• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Panitsupa

#3101


นายพูน พานิชพิบูลย์  นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.27 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.24 บาทต่อดอลลาร์ เป็นการอ่อนค่าสูงสุดในรอบ2ปี9เดือน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.25 - 33.35 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าอยู่จากปัญหาการระบาดของโควิด-19 รวมถึงแรงซื้อดอลลาร์จากฝั่งผู้นำเข้าที่อาจเข้ามาเร่งปิดความเสี่ยงเนื่องจากกังวลว่า เงินบาทอาจจะอ่อนค่าเร็วและแรง

เรามองว่า ในระยะสั้น อาจเห็นเงินบาทอ่อนค่าไปได้ถึง 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก หากสถานการณ์การระบาดยังคงเลวร้ายต่อเนื่อง และ เงินดอลลาร์ยังคงมีโมเมนตัมขาขึ้นอยู่ ซึ่งอาจจะหนุนด้วยถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ต่างออกมาสนับสนุนการทยอยลดคิวอีในปีนี้ หรือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ พลิกกลับมาดีกว่าคาด ในขณะที่ แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะ ยุโรป อาจชะลอตัวลง จากปัญหาการระบาดของโควิด-19

นอกจากนี้ เรายังมองไม่เห็นโอกาสที่เงินบาทจะพลิกกลับเทรนด์มาแข็งค่าได้ในเร็วนี้ ทำให้ ค่าเงินบาทยังเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้อย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์การระบาดจะเริ่มมีทิศทางดีขึ้น ซึ่งก็อาจจะต้องรอในช่วงต้นเดือนกันยายน

ตลาดการเงินโดยรวมกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง จากแรงหนุนของรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ต่างออกมาดีกว่าคาด ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดก็เริ่มคลายความกังวลปัญหาการระบาดของเดลต้าหลังยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ล่าสุด ปรับตัวลดลง สู่ระดับ 3.84 แสนราย ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดล้วนมีความหวังว่า รายงานข้อมูลตลาดแรงงานในวันนี้ อาทิ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อาจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน ซึ่งทั้งผลกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาดและความกังวลต่อปัญหาการระบาดเดลต้าที่ลดลง ก็หนุนให้ ดัชนี Dowjones พลิกกลับมาปิดบวก+0.78% เช่นเดียวกันกับ ดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวขึ้นราว +0.60% ขณะเดียวกัน หุ้นเทคฯ ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ หลังบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังทรงตัวในระดับต่ำต่อไปและผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคฯก็ยังคงสดใส หนุนให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปิดบวก +0.78%


ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป ปรับตัวขึ้น +0.38% นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังรายงานผลปะกอบการของหุ้นกลุ่มเทคฯ ยังคงออกมาดีต่อเนื่อง SAP +2.19%, Infineon +2.02%, Adyen +1.57% ขณะเดียวกันแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ได้หนุนการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่ม Cyclical อาทิ หุ้นกลุ่มการบินและกลุ่มธนาคาร Airbus +1.92%, Safran +1.90%, Allianz +1.67%, ING +1.20%


ทางด้านตลาดบอนด์ ผู้เล่นในตลาดบอนด์เริ่มทยอยขายทำกำไรการถือบอนด์ระยะยาวมากขึ้น หลังตลาดการเงินโดยรวมก็กลับมาเปิดรับความเสี่ยง ขณะเดียวกัน บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดคิวอีได้ในปีนี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้นตามคาด ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 4bps สู่ระดับ 1.22% ซึ่งก็ยังคงเป็นระดับที่ต่ำนับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา


ส่วนในฝั่งตลาดค่าเงิน ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าเฟดที่ออกมาสนับสนุนนโยบายการเงินที่เข้มงวด อย่าง การทยอยลดคิวอีภายในปีนี้ รวมถึงการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังคงช่วยพยุงให้ เงินดอลลาร์สามารถทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก แม้ว่าตลาดจะกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นก็ตาม โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 92.30 จุด กดดันให้ ค่าเงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลง สู่ระดับ 1.183 ดอลลาร์ต่อยูโร ส่วนค่าเงินเยน(JPY) ก็อ่อนค่าลงแตะระดับ 109.8 จุด ในขณะที่ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) กลับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 1.393 ดอลลาร์ต่อปอนด์ หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) แสดงความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น และมองว่านโยบายการเงินที่เข้มงวดอาจมีความจำเป็นมากขึ้น ซึ่ง BOE ก็พร้อมจะลดการอัดฉีดสภาพคล่องในอนาคต

สำหรับวันนี้ ตลาดจะติดตามแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ เป็นสำคัญ โดยการจ้างงานอาจได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่บ้าง แต่โดยรวม ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนกรกฎาคม จะเพิ่มขึ้นกว่า 8 แสนตำแหน่ง หนุนให้อัตราว่างงานลดลงเหลือ 5.7% นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งและดีกว่าคาดจะช่วยพยุงบรรยากาศการลงทุนได้

ส่วนในฝั่งเอเชีย ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ จะส่งผลให้เศรษฐกิจในโซนเอเชียมีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะสั้น กดดันให้บรรดาธนาคารกลางในเอเชียเลือกที่จะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป โดย ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ก็มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Repurchase Rate) ที่ระดับ 4.00% ต่อไป แม้ว่าสถานการณ์การระบาดจะเริ่มดีขึ้น หลังเกิด Natural Herd Immunity แต่ก็แลกมาด้วยความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล
#3102


โมเดอร์นา อิงค์ เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (5 ส.ค.) ว่า วัคซีนโมเดอร์นา ยังคงประสิทธิภาพวัคซีนป้องกันโควิด-19 ประมาณ 93% หลังฉีดโดสแล้ว 4 - 6 เดือน หรือกล่าวได้ว่า แทบไม่เปลี่ยนแปลงตามที่เคยเผยผลทดลองทางคลินิกครั้งแรก 94% 

เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพวัคซีนคู่แข่ง อย่าง ไฟเซอร์ - ไบออนเทค ที่เผยผลการทดลองครั้งใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชี้ว่า วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพลดลงประมาณ 6% ในทุกๆ 2 เดือน หรือลดลงเหลือประมาณ 84% หลังจากที่ฉีดโดสสองแล้ว 6 เดือน 

วัคซีนโมเดอร์นากับวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งคู่เป็นเทคโนโลยี messenger RNA (mRNA)

สเตฟาน บันเซล ซีอีโอของโมเดอร์นา กล่าวว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของโมเดอร์นา กำลังแสดงให้เห็นประสิทธิภาพที่สูงถึง 93% ตลอด 6 เดือน แต่ตระหนักดีว่า สายพันธุ์เดลตาเป็นภัยคุกคามใหม่ที่สำคัญ ดังนั้นเราต้องระมัดระวังตัว 

อย่างไรก็ตาม บัลเซล แนะนำว่า จำเป็นต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นก่อนฤดูหนาว เนื่องจากระดับแอนติบอดีมีแนวโน้มลดลง 


นายบันเซล กล่าวว่า บริษัทจะไม่ผลิตวัคซีนโมเดอร์นา ไปมากกว่าที่บริษัทตั้งเป้าไว้ 800 - 1,000 ล้านโดสในปีนี้

"ขณะนี้ โมเดอร์นาจำกัดกำลังการผลิตในปี 2564 และเราจะไม่รับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมสำหรับการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ในปี 2564" ซีอีโอโมเดอร์นา กล่าว

มีรายงานว่า วันนี้หุ้นโมเดอร์นาร่วงลง 3.6% สู่ระดับ 403.87 ดอลลาร์ ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหลังจากปิดที่ 419.05 ดอลลาร์ในวันพุธที่ผ่านมา
#3103


ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 271.58 จุด หรือ 0.78% ปิดที่ 35,064.25 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 26.44 จุด หรือ 0.60% ปิดที่ 4,429.10 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 114.58 จุด หรือ 0.78% ปิดที่ 14,895.12 จุด

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 385,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาของสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 4% ในการซื้อขายวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 โดยได้ปัจจัยหนุนจากยอดขายวัคซีนต้านโควิด-19

โมเดอร์นาเปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายวัคซีนต้านโควิด-19 สูงถึง 4,200 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 3 เดือนระหว่างเดือนเม.ย.-มิ.ย. หรือราว 140,000 ล้านบาท

โมเดอร์นา ระบุว่า บริษัทจะผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 800-1,000 ล้านโดสในปีนี้ และขณะนี้บริษัทได้ลงนามในสัญญาส่งมอบวัคซีนวงเงิน 20,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ และ 12,000 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า

ทั้งนี้ โมเดอร์นามีกำไร 6.46 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.96 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 4,350 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4,200 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ยอดขายวัคซีนต้านโควิด-19 ในไตรมาส 2 ของโมเดอร์นายังคงต่ำกว่ายอดขายของไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า บริษัทมียอดขายวัคซีนต้านโควิด-19 สูงถึง 7,800 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 หรือราว 260,000 ล้านบาท และบริษัทได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ยอดขายวัคซีนในปีนี้สู่ระดับ 33,500 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 26,000 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นตัวเลขจ้างงานตัวสุดท้าย ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 926,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่เพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.

หากตัวเลขการจ้างงานออกมาแข็งแกร่ง ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล

นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ส่งสัญญาณในการกล่าวถ้อยแถลงวานนี้ว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอีภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด" นายแคลริดา กล่าว

"หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้" เขากล่าว

คำกล่าวของนายแคลริดาสอดคล้องกับถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด โดยนายวอลเลอร์ระบุว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 6.7% สู่ระดับ 7.57 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.41 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.8% สู่ระดับ 2.391 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 1.459 แสนล้านดอลลาร์ โดยเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
#3104


คลัสเตอร์อะไรที่ควรพัฒนาในภูมิภาค ในการไขปัญหาข้อแรกที่ว่า "ถ้าจะมีการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจแห่งที่สองในเขตพื้นที่ภาคอื่น ๆ ควรส่งเสริมให้มีการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใด?"

คลัสเตอร์อะไรที่ควรพัฒนาในภูมิภาค
ในการไขปัญหาข้อแรกที่ว่า "ถ้าจะมีการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจแห่งที่สองในเขตพื้นที่ภาคอื่น ๆ ควรส่งเสริมให้มีการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใด?" จึงต้องคำนึงถึงการก่อตัวของการรวมกลุ่มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีนัยสำคัญ ซึ่งแสดงถึงการมีอยู่ของคลัสเตอร์ในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อเป็นการระบุคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพในพื้นที่ภาคดังกล่าว และเป็นการบ่งชี้ถึงศักยภาพของพื้นที่ประกอบการและความพร้อมของเครือข่ายอุตสาหกรรมโดยอ้อม

ทั้งนี้ การศึกษาในเชิงวิชาการเพื่อระบุถึงการมีอยู่ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ได้มีการดำเนินการอยู่ 2 แนวทาง คือ (1) การศึกษาวิจัยโดยใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพในเชิงลึกประกอบกับการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญในระดับพื้นที่ และ (2) ใช้เทคนิคทางด้านปริมาณจากตัวเลขที่เรียกว่า Cluster Mapping1 ซึ่งจะช่วยระบุการมีอยู่ของคลัสเตอร์ภายในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กำหนด

สำหรับการศึกษาเพื่อตอบคำถามครั้งนี้ ผู้เขียนได้เลือกใช้วิธีการศึกษาด้วยเทคนิคเชิงปริมาณตามแนวทางของ European Cluster Observatory ที่เรียกว่า 3 STAR Model เนื่องจาก มีความเรียบง่าย และสามารถวัดเปรียบเทียบได้ โดยจะทำการวัดผลกระทบทางอ้อมจากการอยู่ในพื้นที่ร่วมกันของธุรกิจ (Co-location of Businesses) จากการกระจุกตัวของการจ้างงาน และการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการพิจารณา 3 ปัจจัยเป็นลำดับ ประกอบด้วย ขนาด (Size) ระดับความชำนาญพิเศษของพื้นที่ (Specialization) และขอบเขตของอุตสาหกรรมที่พื้นที่จะขับเคลื่อน หรือมุ่งเน้นในการผลิต (Focus) แบ่งเป็นระดับ 0 1 2 และ 3 Stars ตามจำนวนขั้นที่ผ่านเงื่อนไขตามลำดับ โดยใช้ข้อมูลการจ้างงาน และมูลค่าเพิ่มจากสถิติมูลฐานอุตสาหกรรมการผลิตในปี 2554 จำแนกตามประเภทอุตสาหกรรม พ.ศ. 2559 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ จากการนำระดับการจัดประเภทอุตสาหกรรม TSIC 4 ตำแหน่ง ในระดับประเทศ และภูมิภาคต่าง ๆ มาคำนวณ แล้วคัดเลือกสาขาอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เป็นตัวนำในแต่ละเขตพื้นที่จากกลุ่มสาขาอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในระดับของความชำนาญพิเศษ 3 Stars และจำนวนการจ้างงานอย่างน้อย 2 Stars ร่วมกับสาขาที่มีจำนวนการจ้างงานในระดับของความชำนาญพิเศษ 3 Stars และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างน้อย 2 Stars ซึ่งถือว่าเป็นสาขาที่มีความสำคัญต่อประเทศ และมีระดับสัดส่วนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากกว่าค่าเฉลี่ยอย่างเพียงพอ แล้วนำมาจัดกลุ่มสาขาอุตสาหกรรมดังกล่าว ให้เป็นคลัสเตอร์


ในเบื้องต้น พบว่า ในแต่ละเขตพื้นที่มีกลุ่มคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพสูง

(1) เขตพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก มีคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย คลัสเตอร์ยานยนต์ และชิ้นส่วน คลัสเตอร์ปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ และคลัสเตอร์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงคลัสเตอร์กลุ่มสาขาอื่น ๆ เช่น สาขาการผลิตเครื่องประดับเพชรพลอยแท้ และสิ่งของสาขาการผลิตรองเท้า และสาขาการพิมพ์

(2) เขตพื้นที่ภาคเหนือ มีคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย คลัสเตอร์กลุ่มอุปกรณ์ทางทัศนศาสตร์และอุปกรณ์ถ่ายภาพ คลัสเตอร์เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้สอยในสาขาการผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากไม้ และการผลิตสิ่งของ รวมถึงคลัสเตอร์เกษตรแปรรูป อาทิ สาขาผลิตภัณฑ์ยาสูบ ในขณะที่สาขาการแปรรูป และการถนอมผลไม้และผัก และสาขาการผลิตน้ำตาล ยังคงมีระดับสัดส่วนของการสร้างมูลค่าเพิ่ม และสัดส่วนการจ้างงานน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศตามลำดับ

(3) เขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย คลัสเตอร์อาหาร และเกษตรแปรรูปในสาขาการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการโม่-สีธัญพืช สาขาการผลิตน้าตาล รวมถึงสาขาการผลิตสตาร์ชและผลิตภัณฑ์จากสตาร์ช

(4) เขตพื้นที่ภาคใต้ มีคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย คลัสเตอร์เกษตรแปรรูปในกลุ่มยางพาราและปาล์มน้ามัน ในขณะที่สาขาการผลิตผลิตภัณฑ์สัตว์น้าแปรรูปอื่น ๆ ยังคงมีระดับสัดส่วนของการสร้างมูลค่าเพิ่มน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ

นอกจากนี้ จากการพิจารณาผลการศึกษาคลัสเตอร์ ที่มีศักยภาพในมิติการจ้างงาน หรือมูลค่าเพิ่มในระดับ 1 ถึง 3 Stars ของเขตพื้นที่แต่ละภาคควบคู่กับนโยบาย 10 อุตสาหกรรมศักยภาพเป้าหมายของรัฐบาล เพื่อเชื่อมโยงเป้าหมายของการพัฒนาประเทศ กับศักยภาพในระดับพื้นที่ พบว่า สาขาอุตสาหกรรมในกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนที่มีศักยภาพต่อยอดไปสู่กลุ่มยานยนต์สมัยใหม่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีศักยภาพต่อยอดไปสู่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ กลุ่มปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ ที่มีศักยภาพต่อยอดไปสู่เคมีชีวภาพ รวมถึง กลุ่มคลัสเตอร์ดิจิทัล คลัสเตอร์การแพทย์ครบวงจร (ในกลุ่มเภสัชภัณฑ์ และเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์) และคลัสเตอร์อากาศยานนั้น มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กระจุกตัวอยู่อย่างหนาแน่นในเขตพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ส่วนกลุ่มคลัสเตอร์อาหาร และเกษตรแปรรูป ที่มีศักยภาพพัฒนาไปสู่อาหารแห่งอนาคต เชื้อเพลิงชีวภาพ และเทคโนโลยีชีวภาพ ในเขตพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก จะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หลากหลายกว่า และมีการกระจุกตัวสูงกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับเขตพื้นที่ภาคอื่น ๆ ในขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางสาขาในอุตสาหกรรมอาหาร และเกษตรแปรรูป มีการกระจุกตัวอยู่ในเขตพื้นที่ภาคที่เหลือ ตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่ เช่น กลุ่มการแปรรูป และการถนอมผลไม้ และผัก กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาสูบ และกลุ่มการผลิตน้าตาลในเขตพื้นที่ภาคเหนือ กลุ่มการผลิตน้าตาล และสตาร์ช ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือกลุ่มยางพารา และปาล์มน้ามัน ในเขตพื้นที่ภาคใต้ เป็นต้น

มีแนวทางการพัฒนาคลัสเตอร์ อย่างไร?
สำหรับการไขปัญหาข้อที่สองที่ว่า "ควรมีแนวทางการพัฒนาคลัสเตอร์อย่างไรจึงจะเหมาะสม?" นั้น ต้องย้อนกลับไปที่ความสำคัญของพื้นที่ที่ตั้งของบริษัทต่อขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนต้น โดยพื้นที่ที่มี "องค์ประกอบของปัจจัยแวดล้อม" ที่เอื้อต่อการกระจุกตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในธุรกิจสาขาเฉพาะในพื้นที่ใกล้เคียงกัน (หรือคลัสเตอร์) อย่างเหมาะสมจะเป็น ตัวจักรสาคัญที่ขับเคลื่อนให้พื้นที่หรือประเทศนั้นมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง คาถามที่ตามมาคือ "แล้วอะไร คือ ปัจจัยแวดล้อมที่เหมาะสมที่ไทยควรผลักดันให้มีขึ้นล่ะ?" จากการค้นคว้าพบว่ามีหลายบทความวิชาการได้พยายามตอบคาถามดังกล่าว รวมถึงแนวคิด Diamond Model ของ Michael E. Porter ที่ได้รับความนิยม นอกจากนั้น ยังมีข้อสังเกตอีกว่าแนวทางในการพัฒนาให้เกิดการรวมกลุ่มในรูปแบบคลัสเตอร์ไม่ใช่จุดสุดท้ายของเรื่อง เพราะคลัสเตอร์ก็มีวงจรของการก่อตัว เจริญเติบโต อิ่มตัว และหมดความสาคัญไปจากระบบเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมหรือผลิตภัณฑ์ รวมทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมีคลัสเตอร์ ที่มีระดับการพัฒนาที่มากกว่าประเทศที่กาลังพัฒนา กล่าวคือ คลัสเตอร์จะยิ่งมีความลึกและมีซัพพลายเออร์ที่มีความพิเศษ มีความกว้างของระดับชั้นของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง มีสถาบันสนับสนุนที่มีความครอบคลุม รวมถึงบริษัทที่ตั้งอยู่จะมีความซับซ้อนทางเทคโนโลยี และนวัตกรรมในระดับที่สูงกว่า ดังนั้น การพัฒนาคลัสเตอร์จึงไม่สามารถหยุดนิ่งได้ และควรส่งเสริมให้เกิดปัจจัยแวดล้อมที่ช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อพัฒนาโครงสร้าง และยกระดับความซับซ้อนของกิจกรรมของคลัสเตอร์ ไปสู่ฐานคุณค่าใหม่อยู่ตลอดเวลา (ซึ่งเป็นวิธีที่มีความยั่งยืน และก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มากกว่าการส่งเสริมให้เกิดคลัสเตอร์ขึ้นโดยตรง) 


ประกอบกับเมื่อพิจารณาร่วมกับบริบทการพัฒนาของไทยแล้ว โดยในบริบทของไทยมี 5 ประการ ที่ควรริเริ่มให้มีขึ้นประกอบด้วย

(1) การพัฒนาปัจจัยทุน (Capitals) โดยดำเนินการยกระดับศักยภาพของปัจจัยทุนด้านต่าง ๆ ในระดับประเทศเพื่อเชื่อมโยงสู่การพัฒนาระดับภาค ทั้งที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ การพัฒนาทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ และวัตถุดิบ รวมถึงแรงงานขั้นพื้นฐาน และปัจจัยก้าวหน้า ได้แก่ การพัฒนาทุนมนุษย์ และแรงงานฝีมือ การพัฒนาทุนทางการเงิน รวมถึงทุนทางปัญญา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ไทยควรคำนึงถึงในการวางรากฐาน ให้พร้อมต่อการก้าวไปสู่อุตสาหกรรมอนาคต

(2) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ (Infrastructures) ที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง อาทิ ถนน ทางรถไฟ สนามบิน รวมถึงระบบการสื่อสาร และโทรคมนาคม ภายในภูมิภาค โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ภาคต่าง ๆ เข้าสู่เขตพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักของประเทศ และท่าเรือสำคัญ ไปจนถึงการจัดการผังเมือง/บริการสาธารณะ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้อยู่อาศัย เพื่อช่วยดึงดูด และรักษาบุคลากรแรงงานฝีมือ และผู้ประกอบการให้เข้ามาอาศัยในพื้นที่

(3) การส่งเสริมหน่วยเศรษฐกิจที่เป็นกุญแจสำคัญ (Key Economic Actors) เนื่องจากคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพสูง ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของตัวบริษัท และอุตสาหกรรมที่เข้ามาเป็นสมาชิก จึงควรดำเนินการส่งเสริม เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัท/อุตสาหกรรมในประเทศ ไปพร้อมกับการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติในส่วนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง สร้างเป็นสมาชิกในเครือข่ายการผลิตเพื่อขับเคลื่อนจากอุตสาหกรรมฐานเดิมไปสู่อุตสาหกรรมอนาคต เพื่อเป็นการวางตำแหน่งการแข่งขันของไทยในเครือข่าย การผลิตโลกอย่างยั่งยืน

(4) การสร้างสภาพแวดล้อมในการแข่งขัน และร่วมมือที่เหมาะสม (Co-operative Condition) สร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม และการรวมกลุ่ม/พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ร่วมกับการดำเนินการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ และเครือข่ายสถาบันการศึกษา/สถาบันวิจัย โดยใช้กลไกต่าง ๆ อาทิ ก่อตั้งหน่วยงานส่งเสริมการพัฒนาคลัสเตอร์ (Cluster Development Agent: CDA) เพื่อผลักดันและดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคลัสเตอร์ หรือการริเริ่มจัดตั้งประชาคมการวิจัย (Research Consortia) ทุนเพื่อการวิจัยร่วม (Joint Research Fund) และการวิจัยร่วม (Joint Projects) เป็นต้น

(5) การพัฒนาตลาด (Demand) เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดจากการพัฒนาตลาดภายในประเทศ และ/หรือเชื่อมโยงสู่ตลาดต่างประเทศ โดยกำหนดให้ไทยอยู่ในตำแหน่งในการแข่งขันทางการตลาด และเครือข่ายการผลิตระดับอาเซียน/โลกอย่างเหมาะสม

ประเด็นสำคัญ คือ...การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจที่สอง สาม สี่.... จำเป็นต้องเชื่อมโยงกับเขตพื้นที่ภาคกลาง และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของเครือข่ายการผลิต และโลจิสติกส์ของประเทศอย่างใกล้ชิด โดยการขับเคลื่อนการพัฒนาคลัสเตอร์ในพื้นที่นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย และภาครัฐควรมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้สนับสนุนมากกว่าผู้เล่น ดังนั้น การชักจูงภาคเอกชนที่มีความพร้อมในการนำ และมองเห็นโอกาสให้เป็นแนวร่วมสำคัญในการผลักดันการพัฒนาคลัสเตอร์ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สาคัญในการขับเคลื่อนแนวคิดเชิงนโยบายไปสู่การพัฒนาที่เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

เอกสารอ้างอิง:
Bresnahan, T., Gambardella, A., and Saxenian A. (2001). Old economy' inputs for 'new economy' outcomes: cluster formation in the new Silicon Valleys. Industrial and Corporate Change, Oxford University Press, No.4 Vol.10, 2001.

Dzisah, J. and Etzkowitz, H. (2008). Triple helix circulation: the heart of innovation and development. International Journal of Technology Management & Sustainable Development, Vol 7, No 2, Sep 2008, pp. 101-115(15).

Europe INNOVA. (2008). The concept of clusters and cluster policies and their role for competitiveness and innovation: main statistical results and lessons learned. Commission staff working document SEC (2008) 2637.

International Trade Department. (2009). Clusters for competitiveness. A practical guide and policy implications for developing cluster initiatives. 2009.
#3105


หลังจากเมื่อวาน (3ส.ค.64) นายกรณ์ จาติกวณิช นักการเมืองชื่อดังได้เข้ายื่นขอระงับออกใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดหรู เขตยานนาวา แก่ นายอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ถึงการก่อสร้างคอนโดโครงการ ควินทารา ซิงค์ เย็นอากาศ ของบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ในซอยประสาทสุข ถนนเย็นอากาศ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ  ล่าสุดทางอีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท ได้ส่งจดหมายชี้แจงดังนี้ 

วันที่ 4 สิงหาคม 2564


เรียน ท่านสื่อมวลชนเรื่อง ขอชี้แจงกรณีมีผู้กล่าวหาโครงการควินทารา ซิงค์ ทำผิดกฏหมาย


ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการมีผู้ยื่นเรื่องต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเพื่อขอให้ระงับการออกใบอนุญาตก่อสร้างโครงการควินทารา ซิงค์ ในซอยประสาทสุข ถนนเย็นอากาศ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา  ที่ดำเนินโดยบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) โดยอ้างว่าความกว้างถนนหน้าโครงการต่ำกว่าเกณฑ์ทางกฏหมายนั้น บริษัทขอเรียนแจ้งว่าข้อเท็จจริงต่างๆของโครงการที่ใช้ประกอบการยื่นขออนุญาตนั้น   

ได้รับการรับรองยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอ้างอิงจากข้อกำหนดและกฏหมายที่เกี่ยวข้อง และผ่านกระบวนการการนำเสนออย่างถูกต้องโปร่งใสจนได้รับการอนุมัติให้ดำเนินโครงการได้จากที่ประชุมพิจารณาประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว 


ในกระบวนการจัดทำและพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) บริษัทได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนใกล้เคียงหรือประชาพิจารณ์ขึ้น 2 รอบ ทำให้บริษัทได้รับทราบข้อห่วงกังวลจากกลุ่มผู้ร้องเรียนดังกล่าวในประเด็นความกว้างของถนนหน้าโครงการ จึงได้ดำเนินการตรวจสอบรังวัดเขตทางใหม่อีกครั้งว่าสามารถพัฒนาโครงการตามที่เสนอได้หรือไม่ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จนได้รับการยืนยันข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษรว่าความกว้างของเขตทาง และรูปแบบการเชื่อมทางของโครงการสามารถพัฒนาโครงการซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่พื้นที่ไม่เกิน 10,000 ตร.ม. และสูงไม่เกิน 8 ชั้นได้ตามกฎหมาย ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้ปรับรูปแบบโครงการโดยลดจำนวนอาคารพักอาศัยลงจาก 3 อาคารเป็น 2 อาคาร ลดจำนวนห้องพักอาศัยลงกว่า     30 ห้อง และเพิ่มสัดส่วนที่จอดรถอีกราว¬ร้อยละ 10 เพื่อลดความห่วงกังวลว่าจะมีผู้อยู่อาศัยหนาแน่นและจอดรถในบริเวณพื้นที่นอกโครงการ อีกทั้งได้มีการปรับลดความสูงของอาคารที่ก่อสร้างติดที่ดินของผู้ร้องเรียนจากอาคาร    8 ชั้น เหลือเทียบเท่าอาคารทั่วไป 3 ชั้น เพื่อลดผลกระทบด้านการบังแดดและลมอีกด้วย

ในวันพิจารณาโครงการทางกลุ่มผู้ร้องเรียนยังได้เข้าพบคณะกรรมการผู้ชำนาญการเพื่อเสนอข้อห่วงกังวลประกอบการพิจารณาด้วยตนเอง ซึ่งทางกรรมการได้กรุณารับฟังและมอบหมายให้ทางบริษัทไปจัดหาข้อมูลประกอบการพิจารณา รวมทั้งกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบต่างๆเพิ่มเติม จนได้รับการพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินโครงการในที่สุด


ปัจจุบันแม้โครงการจะได้รับการอนุมัติจาก EIA แล้ว แต่บริษัทก็ยังมิได้ก่อสร้างในทันที โดยมุ่งหวังให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจและมีความเข้าใจกันมากที่สุดจึงจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง บริษัทขอยืนยันว่าพร้อมจะดำเนินการอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้สภาพแวดล้อมภายในชุมชนโดยรวมดีขึ้น หรือเป็นส่วนหนึงในการทำให้ปัญหาที่เคยมีหรือที่จะเกิดขึ้นใหม่ บรรเทาเบาบางลง ไปพร้อมกับการพัฒนาเมืองและชุมชนให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน เรามีเจตนาที่จะพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ ด้วยจริยธรรมอันดีในการดำเนินธุรกิจ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมี   แนวทางออกที่ดีร่วมกัน


               ขอแสดงความนับถือ                               

บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน)
#3106


แม้จะเป็นเพียงการควบรวมกันของ 2 บริษัทสตาร์ทอัพในอินโดนีเซีย แต่ก็ถือป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของอินโดนีเซีย และจะกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ติดอันดับ Top 3 ของประเทศ โดยเมื่อรวมมูลค่าธุรกรรม หรือ Gross Transaction Value (GTV) ของ 2 บริษัทนั้น จะมีมูลค่ามากถึง 2.2 หมื่นล้านเหรียญ คิดเป็น 2% ของ GDP อินโดนีเซีย อีกทั้งผู้บริหารยังตั้งเป้าว่า อาจจะไปได้ถึง 5-10% ของ GDP ภายหลังจากควบรวมกันเป็น GoTo หลังจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในประเทศอินโดนีเซียและที่สหรัฐฯ พร้อมนำเม็ดเงินที่จะมาพลิกโฉมหน้าการแข่งขันของอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่ในประเทศ แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคด้วย ซึ่งจะได้รับผลกระทบและแรงกระเพื่อมจากดีลครั้งนี้

ก่อนอื่น ไปดูว่า GoTo คือใคร และทำไมถึงจะสร้างผลกระทบต่อวงการบริษัทเทคโนโลยีในอาเซียนได้มากขนาดนี้

บริษัทแรกของการควบรวม คือ Gojek เป็น Platform เรียกรถ (Ride-hailing) ที่กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในเวทีเดียวกันกับ Grab ในหลายประเทศในอาเซียน ในอินโดนีเซียนั้น Gojek ยังมีบริการอื่นๆ ที่เป็น on-demand services อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การส่งของ การส่งอาหาร ของกินของใช้ ดอกไม้ ยา รวมถึงบริการที่เป็น Lifestyle services ต่างๆ เช่น จ้างคนทำความสะอาดบ้าน นวด ติวเตอร์ เทรนเนอร์ฟิตเนส จัดสวน ตัดผม และยังมีบริการ จองตั่วรถ คอนเสิร์ต อีเว้นท์ รวมไว้ในแอปเดียวอีกด้วย GoJek ยังทำธุรกิจการเงิน (Financial services) ในชื่อ GoPay ซึ่งเป็น e-wallet สำหรับชำระค่าบริการต่างๆ รวมถึงการให้สินเชื่อแก่ผู้บริโภคด้วย ซึ่งถือได้ว่า มีความพร้อมที่จะเป็น SuperApp สำหรับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

ขณะที่อีกบริษัทหนึ่งของการควบรวมก็แข็งแกร่งในสมรภูมิของตัวเองเช่นเดียวกัน คือ Tokopedia นั้นเป็น platform e-commerce ที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย ชนิดที่ว่า แม้ Shopee จะเป็นผู้นำในทุกประเทศในอาเซียนแล้วนั้น แต่ในอินโดนีเซียทั้ง  2 บริษัท ยังคงคู่คี่สูสีกันอยู่ โดย Tokopedia นั้น เป็นผู้บุกเบิกตลาด e-commerce มาตั้งแต่ปี 2009 และปัจจุบันเป็นผู้นำในตลาด C2C ที่ส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงราว 45% มีผู้ใช้งานต่อเดือนมากถึง 129 ล้านคน และสามารถสร้างรายได้ได้จากหลากหลายช่องทาง ทั้งจากการโฆษณาสินค้า การเก็บค่าคอมมิชชั่น รวมถึงค่าบริการเสริมอื่นๆ ใน Tokopedia นั้น ผู้ใช้งานยังสามารถสั่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตและจากตลาดทั่วไปได้ ทำให้ความกว้างของสินค้านั้น ครอบคลุมของใช้ในชีวิตประจำวันได้เกือบทุกอย่าง

ดังนั้น การรวมกันของบริษัทใหญ่นี้ จึงทำให้ความเป็นผู้นำในทั้ง 2 ตลาด ถูกเสริมความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งการรวมกันของฐานลูกค้า การเพิ่มประสิทธิภาพในค่าใช้จ่ายทางการตลาดและระบบหลังบ้าน การจัดการโลจิสติกส์ ซึ่งอินโดนีเซียนั้น มีภูมิประเทศที่เป็นเกาะมากกว่า 17,000 เกาะ การควบรวมกันจะส่งผลบวกต่อการจัดส่งสินค้าและต้นทุนของทั้งสองบริษัทอย่างมาก และที่สำคัญที่สุด คือ ข้อมูลลูกค้า ฐานข้อมูลของ GoTo จะมีข้อมูลลูกค้าที่มีความละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อธุรกิจต่อเนื่องของบริษัท คือ ธุรกิจการเงิน (Financial services) ในการทำ Credit scoring การปล่อยสินเชื่อ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินแก่ลูกค้า การรวมกันของทั้ง 2 นี้ ยังถือว่า เป็นบริษัทแรกในโลกที่สามารถให้บริการได้ทั้ง e-commerce platform และ on-demand services อีกด้วย

ด้านการถือหุ้น GoTo จะมาจากผู้ถือหุ้นของ Gojek 58% และ Tokopedia 42% ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทรวมจะเป็น Alibaba และ SoftBank โดย Alibaba นั้นยังถือหุ้นในคู่แข่งของ Tokopedia อย่าง Lazada ขณะที่ Softbank ก็ถือหุ้นในคู่แข่งของ Gojek อย่าง Grab เป็นที่น่าสังเกตว่า ระบบนิเวศน์ของวงการบริษัทเทคโนโลยีในอาเซียนนั้นมีความทับซ้อนกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีผู้ถือหุ้นที่เป็นบริษัทชั้นนำของโลกอย่าง Facebook Google JD.com PayPal Tencent และ Visa รวมถึงกองทุนขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง

Goto เตรียมตัวที่จะจดทะเบียนใน 2 ตลาด (Dual listing) ทั้งอินโดนีเซียและสหรัฐฯ โดยคาดการณ์กันว่าจะระดมที่มูลค่ากิจการมากถึง 3.5-4.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวของมูลค่ารวมของ 2 บริษัทที่ 18 ล้านเหรียญ ที่เคยระดมทุนไปในปี 2019 และ 2020 ตามลำดับ และเป็นมูลค่าที่ใกล้เคียงกับ Grab บริษัทสิงคโปร์ที่กำลังจะจดทะเบียนในตลาด Nasdaq ผ่านการระดมทุนแผนพิเศษ Special Purpose Acquisition Company (SPAC) หนุนโดย Altimeter Capital ที่มูลค่ากิจการราว 4 หมื่นล้านเหรียญ หลังทั้ง Gojek และ Grab ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการควบรวมกันได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ในเวทีอาเซียนเดียวกันนั้น ยังถือว่าห่างจากมูลค่าของ SEA group อยู่มาก ที่ราว 14.5 หมื่นล้านเหรียญ ที่มีทั้งธุรกิจ e-commerce ธุรกิจการเงิน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจเกมส์ของ Garena ที่ถือว่ายังเป็นตัวแปรที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของ Platform Technology ในภูมิภาคนี้อยู่
ภายหลังการระดมทุน GoTo อาจไม่หยุดเพียงความเป็นผู้นำในตลาดอินโดนีเซีย แต่ยังจะขยายไปในตลาดอื่นๆในอาเซียนที่ Gojek นั้นได้เริ่มธุรกิจเอาไว้แล้ว รวมถึงประเทศอื่นๆได้อีกด้วย และไม่เพียงแต่ GoTo เท่านั้น ยังมีสตาร์ทอัพเทคโนโลยีรายอื่นๆอีก ทั้ง Grab Traveloka Bukalapak ที่กำลังเตรียมตบเท้าเข้าระดมทุนผ่านตลาดต่างๆ ซึ่งถือเป็นการนำเม็ดเงินเข้าเพิ่มในระบบนิเวศน์ของบริษัทเทคโนโลยีให้อุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นและช่วยให้สตาร์ทอัพขนาดเล็กใหม่ๆได้เติบโตตามมาได้เร็วขึ้น ทำให้ในระยะข้างหน้า แม้ว่าผลกระทบและแรงกระเพื่อมที่จะเกิดขึ้นต่อวงการบริษัทเทคโนโลยีในอาเซียนจะยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองต่อไป แต่ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ความเข้มข้นของการแข่งขันจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสมรภูมิรบอาเซียนนั้นได้เพิ่มขึ้นแล้ว
#3107


นายสุพัฒนพงษ์  พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบ โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 (ใหม่) โดยโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ จำแนกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.ราคาก๊าซธรรมชาติที่ขายให้กับโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ประกอบด้วย (1) ราคาเฉลี่ยก๊าซฯ อ่าวไทย (Gulf Gas) (2) ค่าบริการในการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (S) และ (3) ค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติในทะเล (Zone 1)

2.ราคาก๊าซธรรมชาติที่ Shipper ปตท. ขายในกลุ่ม Old Supply ประกอบด้วย (1) ราคาเฉลี่ยของก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยหลังโรงแยก (รวมค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติในทะเล) ก๊าซธรรมชาติจากเมียนมา ณ ชายแดน และก๊าซ LNG (รวมค่าบริการสถานี LNG ในการเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซ) (Pool Gas) (2) ค่าบริการในการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (S) และ (3) ค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติบนบก (Zone 2-4) (โรงไฟฟ้าน้ำพอง ราคาเฉลี่ยเนื้อก๊าซให้เป็นไปตามที่ ปตท. รับซื้อจากผู้รับสัมปทานค่าบริการในการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ และค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติบนบก (Zone 5))

และ 3.ราคาก๊าซธรรมชาติที่ New Shipper ขายไฟฟ้าเข้าระบบใน Regulated Market ประกอบด้วย (1) ราคา LNG (2) ค่าบริการสถานี LNG ในการเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซ (3) ค่าบริการในการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ และ (4) ค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติบนบก (Zone 3)

โดยที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการทบทวนพื้นที่ (Zone) ในการคิดค่าบริการตามการใช้ระบบท่อส่งก๊าซของ ผู้ซื้อก๊าซ โดยคำนวณค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติพื้นที่ 1 ที่รวมค่าผ่านท่อในทะเลทั้งหมด ซึ่งนำค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติของบริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด (TTM) นำมาคำนวณรวมในอัตราค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติ   ในทะเลของ ปตท. ด้วย และกำหนดให้โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ มีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปี ทั้งนี้ ระหว่างกำหนดอัตราค่าบริการจัดหาและค้าส่ง (S) และค่าผ่านท่อ (T) ตามโครงสร้างใหม่ ให้กำหนดอัตราค่าบริการจัดหาและค้าส่ง (ในแต่ละประเภทผู้ใช้ก๊าซ คิดตาม % Margin โดยคำนวณจากค่าเฉลี่ย (Pool Gas) ตามวิธีปัจจุบันและกำหนดค่าผ่านท่อ (T) สำหรับ Shipper รายใหม่ที่นำเข้า LNG เท่ากับอัตราค่าผ่านท่อบนบก (Zone 3 ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าในภาพรวมลดลงประมาณ 56 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็นค่า Ft ลดลงประมาณ 0.39 สตางค์/หน่วย

รวมถึง ที่ประชุม กพช. ยังได้เห็นชอบการนำเข้า Liquefied Natural Gas (LNG) ที่ไม่กระทบต่อ Take or Pay สำหรับ ปี 2564 -2566 เท่ากับ 0.48 1.74 และ 3.02 ล้านตันต่อปี ตามลำดับ โดยมอบหมายให้ กบง. พิจารณาทบทวนหากพบว่าปริมาณความสามารถในการนำเข้า LNG มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากตัวเลขดังกล่าว และมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้ดำเนินการจัดสรรปริมาณการนำเข้า LNG ตามโครงสร้างของกิจการก๊าซธรรมชาติ ในระยะที่ 2 คือ Regulated Market และ Partially Regulated Market สำหรับ New Demand และกำหนดหลักเกณฑ์ในการนำเข้าของ Shipper รวมทั้งกำกับดูแลต่อไป



นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า กพช. ยังได้พิจารณาเห็นชอบ กรอบแผนพลังงานชาติ ซึ่งได้กำหนดแนวนโยบายภาคพลังงาน โดยมีเป้าหมายสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาด และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2065 - 2070 สำหรับแนวนโยบายของแผนพลังงานชาติ (Policy Direction) เพื่อขับเคลื่อนให้ภาคพลังงานสามารถบรรลุเป้าหมายการมุ่งสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ โดยการส่งเสริมการลงทุนพลังงานสีเขียวในภาคพลังงาน อาทิ

(1) เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าใหม่โดยมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 พิจารณาร่วมกับต้นทุนระบบกักเก็บพลังงานระยะยาว

(2) ปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานภาคขนส่งเป็นพลังงานไฟฟ้าสีเขียว ด้วยเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ตามนโยบาย 30@30 การปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานภาคขนส่งมาเป็น EV เป็นแนวทางที่ช่วยในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อเพิ่มความสามารถในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคขนส่งให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหาสภาพอากาศจากภาวะฝุ่นละออง PM 2.5

(3) ปรับเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน มากกว่าร้อยละ 30 โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริหารจัดการพลังงานสมัยใหม่ มาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพลังงาน

(4) ปรับโครงสร้างกิจการพลังงานรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) ตามแนวทาง 4D1E (Decarbonization: การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคพลังงาน Digitalization: การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการระบบพลังงาน Decentralization: การกระจายศูนย์การผลิตพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน Deregulation: การปรับปรุงกฎระเบียบรองรับนโยบายพลังงานสมัยใหม่ และ Electrification: การเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานมาเป็นพลังงานไฟฟ้า) ทั้งนี้เป้าหมายลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ในช่วงดังกล่าว (2065 – 2070) ขึ้นอยู่กับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการสนับสนุนทางการเงิน 

ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนสู่ Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2065-2070 อย่างต่อเนื่อง และเพื่อแสดงถึงจุดยืนและการเตรียมการในการปรับเปลี่ยนให้รองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจสู่ neutral-carbon economy การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยและโอกาสในการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศที่มีนโยบายมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดภายในช่วงเวลา 1-10 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564 - 2573) กพช. จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน ดำเนินการระยะเร่งด่วน ดังนี้

(1) จัดทำแผนพลังงานชาติ ภายใต้กรอบนโยบายที่ทำให้ภาคพลังงานขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจให้สามารถรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจ neutral-carbon economy ได้ในระยะยาว ครอบคลุมการขับเคลื่อนพลังงานทั้งด้านไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเชื้อเพลิง พลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน

(2) พิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรูปแบบต่างๆ และปรับลดสัดส่วนการรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ภายใต้ PDP2018 rev.1 ในช่วง 10 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564 – 2573) ตามความเหมาะสม อาทิ ปรับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าให้มีการผูกพันเชื้อเพลิงฟอสซิลเท่าที่จำเป็นและสามารถรองรับการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้ในระยะยาว การคำนึงถึงต้นทุนและความก้าวหน้าเทคโนโลยีเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้นำหลักการวางแผนเชิงความน่าจะเป็นโอกาสเกิดไฟฟ้าดับ (LOLE) มาใช้เป็นเกณฑ์ แทนกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง (Reserve Margin) ซึ่งไม่สามารถวิเคราะห์ผลจากความไม่แน่นอนของพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้การประเมินและการวางแผนความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศมีความแม่นยำมากขึ้น

(3) ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานระบบสายส่งและจำหน่ายไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมพื้นที่ศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับปริมาณกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในอนาคต และสามารถตอบสนองต่อการผลิตไฟฟ้าได้อย่างทันท่วงทีโดยไม่กระทบกับความมั่นคงของประเทศ

สำหรับกระบวนการจัดทำแผนพลังงานชาติ คาดว่า จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2565 โดยจะมีรับฟังความคิดเห็นกรอบแผนพลังงานชาติ ในช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม 2564 เพื่อนำความเห็นมาประกอบการจัดทำแผน 5 แผนหลัก และรวมเป็นแผนพลังงานชาติ หลังจากนั้นจะมีการรับฟังความคิดเห็นร่างแผนพลังงานชาติ ก่อนนำเสนอ กพช. ให้ความเห็นชอบต่อไป
#3108
Sharisma ตัวช่วยลดอายุเซลล์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย ครบเครื่องเรื่องสุขภาพ 

สัมผัสกับศาสตร์แห่งรางวัลโนเบลครั้งแรกในประเทศไทย ให้คุณได้ฟื้นฟูสุขภาพและผิวพรรณในทุกมิติ รวมถึงผิวหน้า ผิวกาย ระบบภูมิคุ้มกัน กับการลดอายุที่ระดับเซลล์ 

Talos95  สารสกัดสำคัญที่สำคัญใน Sharisma ที่แรกที่เดียวในประเทศไทย ศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบลถึง 3รางวัล ช่วยลดอายุเซลล์ได้จริงมีงานวิจัยรองรับ Telomere Health Support

Astaxanthin จาก AstaReal
 ราชาแห่งสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซีมากถึง 6000 เท่า เกราะป้องกันผิวและร่างกาย จากมลพิษและสิ่งเร้าภายนอก

Pure collagen dipeptide จาก Wellnex โมเลกุลเล็กที่สุด ดูดซึมได้ทันที เข้มข้นด้วยกรดอะมิโน po-og กระตุ้นการสร้ๅงคอลลาเจนได้ดีถึง 10 เท่า เป็นcollege อันดับหนึางในญี่ปุ่น

Camucanu King of Natural VitaminC วิตามินซีเข้มข้นกว่าส้มถึง 60 เท่า ปกป้องเซลล์และปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดบำรุงตับ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส

Gos�  สารสำคัญในน้ำนมแม่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันจากภายใน #Prebiotic และผลวิจัยด้านความงามพบว่า สามารถลดริ้วรอยได้

MitoActive บูสท์การเผาผลาญระดับเซลล์ กระชับสัดส่วน กล้ามเนื้อทนทาน ออกกำลังกายได้นานขึ้น

สารสกัดเข้มข้นจากทั่วโลกอีก 20 ชนิดอัดแน่นเต็มกล่อง 


No sugar No Cholesterol > ปราศจากสารให้ความหวานและน้ำตาล จึงไม่ทำให้เกิดไขมันที่ก่อตัวในเส้นเลือด

วิธีการทาน ทานตอนท้องว่าง 
ทานวันละ 1 ซอง ลดอายุเซลล์ได้ถึง 7.4 ปี
ทานวันละ 2ซอง ลดอายุเซลล์ได้ถึง 8.5 ปี
เมื่อทานต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน 

โปรโมชั่นพิเศษ
จากปกติกล่องละ 1,290 บาท
 1 890 บาท รวมส่ง 950 บาท ประหยัดไป 400 บาท
 2 กล่อง 1,780 บาท รวมส่ง 1,840 บาท ประหยัดไป 820 บาท 
 3 กล่อง 2,670 บาท รวมส่ง 2,700 บาท ประหยัดไป 1,270 บาท 
 4 กล่อง 3,560 บาท รวมส่ง 3,600 บาท ประหยัดไป 1,700 บาท 
 5 กล่อง 4,450 บาท รวมส่ง 4,500 บาท ประหยัดไป 2,100 บาท 

ช่องทางการส่งของเรา มีทุกช่องทางนะคะ
ส่งไปรษณีย์ Kerry flash เริ่มต้นที่ 60 บาท
Grab หรือ line man คิดตามระยะ ทางนะคะ

ทางทีมกำไร
-  เปิดรับ Holding มาร่วมทีม สร้างรายได้ไปด้วยกัน 
-  ทางทีมมีการเทรน Holding ในทีมแบบ private 
-  Holding ทีมกำไรมีแผนโปรโมทเฉพาะทีม 
-  มี Add เฉพาะทีม 
-  ไม่ทิ้ง Holding ให้เคว้งคว้าง
-  ปั้น Holding แม้ไม่มีพื้นฐานหรือประสบการณ์การขายออนไลน์มาก่อน เพียงแค่ตั้งใจพอค่ะ เชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า และลงมือทำ ถึงเป้าหมายแน่นอน 

สนใจติดต่อ 
Line@ : @gumrai (มี@) 

https://lin.ee/L2ygeGr


IG : Gumrai_kaikong 

https://www.instagram.com/p/CSDqkpeHY5O/?utm_medium=copy_link

Facebook Sharisma เพจดีลเลอร์รายใหญ่ 

https://www.facebook.com/100369412341981/posts/112206244491631/?d=n

Call : 090-9914691





























 
#3109


กรวัฒน์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมิตี้ จำกัด เปิดมุมมองว่า การระบาดของโควิด-19 เป็นเสมือนตัวเร่งให้หลายองค์กรมองหาการสร้างชุมชนดิจิทัลและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น อมิตี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรวมฟีเจอร์โซเชียลเข้าไปในแอพฯ และเว็บไซต์ขององค์กรได้โดยการเขียนโค้ดเพียงไม่กี่บรรทัด ทำให้ลูกค้าและผู้ใช้งานรายเดือนสามารถส่งข้อความและมีปฏิสัมพันธ์ผ่านหลายพันล้านข้อความในแต่ละเดือนได้โดยง่าย

"ในปีแรกของการระบาดของโควิด-19 อมิตี้เห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า จากองค์กรต่าง ๆ ที่ต้องการรวมฟีเจอร์โซเชียลต่าง ๆ เช่น ฟีด โปรไฟล์ กลุ่ม แชท และวิดีโอสตรีม เข้าไปในแอพฯและเว็บไซต์ขององค์กร เพื่อดึงดูดลูกค้า ผู้ใช้ และพนักงาน ซึ่งอมิตี้สามารถพลิกกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นด้วยบริการที่ครอบคลุม ทั้งในด้านฟีเจอร์โซเชียล การมีส่วนร่วมของพนักงาน และแชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วยแมชชีนเลิร์นนิ่งที่ดึงดูดผู้ใช้งานผ่านช่องทางที่หลากหลายได้อย่างชาญฉลาด"

ตั้งเป้าเบอร์ 1 ระดับโลก

ในปี 2563 อมิตี้ได้เข้าซื้อกิจการของ ConvoLab ซึ่งเป็นบริษัทแชทของไทย และย้ายบริการทั้งหมดไปยังคลาวด์ชั้นนำของโลกเพื่อเร่งพัฒนานวัตกรรมและปรับขนาดแพลตฟอร์มโซเชียลใหม่อย่างรวดเร็ว ให้มีความโดดเด่นในด้านบริการ ได้แก่ คอนเทนเนอร์ ฐานข้อมูล และแมชชีนเลิร์นนิ่ง โดยเสนอประสบการณ์การใช้โซเชียลและสร้างชุมชนดิจิทัลที่ไม่เหมือนใคร เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า และเปิดโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ 

นอกจากนี้ยังใช้สถาปัตยกรรมแบบ Serverless ช่วยให้บริษัทสามารถปรับขยายตามจำนวนลูกค้าได้เร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลอัตโนมัติรองรับลูกค้าในกรณีที่มีการปล่อยแคมเปญบนโซเชียลมีเดียหรือทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย นอกจากนั้นการใช้ Amazon Personalize ซึ่งเป็นบริการแมชชีนเลิร์นนิ่ง ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถสร้างประสบการณ์ผู้ใช้แบบเฉพาะเจาะจงสำหรับบุคคลแบบเรียลไทม์จำนวนมากที่มีความแม่นยำสูงได้รวดเร็วขึ้น

ในด้านขององค์กร อมิตี้ให้ความสำคัญในเรื่องของนวัตกรรมและการเติบโตระดับโลกได้เร็ว เนื่องจากอมิตี้เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์แห่งเดียวในประเทศและอาเซียน ที่โปรดักท์กำลังเติบโตในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลกด้านซอฟต์แวร์ใน 3 ตลาด ได้แก่ จีน ยุโรป สหรัฐ รวมทั้งมีลูกค้าทั้งองค์กรระดับเอสเอ็มอี ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่หลายร้อยแห่ง และบริษัทที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในเอเชียอย่างจีน ยุโรปและอเมริกาเหนือ


สร้างทีมงานระดับนานาชาติ

ส่วนมุมมององค์กรธุรกิจเทคโนโลยีในอาเซียนและไทย กรวัฒน์ มองว่า ยังมีขนาดเล็กทิ้งช่วงห่างยุโรป อเมริกาและจีน พอสมควร ทั้งในแง่ของการใช้จ่ายและขนาด ซึ่งยังไม่มีผู้เล่นรายใดที่พัฒนา B2B SaaS ที่ก้าวสู่ระดับยูนิคอร์น หรือบริษัทที่สำเร็จ ซึ่งอมิตี้เน้นการเป็นบริษัทระดับโลกตั้งแต่แรก โดยบริษัทมีพนักงานมากกว่า 30 ชาติ และมีสำนักงานในไมอามี่ ลอนดอน มิลาน และไทย ซึ่งในไทยมีพนักงานมากกว่า 20-25 ชาติ โดยจุดสำคัญคือพยายามสร้างทีมระดับนานาชาติที่มีความแข็งแกร่ง

"ทั้งนี้การสร้าง B2B SaaS ต่างจากการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคทั่วไป ซึ่ง B2B SaaS เป็น ธุรกิจที่ยั่งยืน เพราะเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนกำไรสูงมาก หากดูมูลค่าตลาดของบริษัทที่ทำคลาวด์ เทคโนโลยี จะเห็นได้ว่าบริษัท B2B SaaS ทำกำไร และมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลก แต่ธุรกิจเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคยังยากที่จะเห็นกำไร และสร้างให้เสถียรทำให้การเติบโตในต่างประเทศค่อนข้างยาก"

ส่วนคำแนะนำสำหรับตลาด B2B SaaS หากสตาร์ทอัพรายอื่นต้องการจะเข้าสู่ตลาดนี้ กรวัฒน์ กล่าวว่า B2B SaaS เป็นเนเจอร์ที่ค่อนข้างต่าง หากชนะในไทยได้ ก็ชนะตลาดยุโรป อเมริกา จีน ได้เช่นกัน แต่อย่างแรกคือ ต้องหาโฟกัส ตลาดที่เฉพาะเจาะจง ที่คนอื่นอาจจะยังไม่ได้ทำได้ดีมาก จากนั้นพยายามพัฒนาให้ตอบโจทย์ภูมิภาคและระดับโลก

อย่างไรก็ตามความได้เปรียบของลูกค้าไทยและอาเซียน คือมีการใช้สมาร์ทโฟนค่อนข้างเร็ว ทำให้เห็นว่าในอนาคตคนจะต้องการซอฟต์แวร์มากขึ้น อีกทั้งเรื่องของค่าใช้จ่าย ภาษี ทำให้ไทยมีความก้าวหน้ากว่าในอเมริกา ยุโรป จึงค่อนข้างง่ายที่จะเซ็ตอัพ 

ขณะเดียวกันภาพรวมการแข่งขัน กรวัฒน์ เผยว่า ยังไม่มีคู่แข่งที่สามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นโซเชียลองค์กร บริการหรือฟีเจอร์สำเร็จรูป คู่แข่งส่วนใหญ่ตั้งเป้าไปที่บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีตลอดจนผู้บริหารด้านเทคนิค เป็นการซื้อโมดูลแชทและ plug-in เข้าไป ฉะนั้น จึงต้องพยายามเติบโตให้เร็ว เพราะอีกไม่นานจะมีคู่แข่งมากขึ้น และอีกหนึ่งจุดประสงค์ที่ทำให้อมิตี้แข่งในต่างประเทศได้ ต้องบอกว่าในไทยยังไม่ค่อยมีบริษัทที่ทำ IaaS ทั้งตลาดอาเซียน เอเชีย

เน้นเทคโนโลยีสร้างจุดแข็ง

ส่วนจุดแข็งของอมิตี้คือ การลงทุนด้านเทคโนโลยี โดยปีที่ผ่านมางบการวิจัยและพัฒนาของบริษัทประมาณ 7-8 ล้านดอลลาร์และใช้วิศวกรประมาณ 60-70 คน แน่นอนว่าเมื่อพัฒนาเทคโนโลยีมาตลาด 8-9 ปี งบการวิจัยและพัฒนาทั้งสิ้นประมาณ 20 ล้านดอลลาร์

เนื่องจากอมิตี้ต้องพัฒนาและจำหน่ายเทคโนโลยีให้กับลูกค้าวิศวกร ดังนั้น คุณภาพโปรดักท์ ความสามารถของกระบวนการ ระบบปฏิบัติการจะต้องดี ซึ่งต้องทำงานร่วมกับ AgriTech ของ AWS เพื่อดีไซน์ ทั้งลงทุนเพื่อที่จะทำสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์รองรับปริมาณการใช้งานจำนวนมาก ทุกเดือนอมิตี้ให้บริการ 3 พันล้านข้อความ นี่คืออุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดที่สูง

ทั้งนี้ เป้าหมายและทิศทางอมิตี้หลังจากนี้ จะมุ่งให้เกิดการเติบโตที่สุด และยึดหมวดหมู่ และ IaaS จึงต้องพยายามก้าวสู่ผู้นำในตลาดโลก โดยทุ่มทางการตลาดเพื่อให้เป็นที่รู้จักนำเสนอชุดผลิตภัณฑ์พร้อมฟีเจอร์สำเร็จรูป คาดว่า 3-4 ปี อมิตี้จะเป็นบริษัทที่ทำซอฟต์แวร์ใหญ่ระดับสากลได้
#3110


อัจฉรีย์ ตันติยันกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด อีตั้น กรุ๊ป ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ รายใหญ่ ระบุว่า อีตั้น กำลังจะเสริมรถใหม่ เข้ามาทำตลาดช่วงปลายปี เอาใจกลุ่มลูกค้าที่ชอบเอสยูวี หรูหราขนาดใหญ่ "แลนด์ ครุยเซอร์" (LAND CRUISER 2022)

 แลนด์ ครุยเซอร์ เป็นรถเอสยูวี ขนาดฟูลไซส์ โดยมีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และ เครื่องยนต์ดีเซล และมีให้เลือกทั้งแบบเบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง และ 3 แถว 7 ที่นั่ง


ทั้งนี้ แลนด์ ครุยเซอร์ เตรียมจะเปิดตัวในญี่ปุ่น เร็วๆ นี้ แต่อีตั้นเปิดให้ลูกค้าจองเรียบร้อยแล้ว

โดย แลนด์ ครุยเซอร์ ผลิตขึ้นบนแพลทฟอร์มใหม่ TNGA-F ออกแบบมาสำหรับรถในกลุ่ม เอสยูวี ที่ใช้โครงสร้างแบบ Body-on-frame โดยเฉพาะ โดยช่วยให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง แต่แข็งแรงมากขึ้น และน้ำหนักตัวลดลง 200 กก.

ระบบช่วงล่าง เทคโนโลยีใหม่ E-KDSS โดยทำงานแปรผันกับสภาพพื้นผิวถนนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในทางเรียบ ทางต่างระดับ พื้นผิวถนนทุรกันดาร เป็นคลื่นเป็นลอน หรือเส้นทางออฟโรด

ตัวรถ ออกแบบให้ยังคงมีกลิ่นอายของรุ่นเดิมๆ ด้วยเส้นสาย ความเป็นเหลี่ยมสัน เพื่อทำให้รถดูมีความบึกบึน กระจังหน้าออกแบบเป็นรูปตัว U ตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟท้ายดีไซน์ใหม่


 

 


นอกจากนี้การออกแบบต่างๆ ทำให้เหมาะกับการใช้งานนอกถนนมากขึ้น เช่น ตำแหน่งไฟ และรูปทรงกันชนที่ป้องกันความเสียหายระหว่างการขับขี่ในเส้นทางทุรกันดาร

ส่วนมิติตัวรถ

ความยาว 4,990 มม.
กว้าง 1,980 มม.
ฐานล้อ 2,850 มม.
ส่วนภายในห้องโดยสาร ออกแบบให้มีความหรูหรามากขึ้น และรุ่นท็อปมาพร้อมกับมูนรูฟ เบาะปรับไฟฟ้า, หน้าจอขนาดใหญ่แบบทัชสกรีน ประตูท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ ฟรี ติดตั้งกล้อง 360 องศา แผงหน้าปัดแบบแนวนอนช่วยให้จับตำแหน่งของรถได้ง่าย


สำหรับเครื่องยนต์แบ่งเป็น

เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบคู่ V6 ความจุกระบอกสูบ 5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 409 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร
เครื่องยนต์ดีเซล ความจุกระบอกสูบ 3 ลิตร กำลังสูงสุด 304 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร
เช็คสิทธิ 'ประกันสังคม' www.sso.go.th ม.33 ม.39 ม.40 เช็ควันรับเงินเยียวยา ที่นี่
เช็คเงิน 'เยียวยาประกันสังคม' ม.33 พื้นที่สีแดงเข้ม โอนเข้า 'พร้อมเพย์' วันแรก
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ทะลุ 2หมื่น! พบเสียชีวิต 188 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 20,200 ราย ยังไม่รวม ATK อีก 522 ราย
ระบบความปลอดภัยติดตั้งระบบ  Toyota Safety Sense 2.0 เวอร์ชั่นล่าสุด ประกอบไปด้วย

ฟังก์ชั่นตรวจจับจักรยานในเวลากลางวัน
ระบบ Parking Support Brake ซตรวจจับสิ่งกีดขวางในขณะถอยจอดด้วยความเร็วต่ำทั้งด้านหน้าและด้านหลังตัวรถ
ฟังก์ชั่นตรวจจับคนเดินถนนแบบ ทั้งกลางวัน-กลางคืน
Pre-Collision System หลีกเลี่ยงการปะทะทางด้านหน้า

และในรุ่น ท็อป  มาพร้อม ระบบช่วยขับ ระบบ Multi-Terrain Monitor กล้องรอบตัวรถ ที่สร้างเส้นไกด์ไลน์ เพื่อช่วยให้ผู้ขับสามารถเห็นมุมล้อขณะขับขี่ ได้ภายในห้องโดยสารโดยไม่ต้องลงมาจากรถ รวมถึงระบบ Multi-Terrain Select ผู้ขับสามารถเลือกการตอบสนองของช่วงล่างให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง
#3111


คาร์สเทน วอร์โฮล์ม นักกรีฑา นอร์เวย์ ทุบสถิติโลกของตัวเอง คว้าเหรียญทองการแข่งขันวิ่งข้ามรั้ว 400 เมตรชาย โอลิมปิก 2020 เมื่อวันอังคารที่ 3 สิงหาคม

วอร์โฮล์ม เข้าเส้นชัยคนแรก เวลา 45.94 วินาที เร็วกว่าของเดิม ซึ่งทำไว้ 46.70 วินาที ที่กรุงออสโล เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ ไร เบนจามิน นักวิ่ง สหรัฐอเมริกา ทำเวลาดีกว่าสถิติโลกเดิมเช่นกัน 46.17 วินาที และ อลิสัน ดอส ซาน โตส จาก บราซิล ทำเวลา 46.72 ซิวเหรียญเงิน และทองแดง ตามลำดับ

วอร์โฮล์ม วัย 25 ปี กล่าว "บางครั้งขณะฝึกซ้อม โค้ชของผมย้ำเสมอว่า นี่อาจเป็นการแข่งขันที่สมบูรณ์แบบมากสุด แต่มันยากเหลือเกินที่คาดหวัง มันเป็นบางสิ่งที่คุณไม่เคยคิดเอาไว้เลย"

วอร์โฮล์ม ฉีกเสื้อหลังเข้าเส้นชัย พร้อมอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เหมือนตอนพิสูจน์ตัวเองแก่วงการกรีฑาระดับโลก ในรายการ เวิลด์ แชมเปียนชิป เมื่อปี 2017
 
#3112


เป็นระยะเวลา 16 เดือนแล้ว ที่วิกฤติโควิด-19 ยังอยู่กับคนทั้งโลก รวมถึงประเทศไทย และสร้างความเสียหายต่อสุขภาพ ประชากรกว่า 198 ล้านคนต้องติดเชื้อไวรัส และกว่า 4.2 ล้านคนต้องเสียชีวิต

ส่วนประเทศไทย ผู้ติดเชื้อล่าสุด ณ วันที่ 1 สิงหาคม ยอดพุ่งทยานแตะ 18,000 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 133 ราย จนรัฐต้องประกาศขยายพื้นที่สีแดงเข้มเพิ่ม 16 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด พร้อมยืดระยะเวลา "ล็อกดาวน์" ออกไปอีก 14 วัน เพื่อบริหารจัดการการแพร่ระบาดของไวรัส 

ความสูญเสียครั้งนี้ไม่จำกัดวงแค่สุขภาพ แต่ทำลายล้าง "เศรษฐกิจ" หรือจีดีพีของทั้งโลกและไทยกลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ซึ่งความหวังเดียวที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องถึงการกู้ชีพจรเศรษฐกิจได้ ต้องแก้ที่ต้นตอ นั่นคือการ "ฉีดวัคซีน" โดยเร็วและทั่วถึง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เมื่อคนแข็งแรง ย่อมมีพลังไปพลิกฟื้นเรื่องปากท้องได้อีกครั้ง 

ประเทศไทยมี "เครื่องยนต์" สำคัญที่ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ จากอุตสาหกรรมหลายเซ็กเตอร์ แต่หนึ่ง "ฮีโร่" ต้องมี "อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว" อยู่ในทำเนียบ เพราะไม่เพียงดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกมาเยือน ยังสร้างรายได้มหาศาล โดยปี 2562 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเยือนไทยร่วม 40 ล้านคน ทำเงินให้ประเทศมูลค่าราว 3 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 20% ของจีดีพี 

ทว่า นับต้ังแต่วินาทีที่โรคระบาดลามโลก ได้ "ชัตดาวน์" เศรษฐกิจทุกประเทศ และ "ดับเครื่องยนต์" เซ็กเตอร์ "การท่องเที่ยว" ให้จอดสนิท ทั้งห่วงโซ่ธุรกิจเสียหายสาหัส โรงแรมปิดให้บริการ สายการบินต้องหยุดบิน ทำให้ขาด "รายรับ" แต่ต้อง "แบกภาระรายจ่าย" รอบด้านทำให้ผู้ประกอบการต้อง "ขาดทุน" 

ส่วน "แรงงาน" ในภาคการท่องเที่ยวนับ "ล้านคน" ต้องตกงาน ว่างงาน หยุดงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน ฯ ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้าย เชื่อว่าไม่มีใครปล่อยให้วิกฤติครั้งนี้ผ่านไปอย่างไร้ค่า ดั่งที่อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร "เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล" เคยทิ้งวรรคทองให้โลกจำ "Never let a good crisis go to waste."  

"เนชั่น ทีวี ช่อง 22" จัดฟอรั่มออนไลน์ หยิบหัวข้อ "ไทยพร้อม...เปิดประเทศ ฟื้นท่องเที่ยว" เชิญตัวแทนภาครัฐ เอกชน ภาคการท่องเที่ยวมาช่วยระดมสมองเพื่อพลิกฟื้นท่องเที่ยวระยะสั้น และปลดล็อกกับดักดีใจกับ "ตัวเลข" นักท่องเที่ยวปีละหลายสิบล้าน สู่การแสวงหาโอกาส ตลาด นักเดินทางกลุ่มใหม่หลังโควิด-19 คลี่คลาย

++กล้าปลดล็อกอุปสรรค

แก้ "คอขวด" ท่องเที่ยว

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ไทยควรใช้ห้วงเวลาที่โรคโควิดระบาดซ่อมบ้านหรือปรับปรุงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ดี ไม่ใช่แค่จังหวัดที่มีเศรษฐกิจอิงการท่องเที่ยวหรือเมืองหลัก แต่ต้องขยายสู่เมืองรองด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงทางเดิน ชายหาด ฯ  

 นอกจากนี้ ท่ามกลางการบริหารจัดการไวรัส มีการกระจายฉีดวัคซีน จึงเห็นว่าการเปิดเผยข้อมูลด้านสาธารณสุขต้องกระจ่างแจ้งเพื่อสร้างความสบายใจให้กับทุกฝ่าย เพราะนาทีนี้ วัคซีนเป็นทรัพยากรหายาก และเงินงบประมาณที่นำไปใช้จ่ายมีอยู่จำกัด 

ขณะเดียวถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องมี "ความกล้า" ในการแก้ไขกฏระเบียบที่เป็น "คอขวด" กติกาที่เป็นอุปสรรค สร้างความไม่สะดวก ช่วยลดภาระให้กับประชาชน ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้ใช้ชีวิตยากลำบากอยู่แล้ว

"ใช้วิกฤติให้เกิดโอกาสใหม่ ต้องกล้าผ่าตัด รื้อกฎระเบียบ ใช้ปากกาแก้ไขกฎกระทรวง ค่าธรรมเนียมต่างๆ ตอนนี้มีประชุมเยอะ ก็ประชุมออนไลน์ซะ"   

ส่วนการปั๊มชีพจรผู้ประกอบการท่องเที่ยวระยะสั้น รัฐควรพิจารณากระบวนการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ จากปีก่อนพูดไม่ถนัด เพราะยังไม่เห็นผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ที่ยังทำ "กำไรมาก" 

"ตอนนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกำลังอ่อนแอ หลังจมน้ำมานาน แต่การพิจารณาให้สินเชื่อสามารถช่วยคนที่กำลังขึ้นจากน้ำ และดึงผู้ประกอบการในห่วงโซ่หรือซัพพลายเชนให้พ้นน้ำได้ทั้งระบบ"  


++4D คัมภีร์ดึงดูดนักเดินทาง

ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ฉายภาพธุรกิจท่องเที่ยวของไทยที่ผ่านมา ผู้ประกอบการมีความสุขกับตัวเลขนักท่องเที่ยวร่วม 40 ล้านคนต่อปี แต่โลกภายใต้โควิด ยากจะเห็นจำนวนคนมากมายเดินทางเช่นเดิม เพราะผ่านพ้นครึ่งปีแรก นักท่องเที่ยวมาไทยกว่า 34,000 คนเท่านั้น หลังเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อ้าแขนรับนักเดินทางไปเกือบครึ่งหนึ่ง 


นอกจากนี้ โลกวิถีปกติใหม่(New Normal) แผนการเดินทางของนักท่องเที่ยวไม่เหมือนเดิม เพราะการจองทริปเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น ไม่เตรียมการนานเหมือนในอดีต เพราะมีเงื่อนไขสถานการณ์โรคระบาดของแต่ละประเทศให้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต มีผลต่อตารางการท่องเที่ยวทั้งสิ้น 

ท่ามกลางตัวแปรที่หลากหลาย แต่ภารกิจของททท. คือต้องผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เติบโต จึงผ่อนเกียร์ในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์การท่องเที่ยวไม่ได้ มุ่งผนึกกับสำนักงานทั้ง 29 ประเทศ ดึงนักเดินทางให้กลับมาเยือนไทย สื่อสารให้เข้าใจไทยมีภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พัก อาศัย เที่ยวในเกาะได้ หากอยู่ครบตามเงื่อนไข ไร้ความเสี่ยงโรคระบาด อาจได้ขยายพื้นที่เที่ยวยังจุดอื่นๆได้ขึ้นภายใต้สถานการณ์และการควบคุมโรคระบาด  

ขณะที่การทำตลาดจะยึดสูตรเดิมไม่ได้ เพราะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยน จึงต้องปรับตัวเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย คัมภีร์ 4D ลุยตลาด ได้แก่ Demand ผู้ประกอบการต้องฟังความต้องการของนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย(Stakeholders)ที่ทำงานร่วมกัน อย่างยุคนี้มาเที่ยวโรงแรม ที่พักต่างๆต้องปลอดภัย เมื่อมาต้องตรวจเชื้อโควิด-19 ทำให้กินเวลานานขึ้น มีผลต่อเวลาเช็คอิน เช็คเอาท์ จึงต้องปรับให้เหมาะสม ไม่ยึดกฏเหล็กนับ 24 ชั่วโมง เช่น หากมาเช็คอิน 08.00 น. แล้วต้องเช็คเอาท์ เวลาใกล้เคียงกัน แขกเข้าพักต้องตื่นเช้าเพื่อออกจากโรงแรม อดมื้อเช้า เหล่านี้ต้องยืดหยุ่นได้ อย่าคำนึงถึงแค่ผลทางธุรกิจ

"กลยุทธ์เดิมอาจพัฒนาสินค้าดีขึ้นห้างขาย ประเทศไทยสวยหล่อเลือกได้ นักท่องเที่ยวมาเยือน 40 ล้านคน Enjoy มานาน แต่ยุคนี้ต้อง Demand Driven ทำตลาดต้องฟังเสียงลูกค้า ตอนนี้นักท่องเที่ยวพาครอบครัว คนรักมาเที่ยวจะมองหาสถานที่เที่ยวแล้วมั่นใจ ปลอดภัย"

Data Driven ข้อมูลขับเคลื่อนธุรกิจ ทำตลาดต้องรู้สถานการณ์แต่ละประเทศมีเงื่อนไขเกี่ยวกับโรคโควิด-19 อย่างไร ไทยอยู่ในโซนสีไหนของแต่ละประเทศ เพราะมีผลต่อการพัก กักตัวของนักท่องเที่ยวเมื่อกลับประเทศเหล่านั้น Digital โรคระบาดเป็นปัจจัยเร่งให้ดิจิทัลทรงพลังมากขึ้นและเปลี่ยนทุกสิ่งทั้งการติดต่อกัน อีเวนท์แบบกายภาพหรือ Physical ลดลง หากนักท่องเที่ยวไม่ต้องการใช้จ่ายเงินสด โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ต้องมีเทคโนโลยี บริการอิเล็กทรอนิกส์รองรับ และควรใช้เวลานี้ปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง เพราะยังมีเวลาก่อนนักเดินทางกลับมาเยือนไทยอีกครั้ง

  Domestic กลับมาพึ่งการตลาดในประเทศ เมื่อคนไทยหยุดเชื้อเพพื่อชาติเป็นเวลานาน หากนโยบายเปิดประเทศ สถานการณ์โควิดคลี่คลาย การกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทย เป็นกลไกฟื้นเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ "จีน" เป็นกรณีศึกษาน่าสนใจ เมื่อรัฐยังไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ ประชากรจำนวนมากเดินทางเที่ยวในประเทศทำสถิติเท่ากับปี 2562 การพักที่จุดหมายปลายทางต่างๆนานขึ้น เช่น ไปมาเก๊า 5 วัน จากปกติ 1-2 วันเท่านั้น 

++ เที่ยวเชิงสุขภาพ 

New S-Curve เติบโต   

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย อดีตเคยมีนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพจากยุโรป สหรัฐฯ เข้ามาพักผ่อนเป็นเวลาหลายวัน กระทั่ง "มังกรผงาด" จีนยุคใหม่ต่างพากันตบเท้าออกนอกประเทศเพื่อชมโลกกว้าง ไม่เพียงเท่านั้น ยุคโลกไร้พรมแดน ทำให้มีนักท่องเที่ยวอิสระ(FIT)ทั่วทุกมุมโลกออกเดินทางมากขึ้น ทำให้กลุ่มเป้าหมายของแต่ละตลาดเปลี่ยน รวมถึงไทยที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลมามหาศาล 

ทว่า จากนี้ไปตัวเลข ไม่ใช่เป้าหมายสำคัญสุดอีกต่อไป เพราะผู้ประกอบการตีโจทย์ใหม่ ป้องกันความเสี่ยงจากตลาดเดียว และขยายตลาดเพิ่มขุมทรัพย์รายได้ ซึ่งหลายส่วนเห็นพ้องว่าหลังโรคโควิดระบาด การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) รวมถึง การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์(Medical Tourism) จะมีบทบาทยิ่งขึ้น 

กิตติศักดิ์ ปัทมะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจมนทาระ ฮอสพิตาลิตี้ กรุ๊ป ผู้บริหาร ตรีสรา รีสอร์ต ภูเก็ต หยิบข้อมูลย้อนหลังปี 2560 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วโลกมีมูลค่าถึง 6.4 แสนล้านดอลลาร์ ขนาดใหญ่กว่าจีดีพีไทยมาก และมีอัตราการเติบโตราว 7% ขยายตัวเร็วกว่าเศรษฐกิจหลายประเทศด้วยซ้ำ 

ทั้งนี้ หากธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตที่พึ่งพาชาวต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะจีน รัสเซีย ซึ่งยังไม่กลับมาในเร็วๆนี้ ทำให้ต้องปรับตัวหาตลาดใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวให้ได้

นอกจากนี้ การติดตามสถานการณ์โรคระบาด และศึกษาข้อมูลต่างๆ ทำให้กรณีที่น่าสนใจ อย่างสหรัฐฯ มีผู้ป่วยนับล้าน หากไม่มีโรคเรื้อรังอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 14% หากมีโรคเรื้อรัง อัตราจะเพิ่มเป็น 45% หรือราว 3 เท่าตัว และมีผลต่อการเสียชีวิตจาก 5% เป็น 20% หรือเพิ่ม 4 เท่าตัว ผลกระทบไม่ได้เกิดกับร่างกายเท่านั้น แต่มีผลต่อสภาพจิตใจของคนในครอบครัวด้วย 

ขณะที่พฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังสูง 2-4 เท่าตัว และใช้เวลาทำกิจกรรม พักผ่อนยาวนานเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวทั่วไป ส่วนการเดินทางยังไปพร้อมครอบครัว พ่อแม่ ลูกฯ 

"โควิดทำให้คนตระหนักเรื่องสุขภาพ และกระตุ้นตลาดความต้องการตลาดสุขภาพทั่วโลก wellness tourism จึงเป็นโอกาสในวิกฤติ" 

ทั้งนี้ บริษัทจึงพัฒนาโครงการ "ตรีวนันดา" บนพื้นที่ 600ไร่ มีโซนที่พักอาศัย และรีสอร์ท รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยจุดเด่นโครงการไม่เพียงรองรับนักท่องเที่ยว แต่ยังตอบโจทย์การลงทุนด้วย เพื่อให้ลูกค้าที่ลงทุนสามารถปล่อยเช่าได้ผลตอบแทน ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้กลับเข้ามาลงทุนส่งเสริมเครื่องยนต์เศรษฐกิจภูเก็ตและประเทศต่อไป

"ระยะยาว Wellness Tourism ตอบโจทย์การผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตในอนาคต เพราะคนทัวโลกต้องการมีสุขภาพดี ประเทศไทยมีทรัพยากร วัฒนธรรม บุคลากรตอบโจทย์" 

 ศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) เห็นพ้องว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ถือเป็นปัจจัยสร้างการเติบโตใหม่หรือ New S-Curve ของภาคท่องเที่ยว เพราะโควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องรักษาชีวิต รักสุขภาพ หันมาสร้างภูมิป้องกันโรคต่างๆมากขึ้น 


หากมองดูประเทศไทย มีจุดแข็งมากมายที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพ ทั้งมีทรัพยากรสมุนไพร การปลดล็อกกัญชาเพื่อทางการแพทย์ และเชิงพาณิชย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ บริษัทนำไปต่อยอดในโครงการมายโอโซน เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโต ยกระดับเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางเหมือนการไปดื่มไวน์ณ เมืองต่างๆในประเทศฝรั่งเศส 

"โควิดทำให้คนโหยหามากสุดคือสุขภาพ เพราะมีเงินก็ตาย ขณะที่การส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เมดิคัล ฮับต่างๆ ไม่ยาก เพราะไทยมีจุดแข็งอยู่แล้ว หากทำได้เชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาเร็ว"

พัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่จะยั่งยืน ต้องหันพึ่งพาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และไม่แค่การรักษาพยาบาล แต่มองถึงการเป็นแหล่ง "ดิจิทัล ดีท็อกซ์" ใช้พื้นที่อับสัญญาณโทรศัพท์ พัฒนารีสอร์ท เพื่อให้นักเดินทางมาปรับคุณภาพชีวิต กลับมาตั้งสติมากขึ้น 

นอกจากนี้ จะยกระดับการท่องเที่ยวเชิงอาหาร Agro Gastronomy เชื่อมโยงการเกษตรกับอาหารแบบครบวงจร มีลายแทงร้านเด็ดดี ปราศจากสารเคมี ดึงนักเดินทางให้มาเที่ยวแล้วได้เรียนรู้ศาสตร์การทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพติดตัวกลับไป เป็นต้น  

ภูเก็ต จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวสำคัญของไทย แต่ละปีโกยนักเดินทางจำนวนมาก เศรษฐกิจท้องถิ่น 95% พึ่งพาการท่องเที่ยว แต่โควิดทำให้ต้องคิดใหม่ ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต บอกว่า ระยะยาวการฟื้นเศรษฐกิจภูเก็ต ต้องไม่ยึดติดกับท่องเที่ยว ต้องสร้างเครื่องยนต์ใหม่ เช่น การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การศึกษา สมาร์ทซิตี้ฯ เพื่อกระจายความเสี่ยง แต่ยอมรับว่าจะก้าวไปสู่จุดดังกล่าว เป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะต้องใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อย พัฒนาระบบขนส่ง ดูแลการท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อมให้ดี

"เพื่อไม่ต้องพึ่งพางบประมาณภาครัฐ  ควรหานวัตกรรมทางการเงินเพื่อให้ภูเก็ตเดินหน้าต่อได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนมองระยะยาว ต้องเอาตัวรอดปัจจุบันก่อน หากติดหล่มการจัดการโรคระบาด อนาคตคงเป็นแค่ฝัน"
#3113
ป้ายไฟวิ่ง LED เปลี่ยนข้อความผ่านมือถือ ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน

ป้ายไฟวิ่งLED เปลี่ยนข้อความผ่านappมือถือ(เชื่อมต่อทางwi-fi) หรือส่งผ่านระบบLAN  ขนาดป้าย 105x25cm ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน มีให้เลือก 4สี แดง,เขียว,น้ำเงิน ราคา 2,900บาท และFull colors  ราคา4,200 บาท ใส่คำ,ข้อความ,วันที่,เวลา,รูปภาพต่างๆได้ ป้ายติดตั้งง่าย โครงสร้างแข็งแรงทนทาน

ทางร้านลงคำให้ฟรีในครั้งแรกและสอนวิธีการใช้งานให้ลูกค้าสามารถลงข้อมูลได้ด้วยตัวเอง แถมขายึดป้ายฟรี

สนใจติดต่อ 0945102033
Line :@gentech
หน้าร้านเซียร์รังสิต ชั้น 1


#3114


โรงพยาบาลบุษราคัม Big Cleaning ทำความสะอาดจุดแรกรับผู้ป่วย พร้อมปรับระบบจัดทางด่วนสำหรับกลุ่มเปราะบาง เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยติดเตียง พิการ ให้เข้ารับการประเมินก่อน และจัดโซนผู้ป่วยเพื่อง่ายต่อการดูแล

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม ให้สัมภาษณ์ว่า โรงพยาบาลบุษราคัม ได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ข้อมูลถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ให้การดูแลผู้ป่วยแล้วจำนวน 13,275 ราย โดยในเช้าวันนี้ได้จัด Big cleaning ทำความสะอาดครั้งใหญ่ในบริเวณจุดแรกรับผู้ป่วย ทั้ง 2 จุด พร้อมปรับระบบประเมินผู้ป่วยแรกรับ โดยเพิ่มทางด่วน Fast Track สำหรับผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยที่ต้องให้ออกซิเจน เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ เป็นต้น ให้ได้รับการประเมินอาการก่อน และจัดโซนผู้ป่วยให้ง่ายต่อการดูแลรักษา เนื่องจากระยะหลังพบผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเปราะบางเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้เตรียมนำเก้าอี้รถเข็นเข้าไปยังหอผู้ป่วยจำนวน 231 ตัว และเก้าอี้นั่งสำหรับขับถ่ายข้างเตียงผู้ป่วย จำนวน 62 ตัว เก้าอี้อาบน้ำ จำนวน 5 ตัว เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ป่วย และกำลังจัดหาเตียงลมสำหรับผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยวิกฤติเพิ่มเติม ต้องขอขอบคุณทหารจิตอาสาที่ให้ความร่วมมือ สนับสนุนในการเข้าไปอำนวยความสะดวกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและเปลี่ยนเตียงที่ชำรุด รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยที่ไม่มีอาการเป็นจิตอาสา วัดความดันโลหิต วัดค่าออกซิเจนในเลือด ประสานงานเจ้าหน้าที่กับผู้ป่วย ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี

สำหรับสถานการณ์เตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลบุษราคัมวันนี้ มีผู้ป่วยที่นอนรักษาอยู่ 3,233 ราย เป็นกลุ่มสีเหลืองอ่อน 2,771 ราย สีเหลือง 287 ราย สีแดง 175 ราย โดยมีมาตรฐานการรักษาตามแนวทางของกรมการแพทย์ ซึ่งผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย ที่รักษาหายแล้วครบ 7 - 10 วัน สามารถให้กลับไปกักตัวที่บ้านต่อได้เพื่อที่จะมีเตียงไว้สำหรับผู้ป่วยรายอื่นๆ ต่อไป
#3115



บรรดาคนรักเลข มาขอโชค "ต้นโพธิ์ข้างทาง" ในปากน้ำโพ ไม่ผิดหวังได้ "เลขเด็ด" กลับไปลุ้นรวยงวดนี้ 1/8/64

กลางดึกวันที่ 31 ก.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้านที่ทราบข่าวว่าต้นโพธิ์ข้างถนนหน้าหมู่บ้านโครงการ แห่งหนึ่งใน ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มักจะให้โชคกันคนที่มีดวงทางด้านเสี่ยงโชค จึงได้เดินทางไปบริเวณหน้าหมู่บ้านดังกล่าว


ทั้งนี้ พบชาวบ้านที่เข้ามาขอโชคโดยได้จุดธูปไหว้ขอโชค หลังจากนั้นก็นำแป้งไปทาถูบริเวณต้นโพธิ์ จนเห็นเลข 53 สำหรับต้นโพธิ์ดังกล่าวนั้น จะมีชุดสะไบแขวนอยู่เต็มต้นแทบทุกกิ่งก้าน เนื่องมาจากมีคนได้โชคแล้วนำชุดสะไบมาถวายแทบทุกงวดเลย.

https://www.thairath.co.th/lottery/news/2154478
#3116


"บิ๊กป๋อม" อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาฟุต.แห่งประเทศไทยฯ ฝ่ายพัฒนาฟุตซอลและฟุต.ชายหาด ได้กล่าวถึงภาพรวม ในการจัดการแข่งขัน CONTINENTAL FUTSAL CHAMPIONSHIP THAILAND 2021 และ ผลงานของ ทีมฟุตซอล ทีมชาติไทย ในการเตรียมทีมก่อนไป ฟุตซอลโลก 2021 ว่า

"ในนาม สมาคมกีฬาฟุต.แห่งประเทศไทยฯ ผมต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ช่วยสนับสนุน ทำให้เกิดการแข่งขันในครั้งนี้ ทั้ง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย ศบค. กรมควบคุมโรค ฝ่ายจัดการเเข่งขัน และ ทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมแรงร่วมใจทำงานหนักกันทุกวัน จนทัวร์นาเม้นต์นี้ประสบความสำเร็จ ซึ่ง รายการนี้มีความสำคัญต่อทีมฟุตซอล ทีมชาติไทย เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการทดสอบเตรียมทีมในระยะแรก ก่อนไป ฟุตซอลโลก"

"รายการนี้ เรามีทีมที่ไป ฟุตซอลโลก ถึง 5 ทีม เข้ามาร่วมแข่งขัน การแข่งขันทุกแมตช์จึงเข้มข้นมาก ๆ อีกทั้งต้องลงเล่น 5 แมตช์ ใน 6 วัน ก็ถือว่าหนักมาก ในการเเข่งขันระดับนานาชาติเเบบนี้ ต้องขอชมเชยทุกทีม ที่เล่นกันเต็มที่ในทุกเเมตช์ เป้าหมายสำคัญของทีมชาติไทยครั้งนี้ ก็คือ การทดสอบระบบทีม เเละ การทำงานร่วมกันของทีมกับหัวหน้าผู้ฝึกสอน เเละ ทีมสต๊าฟฟ์ชุดใหม่ ก่อนหน้านี้ เรามีเวลาเตรียมทีมฝึกซ้อมเพียง 9 วัน เป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้น ซึ่งผลงานโดยรวมออกมาได้ขนาดนี้ ค่อนข้างน่าพอใจในระดับหนึ่ง แม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่การเข้ามาชิงกับ อิหร่าน ก็ถือว่าทุก ๆ คนได้ผ่านเกมที่มีมาตรฐานสูง หลากหลายสไตล์ รวมทั้ง ผ่านสภาวะความกดดันในแต่ละแมตช์มาได้"

"สำคัญคือ เราสามารถประเมินทีมในขณะนี้ได้ ซึ่งมีทั้งข้อดีเ เละ จุดด้อย ที่ต้องปรับปรุงแก้ไขกันอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องของเกมรับ และ สมรรถภาพของร่างกาย รวมถึง รายละเอียดต่าง ๆ ในด้านเเท็คติค ความเข้าใจในการใช้ Video Support เพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาระบบทีมให้ลงตัว ก่อนการเเข่งขัน ฟุตซอลโลก โอกาสนี้ ผมขอเเสดงความชื่นชม และ ยกย่องความเป็นนักสู้ของนักฟุตซอลทีมชาติ ที่มีสปิริตทีมที่ยอดเยี่ยม เห็นได้ว่า เกือบทุกเกมที่เราโดนนำก่อน แต่สุดท้ายก็สามารถกลับมาคว้าชัยชนะได้ นั่นเป็นปัจจัยสำคัญ ที่เราได้ในเเง่ของทัศนคติการเล่น และ ความมุ่งมั่นกระหายชัยชนะ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของทีมชาติไทยชุดนี้ ในการไปสู้ศึกในเวทีโลก"

"หลังจากนี้ เราจะมีเวลาอีกประมาณเดือนเศษ จบทัวร์นาเม้นต์นี้ ก็จะปล่อยนักเตะได้กลับไปพัก ก่อนจะเรียกรวมพลอีกครั้ง ในฐานะฝ่ายพัฒนาฟุตซอลและฟุต.ชายหาด ของ สมาคมกีฬาฟุต.ฯ ก็ต้องเร่งเรื่องการบริหารจัดการ ทั้งการฝึกซ้อม และ หาเกมอุ่นเครื่องเพิ่มอีก 4-5 แมตช์ โดยเฉพาะทีมจากยุโรป หรือ แอฟริกา เรามีเเผนงานในการจัดทัวร์นาเม้นต์ เพื่อทดสอบระบบทุกอย่างของทีมในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้พร้อมมากที่สุด ก่อนจะไป เวิลด์คัพ"

https:// m.mgronline.com/sport/detail/9640000075195
#3117



คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"

สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ยุคนี้อาจเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจที่ญี่ปุ่นมีนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกในวัยเพียงสิบกว่าขวบเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าทึ่งไม่แพ้กันก็คือญี่ปุ่นมีนักกีฬาผู้เฒ่าหลายคนที่ทุบสถิติโลกในการแข่งกีฬาผู้สูงอายุ รวมทั้งมีครูฝึกสูงวัยสุดฟิตเปรี๊ยะด้วยเช่นกัน วันนี้เลยมีเรื่องสองคุณยายจอมพลังแห่งญี่ปุ่นมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

คุณยายนักวิ่งลมกรด

หลายคนอาจเคยเห็นภาพคุณยายใส่ชุดนักกีฬาวิ่งอยู่ในสนามแข่งกันมาบ้าง เธอชื่อ โมริตะ มิสึ ปัจจุบันอายุ 98 ปี เคยทำลายสถิติการวิ่งระยะสั้นมาแล้วมากมายทั้งในญี่ปุ่นและนานาชาติตั้งแต่วัย 80 เป็นต้นมา ได้รับเหรียญมาแล้วกว่า 350 เหรียญ รวมทั้งโล่และถ้วยกว่า 50 ชิ้น

ตอนอายุ 90 ปีคุณยายโมริตะทำลายสถิติวิ่ง 100 เมตรในการแข่งกรีฑาผู้สูงอายุญี่ปุ่นกลุ่มผู้หญิงวัย 90-94 ปีอย่างขาดลอย โดยสถิติเดิมอยู่ที่ 50.90 วินาที แต่เธอทำได้ 23.80 วินาที ตอนนั้นเธอนึกเสียดายว่าอีกนิดเดียวก็จะทำลายสถิติโลกได้อยู่แล้ว เลยตั้งเป้าว่าคราวหน้าจะทำลายสถิติโลกให้ได้ และแล้วต่อมาเธอก็ทำลายสถิติโลกได้จริง ๆ ทั้งวิ่ง 100 เมตรที่ 23.15 วินาที และวิ่ง 200 เมตรที่ 55.62 วินาที

เห็นคุณยายโมริตะวิ่งทำลายสถิติแบบนี้ อาจจะคิดว่าคุณยายวิ่งเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ที่จริงเธอไม่เคยเล่นกรีฑามาก่อนเลยจนกระทั่งอายุ 69 ปี และการวิ่งแข่งครั้งแรกของเธอก็เกิดขึ้นเพราะสถานการณ์พาไปแท้ ๆ คือตอนนั้นเธอไปดูการแข่งกีฬาในท้องถิ่น แล้วพอดีว่าขาดผู้ลงแข่งวิ่งไปหนึ่งคนในกลุ่มอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป เธอเลยเข้าร่วมและได้ที่สอง ซึ่งตัวเธอเองก็ตกใจเหมือนกัน

จากนั้นมาคนรู้จักเลยชวนคุณยายให้ไปแข่งกรีฑาผู้สูงอายุ เธอจึงเข้าร่วมการวิ่ง 400 เมตรตอนอายุ 70 ปี แต่วิ่งไปไม่ถึงเส้นชัยเพราะหมดแรงเสียก่อน ด้วยความเจ็บใจตัวเองเธอเลยเริ่มฝึกอย่างจริงจัง ทุกเสาร์เธอจะฝึกร่วมกับเด็กประถม หนึ่งในการฝึกได้แก่การวิ่งลากล้อรถ โดยเอาเชือกผู้ยางล้อรถไว้แล้วเอาปลายเชือกอีกข้างผูกไว้กับเอว ส่วนเวลาอยู่บ้านก็วิ่งจากหน้าบ้านไปถึงห้องนั่งเล่นในระยะ 20 เมตร 6 รอบ โดยฝึกเอาท่วงท่าวิ่งที่ถูกต้องซึ่งจะช่วยให้วิ่งได้เร็ว ก่อนนอนก็ทำท่าปั่นจักรยานบนฟูก 300 ครั้งเพื่อให้ขาได้เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ

ที่คุณยายมีแรงเล่นกีฬาได้น่าจะเป็นเพราะปกติรับประทานโปรตีนเป็นหลักตั้งแต่มื้อเช้า ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมูแล่บางย่างกระทะ ไข่ดิบ นมสด คู่กับข้าวสวยและสลัด ถ้ามื้อเย็นมักรับประทานทั้งเนื้อสัตว์และเนื้อปลาควบคู่กันไปในมื้อเดียว ซึ่งผลการตรวจร่างกายของคุณยายพบว่าเธอมีมวลกล้ามเนื้อและมวลกระดูกเกินค่าเฉลี่ย มีปริมาณไขมันอยู่ที่ค่าเฉลี่ย เรียกได้ว่าเป็นร่างกายที่สมบูรณ์เอามาก ๆ และหาได้ยากในกลุ่มผู้สูงอายุเช่นนี้

หลังจากสามีเสียชีวิตไป คุณยายก็มีการวิ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยว เธอใช้ชีวิตอย่างร่าเริง มีเป้าหมาย และสนุกกับการวิ่งมาก จนถึงกับบอกว่าอยากจะวิ่งจนถึงอายุร้อยปีเลย เธอบอกว่า "การตั้งเป้าหมายแล้วทำให้สำเร็จได้เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก"

คุณยายครูฝึกฟิตเนส

มาดูเรื่องราวของคุณยายอีกท่านกันบ้าง หลายเดือนก่อนสามีฉันเรียกให้ดูคลิปวีดีโอคุณยายวัยเก้าสิบ ซึ่งเป็นครูฝึกสอนในฟิตเนส เห็นแล้วก็ตกใจในความทรงพลังของเธอจนรู้สึกอายตัวเองเลยค่ะ แม้พวกฉันจะเกิดหลังคุณยายหลายสิบปีและออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ก็ยังไม่แกร่งและเต็มไปด้วยพลังชีวิตเท่าเธอเลย

คุณยาย ทากิชิมะ มิกะ หรือชื่อเล่นว่า "ทากิมิกะ" เป็นครูฝึกฟิตเนสที่อายุมากที่สุดในญี่ปุ่น ปัจจุบันเธออายุ 90 ปีแล้ว แต่สามารถยกน้ำหนักได้ นั่งยืดขาออกด้านข้างได้เกือบ 180 องศา และออกกำลังแบบที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องได้ ที่จริงแต่ก่อนคุณยายทากิมิกะก็เป็นแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่ง เคยใส่กางเกงไซส์ใหญ่กว่าปัจจุบันเท่าหนึ่ง แต่ตอนนั้นไม่ยอมรับว่าตัวเองอ้วน จนวันหนึ่งสามีผู้แสนดีบอกตรง ๆ ว่าเธออ้วนนะ คุณยายคงช็อคเลยเริ่มออกกำลังกายจริงจังด้วยการไปฟิตเนส เวลานั้นเธออายุได้ 65 ปี พอเล่นฟิตเนสแล้วชอบก็เลยเล่นสม่ำเสมอ ผ่านไปห้าปีเธอลดน้ำหนักไปได้ 15 กิโล ความพยายามอย่างต่อเนื่องทำให้เธอประสบความสำเร็จเช่นนี้เอง

แม้จะผอมลงแล้ว แต่เธอก็ยังไปฟิตเนสไม่ได้ขาด อีกทั้งยังจ้างครูฝึกมาช่วยเทรนให้เธออยู่หลายปี จนครูฝึกเล็งเห็นแวว เลยจับเธอมาลองสอนคนอื่นดูบ้าง ปรากฏว่าทำได้ดีเกินคาด คุณยายเลยผันตัวจากนักเรียนมาเป็นครูฝึกในวัย 87 ปี สอนทั้งคนรุ่นเดียวกันและรุ่นเด็กกว่า ปัจจุบันสอนออนไลน์ในช่วงโควิดด้วย

กิจวัตรประจำวันของคุณยายทากิมิกะคือ ทุกเช้าตอนตีสี่เธอจะเดินสลับวิ่งเป็นเวลาสองชั่วโมงในระยะทางทั้งหมด 8 กิโล คือเดิน 4 กิโล วิ่งเหยาะ 3 กิโล และเดินถอยหลังอีก 1 กิโล จากนั้นรับประทานอาหารเช้า โดยเน้นโปรตีนและผัก ไม่ว่าจะเป็นปลา ไข่ เต้าหู้ ถั่วเน่า สลัด ผักดอง หลังอาหารก็จะทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ทำงานบ้านอื่น ๆ จิปาถะ

อาจเพราะรับประทานหนักในมื้อเช้าแล้ว อาหารกลางวันของคุณยายจึงมีเพียงกล้วยหนึ่งใบและยาคูลท์หนึ่งขวด ตอนบ่ายออกกำลังกายอีกสองชั่วโมงทุกวัน ด้วยการบริหารยืดเส้นยืดสายก่อน แล้วออกกำลังแบบที่สร้างกล้ามเนื้อ จากนั้นมื้อเย็นดื่มไวน์หนึ่งแก้ว ก่อนรับประทานอาหารที่เน้นผักและโปรตีนอีกเช่นกัน คุณยายให้ความสำคัญกับการกินอาหารครบทุกหมู่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่รับประทานอาหารปรุงแต่งหรือใส่สารกันบูดเลย



ช่วงหลังมื้อเย็นมักเป็นเวลาอันแสนอิสระของใครต่อใคร แต่คนอย่างคุณยายทากิมิกะฤาจะยอมนั่ง ๆ นอน ๆ เธอเอาเวลาไปทำการบ้านที่ทางฟิตเนสให้มา รวมทั้งศึกษาการใช้งานสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ และยังเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมอีกต่างหาก เรียกได้ว่าหากิจกรรมทำตลอดไม่เคยว่างก็ว่าได้

ปัจจุบันคุณยายมีช่องยูทูปของตัวเอง และยังเป็นแขกรับเชิญในช่องอื่น ๆ ด้วย ถ้าเพื่อนผู้อ่านได้เห็นเธอออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวตัวระหว่างทำกับข้าวจากวีดีโอข้างต้นแล้ว จะไม่รู้สึกเลยว่าเธออายุ 90 ปี เพราะเธอขยับตัวอย่างคล่องแคล่ว พูดจาฉะฉาน ร่าเริงเป็นที่สุด เห็นเธอแล้วพลอยได้พลังตามไปด้วยเลยค่ะ

เธอมักพูดติดปากเสมอว่า "อายุเป็นเพียงตัวเลข" หรือ "อย่าหมดหวังกับสุขภาพเพราะคิดว่าแก่แล้ว" และอยากให้ใคร ๆ หันมาออกกำลังกายกันเป็นกิจวัตรเพื่อสุขภาพที่ดี

นอกจากคุณยายสองท่านนี้แล้ว ญี่ปุ่นยังมีนักกีฬาสูงวัยอีกมากที่พิสูจน์คำกล่าวข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นคุณตา มิยาซากิ ฮิเดคิจิ ที่ทำลายสถิติโลกตอนอายุ 100 ปีจากการวิ่ง 100 เมตรในกลุ่มนักกีฬาชายอายุ 100-104 ปี และเป็นนักกีฬาชายคนที่สองของโลกที่ลงแข่งวิ่งระยะสั้นตอนอายุ 105 ปี ไม่เพียงเท่านั้นคุณตายังลงแข่งกีฬาทุ่มน้ำหนักด้วย


อีกท่านหนึ่งคือคุณยาย นางาโอกะ มิเอโกะ ซึ่งเป็นนักว่ายน้ำ เดิมทีเธอหัดว่ายน้ำเพื่อรักษาเข่าที่บาดเจ็บเมื่ออายุ 80 ปี ซึ่งกว่าจะว่าย 25 เมตรได้ใช้เวลาเป็นปี แต่ใครจะรู้ว่าต่อมาเธอคนนี้เข้าแข่งขันว่ายน้ำและได้รับรางวัลมากมายทั้งในญี่ปุ่นและนานาชาติ อีกทั้งยังเป็นคนแรกของโลกในการแข่งขันรุ่น 100-104 ปีที่ว่ายได้ครบระยะทาง 1500 เมตร นอกจากนี้ก็ยังมีคุณตาคุณยายนักกีฬาในทุกชั้นวัยอีกมากที่ไม่อาจเล่าได้หมดในที่นี้


ท่านผู้เฒ่าเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายและสนุกสดใสกับชีวิตมากเลยนะคะ แม้จะอายุมากถึงขนาดที่ว่าอาจหมดอายุขัยลงเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พวกท่านก็ใช้เวลาแต่ละวันอย่างมีความหมาย สนุกกับการฝึกฝนตัวเองไปสู่จุดหมาย แข่งกับตัวเองทุกวัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังเราน่าเรียนรู้ไว้เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตอย่างยิ่ง

ได้ยินว่าบางคนพอได้เห็นผู้สูงวัยใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉงเช่นนี้ จากที่เคยหมดอาลัยตายอยากก็กลับมีกำลังใจ ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างคนมองโลกแง่ดีให้ได้บ้าง หวังว่าเพื่อนผู้อ่านจะได้รับแรงบันดาลใจจากพวกท่านบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.

https:// m.mgronline.com/japan/detail/9640000074747
#3118



ก้าวมาถึงจุดที่ "ความฝัน" กลายเป็น "ความจริง" ในชีวิตของนักแสดงหนุ่ม "ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล" หลังภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกในชีวิต "The Misfits" ประกบซุปเปอร์สตาร์ เพียร์ซ บรอสแนน พระเอกระดับตำนานเจมส์บอนด์ 007 ที่นั่งแท่น Executive Producer ได้เข้าฉายในอเมริกาแล้ว กว่าจะมาถึงเส้นทางนี้ไม่ง่าย

เลยต้องถามความรู้สึกของไมค์ ณ วันนี้ "ไมค์" เปิดใจว่า

"ครั้งนี้เป็นเหมือนกับการเปิดประตูใหม่ๆให้กับโอกาสทางการงานของไมค์ด้วย แล้วก็การได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับท็อปๆของฮอลลีวูดก็ทำให้ตลาดนี้เปิดกว้างขึ้นด้วย"

พอใจฟีดแบ็กมากน้อยแค่ไหน? "ถือว่าดีเลย พอใจในระดับหนึ่ง แล้วก็คิดว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเปิดตลาดใหม่ด้วยครับ ถ้าไม่ติดสถานการณ์โควิด ตัวเราต้องเดินทางไปร่วมโปรโมตหนังที่อเมริกาที่คุยกับทางทีมเขาไว้ก็คือว่าถ้ามีการเดินพรมแดงหรือเปิดตัวหนังเค้าก็อยากให้ไปเพื่อมีโอกาสไปร่วมด้วย แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็คือไม่สามารถไปไหนได้เลย ถามว่าแอบเสียดายมั้ย ก็เสียดายครับ จริงๆ 2ปีที่ผ่านมามันก็มีหลายโอกาสที่เสียไปค่อนข้างเยอะ"

ความยากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือเรื่องอะไร? "ด้วยความที่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องแรกที่เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษของไมค์ ความยากของมันก็คือเรื่องภาษา มันก็อาจจะต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะหน่อยในการที่จะให้สำเนียงไปได้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ"

กับนักแสดงที่ต้องเข้าฉากด้วยตื่นเต้นแค่ไหน? "ตื่นเต้นมากครับ อย่างเพียร์ซ บรอสแนน เค้าคือเจมส์บอนด์ 007 ที่เราเห็นเค้ามาตั้งแต่เด็ก แล้วพอได้ไปเจอตัวจริงมันก็เหมือนกับเป็นความฝันของเราที่อยากจะร่วมงานกับดาราฮอลลีวูดคนนี้ด้วย จำได้เลยว่าตอนจับมือเราก็มือสั่นๆ นิดหน่อย"


คาแรกเตอร์ของไมค์ในภาพยนตร์ เรื่อง The Misfits เป็นอย่างไร?
"ตัวละครตัวนี้ชื่อว่าวิค (Wick) เป็นฝ่ายเทคโนโลยีของกลุ่มนี้ เป็นคนประดิษฐ์ระเบิด เค้าบอกว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่สนุก ซึ่งผมก็พยายามใส่ความสนุกในแบบผมลงไป ก็มีพาร์ตที่ต้องเต้นด้วย เรียกว่าฟรีสไตล์เลย บทไมค์เป็นแค่นักประดิษฐ์ เลยไม่ได้ต่อสู้บู๊เท่าไหร่ ส่วนใหญ่การต่อสู้จะเป็นของคนอื่น"

อยากให้เล่าถึงการร่วมงานกันกับนักแสดงคนอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง? "The Misfits เป็นการรวมตัวกันของคนจากหลากหลายพื้นที่ มารวมตัวกันเพื่อทำภารกิจปล้นจากคนรวยนำมาให้กับคนที่จำเป็นต้องใช้ คล้ายๆโรบินฮู้ด ซึ่งทีมนี้จะประกอบไปด้วย เพียร์ซ บรอสแนน เป็นคนนำทีม รามี เจเบอร์, เฮอร์ไมโอนี คอร์ฟีลด์, เจมี ชุง ฯลฯ มารวมตัวกัน ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกันไป"


ไมค์ได้เรียนรู้หรือเก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรจากเพียร์ซ บรอสแนน บ้าง?
"ด้วยความที่ได้เข้าฉากกับเค้าค่อนข้างเยอะ โดยส่วนตัวผมเองค่อนข้างเกร็ง เค้าเลยค่อนข้างให้กำลังใจ เป็นคนที่ให้พลังบวกกับกองถ่ายเยอะ เวลาเค้าอยู่ใกล้ๆ ทำให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น มันทำให้การแสดงของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นและเกร็งน้อยลง"

มีคำไหนของเพียร์ซ บรอสแนน ทำให้ไมค์ประทับใจบ้าง? "คือจริงๆประทับใจแทบจะทุกอย่างเลย เวลาเข้าฉากกับเค้า เค้าก็รู้ว่าเราเกร็ง เค้าก็บอกให้เรารีแลกซ์ ให้ทำไปเดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราทำได้ดีแน่นอน คือเค้าให้กำลังใจและให้พลังงานด้านบวกตลอดเวลา"

หลายคนมองว่าฮอลลีวูดต้องเป๊ะมากพอไปสัมผัสแล้วเป็นอย่างนั้นรึเปล่า? "เป๊ะทุกอย่างครับ โดยเฉพาะเรื่องเวลา คือเราไม่ต้องกังวลว่านอกเหนือจากหน้าที่การแสดงแล้ว เราจะต้องไปโฟกัสอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผม คือเราไม่ต้องกังวลเลย"


คาดหวังหรือวางเส้นทางในวงการฮอลลีวูดไว้อย่างไรบ้าง?
"ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังเลยครับ ผมเชื่อว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์ของการ กระทำของเรามันก็จะพาเราไปสู่จุดที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เราตั้งเป้าไว้แค่นี้แต่มันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น อยู่กับปัจจุบัน และพยายามทำต่อไป"

ไมค์เขินมั้ยเวลาที่คนอาจจะบอกว่าเราเป็นนักแสดงฮอลลีวูด? "โดยส่วนตัวผมก็ยังไม่ได้ขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปต่อในเส้นทางไหน"

ถือเป็นรางวัลของความไม่ท้อของตัวเอง? "ใช่ๆ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย คือจริงๆมันเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันก็กลายเป็นเป้าหมายของเราในชีวิต แล้วพอเราทำให้มันเกิดขึ้นมันก็กลายเป็นความจริงของเรา ซึ่งเราก็ได้ไปถึงจุดนั้น แล้วก็คาดว่าก็คงอยากจะไปต่อในอนาคต"

แล้วงานในไทยตอนนี้มีอะไรบ้าง?
"จริงๆตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นงานพรีเซนเตอร์ ในอนาคตก็ไม่แน่ว่าผมอาจจะมีการทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลังมากขึ้น เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ชอบส่วนตัวอยู่แล้ว และก็มีแพชชันในเรื่องกำกับ เขียนบท และ สร้างหนัง ในอนาคตก็อาจได้เห็นในมุมนี้มากขึ้น"

แล้วงานในประเทศจีนล่ะ? "จริงๆมีอยู่เรื่อยๆคือว่าผมไม่ได้กลับจีนมาประมาณ 2 ปีแล้ว จริงๆแพลนไว้ว่าปลายปีที่แล้วจะกลับไปรับงานที่เมืองจีน แต่เพราะติดงานเลยยังกลับไม่ได้ บวกกับเรื่องสถานการณ์หลายๆอย่างมันก็หลับไม่ได้ เอาจริงๆ 2 ปีนี้ เสียโอกาสไปค่อนข้างเยอะมากเลย เนื่องจากมีงานใหม่ๆที่ต้องปฏิเสธไปเพราะไปไม่ได้"


ถามเรื่องโอนเงินวันเกิดให้น้องแม็กซ์-เวลล์ ลูกชาย มีทั้งการบริจาคช่วยโควิด-19 ทำไมถึงอยากทำบุญให้ลูก และหลายคนประทับใจที่สอนลูกว่าโตขึ้นขอให้เป็นผู้ให้ รู้สึกยังไง?
"สถานการณ์ในตอนนี้ทุกคนต่างต้องการความช่วยเหลือครับ แล้วเดือนนี้ก็เป็นเดือนเกิดของ แม็กซ์ด้วย ปกติแล้วถ้าผมได้อยู่กับแม็กซ์ในวันเกิดเราก็จะมีกิจกรรมร่วมกัน มีพาไปทำบุญอยู่แล้วในทุกๆปี สำหรับปีนี้ที่ผมไม่สามารถไปเจอเค้าได้ด้วยตัวเองเนื่องจากสถานการณ์โควิด ผมเลยอยากเป็นตัวแทนแม็กซ์ช่วยเหลือสังคม ผมคิดว่าถ้าลูกโตขึ้นเป็นผู้ให้ความสุขจากการให้มันสุขมากกว่าการเป็นผู้รับและผมอยากให้ลูกได้รับรู้ ความรู้สึกนั้น ผมในฐานะที่เป็นพ่อก็ภาวนาว่าให้ผลบุญที่ได้ทำส่งเสริมให้เค้าอยู่รอดปลอดภัย เป็นเด็กดีเป็นที่รักของทุกคน

ส่วนเรื่องการเก็บเงินเข้าบัญชีผมแค่ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดตามกำลังที่ผมมีในวันนี้ ผมแค่มองว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นแบบนี้มันไม่มีอะไรการันตีว่าในอนาคตมันจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นเราก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าในอนาคตงานเราจะยังเป็นแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า เพราะผมเองก็เป็นกังวลว่าจนกว่าจะถึงตอนนั้น ถ้าหากว่ารายรับของผมมันไม่เสถียรหรือว่ามันหยุดนิ่ง ผมจะได้มั่นใจว่าในอนาคตอย่างน้อยที่สุดเค้ามีต้นทุนการศึกษาที่ผมเก็บไว้ให้ เราต่างไม่สามารถรู้อนาคตได้ สิ่งที่ผมทำได้ในวันนี้ก็แค่อยากทำให้ดีที่สุดในฐานะพ่อคนนึง แค่อยากช่วยเหลือให้มากที่สุดตามกำลังของเราและผมจะทำต่อไปเรื่อยๆแน่นอน"

เวลาที่เราได้ทำงานใหญ่ๆอย่างการถ่ายหนังฮอลลีวูดที่มีอุปสรรคทำให้ท้อ มีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจที่ทำให้ฮึดได้ทุกครั้ง?
"เป้าหมายครับ เป้าหมายที่อยากเป็นคนที่ดีขึ้น แต่เป้าหมายของผมคงเป็นขั้นบันไดหมายถึงว่าเมื่อผมได้เดินไปแตะถึงเป้าหมายนี้ ผมก็อยากทำสิ่งใหม่ต่อที่ท้าทายและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ผมทำงาน ซึ่งก็ 20 ปีแล้วครับที่เป้าหมายใหม่ๆมันถูกกำหนดเอาไว้เสมอก่อนที่เป้าหมายอันเก่าใกล้จะสำเร็จ ทุกเส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายมันมีอุปสรรคอยู่แล้วครับไม่ว่าผมหรือใคร สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของผมมันมีหลายองค์ประกอบรวมกัน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือกำลังใจจากครอบครัวจากคนที่ผมรัก จากคนที่รักผม จากแฟนคลับของผม มันเป็นเรื่องปกติของทุกคนในโลกนี้ที่ต้องเคยท้อแท้ไม่อยากสู้ต่อ แต่ทุกครั้งกำลังใจต่างๆก็ทำให้ผมลุกขึ้นมาสู้ง่ายขึ้นเร็วขึ้น"

มองอนาคตกับงานในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง?
"ผมเริ่มมาสนใจงานเบื้องหลังแบบจริงจังช่วงนี้เลยครับ คิดว่าน่าจะเป็นเป้าหมายใหม่กับอนาคตในวงการบันเทิงที่ผมวางไว้ หวังว่าจะไปให้ถึงจุดนั้น งานเบื้องหน้าก็ยังทำอยู่อย่างต่อเนื่องครับ ผมอยากเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่ผมมี ที่ได้จากการทำงานเบื้องหน้าและได้รู้จักกับทีมงานเบื้องหลัง แต่ถ้าผมกลับไปทำงานที่จีนแล้วงานส่วนนี้อาจ จะพักเอาไว้ก่อนก็ต้องทำงานเบื้องหน้าไปก่อนครับ ไม่ได้ไปกำหนดว่าจะต้องเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรอกครับ แต่ว่าโอกาสไหนมาก่อนก็คว้าโอกาสนั้นไว้ก่อน ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้สำเร็จลุล่วงไปก่อน เวลานอก เหนือจากนั้นก็ศึกษา หา ความรู้อื่นๆ ที่เป็นประ-โยชน์กับตัวเอง"

อยากบอกอะไรแฟนๆที่คอยซัพพอร์ต "ไมค์" มาตลอด?
"ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาเสมอ ทั้งแฟนคลับที่ไทยและที่จีนและทุกๆที่ที่ซัพพอร์ตผมตลอดมา ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ผมมีเวลาหยุดและประเมินหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่ผ่านมากับตัวเอง ก็มานั่งคิดว่าหลายคนเค้าอยู่กับเราในทุกช่วงเวลา อยู่กับผมตั้งแต่ผมยังมีความคิดเป็นเด็ก ยังไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ยังตัดสินใจอะไรผิดพลาด เค้าอยู่เคียงข้างกับผลลัพธ์ของมันกับผมมาโดยตลอด ผมไม่คิดว่าผมในวันนี้เป็นผมที่ดีที่สุด แต่ผมจะเป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อตอบแทนกำลังใจและการซัพพอร์ตเป็นการตอบแทนให้กับพวกเค้าที่ไม่เคย ทอดทิ้งผมเช่นกัน".

เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย https:// www.thairath.co.th/entertain/news/2153573
#3119



"ชุดทดสอบอย่างง่าย Rapid Test ชนิด Antigen" กำลังจะมาเป็นทางออกให้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้รู้ผลเร็วขึ้น เพราะปัจจุบันเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา แพร่กระจายได้เร็วขึ้นเทียบเท่าสายพันธุ์อังกฤษ ทำให้มีผู้ติดเชื้อเกือบหลักหมื่นต่อวัน 

8 ก.ค. ที่ผ่านมา ประเด็นการใช้ Rapid Antigen Test ได้รับมติเห็นชอบจากการประชุม EOC ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center) ของกระทรวงสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีข้อมูลราคา Rapid Antigen Test ว่าถ้าเข้าเกณฑ์ สปสช. จะเบิกจ่ายได้ไม่เกินรายละ 450 บาท และในหน่วยบริการไม่เกิน 600 บาท


รู้จัก "Rapid Test Covid-19" ชนิด Antigen คืออะไร
Rapid Test ที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. ไปแล้วนั้นมีทั้งชนิด Rapid Antigen Test และ Rapid Antibody Test แต่ทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันด้านการอ่านและแปลผล ดังนี้

เมื่อได้รับเชื้อ จะตรวจไม่พบในชุดตรวจ Rapid Antigen Test และ Rapid Antibody Test
หลังรับเชื้อ 3-5 วัน เริ่มตรวจพบเชื้อด้วย Rapid Antigen Test ในผู้ป่วยบางราย ต้องทำการตรวจซ้ำ ส่วนวิธี Rapid Antibody Test จะตรวจไม่พบ
หลังรับเชื้อ 5-14 วัน จะตรวจพบในชุดตรวจ Rapid Antigen Test ส่วนการตรวจในชุดตรวจ Rapid Antibody Test จะพบในบางราย หรือพบในระยะเวลา 10 วันหลังรับเชื้อ
เมื่อหายป่วยแล้ว จะตรวจพบในชุดตรวจ Rapid AntibodyTest แต่ไม่พบในชุดตรวจ Rapid Antigen Test

อ้างอิงระยะเวลาการตรวจต่อรอบจากคู่มือการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุระยะเวลาการตรวจต่อรอบของวิธีการตรวจต่างๆ ดังนี้

Realtime RT-PCR ด้วยเครื่อง Automate ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ต่อ 96 - 384 ตัวอย่าง
Rapid Antigen Test ด้วยเครื่องอ่านสีบน Strip Test ใช้เวลา 15 - 20 นาที ต่อ 1 ตัวอย่าง
Rapid Test ใช้ตรวจหา Covid-19 อย่างไร

การใช้ Rapid Antigen Test ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการตรวจคัดกรองในกลุ่มผู้ไม่แสดงอาการ วิธีการใช้งานบนชุดตรวจ Rapid Antigen Test นี้ อ่านผลด้วยตามเปล่าได้ใน 15 นาที หลังจากหยดตัวอย่างบนแผ่นไนโตรเซลลูโลส

ผู้ที่มีเชื้อโควิด-19 ในร่างกายหลังรับเชื้อมาแล้ว จะปรากฏแถบสีบริเวณตำแหน่งที่ตรวจจับ Antigen บนแผ่นไนโตรเซลลูโลส

ภาพหลักการแสดงและขั้นตอนทดสอบด้วย Antigen Rapid Test จาก www.acebiolab.com/TW/news/44
ภาพหลักการแสดงและขั้นตอนทดสอบด้วย Antigen Rapid Test จาก www.acebiolab.com/TW/news/44
ข้อจำกัดคือ ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ในปัจจุบันมีความจำเพาะเพียงร้อยละ 30-80 ดังนั้นเมื่อพบผล Antigen แล้วควรส่งตรวจด้วยวิธี RT-PCR ต่อไป

ชุดตรวจโควิด Rapid Test เป็นชุดทดสอบเพื่อทราบผลการติดเชื้อโควิดอย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลา หน้าตาของชุดทดสอบ Rapid Test คล้ายกับที่ตรวจครรภ์ แต่ใช้งานไม่เหมือนกัน จัดเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ จึงเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ควรนำมาตรวจให้กันเอง

รายชื่อ 24 ชุดตรวจ Rapid Antigen Test สำหรับ Covid-19 ที่ผ่าน อย.
ข้อมูล ณ วันที่ 12 ก.ค. 2564

1. STANDARD™ Q COVID-19 Ag Test ผลิตโดย SD Biosensor, Inc นำเข้าโดย บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
2. Panbio™ COVID-19 Ag Rapid Test Device (nasopharyngeal) ผลิตโดย Abbott Diagnostics Korea Inc. นำเข้าโดย บริษัท ดีซีเอช ออริกา (ประเทศไทย) จำกัด
3. SARS-CoV-2 Rapid Antigen Test และ SARS-CoV-2 Antigen Control ผลิตโดย SD Biosensor, Inc นำเข้าโดย บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
4. BIOCREDIT COVID-19 Ag ผลิตโดย RapiGEN INC. นำเข้าโดย บริษัท ทิพย์บรรพต กรุ๊ป จำกัด
5. Instant-View-Plus COVID-19 Antigen Test ผลิตโดย ALFA SCIENTIFIC DESIGNS,INC. USA นำเข้าโดย บริษัท ตรีปัญญา จำกัด
6. BIOSYNEX COVID-19 Ag BSS ผลิตโดย BIOSYNEX SWISS SA ,SWITZERLAND นำเข้าโดย บริษัท ดับเบิ้ล เอส ไดแอคนอสติคส์ จำกัด
7. Humasis COVID-19 Ag Test ผลิตโดย Humasis Co.,Ltd. Republic of Korea นำเข้าโดย บริษัท ทรู เฮลธ์แคร์ (ไทยแลนด์) จำกัด
8. Novel Coronavirus (COVID-19) Antigen Test Kit (Colloidal Gold) ผลิตโดย Hangzhou Laihe Biotech Co., Ltd. China. นำเข้าโดย บริษัท แปซิฟิค ไบโอเทค จำกัด
9. COVID-19 Rapid Antigen Test ผลิตโดย Reszon Diagnostic International Sdn. Bhd. Malaysia นำเข้าโดย บริษัท เจเนอรัลไซเอนซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
10.Sofia SARS Antigen FIA ผลิตโดย Quidel Corporation. USA นำเข้าโดย บริษัท ซี เมดิค จำกัด
11. Exdia COVID-19 Ag ผลิตโดย Precision Biosensor Inc. Republic of KOREA. นำเข้าโดย บริษัท ทิพย์บรรพต กรุ๊ป จำกัด
12. OnSite COVID-19 Ag Rapid Test ผลิตโดย CTK Biotech, Inc. USA นำเข้าโดย บริษัท ซี เมดิค จำกัด
13. CerTest SARS-CoV-2 ผลิตโดย CERTEST BIOTEC S.L., SPAIN นำเข้าโดย บริษัท เฮาส์เซน เบอร์นสไตน์ จำกัด
14. STANDARD F COVID-19 Ag FIA และ STANDARD COVID-19 Ag Control ผลิตโดย SD Biosensor Inc. Republic of Korea. นำเข้าโดย บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
15. BIOCREDIT COVID-19 Ag ผลิตโดย RapiGEN, Inc., Republic if KOREA นำเข้าโดย บริษัท ทิพย์บรรพต กรุ๊ป จำกัด
16. FORA COVID-19 Antigen Rapid Test ผลิตโดย TaiDoc Technology Corp., Taipei City Taiwan นำเข้าโดย บริษัท เมดิทอป จำกัด
17. Vstrip COVID-19 Antigen Rapid Test ผลิตโดย Panion&BF Biotech Inc. Xizhi Factory, Taiwan. นำเข้าโดย บริษัท เจ.เอ.ซี.อินดัสตรี่ จำกัด
18. COVID-19 Antigen Rapid Test (Nasopharyngeal Swab) ผลิตโดย Acro Biotech, INC. U.S.A นำเข้าโดย บริษัท ไอเมด ลาบอราทอรี่ จำกัด
19. COVID-19 Antigen Test Kit ผลิตโดย Lansion Biotechnology Co., Ltd., China. นำเข้าโดย บริษัท เฮาส์เซน เบอร์นสไตน์ จำกัด
20. AFFINOME COVID-19 Ag Rapid Test Cassette ผลิตโดย บริษัท แอฟฟิโนม จำกัด ประเทศไทย
21. 2019-nCoV-Antigen Rapid Test Kit (Colloidal gold immunochromatography) ผลิตโดย Beijing Lepu Medical Technology Co., Ltd. , P.R. China นำเข้าโดย บริษัท พริมา ไซเอ็นติฟิค จำกัด
22. Humasis COVID-19 Ag Test ผลิตโดย Humasis Co., Ltd. Republic of Korea นำเข้าโดย บริษัท ลาโบตรอน จำกัด
23. Trueline COVID-19 Ag Rapid Test ผลิตโดย MEDICON CO., LTD Vietnam นำเข้าโดย บริษัท อินโนเมด (ประเทศไทย) จำกัด
24. SARS-CoV-2 Antigen Rapid Test Kit (Colloidal Gold Immunochromatography) ผลิตโดย Beijing Lepu Medical Technology Co., Ltd P.R. China นำเข้าโดย บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด

กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีมติเห็นชอบ Rapid Antigen Test จะเริ่มกระจายใช้ในสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรอง และมีผู้เชี่ยวชาญอ่านผล ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป

ที่มา : moph.go.th, oryor.com, fda.moph.go.th
#3120



แค่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ก็น่ากลัวแล้ว แต่ล่าสุดมีข่าวการติดเชื้อไข้หูดับจนเสียชีวิตยิ่งเป็นการเพิ่มความน่าหวาดวิตกเพิ่มขึ้นไปอีก

โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มีชื่อว่า สเตรฟโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus Suis.) โดยส่วนใหญ่สาเหตุหลักเกิดจากหมู แต่ความจริงแล้วโรคนี้จะเกิดการติดเชื้อที่ เยื่อหุ้มสมอง กระแสโลหิต ทำให้เกิดอาการความดันตกจนถึงขั้นเกิดอาการช็อกได้ หรือมีข้ออักเสบ ลิ้นหัวใจอักเสบ ปอดอักเสบ ติดเชื้อในช่องท้อง

สาเหตุ แหล่งที่มาของโรค การติดต่อ การแพร่ระบาด ความรุนแรงของโรค
สาเหตุหลักของการติดเชื้อ คือการสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรีย สเตรฟโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus Suis) ที่อยู่ในหมู เพราะฉะนั้น อาชีพที่ต้องเกี่ยวข้องกับหมู อาจเกิดความเสี่ยงค่อนข้างสูง เช่น พ่อค้าขายหมู โรงงานแล่เนื้อหมู หรืออีกกลุ่มที่พบบ่อยคือ กลุ่มกินหมูดิบ ไม่ได้ผ่านปรุงสุกให้ดี และกลุ่มสัตวแพทย์ที่ดูแลหมู เพราะเชื้อแบคทีเรียตัวนี้จะอยู่ในระบบทางเดินหายใจของหมู (ทอนซิล) ระบบทางเดินอาหาร (ลำไส้)


สาเหตุหลักของการติดเชื้อในหมูคือ การเลี้ยงฟาร์มปศุสัตว์ที่ไม่ได้มาตรฐานในเรื่องสุขอนามัย หรือ ความสะอาด คอกหมูสกปรกไม่ได้มาตรฐาน อับชื้น ทำความสะอาดไม่ดี อาจทำให้เชื้อแบคทีเรีย สเตรฟโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus Suis) ก่อโรคในหมู แต่มีพบรายงานการติดเชื้อในสัตว์ประเภทอื่นอยู่บ้าง เช่น ม้า แมว สุนัข หมูป่า

ส่วนใหญ่การติดต่อของโรคนี้เกิดจากการสัมผัสเนื้อหมูที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรฟโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus Suis) ผู้สัมผัสไม่มีการสวมถุงมือ และมีแผลที่นิ้ว จะทำให้เกิดการติดต่อได้ง่ายขึ้น หรือในบางรายมีการสูดดมกลิ่นเข้าไป อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ ถ้าเป็นการรับประทานก็จะก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ทางเยื่อบุในช่องปาก ในลำไส้ โดยเชื้อจะวิ่งเข้าสู่กระแสโลหิต ไปยังสมอง อาจอันตรายถึงชีวิตได้


ความรุนแรงของโรคจะมีหลายระดับ แต่ที่อันตรายที่สุด คือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสโลหิต ความดันตก ติดเชื้อที่ผิวหนังอักเสบรุนแรงมีเลือดออกที่ผิวหนัง ลิ้นหัวใจ ปอดอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบอาการเหล่านี้รุนแรงต้องรีบได้รับการรักษา หรือในคนที่เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาจเกิดสภาพหูดับได้หลังจากการรักษา หรือถ้าเซลล์สมองส่วนไหนโดนทำลายก็อาจส่งผลต่ออวัยวะนั้นๆ เช่น เสียการทรงตัว วิงเวียนศีรษะ

อาการหลังได้รับเชื้อ ต้องมีการสอบถามประวัติว่ามีการสัมผัสหมูหรือไม่ หรือกินเลือดหมู เนื้อหมูดิบ อาการคือ ปวดศีรษะมาก คลื่นไส้ อาเจียน มีแนวโน้มติดเชื้อ

วิธีรับประทานอาหารป้องกันโรคไข้หูดับ

กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ หมูที่นำประกอบอาหารต้องผ่านอุณหภูมิความร้อน อย่างน้อย 70 องศาเซลเซียส ในการประกอบอาหารต้องมั่นใจว่าสุก ไม่มีเลือดที่ชิ้นเนื้อ แปลว่ายังมีเชื้อโรคอยู่ ประกอบอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ห้ามทานดิบเด็ดขาด ระหว่างการประกอบอาหารควรสวมถุงมือ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุมีดบาดมืออาจทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปสู่กระแสเลือดได้ รวมถึงอุปกรณ์ที่ มีด เขียงหั่นหมู ต้องมีการทำความสะอาดทุกครั้ง

การรับประทานอาหาร หากเป็นอาหารประเภทปิ้งย่าง ควรมีการแยกตะเกียบ คือ ตะเกียบสำหรับใช้กับเนื้อดิบ และตะเกียบสำหรับใช้กับเนื้อที่สุกแล้ว


การเลือกซื้อเนื้อหมูมาประกอบอาหาร อาจจะแยกยากโดยการใช้ตาเปล่า แต่ดูความสดของหมู หากมีกลิ่น หรือสีที่ดูมีแนวโน้มใกล้จะเสีย ไม่ควรซื้อ แต่ถ้าเกิดไม่มั่นใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนำมาประกอบอาหารต้องสุกเสมอ

บทความโดย : นพ.วิชิต ประสานไทย อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลพญาไท 1