• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Fern751

#3161


คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เผยถึงความรู้สึกเป็นครั้งแรก หลังคอนเฟิร์มย้ายมาร่วมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ โดยจะเซ็นสัญญา 2 ปี พร้อมอ็อปชั่นขยายเพิ่มอีก 1 ปี

'ทุกๆ คนที่รู้จักผม พวกเขารู้เรื่องความรักที่ไม่มีวันหมดสิ้นที่ผมมีให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงเวลาหลายปีที่ผมใช้ภายในสโมสรแห่งนี้ สถานที่ซึ่งเส้นทางที่พวกเราสร้างขึ้นมาร่วมกันได้ถูกจารึกด้วยตัวอักษรสีทองลงในประวัติศาสตร์ของสถาบันที่ยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมที่นี่' หัวหอกโปรตุกีส เริ่มกล่าว

'ผมไม่สามารถเริ่มต้นบรรยายความรู้สึกของผมในตอนนี้ได้เลยหลังจากได้เห็นการกลับมาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดของผมถูกประกาศก้องไปทั่วโลก'

'มันคือความฝันที่กลายเป็นจริง หลังจากช่วงเวลาทั้งหมดที่ผมกลับไปเผชิญหน้ากับแมนฯ ยูไนเต็ด แม้กระทั่งในฐานะคู่แข่ง การได้สัมผัสถึงความรักและความเคารพจากแฟน.บนอัฒจันทร์ นี่คือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความฝันแน่นอน 100%'

'ถ้วยแชมป์ลีกในประเทศใบแรกของผม แชมป์ฟุต.ถ้วยใบแรกของผม การถูกเรียกตัวติดทีมชาติโปรตุเกสครั้งแรก ถ้วยแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีกใบแรก รองเท้าทองคำอันแรก และบัลลงดอร์สมัยแรก ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากสายสัมพันธ์สุดพิเศษระหว่างผมกับปีศาจแดง'

'ประวัติศาสตร์เคยถูกขีดเขียนไว้ในอดีต และประวัติศาสตร์จะถูกขีดเขียนขึ้นใหม่อีกครั้ง! ผมสัญญา!'

'ผมกลับมาที่นี่!, ผมกลับมาที่ที่ผมควรอยู่!, มาช่วยทำให้มันเกิดขึ้นกันอีกครั้ง!'

'ปล.เซอร์ อเล็กซ์ สิ่งนี้เพื่อคุณ' โรนัลโด้ ร่ายยาวผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว
#3162


มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ อาร์เซนอล กล่าวขอโทษสาวกแฟน.ที่ทำให้ผิดหวัง ในเกมที่บุกไปโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี ถล่มย่อยยับ 0-5 จนทำให้ทีมพบพานกับสถิติที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์

พลพรรค 'ปืนโต' ออกสตาร์ทซีซั่นด้วยความปราชัยในพรีเมียร์ ลีก 3 นัดรวดเป็นครั้งแรกในรอบ 67 ปี หลังบุกไปเจอทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เล่นงานถึง 5 ประตู แถมยังเหลือ 10 คนเพราะ กรานิต ชาก้า เสียบคู่แข่งจนโดนใบแดงไล่ออก

ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ อาร์เซนอล หล่นไปนอนอยู่บ๊วยของตารางโดยไม่มีแม้แต่แต้มเดียว ซึ่ง อาร์เตต้า ก็ออกมาขอโทษที่ทำให้สาวก 'กันเนอร์ส' ต้องเจอกับผลงานย่ำแย่ และหวังว่าหลังหมดพักเบรคทีมชาติ ทีมจะกลับมาแก้ไขผลงานได้ดีกว่านี้

อาร์เตต้า เผยเรื่องนี้ว่า 'ผมขอโทษที่พวกเราไม่สามารถให้ผลการแข่งขันตามที่แฟน.ต้องการได้ในตอนนี้ และเราจำเป็นต้องแก้ไข มันเป็น 3 สัปดาห์แรกที่หนักหนา และทุกสิ่งก็เกิดขึ้นได้เสมอ'

ส่วนจังหวะที่ ชาก้า โดนใบแดงไล่ออกจนนำมาสู่การเสียประตูยับเยินช่วงครึ่งหลัง กุนซือชาวสเปน เผยว่า 'ผมโกรธมากเพราะมันสร้างผลกระทบอย่างสูงที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้น และผมก็ผิดหวังกับประตูที่สองที่เราเสียไปเพราะนักเตะปล่อยให้อีกฝ่ายมายิงได้ง่ายๆ'
#3163


นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ฮ่องกงได้ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยขณะนี้มีผลแล้ว (นับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.) ไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง โดยฮ่องกงเพิ่มให้ 15 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงจากเดิมเป็นกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง ส่งผลให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงสูง ต้องกักตัวยาวนานขึ้น แม้จะได้รับวัคซีนโควิด-19 มาครบแล้ว

ผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางจากประเทศไทย (หรือมีประวัติเดินทางไปประเทศไทยในช่วง 21 วันก่อนเดินทางเข้าฮ่องกง) ต้องเตรียมเอกสารก่อนเดินทาง ดังต่อไปนี้

- กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มออนไลน์ Health Declaration Form ของรัฐบาลฮ่องกงที่ https://www.chp.gov.hk/hdf/ เพื่อแสดง QR Code ต่อเจ้าหน้าที่ที่ท่าอากาศยานฮ่องกง โดย QR Code จะมีอายุ 48 ชั่วโมง



- หลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ออกโดยหน่วยงาน ของรัฐบาลฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ มาเก๊า หรือหน่วยงานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้เป็นหน่วยงาน Stringent Regulatory Authority (SRAs)

- แสดงผลตรวจว่าปลอดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ทำการตรวจ เป็นเวลาไม่เกิน 72 ชม. ก่อนกำหนดเวลาเครื่องออก

- แสดงหลักฐานการสำรองห้องพักในโรงแรมกักตัวในฮ่องกง 20 คืน (นับวันที่เดินทางถึงฮ่องกงเป็นวันแรก)

ในระหว่างการกักตัวจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด 6 ครั้ง หลังจากที่ออกจากการกักตัวแล้วจะมีการเฝ้าระวังตัวอีก 7 วัน และตรวจเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 26 นับจากวันที่เดินทางถึงฮ่องกง ที่ศูนย์ตรวจหาเชื้อฯ ของรัฐบาลฮ่องกง (Community Testing Centre)
#3164


วันนี้ (28 ส.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ หวั่นงบประมาณสู้วิกฤติโควิด-19 ไม่เพียงพอ หลังร่างงบประมาณปี 65 วาระ 3 ผ่านการลงมติของรัฐสภา ชี้ภาครัฐควร "กู้เงิน" เพิ่ม 1 ล้านล้านบาท พร้อมกับเร่งเบิกจ่ายเงินกู้ที่เหลืออยู่ และปรับเพดานหนี้ให้เหมาะสม เพื่อเร่งเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างทันท่วงที

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ติดตามการอภิปรายร่างงบประมาณปี 65 วาระสองและสามอย่างใกล้ชิด เข้าใจดีว่างบประมาณ 3.1 ล้านล้านบาทนั้น เกิดจากการที่ภาครัฐมีรายจ่ายมากขึ้น และไม่สามารถเก็บภาษีได้มากตามที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ต้องปรับลดงบในบางส่วนลง

แต่ทีมเศรษฐกิจ ปชป. มีความเป็นห่วงว่า งบประมาณดังกล่าวอาจไม่ตอบโจทย์กับช่วงวิกฤติโควิด-19 เพราะยังมีอีกหลายภารกิจที่ภาครัฐต้องเร่งขับเคลื่อนเพื่อเยียวยาทุกภาคส่วนให้ทันท่วงที ตรงจุด และเหมาะสม รวมถึงฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเดินหน้าได้อย่างเต็มที่


จึงอยากเสนอให้ภาครัฐเร่ง "กู้เงิน" เพิ่มเติมอีก 1 ล้านล้านบาท โดยอย่ากังวลเรื่องเพดานหนี้มากนัก เพราะเพดานหนี้สาธารณะยังสามารถขยายเพิ่มเติมได้อีก ในภาวะวิกฤติที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ไม่จำเป็นต้องกำหนดที่ 60% ของ GDP เสมอไป

ตอนนี้หลายประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และหลายประเทศในยุโรป ก็มีเพดานหนี้ที่สูงกว่า 100% ดังนั้นควรปรับเพดานหนี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์จะดีกว่า

ประกอบกับตอนนี้ ภาพรวมในด้านความเสี่ยงทางการคลังยังคงสมเหตุสมผล ภาคเศรษฐกิจไทยยังรองรับได้ และดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาวในช่วงนี้ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เหมาะสมที่จะกู้เพิ่มเติมเพื่อมาใช้ในยามจำเป็นที่สุดแล้ว หากตัดสินใจช้าหรือรอไปกู้ในอนาคต อาจต้องแบกรับภาระที่หนักขึ้น เพราะในปีหน้านั้น มีสัญญาณว่าดอกเบี้ยทางอเมริกาจะปรับตัวสูงขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการนำเงินมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด เพื่อการฟื้นฟูและเติบโตในระยะยาวของประเทศ โดยควรมีแผนการใช้เงินกู้ ดังนี้

1.ใช้เยียวยากลุ่มคนที่ไม่ได้รับการเยียวยาอย่างตรงจุด หรือยังไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ตามที่ทางทีมเศรษฐกิจได้นำเสนอต่อศบค. ไปแล้วหลายครั้ง อาทิ กลุ่มอาชีพอิสระ อาชีพกลางคืน นักดนตรี ศิลปิน อีเว้นท์ ฟิตเนส หมอนวดแผนโบราณ ลูกจ้างในร้านอาหาร เป็นต้น เพราะถึงแม้จะมีมาตรการเยียวยาออกมาบ้างแล้ว แต่ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับผลกระทบที่พวกเขาได้รับจากการโดนสั่งปิดกิจการอย่างยาวนาน

2. ฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการปรับโครงสร้างการผลิต เพิ่มผลิตภาพ (Productivity) รวมถึงการลงทุนในระบบหุ่นยนต์ (Automations) เพื่อนำไปสู่การเพิ่มรายได้ ต่อหัวของพี่น้องคนไทยและกลุ่มเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เพื่อให้ก้าวทันนานาชาติ ควบคู่ไปกับการเร่งจัดซื้อวัคซีนที่มีคุณภาพมาให้คนไทยอย่างทั่วถึงเพื่อให้ธุรกิจกลับมาเปิดได้เป็นปกติในเร็ววันและสนับสนุนการพัฒนาการผลิตวัคซีนของไทยเราเอง

3. จัดสรรงบประมาณมาพัฒนาด้านการสร้างทุนมนุษย์ (Human Capital) เพื่อแก้ไขปัญหาการตกงาน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสร้างแรงงานฝีมือยุคใหม่ที่มีศักยภาพและขีดความสามารถสูงขึ้น เหมาะสำหรับการทำงานในยุคดิจิทัล หลังจากวิกฤตโควิด-19 ผ่านพ้นไปแล้ว การลงทุนเพื่อพัฒนาการศึกษาโดยเฉพาะกลุ่มปฐมวัยสำคัญมาก รวมถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ต้องปรับทักษะสมรรถนะผ่านการเทรนแบบใหม่ อาทิเช่นโครงการ เรียนจบพบงานที่ทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำเป็นกะบะทราย

4. การพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว (Green economy) และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจยุคใหม่เช่น การเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า การบริหารจัดการขยะและพลังงานบริสุทธิ์ สินค้าเกษตรออินทรีย์เป็นต้น

5. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท้องถิ่น เนื่องจากเศรษฐกิจฐานรากในชุมชนโดนกระทบหนักจากวิกฤติรอบนี้ ภาครัฐต้องมีแผนการกระจายอํานาจไปสู่ท้องถิ่นและสนับสนุนการเติบโตของวิสาหกิจชุมชน เช่นการสร้างแหล่งน้ำชุมชน ยกระดับระบบและคุณภาพการบริการของสาธารณสุขชุมชนเป็นต้น

6. การลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อบ่มเพาะนวัตกรรมและสร้างเทคโนโลยีใหม่ที่เราต้องใช้ในอนาคต ปัจจุบันสัดส่วนของการลงทุนนี้ยังต่ำกว่า 1% ของ GDP ซึ่งน่าเป็นห่วงถ้าเราไม่เร่งพัฒนา รัฐสามารถทำร่วมกับเอกชนและสร้างแรงจูงใจให้เอกชนลงทุนมากขึ้น

7. การสร้างรัฐบาลดิจิตอล (e-Government)ที่โปร่งใสและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนมากขึ้น ตามที่ทางทีมเศรษฐกิจ ปชป เคยเสนอไปแล้วว่ารัฐบาลต้องนําร่องในการปฏิรูประบบรัฐราชการที่ล่าช้าและไม่ตอบสนองความต้องการของสังคมดิจิตอล ที่ควรมีการนําข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ (OpenGov) และปรับปรุงพัฒนากระบวนการทํางานของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ (GovTech) เพื่อบริการประชาชนได้ดีขึ้นและขจัดการทุจริตคอรัปชั่น รวมถึงการสังคยานากฎหมาย (Regulatory Guillotine)

8. การเข้ามามีบทบาทเชิงรุกที่จะสร้างกลไกสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยสินเชื่อ เพิ่มสภาพคล่องให้กับสตาร์ทอัพและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs เพื่อให้กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกและเป็นธรรมอย่างแท้จริงเพราะมาตราการ Soft Loans ตอนนี้ยังไม่ตอบโจทย์ อีกทั้งการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐต้องสนับสนุนสตาร์ทอัพและวิสาหกิจเพื่อสังคม (SE) ของคนไทย

"เมื่อครั้งที่รัฐบาลมีพ.ร.ก. เงินกู้เพิ่ม 5 แสนล้านคราวก่อน ทางทีมเศรษฐกิจทันสมัย ปชป. ได้เคยแสดงความคิดเห็นไปแล้วว่างบประมาณเท่านั้นไม่เพียงพอกับการเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูประเทศ ควรกู้อย่างต่ำ 1 ล้านล้านให้ครั้งเดียวจบ เพราะไม่ว่าจะเป็นการกู้เงิน หรือการปรับเพดานหนี้สาธารณะ ล้วนเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำได้ในช่วงวิกฤตแบบนี้ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ได้คือการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด" นายปริญญ์กล่าว
#3165


การแข่งขันวอลเลย์.ยุวชนชาย อายุไม่เกิน 19 ปีชิงแชมป์โลก ณ อซาดี วอลเลย์. ฮอลล์ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน วันที่ 28 สิงหาคม รอบแรก กลุ่ม ซี. ทีมชาติไทยลงสนามนัดสุดท้ายพบ ทีมชาติเบลเยียม

รายชื่อผู้เล่น 6 คนแรกของทีมไทยได้แก่ เชิดชัย ฉิมพิภพ, กิตติพงษ์ สังศักดิ์, เบญจมินทร์ ใจดี, ภูติดล ทากาบุตร, จักรพันธ์ วิรุณภักดี, ภาณุพงศ์ คำภูมี ตัวรับอิสระ ณัฐพงษ์ ชาชำนาญ

เกมในนัดนี้ เซตแรกเบลเยียมเดินเกมได้อย่างร้อนแรงเอาชนะไปก่อนด้วยคะแนน 25-21 เซตสองแม้ว่าจะโดนนำในช่วงต้น แต่หนุ่มไทยแซงเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 28-26 ทว่าในเซตสาม และสี่ แม้จะทำคะแนนไล่มาแต่ไม่สามารถพลิกแซงได้ เบลเยียมเอาชนะไทยไป 3-1 เซต 25-21, 26-28, 25-19, 26-24

หนุ่มไทยแข่งขัน 4 นัด ชนะ 1 แพ้ 3 มี 3 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 4 ของกลุ่ม ทั้งนี้ยังต้องรอผลคู่ระหว่างแคเมอรูน และ บัลแกเรีย ซึ่งหากแคเมอรูนแพ้ให้กับบัลแกเรีย ทีมไทยจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป
#3166


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศคว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างเป็นทางการ

เว็บไซต์ของ แมนฯยู ประกาศข่าวนี้อย่างเป็นทางการ โดยค่าตัวเบื้องต้นอยู่ที่ 21.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 965 ล้านบาท) สำหรับจ่ายให้ ยูเวนตุส ขณะที่นักเตะ ตกลงสัญญาส่วนตัวกันเรียบร้อย และกำลังบินมาตรวจร่างกายที่อังกฤษในเวลาไม่นาน

แถลงการณ์ของสโมสร ระบุว่า 'แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าสโมสรได้มีการบรรลุข้อตกลงกับ ยูเวนตุส สำหรับการย้ายทีมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้'

นับเป็นการกลับมาอันยิ่งใหญ่ของ โรนัลโด้ วัย 36 ปี หลังเคยร่วมทัพ 'ผีแดง' เมื่อปี 2003-2009 และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ยิงไป 118 ประตู จาก 292 เกม ในสีเสื้อหมายเลข 7 คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ปี 2007-2008

ส่วนข่าวกับ แมนฯซิตี มีการยืนยันแล้วว่าเป็นการสร้างกระแสของสื่อมวลชนเพราะ 'เรือใบ' ไม่สนใจแต่เจ้าตัวตั้งแต่แรกแล้ว
#3167


'ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่มีสารปนเปื้อน เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยเฉพาะผู้สูงอายุในชุมชน ดังนั้น อสม. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลประชาชน จึงถือเป็นด่านหน้า ในการสกัด ตรวจสอบ แจ้งข้อมูล เฝ้าระวังสินค้าดังกล่าวเพื่อไม่ให้คนในชุมชนตกเป็นเหยื่อ

อ.ประจักษศิลปาคม จ.อุดรธานี เป็นอำเภอเล็กๆ ห่างจากอุดรธานี 30 กม. มีประชากร 25,572 คน 41 หมู่บ้าน 5,597 หลังคาเรือน อสม. 515 คน คิดเป็น 1 : 11 หลังคาเรือน วัด 43 แห่ง โบสถ์คริสต์ 1 แห่ง  รพ.1 แห่ง สถานีอนามัย 1 แห่ง รพสต. 3 แห่ง 


ทั้งนี้ ในพื้นที่มีสถานประกอบการ ได้แก่ โรงงานผลิตน้ำดื่ม 6 แห่ง โรงงานปลาร้า 2 แห่ง คือ เทพธิดา และ นางฟ้า ที่ส่งขายต่างประเทศหลายประเทศ โรงงานน้ำจิ้มไก่ 1 แห่ง ร้านอาหาร 7 ร้าน ร้านขายของชำ 141 ร้าน ตลาดสด 2 แห่ง ตลาดนัด 9 แห่ง แผงลอยจำหน่ายอาหาร 54 ร้าน (ข้อมูล ณ 1 ส.ค. 64) 


มีการดำเนินงานของงานคุ้มครองผู้บริโภคและวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน มาต่อเนื่องกว่า 10 ปี โดยมีการจัดตั้ง ศูนย์แจ้งเตือนภัย เฝ้าระวัง และรับเรื่องร้องเรียนปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน และ พัฒนา อสม.นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ในการติดตาม เฝ้าระวัง สามารถใช้แบบทดสอบอย่างง่าย เพื่อทดสอบสารปนเปื้อนในยา อาหาร เครื่องสำอาง ที่น่าสงสัย รวมถึงแจ้งเตือนแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้ความรู้แก่ประชาชน

ADVERTISEMENT





ปัญหารถเร่ ยาโบราณ ฯลฯ 

"ศิริชัย สายอ่อน" สาธารณสุขอำเภอประจักษ์ศิลปาคม สำนักงานสาธารณสุขอำเภอประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี กล่าวในการประชุมวิชาการ วิทยาศาสตร์การแพทย์ครั้งที่ 29 "วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 64 จัดโดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยระบุว่า อ.ประจักษศิลปาคม จ.อุดรธานี ตอนนี้เข้าสู่สังคมสูงวัย มีผู้สูงอายุกว่า 14.8% ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะยาแผนโบราณ ปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่า 10 ปีก่อน คือ ผู้ประกอบการไม่ว่าจะขายตรง รถเร่ นำผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะยาแผนโบราณจะเข้ามาในพื้นที่ ทำให้ผู้สูงวัยได้รับผลจากยาสเตรียรอยด์เป็นจำนวนมาก



พัฒนาศักยภาพ อสม. เฝ้าระวัง ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ที่ผ่านมา มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต อ.ประจักษ์ศิลปาคม ในการขับเคลื่อนงาน มีคณะอนุกรรมการฯ ในการดูแลรับผิดชอบและมีผู้ประกอบการร่วมด้วย โดยเป้าหมาย คือ การมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน เป็นหัวใจที่สำคัญในการขับเคลื่อนงาน ซึ่งมีศูนย์แจ้งเตือนภัย เฝ้าระวัง และรับเรื่องร้องเรียนปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน

เพื่อเฝ้าระวังค้นหาสารปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น อาหาร ยา และเครื่องสำอาง โดยการมีส่วนร่วมทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคีเครือข่าย การกำหนดมาตรการทางสังคม การสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ ให้ประชาชน มีความปลอดภัยจากผลิตภัณฑ์ส่งต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี


สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

จุดเริ่มต้นในปี 2554
ในปี 2554 มีการพูดคุยกับศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ได้ทำอบรมหลักสูตร อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ในการพัฒนาศักยภาพ เริ่มที่ ตัวแทนอสม. ต.นาม่วง หมู่บ้านละ 2 คน โดยสอน อสม. ใช้ชุดทดสอบหาสารปนเปื้อนแบบง่าย


ปี 2555 ขยายเครือข่าย ต.อุ่มจาน และ ต.ห้วยสามพาด 27 หมู่บ้าน อสม. หมู่บ้านละ 1 คน  


ปี 2556 มีคณะกรรมการพัฒนาสุขภาพระดับอำเภอ (DHS) พร้อมกับโครงการ อำเภอต้นแบบงานคุ้มครองผู้บริโภค และวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน พัฒนาศักยภาพ อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน 41 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 2 คน รวม 84 คน




ตั้งศูนย์เตือนภัย ร้องเรียนผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ปี 2557 มีการจัดเวทีประชาคม สมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น พร้อมกำหนดมาตรการสังคมร่วม ได้แก่

ระบบส่งตัวอย่างจากศูนย์แจ้งเตือนภัยฯ ถึงศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี
จัดตั้งศูนย์แจ้งเตือนภัย เฝ้าระวัง และรับเรื่องร้องเรียนปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน
ไม่ให้มีรถเร่ , รถหนังฉายยา รถฉายซีดี หรือ กลุ่มธุรกิจขายตรงโดยเฉพาะยา ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต้องแจ้งขออนุญาตกำนัน/ ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจหาสารปนเปื้อนผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยอสม. วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนก่อน จึงจำหน่ายได้
หมู่บ้านไม่ต้อนรับ รถเร่ รถหนังฉายยา รถฉายซีดี หรือกลุ่มธุรกิจขายตรงยา และเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย
หากกลุ่มดังกล่าวฝ่าฝืนมีโทษทั้งปรับและจำคุก


ในปี 2558 มีการ คิกออฟ โครงการ หน้าต่างเตือนภัยสุขภาพและอสม.วิทยาศาสตร์ชุมชน พร้อมกันนี้ ในปีดังกล่าว สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้อนุมัติ 2 ล้านบาท โครงการพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคและวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนต้นแบบ ของสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี และสถานีอนามัยพระราชทานนามทั้ง 90 แห่งทั่วประเทศ ทำให้ระหว่าง ปี 2558 – 2560 มีการขยายผล ดังนี้

ชุมชนต้นแบบเพิ่มขึ้น 90 แห่ง  
ศูนย์แจ้งเตือนภัยฯ 173 แห่ง
คัดกรองผลิตภัณฑ์สุขภาพ 2,514 ตัวอย่าง พบสารอันตราย 263 ตัวอย่าง คิดเป็น 10.5% แบ่งเป็น ในอาหาร 82 ตัวอย่าง ในยา 75 ตัวอย่าง ในเครื่องสำอาง 106 ตัวอย่าง
และมีการแจ้งเตือนภัยทางหน้าต่างเตือนภัยสุขภาพ "กรมวิทย์ with you"
ปี 2562 ต.นาม่วง มีชมรนักวิทย์ชุมชน เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค 14 ชุมชน และได้รับการรับแจ้งสถานนะเป็นองค์กรของผู้บริโภค ตาม พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 จากนายทะเบียนกลาง สำนักนายกรัฐมนตรี 12 ชมรม

ปี 2564 ชมรมฯ ที่ผ่านการรับรองสมัครเป็นสมาชิกสภาพองค์กรของผู้บริโภค



หน้าที่ของศูนย์แจ้งภัยฯ
1. ตรวจสอบสารสเตียรอยด์ในยาแผนโบราณ และสารปนเปื้อนในเครื่องสำอาง

2. ประชาสัมพันธ์และเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพ

3. รับเรื่องร้องเรียนปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน

4. ให้คำปรึกษาสิทธิของผู้บริโภค

5. แหล่งเรียนรู้งานคุ้มครองผู้บริโภคและวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน

6. ส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

7. ติดตามเยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบจากผลิตภัณฑ์สุขภาพ

           

"ทั้งนี้ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ปี 2554 – 2564 การดำเนินงานเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน พบว่า สารปนเปื้อนในอาหาร และเครื่องสำอางลดลง แต่ยังพบมีการปนเปื้อนของสเตียรอยในยาน้ำสมุนไพร" ศิริชัย กล่าว 

'เยียวยาประกันสังคมมาตรา 40' เช็คโอนพร้อมเพย์-ทบทวนสิทธิ์ ยังไม่ได้เงินทำไง?
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังตายสูง! พบเสียชีวิต 292 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 17,984 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,535 ราย
เตรียมตัวให้พร้อม "ร้านนวด-เสริมสวย" คลายล็อก 1 ก.ย. นี้


บทบาท อสม. วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน
เป็นหูเป็นตา

เฝ้าระวังการกระทำที่เป็นความเสี่ยงชุมชน เช่น ขอตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อว่าไม่ปลอดภัย ตรวจสอบฉลากและแหล่งที่มี หากพบสิ่งผิดปกติ จะรีบรายงานเจ้าหน้าที่ รพสต.ทันที
เป็นปากเป็นเสียง

จัดตั้งศูนย์เตือนภัย เฝ้าระวังและรับข้อร้องเรียนผลิตภัณฑ์สุขภาพ  
เตือนภัยในชุมชนหากพบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัย
บอกเรื่องดีดี มีประโยชน์ให้กับชุมชน
เป็นแขนเป็นขา

ใช้เครื่องมือหรือชุดทดสอบอย่างง่าย ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่น่าสงสัย และส่งตรวจยืนยันที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์

นอกจากนี้ การปฏิบัติงานในตลาด อสม. มีการลงพื้นที่ตรวจสารปนเปื้อนในอาหารของร้านค้าก่อนจำหน่าย และจะมีป้ายให้ผู้ประกอบการได้รับความมั่นใจ เกิดผลดีทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ในส่วนของชุดทดสอบ ผู้ประกอกบการยังให้ความร่วมมือในการจัดหามาให้ อสม. อีกด้วย

 

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
1. คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต (พชอ.)

2. สถานบริการสาธารณสุข เป็นพี่เลี้ยง อสม.วิทย์ฯ

3. ชมรม อสม.วิทย์ฯ มีความเข้มแข็ง

4. อปท.ให้ความร่วมมือและสนับสนุนงบประมาร

5. ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมและให้การสนับสนุน


ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา
ความมั่นคงของระบบงานคุ้มครองผู้บริโภค คือ กฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยให้หน่วยงานราชการที่ตรวจพบสินค้าไม่ปลอดภัยต้องแจ้งข้อมูลให้ประชาชนทราบโดยเร็วที่สุด เช่น กรมวิทย์ with you ของ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

และ Oryor smart application ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งเป็นระบบที่ให้ข้อมูลสินค้าที่ไม่ปลอดภัยทั้งคู่ ควรรวมเป็นระบบเดียวแบบ One stop Service และขยายให้ครอบคลุมสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
#3168


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแจ้งเบาะแสและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ลงทุนกับ StorageCity Platform ใน StorageCity DotLive และ StorageCity DotFund ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์บริษัท เฟซบุ๊ก ยูทูป และไลน์ โดยระบุว่า StorageCity DotLive ให้บริการให้เช่าพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยี Cloud และ StorageCity DotFund จะให้บริการตัวกลางด้านคราวด์ฟันดิง รวมทั้งอ้างว่าอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อขอรับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. นอกจากนี้ ยังมีการจัดสัมมนาหลายครั้งเพื่อชักชวนประชาชน

ก.ล.ต. ขอแจ้งว่า StorageCity Platform ไม่ได้เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาต จึงไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และไม่ได้อยู่ระหว่างยื่นขอความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ดังนั้น ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ลงทุนระมัดระวัง หากถูกชักชวนให้ลงทุน

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลหรือผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th ในหัวข้อ Investor Alert รวมทั้งสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาต ได้ในหัวข้อ สินทรัพย์ดิจิทัล หรือทางแอปพลิเคชัน SEC Check First หากมีข้อสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัย โปรดติดต่อได้ที่ "ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต." โทร. 1207 เพื่อการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป

 ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลหรือผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th ในหัวข้อ Investor Alert รวมทั้งสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาต ได้ในหัวข้อ สินทรัพย์ดิจิทัล หรือทางแอปพลิเคชัน SEC Check First หากมีข้อสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัย โปรดติดต่อได้ที่ "ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต." โทร. 1207 เพื่อการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป 

ในกรณีที่ ก.ล.ต. ตรวจพบว่ามีการกระทำอันเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 พ.ร.บ. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 หรือ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ผู้กระทำผิดอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ และหากเข้าข่ายการกระทำที่อาจผิดกฎหมายอื่น ก.ล.ต. มีกระบวนการในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป
#3169


วันที่ 27 ส.ค.64 ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานประกาศผลรางวัลโครงการสื่อสร้างสรรค์คุณธรรมอวอร์ด ปี 2563 (Moral Media Awards 2020) โดยมีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้เกียรติเป็นประธานมอบรางวัลและโล่เกียรติคุณ พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์ นายแพทย์สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และ ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยจัดขึ้นในรูปแบบ Virtual Live ผ่านเฟซบุ๊กเพจศูนย์คุณธรรม Moral Center Thailand และเฟซบุ๊กกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ในงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติครั้งที่ 11



นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันการสื่อสารมีความจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกระจายข่าวสารและความรู้ให้สังคมได้รับรู้รับทราบ และช่วงนี้เป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันเพื่อช่วยกันระงับยับยั้งการแพร่ระบาด สำหรับโครงการสื่อสร้างสรรค์คุณธรรมอวอร์ดนี้เป็นครั้งแรกที่ได้จัดทำขึ้น เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติผู้ผลิตสื่อทั้งในส่วนของบุคคล คณะบุคคล หน่วยงานต่างๆ ด้านคุณธรรมจริยธรรม สิ่งที่เป็นวิกฤติจะได้เป็นโอกาส ซึ่งต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่ได้ร่วมกันจัดทำโครงการฯ และขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัล ที่ทำให้เกิดการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในวงกว้าง เพื่อให้สังคมได้รับสื่อที่มีคุณภาพ จะได้เป็นแรงบันดาลใจในการผลิตสื่อที่ดี
มีคุณภาพในปีต่อ ๆ ไป

นายแพทย์สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ คณะกรรมการปฎิรูปด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำโครงการสื่อสร้างสรรค์คุณธรรมอวอร์ด ปี 2563 (Moral Media Awards 2020) ขึ้นเป็นปีแรก โดยคัดเลือกสื่อที่มีผลงานสร้างสรรค์คุณธรรม ซึ่งมีแนวคิด เนื้อหา รูปแบบการถ่ายทอด นำเสนอสู่สาธารณะที่แสดงถึงการส่งเสริมคุณธรรม ที่มุ่งเน้นให้ผู้รับรู้สื่อมีพฤติกรรมด้านคุณธรรม หรือวิถีวัฒนธรรมที่ดีงามของสังคมไทย จำนวน 9 ประเภท เพื่อประกาศยกย่อง บุคคล หน่วยงานที่ผลิต และนำแง่มุมที่เกี่ยวข้องด้านคุณธรรมที่ส่งผลกระทบต่อจิตสำนึกและเกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม โดยมีผู้ให้ความสนใจส่งผลงานเข้าร่วมมากถึง 315 ผลงาน แบ่งเป็น ประเภทละคร 25 ผลงาน ประเภทภาพยนตร์ 18 ผลงาน ประเภทคลิปวิดีโอสั้นที่เผยแพร่ทางโซเซียลมีเดีย 93 ผลงาน ประเภทโฆษณา 27 ผลงาน ประเภทบทเพลง 25 ผลงาน ประเภทรายการวิทยุ 6 ผลงาน ประเภทรายการโทรทัศน์ 38 ผลงาน ประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ 47 ผลงาน และประเภทสื่อดิจิทัล 36 ผลงาน

สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือก ได้แก่ 1.เป็นสื่อสร้างสรรค์คุณธรรม ที่มีเนื้อหาแง่มุมเกี่ยวข้องด้านคุณธรรม หรือสื่อสารเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกด้านคุณธรรม ส่งเสริมให้ผู้รับรู้มีพฤติกรรมด้านคุณธรรมพอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และหรือ คุณธรรมอื่น ๆ 2.เป็นสื่อสร้างสรรรค์คุณธรรมประเภทต่างๆ ที่มีการเผยแพร่ในสื่อช่องทางต่างๆ แล้วภายในปี 2562 - 2563 3.เป็นสื่อที่ไม่ขัดต่อศีลธรรม จริยธรรม ไม่สื่อถึงการยุยง ปลุกปั่น หรือเป็นการละเมิดต่อผู้อื่น และไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรง และ 4.รายละเอียดเกณฑ์การพิจารณาอื่น ๆ ให้เป็นไปตามความเห็นหรือมติของคณะทำงานคัดเลือกแต่ละประเภทกำหนด



ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์มีวัตถุประสงค์รณรงค์ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ หนึ่งในภารกิจที่สำคัญมากคือสนับสนุนสื่อที่ส่งเสริมให้เกิดคุณธรรมจริยธรรม ปีนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่ได้จัดขึ้นเป็นปีแรก เราอยากเห็นการใช้สื่อเพื่อส่งเสริมสิ่งที่ดีงาม เป็นความดีของคนในสังคมและทำให้ได้รับการขยายผล ถ่ายทอดไปสู่สาธารณชนต่อไป

โดยผลการคัดเลือกสื่อสร้างสรรค์คุณธรรมอวอร์ด ปี 2563 ทั้ง 9 ประเภท มีดังนี้

1.ประเภทละคร จำนวน 3 ผลงาน ได้แก่ ปลายจวัก โดย สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส, ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง โดยสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, วัยแสบสาแหรกขาด โครงการ 2 โดย สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 

2.ประเภทภาพยนตร์ จำนวน 3 ผลงาน ได้แก่ Mother Gamer เกมเมอร์เกมแม่ โดย บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, รักนะซุปซุป โดย บริษัท มณวิจิตร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด, หัวใจทองคำ โดย บริษัท สยามแพนโดร่า จำกัด 

3.ประเภทคลิปวิดีโอสั้นที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย จำนวน 3 ผลงาน ได้แก่ จนแต่มีน้ำใจ โดย กุลิ ฟิล์ม, ท่านจงมีน้ำใจต่อกัน โดย บางรัก ชาแนล, Blood Hero กลุ่มฮีโร่ หลั่งเลือดจากชมรมผู้บริจาคโลหิต ๑๐๐ ครั้ง สภากาชาด โดยเพจมนุษย์ต่างวัย



4.ประเภทโฆษณา จำนวน 3 ผลงาน ได้แก่ ไฟ-ฟ้า by TMB / เด็กธรรมดา...คือสิ่งที่สวยงาม โดย ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) , คุณเคย bully ใครหรือเปล่า? | ความสุขประเทศไทย โดย ความสุขประเทศไทยและธนาคารจิตอาสา, โปรโมชั่นที่ดีที่สุด | Air Asia โดย JourneyD/ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด 

5.ประเภทบทเพลง จำนวน 3 ผลงาน ได้แก่ แสงศรัทธา โดย ส่วนประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ด้วยใจรัก โดย นายวีระ มนตรีวงษ์, เชิญอริยมรรค จากโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม โดย หน่วยงานทรูปลูกปัญญา บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 

6.ประเภทรายการวิทยุ จำนวน 3 ผลงาน ได้แก่ รายการ GIVE NEVER STOP มอบอุปกรณ์ช่วยชีวิต โดย บริษัท วิไลเซ็นเตอร์แอนด์ซันส์ จำกัด ผู้ผลิตรายการข่าวจราจร สวพ.FM91 และผู้สนับสนุน รายการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน), รายการห้องรับเเขก สวีท
เอฟเอ็ม โดย FM 89.5 MHz., รายการสโมสรวัฒนธรรม โดย สถานีวิทยุกระจายเสียง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
AM981 KHz

7.ประเภทรายการโทรทัศน์ จำนวน 3 ผลงาน โดยมีการจัดอันดับรางวัล ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ รายการสามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 8 จากโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม โดย หน่วยงานทรูปลูกปัญญา บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), รองชนะเลิศอันดับที่ 1 รายการชัวร์ก่อนแชร์ โดยศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท, รองชนะเลิศอันดับที่ 2 รายการท้าให้อ่าน The Reading Hero โดย สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 

8.ประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ จำนวน 3 ผลงาน โดยมีการจัดอันดับรางวัล ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ หนังสือ Water Wide Web พายเรือเก็บขยะ 7 ประเทศ ผู้แต่ง ปริญญา เทวานฤมิตรกุล จากสำนักพิมพ์บ้านหนังสือ, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 หนังสือ เด็กชายชาวดง ผู้แต่ง มาลา คำจันทร์ จากสำนักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง จำกัด, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 หนังสือ หอมกลิ่นความดี ผู้แต่ง ประสาร มฤคพิทักษ์ จากสำนักพิมพ์ศยาม และ 

9.ประเภทสื่อดิจิทัล จำนวน 3 ผลงาน ได้แก่ สารคดี หัวใจตื่นรู้ โดย มูลนิธิสหธรรมิกชน, ธรรมlife โดย มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ, เปิดใจ - แพลตฟอร์มที่จะช่วยให้ครูเข้าถึงหัวใจวัยรุ่นได้มากกว่าที่เคย โดย บริษัท มายด์เซ็ทเมคเกอร์ จำกัด
#3170
ทำไมข้าวเกษตรอินทรีย์ ( ข้าวorganic ) ถึงแพงกว่าข้าวธรรมดา     ข้าวอินทรีย์   การปลูกข้าวอินทรีย์  ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างก็ให้ความสนใจกับการดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น  อย่างยิ่งกับการเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยซึ่งมีมากมายหลากหลายในปัจจุบัน  รวมถึงผลผลิตจากระบบเกษตรอินทรีย์ที่เป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคทั้งหลายให้ความไว้วางใจ  แต่ก็ยังมีคำถาม ข้อสงสัย ติดอันดับยอดนิยมจากผูบริโภคว่า  "ทำไมข้าวเกษตรอินทรีย์ถึงราคาแพงกว่า ทั่วไป ทั้งที่ข้าวในนาผลิตตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีต้นทุนปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง"    นโยบายส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์  ข้อมูลจากเวปไซด์ขององค์กรการอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวถึงข้อเท็จจริงบางประการปลูกข้าวออแกนิคที่เป็นเหตุผลของราคาผลผลิตและสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สูงกว่าเอาไว้  ดังนี้- ฟาร์มเกษตรอินทรีย์มีขนาดเล็ก ใช้แรงงานต่อหน่วยในการผลิตมากกว่าฟาร์มทั่วไป (สาเหตุหนึ่งที่ต้นทุนการผลิตสูง)
- ค่าใช้จ่ายในขบวนการหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตเกษตรอินทรีย์ ขายข้าวอินทรีย์, กลุ่มข้าวอินทรีย์  สูงกว่าเพราะในการขนส่ง หรือแปรรูปจะต้องแยกออกจากผลผลิตทั่วไปอย่างชัดเจน
- ปริมาณของข้าวเกษตรอินทรีย์ค่อนข้างน้อย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าต่อหน่วยของ ข้าวอินทรีย์  ออกสู่ตลาดนั้นสูงกว่าผลผลิตทั่วไป
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ทำให้เกษตรกรได้รายได้ที่เป็นธรรมและพอเพียง
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ ข้าวหอมมะลิออแกนิค  มีการจัดการมาตรฐาน คุ้มครองสัตว์เลี้ยงในฟาร์มได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
- และสุกท้ายที่สำคัญที่สุด ข้าวเกษตรอินทรีย์มีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้บริโภค
เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิคที่แท้จริงของเรา  




ข้าวฮอร์ (HOR)  ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ได้รับมาตรฐาน 
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้"  จากกรมการข้าว  จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   ในประเภทของ 
2.1  ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)  
2.2  ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)  
2.3  ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวเกษตรอินทรีย์สุรินทร์ ปลูกข้าวอินทรีย์ส่งทั่วไทย   ข้าวจังหวัดสุรินทร์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : xn--22c6daqhyo0am1a6t.net/
Facebook :   hor-boutique.business.site/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ ข้าวอินทรีย์กรมการข้าว ปลูกข้าวอินทรีย์ส่งทั่วไทย
1.  ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์
3.  ปลูกข้าวปะกาอำปึลออแกนิค
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5. ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง
6.  ข้าวมะลินิลปลอดสารพิษ
7. ข้าวไรซ์เบอรี่   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค  #ข้าวออแกนิก #ข้าวอินทรีย์ 
#ข้าววสุขภาพ  #ข้าวเกษตรอินทรีย์
#3171


อีกหนึ่งซีรีส์จีนชื่อดังที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในช่วงนี้คือ "You Are My Glory" หรือ "ดุจดวงดาวเกียรติยศ" ที่ได้นักแสดงชื่อดังของจีน ตี๋ลี่เร่อปา และ หยางหยาง มานำแสดง

เนื้อเรื่องเกี่ยวกับดาราสาวชื่อดัง "จิงจิง" และหนุ่มวิศวกรอวกาศ "อวี๋ถู" อดีตเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง เริ่มต้นพัฒนาความสัมพันธ์จากการเล่นเกม จนได้ลงเอยกันในที่สุด

ซีรีส์ You Are My Glory ดุจดวงดาวเกียรติยศ (ภาพ : We TV)
ซีรีส์ You Are My Glory ดุจดวงดาวเกียรติยศ (ภาพ : We TV)

ซีรีส์ You Are My Glory ดุจดวงดาวเกียรติยศ (ภาพ : We TV)
ซีรีส์ You Are My Glory ดุจดวงดาวเกียรติยศ (ภาพ : We TV)

ซีรีส์ You Are My Glory ดุจดวงดาวเกียรติยศ (ภาพ : We TV)
ซีรีส์ You Are My Glory ดุจดวงดาวเกียรติยศ (ภาพ : We TV)

นอกเหนือจากเคมีของนักแสดง เนื้อเรื่องที่มีการสอดแทรกเรื่องราวในวงการบันเทิง วงการเกม และกิจการอวกาศของจีน สถานที่สวยๆ ในเรื่องก็น่าติดตามไม่แพ้กัน แต่ละโลเคชั่นที่ปรากฎอยู่ในเรื่องเป็นภาพที่สวยงามจนอยากจะไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง

ตามมาชม 7 ที่เที่ยวตามรอยซีรีส์ "You Are My Glory" กัน

หอไข่มุกตะวันออก (ภาพ : news.cgtn.com)
หอไข่มุกตะวันออก (ภาพ : news.cgtn.com)

หอไข่มุกตะวันออก
สถานที่หลักๆ ในเรื่องอยู่ที่ "เซี่ยงไฮ้" เมืองใหญ่อีกแห่งของจีน เป็นศูนย์กลางระดับโลกทางด้านการเงิน นวัตกรรม และการขนส่ง และภาพสถานที่ที่มักจะได้เห็นในเรื่องก็คือ "หอไข่มุกตะวันออก" (Oriental Pearl Tower) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ในเขตเมืองใหม่ ทางตะวันออกของแม่น้ำหวงผู่

หอไข่มุกตะวันออก เป็นหอส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ ความสูง 468 เมตร ลักษณะเป็นไข่มุก 11 ลูก ด้านบนเป็นรูปไข่มุก 3 เม็ด 3 ขนาดเรียงกันในแนวตั้ง ภายในหอกลมเป็นภัตตาคาร มีโรงแรมหรู และร้านค้า ตรงฐานของหอจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองจำลองโลกอนาคต และเมืองวิทยาศาสตร์แฟนตาซี ช่องกลางของหอไข่มุกตะวันออกเป็นเสาปล่องกลวง ใช้แขวนลิฟท์ความเร็วสูง 6 ตัว ที่มีความเร็ว 7 เมตร/วินาที เพื่อขึ้นไปที่จุดชมวิว ในระดับความสูง 267 เมตร ส่วนในเวลากลางคืนนั้น หอกลมจะเปิดไฟที่สามารถเปลี่ยนสีไปได้เรื่อยๆ บนไข่มุกเม็ดที่สองจะสามารถมองลงมาข้างล่างได้เนื่องจากทำพื่นเป็นกระจก

เดอะบันด์ (ภาพ : heygo.com)
เดอะบันด์ (ภาพ : heygo.com)

เดอะบันด์
"เดอะบันด์" (The Bund) เป็นจุดชมวิวและทางเดินเลียบแม่น้ำหวงผู่ฝั่งตะวันตก มีความยาว 1.5 กิโลเมตร และได้ชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในนครเซี่ยงไฮ้ เนื่องจากเป็นจุดที่สามารถชมความสวยงามของหอคอยไข่มุกที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน บริเวณฝั่งทางเดินเลียบแม่น้ำก็ยังมีอาคารสไตล์ตะวันตกที่สวยงามอยู่มากมาย และยังอยู่ใกล้กับถนนสายช้อปปิ้งชื่อดังคือถนนหนานจิง

ย่านลู่เจียจุ่ย (ภาพ : shanghaieye.com.cn)
ย่านลู่เจียจุ่ย (ภาพ : shanghaieye.com.cn)

ย่านลู่เจียจุ่ย
"ลู่เจียจุ่ย" เป็นศูนย์กลางทางการเงินในเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่บนแหลมที่งอกจากคุ้งน้ำของแม่น้ำหวงผู่ฝั่งตะวันออก ในเขตผู่ตง ตรงข้ามกับย่านธุรกิจและการเงินเก่าแก่บนฝั่งตะวันตก ซึ่งย่านนี้ที่ตั้งของบ้านนางเอกในเรื่อง

บริเวณนี้เป็นย่านสำคัญทางธุรกิจ มีตึกสูงระฟ้าจำนวนมาก อาคารสำคัญได้แก่ หอไข่มุกตะวันออก เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ ตึก Shanghai World Financial Center : SWFC และตึกจินเม่า ทาวเวอร์ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีก เช่น สวนลู่เจียจุ่ย และ เซี่ยงไฮ โอเชียน อควาเรียม เป็นต้น

ทะเลสาบจันทร์เสี้ยว (ภาพ : สำนักข่าวซินหัว)
ทะเลสาบจันทร์เสี้ยว (ภาพ : สำนักข่าวซินหัว)

ซีรีส์ You Are My Glory ดุจดวงดาวเกียรติยศ (ภาพ : We TV)
ซีรีส์ You Are My Glory ดุจดวงดาวเกียรติยศ (ภาพ : We TV)

ตุนหวง
"เมืองตุนหวง" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกานซู่ ติดกับชายแดนซินเจียง เป็นเมืองโอเอซิสกลางทะเลทรายโกบีที่มีชื่อเสียงทางด้านวัฒนธรรมและมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม ชุมทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองในสมัยโบราณ

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในตุนหวงคือ "ถ้ำโม่เกา" แหล่งมรดกโลกยูเนสโก อายุกว่า 1,650 ปี มีผลงานพุทธศิลป์อันมิอาจประเมินมูลค่าได้ "จุดชมวิวเนินทรายหมิงซาซาน" หรือ "ทะเลสาบจันทร์เสี้ยว" โอเอซิสกลางทะเลทรายโกบีที่กว้างใหญ่ กิจกรรมที่นิยมอย่างมากคือการเดินขึ้นไปบนเนินทราย และการขี่อูฐเที่ยวชมรอบๆ นอกจากนี้ยังมี "เมืองโบราณตุนหวง" เป็นแหล่งท่องเที่ยวและโรงถ่ายทำภาพยนตร์ย้อนยุค

เหิงเตี้ยน (ภาพ : news.cgtn.com)
เหิงเตี้ยน (ภาพ : news.cgtn.com)

เหิงเตี้ยน
"เหิงเตี้ยน" เป็นโรงถ่ายทำภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ในมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน ได้รับการขนานนามว่า "ไชน่าวูด" (Chinawood) เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1996 ภายในจำลองสถานที่ทำคัญหลายแห่งของจีน เช่น พระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อน ถนนคนเดินกว่างโจว เป็นต้น โดยจองลองเมืองจีนในยุคต่างๆ มาไว้ในที่เดียวกัน และยังมีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในเนื้อเรื่อง เหิงเตี้ยนเป็นสถานที่ที่นางเอกมาถ่ายภาพยนตร์ ซึ่งที่เหิงเตี้ยนนี้ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้ามาเที่ยวได้ แต่วันไหนที่มีการถ่ายทำจะปิดไม่ให้เข้าชมในบางจุด พื้นที่กว่า 2,000 ไร่ มีทั้งฉากภาพยนตร์ สวนน้ำ สวนสนุก ร้านอาหาร ร้านค้า โรงแรม ซึ่งจะมีแพ็คเกจให้นักท่องเที่ยวเลือกหลายแบบ นอกจากจะมาเดินชมและถ่ายรูปแล้ว กิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือการเช่าชุดจีนโบราณมาใส่เดินถ่ายรูปสวยๆ ให้เข้ากับบรรยากาศ

วัดหนานซาน (ภาพ : wall.alphacoders.com)
วัดหนานซาน (ภาพ : wall.alphacoders.com)

ศูนย์ปล่อยยานอวกาศเหวินซาง (ภาพ : trip.com)
ศูนย์ปล่อยยานอวกาศเหวินซาง (ภาพ : trip.com)

ไหหลำ
"ไหหลำ" หรือ "ไห่หนาน" เป็นมณฑลที่มีขนาดเล็กที่สุดของจีน อยู่ทางใต้สุดของประเทศ ประกอบด้วยเกาะหลายเกาะในทะเลจีนใต้ แหล่งท่องเที่ยวในไหหลำ อาทิ "วัดหนานซาน" ที่เมืองซานย่า เป็นสวนพุทธธรรมที่ใหญ่ที่สุดในจีน มีลักษณะฮวงจุ้ยที่ดีมาก เมื่อมาถึงแล้วจะได้พบองค์เจ้าแม่กวนอิมยืนตระหง่านอยู่กลางทะเล "หาดย่าหลง" เป็นเมืองตากอากาศที่สำคัญของจีน ยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีที่พักมากมายให้เลือก

ที่ไหหลำอยู่ในฉากสำคัญตอนสุดท้ายของเรื่อง คือการส่งดาวเทียมโซวเฉินขึ้นสู่อวกาศ โดยมีฉากอยู่ที่ "ศูนย์ปล่อยยานอวกาศเหวินซาง" เป็นศูนย์ปล่อยยานอวกาศแห่งที่ 4 และเป็นแห่งเดียวที่อยู่ใกล้ทะเล ถูกใช้ในภารกิจการส่งดาวเทียม สถานีอวกาศขนาดใหญ่ และยานสำรวจอวกาศห้วงลึก ซึ่งมีการตั้งเป้าหมายให้เมืองเหวินซางเป็นเมืองแห่งการบินและอวกาศนานาชาติ

พิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์เซี่ยงไฮ้ (ภาพ : สำนักข่าวซินหัว)
พิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์เซี่ยงไฮ้ (ภาพ : สำนักข่าวซินหัว)

พิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์เซี่ยงไฮ้ (ภาพ : สำนักข่าวซินหัว)
พิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์เซี่ยงไฮ้ (ภาพ : สำนักข่าวซินหัว)

พิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์เซี่ยงไฮ้
หากใครดูซีรีส์แล้วยังติดใจเรื่องราวเกี่ยวกับอวกาศและดาราศาสตร์ของจีน แนะนำให้มาที่ "พิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์เซี่ยงไฮ้" (Shanghai Astronomy Museum) เป็นท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่ที่สุดในโลกหากวัดจากพื้นที่ใช้สอย ตั้งอยู่ในเขตการค้าเสรีนำร่องพิเศษหลิงกัง มีพื้นที่ราว 58,600 ตารางเมตร โดยเป็นหนึ่งในสาขาของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Science and Technology Museum) โดยภายในพิพิธภัณฑ์มีพื้นที่นิทรรศการหลายรูปแบบ รวมถึงการจัดแสดงชิ้นส่วนอุกกาบาตที่ได้มาจากดวงจันทร์ ดาวอังคาร และดาวเคราะห์น้อยเวสตาราว 70 ชิ้น ตลอดจนสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ มากกว่า 120 ชิ้น อาทิ ผลงานของไอแซก นิวตัน กาลิเลโอ กาลิเลอี และโจฮันเนส เคพเลอร์

นอกจากนั้นพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงตัวอย่างดินจากดวงจันทร์จำนวนหนึ่ง ซึ่งนำกลับสู่โลกโดยฉางเอ๋อ-5 (Chang'e-5) ยานสำรวจดวงจันทร์ของจีน อีกทั้งติดตั้งกล้องโทรทรรศน์พลังงานแสงอาทิตย์แบบปรับสภาพตามแสง และกล้องโทรทรรศน์แบบโฟกัสคู่ขนาด 1 เมตร เพื่อสนับสนุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และส่งเสริมให้วิทยาศาสตร์เป็นที่นิยม

พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่นี้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหลายประเภท เช่น การนำเสนอแผนภาพข้อมูล ความเป็นจริงเสริม (AR) การจำลองภาพเสมือนจริง (VR) และเทคโนโลยียืนยันตัวบุคคลหรือไบโอเมตริกซ์ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับความรู้ทางดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ตอบโต้
#3172


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายและติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า รฟท.รายงานว่าจะมีการทำความตกลงกับบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของ รฟท.เร็วๆ นี้ โดยจะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงหลักหรือธรรมนูญใหญ่ที่ใช้ในการดำเนินงานระหว่างกัน หรือเรียกว่า "Master Agreement" โดยในข้อตกลงดังกล่าวจะมีการระบุให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เป็นผู้ทำหน้าที่หลักในการบริหารทรัพย์สินของ รฟท. ซึ่งหมายความรวมถึงการให้สิทธิในการบริหารอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินของ รฟท. โดยที่ดินดังกล่าวมีมูลค่ามหาศาลและมีศักยภาพสูงมาก

การบริหารทรัพย์สินของ รฟท.ที่ดำเนินการโดย บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด จะมีการใช้วิธีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารใหม่ ทำให้บริษัทมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในยุคโลกาภิวัตน์

ขณะที่ นางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการรถไฟฯ และในฐานะกรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ได้มีการดำเนินการเตรียมความพร้อม และการวางแผนการดำเนินงานในหลายเรื่อง เช่น ด้านกระบวนการทางกฎหมายได้มีการขอยกเว้นพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนในด้านการบริหารจัดการและทางด้านธุรกิจ ได้มีการวางแผนในการกำหนดการมอบสิทธิในการบริหารที่ดิน เพื่อให้บริษัทเอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เตรียมความพร้อมในการรับมอบสิทธิการบริการที่ดิน

นอกจากนี้ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ยังได้มีการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารโครงการใหญ่ๆ โดยดำเนินการในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งไม่ได้ดำเนินการในรูปแบบการให้เช่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น 


ทั้งนี้ การดำเนินการในการบริหารสิทธิในที่ดินต่างๆ คาดว่าจะถูกทำให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนได้ภายในเดือนธันวาค 2564 ซึ่งจากการวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงิน คาดว่าบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้การรถไฟแห่งประเทศไทยได้โดยมีมูลค่าสูงถึง 125,175.44 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 10 ปี
@เร่งพัฒนาที่แปลงใหญ่ ย่านพระราม 9, คลองตัน, ถ.รัชดา
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติม ได้แก่ 1. รฟท.ยังมีพื้นที่แปลงใหญ่ที่มีศักยภาพ เช่น พื้นที่บริเวณถนนพระราม 9 จากแยกคลองตัน และถนนรัชดาภิเษก จึงควรนำไปพิจารณาเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม โดยในระหว่างนี้ให้เร่งนำพื้นที่แปลงขนาดกลางและขนาดเล็กมาเร่งพัฒนาให้เกิดรายได้ก่อน

2. เปรียบเทียบบริษัทลูกของบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด กับบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด เพิ่มเติม เพื่อสร้างความคล่องตัวและเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งนี้ ให้ความสำคัญต่อหลักธรรมาภิบาล 3. ให้ความสำคัญต่อการสรรหาผู้บริหาร รวมทั้งรายละเอียดของเงื่อนไขการจ้างให้มีความเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล

4. ให้พัฒนาสถานีธนบุรี เป็นต้นแบบ TOD ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เนื่องจากอยู่ติดกับโรงพยาบาลศิริราช มีระบบรถไฟฟ้าเชื่อมต่อถึง 3 สาย และให้บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาแบบรอบด้าน และสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เข้ามาบูรณาการความร่วมมือด้วย และ 5. ให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท เข้าไปพิจารณาความเหมาะสมของการพัฒนาพื้นที่แปลงศูนย์การแพทย์บริเวณสวนจตุจักรด้วย
#3173


นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า วิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบในด้านการเติบโตของเศรษฐกิจและธุรกิจเพียงอย่างเดียว ในมุมผู้บริโภคถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการปรับพฤติกรรมการเดินทาง การกิน การอยู่ การใช้จ่าย การทำงาน การเรียน หรือการพบแพทย์ ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายจากการที่ยังไม่สามารถคาดเดาตอนจบในอนาคตได้ ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพไปพร้อม ๆ กับเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ส่งสัญญาณให้เห็นชัดขึ้นจากสถานการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ ทั่วโลก

จากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty's Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด อัปเดตเทรนด์ที่อยู่อาศัยในอุดมคติของผู้บริโภคในยุค Next Normal เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตอย่างราบรื่นและยั่งยืนในระยะยาว

เทรนด์รักษ์โลกส่งเสริมการใช้ชีวิตประหยัดพลังงาน การทำงานที่บ้าน( Work from Home) ทำให้บ้านกลายมาเป็นสถานที่ทำงาน/เรียนออนไลน์ หรือแม้แต่พื้นที่ออกกำลังกายดูแลสุขภาพ กิจกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้ามากขึ้นและกลายเป็นค่าไฟที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานภายใต้แนวคิดรักษ์โลกที่ช่วยประหยัดการใช้พลังงาน โดยมากกว่าครึ่ง (62%) ต้องการบ้าน/คอนโดฯ ที่มีระบบหลังคาโซล่าเซลล์ (Solar Rooftop) เพื่อสร้างพลังงานทางเลือกทดแทนการใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับบ้าน/คอนโดฯ ที่มาพร้อมระบบระบายความร้อน (58%) และฟังก์ชั่นดูดซับมลพิษภายในบ้าน (48%) เพื่อช่วยให้การใช้ชีวิตภายในบ้านมีความสะดวกสบายและมั่นใจยิ่งขึ้น เมื่อต้องรับมือปัญหาภาวะโลกร้อนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอยู่เรื่อย ๆ หน้าต่าง/ประตูที่มีฉนวนกันความร้อน(47%) และเครื่องกำจัดเศษขยะ (32%)

นวัตกรรมมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพ การที่ผู้บริโภคหันมาตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมที่ชัดเจนที่สุดหลังเผชิญวิกฤติการแพร่ระบาดฯ ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรรมมาช่วยยกระดับการดูแลสุขภาพให้ง่ายขึ้นแม้ในช่วงที่ยังต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ผ่านบริการดูแลสุขภาพแบบออนไลน์ รวมไปถึงการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่ช่วยให้เข้าถึงการตรวจรักษาและรับการวินิจฉัยจากแพทย์ได้โดยตรง ในตลาดที่อยู่อาศัย


นอกจากผู้พัฒนาอสังหาฯ จะหันมาจับมือโรงพยาบาลหรือศูนย์บริการสุขภาพเพื่อเพิ่มบริการดูแลสุขภาพหรือบริการทางการแพทย์ไว้ในโครงการฯ แล้ว นวัตกรรมที่เลือกใช้ในการก่อสร้างโดยตรงก็เป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเช่นกัน มากกว่าครึ่งนึงของผู้บริโภค (60%) มองว่า บ้าน/คอนโดฯ ที่ถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมการก่อสร้างที่ช่วยให้บ้านเย็นขึ้นและสะท้อนความร้อนภายนอก บ้านที่มีระบบสร้างอากาศบริสุทธิ์ ป้องกันฝุ่น PM 2.5 หรือบ้านปลอดไวรัส ก็ล้วนมีผลต่อการเลือกซื้อบ้าน/คอนโดฯ ที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยไม่น้อยพื้นที่ใช้สอยต้องพร้อมรองรับการทำงานที่บ้าน ระยะยาว

แม้การทำงานที่บ้านจะไม่ใช่เรื่องใหม่และอาจกลายเป็นวิถีชีวิตที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องแม้การแพร่ระบาดฯ จะหมดไป แต่การลงทุนสร้างห้องทำงานไว้ที่บ้านอาจไม่ใช่เรื่องจำเป็นของทุกคน ดังนั้น พื้นที่ใช้สอยในบ้าน/คอนโดฯ จึงต้องสามารถปรับเปลี่ยนให้รองรับการ ทำงานที่บ้าน และอำนวยความสะดวกให้สามารถทำงานออนไลน์ได้อย่างราบรื่นเช่นกัน ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญในเรื่องการจัดแต่งสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการทำงาน ซึ่งจะส่งผลดีและช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นไปที่สภาพแวดล้อมที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก (65%) ตามมาด้วยการมีระบบถ่ายเทความร้อนและประหยัดพลังงานภายในห้อง (49%) และมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงรองรับการทำงานที่ลื่นไหล (48%) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้จำกัดเพียงการทำงานที่บ้านเท่านั้น แต่ยังอำนวยความสะดวกให้คนในครอบครัวสามารถใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ได้อย่างราบรื่นอีกด้วย
#3174


ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญดิสรัปชันหลายระลอกใหญ่ ทั้งด้านเทคโนโลยีดิจิทัล สภาวะการแข่งขันแบบไร้พรมแดน ความผันผวนทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และตัวแปรสำคัญ วิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัส "โควิด 19" มหันตภัยคุกคามโลกที่สร้างผลกระทบร้ายแรงกับทุกคน และทุกภาคส่วน มาเป็นเวลานานกว่าปีครึ่ง! ทำให้ธุรกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก วิถีธุรกิจ การใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป รวมถึง "ขีดความสามารถทางการแข่งขัน" ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะสร้างความได้เปรียบ-เสียเปรียบทางธุรกิจ เป็นภารกิจแห่งความท้าทายภายใต้วาระเร่งด่วนของ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ในฐานะหนึ่งใน "บิ๊กคอร์ป" ที่มีความหลากหลายทางธุรกิจมากที่สุดในประเทศไทย ในการปรับยุทธศาสตร์เคลื่อนธุรกิจบนโลกการค้ายุคหลังโควิดที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!

ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวว่า การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด 19 ทำให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ส่งผลกระทบเสียหายอย่างรุนแรงต่อธุรกิจขนาดกลางและย่อม หรือ เอสเอ็มอี (SME) ในประเทศไทย ขณะเดียวกัน สร้างผลกระทบอีกด้านหนึ่งด้วย กล่าวคือ ทำให้เกิด "บริษัทยักษ์ใหญ่" ในระดับนานาชาติจำนวนมาก ที่ปัจจุบันกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าทางธุรกิจมากกว่า GDP ของหลายประเทศในโลก

"การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั้งสองด้าน ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีระดับโลก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ จากการที่เอสเอ็มอีไทยอ่อนแอลง เราจึงต้องเร่งเครื่องเดินหน้าบนเวทีโลกและช่วยผู้ประกอบการไทยให้ก้าวไปสู่ตลาดระดับโลกพร้อมกันกับเรา"


ศุภชัย กล่าวต่อว่า การขับเคลื่อนธุรกิจยุคหลังโควิด 19 "เครือซีพี" จะเร่งขยายกิจการในต่างประเทศ พร้อมผนึกพันธมิตรไทยและต่างชาติ ต่อยอด ความร่วมมือต่างๆ ผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 

1.เร่งเครื่องการลงทุน

2.เร่งเครื่องการเดินหน้าบนเวทีโลก

3.ลดความซับซ้อนของโครงสร้างธุรกิจของเครือเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและความรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจ

4.สร้างแพลตฟอร์มทางธุรกิจเพื่อขยายความร่วมมือกับผู้ประกอบการต่างๆ ของไทย รวมถึงเกษตรกรจำนวนมาก ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดต่างประเทศ

"ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนแบบนี้ เราจะต้องไม่ชะลอการลงทุน! ในทางกลับกัน จะต้องเร่งแผนการลงทุนของธุรกิจต่างๆ ในเครือ เดินหน้าลงทุนในโครงการใหม่ๆ รวมถึงโครงการที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดการสร้างงานและสร้างธุรกิจค้าขายดีลใหม่ๆ โดยเฉพาะกับเอสเอ็มอีและเกษตรกรเล็กๆ กว่า 1.2 ล้านราย ที่เรามีความร่วมมือทางธุรกิจกันอยู่แล้วทั้งทางตรงและทางอ้อม"

ทั้งนี้ เมื่อมีการลงทุนของธุรกิจในเครือซีพี จะสร้างเม็ดเงินสะพัดกระจายต่อไปสู่ธุรกิจที่หลากหลาย ชุมชนทุกระดับ โดยก่อนหน้านี้เครือซีพี ยังได้จัดสรรงบประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อการช่วยเหลือทางด้านต่างๆ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโควิด 19

ขณะที่การลงทุนต่างประเทศของเครือซีพีอยู่ในโหมดเร่งเครื่องยนต์! โดยการริเริ่มโปรเจกต์ขนาดใหญ่หลายๆ โครงการกำลังคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มตัวตนและสถานภาพที่แข็งแกร่งของธุรกิจไทยในตลาดต่างประเทศได้!

เมื่อบริษัทในเครือซีพีมีความแข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศจะเป็นการเปิดช่องทางสร้างโอกาสสำหรับกลุ่ม เอสเอ็มอี ไทยนับสิบ นับร้อย หรือนับพันราย เกษตรกรและผู้ผลิตต่างๆ เข้าถึงตลาดต่างประเทศเหล่านั้นได้ทันที

อย่างไรก็ตาม อีกหัวใจสำคัญของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ประกอบด้วย 14 กลุ่มธุรกิจ มีพนักงานมากกว่า 400,000 คน จะเร่งปรับลดความซับซ้อนของโครงสร้างธุรกิจลงด้วยเช่นกัน

"บริษัทในเครือซีพีจะสามารถตัดสินใจต่างๆ ระหว่างบริษัทได้รวดเร็วมากขึ้น เป็นการทำงานในยุคของโลกที่ความเร็วเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จของธุรกิจ"

ในการเตรียมความพร้อมสำหรับโลกหลังวิกฤติ โควิด 19 ของธุรกิจในเครือซีพี มุ่งก้าวไปข้างหน้าให้ได้ไกลกว่าการเป็นเพียงผู้ผลิตสินค้าและการบริการเท่านั้น! ภายใต้ "แพลตฟอร์มแห่งโอกาส" ในการส่งเสริมเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการธุรกิจอื่นๆ พัฒนาศักยภาพ พร้อมเปิดประตูไปสู่โอกาสใหม่ๆ เพื่อการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศไทยและระดับโลก

โมเดลธุรกิจที่เรียกว่า "แพลตฟอร์มแห่งโอกาส" ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาระบบ สร้างอีโคซิสเท็มเพื่อให้ผู้ประกอบการ พันธมิตรธุรกิจต่างๆ รวมถึงเกษตรกรจำนวนมาก สามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้ ผ่านการทำงานร่วมกันกับบริษัทในเครือซีพี
เป็นการเชื่อมผู้ประกอบการไทยในวงกว้างให้เข้าถึงตลาดใหม่ "นอกบ้าน" มากขึ้น เป็นหนึ่งในแนวทางเสริมสร้างความแข็งแกร่งของประเทศไทย ในโลกยุคใหม่หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 จากการรวมพลังและระดมศักยภาพของเอสเอ็มอีหลายหมื่นรายและวิสาหกิจไทยอื่นๆ ออกไปต่อสู้บนเวทีระดับโลก

"ปกติเอสเอ็มอีจะมีข้อจำกัดหรือไม่สามารถรับความเสี่ยงและความยากลำบากในการพยายามตั้งหลักในตลาดต่างประเทศได้ และบ่อยครั้งที่ธุรกิจเหล่านั้น ไม่สามารถรับมือกับความท้าทายจากเครือข่ายธุรกิจในประเทศต่างๆ ได้ ดังนั้นหากเครือซีพีจะเป็นแพลตฟอร์มที่สนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทยได้ จะยิ่งเพิ่มศักยภาพให้เอสเอ็มอีเข้าถึงตลาดที่ปกติแล้วจะมีแต่บริษัทใหญ่ที่สุดของไทยเท่านั้นที่จะเข้าถึงได้"

นับเป็นการปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจใหม่อย่างมหาศาล ช่วยนำความรุ่งเรืองมาสู่คนนับล้าน ตอกย้ำเส้นทางการดำเนินธุรกิจของเครือซีพีในระดับสากล ผ่านแนวคิดแบบ "Win-Win"

ศุภชัย ย้ำว่า บริษัทไทยต้องร่วมมือกันให้ได้มากที่สุดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อสร้างพลังร่วมกัน ส่งเสริมความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีเศรษฐกิจโลกต่อไปในอนาคต เช่นเดียวกับที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกในสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ที่สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศบ้านเกิด และบริษัทในประเทศของตัวเอง ไปพร้อมกับการสร้างคุณค่าให้กับประเทศที่ธุรกิจต่างๆ เหล่านั้นเข้าไปดำเนินธุรกิจ และเราก็ควรทำเช่นเดียวกัน

ทั้งหมดนี้สอดคล้องหลัก "3 ประโยชน์" ของเครือซีพี ที่คำนึงถึงการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ สร้างประโยชน์ให้กับสังคม และสร้างประโยชน์ให้กับบริษัท นั่นเอง
#3175


นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว ทั้งธุรกิจคลังสินค้าและพื้นที่ให้เช่าของบริษัท มีแนวโน้มผลประกอบการเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะสัญญาระยะสั้นที่เพิ่มขึ้นมาก ด้านธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ธุรกิจน้ำยังคงมีทิศทางการเติบโตจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งในไทยและเวียดนามยังดีกว่าปีก่อน

โดยบริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายที่ดินในปีนี้ไว้ที่ 1,030 ไร่  แบ่งเป็นในประเทศไทย 725 ไร่ และในประเทศเวียดนาม 305 ไร่  สำหรับพื้นที่ในประเทศไทย  725 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายในนิคมฯ 600 ไร่ นอกนิคมฯ 125 ไร่ มั่นใจว่ามีโอกาสทำได้ดีกว่าเป้า เนื่องจากยังคงเห็นความต้องการจากยุโรป, ไต้หวัน, จีน ,ญี่ปุ่น และอินเดีย จากกระแสการย้ายฐานการผลิตอย่างต่อเนื่องจนมาถึงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ยิ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติมองหาฐานการลงทุนแห่งใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยง จากเดิมที่กระจุกตัวอยู่ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งอย่างเดียว ซึ่งทั้งไทยและเวียดนามได้ประโยชน์ 

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

จากครึ่งปีแรก 2564 มียอดรอเซ็นสัญญาซื้อขายLOI อยู่ที่ 83 ไร่ และมียอดขายที่ดินรอโอน( Backlog ) อยู่ที่ 400 ไร่ ซึ่งในปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าหลายราย มองว่า ในครึ่งปีหลังยอดขายที่ดินจะเริ่มกลับมา จากโรคระบาดโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย แม้โควิดจะกระทบข้อจำกัดการเดินทาง แต่การลงทุนจริงยังดีต่อเนื่องและมีการพัฒนาระบบออนไลน์มาช่วยสนับสนุนยอดขายที่ดินด้วย 

สำหรับยอดขายที่ดินในเวียดนาม 305 ไร่ คาดว่าอาจต่ำกว่าเป้า เพราะ  มีล็อกดาวน์ แต่ดีมานด์ยังดีอยู่ ไม่กระทบยอดขายแต่จะกระทบยอดโอนที่อาจจะต้องเลื่อนไปปี 2565

 "ยอดขายที่ดินครึ่งปีหลังนี้ยังดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ จากเจรจาขายที่ดินต่อเนื่อง  ในส่วนของยอดโอนอาจกระทบบ้างปีนี้  แต่จะทำให้แบ็คล็อคไปโอนในต้นปีหน้า" 

นางสาวจริพร กล่าวว่า  ทางด้านธุรกิจให้เช่าพื้นที่ยังเติบโตดีต่อเนื่อง ซึ่งยังคงเป้าหมายให้เช่าพื้นที่ในปีนี้ที่ 175,000 ตารางเมตร ในครึ่งปีแรก 2564 ให้เช่าพื้นที่แล้ว 40-50% ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาลูกค้ารายใหญ่ เช่าคลังสินค้าเพิ่มอีก 55,000-60,000 ตารางเมตร คาดหวังว่าจะปิดดีลให้สำเร็จในปีนี้ รวมทั้งการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในการขนส่ง ก็มีส่วนทำให้ความต้องการเช่าระยะสั้นสูงขึ้นอย่างมาก

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาเข้าลงทุนในสตาร์ทอัพอีก 2 บริษัท คาดใช้เงินลงทุนราว 200 ล้านบาท เบื้องต้นจะสรุปได้ปีนี้หรือปีหน้า
#3176


การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) โดยเรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหาร กทท. ให้การต้อนรับนายวิลาศ เฉลยสัตย์ รองผู้ว่าการบริการระบบจำหน่ายการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และคณะ ในโอกาสเข้าร่วมติดตามความคืบหน้าและสังเกตการณ์การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและศูนย์แยกกักตัว (CI) ของ กทท. ในฐานะหนึ่งในหน่วยงานภาคีเครือข่ายการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและศูนย์ CI ของ กทท. ณ โกดังสเตเดียม กทท.



โรงพยาบาลสนามและศูนย์ CI ของ กทท. จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่พักรักษาตัวของพนักงาน กทท. และชาวชุมชนที่ตรวจพบเชื้อ COVID-19 ซึ่งเป็นผู้ป่วยในกลุ่มอาการสีเขียวและสีเหลืองที่มีอาการไม่รุนแรงภายในพื้นที่จัดเป็นเต็นท์สนามจำนวน 3 หลัง รองรับผู้ป่วยได้ 300 เตียง แบ่งเป็นโรงพยาบาลสนามจำนวน 240 เตียง (แยกชาย-หญิง) และศูนย์ CI จำนวน 60 เตียง โดย กทท. เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณการจัดตั้ง ระบบสาธารณูปโภค สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก วัสดุอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ที่จำเป็น เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุน ได้แก่ กฟน. ที่สนับสนุนด้านการติดตั้งและวางระบบไฟฟ้าภายในโรงพยาบาลสนามและศูนย์ CI สำนักงานสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเอสซีจี PTTOR การประปานครหลวง สำนักงานเขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ มูลนิธิบุณยะจินดา มูลนิธิมาดามแป้ง โรงพยาบาลนวเวช โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ เป็นต้น คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในเร็วๆนี้



นายจาตุรงศ์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการธุรกิจและบริการ กฟน. กล่าวว่า "การไฟฟ้านครหลวงมีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามของ กทท. โดยได้สนับสนุนวางแผนระบบไฟฟ้าด้วยการเดินระบบสายส่งกำลังไปยังเต็นท์ทั้งสามหลัง พร้อมทั้งติดตั้งมิเตอร์และหม้อแปลง ซึ่งมั่นใจว่าสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ได้มอบหมายให้พนักงาน กฟน. เตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุขัดข้องอื่น ๆ"

ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวปิดท้ายว่า "ขณะนี้การดำเนินงานต่าง ๆ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ ที่นอน เตียง ห้องน้ำ และอุปกรณ์ที่จำเป็น ได้เตรียมพร้อมแล้วที่จะเปิดเพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งนี้ ขอขอบคุณความร่วมมือจากหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง สำนักงานเขตคลองเตย มูลนิธิเอสซีจี PTTOR ฯลฯ ที่ร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือประชาชนคนไทยให้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างปลอดภัย"
#3177


ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ประเมินผลกระทบของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ทำให้ประชากรราว 80 ล้านคนในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเอเชียเข้าสู่ "ความยากจนขั้นรุนแรง" (extreme poverty) และอาจเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุเป้าหมายขจัดปัญหาความยากจนและความหิวโหยระดับโลกภายในปี 2030

แบบจำลองของ ADB ระบุว่า อัตราความยากจนขั้นรุนแรงในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเอเชีย ซึ่งหมายถึงสัดส่วนประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน จะลดลงเหลือเพียง 2.6% ในปี 2020 จากระดับ 5.2% ในปี 2017 หากไม่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ทว่า วิกฤตสาธารณสุขที่เกิดขึ้นทำให้อัตราความยากจนขั้นรุนแรงพุ่งสูงกว่าที่ประเมินไว้ราว 2%

รายงานของ ADB ย้ำว่า ตัวเลขอาจจะสูงยิ่งกว่านี้ หากพิจารณาถึงความไม่เท่าเทียมในด้านต่างๆ เช่น สุขภาวะ การศึกษา และการหยุดชะงักของงาน (work disruptions) ที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากโควิด-19 ทำให้การเคลื่อนย้ายของประชากรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ หยุดชะงัก

"ผลกระทบในด้านเศรษฐกิจและสังคมจากมาตรการควบคุมโรคยังคงปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ประชากรจำนวนมากต้องดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง และสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าสู่วงจรของความยากจน" ADB ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงมะนิลา ระบุ

ในบรรดาประเทศกำลังพัฒนา 46 ชาติ และประเทศพัฒนาแล้ว 3 ชาติในเอเชียแปซิฟิกที่เป็นสมาชิกของ ADB มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่เศรษฐกิจยังคงเติบโตได้ในปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตราการจ้างงานที่ลดลงส่งผลให้ชั่วโมงการทำงานในภูมิภาคนี้ลดลงประมาณ 8% ซึ่งส่งผลกระทบมากเป็นพิเศษต่อครัวเรือนที่มีฐานะยากจน และแรงงานนอกระบบ (informal sector)

ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากพิษโควิด-19 ยังเพิ่มความท้าทายให้ภูมิภาคนี้ในการที่จะบรรลุซึ่งเป้าหมายด้านการพัฒนาที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้กำหนดไว้เมื่อปี 2015

รัฐสมาชิกยูเอ็นได้มีมติเป็นเอกฉันท์รับรองเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (sustainable development goals : SDGs) 17 ประการ ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินงานด้านการพัฒนาที่ท้าทายตั้งแต่การขจัดปัญหาความยากจน เรื่อยไปจนถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศ รวมถึงขยายโอกาสทางการศึกษาและบริการด้านสาธารณสุขให้ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มภายในปี 2030

"เอเชียและแปซิฟิกมีระดับความก้าวหน้าเป็นที่น่าพอใจ ทว่า สถานการณ์โควิด-19 เผยให้เห็นรอยแยกทางเศรษฐกิจที่อาจจะบั่นทอนการพัฒนาอย่างยั่งยืนแบบองค์รวมของภูมิภาคนี้" ยาสุยุกิ ซาวาดะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADB ระบุในถ้อยแถลง

ที่มา : รอยเตอร์
#3178


นายสุวัฒน์ เทพปรีชาสกุล ผู้อำนวยการ-ธุรกิจบัตรเครดิต บริษัทบัตรกรุงไทย (เคทีซี)เปิดเผยถึงแผนธุรกิจของหมวดประกันในครึ่งปีหลังว่า เคทีซียังคงมีมุ่งเน้นร่วมกับพันธมิตรในหมวดประกันที่มีอยู่ถึง 150 รายในการคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าทั้งในส่วนของประกันชีวิต และประกันอื่นๆ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ และขยายช่องทางในการซื้อ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันมากขึ้น โดยคาดว่าในครึ่งปีหลังโดยเฉพาะในไตรมาส 4 จะยังเป็นช่วงไฮซีซั่นเหมือนทุกปีที่ผ่านมา และยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดใช้จ่ายในหมวดประกันที่ 10%

"หมวดประกันมีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ 3-4 ปีก่อน และในปีนี้ก็ยังโตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีมูลค่าธุรกรรมไม่สูงนัก อย่าง ประกันโควิด ประกันสุขภาพ ประกันรถยนต์ ซึ่งก็จะมีไซส์ประมาณ 10,000-20,000 บาท ส่วนที่ไซส์ใหญ่ๆส่วนใหญ่จะต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่หรือบริษัทโดยตรง ขณะเดียวกันสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นก็ทำให้เกิดความตื่นตัวในการทำประกันมากขึ้นเพราะมีความไม่แน่นอนในชีวิตเกิดขึ้น จึงต้องซื้อประกันมาปิดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น แล้วคนที่ซื้อประกันที่เข้ามาก็มีอายุน้อยลง ซึ่งการตื่นตัวนั้นไม่ใช่แต่เฉพาะประกันโควิด แต่รวมไปถึงประกันสุขภาพอื่นๆด้วย ซึ่งก็หวังว่าเทรนด์นี้จะยังคงอยู่ตลอดไป รวมถึงช่องทางออนไลน์และดิจิทัลก็มีความสำคัญเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ด้วย"

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีความเสี่ยงสูง จากการระบาดของโควิด 19 ที่หากยังไม่สามารถควบคุมได้ก็จะส่งผลกระทบหนักขึ้น และอาจจะทำให้คนบางกลุ่มที่รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องยาวนานไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ซึ่งแนวโน้มการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดประกันภัยในไตรมาสที่ 3 เริ่มมีสัญญาณชะลอตัว ทั้งในส่วนยอดรวมการใช้จ่ายและอัตราเฉลี่ยการซื้อประกันต่อครั้งต่อบัตรฯ สืบเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มถดถอย ทำให้ประกันภัยปีแรกขายค่อนข้างยาก และการชำระเบี้ยประกันปีต่ออายุของผู้บริโภคเริ่มมีปัญหา ส่งผลให้กรมธรรม์ถูกยกเลิก หรือขาดอายุสูงขึ้น กลยุทธ์การตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2564 เคทีซีจึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทประกันภัยทั้ง Life Insurance Non-Life Insurance และ Insurance Broker มากกว่า 50 บริษัท มอบสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิก อาทิ การผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน การให้เครดิตเงินคืนสูงสุด 15% หรือการมอบคะแนนพิเศษ เพื่อให้สมาชิกสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น

สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของหมวดประกันมุอัตราเติบโตที่ 10% โดยหลักๆยังมาจากประกันโควิดฯที่เติบโตดีมาตั้งแต่ปีก่อน รวมถึงประกันสุขภาพไซส์เล็กๆ และกลุ่มของยูนิตลิงค์ที่เริ่มเข้ามามากขึ้น ขณะที่กลุ่ม non life อาจจะแผ่วลงบ้าง อาทิ ประกันรถยนต์ชั้นหนึ่ง เนื่องจากมีการใช้รถยนต์ลดลง เป็นต้น ทั้งนี้ ปัจจุบันยอดใช้จ่ายหมวดประกันยังสูงเป็นอันดับ 1 ของยอดใช้จ่ายรวม หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16%ของยอดใช้จ่ายรวม

นายสุวัฒน์กล่าวอีกว่า ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่เราก็พยายามที่จะรักษาการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อช่วยพยุงยอดใช้จ่ายรวม และชดเชยการใช้จ่ายในบางกลุ่มที่หายไป อาทิ หมวดร้านอาหาร ท่องเที่ยว เป็นต้น ส่วนในปีหน้า หากสถานการณ์โควิดฯยังอยู่เราก็คงยังเน้นประกันในกลุ่มนี้อยู่ แต่หากสถานการณ์คลี่คลายก็จะพยายามหาผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าต่อเนื่องไปหลังจากที่ลูกค้าหันมาให้ความสำคัญในการทำประกันอื่นๆเพิ่มขึ้นหลังจากเหตุการณ์โควิดฯ
#3179


เวลาของ แมนนี ปาเกียว ยอดกำปั้นวีรบุรุษแห่งฟิลิปปินส์ กำลังจะหมดลงในไม่ช้า หลังพิจารณาจากคำพูดเปิดใจล่าสุดหลังแพ้ให้นักชกแชมป์โลกจากคิวบา แม้เจ้าตัวจะยังไม่ประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการก็ตาม

ความพ่ายแพ้ที่ ที โมบายล์ อารีน่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทำให้ "แพ็คแมน" ที่แพ้คะแนนต่อ ยอร์เดนิส อูกาส แชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ เวลเตอร์เวท ชาวคิวบา ยังอ้ำอึ้งที่จะบอกชัดๆ ว่าจะเลิกชกมวย ทว่าคำพูดในงานแถลงหลังจบไฟต์ ก็ส่งสัญญาณว่าเจ้าตัวคงไม่คิดชกต่อแล้ว

นักมวยวัย 42 ปี เปิดเผยว่า "คุณอาจไม่เห็น แมนนี ปาเกียว ขึ้นเวทีชกมวยอีกแล้วในอนาคต ผมไม่รู้เหมือนกัน"

"ในวงการหมัดมวย ผมทำทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว และผมก็ได้รับทุกสิ่งจากวงการมวยเช่นกัน ตอนนี้ผมกำลังมองถึงการใช้เวลากับครอบครัว และคิดถึงเรื่องอนาคตของตัวเองในวงการมวยอย่างจริงจัง ใจผมยังอยากสู้ต่อ แต่ผมก็ต้องรับฟังเสียงของร่างกายตัวเองเหมือนกัน"

"ยังมีอีกหลายสิ่งที่ผมอยากทำเพื่อช่วยเหลือผู้คน นั่นคือภารกิจของผม ผมอยากเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวฟิลิปปินส์ทุกคนทั้งในและนอกสังเวียน"

"ชีวิตจริง ผมเป็นนักสู้ทั้งในและนอกสนาม ตอนนี้ผมกำลังคิดถึงการกลับไปฟิลิปปินส์ เพื่อทำงานรับใช้ชาวฟิลิปปินส์ในช่วงเวลาที่โรคระบาดส่งผลกระทบต่อคนเป็นล้านในประเทศของเรา"

ทั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องน่าเสียใจสำหรับหาก ปาเกียว จะประกาศแขวนนวมในเวลาอันใกล้ เพราะตลอด 26 ปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาคือหนึ่งในสุดยอดนักชกผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล เคยเป็นแชมป์โลกเข็มขัด 8 เส้น และจะถูกจดจำในวงการมวยตลอดไป
#3180


วันนี้ ( 22 ส.ค.) หลังจากมีกระแสข่าวว่ามีผู้ใจบุญเป็นคนไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศ บริจาคเงินจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเพื่อให้มีภูมิคุ้มกัน โรคโควิด- 19 ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว



นายเกียรตินิยม ขัวญใจพุทธิศา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ขนงพระ อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา ให้ข้อมูลว่า เป็นเรื่องจริงที่มีผู้ใจบุญบริจาคเงินเพื่อซื้อวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนชาว อ.ปากช่องได้ฉีด โดยผู้ใจบุญท่านนี้ มีภูมิลำเนาเป็น ชาว ต. ขนงพระ อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันนี้ พี่ชาย และ ญาติ พี่น้องก็ยังอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งผู้ใจบุญได้แต่งงานมีสามีเป็นนักธุรกิจ ชาวฝรั่งเศส

โดยได้มอบเงินจำนวน 20 ล้านบาท ให้กับ โรงพยาบาลมกุฏคีรีวันเขาใหญ่ (ปากช่องนานา) เพื่อดำเนินการจัดวัคซีน ฉีดให้กับประชาชนฟรี ประกอบด้วย วัคซีนชิโนฟาร์ม จำนวน 10,000 โดส เป็นเงิน 8,000,000 บาท และวัคซีน MRNA จำนวน 4,000 โดส เป็นเงิน 6,800,000 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 14,800,000 บาท ส่วนจำนวนเงินที่เหลือ เตรียมไว้ซื้อวัคซีน MRNA เพิ่มเป็นเข็มกระตุ้น ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า



ทั้งนี้วัคซีนจำนวนดังกล่าว ได้ฉีดให้ประชาชนในพื้นที่ ต.ขนงพระ เป็นอันดับแรก ซึ่งมีทั้ง พระภิกษุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งผู้ใจบุญ เป็นห่วงชาวปากช่องหลังเห็นข่าวว่าชาวปากช่อง ติดเชื้อโควิด-19 กันเป็นจำนวนมาก

นายเกียรตินิยม กล่าวอีกว่า นอกจากมีวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับบริจาคดังกล่าว แล้ว ทาง อบต. ขนงพระ ยังจัดสรรงบประมาณ 15 ล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีนฉีดให้ประชาชนชาวตำบลขนงพระ ซึ่งมีทั้งชาวบ้าน แรงงานต่าง ๆ รวมทั้งผู้ที่มาประกอบธุรกิจในพื้นที่นี้ โดยดำเนินการลงทะเบียนผ่านองค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ อ.ปากช่อง ซึ่งขณะนี้ได้มีการเปิดรับลงทะเบียนแล้ว พร้อมเร่งสำรวจผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลย หากตำบลขนงพระ ปูพรมฉีดวัคซีนจนครบ 100% แล้ว จะกระจายวัคซีนไปสู่พื้นที่ ตำบลข้างเคียงจนกว่าวัคซีนจะหมด ซึ่งชาวปากช่องต่างดีใจที่มีผู้ใจบุญบริจาคเงินซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับชาวบ้าน