• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jenny937

#3142












โควิดลดกระหน่ำ บ้านเดี่ยวเมืองปทุม 97 วา 5.3 ลบ. มบ. มณีรินทร์ เลค แอนด์ ปาร์ค ถนน 345 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซื้อผ่อนเจ้าของได้
เครือแลนด์แอนด์เฮ้าส์ โครงการหรูมีระดับ บ้านติดถนนเมนโครงการ หน้ากว้างถนนประมาณ 12 เมตร ทำเลดีบรรยากาศเยี่ยม ความปลอดภัยสูงสาธารณูปโภคครบครัน สวยเลิศอลังการ ดีงามน่าอยู่ฟินสุดๆ  สโมสร สระว่ายน้ำ ฟิตเน็ส สนามเทนนิส สนามเด็กเล่น สวนออกกำลังกาย ยามรักษาการณ์หลายป้อม ปลอดภัยสูงสุด 24 ชั่วโมง อบอุ่นมั่นใจ เหมือนเมืองเมืองนึง แบบบ้านสวยเข้าอยู่ได้เลย จอดรถได้ถึง 6 คัน โครงการติดถนนเมนใหญ่ ถ.345 ไปเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญหลายสายสะดวกสบายในการเดินทาง  ใกล้ทางด่วนศรีสมาน ใกล้โรงเรียนสาธิตปทุมธานี  โรงเรียนหอวัง แยกสวนสมเด็จ ใกล้โลตัส ห้างโรบินสัน พบข้อเสนอพิเศษมากมาย โทรและไลน์

โทร  083-712-4115
line id : 0837124115

หมู่บ้านมณีรินทร์
ตำบล บางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
https://maps.app.goo.gl/8DoARcX7WmggGE7z6
 
#3143


นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากสายการบินทั้ง 7 สาย ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส ไทยแอร์เอเชีย ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ นกแอร์ ไทยสมายล์ ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอความอนุเคราะห์เเละติดตามรัฐบาลในการอนุมัติเงินกู้เพื่อรักษาสภาพการจ้างงานพนักงานกว่า 2 หมื่นคน ซึ่งหลังจากนั้นสายการบินบางส่วน ได้ทยอยประกาศหยุดกิจการชั่วคราว พร้อมงด หรือเลื่อนจ่ายเงินเดือนพนักงานออกไป เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนในการดำเนินงานไว้ได้เเล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวและทำให้มีผู้สอบถามมายังสมาคมฯจำนวนมาก กรณีสายการบินทยอยได้รับสินเชื่อเงินกู้ช่วยเหลือตามนโยบายกระทรวงการคลัง เพื่อรักษาสภาพการจ้างงานพนักงาน เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว

ทั้งนี้ สมาคมฯขอเรียนชี้เเจงว่าตลอดสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา สายการบินได้พยายามปรับตัวอย่างดีที่สุด รวมทั้งทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการได้รับความช่วยเหลืออย่างดี จากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมเเบงก์) ในการออกมาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้หรือปล่อยกู้ให้กับสายการบินต่างๆ เพื่อประคองธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม สำหรับการยื่นขออนุมัติเงินกู้โดยตรงต่อรัฐบาล ถือเป็นมาตรการสำคัญที่สมาคมฯ ดำเนินการโดยมีวัตถุประสงค์โดยเฉพาะเพื่อรักษาการจ้างงานพนักงานสายการบิน ในสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต่อเนื่องยาวนาน เกินกว่าที่จะควบคุมเเละคาดการณ์ได้

โดยถึงวันนี้ สมาคมฯยืนยันว่า "ยังคงไม่ได้รับการอนุมัติเงินกู้เพื่อรักษาสภาพการจ้างงานจากรัฐบาลเเต่อย่างใด" ซึ่งทราบว่าผ่านความเห็นชอบในหลักการจากสำนักงานประกันสังคม กระทรวงเเรงงานเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว แต่ติดอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาค้ำประกันสินเชื่อจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเงื่อนไขให้สอดคล้องกับธุรกิจสายการบิน ซึ่งต้องขอความอนุเคราะห์จากรัฐบาลช่วยเหลือในการพิจารณาเร่งรัดแก้ไขข้อกำหนดโดยเร็วที่สุดต่อไป

"สมาคมฯหวังว่าพวกเราจะได้รับการอนุมัติเงินกู้ในเร็ววันนี้ พร้อมผ่านพ้นสถานการณ์อันยากลำบากกลับมาให้บริการอีกครั้งไปด้วยกัน" นายพุฒิพงศ์กล่าว
#3144


นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงาน "Bangkok International Digital Content Festival หรือ BIDC 2021" และพิธีมอบรางวัลด้านดิจิทัลคอนเทนท์ "BIDC Awards" ว่า การจัดงานในปีนี้ ได้ปรับรูปแบบกิจกรรมเจรจาธุรกิจเป็นออนไลน์เป็นปีที่ 2 โดยมีผู้ประกอบการด้านดิจิทัลคอนเทนต์จากทั่วโลกเข้าร่วมเจรจาธุรกิจจํานวน 36 บริษัท จาก 11 ประเทศ และมีผู้ประกอบการไทยร่วมเจรจาธุรกิจในครั้งนี้จํานวน 57 บริษัท คาดว่าจะมีการจับคู่เจรจาธุรกิจมากกว่า 300 คู่ สร้างมูลค่าราว 700 ล้านบาท

 ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ดำเนินการส่งเสริมและขยายช่องทางการค้าให้ผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย โดยมีผลการเจรจาการค้าจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในส่วนของแอนิเมชัน คาแรคเตอร์ และเกม มีมูลค่ารวมกว่า 2,700 ล้านบาท



งาน BIDC 2021 เป็นงานแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยที่สำคัญ ครอบคลุมธุรกิจแอนิเมชัน คาแรคเตอร์ เกม และอีเลิร์นนิง โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2557 ในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-6 ส.ค.2564 เป็นรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานผู้ร่วมจัดงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (TCEB) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) และ 5 สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย ได้แก่ สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT) สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชันและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟแวร์เกมไทย (TGA) สมาคมอีเลิร์นนิงแห่งประเทศไทย (e-LAT) และสมาคม Bankgok ACM SIGGRAPH (BASA)

โดยกิจกรรมหลักภายในงาน ประกอบด้วย การเจรจาการค้าระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการต่างชาติ (Online Business Matching) ระหว่างวันที่ 4-6 ส.ค.2564 พิธีมอบรางวัล BIDC Awards ในวันที่ 3 ส.ค.2564 และกิจกรรมให้ความรู้ Webinar ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-6 ส.ค.2564

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ดิจิทัลคอนเทนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยตามแนวคิด Creative Economy และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฮับของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย 14 แผนงานประจำปี 2564 ของกระทรวงพาณิชย์
#3145


แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป เดินหน้าขยายการให้บริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต (GrabPay Wallet) สนองตอบการใช้ชีวิตแบบสังคมไร้เงินสด เพิ่มความสะดวกสบายให้พาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า พร้อมมอบความคุ้มค่าและบริการชำระเงินที่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการภายในอีโคซิสเต็มของแกร็บ ผ่านการเปิดใช้งานและเติมเงินเข้า แกร็บเพย์ วอลเล็ต ง่ายๆ ผ่าน 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าวว่า แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป มุ่งขยายการบริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต อย่างต่อเนื่องในยุคแห่งสังคมไร้เงินสด เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานในอีโคซิสเต็มส์ของแกร็บ ทั้งผู้ใช้บริการ พาร์ทเนอร์คนขับ และพาร์ทเนอร์ร้านค้า

โดยล่าสุดได้ร่วมมือกัน 3 ธนาคารชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรี ในการให้บริการเติมเงินเพื่อใช้ชำระค่าบริการในอีโคซิสเต็มของแกร็บได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้บัตรเดบิต หรือเครดิต ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายและเพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์ของการชำระเงินแบบไร้เงินสด

เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และความปลอดภัยในทุกๆ การชำระเงิน ลูกค้าของทั้ง 3 ธนาคารสามารถยืนยันตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ทุกครั้งก่อนใช้บริการด้วยตนเอง ผ่านแอปพลิเคชันแกร็บ นอกจากนี้ แกร็บยังมอบความคุ้มค่า ด้วยโปรโมชันสุดพิเศษเพื่อผู้ใช้งาน แกร็บเพย์ วอลเล็ต โดยเฉพาะ ผู้ใช้บริการสามารถรับส่วนลดสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือนทุกบริการ Grab เมื่อใส่รหัส WALLET ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
#3146


เมืองชายฝั่งทั่วเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง โตเกียว จาการ์ต้า โซล ไทเป มะนิลา และกรุงเทพฯ กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุหมุนเขตร้อนที่เข้มข้นมากขึ้น

รายงานของกรีนพีซ เอเชียตะวันออก คาดการณ์ว่าภายในปี 2573 ประชาชนกว่า 15 ล้านคนใน 7 เมือง อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม การวิเคราะห์ครั้งนี้เป็นหนึ่งในการวิเคราะห์ครั้งแรกที่ใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่มีความละเอียดสูงในการระบุถึงพื้นที่ของเมืองที่อาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และขอบเขตของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

เมืองชายฝั่งทั่วเอเชียกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่มากขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุโซนร้อนที่เข้มข้นมากขึ้น คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(IPCC) เตือนว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ระหว่าง 0.43-0.84 เมตรภายในปี พ.ศ.2643 (IPCC, 2019) ขณะเดียวกัน ตลอดศตวรรษที่ 21 พายุมีความเร็วลมรุนแรงซึ่งสร้างความเสียหายมากขึ้น คลื่นพายุซัดฝั่งที่สูงขึ้น และปริมาณน้ำฝนที่มีสภาวะสุดขีดมากกว่าในอดีต (Knutson et al., 2020)

คิม มีกยอง ผู้จัดการโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออก กล่าวว่า "ภายในทศวรรษนี้ เมืองที่อยู่ติดชายฝั่งในเอเชียจะมีความเสี่ยงสูงจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุที่เข้มข้นรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน ความปลอดภัย และวิถีชีวิตของผู้คน นอกจากเหลือเวลาไม่มากในการยุติโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด รัฐบาลแต่ละประเทศจะต้องดำเนินการระบบบริหารจัดการน้ำท่วมและการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น ปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายภายใต้แผนที่นำทางก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (nationally determined contribution targets) นั้นไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากน้ำท่วมชายฝั่งในสภาวะสุดขีด"

นอกจากอินโดนีเซีย และไทเป อีกหลายเมืองในเอเชียที่จะได้รับผลกระทบเช่นกัน เช่น จาการ์ตา โตเกียว ฮ่องกง โซล มะนิลา รวมทั้งกรุงเทพมหานครด้วย

เราเลือกเมือง 7 แห่งในเอเชียที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและตั้งอยู่บนชายฝั่งหรือใกล้ชายฝั่งเพื่อวิเคราะห์ถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไรจากน้ำท่วมชายฝั่ง(coastal flooding) ในปี พ.ศ.2573 ตามภาพฉายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นไปตามปกติ (business as usual) การวิเคราะห์ของเราชี้ให้เห็นว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมืองต่างๆ ที่อยู่ในรายงานนี้ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งทศวรรษ เว้นแต่เราจะลงมือทำในทันทีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างรวดเร็ว

จากปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายภายใต้แผนที่นำทางก๊าซเรือนกระจกขอประเทศ(nationally determined contribution targets) นั้นยังไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากน้ำท่วมชายฝั่งแบบสภาวะสุดขีด รัฐบาลและบรรษัทต่างๆ ต้องลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรมให้เร็วขึ้น เช่น ยุติการสนับสนุนทางการเงินให้กับอุตสาหกรรมถ่านหินและเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เพื่อป้องกันมิให้อุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกเพิ่มมากไปกว่า 1.5 องศาเซลเซียส

ข้อมูลอ้างอิง Greenpeace Thailand
อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ >> https:// act.gp/2Tf58WS
#3147


นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวและผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (เอ็นไอเอไอดี) คาดการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐจะไม่กลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์ แม้มีความเสี่ยงที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา

"ผมไม่คิดว่าเราจะกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ผมมั่นใจว่าเราได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากแล้ว ซึ่งแม้ว่ายังไม่มากพอที่จะเอาชนะการแพร่ระบาด แต่ก็มากพอที่จะไม่ทำให้เราต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเหมือนกับในช่วงฤดูหนาวปีที่แล้ว" นายแพทย์เฟาชีกล่าวให้สัมภาษณ์กับรายการ "This Week" ของสถานีโทรทัศน์เอบีซีเมื่อวานนี้


แม้ว่านายแพทย์เฟาชี คาดการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่กลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์ แต่เขาเตือนว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดอาจจะย่ำแย่ลง เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์เดลตายังคงแพร่ระบาด

"เรามีประชาชนราว 100 ล้านคนในสหรัฐที่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่ในขณะเดียวกันก็มีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ดี ข้อมูลขณะนี้บ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันมีความตื่นตัวมากขึ้นที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งชาวอเมริกันกลุ่มนี้มีจำนวนมากกว่าผู้ที่ลังเลที่จะเข้ารับวัคซีน" นายแพทย์เฟาชีกล่าว

รายงานระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วง 10 วันที่ผ่านมา และจำนวนผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในรัฐต่างๆก็เพิ่มขึ้นด้วย แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่เข้ารับการฉีดวัคซีนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

รัฐบาลสหรัฐพยายามสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยล่าสุดประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้เรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงิน 100 ดอลลาร์เพื่อมอบให้กับชาวอเมริกันที่ตัดสินใจเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งเงินดังกล่าวจะได้รับการจัดสรรจากกองทุนบรรเทาโรคระบาดมูลค่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์สำหรับรัฐบาลระดับรัฐและระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน American Rescue Plan ที่ผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสเมื่อต้นปีนี้
#3148


สุโขทัย - ใครไปเห็นเป็นต้องทึ่ง..ครูเกษียณ สะสมสารพัดพันธุ์ไม้ผล-ไม้ประดับด่างมา 40 ปี ปลูกไว้เต็มบ้าน ทั้งกล้วย ส้ม ละมุด ฝรั่งด่างทั้งใบและผล มะนาว พริกขี้หนูด่าง ฯลฯ ยันวัชพืชใบด่าง

ขณะที่ "ไม้ด่าง" กำลังอย่ในกระแส-เป็นที่นิยมของผู้คน บางรายมีการซื้อขายกันในราคาสูงถึงหลักแสน-หลักล้าน ล่าสุดครูเกษียณอายุราชการ ได้สะสมพันธุ์ต้นไม้ด่างมานานร่วม 40 ปี มีการเพาะปลูกขยายพันธุ์เก็บไว้สารพัด ทั้งไม้ผล ไม้ประดับ รวมทั้งพืชผักสวนครัว แม้กระทั่งต้นหญ้า และวัชพืชใบด่าง ซึ่งหาชมได้ยาก ก็ยังมีให้เห็นเป็นบุญตาของคนที่ชื่นชอบ

นายจักรกฤษณ์ ทัพบำรุง อายุ 62 ปี อดีตอาจารย์สอนวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย อาศัยอยู่ที่บ้านหมู่ 7 ต.ย่านยาว อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ส่วนตัวชื่นชอบไม้ด่างอยู่แล้ว จึงหาซื้อมาเพาะขยายพันธุ์ สะสมเรื่อยมาตลอด 40 ปี มีทั้งที่กำลังเป็นที่นิยม ราคาหลักหมื่นไปจนถึงหลักล้าน

เช่น กล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโด (อายุ 3 เดือน ต้นละ 50,000 บาท) , กล้วยน้ำว้าพันธุ์ปากช่อง 50 (ต้นละ 350,000 บาท) , กล้วยด่างฟลอริด้า (ต้นละ 85,000 บาท) , กล้วยตานีด่าง (อายุ 3 เดือน ต้นละ 7,000 บาท) , บอนกระดาษด่าง (ต้นละ 10,000-20,000 บาท) , บอนกระดาษดำด่าง (ต้นละ 50,000 บาท) , มอนสเตอร่า อัลโบ้ ฮอลแลนด์ (ต้นละ 12,000 บาท) , ฟิโลเดนดรอน หรือก้ามกุ้งด่าง (ต้นละ 15,000 บาท)

นอกจากนี้ ยังมีต้นจั๋งญี่ปุ่นด่าง ต้นกันเกราด่าง ต้นกลายด่าง ต้นละมุดใบด่างเงิน-ด่างทอง ต้นฝรั่งด่างทั้งใบและผล ต้นมะนาวด่าง ต้นส้มเช้งด่างทั้งใบและผล แล้วก็ใบบัวด่าง ต้นพริกขี้หนูด่าง ต้นต้อยติ่งด่าง หญ้ามาเลเซียด่าง และอีกสารพัดไม้ด่าง แถมมีวัชพืชใบด่างที่กลายพันธุ์เองตามธรรมชาติด้วย

นายจักรกฤษณ์ บอกว่า สำหรับกล้วยด่างราคาแพงที่ปลูกไว้ ไม่ได้มีไว้ขาย แต่จะขยายพันธุ์ไว้แลกเปลี่ยนกัน เพื่อการศึกษาเรียนรู้โดยไม่ต้องใช้เงินเยอะ แบ่งปันกันแบบคนโบราณ เป็นความสุขของคนที่ชอบเลี้ยงต้นไม้แปลกหายาก สามารถโทรสอบถาม คุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้ที่เบอร์ 081-9072247

https:// m.mgronline.com/local/detail/9640000075336
#3149
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#3150



นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ครึ่งแรกของปี 2564 การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยขยายตัวมากกว่า 20% และหลายสินค้าขยายตัวสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลไม้สด โดยปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) ไทยส่งออกผลไม้สดเป็นมูลค่า 2,896.87 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 42.21 % สินค้าส่งออกหลักขยายตัวอย่างโดดเด่น ได้แก่ ทุเรียน  58.24%    ลำไย 51.43%  มะม่วง   50.09%  กล้วย  18.59%  สัปปะรด  98.85%  ผลไม้จำพวกส้ม   374.75%  ลิ้นจี่  32.35%  ซึ่งตลาดส่งออกหลักยังคงเป็นตลาดจีน มีสัดส่วนกว่า  83 %ของการส่งออกผลไม้สดทั้งหมดของไทย นอกจากนี้ ยังมีตลาดอื่นๆ ที่ขยายตัวเช่นกัน อาทิ ฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซีย และเกาหลีใต้ เป็นต้น

การส่งออกผลไม้สดไปยังตลาดหลักสำคัญที่สุดอย่างจีน มีมูลค่า 6 เดือนแรกอยู่ที่ 2,425.52 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 71.11% ผลไม้สำคัญที่ไทยส่งออกไปจีน ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด ซึ่งมีการส่งออกไปยังหลายมณฑล โดยมณฑลที่นำเข้าผลไม้สดจากไทยมากที่สุด คือ มณฑลกวางตุ้ง มูลค่า 867.56 ล้านดอลลาร์ รองลงมาเป็นเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มูลค่า 743.01 ล้านดอลลาร์  และมหานครฉงชิ่ง มูลค่า 485.79 ล้านดอลลาร์  นอกเหนือจาก 3 มณฑลที่กล่าวมา ยังมีมลฑลสำคัญที่นำเข้าผลไม้จากไทยเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยูนนาน เจ้อเจียง หูหนาน มหานครเซี่ยงไฮ้ และซานตง เป็นต้น

นายภูสิต กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีทองของการส่งออกผลไม้ไทย แม้จะยังมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่การส่งออกผลไม้ของไทยยังขยายตัวได้อย่างโดดเด่นไม่แพ้สินค้าส่งออกสำคัญอื่นๆ เนื่องจากนโยบายการทำงานเชิงรุกของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ในฐานะเซลส์แมนของประเทศ ทำงานร่วมกับพาณิชย์จังหวัดในฐานะเซลส์ของแมนจังหวัด จับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างผู้นำเข้าจากต่างประเทศกับผู้ประกอบการสินค้าผลไม้ไทย ทั้งรูปแบบออนไลน์และไฮบริด การจับมือกับศูนย์การค้าและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำของต่างประเทศ เพื่อร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดให้แก่ผลไม้ไทย เช่น จัดงาน Thai Fruit Golden Months เพิ่มยอดขายในประเทศจีนได้กว่า  20%  การจัดงานเปิดตัวและจำหน่ายมะม่วงมหาชนกเป็นครั้งแรกในเกาหลีใต้


ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับศูนย์การค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ต AEON, Donki, Itoyokado Store และ Beisia จำนวน 150 สาขา ในเมืองรองที่มีศักยภาพ และตลาดฮ่องกง ทูตพาณิชย์ฮ่องกงได้ติดต่อกับผู้นำเข้ารายใหญ่ของฮ่องกง จัดเจรจาธุรกิจสินค้ามะม่วงน้ำดอกไม้ผ่านระบบออนไลน์ และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ให้สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์จากไร่สวนของตนมายังผู้นำเข้าผลไม้ฮ่องกงได้โดยตรง ช่วยลดต้นทุนและทำให้เกษตรกรได้เรียนรู้ขั้นตอนและเอกสารที่ต้องใช้ในการส่งออก เพื่อต่อยอดการส่งออกสินค้าเกษตรอื่นๆ ต่อไปในอนาคต 


นายภูสิต กล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ได้เป็นประธานการประชุมผ่านระบบ VDO Conference เพื่อแก้ไขปัญหาการขนส่งผลไม้ โดยเฉพาะมังคุด โดยมีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้ส่งออกผลไม้ ล้งผลไม้ ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตรประจำประเทศจีน เนื่องจากขณะนี้ การส่งออกผลไม้ของไทยเผชิญปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณด่านชายแดนเข้าสู่ประเทศจีน ณ ด่านโหย่วอี้กวน ซึ่งทูตพาณิชย์ และทูตเกษตรได้เจรจากับทางการจีน ขอให้ช่วยอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยแล้ว รวมทั้งขอให้จีนขยายเวลาเปิดด่านให้นานขึ้น ขณะเดียวกัน ได้มีการเจรจากับเวียดนามให้ช่วยอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางหล่างเซิน ผ่านด่านหม่องก๋าย จังหวัดกว่างนิงห์ เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวของเวียดนาม เป็นเส้นทางผ่านแดนของผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยเข้าสู่จีน

โดยกระทรวงพาณิชย์ได้แนะนำให้ผู้ส่งออกกระจายไปใช้ด่านตงซิน และด่านรถไฟผิงเสียง เพื่อลดความแออัดและลดปัญหาที่ผลไม้อาจจะเน่าเสียระหว่างการขนส่ง โดยเจ้าหน้าที่ด่านตงซิง และด่านรถไฟผิงเสียง พร้อมอำนวยความสะดวกให้รถบรรทุกไทยให้สามารถขนส่งได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว กระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์และปัญหาการส่งออกอย่างใกล้ชิด

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952120
#3151
ป้ายไฟวิ่ง LED ดิจิตอล 2 รูปแบบ กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี

**** Single color ****** ราคา 2,900 .- 

**** FULL color ****** ราคา 4,200 .-

- กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี










#3152



เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 30 ก.ค. 2564 ในการแถลงสถานการณ์โควิด 19 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรหวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนโควิด19 แล้ว 17,011,477 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 13,225,233 ราย และครบ 2 เข็ม 3,786,244 ราย   ส่วนความครอบคลุม พื้นที่กทม,และปริมณฑล 44.20 % เฉพาะกทม. 61.67 % ส่วนของผู้สูงอายุได้รับวัคซีนแล้วประมาณ 70 %  แต่ในภูมิภาคฉีดได้เพียง 12 % เพราะวัคซีนมีจำนวนจำกัด ที่ผ่านมาจึงเกลี่ยมาให้หพื้นที่ระบาดอย่างกรุงเทพฯและปริมณฑลก่อน  แต่จากนี้ต่างจังหวัดจะได้รับวัคซีนมากขึ้น โดยในเดือนส.ค.ที่จะมีวัคซีน 10 ล้านโดสก็จะกระจายไปฉีดในต่างจังหวัดมากขึ้น เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป  ผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ขึ้นไป จะได้วัคซีนก่อน จากนั้นเป็นอสม. และบุคลากรอื่นๆต่อไป 

      นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า  การฉีดวัคซีนในสูตรใหม่ คือ ซิโนแวคเข็มที่ 1 และ แอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 โดยห่างกัน 3 สัปดาห์  ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับสูตรเดิมแต่ฉีดครบ 2 เข้มเร็วขึ้นจาก 12 สัปดาห์เหลือเพียง 3 สัปดาห์ ซึ่งจากที่มีการดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้วนั้น ในแง่ความปลอดภัยและอาการไม่พึงประสงค์หลังการรับวัคซีนไม่ได้แตกต่างจากการฉีดแบบสูตรเดิม จึงมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ

      "ส่วนการกระจายวัคซีนเดือนส.ค. ช่สงกระจาจวัครซีนเดือนส.ค.จะกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น หลังจากที่เดือนมิ.ย.- ก.ค.กระจายในกทม.ปริมณฑลค่อนข้างมากเพื่อควบคุมการระบาดของโรค โดยมีเป้าหมายฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง รวมถึง อสม.เป็นหลัก จากนั้นส่วนหนึ่งจะใช้ควบคุมการระบาดในพื้นที่ระบาดเป็นจุดๆไป และฉีดในกลุ่มเป้าหมายพิเศษ เช่น พื้นที่ท่องเที่ยง อาทิ พังงา กระบี่ เป็นต้น"นพ.โอภาสกล่าว  

  นพ.โอภาส  กล่าวอีกว่า สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ซึ่งได้รับบริจาคจากประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 1.5 ล้านโดสและส่งมาถึงประเทศไทยแล้วนั้น  จะฉีดใช้ให้ 4 กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย 

     กลุ่มที่ 1  บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด19ทั่วประเทศ เป็นเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิค้มกัน จำนวน 7 แสนโดส   ซึ่งได้มีการสำรวจรายชื่อจากรพ.ต่างๆส่งมา จากนั้นสธ.จะกระจายวัคซีนไปรพ.เป้าหมายต่างๆ เพื่อฉีดให้บุคลากรสาธารณสุขมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น

กลุ่มที่ 2 ฉีดในผู้สูงอายุ  ผู้ที่มี 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง  หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ แต่เนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์สามารถรฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ด้วย เพราะฉะนั้นจะมีการฉีดให้กลับเด็กที่มีอายุ 12 ขึ้นไปและป่วยใน 7 กลุ่มโรคเรื้อรังจะได้รับวัคซีนนี้ด้วย ซึ่งจะมีการกระจายไปใน 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส จำนวน 645,000 โดส

กลุ่มที่ 3 ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย โดยเป็น ผู้ที่มี 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง  หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ และคนไทยผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เช่น นักเรียน  นักศึกษา เป็นต้น จำนวน 150,000 โดส

และกลุ่มที่ 4  ทำการศึกษาวิจัย โดยการอนุมัติของคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม เพื่อนำผลการวิจัยมาใช้ในการกำหนดนโยบายต่อไป จำนวน 5,000 โดส   

 
สรุปไทม์ไลน์ 'วัคซีนโควิด-19' อย่าง 'วัคซีนไฟเซอร์' 1.5 ล้านโดส ได้ฉีดเมื่อไหร่
  "วัคซีนไฟเซอร์ที่ส่งมาเป็นวัคซีนเข้มข้น ต้องมีการผสมด้วยน้ำเกลือก่อนนำไปฉีด เป็นวัคซีนที่ใน 1 ขวดผสมแล้วฉีดได้ 6 โดส  โดยวัคซีนไฟเซอร์กำหนดให้ฉีดโดสละ 0.3 มิลลิลิตรเข้าชั้นกล้ามเนื้อ โดยฉีดห่างกัน 3 สัปดาห์ สามารถเก็บในอุณหภูมิ -90 ถึง -70 องศาเซลเซียสได้นาน 6 เดือน และเก็บในอุณหภูมิตู้เย็น 2-8 องศาเซลเซียสได้ 1 เดือน เพราะฉะนั้นต้องวางแผนอย่างดีในการบริหารจัดการการกระจายและการฉีดวัคซีน ทั้งการนัดหมายวันเวลาที่จะมาฉีด เนื่องจากเก็บรักษาในตู้เย็นธรรมดาได้แค่ 1 เดือน"นพ.โอภาสกล่าว   

       นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า ไทม์ไลน์วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส  คือ 30 ก.ค. 2564 วัคซีนล้อตบริจาคถึงประเทศไทย จัดเก็บที่คลังวัคซีนที่ -70 องศาเซลเซียส ของบริษัทซิลลิค ฟาร์มา(ประเทศไทย) จำกัด และส่งตัวอย่างตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2 ส.ค.คาดว่าจะได้รับผลตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย วันที่ 3-4 ส.ค. บริษัทจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ แพ็ควัคซีนเพื่อจัดส่ง 5-6 ส.ค.จัดส่งวัคซีนล็อตแรกเข็มกระตุ้นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเข็ม 1 สำหรับกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายถึงหน่วยบริการ วันที่ 7-8 ส.ค. รพ.เตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีน โดยรพ.ต้องนัดหมายคนมาฉีด ควบคุมเวลาอย่างดี เพราะเอาออกจากตู้เย็นแล้วจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นความแม่นยำในการนัดหมายต้องเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นวัคซีนจะเสียหาย  วันที่ 9 ส.ค. หน่วยบริการเริ่มฉีดวัคซีน และกลางเดือนส.ค.2564 จัดส่งวัคซีนเข็ม 2 สำหรับฉีดปลายเดือนส.ค.2564  คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเดือนส.ค. 2564
#3153



สาย Electro POP ห้ามพลาด! การผนึกกำลังของ "Dallas K" โปรดิวเซอร์มือทอง และซูเปอร์สตาร์สายอินดี้ป็อปคนสนิท "Lauv" กับเพลงใหม่ฟังเพลิน "Try Again"

"Dallas K" ศิลปิน โปรดิวเซอร์ และนักแต่งเพลง เจ้าของเพลง EDM POP อย่าง "All My Life", "Self Control", "I Know" และ "Sometimes" อีกทั้งเขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำเพลงดังของศิลปินระดับโลกหลายคน เช่น BTS, Tiësto, Fifth Harmony, Chromeo และ KSHMR ล่าสุด "Dallas K" ได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับเพื่อนศิลปินอินดี้ป็อประดับซูเปอร์สตาร์ "Lauv" กับซิงเกิลใหม่แนว Electronic POP ฟังสบาย อย่าง "Try Again" ซึ่งถือว่าเป็นซิงเกิลแรกของ Lauv ในปีนี้



"Try Again" เป็นเพลงที่ "Dallas K" ทำขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจกับ "Lauv" ตั้งแต่เมื่อปี 2016 ในช่วงที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน และร่วมเขียนเพลงดัง "Breathe" แต่หลังจากซิงเกิล "Breathe" ถูกปล่อยได้ไม่กี่เดือน "Lauv" ก็ได้กลายเป็นศิลปินป็อปชื่อดังไปในชั่วข้ามคืน ทำให้เพลง "Try Again" ที่พวกเขาได้ร่วมกันทำถูกพับเก็บไปถัดมาในปี 2020 "Dallas K" ยังคงได้ร่วมทำ และร่วมเขียนเพลง "Sad Forever" ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม "~how i'm feeling~" ของ "Lauv" อีกครั้ง

นอกจากนี้ ใน "Without You EP" ของ "Lauv" ที่ถูกปล่อยมาเมื่อปี 2020 ก็ได้ความร่วมมือจาก "Dallas K" อีกเช่นกันเนื่องด้วย "Try Again" เป็นเพลงแนวแดนซ์เพลงแรกที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตัวเองของทั้ง "Dallas K" และ "Lauv" เข้าด้วยกัน พวกเขาจึงรักเพลงนี้มาก ๆ ด้วยเหตุนี้ ระหว่างช่วงกักตัวเมื่อปีที่แล้ว "Dallas K" จึงได้ชวน "Lauv" มาอัดเพลง "Try Again" ใหม่อีกรอบ และปรับให้เพลงเน้นการเต้นมากขึ้น



"Lauv" ได้กล่าวว่า "Dallas K และผมได้ทำเพลงนี้ขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว พวกเราได้กลับมาทำร่วมกันอีกในช่วงกักตัวและตอนนี้เราก็พร้อมที่จะปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้รับฟังกันแล้ว" เชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงสนุกที่จะชวนทุกคนมาเต้น บรรเทาความเครียดในช่วงนี้ได้แน่นอน"Try Again" เป็นเพลงที่ "Dallas K" ทำขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจกับ "Lauv" ตั้งแต่เมื่อปี 2016 ในช่วงที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน และร่วมเขียนเพลงดัง "Breathe" แต่หลังจากซิงเกิล "Breathe" ถูกปล่อยได้ไม่กี่เดือน "Lauv" ก็ได้กลายเป็นศิลปินป็อปชื่อดังไปในชั่วข้ามคืน ทำให้เพลง "Try Again" ที่พวกเขาได้ร่วมกันทำถูกพับเก็บไป

ถัดมาในปี 2020 "Dallas K" ยังคงได้ร่วมทำ และร่วมเขียนเพลง "Sad Forever" ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม "~how i'm feeling~" ของ "Lauv" อีกครั้ง นอกจากนี้ ใน "Without You EP" ของ "Lauv" ที่ถูกปล่อยมาเมื่อปี 2020 ก็ได้ความร่วมมือจาก "Dallas K" อีกเช่นกัน เนื่องด้วย "Try Again" เป็นเพลงแนวแดนซ์เพลงแรกที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตัวเองของทั้ง "Dallas K" และ "Lauv" เข้าด้วยกัน พวกเขาจึงรักเพลงนี้มาก ๆ ด้วยเหตุนี้ ระหว่างช่วงกักตัวเมื่อปีที่แล้ว "Dallas K" จึงได้ชวน "Lauv" มาอัดเพลง "Try Again" ใหม่อีกรอบ และปรับให้เพลงเน้นการเต้นมากขึ้น

"Lauv" ได้กล่าวว่า "Dallas K และผมได้ทำเพลงนี้ขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว พวกเราได้กลับมาทำร่วมกันอีกในช่วงกักตัวและตอนนี้เราก็พร้อมที่จะปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้รับฟังกันแล้ว" เชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงสนุกที่จะชวนทุกคนมาเต้น บรรเทาความเครียดในช่วงนี้ได้แน่นอน

สามารถฟัง "Try Again" ได้ที่ : https:// umusicth.lnk.to/TryAgainPR
#3154



บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศเข้าร่วมลงทุน ในบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk ("CAP") ประเทศอินโดนีเซียผ่านบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ PT TOP Investment Indonesia โดยเข้าถือหุ้น CAP ที่สัดส่วนร้อยละ 15.38 ใช้เงินลงทุนมูลค่ารวมไม่เกิน 1,183 ล้านดอลลารร์สหรัฐฯ หรือ 39,116ล้านบาท เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ โดย CAP มีแผนขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2( CAP2)ปัจจุบัน CAP เป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำรายใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงงานแยกแนฟทา (Naphtha Cracker) เพียงแห่งเดียวของประเทศ มีกำลังการผลิตเอทิลีน (ethylene) ประมาณ 900,000 เมตริกตันต่อปี และพอลิโอเลฟินส์ (Polyolefins) ที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตสไตรีนโมโนเมอร์ (SM) และบิวทาไดอีน (BD) และจะดำเนินการขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2(CAP2)​ ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวหรือ2ล้านตันกำหนดแล้วเสร็จในปี2569

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของไทยออยล์ในการเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ จากเดิมที่มีธุรกิจสายอะโรเมติกส์อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้โครงสร้างธุรกิจของไทยออยล์มีความสมบูรณ์ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีอย่างครบวงจร และCAP2สามารถรองรับแนฟทาและแอลพีจีจากโครงการ CFP ของไทยออยล์ที่กำลังลงทุนราว 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ​ขยายกำลังกลั่นจาก2.75แสนเป็น4แสนบาร์เรล​ต่อวัน ยอมรับว่าผลกระทบจากโควิด-19 กระทบงานCFPทำให้สร้างได้ต่ำกว่าแผนแต่จะพยายามเร่งให้แล้วเสร็จ​ในปี 2566 ซึ่งจากการร่วมทุนกับอินโดนีเซียครั้งนี้ก็ทำให้ไทนออยล์​ไม่ต้องลงทุนสร้างโอเลฟินส์​เองแต่อย่างใดและคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เบื้องต้น 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดย CAP มีการประกาศผลกำไรครึ่งแรกปี64ที่ราว 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยการร่วมทุนเกิดประโยชน์หลายด้าน ทั้งการได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท CAP และบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือในการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต การร่วมลงทุนใน CAP ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำทำไทยออยล์สามารถก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ได้อย่างรวดเร็วและทำให้โครงสร้างธุรกิจมีความสมบูรณ์ ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี

ทั้งนี้ไทยออยล์ได้ทำสัญญาเพื่อส่งผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นทั้งแนฟทาและแอลพีจี 1 ล้านตัน/ปีเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้กับ CAP และทำสัญญาเพื่อจำหน่ายพอลิเมอร์เรซิน (Polymer Resin) และผลิตภัณฑ์ในรูปของเหลวอื่นๆของ CAP อีกด้วย คาดว่ากระบวนการและการดำเนินการต่างๆในการเข้าร่วมลงทุนใน CAP จะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2564

สำหรับการจ่ายเงินแก่ CAP จะแบ่งเป็น 2 ครั้งได้แก่ รอบแรกในเดือนก.ย.64 วงเงิน 913 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ​วงเงินส่วนนี้จะมาจากการกู้เงินระยะสั้น 18 เดือนอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.4 ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเงินกู้จากปตท.ที่เหลือมาจากสถาบันการเงิน ส่วนรอบที่ 2 จ่ายเงินกลางปี 2565 ประมาณ 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แผนการเงินเข้าลงทุนนั้น บมจ.ปตท.จะสนับสนุนทั้งเงินกู้ระยะสั้นและการเสริมสภาพคล่องโดยยืดระยะเวลาจ่ายหนี้น้ำมันจาก 30 วันเป็น 90 วันหรือเทียบเท่า 3 หมื่นล้านบาท.พร้อมทั้งไทยออยล์​จะขายหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)หรือจีพีเอสซีประมาณร้อยละ 10.8 ให้ ปตท.เป็นวงเงินราว 20,000 ล้านบาทและไทยออยล์​จะเพิ่มทุนอีก 10,000 ล้านบาทกระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในกลางปีหน้า​​โดยท้ายสุดแล้วไทยออยล์จะคงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับที่เหมาะสมที่ 1 ต่อ 1 ได้​ และภาพรวมทั้งหมดก็ไม่ต้องขอเพิ่มวงเงินออกหุ้นกู้จากผู้ถือหุ้นอีกแต่อย่างใด
#3155



ซัมซุงแนะนำ Galaxy Tab S7 FE แท็บเล็ตรุ่นใหม่ ที่รวมฟีเจอร์สุดโปรดของเหล่าแฟนๆ จากแท็บเล็ตรุ่นแฟลกชิปไว้ในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ปากกา S Pen ในกล่อง "ไม่ต้องซื้อเพิ่ม" และ "ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรีให้เสียเวลา"


S Pen เพื่อชีวิต Multi-Tasking
S Pen เพิ่มความสะดวกในการเรียนออนไลน์ ทำโปรเจค เอกสาร ด้วยฟีเจอร์ Samsung Notes ที่ช่วยเปลี่ยนการจดด้วยลายมือให้กลายเป็นข้อความตัวพิมพ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษแบบเรียลไทม์

ทั้งนี้ สามารถจัดระเบียบบันทึกต่างๆ ด้วยแท็กอัตโนมัติ และการค้นหาอัจฉริยะเพื่อการใช้งานโน้ตที่ต้องการได้ทันที รวมถึงฟีเจอร์ Multi-Active Window เพื่อการใช้งานหลายหน้าต่างพร้อมกัน และฟีเจอร์ Multi instance เพื่อจับคู่แอพพลิเคชั่นและสร้าง Shortcut ให้สามารถทำงานพร้อมกันได้ถึงสามแอพพลิเคชั่นในหน้าจอเดียว ไม่ว่าจะท่องอินเทอร์เน็ต จดโน้ต หรือแม้แต่การรับชมวีดิโอสตรีมมิ่งในเวลาเดียวกัน

พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปอีกขั้น ด้วยการเปลี่ยนให้ Galaxy Tab S7 FE เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนตัวผ่าน Samsung DeX ที่ทำงานร่วมกับ Tab S7 FE Keyboard Coverทำให้การทำงานง่ายยิ่งขึ้น พร้อมการแชร์ไฟล์ผ่าน Quick Share ตลอดจนการคัดลอกและวางข้อความหรือรูปภาพจากสมาร์ทโฟนตระกูลกาแลคซี่สู่ Galaxy Tab S7 FE

เต็มที่ทั้งเรื่อง เล่น เรียน ทำงาน

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าตำแหน่งตรงกลางจอความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และระบบเสียงอันคมชัดจาก Dolby Atmos พร้อมไมโครโฟนสามตำแหน่ง ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้เหมาะกับการ VDO Conference เพื่อการเรียนหรือทำงานออนไลน์

รุ่นนี้ยังโดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว พร้อมขอบจอบางเฉียบให้ภาพที่ละเอียดคมชัดเต็มตา พร้อมใช้งานได้ยาวนานตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ขนาด 10,090 mAh ที่ให้ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอได้ต่อเนื่องถึง 13 ชั่วโมงรวมถึงการรองรับระบบ Super-Fast Charging สูงสุด 45W

ด้วย Galaxy Ecosystem เมื่อใช้งานผ่านหูฟัง Galaxy Buds Pro ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจากซัมซุงได้ง่ายดายและลื่นไหลยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการตั้งค่าใดๆ โดยมีฟีเจอร์ Auto Switch ทำหน้าที่ช่วยหยุดวีดิโอชั่วคราว แล้วสลับไปรับสายโทรศัพท์ผ่าน Galaxy Buds Pro ให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อวางสาย ก็จะสลับกลับมาเล่นวีดิโอบนแท็บเล็ตได้อย่างต่อเนื่อง


-ใช้งาน Clip Studio Paint แอพพลิเคชั่นวาดภาพระดับโปร ฟรี 6 เดือน
-ใช้งาน Canva Pro แอพพลิเคชั่นออกแบบงานกราฟฟิกและสื่อต่างๆ ฟรี 30 วัน
-ใช้งาน Noteshelf แอพพลิเคชั่นเพิ่มประสิทธิภาพการจดโน้ต ฟรี
-รับสิทธิ์ YouTube Premium ดูวีดิโอแบบไม่มีโฆษณาคั่น ฟรี 4 เดือน
-รับสิทธิ์ Galaxy Butler Silver บริการช่วยเหลือหลังการขายแบบพิเศษสำหรับอุปกรณ์กาแลคซี่ อาทิ ฟรีบริการเครื่องสำรองหลังซ่อม ผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง ฯลฯ


Galaxy Tab S7 FE มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ประกอบด้วย Mystic Green, Mystic Pink, Mystic Silver, และ Mystic Black โดย Galaxy Tab S7 FE LTE วางจำหน่ายใน ราคา 19,990 บาท
#3158



นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ครึ่งปีแรก ตั้งแต่ ม.ค.-มิ.ย.2564ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีทั้งสิ้น 3,445 ราย เพิ่มขึ้น 6.07% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทุนจดทะเบียนรวม 8,146.46 ล้านบาท 68.41% สวนใหญ่อยู่ใน จ.ชลบุรี  2,357 ราย รองลงมาเป็น จ.ระยอง และ จ .ฉะเชิงเทรา

 
ประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนสูงสุด3อันดับแรก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้างอาคารทั่วไป และขนส่ง ขนถ่ายสินค้า รวมถึงผู้โดยสารมีการจัดตั้งใหม่ที่ ปัจจุบันพื้นที่ 3 จังหวัด มีนิติบุคคลคงอยู่ ณ 30 มิ.ย. 2564 รวม 75,682 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 1.99 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น จ.ชลบุรี 54,829 ราย คิดเป็น 72.45% จ.ระยอง 14,638 รายคิดเป็น 19.34%และจ.ฉะเชิงเทรา 6,215 ราย คิดเป็น 8.21%

ส่วนการลงทุนของต่างชาติในนิติบุคคลที่จัดตั้งในไทยมีมูลค่า 817,810 ล้านบาท คิดเป็น 40.95%ของทุนทั้งหมด โดยญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนมากสุด 384,682 ล้านบาทคิดเป็น 47.04% รองลงมาคือ จีน97,084 ล้านบาท คิดเป็น 11.87%และสิงคโปร์44,541ล้านบาท คิดเป็น 5.45% ส่วนใหญ่อยู่ในจ.ระยองสูงสุด 430,733ล้านบาท คิดเป็น 52.66%



สำหรับปัจจัยที่ทำให้การจัดตั้งธุรกิจใหม่ในอีอีซีเพิ่มขึ้น มาจากภาคการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก โดยในเดือนม.ค. -7 มิ.ย.2564 มีมูลค่า 4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.59 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ประกอบกับมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ลดลง คาดว่าครึ่งปีหลัง การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในพื้นที่อีอีซีจะอยู่ที่ประมาณ 2,900 – 3,000 ราย และตลอดทั้งปี อยู่ที่ 6,300 – 6,500 ราย

                
"ความชัดเจนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานในอีอีซี จะสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนได้มากยิ่งขึ้น เช่น การส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดของการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงในเดือนก.ย. และแผนการขยายท่าอากาศยานอู่ตะเภาที่มีความก้าวหน้าอย่างมากและจะสร้างงานได้มากกว่า 3,000 ตำแหน่งในอนาคต "
#3159



สื่อเวียดนามรายงานว่า ชาวกรุงฮานอยเกือบ 300 คน ถูกปรับเงินกว่า 610 ล้านด่ง หรือราว 876,000 บาท จากการละเมิดมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การปรับเงินเริ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์หลังคำสั่งเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ มีผลบังคับใช้ในเมืองหลวงของประเทศตั้งแต่วันเสาร์ (24) ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุ

คำสั่งกำหนดให้ประชาชนอยู่กับบ้าน และออกจากบ้านด้วยเหตุผลความจำเป็นพื้นฐานเท่านั้น เช่น การซื้ออาหารหรือยา หรือไปทำงานในโรงงานหรือธุรกิจที่ยังได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการ และต้องเว้นระยะห่างจากกันอย่างน้อย 2 เมตร ห้ามรวมตัวกันในที่สาธารณะเกิน 2 คน ยกเว้นในที่ทำงาน โรงเรียน หรือโรงพยาบาล

หากเจ้าหน้าที่พบว่าไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือเว้นระยะห่างในที่สาธารณะ หรือออกจากบ้านด้วยเหตุผลที่ไม่จำเป็น พวกเขาจะถูกลงโทษด้วยการปรับเงิน

สำหรับสถานประกอบการที่มีคำสั่งให้หยุดดำเนินการชั่วคราวในช่วงเว้นระยะห่างทางสังคม หากพบว่ายังดำเนินการต่อจะถูกปรับ 75 ล้านด่ง

ประธานคณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอยกล่าวว่า ตำรวจฮานอยได้ตั้งจุดตรวจบนถนนหลายสายเพื่อควบคุมการจราจร โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบรถมากกว่า 47,000 คัน และมีรถมากกว่า 13,000 คันต้องถอยกลับ

กรุงฮานอยมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมมากกว่า 900 คน ในการระบาดระลอก 4 ที่เริ่มขึ้นช่วงปลายเดือน เม.ย. โดยการระบาดในช่วงต้นพบในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วเมืองจนนำไปสู่การล็อกดาวน์ และคลัสเตอร์ใหม่พบที่โรงพยาบาลปอด ที่มีผู้ป่วยติดเชื้ออย่างน้อย 23 คน ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ผู้ป่วย และสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา ตั้งแต่วันอาทิตย์ ทำให้ทางการสั่งล็อกดาวน์โรงพยาบาลและงดรับผู้ป่วยเพิ่ม.

ภาพประกอบ : AP และ VNExpress
#3160




หลังจากที่เน็ตไอดอลชื่อดัง "พิมฐา" หรือ "พิม ฐานิดามานะเลิศเรืองกุล" โดนโซเชียลถล่มเละ เหตุมาจากพื้นที่สีแดง แต่ไม่กักตัว ตระเวนไปทั่ว ต่อมาเจ้าตัวพบว่าติดโควิด-19 ทำเอาวุ่นไปทั้งเชียงใหม่ ล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) เจ้าตัวก็รักษาอาการโควิดจนหายเป็นปกติแล้ว

พิมฐาได้โพสต์ไอจี ว่าได้เดินทางไปมอบเงินเยียวยา ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด จากกระทำของเธอและเพื่อนสนิท "แบงค์ ธิติ มหาโยธารักษ์" ที่ไม่สามารถเดินทางมาได้ด้วยตนเองเรียบร้อยแล้ว

โดยสาวพิมฐาและครอบครัว ได้แสดงความรับผิดชอบ ที่ทำให้นักศึกษาหลายคน ต้องปรับเปลี่ยนการเรียน เป็นระบบออนไลน์ ด้วยการเข้าพบสมาคมนักศึกษา เพื่อขอโทษและมอบทุนการศึกษาให้กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หวังช่วยบรรเทาความเดือนร้อนไม่มากก็น้อย

"วันนี้พิมได้มีโอกาสเข้าไปพบประธานสมาคมนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่หลังจากได้ทราบข่าวของนักศึกษาหลายท่านที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid 19 และต้องเข้าเรียนในระบบออนไลน์

พิมและครอบครัวรวมถึง ต้องขอขอบคุณทางฝ่ายตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ยอมรับและเข้าใจ และให้โอกาสเราในการร่วมสมทบทุนบริจาคโครงการทุนการศึกษารวม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดสรรเป็นทุนปี การศึกษา2564

และเราทราบดีว่าเราไม่สามารถทดแทนและเยียวยาผลกระทบในวงกว้างได้ทั้งหมดแต่หวังว่าจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่นักศึกษาหลายท่านต้องเผชิญอยู่ไม่มากก็น้อย ขอบพระคุณค่ะ "

ส่วนร้านอาหารและค่าเฟ่ ที่ได้รับผลกระทบ ตามรายชื่อที่ปรากฎอยู่ในไทม์ไลน์ เจ้าตัวก็ได้เดินทางไปขอโทษ พร้อมมอบเงินเยียวยาให้ครบหมดทุกร้าน

"หลังจากที่พิมได้รักษาตัวจนหายจากโรค covid19 และได้กักตัวตามที่แพทย์แนะนำจนครบแล้ว พิมและครอบครัวได้แวะไปตามร้านต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบและมอบค่าเยียวยาที่พิมและ @bank_thiti ตั้งใจมอบให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากพวกเราในครั้งนี้

เราทราบดีว่าไม่อาจเยียวยาในความเสียหายทั้งหมดได้ แต่เราหวังว่าจะช่วยเยียวยาได้ไม่มากก็น้อย

พิมอยากขอบคุณร้านค้าทุกๆ ร้านที่เข้าใจและยอมรับการขอโทษในความผิดพลาดครั้งนี้ของเรา ทางพิมและแบงค์อยากขอโทษอีกครั้ง และพวกเราขอน้อมรับคำติทั้งหมด และสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกค่ะ "

ซึ่งงานนี้หนึ่งในร้านอาหารได้รับการเยียวยา ก็ได้ออกกล่าวถึงพิมฐาและแบงค์ โดยบอกว่าคิดอยู่นาน ว่าจะออกมาโพสต์ดีไหม แต่ตั้งแต่ที่ทราบว่าติดโควิด ครอบครัวของพิมฐา ก็ได้ติดต่อมาช่วยเหลือทุกทาง และขอโทษนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ได้ขอบคุณทั้งสองคนในฐานะคนดัง แต่อยากขอบคุณในฐานะผู้ป่วยรายที่ 4254 ที่พยายามแสดงความรับผิดชอบ เป็นครั้งแรกที่มีคนมองเห็นและได้ยินเสียงเล็กๆ จำนวนเงินที่มอบให้ทางร้านและพนักงานทุกคน มีค่ามาก เหมือนเป็นการต่อลมหายใจ