขึ้น

ถึงแม้เจเอแอลขาดทุนแต่ก็เป็นตัวเลขขาดทุนสุทธิที่ลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความพยายามลดต้นทุนของบริษัทโดยบริษัทเคยขาดทุนสูงถึง 9.371 หมื่นล้านเยนในไตรมาสที่ 2/2563 ซึ่งถือเป็นการขาดทุนมากที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส นับตั้งแต่บริษัทจดทะเบียนใหม่เมื่อปี 2555 ส่วนยอดขายขยายตัว 74.1% จากปีที่แล้ว อยู่ที่ 1.3303 แสนล้านเยน

อย่างไรก็ตาม เจเอแอลไม่ได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการสำหรับปีงบการเงิน 2564 โดยระบุถึงความไม่แน่นอนของธุรกิจ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การจราจรทางอากาศยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาด แต่จำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ของสายการบินขยับขึ้น

ถึงอย่างนั้น เจเอแอลก็มองว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจยังไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากผลกระทบที่ยืดเยื้อของวิกฤตสุขภาพทั่วโลก แต่มีความหวังมากขึ้นว่าธุรกิจการบินจะฟื้นตัวจากอุปสงค์ด้านการเดินทางภายในประเทศ และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน

จำนวนผู้โดยสารสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าอยู่ที่ 2.71 ล้านคนเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่อุปสงค์ด้านการเดินทางลดลง เนื่องจากญี่ปุ่นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ

แต่ไม่ได้มีแค่เจเอแอลเท่านั้นที่ประสบปัญหาในการสร้างรายได้และผลกำไร สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สายการบินแควนตัส ของออสเตรเลียก็เจอปัญหาเช่นกันจากผลพวงของโรคโควิด-19 ทำให้สายการบินต้องปรับลดเที่ยวบินจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่เกือบ 100% ของระดับก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด ลงเหลือน้อยกว่า 40% ในเดือนก.ค. เพราะมาตรการล็อกดาวน์ที่รัฐบาลออสเตรเลียประกาศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา

ซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของออสเตรเลียได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และคาดว่าทางการซิดนีย์จะยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์ต่อไปนานกว่า 3 สัปดาห์ ขณะที่หน่วยงานสาธารณสุขออสเตรเลียก็เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างรวดเร็วที่สุด

"ดูจากยอดผู้ติดเชื้อในขณะนี้ ผมคาดว่าซิดนีย์จะยังคงปิดพรมแดนต่อไปอย่างน้อย 2 เดือน" "อลัน จอยซ์" ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)สายการบินแควนตัส กล่าว

นอกจากลดเที่ยวบินแล้ว แควนตัสยังตัดสินใจให้พนักงานประมาณ 2,500 คนพักงานเป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือนโดยงดจ่ายค่าตอบแทน

สายการบินระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อนักบินประจำเที่ยวบินภายในประเทศ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และพนักงานประจำท่าอากาศยานในรัฐนิวเซาท์เวลส์

ส่วนสายการบินยุโรปก็เจอชะตากรรมคล้ายกัน โดยอินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์ส กรุ๊ป (ไอเอจี)บริษัทแม่ของบริติช แอร์เวย์ส รายงานตัวเลขขาดทุนหลังหักภาษีในไตรมาส2 อยู่ที่ 981 ล้านยูโร (1,160 ล้านดอลลาร์)โดยอ้างถึงผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19

สวนทางกับบรรดาสายการบินรายใหญ่ๆของสหรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนไปแล้ว 70% เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวให้เห็น โดยสายการบินรายใหญ่ 3 รายอันได้แก่ สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เดลตา แอร์ไลน์ และอเมริกัน แอร์ไลน์มีกำไรสุทธิรวมกัน 237 ล้านดอลลาร์สำหรับไตรมาสล่าสุด โดยสายการบินสองรายสุดท้ายมีกำไรเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2563 ​

ผลกำไรของสายการบินชั้นนำทั้งสามแห่งเป็นผลมาจากการเดินทางภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยผู้โดยสารในสหรัฐใช้บริการเที่ยวบินในประเทศเดือนมิ.ย.ปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 85% เทียบกับในญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนเพียง 32%

ขณะที่สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ(ไออาต้า)ระบุว่า การจราจรทางอากาศระหว่างประเทศในยุโรป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินข้ามพรมแดนระยะสั้นๆมีสัดส่วนแค่ 31% ของจำนวนเที่ยวบินข้ามพรมแดนเมื่อสองปีก่อน
#3215


ประเทศไทยได้ก้าวสู่ยุคแห่งนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยุคที่ทั้งผู้คนและภาคธุรกิจต่างยอมรับเทคโนโลยีขั้นสูงต่าง ๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงกระนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่ารวดเร็วเสียจนบางทีก็เร็วเกินกว่าเมืองที่เราอาศัยอยู่จะปรับตัวได้ทัน

อีกเพียงไม่นาน ประเทศไทยจะขยับเข้าใกล้ความเป็นไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งผู้บริหารของเมืองต่าง ๆ ในประเทศกำลังมองหาหนทางที่จะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาพื้นที่ในปกครองของตน สิ่งนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ปรากฏอยู่ในแผนงานพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City Plan) ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาเมือง 100 แห่งทั่วประเทศไทยให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะภายในปี 2565 และยังช่วยให้ประเทศได้ตระหนักถึงเป้าหมายในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

กระนั้นก็ดี การแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้ดิสรัปชั่นดังกล่าวเป็นไปอย่างรวดเร็วและชัดเจนยิ่งขึ้น การพัฒนาเมืองอัจฉริยะไม่สามารถให้ความสำคัญแต่เพียงเรื่องของการเปลี่ยนสู่ความเป็นดิจิทัลเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สามารถปรับระดับขีดความสามารถ และสามารถใช้ในสถานการณ์จริงได้ด้วย

การแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ได้สอนพวกเราว่าความยั่งยืนควรเป็นปัจจัยสนับสนุนในการก่อร่างสร้างตัวของเมืองอัจฉริยะ ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้เมืองเหล่านั้นจะต้องเข้าถึงจุดที่เป็นสามารถเชื่อมต่อหากันได้ทุกมิติ (hyperconnected maturity)

อะไรที่ช่วยทำให้เมืองเกิดการเชื่อมต่อในทุกมิติได้

โดยพื้นฐานนั้น เมืองที่มีการเชื่อมต่อในทุกมิติ หรือ hyperconnected city จะสามารถปลดล็อคค่านิยมทางด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ และสังคมที่มีความสำคัญได้ด้วยการผลักดันการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเปลี่ยนแปลงและเชื่อมต่อในจุดที่สำคัญต่อระบบนิเวศเมืองให้กับประชากรด้วยความรอบคอบ สิ่งที่ทำจะต้องเป็นมากกว่าแนวความคิดทั่วไปของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่ง hyperconnected city จะให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี ขณะเดียวกันก็ยังเชื่อมต่อกับหน่วยงานรัฐบาล สถานประกอบการธุรกิจ สถาบันการศึกษา และประชาชน เพื่อปรับปรุงพัฒนาในการส่งมอบบริการอัจฉริยะต่าง ๆ ซึ่งทำได้โดยผ่านการกำหนดองค์ประกอบหลักทั้งสี่ ที่เมืองเหล่านั้นจะสามารถรับรู้ถึงผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

แต่ว่าเราจะประเมินความแข็งแกร่งของการเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบทั้งสี่ในเมือง ๆ หนึ่งได้อย่างไร และองค์ประกอบสี่อย่างนั้นมีอะไรบ้าง จากรายงานเรื่อง Building a Hyperconnected City ที่โนเกียได้ทำงานร่วมกับ ESI ThoughtLab การเชื่อมต่อจะต้องถูกประเมินโดยพิจารณาสี่องค์ประกอบหลักของการเปลี่ยนแปลงเมือง ได้แก่ เทคโนโลยี ข้อมูลและการวิเคราะห์ ความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ และประชากรที่เชื่อมโยงถึงกัน



บนพื้นฐานขององค์ประกอบหลักทั้งสี่นั้น เราระบุได้ว่าในปัจจุบันภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมี 20 เมืองที่สามารถถูกจัดกลุ่มให้เป็น hyperconnected city ได้ ขณะที่แต่ละเมืองได้เข้าถึงบางส่วนของการเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบหลักต่าง ๆ นั้น เมืองเหล่านั้นก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่จากระดับวุฒิภาวะในการเข้าถึงการเชื่อมต่อที่ต่างกัน อย่างเช่นกรุงเทพมหานครก็เป็นหนึ่งในเมืองเหล่านั้นและได้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมีการดำเนินการที่เหมาะสมและเป็นลำดับขั้นตอนอย่างไรในการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ ถึงอย่างไรก็ตาม เมืองไทยยังเฝ้ารอโอกาสในการส่งเสริมการพัฒนาในขอบเขตที่กว้างขวางขึ้น ดังเห็นได้จากความพยายามที่จะพัฒนาพื้นที่สำคัญ ๆ ของประเทศ อย่างโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ที่เป็นความร่วมมือขององค์กรภาครัฐและเอกชน ผู้บริหารเมือง เอ็นจีโอ และสถาบันการศึกษา

การยอมรับ IoT ของประเทศไทย

Hyperconnected city ทั้งหลายกำลังขยายขอบข่ายการใช้งานเทคโนโลยีขั้นสูงไปทั่วทั้งระบบนิเวศเมือง ขณะนี้ทั้ง 20 เมืองที่กล่าวถึงข้างต้นกำลังเร่งเดินหน้าให้เกิดการยอมรับความก้าวหน้านี้ด้วยการปรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล การสื่อสารโทรคมนาคม และโซลูชั่นเทคโนโลยีด้าน Mobility เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบองค์รวม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีไอโอที (IoT: Internet of Things) และการยอมรับเทคโนโลยีดังกล่าวในเมืองต่าง ๆ ทั่วเอเชียทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา ที่มุ่งไปสู่ความเจริญแบบเมืองอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประชากรมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น และคนอาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ความยั่งยืนในแบบเมืองจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างสถานที่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและปลอดภัยต่อการอยู่อาศัยและทำงานให้กับชาวเมือง และ IoT สามารถช่วยให้เมืองเหล่านี้ใช้เครื่องมือดิจิทัลที่สามารถช่วยเพิ่มศักยภาพการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน (และในอนาคต) ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด

ประเทศไทยกำลังขยายการใช้งาน IoT ให้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว การยอมรับการใช้งานในขอบข่ายนี้ได้รับความสนใจอย่างมากในภาคส่วนหลัก ๆ ของประเทศ อาทิ ภาคการผลิต โลจิสติกส์ และการขนส่ง ที่ยังนับรวมไปถึงด้านบริการสาธารณะต่าง ๆ ด้วย เช่น มาตรการที่เคยดำเนินการโดยบริษัทไปรษณีย์ไทยที่จะประยุกต์ใช้งาน IoT ในการสร้างกล่องไปรษณีย์อัจฉริยะ (smart mailboxes) ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบริการไปรษณีย์ทั่วประเทศ

จากงานวิจัยของโนเกีย กรุงเทพฯ และเมืองอื่น ๆ อีก 19 แห่งที่ได้รับการสำรวจ ต่างมองหาลู่ทางที่จะขับเคลื่อนการใช้งาน IoT ต่อไปในระยะสามปีข้างหน้านี้ เมืองเหล่านี้เองยังได้มีการจัดให้ IoT มีความสำคัญในลำดับต้น ๆ ในแง่ของการสร้างข้อมูลที่มีประโยชน์ที่สามารถนำไปใช้งานเพื่อการปรับพัฒนาการบริหารจัดการเมืองให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

เพิ่มศักยภาพความเป็นเมืองอัจฉริยะของไทยด้วยการบริหารข้อมูล

Hyperconnected city ทั้งหลายใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่าง IoT เพื่อกระตุ้นการใช้ข้อมูลที่หลากหลายในวงกว้างให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ที่มีส่วนร่วมในการบริหารเมือง ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลแบบดั้งเดิม อาทิ ข้อมูลที่รวบรวมมาจากส่วนงานต่าง ๆ ของเมือง สถานประกอบการท้องถิ่น และการสำรวจประชากร และข้อมูลรูปแบบใหม่ เช่น จากระบบตรวจจับด้วย IoT ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแม้กระทั่งที่ได้มาจากโซเชียลมีเดีย

ด้วยการผสานการใช้งานทั้งเทคโนโลยีขั้นสูงและข้อมูลที่นำไปใช้ได้จริงจากแหล่งต่าง ๆ hyperconnected city จะช่วยพัฒนาการบริหารและความยั่งยืนของเมืองได้ ตัวอย่างเช่น เมืองส่วนใหญ่ที่เราได้ทำการสำรวจไปนั้นมีการปรับใช้ข้อมูลเพื่อบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคม โดยขณะที่กึ่งหนึ่งกำลังใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ในด้านบริการและระบบทางด้านการเงิน การรับส่งข้อมูลแบบเคลื่อนที่ (mobility) และการคมนาคมขนส่ง เช่นเดียวกับงานระบบรักษาความปลอดภัย (ทั้งทางกายภาพและดิจิทัล) ขณะเดียวกัน ส่วนที่สามของการใช้งานข้อมูลเหล่านั้นก็เป็นไปในเรื่องของความปลอดภัย การสาธารณสุข และการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนในเมืองนั้น ๆ

สำหรับประเทศไทย มีความพยายามที่จะผลักดันให้เกิดการใช้งานข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมชัดเจนยิ่งขึ้นในเมืองต่าง ๆ ซึ่งสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด คือไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงในหัวเมืองใหญ่ ๆ อย่างเช่นกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในอีกหลาย ๆ จังหวัด เช่น ชลบุรี และ ระยอง เป็นต้น

Hyperconnectivity - เมื่อการเชื่อมต่อในทุกมิติช่วยสร้างผลกำไรตอบแทนได้มากยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากการรับมือกับความท้าทายในเรื่องความยั่งยืนของเมืองโดยตรงแล้ว ผู้บริหารเมืองนั้น ๆ ยังต้องกระตุ้นให้เกิดการลงทุนสำหรับเมืองอัจฉริยะเพื่อสร้างผลกำไรตอบแทนให้ได้มากที่สุด เราเชื่อว่าการจะก้าวสู่สภาวะที่สามารถเชื่อมต่อได้ในทุกมิตินั้น เมืองอัจฉริยะจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการที่สร้างผลตอบแทนที่จับต้องได้โดยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจ เศรษฐกิจ การเงิน สังคม และสิ่งแวดล้อม



อย่างไรก็ดี เมืองทั้งหลายยังต้องทำความเข้าใจว่าการลงทุนในเรื่องอะไรที่จะสามารถสร้างผลกำไรตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดได้ โดยอ้างอิงจากงานวิจัย โครงการธรรมาภิบาล ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในบรรดาการลงทุนด้านอื่น ๆ ภายในระบบนิเวศเมือง ขอยกตัวอย่างโดยเลือกโครงการที่เกี่ยวกับธรรมาภิบาลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับเมืองต่าง ๆ ที่พึ่งจะเริ่มนำโซลูชั่นเพื่อการเชื่อมต่อแบบครบวงจรมาใช้งานจะเห็นว่ามีตัวเลขผลกำไรตอบแทนโดยเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.6 ในขณะที่หัวเมืองชั้นนำที่มีความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวมากกว่า ตัวเลขผลกำไรตอบแทนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ร้อยละ 5.6 และไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่ในทางกลับกัน hyperconnected city ที่อยู่ในการสำรวจของเรายังเป็นเมืองที่มีการให้บริการต่าง ๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-service) และโปรแกรมต่าง ๆ ในระดับสูงที่ช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าในการใช้ชีวิตแบบคนเมือง ดังนั้น เมื่อเมืองต่าง ๆ มีการเชื่อมต่อที่เข้าถึงได้ในทุกมิติมากขึ้น เครือข่ายที่เชื่อมต่อนั้นจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่หลากหลายได้ด้วย

กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองที่มองหาโอกาสเพื่อดึงการลงทุนที่มีมูลค่าสูงให้เพิ่มมากขึ้นผ่านโร้ดแม็ปของแผนยุทธศาสตร์ชาติไทยแลนด์ 4.0 ที่รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในด้านบริการสาธารณะ การคมนาคมขนส่ง และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้ผลักดันการสาธารณสุขของประเทศสู่อนาคตด้วยการเริ่มนำบริการด้านสุขภาพทางไกล (telehealth) บนเครือข่าย 5G มาใช้งานตั้งแต่ระยะแรกของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย โดยขณะที่เป้าประสงค์พื้นฐานของการนำระบบนี้มาใช้คือเพื่อลดภาระให้กับบุคลากรด่านหน้า และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการสาธารณสุขแล้ว การปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นนี้ยังช่วยสนับสนุนภาคการสาธารณสุขในภาพรวม ซึ่งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพภาคเอกชนสามารถใช้ประโยชน์เพื่อเสริมสร้างความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคในวงการอุตสาหกรรมนี้ของประเทศด้วย

ผู้มีส่วนในการบริหารเมืองของประเทศไทยต้องให้ความสำคัญและมองหาหนทางที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นในระยะยาว

ณ ตอนนี้ ประเทศไทยกำลังเข้าใกล้ความเป็นเมืองอัจฉริยะที่มีการเชื่อมต่อในทุกมิติยิ่งกว่าเดิม โดยกรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองชั้นนำในการปรับเปลี่ยนที่ว่านี้ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเมืองต่าง ๆ จะต้องมีการฝึกทักษะด้านความอดทน นั่นคือพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน แพลตฟอร์มที่หลากหลาย ความต้องการข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ และการประยุกต์ใช้ให้เข้ากับความต้องการของเมือง

แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่า และนำไปใช้ได้กับทุกเมืองคือ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในจุดไหนของการพัฒนาความเป็นเมืองอัจฉริยะก็ตาม ผู้บริหารเมืองจะต้องทำให้แน่ใจได้ว่าประชนชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของเมืองให้การสนับสนุน โดยการปรับปรุงในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนถือเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของแผนงานการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

การสร้างเมือง hyperconnected city จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร หากแต่ผลที่ได้นั้นถือว่าคุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำไปสู่การปรับปรุงสวัสดิการด้านสังคมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการขับเคลื่อนให้เมืองเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และการใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้อื่น ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย และเพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น ประเทศไทยได้วางมาตรการเชิงรุกต่างๆ ไว้รองรับแล้ว ดังนั้น ผู้บริหารเมืองต่างๆ ควรจะมองหาโอกาสที่จะส่งเสริมให้บรรลุวัตถุประสงค์ของแผนยุทธศาสตร์ชาติไทยแลนด์ 4.0 ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางเพื่อการเป็นเมืองอัจฉริยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภูมิทัศน์ทางด้านสังคมและธุรกิจของประเทศได้วิวัฒน์ไปเพื่อการสร้างอุปสงค์ใหม่ในอนาคต
#3216


นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า ตามที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้บริษัทฯ ฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทำแผนตามที่บริษัทเสนอเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2563 และบริษัทได้นำส่งแผนฟื้นฟูกิจการในวันที่ 17 พ.ค.2564 แล้วนั้น บริษัทใคร่ขอรายงานว่า ในวันนี้ (4 ส.ค.) เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีการจัดการประชุมเจ้าหนี้ของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และที่ประชุมได้มีมติตามมาตรา 90/46 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม)

โดยมีเจ้าหนี้ที่มีจำนวนหนี้รวมกันในสัดส่วนร้อยละ 76.72 ของจำนวนหนี้ของเจ้าหนี้ทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนน ลงมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการที่ผู้ทำแผนได้ยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2564 และคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการจำนวน 1 ฉบับที่บริษัทได้ยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์รัพย์เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2564 ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีผู้บริหารแผนที่ถูกนำเสนอดังนี้

1. นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร

2. นายไต้ ชอง อี

3. นายปริญญา ไววัฒนา

4. นายชวลิต อัตถศาสตร์
#3217


99.99% ของเคสฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบแล้วแต่ยังติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (breakthrough case)ในสหรัฐฯ อาการไม่รุนแรงถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต จากคำยืนยันของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น โดยอ้างข้อมูลล่าสุดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี)

ข้อมูลดังกล่าวชี้ไปในทิศทางเดียวกับที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วสหรัฐฯ เน้นย้ำมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาว่า วัคซีนโควิด-19 มีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโควิด-19 และเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของประเทศในการชะลอการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่และหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานไปมากกว่านี้

ซีดีซีรายงานว่า มีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ 6,587 รายจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม โดยมี 6,239 คนป่วยหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพงพยาบาล และในนั้นเสียชีวิต 1,263 ราย แต่ซีเอ็นเอ็นระบุว่า ในช่วงเวลาเดียวกันมีประชาชนมากกว่า 163 ล้านคนในสหรัฐฯ ที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบแล้ว

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อแยกตามอาการของเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ พบว่ามีไม่ถึง 0.004% ที่ป่วยหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลและไม่ถึง 0.001% ที่เสียชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นราว 74% ของเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อทั้งหมด ยังเกิดขึ้นในกลุ่มคนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวของซีเอ็นเอ็นระบุว่า นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ทางซีดีซีมุ่งเน้นตรวจสอบเฉพาะเคสป่วยหนักและเสียชีวิตจากโควิด-19 ในกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเท่านั้น ไม่รวมถึงเคสอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานฉบับหนึ่งเมื่อช่วงต้นสัปดาหฺ์ว่า ตัวกลายพันธุ์เดลตาก่อปริมาณไวรัสพอๆ กับในคนที่ฉีดวัคซีนแล้วกับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหากพวกเขาติดเชื้อ และพวกผู้เชี่ยวชาญบอกต่อว่า แม้วัคซีนทำให้ผู้ฉีดมีความเป็นไปได้น้อยลงที่จะติดเชื้อ แต่หากคนเหล่านั้นติดเชื้อ พบว่าพวกเขามีแนวโน้มแพร่กระจายเชื้อได้แบบเดียวกับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

ผลการศึกษาดังกล่าวโน้มน้าวให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญของซีดีซีอัปเดตคำแนะนำด้านการสวมหน้ากากในวันอังคาร (3 ส.ค.) แนะนำให้คนฉีดวัคซีนครบแล้วกลับมาสวมหน้ากากยามอยู่ในร่ม ตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระดับสูง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อตัวกลายพันธุ์เดลตา ส่วนคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนนั้นยังคงแนะนำให้สวมหน้ากากต่อไปจนกว่าจะฉีดวัคซีนครบแล้ว

ซีเอ็นเอ็นรายงานต่อว่า นอกเหนือจากเคสอาการรุนแรงแล้ว ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของทางการโดยมูลนิธิ Kaiser Family Foundation ยังพบว่าเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อในทุกกรณี ทั้งป่วยเล็กน้อย ป่วยหนัก และเสียชีวิตถือว่าเกิดขึ้นน้อยมากๆ

มีราวๆ ครึ่งหนึ่งของรัฐต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ที่รายงานเกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อโควิด-19 และในแต่ละรัฐดังกล่าวมีไม่ถึง 1% ที่เกิดเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ ไล่ตั้งแแต่ระดับ 0.01% ในคอนเนตทิคัต ไปจนถึง 0.9% ในโอคลาโฮมา

มูลนิธิ Kaiser Family Foundation ยังพบด้วยว่ามากกว่า 90% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ และมากกว่า 95% ของผู้ป่วยหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต เป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ในนั้นหลายรัฐมีเคสผู้ติดเชื้อใหม่ที่เป็นคนยังไม่ฉีดวัคซีนคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 98% เลยทีเดียว

ผู้เชี่ยวชาญเน้นว่าแม้คนฉีดวัคซีนครบแล้วยังสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้ แต่วัคซีนยังคงปกป้องพวกเขาได้เป็นอย่างดีจากการติดเชื้ออาการหนัก ทั้งนี้ ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตา พวกผู้นำท้องถิ่นทั่วอเมริการายงานว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ คือกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

ด้วยตัวกลายพันธุ์เดลตาแพร่เชื้อได้ง่ายมาก อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรัฐฯ รายหนึ่งจึงเตือนว่าประชาชนที่ไม่ได้รับการป้องกัน ทั้งจากวัคซีนและจากการเคยติดเชื้อมาแล้ว ดูเหมือนคงไม่รอดพ้นจากการติดเชื้อ

ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและความอันตรายของสายพันธุ์เดลตา อัตราการเข้าฉีดวัคซีนของประชาชนในสหรัฐฯ กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 สัปดาห์หลังสุด โดยรัฐต่างๆ ที่เคยล้าหลังในโครงการฉีดวัคซีน พบเห็นจำนวนประชาชนฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซีเอ็นเอ็นวิเคราะห์ข้อมูลของซีดีซี

เวลานี้ค่าเฉลี่ย 7 วัน ประชาชนรายใหม่เข้าฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ อยู่ที่ 652,084 ราย เพิ่มขึ้นจาก 3 สัปดาห์ที่แล้ว 26%

(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น)
#3218


น.ส.ลัดดา แซ่ลี้ รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจเสนอมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด และ ครม.ได้ให้การเห็นชอบมาตรการในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 13 ก.ค.64 และ 20 ก.ค.64

โดยมีรายละเอียดในส่วนของผู้ประกอบอาชีพอิสระมาตรา 40 คือ รัฐบาลจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้ 5,000 บาท ต่อคน และยังให้สิทธิผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ให้ขึ้นทะเบียนตาม ม. 40 ภายในเดือนเดือนกรกฎาคม 2564 เพื่อรับค่าช่วยเหลือ 5,000 บาท เช่นกัน

สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

'อาชีพอิสระ' ชำระเงินม.40 รอบสุดท้าย 10 ส.ค.นี้
ปรากฏว่าจนถึงวันที่ 31 ก.ค.มีผู้ขึ้นทะเบียนสมัครเป็นผู้ประกันตนม.40 เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งสมัครด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ www.sso.go.th และเครือข่ายประกันสังคม แต่ยังไม่ได้ชำระเงินสมทบงวดแรก ทำให้สถานะความเป็นผู้ประกันตนของท่านยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะส่งผลต่อการรับเงินเยียวยา

ถึงแม้ข้อมูลการสมัครจะส่งมาที่สำนักงานประกันสังคมแล้ว แต่หากยังไม่มีการชำระเงินงวดแรก สถานะของท่านก็จะยังไม่มีผลตามกฎหมาย จึงขอแจ้งให้ผู้สมัคร ม.40 ได้ทราบว่า โปรดรีบดำเนินมาชำระเงินสมทบงวดแรกให้ทันภายในวันที่ 10 ส.ค. 2564 นี้ 

เช็คสิทธิ 'ประกันสังคม' www.sso.go.th ม.33 ม.39 ม.40 เช็ควันรับเงินเยียวยา ที่นี่
เช็คเงิน 'เยียวยาประกันสังคม' ม.33 พื้นที่สีแดงเข้ม โอนเข้า 'พร้อมเพย์' วันแรก
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ทะลุ 2หมื่น! พบเสียชีวิต 188 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 20,200 ราย ยังไม่รวม ATK อีก 522 ราย

ย้ำไม่ชำระเงินสมทบ ไม่ได้เงินเยียวยา 5,000 บาท
โดยสามารถชำระเงินผ่านช่องทางที่สะดวก ได้แก่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11) เคาน์เตอร์เทสโก้โลตัส เคาน์เตอร์บิ๊กซี เคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัดมหาชน หรือผ่าน Mobile Application ShoppyPay และตู้บุญเติม ฟรีค่าธรรมเนียมทุกช่องทาง

รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวย้ำว่า นอกจากการชำระเงินสมทบมาตรา 40 เพื่อรับเงินเยียวยาในพื้นที่เยียวยา 13 จังหวัด แล้ว การชำระเงินสมทบมาตรา 40 อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทุก ๆ เดือน ก็จะทำให้ท่านได้รับสิทธิประโยชน์อย่างครบถ้วนทุกกรณี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง
#3219
ราคาขาย 35 ล้านบาท ราคาต่อรองได้ 
สนใจ ติดต่อ
เบอร์ 064.426.6359 (คุณเกียง) เจ้าของขายเอง
Line ID : LeeChieng

ขายด่วน โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น สไตล์โมเดิร์น พื้นที่กว้าง ทำเลดี บนถนนพระราม 3


​​บ้านเลขที่ 4 ซอย เจริญราษฎร์ 7 แยก 33 แขวง บางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร 10120
  
ขายด่วน++ โฮมออฟฟิศมือหนึ่ง ติดโฮมโปร พระราม 3 
ปลูกใหม่บนพื้นที่เดิม สูง 4 ชั้น
บนพื้นที่ 44 ตร.ว. พร้อมพื้นที่รอบบ้าน

8 ห้องนอน  8 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 176 ตร.ม.
 
 
ชั้นที่ 1 : ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง + พื้นที่ส่วนกลาง + ห้องไฟ + ห้องนอนเเม่บ้าน + ห้องน้ำ 2 ห้อง (รวมด้านนอกอาคาร)
 ชั้นที่ 2 : ห้องพักอาศัย 2 ห้อง+  พร้อมห้องน้ำในตัว 2 ห้อง+ ระเบียงด้านนอก
 ชั้นที่ 3 : ห้องพักอาศัย 3 ห้อง + ห้อง น้ำ 2 ห้อง
 ชั้นที่ 4 : ห้องพักอาศัย 2 ห้อง+  พร้อมห้องน้ำในตัว 2 ห้อง + ระเบียงด้านนอก
 
ทุกห้องติดประตูกระจก เพิ่มความโปร่งสบาย รับแสง แต่แดดไม่ร้อน มีหลังคาบังด้านหน้า ใช้พื้นที่คุ้มทุกสัดส่วน ให้ทุกห้องดูกว้าง เหมาะทั้งทำงานและพักผ่อน
 
ตัวบ้านบิวท์อินทั้งหลัง บันไดออกแบบให้มีลักษณะทันสมัย ขึ้นลงขนย้ายข้าวของสะดวก ระเบียงทำองศารับเวลาฝนตก กันไม่ให้น้ำฝนเข้ามาในตัวบ้านและเอียงไหลลงท่อ
 
ติดตั้งหลอดไฟทุกห้องและตรงบันได
*ไม่มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
 
ทางเข้าบ้านเป็นซอยใหญ่ เข้าได้จากทั้งเส้นเจริญราษฎร์หรือพระราม 3 ตั้งอยู่ในซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 33 (บ้านหลังที่สาม) ซอยนี้สงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน อยู่ใกล้โฮมโปรพระราม 3 และคอนโดสตาร์วิว
 
สามารถจอดรถภายในบ้านได้ 3- 4  คัน ประตูเปิดได้ทั้งซ้ายและขวา
 
ราคาขาย 35 ล้านบาท ราคาต่อรองได้ เจ้าของขายเอง
 
สนใจ ติดต่อ
เบอร์ 0644266359 (คุณเกียง) เจ้าของขายเอง
Line ID : LeeChieng

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=88&t=7832131
























#3220


ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์วันนี้(3 ส.ค.)ดัชนีภาคเช้าปิดที่ระดับ1,536.21 จุด เพิ่มขึ้น 11.10 จุด (+0.73%) มูลค่าการซื้อขายราว 37,590 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยทำระดับสูงสุด 1,536.31 จุด และระดับต่ำสุด 1,524.37 จุด

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นมาได้ดีกว่าคาด ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ลบกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่น,เกาหลี,ฮ่องกง ต่างปรับลง ยกเว้นตลาดกลุ่ม TIP ปรับขึ้นมาได้ โดยนักลงทุนเวียนมาเล่นหุ้นขนาดใหญ่บางตัวหลังราคาลงไปมากแล้ว แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังหนักอยู่ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้อยู่ที่กว่า 18,000 ราย แต่ผู้ป่วยหายกลับบ้านได้เพิ่มขึ้น 18,000 รายเช่นกัน ขณะที่ตลาดฯปรับตัวลงสะท้อนไปในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้เกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์

ทั้งนี้แนะให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิม ส่วนปัจจัยนอกประเทศให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯศุกร์นี้ และอัตราว่างงานของสหรัฐฯ แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย ตลาดฯคงแกว่งตัวในกรอบสลับแรงขายเข้ามาบ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,535-1,540 จุด

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ได้แก่ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,928.08 ล้านบาท ปิดที่ 176.50 บาท ลดลง 4.00 บาท,KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,320.15 ล้านบาท ปิดที่ 105.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท,RCL มูลค่าการซื้อขาย 1,048.92 ล้านบาท ปิดที่ 56.75 บาท ลดลง2.25 บาท,DTAC มูลค่าการซื้อขาย 928.88 ล้านบาท ปิดที่ 36.75 บาท ลดลง 0.75 บาท,SCB มูลค่าการซื้อขาย 866.42 ล้านบาท ปิดที่ 96.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท