• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Panitsupa

#3121


เมื่อเวลา 08.40 น. วันนี้ (16 ส.ค.) นายณฐนนท์ ชลลัมพี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด ในฐานะผู้ผลิตละครเรื่อง ให้รักพิพากษาพร้อมด้วยนายกรรชัย กำเนิดพลอย และทีมงานผู้ผลิตละครเรื่องดังกล่าวได้เข้าพบ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด และนายบุญเกียรติ อุดมแสวงโชค ผู้ตรวจการอัยการ ที่ห้องรับรอง ชั้น 9 สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการผลิตละครเรื่อง ให้รักพิพากษา ซึ่งออกเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีสี ช่อง 3 ว่า ผู้สร้างมิได้มีเจตนาที่จะเขียนบทออกมาเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของพนักงานอัยการแต่อย่างใด หากแต่เป็นบทบาทที่บทละครใส่รายละเอียดลงไปให้ละครน่าติดตามมากยิ่งขึ้นเท่านั้น



ซึ่งอัยการสูงสุด ได้แจ้งกับ นายณฐนนท์ ชลลัมพี และทีมงานที่เข้าพบว่า ได้ดูคลิปบางช่วงบางตอนของละครเรื่องดังกล่าวแล้ว เห็นว่า มีบทละครที่นักแสดงผู้รับบทเป็นพนักงานอัยการที่แสดง ไม่ได้สอดคล้องกับหลักกฎหมายและระเบียบองค์กรอัยการ ซึ่งอาจส่งผลต่อสังคมให้เข้าใจผิดในบทบาทและภารกิจขององค์กรอัยการที่เป็นหน่วยงานหลักในกระบวนการยุติธรรม เมื่อทางผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตละครได้มาชี้แจงและหาทางแก้ไขร่วมกัน ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยเฉพาะบทบาทของพนักงานอัยการที่สำคัญประการหนึ่งคือการประนีประนอมไม่ให้มีข้อพิพาทในสังคมรวมอยู่ด้วย

ด้านนายณฐนนท์ ชลลัมพี ได้ชี้แจงต่ออัยการสูงสุด พร้อมฝากไปถึงพนักงานอัยการทุกท่านว่า หากบทละครสร้างความไม่สบายใจและสร้างความสับสนให้แก่ประชาชน ทางผู้ผลิตละครขอน้อมรับคำติชมและคำวิจารณ์ทุกอย่าง แต่เนื่องจากละครได้ถ่ายทำเสร็จสิ้นทุกตอนแล้ว ทั้งอยู่ระหว่างมาตรการของรัฐไม่ให้ดำเนินการถ่ายทำละครอีก



ผู้ผลิตละครพร้อมแสดงความรับผิดชอบด้วยการใส่ข้อความชี้แจงก่อนละครจะเผยแพร่ครั้งต่อไปว่า ตัวละคร และ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในละครเรื่อง ให้รักพิพากษา เป็นเรื่องราวสมมุติ ถูกเติมแต่ง และเป็นสถานการณ์เฉพาะบุคคล เพื่ออรรถรสของละคร โดยมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อวิชาชีพใด ๆ และมิได้มีเจตนาชี้นำ ชักจูง และเกิดทัศนคติในทางลบต่อกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หากบทละครหรือบทบาทการแสดงของนักแสดงกระทบต่อบทบาท ภาพลักษณ์ของพนักงานอัยการ และองค์กรอัยการ ทางผู้ผลิตละครถือโอกาสขอโทษมา ณ โอกาสนี้

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษก อสส.เปิดเผยต่อว่าภายหลังเข้าพบอัยการสูงสุดเเล้ว ทีมผู้จัดละครยังได้เข้าพบ นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)เพื่อชี้เเจงรายละเอียดเรื่องดังกล่าวให้ นาย พชรในฐานะ ประธาน ก.อ.ได้รับทราบ ซึ่งเรื่องนี้นายพชรซึ่งได้รับคำชี้เเจงดังกล่าวเเล้วก็เข้าใจเเละทราบว่าเรื่องนี้เป็นเพียงละคร เเต่ในฐานะประธาน ก.อ.ซึ่งได้รับเสียงสะท้อนในผลกระทบจากน้องๆอัยการทั่วประเทศ เมื่อมีการมาพบพูดคุยกันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ซึ่งเมื่อมีข้อผิดพลาดมีปัญหาข้อขัดข้องก็ได้เข้ามาพูดคุยเเเละเข้าใจตรงกัน
#3122


สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ แม้จะล็อกดาวน์มาแล้วเกือบ 1 เดือน แต่จำนวนผู้ติดเชื้อกลับไม่ได้ลดลง แถมเดินหน้าทำนิวไฮทุกวัน

โดย ศบค. จะมีการพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 18 ส.ค. นี้ ว่ามาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการมานั้นได้ผลแค่ไหน? เพียงพอหรือยัง? หรือ ควรต้องขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีกหรือไม่? ซึ่งดูจากสถานการณ์ล่าสุดแล้วคงต้องเป็นเช่นนั้น

ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขได้คาดการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อถึงวันที่ 7 ก.ย. 2564 ว่าหากไม่มีมาตรการล็อกดาวน์จำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงปลายเดือน ส.ค. ถึงต้นเดือน ก.ย. จะพุ่งสูงถึง 6-7 หมื่นรายเลยทีเดียว น่าจะเป็นอีกสัญญาณสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าคงต้องมีการต่อเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีก

แน่นอนว่าหากโรคระบาดยิ่งลากยาว ผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะยิ่งมากขึ้น จากปัจจุบันก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว หลายธุรกิจแทบไม่เหลือสภาพคล่อง เนื่องจากไม่มีรายได้เข้ามาเลย ส่วนหนี้ยังต้องชำระ

แม้ที่ผ่านมาจะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 2 เดือน แต่ก็เป็นมาตรการระยะสั้นเท่านั้น โดยช่วงที่พักชำระดอกเบี้ยยังวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยลูกหนี้ในระยะยาว ธปท. อยู่ระหว่างการพิจารณาออกมาตรการชุดใหม่ โดยจะขอความร่วมมือสถาบันการเงินในการออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ภายใต้แนวทาง "การปรับโครงสร้างหนี้"

ด้วยการ "แฮร์คัท" หรือ การลดยอดหนี้ลง, การลดอัตราดอกเบี้ย, ยืดเวลาชำระหนี้ โดยลดยอดเงินชำระในแต่ละงวด จนกว่ารายได้จะดีขึ้น ค่อยกลับมาชำระตามปกติ

นอกจากนี้ จะออกมาตรการเพื่อจูงใจให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างเต็มที่ ด้วยการไม่ต้องจัดชั้นลูกหนี้ที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลือเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพื่อลดภาระการตั้งสำรอง

ทั้งนี้ คงต้องรอดูความชัดเจนจาก ธปท. อีกครั้ง เพราะมาตรการต่างๆ ที่ระบุออกมานั้นยังเป็นเพียงแค่แนวคิดเบื้องต้น และถ้าหากมีมาตรการออกมาจริง คงไม่ได้เป็นการบังคัง แต่ให้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละแบงก์

ถือเป็นความปรารถนาดีของ ธปท. ที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤตโควิด-19 แต่ในมุมของสถาบันการเงิน ทั้งแบงก์และนอนแบงก์ดูจะเป็นข่าวลบ เพราะจะส่งผลกระทบต่องบการเงินโดยตรง

โดยปัจจุบันแต่ละแห่งมีแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมจากที่ ธปท. กำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งจะพิจารณาการช่วยเหลือเป็นรายกรณี และถ้าหาก ธปท. ขอความร่วมมือให้ออกมาตรการเพิ่มเติม เชื่อว่าในทางปฏิบัติหลายมาตรการคงไม่สามารถนำมาใช้ได้เป็นการทั่วไป เช่น การแฮร์คัทหนี้ เพราะผลกระทบของลูกหนี้แต่ละรายไม่เหมือนกัน และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานะการเงินของแบงก์

ด้านบล.เคทีบีเอสที ระบุว่า การแฮร์คัทจะส่งผลเสียต่อทุกบรรทัดในงบการเงินของธนาคาร เนื่องจากเป็นการตัดบัญชีลูกหนี้ออกไปทั้งก้อน แม้ปกติธนาคารจะทำอยู่แล้วแต่ไม่มาก ขณะที่รอบนี้ ธปท. เพียงขอความร่วมมือ ยังไม่ได้บังคับ เชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะเลี่ยงไปทำเรื่องการปรับโครงสร้างมากกว่า แต่ฝ่ายวิจัยมองว่าหากสรรพากรมีการลดภาษีเท่ากับมูลหนี้ที่จะแฮร์คัท น่าจะทำให้ทุกธนาคารเร่งแฮร์คัทมากขึ้น

ทั้งนี้ ประเมินว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK จะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากประเด็นนี้มากที่สุด เพราะเมื่อพิจารณาจากโครงการช่วยเหลือลูกหนี้ (Debt relief program) ของแต่ละธนาคารในงวดไตรมาส 2 ปี 2564 จะเห็นว่า SCB ได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากประเด็นนี้มากที่สุด เพราะมีสัดส่วน Debt relief สูงที่สุดในกลุ่มที่ 16% ของสินเชื่อรวม รองลงมาเป็น KBANK ที่ 14% ของสินเชื่อรวม

ส่วนบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ฝ่ายวิจัยมองว่าได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเพราะมีสัดส่วน Debt relief น้อยที่สุดในกลุ่มที่ 3% ของสินเชื่อรวม
#3123


เมื่อวันที่ 14 ส.ค. เพจ "GMMTV" ออกมาโพสต์ข้อความเตือนไปถึงกลุ่ม หรือบุคคลที่มีการโพสต์พาดพิงนักแสดงในสังกัดให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ทางค่ายจะดำเนินคดีทางกฎหมาย ทั้งนี้ ทาง "GMMTV" ได้ระบุข้อความว่า

"บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ขอแจ้งว่า เนื่องจากพบว่ามีบุคคลที่กล่าวหรือพาดพิงถึงนักแสดงในสังกัด GMMTV ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ Social Media ไม่ว่าจะเป็น Twitter หรือ TikToK โดยใช้ข้อความในลักษณะที่ทำให้นักแสดงผู้ถูกกล่าวถึง และ GMMTV ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง รวมทั้งทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือถูกเกลียดชังจากประชาชน

ผู้รับทราบข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าว จีเอ็มเอ็มทีวีขอให้ท่านหยุดการกระทำดังกล่าว ไม่ว่าการโพสต์ หรือแชร์ในข้อมูลดังกล่าว หากจีเอ็มเอ็มทีวีได้รับการแจ้ง หรือพบว่ายังมีการกระทำการในลักษณะเดียวกันอีก ไม่ว่าจะใช้ชื่อหรือบัญชีผู้ใช้บัญชีเดิมหรือเปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่ไม่ว่าชื่อใดก็ตาม จีเอ็มเอ็มทีวีจะไม่นิ่งเฉยและพร้อมจะดำเนินกระบวนการทางกฎหมายจนถึงที่สุด ไม่ว่าทางแพ่งหรืออาญา ต่อท่านผู้โพสต์ หรือผู้แชร์ข้อมูลการโพสต์ดังกล่าว เพื่อปกป้องสิทธิ และชื่อเสียงของนักแสดงและบริษัทต่อไป"
#3124


การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยนับตั้งแต่ระลอกแรกในเดือน ม.ค.2563 ถึงระลอกปัจจุบัน วันที่ 15 ส.ค.2564 มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยรวม 907,157 คน ซึ่งรัฐบาลต้องจัดงบประมาณหลายส่วนเพื่อรับมือการระบาด โดยเฉพาะการออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ฉบับ วงเงินรวม 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งงบประมาณที่อนุมัติสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขไปแล้วมากกว่า 1 แสนล้านบาท

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้สรุปการใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ได้จัดสรรสำหรับแผนงานด้านสาธารณสุขรวม 45,000 ล้านบาท แต่การระบาดที่มีอย่างต่อเนื่องส่งให้งบประมาณที่ตั้งไว้ไม่เพียงพอและต้องโยกงบประมาณจากแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจเข้ามารวมแล้วจัดสรรให้ด้านสาธารณสุขรวม 63,900 ล้านบาท ผ่านการอนุมัติ 51 โครงการ แบ่งเป็น 5 ด้าน คือ

1.แผนงานเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ 4 โครงการ วงเงิน 6,301 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 6,666 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74.05%

2.แผนงานหรือโครงการเพื่อจัดซื้อหาอุปกรณ์การแพทย์และสาธารณสุขวัคซีนป้องกันโรคและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ 20 โครงการ วงเงิน 15,250 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 1,606 ล้านบาท คิดเป็น 10.53%

3.แผนงานหรือโครงการเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการบำบัดรักษา ป้องกันควบคุมโรค 5 โครงการ วงเงิน 30,360 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 17,334 ล้านบาท คิดเป็น 57.10%

4.แผนงานหรือโครงการเพื่อเตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาล 14 โครงการ วงเงิน 10,257 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 1,822 ล้านบาท คิดเป็น 17.77%

5.แผนงานหรือโครงการด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินอันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด 8 โครงการ วงเงิน 1,727 ล้านบาท เบิกจ่าย 180 ล้านบาทคิดเป็น 10.43%

ทั้งนี้ รวมแล้วโครงการตามแผนงานด้านสาธารณสุขที่อนุมัติไว้ 63,897 ล้านบาท เบิกจ่าย 25,610 ล้านบาท คิดเป็น 40.08%


"สาธารณสุข" ทยอยขอใช้งบกลาง

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ใช้งบกลาง 2564 เพื่อใช้ควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ไม่น้อยกว่า 40,000 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.โครงการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระลอก เม.ย.2563 ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.2564 วงเงิน 12,669 ล้านบาท ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564

2.โครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นอกสถานพยาบาล 1,877 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 10 ส.ค.2564

3.โครงการเตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระลอก เม.ย.25654 วงเงิน 12,567 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 5 พ.ค.2564

4.โครงการจัดหาวัคซีน Sivovac จำนวน 500,000 โดส วงเงิน 321 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 17 เม.ย.2564

5.โครงการจัดหาวัคซีน AstraZeneca จำนวน 35 ล้านโดส วงเงิน 6,387 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 2 มี.ค.2564

6.โครงการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระยะการระบาดระลอกใหม่ วงเงิน 4,661 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 5 ม.ค.2564

7.โครงการจัดหาวัคซีน AstraZeneca 2,379 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 17 พ.ย.2563

งบค่าตอบแทนบุคลากร-จ้างเหมา

ทั้งนี้ หากดูรายละเอียดการประชุม ครม.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564 อนุมัติโครงการการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระลอก เม.ย.2563ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.2564 ซึ่งเป็นการขยายโครงการต่อจากโครงการเดิมที่ ครม.เคยอนุมัติไว้เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2564 เพื่อดำเนินการจ่ายค่าตอบแทน ได้แก่ ค่าตอบแทนเสี่ยงภัย ค่าล่วงเวลา (OT) ค่าตอบแทนคณะทำงาน ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา บุคคลภายนอก ค่าใช้สอย ได้แก่ ค่าอำนวยการและสั่งการเชิงบูรณาการ และค่าจ้างเหมาบริการอื่นๆ

นอกจากนี้ กระทรงวสาธารณสุขรายงานว่าการดำเนินการดังกล่าวจะรองรับมาตรการการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อลดจำนวนการติดเชื้อโควิด-19 ลดการแพร่ระบาดในวงกว้าง และลดอัตราการเสียชีวิตของประชากรในประเทศไทย ให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงระบบการบริการของสถานพยาบาลและหน่วยบริการ ได้อย่างทั่วถึงสะดวกและรวดเร็ว


นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ในการบริหารจัดการเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 วงเงิน 500,000 ล้านบาท ของรัฐบาล ซึ่งในส่วนนี้มีคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการที่มีเลขาธิการ สศช.พิจารณาดูแลตามความเหมาะสมอยู่ 

สำหรับวงเงินงบประมาณสำหรับแผนงานด้านสาธารณสุขที่มีการตั้งวงเงินไว้ 30,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ก็สามารถที่จะบริหารจัดการโดยโยกเอางบประมาณในส่วนของเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาด และงบประมาณแผนงานการฟื้นฟูเศรษฐกิจมาใช้ได้หากมีความจำเป็นซึ่งในการกู้เงินครั้งหลังนี้วางเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นมากขึ้น 

ส่วนงบประมาณที่ไว้ใช้รับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อออกไปนอกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่มีงบกลาง วงเงิน 89,000 ล้านบาท ยังมีงบกลางฯโควิด-19 ที่มีการแปรญัตติไว้ที่วงเงิน 16,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้การใช้จ่ายจะคล้ายกับงบกลาง 40,000 ล้านบาท ที่เป็นงบกลางสำหรับใช้ในสถานการณ์โควิดในปีงบประมาณ 2564 ซึ่งวงเงินนี้ส่วนใหญ่ไว้ใช้ในเรื่องของสาธารณสุข การซื้อยาเวชภัณฑ์และเครื่องมือการแพทย์ในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และส่วนนี้ถือว่ามีความจำเป็นที่รัฐบาลจะมีเงินอีกส่วนไว้ใช้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีการระบาดต่อไปอีกระยะ 

คาดต้องการงบสาธารณสุขสูง

นายเดชาภิวัฒน์ กล่าวว่า วงเงินจำนวนนี้หากเทียบกับรายจ่ายด้านสาธารณสุขที่มีจำนวนมากก็จะเห็นว่าไม่ใช่วงเงินที่มากนัก โดยเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมามีการอนุมัติงบกลาง 2564 ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นค่าใช้จ่าย ค่าจ้างล่วงเวลาสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.ก็ใช้งบประมาณมากถึง 12,600 ล้านบาท ทำให้เห็นว่าความต้องการใช้วงเงินงบประมาณด้านสาธารสุขยังคงมีมากในสถานการณ์ช่วงนี้ 
#3125


บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) ฝ่าวิกฤตโควิค-19 โชว์ผลงานครึ่งปีแรกรายได้รวมแตะระดับ 528 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 45.14 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/2564 รายได้รวม 294.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% (QoQ) และกำไรสุทธิ 22.49 ล้านบาท รับอานิสงส์จากการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลมีงานทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้าน CEO "พูลพิพัฒน์ ตันธนสิน" ประกาศเดินเกมรุกธุรกิจในครึ่งปีหลังเร่งต่อจิ๊กซอว์การลงทุนด้านพลังงาน หม้อแปลงไฟฟ้า พร้อมศึกษาแผนการลงทุนใหม่ๆ ขยายฐานลูกค้าทั้งใน-ต่างประเทศ พร้อมส่งซิกจ่อคว้างานหม้อแปลงไฟฟ้าเข้าพอร์ตเพิ่ม 100 ล้านบาท ขณะที่ติดตั้งแผงโซลาร์ฟาร์มยังฉลุย หนุนทั้งปีรายได้แตะ 1,200 ล้านบาทตามแผน

บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิตจัดจำหน่ายและให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ว่า แม้ในขณะนี้ประเทศไทยยังต้องเผชิญสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง ทำให้แต่ละองค์กรต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่ง QTC ได้วางกลยุทธ์เชิงรุก โดยเจาะตลาดทั้งในธุรกิจการจำหน่ายและให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า และธุรกิจเทรดดิ้ง จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้แก่ LONGI Solar, Trina Solar การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter รวมไปถึงการจำหน่าย DE BUSDUCT ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งจากการวางกลยุทธ์ดังกล่าวภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแผนที่บริษัทฯ วางไว้ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 294.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนนี้ (QoQ) ขณะที่กำไรสุทธิเท่ากับ 22.49 ล้านบาท ยังคงทรงตัวหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ (QoQ) ในขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม เท่ากับ 528.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 45.14 ล้านบาท

นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) เปิดเผยถึงปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องว่า มาจากการทำการตลาดแบบเชิงรุกในงานซ่อมบำรุงหม้อแปลงไฟฟ้า และยังมีการขยายตลาดในส่วนของธุรกิจการจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่อง

ส่งผลให้ในไตรมาสดังกล่าวบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีการชะลอตัวด้านการลงทุนในโครงสร้างขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน แต่บริษัทฯ ยังมีออเดอร์การจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ สามารถคว้างานจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้อีกกว่า 123 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งสินค้าในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 นี้ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มียอดมูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นแตะระดับ 500 ล้านบาท

ส่วนภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2564 นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ QTC ครบรอบ 25 ปี และย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ mai สู่การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจด้านพลังงานเพื่อสามารถต่อยอดธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการศึกษาแผนการลงทุนใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการขยายตลาดใหม่ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทฯ ในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เร่งเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ ASEAN และคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯ จะมีโอกาสคว้างานประมูลของการไฟฟ้าภูมิภาค เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100 ล้านบาท รวมถึงการบุกตลาดเพื่อลุยงานแผงโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องการของตลาดในขณะนี้ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ 1,200 ล้านบาท จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน
#3126
ใครที่ตอนนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด ตกงาน ปิดกิจการ รายได้ลดลง หนี้สินท่วมตัว เงินไม่พอใช้

อยากมาศึกษาออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร กลัวเจ๊ง คอร์สนี้มีคำตอบ

ออนไลน์ ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ "ทางรอด"

คอร์สออนไลน์  6 วัน 6 วิชา        
- 6 เสาหลักสร้างเพจปัง       
- ยิงแอด facebook ให้ได้ผล        
- แต่งภาพสวยง่าย ๆ จากมือถือ         
- การตลาดบน Tik Tok ให้มีคนติดตามหลักแสน       
- เปิดร้านบนไอจี Instragram
- เคล็ดลับแม่ค้าออนไลน์ร้อยล้าน

สอนแบบจับมือทำ ตั้งแต่พื้นฐาน จนเป็นมืออาชีพ
สอนจากประสบการณ์จริง โดยอาจารย์ที่มีรายได้กว่า 100 ล้านบนโลกออนไลน์
สอนสด ผ่านแอปซูม เรียนได้จากที่บ้าน

เวลาเรียน 19.00 - 22.30

ปรกติคอร์สนี้ราคา 9,800.-
พิเศษ !!!  เฉพาะช่วงโควิด ปรับโปรช่วยชาติ เหลือเพียง 98 บาท!!!
ย้ำ !!! รับจำนวนจำกัดเพียง 20 ท่าน ที่จัดสรรเวลาได้ !!!

คลิ๊กดูรายละเอียดคอร์ส
https://drive.google.com/file/d/1fZIP-BhrqgnSHAb-4HZezzgtKL9qKHFR/view?usp=drivesdk

สนใจ สามารถแอดไลน์สอบถามที่ @049dhubr หรือลิงค์ไลน์
https://lin.ee/4zIaPti

หรือโทร 098-378-1371, 098-378-1373

***เรียนไม่คุ้ม คืนเงินทันที ***
#3127


"เศรษฐา ทวีสิน" ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิกฤติโควิดครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งต้มยำกุ้ง ปี 2540 ผลกระทบจากโควิดเดือดร้อนหนักหนาสาหัสถึงขั้นไม่มีงานทำ สูญเสียบ้าน รถยนต์ เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก! แม้จะมีวัคซีนป้องกันโควิด แต่การแจกจ่ายวัคซีนยังไม่ทั่วถึงและเป็นไปอย่างล่าช้า

"การนำเข้าวัคซีน ยังคงเป็นเรื่องแรกที่ทุกคนเรียกร้องมานานแล้ว ถือเป็นวาระเร่งด่วน ที่อยู่บนสมมติฐานว่า วัคซีนต้องมา และฉีดให้ครอบคลุมโดยเร็ว ภายใน 120 วัน 180 วัน หรือ 200 วัน ขึ้นอยู่กับรัฐบาล"

รวมถึงเตรียมการ "สั่งซื้อวัคซีนเข็มที่ 3" หรือเตรียมวัคซีน 2-3 เท่า ของจำนวนประชากร (ราว 200 ล้านโดส) ในปีหน้า เป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องทำ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครแฮปปี้เรื่องวัคซีน ถึงขั้นบุคคลกรทางแพทย์ต้องจับฉลากเพื่อฉีดวัคซีน "ผมว่าโควิดทำให้คนตาสว่าง ว่า...สังคมไทยไม่มีความเท่าเทียมกัน"

อีกเรื่องสำคัญที่สุดคือต้องมองไปให้ไกล ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เฉพาะเรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่คือการขับเคลื่อนประเทศที่เข้าไปอยู่บนเวทีแข่งขันโลกที่เราจะแข่งขันได้อย่างมีคุณภาพ สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย

"ไม่ใช่ว่าหลุดจากกับดักโควิดแล้วก้าวไปสู่ความหายนะทางเศรษฐกิจ เพราะสู้เขาไม่ได้ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ โฟกัสวันนี้ ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากการหาวัคซีนมาฉีดให้ประชาชน แต่แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ประเทศไทยจะต้องเกิดขึ้น! เพราะโลกหยุดมา 2 ปีแล้ว มีคนบอบช้ำ มีคนเจ็บปวด มีธุรกิจที่โซซัดโซเซ ล้มหายตายจากไปเยอะมาก เราจะทำอย่างไรให้ตรงนี้กลับมาได้ ดังนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่จะต้องเกิดขึ้น"

เศรษฐา ย้ำว่า การเปิดประเทศ120 วัน นั้น ตามทฤษฎียังมีความเป็นไปได้ แต่นัั่นหมายความว่า ต้องฉีดให้ได้วันละ 6 แสนคน ที่ผ่านมามีบางวันสามารถฉีดได้แสดงว่าบุคคลากรทางการแพทย์มีศักยภาพในการฉีดเพียงแต่ว่า "วัคซีนไม่มา! แม้ความหวังหริบหรี่ แต่สุดท้ายวัคซีนก็มาอยู่ดี"


อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เชื่อว่ายังคงเป็นภาพของ "K-Shaped" โดยที่กลุ่มคนรวยจะอยู่ในส่วนของ "K ขาขึ้น" คนรวย-รวยมากขึ้น ส่วน "K ขาลง" จะอยู่ในแรงงานระดับล่างที่ยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนช่องว่างของความเลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ เกิดขึ้นทั่วโลกส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ การฟื้นเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำไปพร้อมๆ กัน ต้องเริ่มจากที่ รัฐบาล เตรียมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เหมือนสหรัฐ และยุโรปที่มีแผนงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่าง "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ออกมาชัดเจน

รัฐบาลต้องมีการพยุงราคาสินค้า หรือจะเรียกว่าประกันราคาสินค้า จำนำ หรือจ้างผลิต สำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญ อย่าง ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และอ้อย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กลับไปสร้างผลิตผลทางการเกษตรพอที่เลี้ยงครอบครัว

รัฐบาลต้องปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่ เรียกเก็บจากคนที่แข็งแรงอยู่บนยอดพีระมิด ไม่ว่าจะเป็นภาษีความมั่งคั่ง ภาษีมรดกเพื่อนำรายได้จากภาษีเหล่านี้มาชดเชยรายจ่ายที่ไปกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติโควิด

รัฐบาลต้องพิจารณากฏหมายเกี่ยวกับการกระตุ้นการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ให้อินเซนทีฟ และเอื้อนักลงทุน ดึงดูดให้มาลงทุนในประเทศไทย

"ไทยมีความได้เปรียบในเรื่องทำเลที่ตั้ง และโครงสร้างพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ที่ผ่านมาบริหารจัดการเรื่องวัคซีนผิดพลาดเท่านั้น"

นอกจากนี้ รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อมทางด้านเม็ดเงินที่ใช้ในการลงทุน เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ จึงควรต้องขอขยายสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 60% เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศที่มีการปรับอัตราสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สูงขึ้นเพื่ออัดฉีดเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม ในประเทศ

อีกมาตรการเร่งด่วน รัฐบาลต้องช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี เช่น พักหนี้ ให้เงินทุนหมุนเวียน เมื่อเศรษฐกิจกลับมา รวมทั้งธุรกิจสายการบิน หากไม่ช่วยเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วจะมีเครื่องบินที่ไหนไปรับนักท่องเที่ยวมาประเทศไทย

"ปัญหาการเมืองเป็นสิ่งไม่ควรมองข้าม เศรษฐกิจและการเมืองเป็นของคู่กันมาตลอด หากแก้ไขเศรษฐกิจได้แต่ถ้าการเมืองไม่ถูกแก้ไขก็จะเกิดการเมืองบนท้องถนน เกิดการประท้วง เกิดความรุนแรง มาฉุดรั้งเศรษฐกิจอยู่ดี หากรัฐบาลทำอย่างผมเสนอ เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมา วันนี้ไม่ใช่เรื่องของเราแต่เป็นเรื่องประเทศ เมื่อไรที่ประเทศไปได้ ธุรกิจก็ไปต่อได้ ยกเว้นคนที่มีปัญหากระแสเงินสดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมเชื่อว่าถ้าภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ ช่วยกันช่วยเหลือสังคม คนตัวเล็ก พวกเราจะผ่านวิกฤติครั้งไปได้"

เช็คสถิติ 'ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล' ออกงวด 16 ส.ค. ย้อนหลัง 10 ปี 'หวย16/8/64'
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ น่าห่วง! พบติดเชื้อเพิ่ม 21,157 ราย เสียชีวิต 182 ราย ไม่รวม ATK อีก 803 ราย
'โควิดติดเชื้อวันนี้' ชลบุรี 1,223 เสียชีวิตอีก 9 ราย จับตาสถานที่ทำงานยอดพุ่ง
สำหรับวิธีการแก้ปัญหาโควิดของแสนสิริ มองเรื่อง "วัคซีน" เป็นอันดับแรก เพื่อฉีดให้พนักงานและครอบครัว รวมถึงพันธมิตร พนักงานดูแลความสะอาดและความปลอดภัยในโครงการ โดยจองซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม 37,000 โดส ฉีดได้ราว 18,000 คน พร้อมบริจาคให้ราชวิทยาลัยฯ 1,000 โดส เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในสังคมของแสนสิริโดย 9,000 โดสฉีดให้พนักงานและครอบครัว อีก 9,000 โดสฉีดให้พันธมิตรและชุมชนรอบแสนสิริ รวมถึงกลุ่มที่มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนน้อย เช่น รปภ. แม่บ้าน คนสวน ช่าง คนงานในแคมป์ก่อสร้าง ทำให้แรงงานแคมป์ของแสนสิริ มีภูมิคุ้มกันหมู่กว่า 70% บางไซต์ 100%

พร้อมกันนี้ได้หารือกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการสร้างโรงพยาบาลสนาม ในช่วงเกิดโควิดระลอก 2 ย่านนนทบุรี และสมุทรปราการ แต่ยังไม่ทันลงมือสร้าง สถานการณ์ดีขึ้นจึงไม่ได้ทำ พร้อมกันนี้ มีการบริจาครถตรวจโควิด และช่วงโควิดระลอก 3 ร่วมกับพาร์ทเนอร์ สร้างห้องอาบน้ำ 500 ห้องสำหรับผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลบุษราคัม โรงพยาบาลสนามเมืองทองธานี ล่าสุดทำห้องไอซียู 17 ห้อง

กรณี หากมีลูกบ้านที่ติดเชื้อระดับสีเขียวและประสงค์ที่จะกักตัวและรักษาตัวแบบ Home Isolation จะมี "พลัส พร็อพเพอร์ตี้" ทำหน้าที่ประสานงานโรงพยาบาล ที่มีบริการเทเลเมดิซีน เข้ามาดูแล

"วันนี้เราอยากเชิญชวนภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ ให้ความช่วยเหลือสังคมเพื่อให้เกิดการบูรณาการผู้ที่อ่อนแอให้แข็งแรง ตรงไหนรัฐบาลมองไม่เห็นหรือว่าไม่สามารถเข้าถึงได้ก็เข้าไปช่วยพยุง ไม่ว่าจะเป็นสตรีทฟู้ด โชว์ช้าง โชว์ลิง ลิเก หมอรำ ลำตัด ให้อยู่ได้จนถึงช่วงที่เศรษฐฟื้นตัว"
#3128


นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสที่ 2/2564 ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยเศรษฐกิจไทยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของการลงทุนรวม 8.1% ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการขยายตัว 27.5% สาขาอุตสาหกรรมขยายตัว  16.8% สาขาขนส่งขยายตัว 11.6% 

ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกขยายตัวได้ 2% โดยส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวในภาคการส่งออก  การให้การบริการด้านอาหาร ขณะที่การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวโดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 1.5 แสนคน จากประมาณการเดิม 5 แสนคน 

 "เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่มีโมเมนตั้มของบางส่วนของการผลิตและกิจกรรมาทางเศรษฐกิจที่ลดลง ตั้งแต่การระบาดของโควิดที่รุนแรงขึ้นตั้งเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา" นายดนุชากล่าว


นอกจากนี้ สศช.ยังปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยทั้งปีในปีนี้ลงจากเดิมคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 1.5 - 2.5% เหลือ  0.7 - 1.2 % เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีความรุนแรงขึ้นในขณะนี้ 

โดยคาดว่าเดือน ก.ย.จะเริ่มมีผู้ติดเชื้อลดลงหลังจากที่เดือน ส.ค.มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุด และเริ่มมีการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี รวมทั้งสามารถที่จะไม่มีการระบาดที่รุนแรงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ฐานการผลิต รวมทั้งการกระจายวัคซีนได้ 85 ล้านโดสในปี 2564

สำหรับคาดการณ์แนวโน้มทางเศรษฐกิจในปี 2564  ณ วันการแถลงในวันที่ 16 ส.ค.ที่สำคัญได้แก่ การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 1.1%  การบริโภคภาครัฐขยายตัวได้ 4.3% การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.7% การลงทุนภาครัฐลดลงเหลือ 8.7% ขณะที่การส่งออก สศช.คาดว่าจะขยายตัวได้ 16.3% 


สศช.ยังเสนอแนะประเด็นบริหารเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2564 7 ประเด็นสำคัญในการบริหารเศรษฐกิจมหภาคได้แก่ 

1.การควบคุมสถานการณ์การระบาดให้อยู่ในวงจำกัด รวมทั้งการเร่งรัดจัดหาและการกระจายวัคซีนอย่างเพียงพอและทั่วถึง

2.การช่วยเหลือเยียวยาประชาชน แรงงาน และภาคธุรกิจในช่วงที่การระบาดของโรคมีความรุนแรงและมีการดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวด  ควบคู่ไปกับการปรับมาตรการและดำเนินมาตรการเพิ่มเติมอย่างเหมาะสม เข้าถึงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับการระบาดที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น การพิจารณามาตรการช่วยเหลือ
ภาคแรงงานผ่านมาตรการรักษาระดับการจ้างงาน ควบคู่ไปกับการพิจารณามาตรการสร้างงานใหม่
และมาตรการพัฒนาทักษะแรงงาน และมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมในลักษณะเฉพาะเจาะจงให้กับผู้ประกอบการธุรกิจในสาขาที่ได้รับผลกระทบรุนแรง

3.การดำเนินมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเมื่อสถานการณ์การระบาดผ่อนคลายลง โดยให้ความสำคัญกับมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวของการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวภายในประเทศ 

4.การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า ควบคุมการแพร่ระบาดในฐานการผลิตที่สำคัญ การเร่งรัดแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อจำกัดและอุปสรรคในการขนส่งสินค้า การแก้ไขปัญหาการขาดแรงงานต่างชาติในภาคการผลิต การขับเคลื่อนการส่งออกไปยังตลาดหลักที่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน และการสร้างตลาดใหม่ให้กับสินค้าที่มีศักยภาพ การเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาและเตรียมศึกษาเพื่อเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญใหม่ ๆ

5.การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ

6.การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน  และ 7.การรักษาบรรยากาศทางการเมืองและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
#3129


นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ. (บอร์ด กนอ.) เมื่อ 11 ส.ค.ได้มีมติอนุมัติโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ภายใต้ชื่อนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานกับ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด พื้นที่โครงการอยู่ในตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ประมาณ 1,181 ไร่ มูลค่าการลงทุนโครงการ 4,856 ล้านบาท คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่และระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกและเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี ทั้งนี้ เมื่อเปิดดำเนินการแล้วจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 33,200 ล้านบาท เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 8,300 คน

สำหรับพื้นที่โครงการอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 44 กิโลเมตร ท่าเรือแหลมฉบังประมาณ 60 กิโลเมตร และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดประมาณ 119 กิโลเมตร มุ่งเน้นรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงและสมัยใหม่ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้าประจุสูง รวมถึงกิจการอื่นที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วย

โครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ แบ่งเป็นพื้นที่ประกอบกิจการประมาณ 70% และเป็นพื้นที่สาธารณูปโภคและพื้นที่สีเขียวรวมประมาณ 30% โดยได้นำแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ การจัดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการฯ การจัดสรรพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 10% และการนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วมาปรับปรุงคุณภาพ ก่อนนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ภายในโครงการ

"เมื่อเปิดดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ แล้วคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในประเทศอีกประมาณ 33,200 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8,300 คน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ นอกจากนี้ โครงการฯ มีความเป็นไปได้ทางการตลาดสูง เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่เป้าหมายคือพื้นที่อีอีซี โดยคาดว่าจะขายพื้นที่และให้เช่าพื้นที่ทั้งหมดได้ภายใน 4 ปี" ผู้ว่าการ กนอ.กล่าว
#3130


2 สิงหาคม 2564 เวลา 10.29 น. รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการที่สถานีกลางบางซื่อ แบ่งเป็น 2 เส้นทาง ได้แก่ บางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กิโลเมตร มี 10 สถานี และบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กิโลเมตร มี 3 สถานี

พร้อมกับ สถานีกลางบางซื่อ ที่ตั้งเป้าหมายจะเป็นศูนย์กลางคมนาคมระบบรางที่ใหญ่ที่สุด รองรับทั้งรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รถไฟทางไกล รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในอนาคต

แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 จะเปิดให้บริการจากสถานีกลางบางซื่อ เที่ยวแรก 06.00 น. เที่ยวสุดท้าย 19.30 น. ตามมาตรการของภาครัฐ แต่ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น ก็มีแผนที่จะเปิดให้บริการไปถึงเวลา 24.00 น.

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงครั้งแรก แม้จะช้ากว่าคนอื่นบ้าง แต่ก็พยายามสังเกต และเก็บเล็กผสมน้อยเพื่อที่จะบอกเล่าคุณผู้อ่านให้ฟัง เป็นประโยชน์ในการเดินทางไม่มากก็น้อย

ถึงแม้ว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงจะใช้เวลายาวนาน 12 ปี กว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง นับตั้งแต่ก่อสร้างงานโยธาช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันในปี 2552 แต่ยอมรับว่า กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ทำการบ้านไว้ดีมาก

โดยเฉพาะปัญหาหลักคือ "เมื่อถึงปลายทางแล้วจะไปยังไงต่อ?" จำเป็นต้องมีระบบฟีดเดอร์ (Feeder) เชื่อมต่อกัน

นอกจาก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะก่อสร้างอุโมงค์เชื่อมสถานีกลางบางซื่อ กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีบางซื่อแล้ว องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ยังเพิ่มเส้นทางรถเมล์ 4 สาย รองรับรถไฟฟ้าสายสีแดง

ขณะที่กระแสสังคม โดยเฉพาะบรรดาคนรักรถไฟ ต่างช่วยกันผลักดันรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วยกันสื่อสารและบอกต่อเพื่อให้ประชาชนสนใจทดลองใช้บริการ แม้ว่ามาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐ จะทำให้ช่วงนี้ผู้โดยสารเดินทางไม่มากก็ตาม

น่าสนใจว่า รถไฟฟ้าสายสีแดงจะเติมเต็มการเดินทางและคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างไร ขอพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง



เราตั้งต้นมาที่ สถานีชุมทางตลิ่งชัน ที่เป็นทั้งสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟทางไกลสายใต้ จากสถานีกรุงเทพและสถานีธนบุรี ถ้านั่งรถไฟจากภาคใต้หรือภาคตะวันตก ก็ลงที่สถานีนี้ และเปลี่ยนมานั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงได้

ส่วนรถประจำทาง ปัจจุบัน ขสมก. ได้เพิ่มเส้นทาง สาย 79 (เสริม) ออกจากอู่บรมราชชนนี ผ่านสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ผ่านสถานีตลิ่งชัน สถานีบางบำหรุ ไป MRT สิรินธร, MRT บางยี่ขัน สิ้นสุดที่สถานีขนส่งสายใต้เดิม (ปิ่นเกล้า)

แต่ถ้าไม่อยากรอรถเมล์นาน ยังมีอีกวิธีหนึ่ง คือ ลงรถเมล์ที่ ป้ายไปรษณีย์ตลิ่งชัน ถนนบรมราชชนนี เดินย้อนไปปากทางถนนฉิมพลี ก่อนถึงสะพานลอย แล้วต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างจะใกล้กว่าและเร็วกว่า

รถเมล์สายที่ผ่านป้ายไปรษณีย์ตลิ่งชัน ได้แก่ รถที่ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน (สาย 28, 35, 40, 66, 507, 511) จากถนนบรมราชชนนี (สาย 79, 123, 124, 515, 539, 556) ถนนกาญจนาภิเษก (สาย 127, 516)

รวมทั้งคนที่นั่งรถตู้จากบางบัวทองไปปิ่นเกล้า หรือรถตู้ บ.ข.ส. จากนครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี ฯลฯ ที่จะไปสายใต้เดิม ปิ่นเกล้า ก็บอกคนขับให้จอดที่ป้ายไปรษณีย์ตลิ่งชัน แล้วเดินย้อนมาที่ถนนฉิมพลี ต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้เช่นกัน

แต่สำหรับคนที่นั่งรถเมล์ สาย 515 ศาลายา-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หรือ สาย 539 อ้อมน้อย-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แนะนำให้ใช้บริการสถานีบางบำหรุ จะสะดวกกว่า โดยลงรถเมล์ที่ ป้ายสถานีบางบำหรุ แล้วเดินย้อนไปที่สถานีไม่กี่ก้าวเท่านั้น

ส่วนคนที่ลงรถไฟที่สถานีชุมทางตลิ่งชัน สามารถรอรถเมล์สาย 79 (เสริม) ได้ที่จุดจอดรถเมล์ด้านหน้าสถานี ส่วนสถานีบางบำหรุ ป้ายรถเมล์จะอยู่ฝั่งถนนเลียบทางรถไฟ ใต้ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตก









ด้านในสถานีชุมทางตลิ่งชันจะมี เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ 7 เครื่อง เครื่องเติมเงินอัตโนมัติ (Add Value Machine) 1 เครื่อง น่าสังเกตว่าเติมเงินได้ทั้งเหรียญ ธนบัตร รวมทั้งบัตรเครดิตได้ด้วย แต่ช่วงนี้เครื่องทั้งหมดยังไม่เปิดให้บริการ

หลังสแกนไทยชนะ ตรวจวัดอุณหภูมิแล้ว ตรงประตูกั้นอัตโนมัติ พนักงานจะให้สแกนคิวอาร์โค้ด เข้าสู่ Google Forms ตอบคำถามเพียงแค่จะไปลงที่สถานีไหนก็พอ ไม่ถามข้อมูลส่วนตัว เพื่อเก็บข้อมูลผู้โดยสารนำไปพัฒนาบริการ

เมื่อเข้าประตูกั้นอัตโนมัติแล้ว จะลงบันไดเลื่อนไปชั้นใต้ดิน ไปตามทางเดินเพื่อลอดอุโมงค์ไปยังชานชาลาที่ 1 แล้วขึ้นบันไดเลื่อนอีกครั้ง จะเห็นขบวนรถไฟฟ้าที่คนรักรถไฟเรียกกันว่า "หนูแดง" จอดอยู่

สัมผัสแรกที่พบเห็น พลันนึกถึง ตอนข้ามพรมแดนไทย-มาเลเซีย นั่งรถไฟ กอมมูเตอร์ (Komuter) จากสถานีปาดังเบซาร์ ไปสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ระยะทาง 170 กิโลเมตร เป็นรถปรับอากาศขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า นั่งแล้วรู้สึกชอบมาก

เคยนึกฝันว่า ประเทศไทยน่าจะมีแบบนี้ วันนี้ได้เกิดขึ้นจริง แม้ระยะทางจะสั้นไปหน่อยก็ตาม









ด้านในขบวนรถจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่ เก้าอี้พลาสติกสีแดง ด้านบนจะมีชั้นวางของ มีป้ายบอกสถานี และหน้าจอบอกสถานะสถานีที่มาถึง เสียงแจ้งเตือนปิดประตูจะคล้ายกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต ลิงก์ แต่เวลาปิดประตู เสียงจะดังน้อยกว่า

เมื่อนึกถึงเสียงประกาศบนรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงินและสีม่วง แอ้ม-สโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ประกาศข่าว จะออกแนวขึงขัง หนักแน่น ส่วนเสียงประกาศบนของรถไฟฟ้าบีทีเอส โหน่ง-พิมพ์ลักษณ์ กมลเพชร นักร้องชื่อดัง จะออกแนวหวานแหลม

แต่สำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดง ทราบว่าใช้เสียงของ แอน-นันทนา บุญหลง นักร้อง นักพากษ์ชื่อดัง และ นงอร มาสมบูรณ์ อดีตแอร์โฮสเตสสาว เสียงจะออกแนวหวานละมุนปนหนักแน่นเล็กน้อย







จากสถานีชุมทางตลิ่งชัน ใช้เวลาประมาณ 4 นาที แวะจอดที่สถานีบางบำหรุ ก่อนที่จะวิ่งข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แวะจอดที่สถานีบางซ่อน ซึ่งเป็นสถานีสุดท้าย ก่อนที่จะเข้าสู่สถานีกลางบางซื่อ เบ็ดเสร็จใช้เวลาประมาณ 15 นาทีพอดี

เมื่อลงจากขบวนรถ ทีแรกรู้สึกงงเล็กน้อยว่าจะไปทางไหน เพราะต้องการเปลี่ยนขบวนรถไปรังสิต ไม่ได้ต้องการออกจากสถานี กระทั่งตัดสินใจลงบันไดเลื่อนก็ถึงบางอ้อ มีป้ายบอกทาง "รถไฟฟ้าชานเมือง บางซื่อ-รังสิต ไปชานชาลา 3-4"

จำไว้ว่า ถ้าจะเปลี่ยนขบวนรถที่สถานีกลางบางซื่อ ให้ลงบันไดเลื่อนแล้วสังเกตป้าย ก่อนขึ้นบันไดเลื่อนไปชานชาลาอีกครั้ง "รถไฟฟ้าชานเมือง บางซื่อ-รังสิต ไปชานชาลา 3-4" และ "รถไฟฟ้าชานเมือง บางซื่อ-ตลิ่งชัน ไปชานชาลา 9-10"







ปัญหาอย่างหนึ่งของสถานีกลางบางซื่อ รวมถึงสถานีอื่นๆ คือ ป้ายบอกทางไม่มีความโดดเด่น สีกลืนกันหมด ทำให้เวลาอ่านมองไม่ชัด ถ้าเปลี่ยนรูปแบบให้ตัวหนังสือชัดเจนขึ้นก็จะดีกว่านี้

เราขึ้นมายังชานชาลา 3-4 ซึ่งเป็นชานชาลาขบวนรถที่จะมุ่งหน้าไปรังสิต ใช้เวลารอรถไฟเข้าสู่ชานชาลาประมาณ 10 นาที รถไฟฟ้าจากรังสิตก็มาถึง และเปิดให้ผู้โดยสารขึ้น-ลงจากขบวนรถ โดยไม่ต้องรอตรวจความเรียบร้อย

รถไฟจะจอดที่สถานีชุมทางบางซื่อประมาณ 5 นาที จากนั้นจะปิดประตู และเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังรังสิต สถานีแรกที่จอดคือสถานีจตุจักร ต่อด้วยสถานีวัดเสมียนนารี แนวเส้นทางจะขนานไปกับถนนวิภาวดีรังสิต

ผ่านสถานีบางเขน สถานีทุ่งสองห้อง สถานีหลักสี่ สถานีการเคหะ และ สถานีดอนเมือง ที่หากนับจากสถานีกลางบางซื่อ จะใช้เวลาประมาณ 18 นาที ต่อไปจะนั่งเครื่องบินไปต่างจังหวัด ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองได้ที่สถานีนี้

โดยจะมีทางเชื่อมสกายวอล์ก ที่ทางออกหมายเลข 6 (ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก) จะเห็นทางเลื่อนใต้ทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ให้เดินเข้าไปตามป้ายบอกทาง ก็จะไปออกอาคารจอดรถ 7 ชั้น และอาคารผู้โดยสารในประเทศ (Terminal 2)







เดิมเวลาไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ปกติจะขึ้นรถ A1 หรือ A2 ที่สถานีสวนจตุจักร เสียค่าโดยสาร 30 บาท รถจะขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ไปลงที่ทางลงสนามบินดอนเมือง จอดที่หน้าอาคาร 1 แล้วเดินเท้าไปเข้าอาคาร 2

นับจากนี้ คนที่นั่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จะไปสนามบินดอนเมืองก็สะดวกขึ้น เพียงแค่ลงที่สถานีบางซื่อ ออกจากระบบแล้วเดินเข้าทางเชื่อมสถานีกลางบางซื่อ ซื้อตั๋วเข้าระบบเสร็จเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชานชาลา 3-4 แล้วรอรถได้เลย

แต่ต้องกะเวลาเดินทางสัก 2-3 ชั่วโมง เผื่อรถไฟฟ้าขัดข้อง และสกายวอล์กเดินไกลมาก แต่ถ้ามีเวลาเหลือ จะมีศูนย์อาหารราคาประหยัด Magic Food Point อยู่ตรงนั้น ถัดมามีร้านยาเอ็กซ์ตร้า กาแฟมวลชน และร้านเซเว่นอีเลฟเว่น

เมื่อออกจากสถานีดอนเมือง ขบวนรถจะลงมายังทางระดับดิน สังเกตได้ว่ารถไฟจะเร่งความเร็วขึ้น ผ่านตลาดสี่มุมเมือง ถึงสถานีหลักหก จุดนี้จะมีสกายวอล์กไปยังสะพานเอกทักษิณ มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเมืองเอก และมหาวิทยาลัยรังสิต

จากนั้นรถไฟจะไต่ระดับลอยฟ้าอย่างช้าๆ ข้ามถนนรังสิต-ปทุมธานี เข้าสู่ปลายทางสถานีรังสิต หากนับจากสถานีตลิ่งชันจะใช้เวลารวมกัน 55 นาทีเท่านั้น ซึ่งรวมเวลาเปลี่ยนขบวนรถที่สถานีกลางบางซื่อด้วย



สถานีรังสิต เป็นทั้งสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟทางไกลสายเหนือ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ โดยแบ่งออกเป็นชานชาลาด้านล่างรถไฟทางไกล ชั้น 2 ห้องจำหน่ายตั๋ว และชั้น 3 ชานชาลารถไฟฟ้าสายสีแดง

บริเวณตรงข้ามประตูกั้นอัตโนมัติ จะมีห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟทางไกล ถ้าจะนั่งรถไฟต่อไปอยุธยา ชุมทางบ้านภาชี หรือสถานีอื่นๆ สามารถซื้อตั๋วรถไฟแล้วลงไปที่ชั้นล่าง รวมทั้งมีตู้จำหน่ายตั๋วรถไฟอัตโนมัติสำหรับรถไฟชานเมืองอีกด้วย

เวลาคนที่นั่งรถไฟจากภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือมาจากลพบุรี ชุมทางแก่งคอย ชุมทางบ้านภาชี อยุธยา จะไปต่อรถไฟฟ้าสายสีแดง ก็ลงที่สถานีรังสิต แล้วขึ้นไปชั้น 2 เข้าระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง แล้วขึ้นไปชั้น 3 รอรถไฟที่ชานชาลาได้

เหมือนกับเวลานั่งรถไฟจากภาคตะวันออก หรือมาจากฉะเชิงเทรา จะไปต่อรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 2 ซื้อเหรียญหรือแตะบัตรโดยสาร แล้วขึ้นไปชั้น 3 แต่ที่ตั้งสถานีลาดกระบัง รถไฟธรรมดากับแอร์พอร์ตลิงก์จะแยกกัน

ทราบมาว่าในอนาคต รถไฟทางไกลสายเหนือและสายอีสาน มีแผนจะไปเริ่มต้นที่สถานีรังสิต โดยจะมีขบวนรถที่ให้บริการสถานีกลางบางซื่อ เฉพาะขบวนรถพาวเวอร์คาร์ (รถกำลังไฟฟ้า) มี 4 ขบวน ไป-กลับ รวม 8 ขบวน

ได้แก่ ขบวนรถอุตราวิถี (กรุงเทพ-เชียงใหม่) อีสานวัตนา (กรุงเทพ-อุบลราชธานี) อีสานมรรคา (กรุงเทพ-หนองคาย) และทักษิณารัถย์ (กรุงเทพ-ชุมทางหาดใหญ่) เท่านั้น เพราะไม่มีปัญหาเรื่องควันรถและมลพิษในสถานี

อีกส่วนหนึ่งจะเป็นขบวนรถไฟชานเมือง ได้แก่ กรุงเทพ-ชุมทางบ้านภาชี, กรุงเทพ-ลพบุรี, กรุงเทพ-ชุมทางแก่งคอย จะใช้ทางรถไฟยกระดับ แต่จะไม่เข้าสถานีกลางบางซื่อ ลงมาระดับดินผ่านสถานีบางซื่อเก่า เพื่อไปยังสถานีหัวลำโพง

เรื่องนี้ต้องรอให้การรถไฟฯ ประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่บอกไว้ก่อนเพื่อจะได้เตรียมตัว
#3131


ค่าเงินบาทปีนี้อ่อนค่าแรงต่อเนื่อง โดยปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 ส.ค.) ที่ระดับ 33.35 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดสิ้นปี 2563 ที่ 29.99 บาทต่อดอลลาร์

โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีเงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่า 10% และเป็นการอ่อนค่ามากกว่าสกุลเงินภูมิภาค เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศ ดังนี้

1. สถานการณ์เศรษฐกิจกลุ่มประเทศหลักที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดี ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินภูมิภาคให้ปรับอ่อนค่าลง

2. เงินสกุลภูมิภาคบางประเทศอาจได้รับผลบวกจากปัจจัยเฉพาะ เช่น ประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าสูง หรือประเทศที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ได้ดี ทำให้สกุลเงินอ่อนไม่มากนัก เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้

3. ไทยยังมีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่รุนแรง รวมถึงนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยลงมากกว่าประเทศอื่น เนื่องจากมีสัดส่วนพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง

4. นักลงทุนต่างชาติปรับลดการถือครองหุ้นไทย แต่ยังคงเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว สะท้อนความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงฐานะด้านต่างประเทศของไทยยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง จากปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศที่สูง และสัดส่วนหนี้ต่างประเทศที่ต่ำ

ทั้งนี้ ธปท. ติดตามถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมดูแลไม่ให้เงินบาทผันผวนจนกระทบการปรับตัวของภาคธุรกิจ และแนะนำให้ภาคเอกชนบริหารความเสี่ยงค่าเงินอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้นำเข้า-ส่งออก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงค่าเงินได้ที่ https://bit.ly/35lWOaG
#3132


ByteDance เจ้าของ TikTok แอปพลิเคชั่นยอดฮิตสำหรับสร้างสรรค์ผลงานวิดีโอที่กำลังมาแรงในช่วง 2 ปีหลัง เล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของผู้ใช้ ทำให้แบรนด์จำนวนมากหันมาใช้โฆษณาบน TikTok เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ตัดสินใจพร้อมลุยตลาดในภูมิภาคเอเชียอย่างจริงจัง ใช้เวลากว่า 6 เดือนคัดเลือกบริษัทตัวแทนในการดูแลการซื้อขายมีเดียทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย

สุดท้ายได้บริษัทที่มีความเหมาะสม คือ "iFulFeel Co., Ltd." โดย TikTok แต่งตั้งเป็นตัวแทนดูแลการการซื้อขายมีเดียให้กับ Tiktok ทั่วทั้งทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดย iFulFeel Co., Ltd. มีหัวเรือใหญ่ คือ "ชาร์ลี ฉั่ว" นักธุรกิจผู้คร่ำหวอดในวงการโลจิสติกส์ระหว่างไทยกับจีนมากว่า 30 ปี นั่งแท่นเป็น CEO ของ iFulFeel และเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันก่อให้เกิด ความตกลงครั้งสำคัญนี้

ตั้งเป้า นำ TikTok มาเป็นส่วนหนึ่งมาสร้างระบบ E-Commerce ระหว่างประเทศให้ทุกคนที่มี TikTok สามารถเข้าถึงได้ โดย iFulFeel เป็นจุดศูนย์กลาง

TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการทำวิดีโอเป็นคอนเทนต์หลัก ชาร์ลี ฉั่วเล็งเห็นว่า โปรดักชั่นในการถ่ายทำก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญ และถือเป็นหัวใจหลักของ TikTok จึงได้สร้างโปรเจกต์ iFulFeel x G-Village x Playground ขึ้นมา รวบรวมกลุ่มบริษัทที่มีความสามารถในวงการโฆษณาเพื่อสร้าง TikTok Production House Specialist นำโดย Liveplus Hause Co.,Ltd. โดยมีฐานหลักอยู่ที่ G-Village Co-Creation Hub สถานที่รวบรวมและสร้างคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไว้มากมาย และยังเป็น Studio ท่ีมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ

นอกจากนี้ iFulFeel ยังได้ "โรจน์ พุทธคุณ" ผู้ก่อตั้งบริษัท Mainstand บริษัทผู้ผลิตข่าวในวงการกีฬา และไลฟ์สไตล์ชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นบุคคลสำคัญผู้ผลักดันและพัฒนาวงการ E-Sports ในประเทศไทยให้ฮิตติดเทรนด์ในทุกวันนี้ ที่ครั้งนี้มาในนาม Playground เป็นผู้ดูแลการผลิตทั้งหมดและบริหารสตูดิโอ รวมถึงการตั้งเป้าพัฒนาให้ G-Village กลายเป็นจุดศูนย์กลางที่จะรองรับ TikTok Cerators ที่มีความสนใจในการสร้าง Content สนุก เพื่อสร้างให้ TikTok กลายเป็นโซเชียลมีเดียที่ฮิตติดเทรนด์

สิ่งที่สำคัญ สำหรับวิสัยทัศน์ของ "ชาร์ลี ฉั่ว" คือ การที่เล็งเห็นว่า SME ไทย ต้องการสร้างเเคมเปญโฆษณาต่าง ๆ โดยใช้ TikTok แต่ยังขาดผู้ให้คำปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จึงได้ร่วมมือกับ Zpace Group Advertising Agency กลุ่มบริษัทโฆษณาในไทย ที่นำทัพโดย จักรพันธ์ ศรีจันทร์ทัพ และ คุณภัทร วิชชุภานน์ ที่จะมาดูแลในส่วนของการวางแผนงานโฆษณาและแคมเปญต่าง ๆ ครอบคลุมถึงการทำแคมเปญในรูปแบบ IMC เพื่อรองรับธุรกิจทุกรูปแบบ

รวมถึงการประชาสัมพันธ์ที่ได้ Space Flares Creative PR Agency นำโดย อุทุมพร สุขประวิทย์ เข้ามาเป็นอีกพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งในสายงานประชาสัมพันธ์ โดยได้มีการเริ่มโปรเจกต์ไปแล้วบางส่วน เช่น แคมเปญ 100 บาทช่วยชาติ ที่มีการประสานงานกับ Gmall Co., Ltd. เพื่อช่วยเกษตรกรและ SME ชาวไทยในช่วงวิกฤตการณ์ Covid-19

ชาร์ลี ฉั่ว ยังได้เผยถึงมุมมองแนวคิดการทำงานว่า ต้องการสร้างทีมที่สามารถทำงานโฆษณาได้ครบทุกด้าน เพราะนั่นถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ Tiktok Asia เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับรูปแบบทางเศรษฐกิจในทุกวันนี้ โดยมีความตั้งใจจะให้บริการในรูปแบบ One Stop Service และต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการกับผู้บริโภคถึงขีดสุด

โดยเมื่อผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ โฆษณาบน TikTok Media จาก iFulFeelแล้ว จะได้รับการบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนที่มีความสำคัญและเป็นหัวใจหลักของการทำ TikTok อย่างการทำโปรดักชั่นจากทีมงานมืออาชีพอย่าง Playground พร้อมด้วยคำแนะนำด้านการทำงานครีเอทีฟและสตูดิโอสำหรับจัดกิจกรรมและการถ่ายทำที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับงานทุกรูปแบบจาก G-village เพื่อยกระดับการสร้างสรรค์ผลงานของผู้บริโภคให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ปัจจุบัน TikTok เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจซึ่งตอบโจทย์แบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย Generation Y-Z เป็นอย่างมาก ด้วยรูปแบบโฆษณาที่โดดเด่น หลากหลาย และสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม คุณชาร์ลี ฉั่ว คาดว่าภายในระยะเวลา 2 ปี TikTok จะสามารถขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มหลักของสื่อโซเชียลมีเดียคู่กับ Facebook และจะกลายเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1 ของ E-commerce ได้อย่างเเน่นอน
#3133
 
ทำไมข้าวออร์แกนิคถึงดี
ทำไม ข้าวกล้องอินทรีย์    (SURIN Organic Rice)  ถึงดีกว่าข้าวทั่วๆไปที่ใช้สารเคมีอย่างไร ? ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ หรือ ข้าวออร์แกนิค (Organic Rice)  คือ  ข้าวปลอดสารเคมีสุรินทร์ทีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติในนา ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลินิล ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์  สารเคที สารพิษ ยาฆ่าหญ้า ว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตของ ข้าวอินทรีย์แฟร์เทรด  สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากการดัดแปลงพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม  เราเน้นปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในไร่นาหรือจากแหล่งอื่น ควบคุมโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานที่ไม่ใช้สารเคมี การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมมีความต้านทานโดยธรรมชาติ รักษาสมดุลของศัตรูธรรมชาติ การจัดการพืช ดิน และน้ำ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นข้าว เพื่อทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงตามธรรมชาติ การจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เป็นต้น มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญในทุกขั้นตอนการผลิตและการแปรรูป ข้าวปลอดสารพิษ

 
ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษส่งทั่วไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook : https://www.facebook.com/Hor.Product
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ  ข้าวหอมมะลิออแกนิคส่งทั่วไทย
1.  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์สุรินทร์
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์
3.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออแกนิค
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารเคมีสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค
6.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลินิล
7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค #ข้าวออแกนิก  #ข้าวอินทรีย์ #ข้าวสุขภาพ
 

 
 
#3134


หลังจากชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ เรียกร้องจัดหาชุดตรวจ ATK ที่มีคุณภาพมาตรฐานองค์การอนามัยโลกนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ดองค์การเภสัชกรรม ได้สั่งชะลอการทำสัญญาซื้อชุดตรวจ ATK 8.5 ล้านชุดของบริษัทออสท์แลนด์ แคปติตอล  ชนะการประมูล ที่ได้ทำสัญญากับบริษัท เวิล์ด เมดิคอล อัลไลแอนซ์ ประเทศไทย ให้เป็นผู้ยื่นประมูลแทน ซึ่งเวิล์ด เมดิคอล เดิมมีชื่อว่า พานาซี กรุ๊ป เป็นบริษัทในเครือของณุศาศิริ ที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 

จากคำสั่งระงับใช้ชุดตรวจ เชื้อไวรัสโควิดทั้ง Antigen Rapid Test Kit และ Antibody Rapid Test Kit ของ Lepu Medical Technology ที่ออสท์แลนด์ แคปปิตอล ได้นำเข้า ส่งผลให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ATK ที่ชนะประมูลนั้นมีประสิทธิ์ภาพหรือไม่นั้น  

"ศิริญา เทพเจริญ" รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ (มหาชน) ตัวแทนจำหน่าย ATK ของ ออสท์แลนด์ แคปปิตอล และเป็นผู้นำATKเข้าประมูลในโครงการพิเศษของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)  กล่าวว่าชุดตรวจ ATK ของ Lepu เป็นโนฮาวในยุโรปที่ผลิตจากโรงงานในประเทศจีนซึ่งได้รับการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยาเรียบร้อยแล้ว ทำให้มั่นใจว่าเราได้ของมีคุณภาพในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ จะได้ช่วยประหยัดงบประเทศชาติจึงเกิดแนวคิดที่มาประมูลงานรัฐ เป็นครั้งแรกการประมูลช่วยชาติ!! 

 ในราคาชุดละ 70 บาท เป็นเพราะสั่งซื้อปริมาณมาก ทำให้ชนะประมูลคู่แข่งในราคาที่ต่ำกว่าแค่ 2 บาท กำไรไม่ได้ได้มากชิ้นละ2-3 บาท ส่วนกรณี FDAสหรัฐขอเก็บคืนเพราะว่าเป็นสินค้าที่ถูกลักลอบนำเข้าไปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและการที่Antigen Rapid Test Kit และ Antibody Rapid Test Kit ของ Lepu Medical Technology ไม่ได้ FDA ในสหรัฐอเมริกา เพราะช่วงที่โดนัล ทรัม ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น ไม่อนุญาตให้สินค้าจากจีน เข้าไปขอ  FDA และATKดังกล่าวไม่ใช่ATKน้ำลายหรือจมูกแต่เป็นการเจาะเลือด ซึ่งเป็นคนละตัวกัน  จึงเป็นการเข้าใจผิด !! ซึ่งตนพร้อมที่จะชี้แจง


ศิริญา  ระบุว่า หากยกเลิกไม่เซ็นสัญญา ไม่เป็นไรไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะตั้งใจประมูลเพื่อช่วยชาติประหยัดงบ และการที่ราคาถูกกว่าคนอื่น2 บาทไม่ใช่ว่าของราคาถูกกว่าคนอื่นจะไม่ดี แต่เป็นเพราะสามารถต่อรองกับผู้ผลิตได้ เนื่องจากจำนวนลอตใหญ่ถึง8.5 ล้านชุด  ขณะนี้รอแค่เซ็นสัญญาค่อยโอนเงินก่อนที่นำเข้าATK มาให้รัฐบาลได้ทันตามกำหนดภายใน 14 วัน


"กระแสข่าวที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะมีคนที่เสียผลประโยชน์มากกว่า แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะไม่เคยเข้ามาประมูลงานรัฐมาก่อน แต่อยากทำตรงนี้เพื่อนำเข้าชุดตรวจได้ในราคาถูก เพื่อให้สามารถเปิดประเทศได้เร็วขึ้น  "       

 ทั้งนี้ เนื่องจากมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอยู่จึงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดโดยตรง จึงพยายามหาชุดตรวจราคาถูกและได้มาตรฐานเข้ามาใช่้ ยิ่งซื้อปริมาณมากได้ราคาถูก จึงเข้าประมูลงานรัฐ เพราะหากสามารถมีจำนวนมากพอทำให้สามารถต่อรองราคากับทางโรงงานได้ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถจัดงานต่างๆได้ โดยมีการตรวจก่อนเข้างาน  แต่ถ้าปริมาณไม่มากพอโรงงานขายชุดตรวจให้ในราคาเดิม 

"  ไม่ใช่ว่าของที่ผลิตในจีนไม่ดีนะ มันหมดยุคแล้วที่คิดว่าสินค้าจากจีนไม่ดี ต้องปรับทัศนคติใหม่ เพราะสินค้าเขาเทคโนโลยีจากยุโรปเขาใช้กันในอียู"       
#3135


บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น แจ้งผลงานไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิ 220.6ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 35.5 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.4% จากไตรมาสที่แล้ว โดยไตรมาสนี้มีรายได้รวม 858.3 ล้านบาท บริษัทฯ สร้างยอดขายประกันภัยได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทุกช่องทาง และยังมีรายได้จากประกันโควิดที่เติบโตตามความต้องการของตลาด เบี้ยประกันภัย COVID-19 ทำได้เกือบ 700 ล้านบาท มั่นใจปีนี้ทำยอดขายได้ตามเป้า 25,000 ล้านบาท ยังคงเดินหน้าบุกผลิตภัณฑ์ประกันออนไลน์เต็มรูปแบบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการประกันของผู้บริโภคในทุกมิติ พร้อมเปิดตัว Innovative ในการเลือกซื้อประกันภัยบ้านเร็วๆ นี้


ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ผู้นำด้านที่ปรึกษาประกันภัยและการเงิน เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 ว่า บริษัท ฯ มีกำไรสุทธิ 220.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีรายได้รวม 858.3 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ค่าบริการ จำนวน 835.7 ล้านบาท บริษัทฯ สร้างยอดขายประกันภัยได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทุกช่องทาง และยังมีรายได้จากประกันโควิดทั้งจากการต่ออายุและที่เติบโตตามความต้องการของตลาดที่ในไตรมาสนี้มีความตื่นตัวของการทำประกันภัยโควิดในวงกว้าง เบี้ยประกันภัยโควิด ทำได้เกือบ 700 ล้านบาท โดยช่องทางหลักยังเป็นช่องทางออนไลน์ ทำให้บริษัทมีฐานลูกค้าสะสมกว่า 2 ล้านราย

ขณะเดียวกัน บริษัท ฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการคิดเป็น 45.7% ของรายได้รวม หรือลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 48.4.% ของรายได้รวม ส่งผลให้บริษัท ฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ในระดับสูงที่ 53.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 188 ล้านบาท คิดเป็น 21.9% ของรายได้รวม

ดร.อัญชลิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มการเติบโตในครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าสามารถปิดยอดขายตามเป้า 25,000 ล้านบาท ทั้งนี้มั่นใจว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากโควิด แต่ประกันภัยยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภค เพราะเมื่อเกิดเหตุประกันจะมาช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็เห็นความสำคัญของประกันสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการตื่นตัวในการทำประกันโควิดซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่ผู้บริโภคสัมผัสได้จริงว่าประกันสามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้

ขณะเดียวกันบริษัท ฯ ยังคงเดินหน้าบุกผลิตภัณฑ์ประกันออนไลน์เต็มรูปแบบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการประกันของผู้บริโภคในทุกมิติ ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันให้เหมาะสมกับ Lifestyle ของผู้บริโภค และครอบคลุมได้ทุก Segment เต็มรูปแบบ โดยบริษัทพร้อมเปิดตัว Innovative ในการเลือกซื้อประกันภัยบ้านเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ช่องทางเทเลที่ทางหลักของบริษัทก็ได้มีการวางระบบการทำงานแบบ Work from home ไว้รองรับตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้สามารถขายประกันได้ไม่หยุดชะงัก รวมทั้งงานบริการก็ยังสามารถให้บริการลูกค้าได้เต็มรูปแบบ ขณะที่ช่องทางออนไลน์บริษัทมีฐานลูกค้ากว่า 2 ล้านราย ซึ่งบริษัทสามารถต่อยอดจากฐานลูกค้าได้ โดยเฉพาะประกันสุขภาพที่เป็นผู้บริโภคให้ความสนใจกันมากยิ่งขึ้น ดร.อัญชลิน กล่าว
#3136


นางลินดา ลีสหะปัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน)หรือ BH แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส2ปี2564 จำนวน 216.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น387.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.42 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้รวม3,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.2% โดยเป็นรายได้จากกิจการโรงพยาบาลจำนวน 2,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น23% จาก2,422 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2563

ทั้งนี้สาเหตุหลักเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างประเทศ 27.3%และ 18.5% ตามลําดับ เป็นผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 53.6%จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น46.4% ในไตรมาส 2 ปี 2564 เทียบกับ 51.8% และ 48.2%ตามลําดับในไตรมาส 2 ปี 2563

ส่วนผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก2564 มีกำไรสุทธิ 307.59 ล้านบาท ลดลง 62%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 809.62 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้ 5,694 ล้านบาท ลดลง13.5% จากครึ่งปีแรก2563 ที่มีรายได้รวม 6,586 ล้านบาท 

ทั้งนี้สาเหตุหลักเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติ 32.3% หักลบกับการเพิ่มขึ้นของราไยด้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทย13.1% เป็นผลทำให้รายได้จากลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็น53.7% จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น46.3%ในครึ่งปีแรกของปี2564เทียบกับ41%และ59%ตามลำดัล ในครึ่งปีแรกของปี2563

ขณะที่คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด)อนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดสำหรับผลดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกปี 2564 (1ม.ค.-30มิ.ย.2564) ในอัตรา1.15 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 26 ส.ค. 2564 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 25 ส.ค. 2564 กำหนดจ่ายวันที่ 8 ก.ย.2564
#3137


มาเวอริค บิญาเลส นักบิดหนุ่มชาวสแปนิช จะไม่ได้ลงสนามแข่งโมโตจีพี รายการ ออสเตรียน กรังด์ ปรีซ์ สุดสัปดาห์นี้ หลังต้นสังกัดชี้แจงว่าเจ้าตัวจงใจทำรถเสียหายเมื่อสนามที่แล้ว

ก่อนหน้านี้ บิญาเลส ลงแข่งรายการ สตีเรียน กรังด์ ปรีซ์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทว่าไม่จบการแข่งขันเพราะรถมีปัญหา ต้องออกจากสนาม และทาง มอนสเตอร์ เอเนอร์จี ยามาฮ่า ก็เอารถไปตรวจสอบหาข้อผิดพลาด

แต่แล้วก่อนแข่งสนามใหม่ วันที่ 15 สิงหาคม ทีมรถสัญชาติญี่ปุ่น ก็ออกแถลงการณ์ว่า บิญาเลส จะไม่ได้ลงสนามสัปดาห์นี้ ซึ่งเนื้อหาเปรียบเหมือนการลงโทษเพราะระบุว่านักแข่งกระทำการให้รถตัวเองเกิดความเสียหาย จนไม่จบการแข่งขัน

"ยามาฮ่า รู้สึกเสียใจที่ต้องประกาศว่า มาเวอริค บิญาเลส จะไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ออสเตรียน กรังด์ ปรีซ์ สุดสัปดาห์นี้ หลังถูกถอดชื่อออกจากของทีมในศึกที่ เรดบูลล์ ริง"

"ข้อสรุปของ ยามาฮ่า คือการกระทำของนักบิดอาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยยะสำคัญต่อเครื่องยนต์ของรถแข่ง YZR-M1 ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายต่อตัวนักบิด และอาจเป็นอันตรายต่อนักบิดคนอื่น และทีมจะไม่ส่งนักบิดคนใดลงแทนที่ บิญาเลส"

จากข้อความดังกล่าว ทำให้มีการสันนิษฐานว่าอนาคตของนักแข่งมีปัญหาเข้าให้แล้ว และอาจถึงคราวต้องแยกทางกันหากสอบสวนเพิ่มเติมแล้วพบว่ามีพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อทีม
#3138


การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุด ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ของสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมันกำลังเล่นงานอย่างหนักรัฐต่างๆ อย่างเช่น ฮาวายและออริกอน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยประสบความสำเร็จควบคุมโรคระบาดใหญ่และมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปประเทศ ส่งให้เวลานี้ค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทั่วประเทศแตะระดับราวๆ 123,000 คนต่อวัน และเสียชีวิต 500 คนต่อวัน

หลายเดือนหลังจากประสบความสำเร็จในการควบคุมเคสผู้ติดเชื้อและผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ในระดับบริหารจัดการได้ เวลานี้หลายรัฐกำลังก้าวถอยหลัง ท่ามกลางจำนวนคนไข้ที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สร้างความอ่อนล้าแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่งานล้นมือ

ออริกอน ก็เช่นเดียวกับฟลอริดา อาร์คันซอและลุยเซียนา ที่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล สูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด และสถานการณ์ในฮาวายก็ไม่ต่างกัน

สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแม้ว่าออริกอนและฮาวาย มีระดับการฉีดวัคซีนสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศจนถึงสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนอาร์คันซอและลุยเซียนาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมาก ขณะที่ฟลอริดามีอัตราการฉีดวัคซีนพอๆ กับค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ

"มันใจสลาย ผู้คนเหนื่อยล้า คุณสามารถเห็นมันในดวงตาของพวกเขา" นายแพทย์เจวัน คูห์ล หัวหน้าเจ้าหน้าที่แพทย์แห่งศูนย์การแพทย์พรอวิเดนซ์ เมดฟอร์ด เมดิคอล เซ็นเตอร์ กล่าว และเล่าถึงสภาพที่คนไข้หลายคนถูกทิ้งไว้บนเตียงเคลื่อนที่บริเวณทางเดินของอาคาร และเครื่องมือสำหรับสังเกตอาคารของคนไข้เหล่านั้นส่งสัญญาณดังตลอดเวลา

ไวรัสกำลังถาโถมโจมตีสหรัฐฯ อีกรอบ ผลจากการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้ง่ายมากและอัตราการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า โดยเฉพาะในแถบภาคใต้ของประเทศ พื้นที่ชนบทพื้นอื่นๆ และหลายพื้นที่ทั่วประเทศที่มีแนวคิดอนุรักษนิยม

ปัจจุบัน เคสผู้ติดเชื้อทั่วประเทศอยู่ที่ราวๆ 123,000 คนต่อวัน สูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภพันธ์ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตค่าเฉลี่ยดีดตัวสู่ระดับ 500 คนต่อวัน ย้อนกลับสู่ระดับเดียวกับช่วงเดือนพฤษภาคมอีกครั้ง

ระหว่างการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ที่ผ่านมา ฮาวายเป็นหนึ่งในรัฐที่มีอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้ พวกเขารายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันมากกว่า 600 คน สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด

ในช่วงเวลาเลวร้ายสุดของเมื่อปี 2020 ฮาวายมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาการหนักเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุด 291 คน ทว่าในการแพร่ระบาดระลอกล่าสุด เจ้าหน้าที่คาดหมายว่าจำนวนผู้ติดเชื้ออาการหนักเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล น่าจะแตะระดับ 300 คนในสัปดาห์นี้

แม้ผู้คนในรัฐแห่งนี้มีความต้องการฉีดวัคซีนกันค่อนข้างมาก แต่มันใช้เวลาถึง 3 สัปดาห์ นานกว่าที่คาดหมายไว้ ในการเพิ่มจำนวนผู้ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วจากระดับ 50% เป็น 60% และนับตั้งแต่นั้นระดับเข้ารับการฉีดวัคซีนก็คงที่ ในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วประเทศอยู่ที่ราวๆ 59%

โรงพยาบาลใหญ่ที่สุดบนเกาะบิ๊กไอส์แลนด์ของรัฐฮาวาย กำลังรู้สึกถึงแรงกดดัน โดยจากเตียงคนไข้ที่ใช้งานจริง 128 เตียงของศูนย์การแพทย์. เมดิคอล เซ็นเตอร์ มีผู้ป่วยครองเตียงแล้ว 116 เตียง และเตียงผู้ป่วยหนัก 11 เตียงของโรงพยาบาลเต็มอยู่เกือบตลอดเวลา จากการเปิดเผยของโฆษก

ฮิลตัน เรียเทล ประธานและซีดีโอของสมาคมดูแลสุขภาพแห่งรัฐฮาวาย กล่าวโทษการแพร่ระบาดหนักหน่วงขึ้นไปที่การฟื้นตัวในด้านการท่องเที่ยวของรัฐแห่งนี้ "นักท่องเที่ยวเป็นแหล่งต้นตอหนึ่งของการแพร่เชื้อ แต่พวกเขาไม่ได้เป็นแหล่งต้นตอหลักของการแพร่เชื้อ มีความกังวลมากมายเกี่ยวกับผู้คนจากฮาวายเอง พวกชาวบ้านที่เดินทางไปยังภาคใต้ ไปยังเวกัส ไปยังสถานที่อื่นๆ และพวกเขากลับมาแพร่กระจายเชื้อไวรัส"

ในออริกอน ผู้ว่าการรัฐเคท บราวน์ แถลงเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า เกือบทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอีกครั้งยามอยู่ในพื้นที่สาธารณะในร่ม โดยไม่พิจารณาสถานะการฉีดวัคซีนของบุคคลนั้นๆ

เมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ถือเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่รัฐแห่งนี้รายงานมีคนไข้โควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดที่ 665 คน หลังจากเคยพุ่งสู่จุดพีกสุด 622 คน ระหว่างเผชิญการแพร่ระบาดระลอกพฤศจิกายนปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่วัคซีนจะเข้าถึงอย่างกว้างขวาง และเวลานี้เตียงไอซียูทั่วทั้งรัฐมีผู้ป่วยครองเตียงแล้วราวๆ 90%

ที่รัฐฟลอริดา ซึ่งผู้ว่าการรัฐรอน เดอซานติส คัดค้านการบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากาก คนไข้ล้นห้องฉุกเฉินบางแห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้แพทย์ต้องตัดสินใจส่งคนไข้หลายคนกลับบ้านไปพร้อมกับออกซิเจนและอุปกรณ์สังเกตระดับออกซิเจนแบบพกพา เพื่อเปิดทางให้เตียงว่างสำหรับรองรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักกว่า

(ที่มา : เอพี)
#3139


กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จัดตั้ง ธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน (Community Seed Bank) มีศักยภาพอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์พืชในระยะสั้น ปานกลาง ระยะยาว 20-50 ปี เก็บรักษาตัวอย่างเมล็ดพืชสูงสุด 10,000 ตัวอย่าง ณ สถานีวิจัยลำตะคอง จ.นครราชสีมา ภายใต้การดำเนิน โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ผ่านการขับเคลื่อนใน 3 มิติ คือ สำรวจ-อนุรักษ์ วิจัย-นำไปใช้ประโยชน์ และให้บริการชุมชน มุ่งหวังสร้างความยั่งยืนให้ภาคการเกษตรของประเทศ

ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ ในส่วนของ สถานีวิจัยลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าร่วมสนองพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ (อพ.สธ.) เพื่อดำเนินการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติ ภายใต้การดำเนินงานดังกล่าว วว. จึงได้จัดตั้ง ธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน (Community Seed Bank) ขึ้น ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งสำหรับการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชแบบนอกถิ่นที่อยู่อาศัย (Ex situ Conservation) โดยการสร้างสภาพแวดล้อมในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ให้คงความมีชีวิตและอยู่ได้นานที่สุด ธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชนแห่งนี้ จะเป็นศูนย์กลางการอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์พืชป่าและพืชพื้นเมือง เพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนและมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชของประเทศไทย โดยจะทำหน้าที่เป็นแหล่งรวบรวมและเก็บรักษาพันธุกรรมพืชที่ดีและพืชที่มีความสำคัญต่องานด้านการอนุรักษ์



"การจัดตั้ง ธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน สอดคล้องกับนโยบาย BCG Model ของรัฐบาลซึ่งให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ที่มุ่งเน้นเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว โดยตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและวิจัยเมล็ดพันธุ์ข้าว พืชผัก ในภูมิภาค เพื่อผลักดันระบบการเกษตรไทยสู่การเกษตรยั่งยืนบนความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมต่อยอดการพัฒนาเมล็ดพันธุ์เป็นสินค้าส่งออกในอนาคต ทั้งนี้ วว. เชื่อมั่นว่าการดำเนินงานของธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน จะช่วยตอบโจทย์นโยบายรัฐบาลให้เป็นรูปธรรม"  ผู้ว่าการ วว. กล่าว



นายมนตรี แก้วดวง ผู้อำนวยการสถานีวิจัยลำตะคอง วว. กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน มุ่งดำเนินงานขับเคลื่อนใน 3 มิติหลัก คือ 

1.การสำรวจและการอนุรักษ์ เก็บรวบรวมเมล็ดพันธุ์พืช ทั้งพืชป่า พืชพื้นเมือง และพืชป่าใกล้เคียงพืชปลูก รวมทั้งเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานทางด้านเมล็ดพันธุ์ 

2.การวิจัยและการนำไปใช้ประโยชน์ ศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพของพืช ศึกษาวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านเมล็ดพันธุ์นำไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน 

3.การบริการชุมชน ได้แก่ งานบริการรับฝากเมล็ดพันธุ์เพื่ออนุรักษ์ในธนาคารเมล็ดพันธุ์พืช ทั้งในส่วนของบุคคล ชุมชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชบางชนิดเพื่อการวิจัยและการใช้ประโยชน์ รวมทั้งการให้บริการด้านวิชาการเกี่ยวกับการอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์พืช การใช้ประโยชน์และการดำเนินงานของธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน เช่น ศึกษาดูงาน ให้คำปรึกษาด้านเมล็ดพันธุ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านเมล็ดพันธุ์สู่ชุมชน



ธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน วว. ดำเนินงานเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์จากการสำรวจและงานวิจัย 80% งานบริการรับฝากเมล็ดพันธุ์ 20% มีความพร้อมของบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญด้านการวิจัยและพัฒนาด้านเมล็ดพันธุ์ มีห้องเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ระยะปานกลาง (4 องศาเซลเซียส) เพื่อการอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์พืชในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง โดยเฉลี่ยประมาณ 2-20 ปี และมีห้องเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ระยะยาว (-20 องศาเซลเซียส) เพื่อการอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์พืชในระยะยาวโดยเฉลี่ยประมาณ 20-50 ปี มีศักยภาพในการเก็บรักษาตัวอย่างเมล็ดพืชสูงสุด ประมาณ 10,000 ตัวอย่าง ปัจจุบันได้เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์จำนวน 140 ชนิด โดยมีเมล็ดพืชที่พบเฉพาะในประเทศไทย (endemic species) 20 ชนิด



ทั้งนี้ ธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน วว. เปิดให้ผู้สนใจ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไปเข้าศึกษา อบรม และรับการถ่ายทอดความรู้ด้านเมล็ดพันธุ์ ณ สถานีวิจัยลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 
333 หมู่ 12 ถ. มิตรภาพ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 
โทร. คุณเบญจมาศ 088-1911144 , คุณอรุณวรรณ 087-8793330 
#3140


"เจ้าอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายทีมชาติไทย ทำไป 1 แอสซิสต์ ก่อนจะโดนไล่ออกช่วงทดเจ็บ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส เปิดบ้านเอาชนะ นาโงย่า แกรมปัส 2-0 ยึดตำแหน่งรองจ่าฝูงของตารางอย่างเหนียวแน่น

ศึกฟุต.เจลีก ญี่ปุ่น วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม 2564 มีเกมการแข่งขัน 1 คู่ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส เปิดรังมิตสึซาวะ สเตเดียม รับการมาเยือนของ นาโงย่า แกรมปัส

"เจ้าอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายขวัญใจชาวไทย ได้โอกาสลงสนาม 11 คนแรก เป็นเกมที่สองติดต่อกัน ส่วนในแนวรุกมี 2 แข้งแซมบ้า อย่าง เอลแบร์, มาร์กอส จูเนียร์ โดยใช้ เคนยุ ซุงิโมโตะ เป็นกองหน้าตัวเป้า

โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม น.13 มาได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ ธีราทร บุญมาทัน เปิดจากริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายไปให้ เคนยุ ซุงิโมโตะ โหม่งเข้าไป

หลังจากนั้นนาทีที่ 33 เจ้าถิ่นที่ยังเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง ก็มีได้ประตูหนีห่าง 2-0 จากลูกจุดโทษของ มาร์กอส จูเนียร์ และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+2 โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน จากจังหวะที่ ธีราทร บุญมาทัน ไปเหนี่ยว มาเธอุส กองหน้าของคู่แข่งที่พยายามจะแตะหลบ ล้มลงไปหน้ากรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินควักใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดง ไล่ออกจากสนาม

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำสกอร์กันเพิ่ม หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส เปิดบ้านเอาชนะ นาโงย่า แกรมปัส 2-0 เก็บ 3 คะแนน มีเพิ่มเป็น 53 แต้ม รั้งอันดับ 2 ของตารางจากการลงเล่น 23 นัด ตามหลังคาวาซากิ ฟรอนทาเล่ ทีมจ่าฝูง 8 แต้ม ส่วนผู้มาเยือนมี 37 แต้ม รั้งอันดับ 6 ของตาราง จากการลงเล่น 23 นัด