ดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด หุ้นบวกยกแผงขานรับราคาน้ำมันร่วง

[kaidee20]

ดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด หุ้นบวกยกแผงขานรับราคาน้ำมันร่วง
 
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุดในวันนี้ โดยนักลงทุนยังคงส่งแรงซื้อเข้าตลาด ขานรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง

ณ เวลา 21.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,941.51 จุด บวก 233.57 จุด หรือ 0.67%

หุ้นทุกกลุ่มดีดตัวขึ้นในวันนี้ นำโดยกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยในช่วงขาขึ้น

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นเช่นกัน แม้ราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลง

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดวานนี้ ขานรับราคาน้ำมันที่ชะลอตัวลง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี

ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลงในวันนี้ โดยล่าสุด สัญญาล่วงหน้า WTI หลุดระดับ 110 ดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์หลุด 117 ดอลลาร์

สหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อให้ยุโรปลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย โดยสหรัฐจะส่งมอบก๊าซธรรมชาติเหลวแก่ EU อย่างน้อย 1.5 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรภายในสิ้นปีนี้

ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐคาดการณ์ว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.และมิ.ย.

ส่วนแบงก์ ออฟ อเมริกาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย.และก.ค. และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมทุกครั้งหลังจากนั้นถึงสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 76.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 3-4 พ.ค. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 32.9% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงเกินไป ซึ่งหากจำเป็น เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมหนึ่งครั้งหรือหลายครั้ง

นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการเฟด กล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% จำนวน 1 ครั้งหรือมากกว่านั้นในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ความเห็นของนายวอลเลอร์สอดคล้องกับนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ ซึ่งกล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 12 ครั้งในปีนี้ เพื่อแสดงว่าเฟดมีความจริงจังในการต่อสู้กับเงินเฟ้อซึ่งพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

นายบูลลาร์ดกล่าวว่า เขาต้องการให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้อยู่สูงกว่า 3% จากระดับใกล้ 0% ในขณะนี้

ก่อนหน้านี้ นายบูลลาร์ดเป็นเจ้าหน้าที่เฟดเพียงรายเดียวที่ลงมติให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนนี้ ขณะที่เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561