• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chigaru

#3061


นางสาวสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นจากปีก่อน โดยมียอดผู้ติดเชื้อรวมในประเทศเฉลี่ย 2 หมื่นคน/วัน ผนวกกับสถานการณ์ที่น่ากังวลในเรื่องของจำนวนเตียง อุปกรณ์การแพทย์ รถพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย ภาครัฐจึงพิจารณาให้กลุ่มผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงหรือเป็นผู้ป่วยที่จัดอยู่ในกลุ่มสีเขียวสามารถแยกกักตัวรักษาที่บ้านได้ (Home Isolation หรือ HI) ภายใต้การประสานการติดตามอาการจากแพทย์ LPP ในฐานะผู้บริหารนิติบุคคลอาคารชุดจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมด้วยการจัดตั้งโครงการ "Livable Community Isolation" พร้อมรองรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่ทวีจำนวนยิ่งขึ้น โดยให้ความดูแลและช่วยเหลือลูกบ้านในโครงการที่ LPP ดูแลกว่า 1.2 แสนครัวเรือน ใน 200 โครงการ ทั้งโครงการที่พัฒนาโดย บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) และโครงการภายนอก หรือ Non-LPN ให้ก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปพร้อมกัน

การจัดเตรียมโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ในรูปแบบการแยกกักตัวรักษาที่บ้านสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแรงหรือเป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียวนี้ LPP ได้รับการสนับสนุนด้านข้อมูลความรู้และหลักปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยแบบ Home Isolation จาก พญ. นาฏ ฟองสมุทร ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ สภากาชาดไทย และกรรมการแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยการจัดสัมมนาออนไลน์ให้กับคณะกรรมการทุกนิติฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคลากรของ LPP เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในแนวทางดำเนินการของ "Livable Community Isolation" และเพื่อให้บุคลากรในทุกชุมชนมีความพร้อมสูงสุด ในการเตรียมตัวรับมือกับการระบาดที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้นในอนาคต

พญ. นาฎ กล่าวว่า "เมื่อผู้ป่วยลงทะเบียนเข้าระบบ Home Isolation ของภาครัฐแล้วจะมีแพทย์ให้การรักษาแบบ Telemedicine หรือผ่านอุปกรณ์การสื่อสาร โดยทีมแพทย์ผู้ดูแลจะมีการทำ VDO Call กับผู้ป่วยเพื่อติดตามอาการทุกวัน และจัดส่งอาหาร 3 มื้อ ยา และอุปกรณ์ต่างๆ ให้ผู้ป่วย ทั้งนี้ภายใต้งบประมาณของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งการคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อปัจจุบันทำได้ง่ายขึ้น เพราะรัฐเปิดให้ใช้ชุดตรวจได้ด้วยตนเอง (Antigen Test Kit) ถ้าตรวจพบว่าติดเชื้อและต้องการแยกกักตัว ณ ที่อยู่อาศัย ให้ผู้ติดเชื้อโทรแจ้งที่ 1330 หรือลงทะเบียนผ่าน QR CODE ทันที เพื่อเข้าระบบรักษาของ สปสช."

สำหรับมาตรการดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วยที่ LPP จัดเตรียมให้ลูกบ้านผู้พักอาศัยภายในโครงการ ในรูปแบบการแยกกักตัวภายในห้องพักอาศัยนั้น จะมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยสถานพยาบาลต่างๆ ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าระบบการรักษาของรัฐตามโครงการ "Home Isolation" และจะติดตามดูแลรวมถึงให้การสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ จนกว่าผู้ป่วยจะได้รับความปลอดภัย อุ่นใจ และพบว่าผลตรวจเป็น Negative

นางสาวสมศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการดำเนินการ LPP ได้กำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ของแต่ละนิติฯ คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากหรือไม่แสดงอาการ (ผู้ป่วยสีเขียว) ภายใต้หลักการสำคัญ คือ การอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำ Timeline ของผู้ป่วยย้อนหลัง 7-14 วัน เพื่อแจ้งเจ้าของร่วมหรือผู้พักอาศัยทุกท่านให้สังเกตอาการของตนเอง จัดส่งอาหาร ยา รวมทั้งสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมถึงการจัดเตรียมแม่บ้านคอยจัดเก็บขยะเศษอาหาร ขยะติดเชื้อตามเวลาที่กำหนดทุกวันด้วยมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหากผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือ รวมถึงการอำนวยความสะดวกหากผู้ป่วยต้องไปพบแพทย์ หรือหากผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงของโรคจากผู้ป่วยสีเขียวเป็นสีเหลือง ฝ่ายจัดการจะประสานงานกับโรงพยาบาลเจ้าของไข้เพื่อให้เข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งผู้ป่วยและผู้อยู่อาศัยทุกท่าน

"สำหรับโครงการ Livable Community Isolation นี้ บริษัทให้ความสำคัญและเน้นย้ำถึงมาตรการดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วยผ่านการดำเนินงานที่เข้มงวด ทั้งเรื่องความสะอาด ความปลอดภัยและปลอดเชื้อแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคน โดยทุกขั้นตอนของการดำเนินงานจะต้องปฏิบัติตามหลักมาตรฐานความปลอดภัยที่ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญในการดูแลชุมชนโดยรวม ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงเพื่อความปลอดภัยของชุมชน เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขและไม่กังวลใจ ตามหลักชุมชนน่าอยู่ (Livable Community) "ร่วมใจ ห่วงใย แบ่งปัน" ของ LPP อีกด้วย" นางสาวสมศรี กล่าว

"วิกฤติครั้งนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องร่วมมือกันฟันฝ่าไปให้ได้ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยในแต่ละวันให้ได้มากที่สุด นอกจากโครงการ Livable Community Isolation ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับกรณีลูกบ้านผู้อยู่อาศัยที่มีอาการป่วยไม่รุนแรงและกักตัวเพื่อรักษาตนเองแบบ Home Isolation แล้ว เรายังให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันการติดเชื้อภายในโครงการ โดยผ่านการสื่อสารกับลูกบ้านและลูกค้าในทุกช่องทางการสื่อสาร เพื่อรับ-ส่งข่าวสารที่สำคัญและจำเป็น พร้อมรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของการตั้งการ์ดที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม"
#3062


ค่ายเทคทูปล่อยหนังตัวอย่างขนาดสั้นสำหรับเกมมวยปล้ำ WWE 2K22 ประกาศวางจำหน่ายจริงช่วงเดือนมีนาคม 2022

เกมภาคนี้จะพัฒนาโดยสตูดิโอ Visual Concepts ซึ่งทางค่ายยืนยันว่าจะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงขนานใหญ่หลังทำภาคเก่า 2K20 ออกมาน่าผิดหวัง และตัดสินใจหยุดพักยาวข้ามปีเพื่อให้เวลาทีมงานมากขึ้น

หนังตัวอย่างที่ปล่อยมาจะอิงจากศึก SummerSlam โชว์ดารานักมวยปล้ำทั้งรุ่นเก่าและใหม่รวมถึงศึกมวยปล้ำหญิงด้วย พร้อมบอกว่าจะมีข่าวคราวอัพเดตอีกรอบในเดือนมกราคมปีหน้า

สำหรับปี 2020 ที่ผ่านมา ทางค่ายก็ได้ทำเกมภาคพิเศษ WWE 2K Battlegrounds ออกมาวางจำหน่าย เป็นแนวการ์ตูนหัวโตตัวเล็กสู้กันแบบโอเวอร์เน้นเล่นง่ายๆ ขัดตาทัพระหว่างที่เกมแนวสมจริงกำลังอยู่ระหว่างพัฒนา

เดิมที ผู้พัฒนาหลักของเกมซีรีส์ WWE 2K คือสตูดิโอ Yuke's ในญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันก็แยกทางกับค่ายเทคทูแล้วหันไปสร้างเกมใหม่ให้สมาคมมวยปล้ำ AEW แทน
#3063


รายงานดัชนีการยอมรับคริปโตเคอเรนซีประจำปี 2021 ที่ Chainalysis จัดทำขึ้นเป็นปีที่ 2 และเผยแพร่เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า โลกให้การต้อนรับเงินตราดิจิตอลอบอุ่นขึ้น โดยอัตราการยอมรับพุ่งทะยานถึงกว่า 880% นับจากปี 2020 เฉพาะไตรมาส 2 ปีนี้เพิ่มขึ้น 24% จาก 2.5% ในช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา

การจัดอันดับของ Chainalysis ครอบคลุม 154 ประเทศ โดยพิจารณาจากกิจกรรมทั้งหมดเกี่ยวกับคริปโต การเทรดคริปโตของบุคคลทั่วไป การออม และปริมาณธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม P2P หรือการทำธุรกรรมระหว่างบุคคลกับบุคคล แทนที่จะโฟกัสการซื้อขายหรือการเก็งกำไร

เคนยา ไนจีเรีย เวียดนาม และเวเนซุเอลา เป็นส่วนหนึ่งของประเทศตลาดเกิดใหม่ที่เกาะกลุ่มกันด้านบนของตาราง ส่วนใหญ่เนื่องจากปริมาณธุรกรรมจำนวนมากบนแพลตฟอร์ม P2P เมื่อปรับตามความเสมอภาคของอำนาจซื้อ (PPP) ต่อหัว

การคำนวณด้วยโมเดลนี้พบว่า อันดับของจีนร่วงจาก 4 ลงมาอยู่ที่ 13 ขณะที่อเมริกาจาก 6 อยู่ที่ 8 เนื่องจากปริมาณธุรกรรม P2P ลดลง และประเทศส่วนใหญ่ในท็อป 20 เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ที่รวมถึงโตโก โคลอมเบีย อัฟกานิสถาน และไทยที่รั้งอันดับ 12 เท่ากับปีที่แล้ว

รายงานอธิบายว่า คนทั่วไปยอมรับคริปโตมากขึ้น ทำให้สินทรัพย์ดิจิตอลหลุดพ้นจากรัศมีการเก็งกำไรของกองทุนบริหารความเสี่ยงหรือธุรกิจต่างๆ และแนวโน้มนี้กำลังปรากฏในหลายประเทศทั่วโลกที่จมดิ่งเข้าสู่แวดวงคริปโตหรือมีอัตราการยอมรับเงินดิจิตอลมากขึ้น

Chainalysis ซึ่งเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ระบบบล็อกเชน พบว่า ปริมาณการทำธุรกรรม P2P มีสัดส่วนสูงมากในกิจกรรมคริปโตโดยรวม โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่

รายงานฉบับนี้เป็นความพยายามครั้งที่ 2 ของ Chainalysis ในการหาคำตอบว่า คริปโตได้รับการยอมรับทั่วโลกในระดับรากหญ้ามากน้อยแค่ไหน โดยการวิจัยของบริษัทบ่งชี้ว่า คนทั่วไปในตลาดเกิดใหม่อ้าแขนรับคริปโตเพื่อใช้เป็นเครื่องมือปกป้องเงินออมในช่วงที่ค่าเงินของประเทศอ่อนตัว และเพื่อรับ-ส่งเงินระหว่างประเทศ รวมทั้งทำธุรกรรมทางธุรกิจ

แมตต์ อัลบอร์ก นักวิเคราะห์ข้อมูล P2P อิสระ ชี้ว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญสำหรับบิตรีฟิลล์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ช่วยให้ลูกค้าใช้คริปโตในการดำเนินชีวิตปกติ เช่น ซื้อบัตรของขวัญด้วยบิตคอยน์

คิม กรูเออร์ ผู้อำนวยการวิจัยของ Chainalysis และเป็นผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ อ้างอิงคำบอกเล่าของผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่า ปัจจัยหนุนนำการยอมรับคริปโตในเวียดนามคือ การที่คนชาตินี้ขึ้นชื่อเรื่องการเสี่ยงโชค และการที่หนุ่มสาวซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ไม่สามารถลงทุนในกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นได้

โบแอซ โซบราโด นักวิเคราะห์ข้อมูลเทคโนโลยีการเงิน กล่าวว่า ประเทศที่ติดอันดับต้นๆ ในตารางยังมีอีกสิ่งที่เหมือนกันคือ รัฐบาลควบคุมด้านเงินทุนอย่างเข้มงวด

เมื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์ในแต่ละเดือน รายงานพบว่า เอเชียกลางและเอเชียใต้ ละตินอเมริกา และแอฟริกา เข้าใช้แพลตฟอร์ม P2P มากกว่าภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่า เช่น ยุโรปตะวันตกและเอเชียตะวันออก

ในทางกลับกัน การยอมรับคริปโตในอเมริกาเหนือ ยุโรปตะวันตก และเอเชียตะวันออกในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลงทุนของนักลงทุนประเภทสถาบัน

อนึ่ง เมื่อต้นเดือน Finder.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพิ่งเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน 42,000 คนใน 27 ประเทศในทวีปยุโรป เอเชีย และอเมริกา ซึ่งพบว่า เวียดนามมีสถิติการยอมรับคริปโตสูงสุด โดย 41% ของผู้ตอบแบบสำรวจบอกว่า เคยซื้อคริปโต, 21% เคยซื้อบิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโพลล์นี้ในทุกประเทศ

แม้คะแนนของเวียดนามที่ล้ำหน้าประเทศอื่นอาจน่าแปลกใจ แต่ผลสำรวจของไฟน์เดอร์ตอกย้ำข้อมูลของแหล่งอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าเปรียบเป็นนักมวย ต้องถือว่า ประเทศดาวเด่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ชกข้ามรุ่นในเรื่องการยอมรับคริปโต ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คอยน์เทเลกราฟระบุว่า เวียดนามติดอันดับ 13 ในการจัดอันดับการทำกำไรจากบิตคอยน์ในปี 2020 แม้อยู่ในอันดับ 53 ในแง่ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเมื่อวัดจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ก็ตาม

รายงานของไฟน์เดอร์แจงว่า การโอนเงินข้ามประเทศอาจเป็นแรงจูงใจสำคัญในการซื้อคริปโตในเวียดนาม เนื่องจากคริปโตเป็นตัวเลือกของชาวต่างชาติที่ต้องการส่งเงินกลับบ้านโดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการแลกเงิน

อัตราการยอมรับคริปโตยังสูงมากในประเทศอื่นๆ ทั่วเอเชีย เช่น ผู้ตอบแบบสำรวจ 30% ในอินโดนีเซียและอินเดียบอกว่าเคยซื้อคริปโต ส่วนในมาเลเซียและฟิลิปปินส์ตัวเลขอยู่ที่ 29% และ 28% ตามลำดับ

ในทางกลับกัน อัตราการยอมรับคริปโตในสหราชอาณาจักรและอเมริกาต่ำที่สุดในตาราง โดยอยู่ที่ 8% และ 9%
#3064


เกาะติดผลวิเคราะห์ล่าสุดจากกรณีที่บริการ "โอลี่แฟนส์" (OnlyFans) ประกาศห้ามเผยแพร่เนื้อหาโป๊เปลือยทุกประเภทที่เข้าข่าย "ไม่ปลอดภัยสำหรับชมในที่ทำงาน" บางสายวิเคราะห์ว่าอาจจะมีการแจ้งเกิดเงินคริปโตสกุลใหม่ในทำนอง "OnlyFans Crypto" เพื่อให้ OnlyFans อยู่นอกเหนือระบบธนาคารหรือผู้ให้บริการชำระเงินดั้งเดิม ขณะที่อีกสายมองว่า OnlyFans กำลังเข้าเฟสใหม่ของจริงที่จะดึงคนหลายวงการเข้าสู่แพลตฟอร์มได้ หลังจากใช้ "คนทำงานด้านเพศ" เป็นแรงงานก่อร่างสร้างฐานแพลตฟอร์มมานาน

งานวิเคราะห์ทั้ง 2 สายนี้มาจากต้นเรื่องคือ OnlyFans ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะแบนหรือห้ามเผยแพร่เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่หรือคอนเทนต์ประเภท NSFW (ไม่ปลอดภัยสำหรับชมในที่ทำงาน) โดยการแบนจะมีผลบังคับใช้ในช่วงเดือนตุลาคม 64

เหตุผลที่ข่าวนี้ได้รับความสนใจกันมาก เพราะแอปยอดนิยม OnlyFans ที่ก่อตั้งโดยทิโมธี สโตคลีย์ (Timothy Stokely) ในปี 2559 นั้นเคยอนุญาตให้ผู้สร้างเนื้อหา สร้างรายได้โดยใช้ภาพถ่ายและวิดีโอของตัวเอง ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา OnlyFans ทำให้หลายคนสามารถขายวิดีโอและรูปภาพ NSFW ชวนสยิวแล้วรับทรัพย์จากผู้ติดตามที่ชำระค่าสมัครรายเดือน อย่างไรก็ตาม แผนธุรกิจนี้กำลังเจอก้างขวางคอ เพราะผู้ให้บริการชำระเงินของแพลตฟอร์ม และพันธมิตรด้านการธนาคารกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงให้ OnlyFans ให้มีภาพที่ขาวสะอาดยิ่งขึ้น

ในเวลาไม่กี่ปี OnlyFans กลายเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้ครีเอเตอร์และผู้ให้บริการทางเพศ วันนี้มีผู้ใช้มากกว่า 130 ล้านคน ท่ามกลางครีเอเตอร์มากกว่า 2 ล้านคน รวมแล้วมีรายได้มากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐบนแพลตฟอร์ม

***มาไหม? OnlyFans Crypto

ขณะนี้ นักวิจารณ์บางคนมองว่าเมื่อมีการแบนเนื้อหา NSFW อย่างสมบูรณ์แล้ว แอปอาจจะพิจารณาใช้การชำระเงินเป็นเงินคริปโตแทนวิธีการทำธุรกรรมปกติ

เรเชล โดเรซาล (Rachel Dolezal)
เรเชล โดเรซาล (Rachel Dolezal)

เรื่องนี้ สำนักข่าวเทคครินช์ (Tech Crunch) วิเคราะห์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันใน OnlyFans อาจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนได้ทุกรูปแบบ ดังนั้น OnlyFans Crypto จึงอาจเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ขณะที่สำนักข่าวเดอะซัน (The Sun) ยังรายงานว่าถ้า OnlyFans ตัดสินใจใช้สกุลเงินดิจิทัลสำหรับการทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม OnlyFans ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ให้บริการชำระเงินอีกต่อไป

นักวิเคราะห์สายนี้เชื่อว่า เงินคริปโตของ OnlyFans จะทำให้แพลตฟอร์มยังสามารถนำเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ที่โจ่งแจ้งกลับมาได้ เนื่องจากจะไม่มีบริษัทใดออกมาเรียกร้องขอให้ OnlyFans ต้องชุบตัวใหม่ให้ขาวสะอาดอีกต่อไป เช่นเดียวกับหลายเว็บไซต์ที่ตัดสินใจโบกมือลาพันธมิตรธนาคารของตัวเอง ไปอาศัยการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลแทน

ประเด็นนี้นักวิจารณ์อธิบายว่าอาจต้องใช้เวลานานกว่าที่ OnlyFans จะสามารถรับชำระเงินด้วยเงินคริปโต เพราะทุกอย่างจะเริ่มต้นได้ก็ต่อเมื่อ "อินฟลูเอนเซอร์" หรือผู้มีอิทธิพลที่สร้างคอนเทนต์เสียวบน OnlyFans เริ่มเชื่อมต่อกับบิตคอยน์ หรือเป็นผู้ใช้สกุลเงินดิจิทัลแล้ว ซึ่งยังไม่มีใครมีข้อมูลว่าอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้เชื่อมั่นในเงินคริปโตมากแค่ไหน?

***นักการศึกษาเริ่มเข้า OnlyFans

นอกจากกระแส OnlyFans Crypto นักวิเคราะห์อีกสายกำลังเห็นการขยับตัวของบุคคลหลายวงการที่สนใจอยากสร้างอาณาจักรบน OnlyFans หนึ่งในนั้นคือเรเชล โดเรซาล (Rachel Dolezal) นักการศึกษาที่มีผู้ติดตามบนอินสตาแกรมกว่า 50,000 คนนั้นเริ่มสมัครบัญชี OnlyFans แล้วหลังจากการประกาศนโยบายแบนคอนเทนต์โป๊

Dolezal เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักเขียนและอาจารย์หญิงจากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นวอชิงตัน (Eastern Washington) ที่ปลอมตัวเป็นคนผิวดำ เพื่อเผยแพร่เรื่องราวที่เกี่ยวกับแอฟริกันศึกษา ความเคลื่อนไหวของเธอสะท้อนชัดเจนว่าคำสั่งแบนเนื้อหาทางเพศทำให้ OnlyFans มีฐานผู้ใช้ใหม่จำนวนมากที่แห่กันไปสมัครสมาชิก เพราะเชื่อว่าจะสิ่งที่น่าสนใจอื่นเป็นพิเศษ


ในโพสต์ Instagram สาว Dolezal เขียนแผนว่าจะแบ่งปันเนื้อหาอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์พร้อม "เนื้อหาโบนัส" บางอย่าง โดยวันจันทร์อาจเป็นเนื้อหาสร้างแรงบันดาลใจเช่นการออกกำลังกาย หรือวันพุธจะมีบทสัมภาษณ์ฟังสนุก อาจมีการสอนตกแต่งทรงผมด้วย รวมถึงการพูดคุยเรื่องงานศิลปะรวมถึงเรื่องอื่นๆที่จะถูกนำเสนอแบบสุ่มขึ้นมา กำหนดการเปิดตัวช่องคือวันที่ 1 กันยายน 64

การดึงผู้ใช้ใหม่ได้อย่างชัดเจนทำให้มีผู้วิจารณ์บนทวิตเตอร์ ว่า Onlyfans เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการที่แพลตฟอร์มขนาดใหญ่เลือกใช้ผู้ให้บริการทางเพศเป็นเครื่องมือสร้างฐานผู้ชม แล้วก็เขี่ยคนกลุ่มนี้ทิ้งไปเมื่อไม่เห็นประโยชน์

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่มีคำแก้ตัวจาก Onlyfans มีเพียงถ้อยแถลงที่ระบุว่า "ครีเอเตอร์จะยังคงได้รับอนุญาตให้โพสต์เนื้อหาที่มีภาพเปลือย ตราบใดที่สอดคล้องกับนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ของเรา" ข้อความนี้อาจเป็นไม้กระดานแผ่นเดียวที่ "sex workers" จะยังเกาะไปได้ แต่คงจะต้องหาช่องทางปรับเปลี่ยนกลยุทธ์นำเสนอครั้งใหญ่เพื่อให้อยู่รอดได้.
#3065
 
 
 
 
 
ข้าวอินทรีย์ (Organic Rice) ข้าวสุขภาพ เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโต สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผล ข้าวสุรินทร์ที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นข้าวหอมมะลิปลอดสาร(Organic Rice) เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมและสารกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผล ข้าวหอมสุรินทร์ที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
 
       ประเภทของข้าวอินทรีย์
   1. ข้าวอินทรีย์รับรองมาตรฐาน Certified Organic เป็นระบบการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีป้องกันศัตรูพืช มีการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากหน่วยงานอิสระ โดยมีทั้งภาครัฐ เอกชนและหน่วยงานจากต่างประเทศ มีตราสัญลักษณ์ติดที่ผลิตภัณฑ์ และจะต้องมีการตรวจเพื่อต่ออายุใบรับรองทุกปี
 
   2. ข้าวอินทรีย์ระยะปรับเปลี่ยน In-conversion เป็นข้าวที่อยู่ในช่วงระยะเวลาที่เริ่มทำเกษตรอินทรีย์ในปีแรกก่อนจะได้รับการรับรองผลผลิตว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ โดยระยะปรับเปลี่ยนเป็นการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและความอุดมสมบูรณ์ของดิน
 
   3. ข้าวอินทรีย์แบบยังไม่รับรอง Non Certified เป็นการปลูกข้าวอินทรีย์แบบพึ่งตนเอง ส่วนใหญ่เป็นการทำเกษตรแบบพื้นบ้านหรือปลูกในระบบผสมผสานหรือในไร่หมุนเวียน ไม่มีการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานใดๆ เกษตรกรกลุ่มนี้อาจเป็นกลุ่มที่ทำการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือนและนำผลผลิตส่วนเกินมาจำหน่ายผ่านระบบตลาดท้องถิ่น ทั้งนี้อาจมีการรับรองกันเองในระบบกลุ่มหรือชุมชนขายข้าวอินทรีย์, กลุ่มข้าวอินทรีย์ข้าวเพื่อสุขภาพ คือ ข้าวที่ได้จากการผลิตภายใต้ระบบการผลิตข้าวอินทรีย์ซึ่งมีการจัดการการผลิตข้าวที่เกื้อกูลต่อระบบนิเวศรวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุดิบสังเคราะห์และมีการจัดการกับผลิตภัณฑ์โดยเน้นการแปรรูปด้วยความระมัดระวังเพื่อรักษาสภาพการเป็นข้าวอินทรีย์และคุณภาพที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ 
ขั้นตอนการผลิตข้าวอินทรีย์ ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ส่งทั่วไทย ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
ข้าวอินทรีย์วิถีพื้นบ้าน
เป็นระบบการผลิต ข้าวเกษตรอินทรีย์ส่งทั่วไทย ที่ไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด เช่น ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตสารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรคแมลงและสัตว์ศัตรูข้าวตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ การผลิตข้าวอินทรีย์นอกจากจะทำให้ผลผลิตข้าวมีคุณภาพ ปลอดภัยจากสารพิษแล้วยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน
ข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล
การผลิตข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล มีกระบวนการผลิตการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตภัณฑ์อินทรีย์ และห้ามใช้สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์ในกระบวนการผลิตและแปรรูปข้าวอินทรีย์ ซึ่งผู้ผลิตและผู้ประกอบการต้องผฏิบัติตามเพื่อให้ได้รับการรับรอง มีขั้นตอนการปฏิบัติเป็นลำดับขั้น ดังนี้
1.เกษตรกรจะต้องมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการผลิตข้าวอินทรีย์ (  กลุ่มข้าวอินทรีย์สุรินทร์ )
2.เกษตรกรจัดทำบันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต โดยแสดงแหล่งที่มาและปริมาณการใช้
3.สมัครขอรับรองต่อกรมการข้าว เกษตรกรต้องแสดงข้อมูลต่อไปนี้
- ประวัติการใช้พื้นที่
- ประวัติการใช้สารเคมี และผลการวิเคราะห์สารพิษตกค้างในดินและน้ำ (ถ้ามี)
- แผนที่และแผนผังแปลงนาที่ขอการรับรองและพื้นที่ข้างเคียง
- แผนการผลิตในทุกขั้นตอน
- บันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต
- บันทึกกิจกรรมในแปลงนา และข้อมูลอื่นๆ

ปลูกข้าวอินทรีย์ กันมั้ย  ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์    หลักปฏิบัติในการผลิตข้าวอินทรีย์ 277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook :https://www.facebook.com/Hor.Organic
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  กลุ่มข้าวหอมมะลิอินทรีย์
2.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
3.  ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์กรมการข้าว #ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์
4. ข้าวผสมหลายสายพันธุ์สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ
6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์
7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิค

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์
#ข้าวออแกนิคสุรินทร์
#ข้าวออแกนิกสุรินทร์
#ข้าวอินทรีย์สุรินทร์
#ข้าวคุณภาพสุรินทร์


 

 

 

 

 
 
#3066
 ขายทีดินติดแม่น้ำบ้านแพ้ว  ขายที่ดินติดแม่น้ำท่าจีนบ้านแพ้ว สมุทรสาคร ที่สวยขายถูก ถมแล้ว 9 ไร่ 21 ตร.

  ทีดินติดแม่น้ำบ้านแพ้วขายถูก  ขายที่ดินติดแม่น้ำท่าจีนบ้านแพ้ว ขายที่ดินบ้านแพ้วติดแม่น้ำท่าจีน บ้านแพ้ว สมุทรสาคร ถมแล้ว 9 ไร่ 21 ตรว ขายถูกกว่าทั่วไปใกล้เคียง เหมาะทำร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท ที่ดินจัดสรร แบ่งขาย ใกล้แหล่งท่องเที่ยว สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ที่ดินทำเลทองขายถูก เพียง ตรว. 9,500 บ 

ขายที่ดินติดแม่น้ำท่าจีน บ้านแพ้ว สมุทรสาคร
ขายที่ดินติดแม่น้ำท่าจีน ขายที่ดินบ้านแพ้วติดแม่น้ำท่าจีน ด้านหน้าติถนน ใกล้ร้านอาหาร ท่าน้ำบางลำภู Cafe and restaurant ด้านข้างติดคลอง ทีดินติดแม่น้ำยาว 100 เมตร มีทีงอกประมาณ2ไร่ ใกล้กรุงเทพ ที่ดินห่างจากอนุสารีย์ประชาธิปไตย เพียง 30 กม 

เหมาะทำร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท ที่ จัดสรร ขายท| ใกล้แหล่งท่องเที่ยว สมุทรสาคร สมุทรสงคราม
ทำเลที่ตั้ง ที่ดินติดแม่น้ำท่าจีน ที่ดิน ตำบลสวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว สมุทรสาคร

สนใจ ขายที่ดินบ้านแพ้วติดแม่น้ำท่าจีน ติดต่อ
เจ้าของขายเอง ขายถูกกว่าใกล้เคียง ขายเพียง ไร่ละ 3.8 ล้าน ติดต่อ คุณป้อม 089-8931375, 081 8121814
รายละเอียดเพิ่มเติม

https://asungha987.com/?p=3165

คำค้น
ขายถูกที่ดินติดแม่น้ำท่าจีน , ขายที่ดินบ้านแพ้วสมุทรสาครติดแม่น้ำท่าจีน,  ที่สวยขายถูกที่ติดแม่น้ำท่าจีน, ขายที่ดินสมุทรสาครติดแม่น้ำท่าจีน
#3067


นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารได้ออกมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้าสินเชื่อรายย่อย และผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ต เกสต์เฮาส์ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยให้พักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 6 งวด เริ่มตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 โดยธนาคารได้เปิดให้ลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ และมีผู้สนใจเข้ามาตรการอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีลูกหนี้อีกบางส่วนที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิพักชำระหนี้ตามมาตรการนี้ ซึ่งการได้พักชำระหนี้จะช่วยเหลือในเรื่องของการเสริมสภาพคล่อง และยับยั้งไม่ให้ลูกหนี้ต้องกลายเป็นหนี้เสีย (NPL) ที่จะส่งผลกระทบต่อการกู้เงินในอนาคต รวมถึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงที่ต้องขาดรายได้หรือรายได้ไม่แน่นอน จึงขอเชิญชวนให้ผู้ที่ยังไม่ได้แจ้งความประสงค์ขอพักชำระหนี้ โปรดรีบใช้สิทธิ ก่อนหมดเขตวันที่ 30 สิงหาคม 2564 นี้



ทั้งนี้ มาตรการพักชำระหนี้ลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 200,000 บาท และไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับผู้ได้รับผลกระทบทำให้ต้องเลิกกิจการ ถูกเลิกจ้าง ขาดรายได้ ฯลฯ ฯลฯ (ยกเว้นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ) สามารถเข้าตรวจสอบสิทธิ์ในแอป MyMo และกดทำรายการได้ทันทีที่ปรากฏเมนูพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ส่วนผู้ที่ยังไม่มีแอป MyMo แต่มีบัตรเดบิต สามารถดาวน์โหลดและเปิดใช้งานแอป MyMo ด้วยตนเองได้โดยใช้ข้อมูลบัตรเดบิต ซึ่งจะได้รับความสะดวกในการขอพักชำระหนี้โดยไม่ต้องเดินทางไปติดต่อที่สาขาธนาคาร สำหรับมาตรการพักชำระหนี้กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ต เกสต์เฮาส์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ SMEs มีวงเงินกู้ไม่กิน 250 ล้านบาท ติดต่อเข้าร่วมมาตรการได้ที่สาขาธนาคาร หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115

อนึ่ง มาตรการพักชำระหนี้ โดยพักเงินงวดผ่อนชำระให้สูงสุด 6 งวด เริ่มตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม-เดือนธันวาคม 2564 หลังจากเมื่อสิ้นสุดระยะการพักชำระหนี้ ให้กลับมาจ่ายเงินงวดตามเงื่อนไขเดิม โดยเงินต้นและดอกเบี้ยที่ได้พักไว้จะถูกนำไปรวมชำระในงวดสุดท้ายของสัญญาเงินกู้หรือข้อตกลงที่ทำกับธนาคาร ทั้งนี้ ช่วงระยะเวลาที่พักชำระหนี้ ไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระ และไม่ส่งผลต่อข้อมูลเครดิตของลูกค้า รวมถึงไม่มีดอกเบี้ยผิดนัดชำระและค่าปรับใดๆ
#3068


2 ปีที่ทั้งโลกและ "ประเทศไทย" ต้องฝ่าวิกฤติครั้งใหญ่  จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตผู้คน ต้องหยุดเชื้อเพื่อชาติ เศรษฐกิจ ธุรกิจชะงักงัน จากการร่วมมือหยุดการแพร่ระบาดไวรัส รวมถึงมาตรการรัฐสั่ง "ล็อกดาวน์" พื้นที่ต่างๆ ทำให้กิจกรรมการค้าต้องแน่นิ่งไปไม่น้อย 

ทั้งนี้ การคาดหวังผลประกอบการของแต่ละบริษัทใหอยู่ในภาวะขาขึ้นหรือเป็นบวก "เติบโต" ไม่ใช่เรื่อง่าย ท่ามกลางสถานการณ์เปราะบางทั้งเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภค แต่ผู้ประกอบการต้องงัดทุกยุทธวิธี เพื่อใหธุรกิจอยู่รอด หากผ่านด่านหรือบททดสอบยากๆได้ ย่อมส่งผลดีต่อองค์กร ภาพรวมเศรษฐกิจ 

หนึ่งในอาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยอย่าง "บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน" ของ "เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี" มักถูกจับตาเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร ยอดขาย รายได้ กำไรของบริษัทออกมา "เติบโต-ติดลบ" ล่าสุด ไทยเบฟฯ รายงานผลประกอบการ 9 เดือน(ต.ค.63-มิ.ย.64) ต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ บริษัทสร้างยอดขายรวม 192,120 ล้านบาท เติบโตล็กน้อย 1.1% และมีกำไรก่อนหักภาษี(EBITDA) 36,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5% โดยไม่เผย "กำไรสุทธิ"


หากย้อนดูผลประกอบการ "ครึ่งปีแรก" บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 137,092 ล้านบาท หดตัว 4.3% โกยกำไรสุทธิ 16,076 ล้านบาท เติบโต 7.6%

เมื่อแยกผลประกอบการเป็นรายกลุ่ม โปรดักท์แชมป์เปี้ยนตลอดกาลที่ทำรายได้สูง และทำ "กำไร" เป็นกอบเป็นกำ เพิ่มความมั่งคั่งให้กับ "ราชันย์น้ำเมา" ยังคงเป็น "กลุ่มสุรา" โดย 9 เดือน ทำรายได้จากการขายรวม 91,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% ด้านยอดขายเชิงปริมาณเติบโตไม่แพ้กันที่ 4.2% ภายใต้ข้อจำกัดการค้าขายที่ช่องทาง On-Premise หรือผับ บาร์ ร้านอาหาร สถานบันเทิงในประเทศไทยถูกปิดให้บริการนานแรมปี แต่การปรับตัว มีความยืดหยุ่น สินค้าในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายผ่่านช่องทางห้างร้านต่างๆหรือ Off-Premise ตอบโจทย์การบริโภคในบ้านได้ 

ธุรกิจสุราในไทยสร้างผลงานโดดเด่น แต่ตลาดใน "เมียนมา" ทรงตัว แต่แบรนด์และส่วนแบ่งทางการตลาดของ "วิสกี้" ยังแข็งแกร่ง ทำให้ภาพรวมกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่  23,605 ล้านบาท พิ่มขึ้น 9.5% 

"กลุ่มเบียร์" ทั้งตลาดในประเทศไทยและเวียดนาม ต่างได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทำให้ยอดขายรวมอยู่ที่ 80,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% แต่ยอดขายเชิงปริมาณ "ลดลง 1.1%" หากเทียบตลาดเบียร์โดยรวม "ติดลบ" มากกว่านี้ จึงสะท้อนว่า "ไทยเบฟ" ฝ่าวิกฤติได้ดีไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ลงลึกรายละเอียดยอดขาย เกิดจาก "SABECO" หรือไซ่ง่อน เบียร์ แอลกอฮอล์ เบฟเวอเรจ คอร์เปอเรชั่นเป็นปัจจัยที่ "ฉุด" ตัวเลขให้ดิ่งลงนั่นเอง ด้านกำไรก่อนหักภาษีธุรกิจเบียร์อยู่ที่ 10,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% โดยบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ปรับแผนการขายให้เข้ากับสถานการณ์


ส่วน "กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์" ยอดขายรวม 11,688 ล้านบาท ลดลง 6.4%โดยยอดขายเชิงปริมาณลดลง 8.6% ทำให้บริษัทต้องบริหารจัดการต้นทุนอย่างระมัดระวัง ลดค่าใช้จ่าย ทั้งด้านสื่อสารการตลาดด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ สำหรับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในพอร์ตโฟลิโอของไทยเบฟมีมากมาย เช่น น้ำดื่มคริสตัล, น้ำอัดลมเอส, ชาเขียวพร้อมดืื่มโออิชิ, เครื่องดื่มชูกำลังเรนเจอร์ เป็นตน 

ขณะที่ "กลุ่มอาหาร" ยอดขายรวม  8,649 ล้านบาท ลดลง 12.9% ผลพวงเกิดจากมาตรการรัฐห้ามเปิดบริการนั่งรับประทานในร้าน ดังนั้น ภารกิจควบคุม บริหารจัดการต้นทุนจึงต้องทำต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มผลิตผล(Productivity)การทำงานของพนักงาน และที่ขาดไม่ได้คือการปรับตัวของธุรกิจ หันมารุกการซื้อกลับบ้าน(Take Away) ส่งอาหารเดลิเวอรี่มากขึ้น โดยร้านอาหารขึ้นชื่อมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ชาบูชิ, โออิชิ อีทเทอเรียม, เคเอฟซี, โออิชิ ราเมน เป็นต้น 

ทั้งนี้ การปรับตัวของธุรกิจร้านอาหารโออิชิ ล่าสุด ส่งมากรบ  "รถจำหน่ายอาหารเคลื่อนที่  โออิชิ ฟู้ด ทรัค" เสิร์ฟเมนูอร่อยให้ผู้บริโภคซื้อกลับบ้านและจัดส่งหรือเดลิเวอรี่ โดยอาหารจานโปรดง่ายๆ มาครบครันย้ำต้นตำรับอาหารญี่ปุ่น ราคาย่อมเยา เช่น เมนูกลุ่มเบนโตะ (ข้าวกล่องญี่ปุ่น) : ยากิโทริ เทอริยากิ เบนโตะ เซ็ต, บูตะ สตะมินะ เบนโตะ เซ็ต, และ แซลมอน เบนโตะ เซ็ต เมนูกลุ่มดงบุริ (ข้าวหน้าญี่ปุ่น) : ข้าวหน้าหมูเกาหลี, ข้าวหน้าไก่ย่างซีอิ๊ว, และ ข่าวหน้าปลากซาบะ ไปจนถึง เมนูกลุ่มอาหารว่างและของทานเล่น ราคาเริ่มต้น 69 บาท (สำหรับเมนู เกี๊ยวซ่าทอด) เป็นต้น

สำหรับโมเดล โออิชิ ฟู้ด ทรัค ไม่เพียงเป็นการปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หรือหวังสร้างสีสันในการทำตลาดเท่านั้น แต่จะชูเป็นกลยุทธ์หลักในการขยายสาขาและพื้นที่ให้บริการ ในเวลาที่ร้านอาหารญี่ปุ่น โออิชิ ไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ เพื่อสร้างโอกาสในช่วงล็อกดาวน์นั่นเอง 
#3069


สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดตัวงาน "ช้อป กิน เที่ยว ครบที่เดียว ภาคตะวันออก" หรือ "SHOP EATERY TRAVEL - All in Eastern Thailand" รูปแบบใหม่ของกิจกรรม Live ขายสินค้าออนไลน์แบบ New Normal ผ่าน เฟสบุ้คเพจ สสว connext-ตลาดออนไลน์ และ เพจฝากขายขยายโอกาส by ISMED ระหว่างวันที่ 27 – 29 สิงหาคม 2564 เพื่อสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่จาก 7 จังหวัดทั่วภาคตะวันออก ให้สามารถยกระดับการสร้างธุรกิจ สู้วิกฤตเศรษฐกิจในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า สสว. ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (SME – Early Stage : All Stars) ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ กิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (SME - Early Stage : All Stars) ประจำปี 2564 ด้วยเล็งเห็นถึงผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด – 19 ที่กำลังผลักให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากการปิดประเทศและยกเลิกกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ทั้งยังส่งผลต่อเนื่องมาถึงภาคอุตสาหกรรมการผลิต การค้าปลีก การบริการ ตลอดจนแรงงานที่ต้องว่างงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งมาตรการหนึ่งในการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจผันผวนในระยะยาว ก็คือการเร่งสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงผู้ว่างงาน ให้สามารถเพิ่มทักษะในการประกอบธุรกิจ และยกระดับศักยภาพ เพื่อก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ไปให้ได้

ผอ.สสว. กล่าวว่า กิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (SME – Early Stage : All Stars) ในครั้งนี้ จึงมุ่งพัฒนาผู้ประกอบการหน้าใหม่ในระยะเริ่มต้น ผ่านการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เฉพาะทาง โดยวิเคราะห์ปรับปรุงจุดอ่อนควบคู่ไปกับการพัฒนาจุดแข็งของผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบแบบมืออาชีพ กระทั่งผู้ประกอบการสามารถสร้างธุรกิจที่เข้มแข็ง และเติบโตไปสู่เป้าหมายความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดนี้ จะเป็นการยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าต่อไป

"งาน "ช้อป กิน เที่ยว ครบที่เดียว ภาคตะวันออก" หรือ "SHOP EATERY TRAVEL - All in Eastern Thailand" จึงเป็นงานที่สร้างสรรค์และปรับรูปแบบใหม่ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยการนำผู้ประกอบการและผู้ซื้อมาพบปะกันในโลกออนไลน์แบบ New Normal ผ่านการ Live ขายผลิตภัณฑ์สินค้าจากผู้ประกอบการหน้าใหม่ 7 จังหวัดทั่วภาคตะวันออกจำนวน 48 ราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม SME – Early Stage : All Stars ทั้งหมดรวม 303 ราย"

ภายในงานจะได้พบกับสินค้าหลากหลายมากกว่า 100 รายการ ทั้งอาหารและขนม เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง เสื้อผ้าและของใช้ โรงแรมที่พัก รวมถึงเครื่องประดับและอัญมณี นำทีมผู้ประกอบการโดยพิธีกรและศิลปินชื่อดัง ซาร่า โฮเลอร์, ท็อป จรณ, และซานิ นิภาภรณ์ ที่จะมาร่วมสร้างความสนุกสนานตลอดงาน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษช่วงแฟลชเซลล์สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ สำหรับนักช้อปและผู้ที่สนใจสามารถติดตามการ Live ได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัส ผ่าน Facebook Page 2 ช่องทางดังนี้ คือ 1.เพจ สสวconnext-ตลาดออนไลน์ (https://www.facebook.com/smeconnextonlinemarket/) และเพจ ฝากขาย ขยายโอกาส By ISMED (https://www.facebook.com/ismed.shop/)

โดยงานจะมีขึ้นระหว่างวันศุกร์ที่ 27 ถึงวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม 2564 และขยายช่วงเวลาจัดกิจกรรมออกเป็น 3 รอบ ได้แก่รอบ 11.00 – 14.00 น. / รอบ 15.00 – 18.00 น. / และรอบ 19.00 – 22.00 น. เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การช้อปออนไลน์ของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดและตรงใจ
#3070


ฝ่ายประชาสัมพันธ์การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ​​ตามที่ รัฐบาลได้ออกข้อกำหนดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID - 19 ระลอกใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าที่ซื้อเที่ยวโดยสารแล้วไม่ได้ใช้เดินทางทำให้เที่ยวโดยสารหมดอายุนั้น

​การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของผู้โดยสาร จึงได้ขยายเวลามาตรการช่วยเหลือผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ที่มีเที่ยวโดยสาร(Trip Pass) ที่หมดอายุสามารถเปลี่ยนเที่ยวโดยสารที่หมดอายุเป็นคูปองเดินทางตามจำนวนเที่ยวโดยสารคงเหลือ จากเดิมผู้โดยสารที่มีเที่ยวโดยสารในบัตร MRT และ MRT Plus ประเภท 30 วัน ที่หมดอายุตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 และเที่ยวโดยสารประเภท 60 วัน ที่หมดอายุตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน – 30 มิถุนายน 2564 ขยายเวลาเป็น ผู้โดยสารที่มีเที่ยวโดยสารในบัตร MRT และ MRT Plus ประเภท 30 วัน ที่หมดอายุตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน – 31 สิงหาคม 2564 และเที่ยวโดยสารประเภท 60 วัน ที่หมดอายุตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน – 30 กันยายน 2564

ทั้งนี้ สามารถติดต่อขอรับเป็นคูปองเดินทางตามจำนวนเที่ยวโดยสารที่คงเหลือ โดยนำบัตรโดยสารไปติดต่อขอรับคูปองตามประเภทของเที่ยวโดยสารที่หมดอายุ ได้ที่ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วงทุกสถานี จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งคูปองการเดินทางดังกล่าวจะมีอายุการใช้งาน 60 วัน นับจากวันที่ได้รับคูปอง และไม่สามารถซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน หรือคืนได้ทุกกรณี โดยมีเงื่อนไขการใช้เดินทางเป็นไปตามที่ รฟม. และ BEM กำหนด




​​ อย่างไรก็ดี รฟม. และ BEM จะยังคงดำเนินมาตรการป้องการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID - 19 ในระบบรถไฟฟ้า MRT อย่างเข้มงวด และ พร้อมสนับสนุนมาตรการของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้โดยสารเดินทางได้อย่างมั่นใจในความปลอดภัย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน และขอขอบคุณผู้โดยสารทุกท่านที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ด้วยดีเสมอมา ตลอดจนขอให้ประชาชนทุกท่านมีความเข้มแข้ง ยืนหยัด และปลอดภัยสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว เราพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างดูแลผู้โดยสารและขอส่งกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูล โทร. 0 2624 5200 เฟซบุ๊ก: MRT Bangkok Metro ทวิตเตอร์: MRT Bangkok Metro อินสตาแกรม: mrt_bangkok หรือ โมบายแอปพลิเคชัน: Bangkok MRT และติดตามข้อมูลข่าวสาร รฟม. เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ รฟม. www.mrta.co.th และเฟซบุ๊กแฟนเพจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ Call Center รฟม. โทร. 0 2716 4044
#3071


กลายเป็นผลงานต้นฉบับรีเมคระดับขึ้นหิ้งไปแล้ว สำหรับ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" หรือ "Demi-Gods And Semi-Devils" หนึ่งในผลงานนวนิยายแนวกำลังภายในชื่อดังของ 'กิมย้ง' โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา วงการผลิตผลงานการแสดงภาษาจีนโดยเฉพาะในฝั่งของทีวีซีรีส์ได้มีการหยิบยกนิยายกำลังภายในชื่อดังเรื่องนี้ขึ้นมาผลิตซ้ำอยู่หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งล่าสุดเวอร์ชั่นใหม่แกะกล่องจากทางฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ก็เพิ่งจะถูกส่งลงจอออกอากาศกันไปหมาด ๆ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา...



"แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" หรือที่ในชื่อภาษาจีนเรียกว่า "เทียนหลงปาปู้" (天龙八部) เป็นผลงานนวนิยายแนวกำลังภายในสุดคลาสสิคชื่อดังอีกเรื่องหนึ่งของ 'กิมย้ง' (金庸) บอกเล่าถึงเรื่องราวก่อนยุคของ "มังกรหยก ภาคแรก" ในช่วงสมัยที่แคว้นต้าซ่งและแคว้นเหลียวเปิดฉากทำสงครามสู้รบที่มีความแค้นฝังลึกกันมายาวนาน โดยในยุคนี้เองยอดจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจนาม "เฉียวฟง" ถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีใส่ร้ายว่าเป็นคนสังหารรองประมุขพรรคกระยาจก พร้อมทั้งยังขุดคุ้ยเรื่องชาติกำเนิดเดิมขึ้นมาเปิดโปง ทำให้ตำแหน่งของการเป็นหัวหน้าพรรคจำต้องหลุดมือไป

ด้วยความที่อยากจะล้างมลทินให้กับตัวเอง เฉียวฟงจึงตัดสินใจออกเดินทางท่องยุทธภพเพื่อตามหาความเป็นมาเรื่องชาติกำเนิดที่แท้จริง จนกระทั่งโชคชะตาได้พาให้เขามาพบกับ "ต้วนอี้ว์" องค์ชายแห่งต้าหลี่ผู้มีใจรักมั่นต่อสาวงามนาม "หวังอวี่เยียน" และ "ซีจุ๊" หลวงจีนหนุ่มที่ต่อมากลายเป็นเจ้าสำนักสราญรมย์ โดยจากการพบพานกันในครั้งนี้เองได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสามต่างต้องร่วมมือกันฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย จนก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่สุดท้ายได้ตัดสินใจร่วมสาบานผูกสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องร่วมสายเลือด



สำหรับ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นล่าสุดที่ถูกรีเมคซ้ำออกมาในรูปแบบของทีวีซีรีส์นั้นยังคงมีการใช้ชื่อเรื่องในภาษาจีนว่า"เทียนหลงปาปู้" ตามสไตล์สุดคลาสสิคเหมือนเช่นเคย โดยเดิมทีเวอร์ชั่นนี้ได้เริ่มเปิดตัวถ่ายทำกันไปตั้งแต่ต้นปี 2019 จนในที่สุดก็เพิ่งได้ฤกษ์ออกอากาศกันไปหมาด ๆ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ของปีนี้ผ่านทางช่อง CCTV และแพล์ตฟอร์มออนไลน์ของ Tencent Video (ปัจจุบันยังไม่มีแพล์ตฟอร์มไหนนำซับไทยหรือพากย์ไทยมาลงให้ได้ดูกันแบบถูกลิขสิทธิ์)



โดยในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้นักแสดงนำหลักเจ้าของบทบาทสุดสำคัญของเรื่องนั้นได้ 'หยางโย่วหนิง'(杨祐宁) ดาราหนุ่มใหญ่วัยใกล้ 40 จากไต้หวันมารับบทเป็น "จอมยุทธ์เฉียนฟง" ร่วมกับสองนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องจากจีนแผ่นดินใหญ่อย่าง 'ไป๋ซู่' (白澍) และ 'จางเทียนหยาง' (张天阳) ที่มารับบทเป็น "องค์ชายต้วนอี้ว์" และ "หลวงจีนซีจุ๊" ให้ตามลำดับ



หากใครเป็นคอซีรีส์แนวกำลังภายในแบบดั้งเดิมหรือเป็นแฟนตัวยงของผลงานชุด "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ล่ะก็ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่กำลังออกอากาศอยู่นับเป็นตัวเลือกที่น่าติดตามมากเลยทีเดียว เพราะนอกจากนักแสดงจะการันตีความงานดีชวนให้ดูเพลินด้วยแล้ว ในส่วนของเนื้อเรื่องรวมถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ทางด้านโปรดิวเซอร์ เขาก็ถึงกับออกปากการันตีเองเลยว่าสำหรับเวอร์ชั่นนี้จะเน้นไปที่การเรียกคืนความคลาสสิคของซีรีส์กำลังภายใน โดยใช้ศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ต้องเติมแต่งเทคนิคพิเศษซับซ้อนอะไรมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็จะมาพร้อมกับเอฟเฟกต์ภาพที่ดูทันสมัยให้มีความเข้ากับยุคมากขึ้น เรียกได้ว่างานนี้ทำมาเพื่อเอาใจคอซีรีส์จีนสายกำลังภายในแบบดั้งเดิมกันโดยเฉพาะเลยล่ะจ้า





เนื่องด้วยความที่ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของ 'กิมย้ง' นักเขียนนวนิยายกำลังภายในชื่อดังของจีน ทำให้ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ผลงานสุดคลาสสิคชิ้นนี้จึงไม่วายถูกค่ายผลิตสื่อภาพยนตร์และละครโทรทัศน์จากทั้งฝั่งฮ่องกง ไต้หวัน และจีนแผ่นดินใหญ่ต่างหยิบยกขึ้นมาทำเป็นทีวีซีรีส์กันอยู่บ่อยครั้ง โดยก่อนหน้าที่จะมาถึงเวอร์ชั่นล่าสุดที่กำลังออกอากาศฉายอยู่ตอนนี้ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ฉบับทีวีซีรีส์ได้มีการทำออกมาแล้วถึง 5 เวอร์ชั่นด้วยกัน ซึ่งวันนี้ทางโต๊ะฯจีนของเราก็ไม่พลาดตามไปเก็บรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นของแต่ละเวอร์ชั่นมาฝากคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยเช่นกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ตามโต๊ะฯจีนไปดูกันได้เลยจ้า...



สำหรับ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ฉบับซีรีส์เวอร์ชั่นแรกสุดเลยนั้น เป็นผลงานการสร้างของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) จากเกาะฮ่องกงซึ่งมีความยาวทั้งหมด 50 ตอน เริ่มออกอากาศฉายในปีค.ศ. 1982 นำแสดงโดย 'เหลียงเจียเหริน' (梁家仁) ร่วมกับสองนักแสดงดาวรุ่งในกลุ่ม 5 พยัคฆ์แห่งทีวีบีอย่าง 'ทังเจิ้นเย่' (汤镇业) และ 'เฟลิกซ์ หว่อง' (黄日华)



ต่อมาด้วยความที่ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 1982 ของเกาะฮ่องกงเปิดฉากได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในบรรดาประเทศข้างเคียง ทำให้ในปี 1990 ทางฝั่งสถานีโทรทัศน์ซีทีวี (CTV) ของไต้หวันก็ได้นำผลงาน "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" มารีเมคในรูปแบบของทีวีซีรีส์อีกครั้ง โดยในเวอร์ชั่นนี้ถือเป็น "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ฉบับซีรีส์ที่สั้นและมีการปรับเปลี่ยนโครงเรื่องเดิมมากที่สุด เนื่องจากมีความยาวรวมแล้วแค่เพียง 20 ตอน แถมยังมีการรวมตัวละครหลักอย่าง "ต้วนอี้ว์" และ "ซีจุ๊" เข้ามาเป็นคนเดียวกันอีกด้วย

"แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ในเวอร์ชั่นของไต้หวัน (ปี 1990) นำแสดงโดย 'ฮุ่ยเทียนซื่อ' (惠天赐) นักแสดงหนุ่มพี่ชายของดาราสาวฮ่องกงชื่อดังอย่าง 'ฮุ่ยอิงหง' (惠英红) ร่วมกับ 'กวนหลี่เจี๋ย' (关礼杰) หนึ่งในนักแสดงชาวฮ่องกงสุดฮอตในยุคปลายปี 80



ในปี 1997 "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ได้ถูกทางฝั่งสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ของฮ่องกงนำวนกลับมารีเมคซ้ำอีกรอบหนึ่ง ซึ่งในส่วนของนักแสดงนำหลักนั้นได้ 'เฟลิกซ์ หว่อง' นักแสดงหนุ่มชื่อดังของเกาะฮ่องกงคนเดียวกับที่เคยแสดงเป็น "ซีจุ๊" ในเวอร์ชั่นปี 1982 ขยับมาแสดงบทของ "เฉียวฟง" ให้

โดยนอกจากตัวของ 'เฟลิกซ์ หว่อง' แล้ว ในเวอร์ชั่นนี้ยังได้รวบรวมนักแสดงชื่อดังของเกาะฮ่องกงคนอื่น ๆ เอาไว้อีกมากมายหลายคน อาทิเช่น 'เฉินฮ่าวหมิน' (陈浩民) 'ฝานเส้าหวง' (樊少皇) และ 'หลี่รั่วถง' (李若彤)

หลังจากที่ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 1997 นี้ ได้ลงจอออกอากาศฉายไปเรตติ้งก็พุ่งกระฉูดติดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกัน แถมในภายหลังยังได้รับคะแนนประเมินบนโต้วป้าน (豆瓣) ไปสูงถึง 9 คะแนน นับเป็นผลงาน "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ฉบับซีรีส์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเวอร์ชั่นที่คลาสสิคที่สุดในใจของผู้ชมอีกด้วย

ปล. ปัจจุบันสามารถหา "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 1997 ในฉบับพากย์ไทยรับชมกันได้ง่าย ๆ แล้วทางช่อง YOUTUBE ของ "TVB Thailand"





ถัดมาอีก 6 ปี (เข้าสู่ยุคปี 2000) เมื่อวงการทีวีซีรีส์ของทางฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เริ่มมีการบุกสร้างผลงานซีรีส์ต่าง ๆ ออกมามากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 2003 ซึ่งนำแสดงโดยนักแสดงจีนชื่อดังที่คอซีรีส์หลายคนอาจคุ้นหน้าคราตากันเป็นอย่างดี อาทิเช่น 'หูจวิน'(胡军) 'หลินจื่ออิ่ง' (林志颖) 'หลิวอี้เฟย' (刘亦菲) และ 'หลิวเทา' (刘涛)

สำหรับ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 2003 เป็นผลงานทีวีซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่ทุ่มเงินลงทุนไปเป็นหลักหลายร้อยล้านหยวนเพื่อจัดสร้างฉากจำลองที่จะใช้ถ่ายทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด อีกทั้งยังได้มีการจัดเตรียมให้กลุ่มนักแสดงต้องฝึกศิลปะการต่อสู้กันเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือนเพื่อสมความจริง โดยสุดท้ายผลลัพธ์ของความทุ่มทุนทั้งหมดก็ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ เมื่อผลงานชิ้นนี้คว้ารางวัลอินทรีทอง สาขาละครโทรทัศน์เรื่องยาวยอดเยี่ยม ในงาน China TV Golden Eagle Award ครั้งที่ 22 ไปครอง นอกจากนั้นยังได้ขึ้นแท่นกลายเป็น "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" อีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมและถูกจดจำไปทั่วทั้งในจีนและต่างประเทศมาจวบจนถึงทุกวันนี้





เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไปนานร่วม 10 ปี หลังจากที่ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 2003 ได้ออกอากาศครั้งแรกและกลายเป็นทีวีซีรีส์ฉบับรีเมคที่สร้างชื่อเสียงให้กับวงการทางฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ในปี 2013 "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งเป็นผลงานการร่วมทุนกันของ "Zhejiang Huace Film & TV" และ "Chang-Hong Channel Film & Video" ก็ได้ทำการลงจอครั้งแรกทางช่องหูหนาน โดยในส่วนบทของตัวละครหลักนั้นได้ 'จงฮั่นเหลียง' (钟汉良) 'หานต้ง' (韩栋) รวมไปถึงไอดอลชื่อดังอดีตสมาชิกวง Super Junior ของเกาหลีใต้อย่าง 'คิมคิบอม' มาร่วมแสดงนำให้ด้วย

ปล. ในปี 2014 "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 2013 เคยถูกทางช่องเวิร์คพอยท์ซื้อลิขสิทธิ์มาออกอากาศในพากย์ไทย ซึ่งปัจจุบันสามารถหารับชมย้อนหลังได้ทางช่องทางออนไลน์



แน่นอนว่าเมื่อผลงานต้นฉบับรีเมคสุดคลาสสิคได้ถูกนำกลับมาทำซ้ำอีกครั้ง ก็คงชวนให้เหล่าแฟน ๆ ของ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" นึกถึงผลงานฉบับเก่า ๆ ที่บางเวอร์ชั่นถูกยกขึ้นหิ้งให้กลายเป็น "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ในใจของใครหลายคนไปตาม ๆ กัน โดยในวันนี้ก่อนที่จะจากกันไปโต๊ะฯจีนก็ได้ทำการรวบรวมภาพนักแสดงผู้รับหน้าที่ถ่ายทอด 7 บทบาทหลักใน "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" แต่ละเวอร์ชั่นมาฝากให้ได้ชมกันเพลิน ๆ เป็นการปิดทิ้งท้ายด้วยจ้า...

1. เฉียวฟง (乔峰)



2. ต้วนอี้ว์ (段誉)



3. ซีจุ๊ (虚竹)



4. หวังอวี่เยียน(王语嫣)



5. อาจู (阿朱)



6. อาจื่อ (阿紫)



7. มู่หรงฟู่ (慕容复)
#3072
Zoom Meeting[/url] กลายเป็น app ยอดนิยมในกลุ่มคนทำงาน WFH ครั้งนี้ผมจะมาแนะนำความเป็นมืออาชีพให้กับผู้ใช้ที่ Zoom app ซึ่งจะว่าไปบางวันผมยังแทบจะไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลยด้วยซ้ำ ก็เปิดคอมก่อนเลย (นี่เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร) วันนี้ ฮาวทู ดูดี เมื่อต้องเข้า Zoom Meeting ทำอย่างไรให้ดูโปร เมื่อคุณต้องทำงานจากที่บ้าน เพราะวิถีชีวิตคุณเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ต้องตื่นมาเลือกเสื้อผ้า ใส่สูท ผูกไทด์ สาวๆหลายคน วันนี้ มาสคาร่า อาจจะเริ่มจับตัวเป็นก้อนไปแล้วครับ เพราะไม่ได้หยิบขึ้นมาปัดขนตา โลกเปลี่ยนไปมาก แต่ก็ยังอยากให้พวกเรา Keep Look กันไว้นะครับ เดี๋ยวอาจจำตัวเองไม่ได้ ว่าเคยดูดีกันมาก่อน นอกจาก WFH จะทำให้น้ำหนักตัวเราเพิ่มขึ้น อีกอย่างนึงที่เราต้องมาเพิ่มกันในวันนี้คือ เทคนิคขั้นเทพของการทำงานผ่าน Conference มาเริ่มกันเลยครับ  วันนี้คุณไม่ต้องคอยกังวลว่า เราจะต้องใส่ชุดอะไรในการตื่นขึ้นมาทำงาน แต่ผมก็อยากให้ทุกคนแคร์เบื้องหลังของคุณครับ เวลาเปิดจอขึ้นมา ห้องที่รกๆ ของใช้ลับๆ จัดการกับโจทย์เหล่านี้ด้วย Virtual Backgrounds (แนะนำ https://zoom.us/virtual-backgrounds ครับ สามารถดาวน์โหลดภาพพื้นหลังสวยๆได้ฟรีจากที่นี่ไปใช้ได้ครับ) หรือ ทำพื้นหลังเบลอๆ ไปเลยก็ได้ครับ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าต้องเปิดกล้อง ต้องดูดีครับ เว้นแต่ว่านี้อาจสร้างสีสันให้สนุกกับทุกการประชุมด้วย Video filters มีลูกเล่นให้คุณเติมคิ้ว เติมสีสันให้ริมฝีปากสาวๆ ได้แบบทันท่วงที หากตื่นสายแต่งหน้าไม่ทัน อันนี้ช่วยได้ครับ สำหรับหนุ่มๆ มี หนวดเคราให้เป็น option เปลี่ยนลุคเพิ่มความคมเข้มให้ดูหล่อเหลาไปอีกแบบก็ได้ครับ





ติดตามอัพเดทข่าวสารจากพวกเรา Zoom Thailand
 
#3073


หลังจากวันที่ 16 ส.ค. 64 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)  ประชุมโดยสรุปมีการมาตรการให้เปิดกิจการธนาคาร และสถาบันการเงิน ในห้างสรรพสินค้า ของพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัดได้ 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์สรุป เวลาเปิด-ปิด และข้อปฏิบัติของธนาคารในห้างสรรพสินค้า ของพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ดังนี้ 


เวลาเปิด-ปิด ธนาคารในห้าง 
ศบค. พิจารณาให้สามารถเปิดได้ ไม่เกิน 20.00 น. โดยสำหรับวันที่เปิดให้บริการเป็นวันแรกหลังจากที่ถูกสั่งปิดบริการไปนั้น สามารถโทรติดต่อสอบถาม ณ ธนาคารสาขานั้นๆ 

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

ข้อปฏิบัติการใช้บริการในห้าง 
สมาคมศูนย์การค้าไทย กำหนดข้อปฏิบัติ 26 ข้อสำหรับการเข้าใช้ และเปิดบริการธนาคารในห้างคือ 

1.พนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว (Sinovac 2 เข็ม, Astrazeneca หรือวัคซีนอื่นๆ อย่างน้อย 1 เข็ม) 

2.ก่อนเข้าทำงาน พนักงานทุกคนต้องตรวจหาเชื้อโดย Antigen Test Kit และมีผลเป็นลบ โดยผลตรวจต้องไม่เกิน 3 วัน หลังจากนั้นจะต้องตรวจหาเชื้อโดยวิธี Antigen Test Kit เป็นประจำทุก 2 สัปดาห์ 

3.บันทึก และประเมินประวัติของพนักงานทุกคน ทุกวัน 

4.เข้มงวด ห้ามพนักงานจับกลุ่ม หรือนั่งทานอาหารร่วมกัน 

5.พนักงานทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น หรือ หน้ากากอนามัยและ Face shield ตลอดการให้บริการ 

6.ส่งเสริมให้ลูกค้าลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ 

7.จำกัดจำนวนคน 1 คนต่อ 5 ตร.ม. และลดความแออัด 100% Social Distancing 

8.จัดให้มีเจ้าหน้าที่นับและควบคุมจำนวนลูกค้าหรืออุปกรณ์ในการนับจำนวนลูกค้าให้เป็นไปตามกำหนด 

9.ส่งเสริมการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ e-Banking 

10.บริการถุงมือพลาสติกสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการ 

11.ธนาคารงดให้บริการแลกเหรียญ และธนบัตรย่อย เพื่อลดการสัมผัส 

12.มีพนักงานจัดระบบคิวหน้าร้าน 

13.กำหนดจุดรอคิวในบริเวณที่กำหนด หากบริเวณหน้าร้านไม่มีพื้นที่ ให้ทางร้านแจกบัตรคิวพร้อมขอเบอร์โทรลูกค้า แล้วให้ลูกค้าไปนั่งรอที่ Rest Area ที่ทางศูนย์ฯ จัดไว้ 

14.กำหนดการจัดคิว และมีสัญลักษณ์เว้นระยะอยู่ข้างหน้าตู้ ATM หรือ e-Booth ห่าง 1-2 เมตร

15.ตรวจวัดอุณหภูมิลูกค้าทุกคนอย่างเคร่งครัดทุกครั้งก่อนเข้าพื้นที่ 

16.ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์ทั้งก่อน-หลังเข้ารับบริการ 

17.ธนาคารจัดเจลแอลกอฮอลล์บริเวณเคาน์เตอร์ให้บริการ 2 ช่อง ต่อ 1 ขวด 

18.กำหนดเส้นทางเดินของลูกค้าในร้านค้า

19.ร้านค้า จำกัดการรับลูกค้าและผู้ติดตามรวมแล้วไม่เกิน 2 คนต่อกลุ่ม 

20.จัดระเบียบการเข้าคิวแคชเชียร์และจุดบริการต่างๆ กำหนด ระยะห่าง 1-2 เมตร 

21.ส่งเสริมการชำระเงินแบบ Cashless Payment 

22.อุปกรณ์ Demo ต้องเช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อหลังจากลูกค้าสัมผัสทันที 

23.ทำความสะอาดบริเวณจุดที่มีการสัมผัสร่วมสูง ทุกๆ 30 นาที 

24.ทำความสะอาดและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อพื้นที่ร้านค้าอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องทุกวันหลังปิดให้บริการ 

25.ทำความสะอาดบิ๊กคลินนิ่ง อบโอโซนฆ่าเชื้อ ทันทีหากพบว่ามีผู้ติดเชื้อมาใช้บริการ และพนักงานที่มีความเสี่ยงสูง ต้องกักตัว 14 วันเพื่อดูอาการ และเปลี่ยนพนักงานชุดใหม่ทั้งหมด 

26.มี Counter Shield ในจุดให้บริการลูกค้า
#3074


นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา สศก.ได้ดำเนินการติดตามและประเมินผลโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ ภายใต้การใช้ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการรวมกลุ่มในรูปแบบที่เหมาะสมกับพื้นที่ รวมทั้งเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้มีความกินดี อยู่ดี มีสันติสุข และสร้างความเข้มแข็งในชุมชน

จากการลงพื้นที่เพื่อประเมินผลโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรในพื้นที่ ส.ป.ก.จ.สระแก้ว ที่ได้ดำเนินการจัดที่ดินให้ผู้ยากไร้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา พบว่ามีเนื้อที่ประมาณ 1,960 ไร่ เป้าหมายในการจัดเกษตรกรเข้าใช้ประโยชน์ 313 ราย ขณะนี้มีเกษตรกรเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว 156 ราย โดยเป็นการจัดสรรที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์รายละ 6 ไร่ แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยรายละ 1 ไร่ และเป็นที่ทำกินรายละ 5 ไร่ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทุกรายเป็นสมาชิกสหกรณ์ทางการเกษตรที่ได้จัดตั้งขึ้นในพื้นที่

นอกจากนี้ เกษตรกรได้รับการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างบ้าน มูลค่ารายละ 40,000 บาท ขณะนี้เกษตรกรมีการดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ที่ได้รับ เช่น ปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ (โคเนื้อ) ในพื้นที่บริเวณบ้าน ส่วนที่ทำกิน 5 ไร่ ส่วนใหญ่เกษตรกรจะเพาะปลูกมันสำปะหลังเป็นหลัก ควบคู่กับการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการจัดหาอาหารสัตว์ ทั้งนี้ มีเกษตรกรบางรายเพาะปลูกข้าวเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือนด้วย

ด้านผลสำรวจรายได้ปีเพาะปลูก 2563/64 พบว่าเกษตรกรที่เพาะปลูกมันสำปะหลังมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเฉลี่ย 2,968 บาทต่อไร่ สำหรับการเพาะปลูกข้าวและหญ้าเลี้ยงสัตว์นั้น เกษตรกรไม่ได้มีการจำหน่าย แต่นำข้าวมาบริโภคในครัวเรือน และนำผลผลิตจากหญ้าเลี้ยงสัตว์ใช้เป็นอาหารสำหรับโคเนื้อ ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนลงได้เฉลี่ย 4,657 บาทต่อครัวเรือนต่อปี ทั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้รวม 2.015 ล้านบาทต่อปี

"ภาพรวมเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพึงพอใจการดำเนินโครงการเป็นอย่างมาก เกษตรกรสามารถทำการเกษตรเพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ รู้สึกถึงความมั่นคงในที่ดิน เนื่องจากเป็นการให้สิทธิในการเข้าใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐได้เท่าเทียมกับพื้นที่อื่น อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไป นอกเหนือจากการจัดที่ดินและส่งเสริมพัฒนาอาชีพทางการเกษตรในพื้นที่แล้ว ควรส่งเสริมให้เกิดการดำเนินงานของการรวมกลุ่มสหกรณ์เพื่อการผลิตและการตลาดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่เกษตรกรในพื้นที่อย่างเต็มที่" รองเลขาธิการ สศก.กล่าว
#3075
 ข้าวหอมสุรินทร์  ข้าวสุขภาพส่งทั่วไทย   ข้าวกล้องออร์แกนิค[/url] การปลูกข้าวปลอดสาร    สถานการณ์ข้าวปลอดสารไทย   พันธุ์ข้าวปลอดสาร  ถ้าไม่อยากกินยาตลอดชีวิตให้กิน "ข้าวกล้อง" เป็นยาการที่ข้าวเปลือกอินทรีย์ถูกขัดสี ทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นออกไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งขัดสีเป็นข้าวขาวหลายครั้งเท่าไร สารอาหารยิ่งเหลือน้อยลงไป การหันกลับมากินข้าวกล้อง เหมือนบรรพบุรุษของเรา จึงเป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ช่วยไม่ให้เป็นโรคอันไม่ควรจะเป็น เนื่องจากขาดสารอาหาร


การฝึกกินข้าวกล้องออแกนิค ( หลักปฏิบัติในการผลิตข้าวอินทรีย์ )
1. คนที่เพิ่งหัดกินข้าวกล้อง ( 'ข้าวออร์แกนิค' ดีต่อสุขภาพ
) อาจใช้วิธีง่ายๆ คือนำข้าวกล้องผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 : 2 โดยแช่ข้าวกล้องก่อนนำไปหุงรวมกับข้าวขาว เพื่อจะได้สุกพร้อมๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้อง จนเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องทั้งหมด ท่านก็จะกินข้าวที่ได้คุณค่าอาหารอย่างเต็มที่ 
2. การกินข้าวกล้องก็คือควรกินขณะยังอุ่นๆ โดยทั่วไป พอข้าวสุก ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุประมาณ 5-10 นาทีแล้วควรรีบกิน ข้าวจะนุ่มกินได้ง่าย และให้ค่อยๆ เคี้ยวพอละเอียด จะได้รสชาติหวานอร่อยของข้าวกล้อง ตาม  ส่งออกข้าวออร์แกนิค
3. ควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมดในมื้ออาหารนั้น เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายกว่าข้าวขาวทั่วๆ ไป

วิธีหุงข้าวกล้องอินทรีย์  ตลาดข้าวออร์แกนิค

1. ก่อนซาวข้าวควรเก็บสิ่งแปลกปลอมออกเสียก่อน และซาวข้าวเบาๆ ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว เพื่อไม่ให้วิตามินสูญเสียไปกับน้ำซาวข้าว
2. การหุงข้าวกล้องนั้น ต้องใส่น้ำมากกว่าหุงข้าวขาว การหุงข้าวกล้อง 1 ส่วนจึงควรเติมน้ำประมาณ 2-3 เท่า ถ้าจะให้ประหยัดเวลาหุง ควรแช่ข้าวกล้องก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีนี้อาจทำให้สูญเสียวิตามินบางอย่างที่ละลายน้ำไปบ้าง แต่ไม่แนะนำให้แช่ข้าวเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะข้าวที่มีสี แต่ถ้าจำเป็นต้องแช่ข้าว แนะนำให้ใช้น้ำที่แช่ข้าวนำกลับไปใช้ในการหุ้ง เพื่อลดการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระในข้าว โดยเฉพาะข้าวสี
3. สำหรับข้าวใหม่หรือข้าวเก่านั้น จะมีผลต่อการหุงต้มเช่นกัน เพราะข้าวใหม่เมื่อหุงสุกจะมีลักษณะเมล็ดข้าวติดกันมาก ส่วนข้าวเก่าเมื่อหุงสุกการติดกันของเมล็ดข้าวจะน้อย เนื่องจากข้าวเก่าเมล็ดข้าวจะแห้งกว่าข้าวใหม่
เหตุนี้จึงทำให้บางท่านหุงข้าวแล้วบอกว่าใช้น้ำมากเท่าเดิมทำไมข้าวจึงแฉะหรือร่วน ซึ่งก็ต้องถามผู้ขายว่า เป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ส่วนจะให้แฉะหรือร่วนแล้วแต่จะชอบ ผู้หุงข้าวจึงต้องใส่น้ำให้เหมาะสมหรือต้องใช้ศิลปะในการหุงเช่นกัน
 

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  เส้นทางผลิตข้าวอินทรีย์สุรินทร์  

277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://www.hor.boutique
Facebook : https://www.facebook.com/Rice.For.Infant/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique ตลาดข้าวอินทรีย์

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ 2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิorganic 3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์) 4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์ 5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์ 6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์ 7. ข้าวไรซ์เบอรี่

#ข้าวกล้องอินทรีย์สุรินทร์ #ข้าวกล้องออแกนิคสุรินทร์ #ข้าวกล้องปลอดสารสุรินทร์ #ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ #ข้าวกล้องเมืองสุรินทร์

 

 

 
 
#3076


แกร็บ ประเทศไทย เปิดตัว "GrabExpress 4 Hours" บริการรับส่งพัสดุด่วนภายในเวลา 4 ชั่วโมงด้วยราคา 59 บาท ขานรับตลาดอีคอมเมิร์ซโตแบบก้าวกระโดด ชู 3 จุดเด่น "ย่อมเยา ยืดหยุ่น ปลอดภัย" เล็งเจาะกลุ่มร้านค้าออนไลน์ (Social Seller)

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรธุรกิจ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า "จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาเกือบสองปี ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปในทุกด้าน คนหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือการซื้อขายสินค้าออนไลน์นั้นมีอัตราเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งนี้ จากรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำปี 2563 โดย Google, Temasek และ Bain & Company ระบุว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการเติบโตที่รวดเร็วอย่างมีนัยยะสำคัญและเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุด โดยในปี พ.ศ. 2563 มีมูลค่าสูงถึง 9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตขึ้น 81% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตถึง 2.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า" 

"เทรนด์การซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้มีปริมาณความต้องการของบริการจัดส่งสินค้า-พัสดุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งต้องมีทั้งความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยและมีราคาที่ย่อมเยา ล่าสุด แกร็บ ประเทศไทย จึงได้เปิดตัว 'GrabExpress 4 Hours' บริการจัดส่งสินค้า-พัสดุภายในระยะเวลา 4 ชั่วโมงด้วยแกร็บเอ็กซ์เพรส ในราคาเริ่มต้นเพียง 59 บาท ซึ่งถือเป็นบริการรูปแบบใหม่ล่าสุดที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยปิดจุดอ่อนของบริการจัดส่งพัสดุด่วนแบบเรียลไทม์ (Instant Delivery) ที่มีราคาค่อนข้างสูง และบริการจัดส่งสินค้าในวันถัดไป (Next Day Delivery) ที่แม้ราคาค่าบริการจะถูกกว่าแต่ลูกค้าต้องรอนานข้ามวัน โดยบริการ GrabExpress 4 Hours นี้มาพร้อมจุดเด่น 3 ด้านที่สร้างความแตกต่าง ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์สามารถส่งมอบสินค้าได้ทันใจและประหยัดต้นทุนไปพร้อมๆ กัน" 



จุดเด่น 3 ประการของบริการ GrabExpress 4 Hours ประกอบด้วย
• ราคาย่อมเยาเข้าถึงได้ (Affordability): ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 59 บาทซึ่งเป็นราคาเหมาสำหรับการจัดส่งสินค้าหรือพัสดุขนาดเล็กภายในระยะทาง 15 กิโลเมตรแรก โดยใช้เวลาจัดส่งถึงมือลูกค้าเพียง 4 ชั่วโมงนับจากเวลาที่กดใช้บริการ (อัตราค่าบริการจัดส่งเพิ่มขึ้นกิโลเมตรละ 10 บาทตั้งแต่ระยะทาง 15 - 30 กิโลเมตร)
• ความยืดหยุ่นในการให้บริการ (Flexibility): สามารถเรียกใช้บริการจัดส่งได้ตลอดวันตั้งแต่ 08.00 - 18.00 น. (สำหรับในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.00 น.) โดยมีพาร์ทเนอร์คนขับไปรับสินค้าหรือพัสดุจากผู้ส่งถึงมือ ไม่ต้องเสียเวลาไปจัดส่งด้วยตัวเอง
• ความปลอดภัยในการใช้บริการ (Service Guarantee): สามารถตรวจสอบและติดตามสถานะการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน Grab ทั้งยังการประกันสินค้า ครอบคลุมมูลค่าสูงสุดถึง 10,000 บาทต่อการจัดส่งในแต่ละครั้ง

"GrabExpress 4 Hours ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของบริการจัดส่งสินค้า-พัสดุแบบออนดีมานด์ ซึ่งมุ่งเน้นตอบโจทย์ให้กับกลุ่มร้านค้าออนไลน์เป็นหลัก โดยเราริเริ่มขึ้นเพื่อต่อยอดโครงการ 'GrabExpress Sellers Club' คู่คิดพิชิตธุรกิจออนไลน์ ที่แกร็บเพิ่งได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยหวังว่าบริการนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจและลดต้นทุนให้แก่ร้านค้าออนไลน์ได้ ซึ่งแกร็บเตรียมขยายบริการดังกล่าวไปในจังหวัดอื่นๆ ต่อไปในอนาคต" นางสาวจันต์สุดา กล่าวทิ้งท้าย

แกร็บ (Grab) คือ ผู้นำด้านซูเปอร์แอปที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้กับผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันแอปพลิเคชันแกร็บได้ถูกดาวน์โหลดแล้วบนโทรศัพท์มือถือมากกว่า 214 ล้านเครื่อง ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงพาร์ทเนอร์คนขับ พาร์ทเนอร์ร้านค้า รวมถึงตัวแทนกว่าหลายล้านราย โดยนำเสนอบริการต่างๆ แบบออนดีมานด์ ไม่ว่าจะเป็น การเดินทาง การจัดส่งอาหาร สินค้าและพัสดุ ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนบริการทางการเงิน เพื่อตอบสนองผู้ใช้บริการทั่วทั้ง 428 เมืองใน 8 ประเทศ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแกร็บได้ที่ www.grab.com
#3077


ตัวแทนของ "เอมมา สโตน" เปิดเผยว่าเธอตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญา เล่นหนังภาคต่อ Cruella 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังเคยมีข่าวลือว่าดาราสาวกำลังพิจารณาฟ้อง Disney เรื่องผลประโยชน์ แต่สุดท้ายก็ตกลงกันได้

เคยมีข่าวว่า เอมมา สโตน อาจจะตัดสินใจยื่นฟ้อง Disney ตามรอย "สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน" เกี่ยวกับเรื่องที่บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ละเมิดสัญญานำหนังของพวกเธอ เผยแพร่ลงสตรีมมิ่งโดยไม่ได้รับอนุญาต

แต่สำหรับกรณีของ เอมมา สโตน ดูเหมือนว่า สตูดิโอและฝ่ายนักแสดงจะจบลงก็ลงตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะนอกจากจะไม่ฟ้องร้องแล้วยังมีข่าวว่า เอมมา สโตน ได้ตกลงที่จะเล่นภาคต่อของหนัง Cruella แล้วด้วย

สืบเนื่องมาจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้สตูดิโอผลิตภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายแห่ง ตัดสินใจ ส่งหนังเผยแพร่ผ่านระบบสตรีมมิ่งพร้อมกับการฉายในโรงภาพยนตร์ เพื่อทดแทนที่โรงภาพยนตร์จำนวนไม่สามารถเปิดกิจการได้



แต่กลายเป็นว่าแผนการดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้กับดาราหลายคน ที่เซ็นสัญญารับส่วนแบ่งจากการขายตั๋วหน้าโรงภาพยนตร์ไว้ด้วย เพราะจะทำให้พวกเขาขาดรายได้ในส่วนแบ่งจากการขายตั๋วไป

ซึ่งดาราที่แสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจนที่สุดก็คือ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน พี่ฟ้องร้อง Disney ว่าละเมิดสัญญา ที่เธอเซ็นเอาไว้ตอนทำหนัง Black Widow

โดยในตอนนั้นมีข่าวตามออกมาว่ามีดาราหลายคนก็อาจจะฟ้อง Disney เหมือนกัน หนึ่งในนั้นก็คือ เอมมา สโตน ที่สูญเสียผลประโยชน์จากการที่ Cruella ฉายโรงพร้อมปล่อยลงสตรีมมิ่งเช่นเดียวกัน

แต่ล่าสุดตัวแทนของ เอมมา สโตน ได้เปิดเผยว่าดาราสาวแล้ว Disney สามารถตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว และ เอมมา สโตน ก็ได้ตอบตกลงที่จะเล่นหนัง Cruella 2 ของทาง Disney เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย



ตัวแทนของ เอมมา สโตน ยอมรับว่าปัจจุบัน ธุรกิจบันเทิงและสื่อเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทจัดจำหน่าย, ผู้สร้างสรรค์งาน รวมถึงตัวนักแสดงต้องปรับตัวเพื่อหาความลงตัวในการทำงานร่วมกันให้ได้

ซึ่งตัวแทนของ เอมมา สโตน เชื่อว่าข้อตกลงล่าสุดที่ดาราสาวทำกับ Disney มีความลงตัว และให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายอย่างดีที่สุดแล้ว ซึ่งตัวแทน เอมมา สโตน ยังคาดหวังว่านี่จะเป็นการเปิดประตูบานแรกไปสู่ การทำงานร่วมกันในยุคสมัยใหม่ในวงการบันเทิงของคนบันเทิงคนอื่น ๆ ต่อไปด้วย
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดีลล่าสุดของ เอมมา สโตน และ Disney ประสบความสำเร็จลุล่วงด้วยดีก็น่าจะมาจากความสำเร็จของหนัง Cruella เองที่ทำเงินในการฉายทั่วโลกไป 226 ล้านเหรียญฯ ซึ่งถือว่าน่าพอใจไม่น้อยในภาวะเช่นนี้

แต่ที่สำคัญหนังยังทำยอดการขายผ่านสตรีมมิง Disney + ได้น่าพอใจมาก มีคนซื้อหนังไปนั่งชมที่บ้านในสัปดาห์แรกถึง 686,000 หลังคาเรือน และทำเงินให้กับ Disney แบบเต็ม ๆ ไม่ต้องแบ่งใครในสัปดาห์เดียวถึง 20.57 ล้านเหรียญฯ
#3078


มีข่าวความรักของซูเปอร์สตาร์แห่งวงการหนังฮ่องกง "โจวซิงฉือ" อีกครั้ง โดยลือกันว่าตอนนี้เขากำลังคบหาดูใจกับสาวที่มีอายุแค่ 17 ปี และเป็นอดีตผู้สมัครเข้าประกวด "มิสฮ่องกง" ปีล่าสุด

ไม่ใช่เรื่องบ่อยที่จะมีข่าวเรื่องความรัก และภาพในช่วงเวลาส่วนตัวของซุปเปอร์สตาร์ดาวตลกออกมาเผยแพร่ แต่ล่าสุดมีเรื่องราวของ โจวซิงฉือ ปรากฏออกมาในหน้าสื่อ โดยข่าวบอกว่าเขาได้มีโอกาสใช้เวลาส่วนตัวกับสาวสวยที่ชื่อว่า จางเสี่ยวฉี จนถูกถ่ายรูปด้วยกัน ระหว่างกำลังไปล่องเรือยอร์ชอย่างสบายอกสบายใจ

ตามข่าว จางเสี่ยวฉี เป็นสาวที่มีอายุเพียง 17 ปี เท่านั้น และเคยผ่านการสมัครเข้าประกวดมิสฮ่องกงปีล่าสุด แต่ไม่สามารถผ่านเข้าไปสู่การประกวด ในรอบตัดสินได้

สื่อฮ่องกงอ้างว่า โจวซิงฉือ วัย 59 ปี รู้จักกับสาวคนนี้ระหว่างการแคสติ้งค้นหานักแสดงในหนังเรื่องนึงจนรู้สึกถูกใจ แล้วมีโอกาสสานสัมพันธ์ กันมาจนถึงปัจจุบัน โดยทั้งคู่มีอายุแตกต่างกันถึง 42 ปีเลยทีเดียว



ข่าวยังบอกว่าการคบหากับซุปเปอร์สตาร์ฮ่องกงที่หวงแหนความเป็นส่วนตัวในชีวิตแบบสุด ๆ อย่าง โจวซิงฉือ ทำให้ฝ่ายหญิงต้องทำตามกฎระเบียบมากมาย ทั้งคู่จะติดต่อกันผ่าน WeChat เท่านั้น และห้ามบันทึก ข้อความสนทนาเอาไว้เด็ดขาดนอกจากนั้นเขายังห้ามไม่ให้เธอถ่ายรูป หรือถ่ายคลิปหรือบันทึกเสียงได้เก็บเอาไว้ด้วย

อย่างไรก็ตามหลังมีข่าวปรากฏออกไปหน้าสื่อ ตัวแทนของโจวซิงฉือได้ตอบข้อสงสัยว่า ทั้งคู่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเป็นพิเศษ ไม่รู้จักกันโดยส่วนตัวแต่อย่างใด โดยวันนั้นไม่ได้มีแค่ทั้งสองที่ ขึ้นเรือไปด้วยกัน แต่ยังมีคนอีกกลุ่มใหญ่ไปด้วย

โจวซิงฉือ ไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน แต่เคยมีข่าวคบหากับดาราสาว ม่อเหวิ่นเหว่ย และยังมีข่าวว่าเคยคบกับนักธุรกิจสาว อีว์เหวินเฟิง นานเป็น 10 ปี แต่สุดท้ายกลับเลิกกันไปแบบไม่ค่อยดีนัก เพราะมีเรื่องฟ้องร้องกันเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวกับค่านายหน้าการขายอสังหาริมทรัพย์
#3079


วันนี้ (16 ส.ค. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลัง การประชุม ศบค. ชุดใหญ่ เมื่อเวลา 13.30 น. โดยกล่าวถึง แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันให้การบริการวัคซีนโควิด-19 ทั้งสิ้น 23,592,227 โดส


ผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม จำนวน 17,996,826 คน (25%) ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม จำนวน 5,109,476 คน (7.1%) และผู้ที่ได้รับวัคซีนไขว้เข็มที่ 1 ซิโนแวค และ เข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 974,563 คน ไม่มีอาการพึงประสงค์รุนแรงและไม่พบผู้รับวัคซีนสูตรนี้เสียชีวิตจากโรคโควิด ผู้ที่ได้รับวัควีนเข็มกระตุ้นด้วย แอสตร้าเซนเนก้า 195,520 คน



ผลการศึกษาการฉีดวัคซีน อาสาสมัคร ได้แก่ คนไทยที่ได้รับวัคซีนโควิด 3 กลุ่ม และตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันภายหลัง ได้รับวัคซีนโดสที่ 2 แล้ว 14 – 72 วัน วัดระดับภูมิคุ้มกัน อาสาสมัคร ได้รับวัคซีน ซิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้า ร่างกายตอบสนองทางภูมิคุ้มกันสูงกว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนชนิดเดียว ซิโนแวค – ซิโนแวค หรือ แอสตร้าฯ – แอสตร้าฯ



ตั้งเป้าหาวัคซีน 10 ล้านโดสใน ก.ย.

โฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า มีการเสนอว่าเป้าหมายหาวัคซีนอย่างน้อย 10 ล้านโดสในเดือนก.ย. และเร่งฉีด 608 เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต โดยเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ในเดือน ก.ย. ได้แก่


ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง
เพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีนโควิด-19 ในผู้สูงอายุให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 ในทุกจังหวัดภายในเดือนก.ย. 64
ควบคุมการระบาดในพื้นที่ต่างๆ ตามสถานการณ์
ฟื้นฟูเศรษฐกิจและรองรับแผนเปิดการท่องเที่ยวในระยะถัดไป
กรณีจัดหาวัคซีนได้น้อยกว่า 10 ล้านโดส จำนวนที่จัดสรรจะลดลงตามสัดส่วนวัคซีนที่จัดหาได้
จอง 'ไฟเซอร์' 10 ล้านโดส ซิโนแวค 12 ล้านโดส
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ที่ ประชุม ศบค.เห็นชอบ แผนจัดหาจัดซื้อวัคซีน เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบจัดหาวัคซีนในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2564 เพื่อนำมาใช้ในช่วงที่ระยะเวลาที่มีวัคซีนจำกัดเพิ่มเติม เนื่องจากปัญหากลายพันธุ์ เดลต้า ที่วัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้น้อย จึงควรเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มความครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งต้องได้ 100 โดส ในปี 2564 โดยการเจรจาจัดหาวัคซีนเพิ่มจากบริษัทผู้ผลิตที่สามารถส่งมอบวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด ได้แก่


1.1 จองซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 10 ล้านโดส


1.2 ให้องค์การเภสัช จัดหาวัคซีนซิโนแวคเพิ่มอีก 12 ล้านโดส


1.3 ให้เจรจาหาวัคซีนเพิ่มอีก 10 ล้านโดส ภายในปี 2564
#3080


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ที่ สภ.เมืองพิจิตร ร.ต.อ.วินัย อาสว่าง รอง สว.(ป.) กก.สืบสวน ภ.จว.พิจิตร นำเอาสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 ส.ค.2564 หมายเลข 046750 จำนวน 5 ใบ ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 รวมเงินรางวัล 30 ล้านบาท  เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานกับ ร.ต.ท.(หญิง)ศิราณี บัวพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิจิตร โดย ร.ต.อ.วินัย จะเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.2564

ร.ต.อ.วินัย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้ไปไหว้หลวงพ่อเพชร พระคู่บ้านคู่เมือง จ.พิจิตร พระประธานในโบสถ์วัดท่าหลวง พระอารามหลวง อ.เมืองพิจิตร โดยขอพรว่าขอให้ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ตนและครอบครัวจะนำเงินไปทำบุญเพื่อสร้างหลังคาโบสถ์ที่ทางวัดท่าหลวงกำลังซ่อมแซมอยู่ 1 ล้านบาท โดยได้ซื้อเลขทะเบียนของรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ของตนเอง ทะเบียน ฮย 5750 กทม. ที่ค้างส่งมาหลายงวด โดยซื้อลอตเตอรี่หมายเลขดังกล่าวที่แผงขายลอตเตอรี่ข้างพระอุโบสถวัดท่าหลวง มา 5 ใบ และทราบว่าถูกรางวัลที่ 1 เมื่อทางกองสลากประกาศผลออกมา


"สำหรับเงินจากโชคครั้งนี้ ตนจะนำไปทำบุญซ่อมแซมหลังคาโบสถ์วัดท่าหลวงตามที่ได้บนไว้ ส่วนเงินที่เหลือจะใช้หนี้ที่มี และเป็นทุนการศึกษาให้กับลูก 2 คน และเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณอีกไม่กี่เดือนนี้" ผู้กองดวงเฮงกล่าวทิ้งท้าย