• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Ailie662

#9451
ถมที่ ขุดสระ จัดสวน วางท่อ ติดต่อ 080-022-3804
www.mmee2000.com ทำจริงไม่ทิ้งงาน
#9452
ขายกิจการหอพัก แถวมหาลัยรังสิต โทร 083-7124115
#9453
สินค้ามือสอง ราคาถูกมาก!!!!!
#9455


ออกมาขอโทษอย่างจริงใจอีกครั้งในรายการแฉ สำหรับพิธีกรฝีปากกล้า "มดดำ คชาภา ตันเจริญ" ที่หลุดพูดเปรียบเทียบ "ลิซ่า BLACKPINK" ลลิษา มโนบาล กับ "นิชคุณ หรเวชกุล" และ "แบมแบม กันต์พิมุกต์" ในรายการแฉ ทำเอาทัวร์ลงตนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ1 กับ #แบนมดดำ คนด่าเป็นล้าน

ซึ่งหลังจากที่รายการได้ออกไป "คุณแม่กชกร" คุณแม่ของแบมแบมก็ได้โพสต์ถึงมดดำและเล่าเรื่องราวทางฝั่งแบมแบมให้ได้รู้ว่า....

"ไม่พูดอะไรเลย แม่เองก็ไม่สบายใจเช่นกัน แม่ขอขอบพระคุณทั้งคุณหนุ่มและคุณมดดำ และขอเรียนให้ทราบด้วยใจจริงว่า แม่และน้องๆ ไม่ได้วิตกหรือโกรธเคืองกับเรื่องนี้มากมายตามสื่อบางที่เสนอข่าว โดยเฉพาะคุณมดดำ ขอได้อย่ากังวล และทำหน้าที่ของตนเองต่อไปด้วยความสบายใจ พวกเราฟังคุณมดดำ และถือว่าเป็นแฟนคลับด้วยซ้ำ เพราะเราฟังคุณเล่าข่าวตั้งแต่รายการแฉแต่เช้ากับคุณกฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ (เขียนถูกไหมคะ) ตั้งแต่เด็กๆ ยังเล็กกัน เพราะช่วงแม่ขับรถส่งลูกๆ ตามโรงเรียนก็จะฟังรายการนี้ตลอดทุกวัน

จนทุกวันนี้ก็ยังดูรายการข่าวใส่ไข่ เรียกได้ว่าเกือบทุกวันเลย โหนกระแสของคุณหนุ่มแม่ก็ดูทุกวันนะคะ ปรบมือให้ และปวดหัวแทนคุณหนุ่มอยู่ประจำๆ ฉะนั้นไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่รู้จักคุณมดดำเลย แม่ขอใช้คำโบราณนะคะที่เขาพูดกันคือ คุณมดดำเป็นคนที่เรียกว่า ปากร้ายแต่ใจดี (ขอโทษนะคะตามสำนวนค่ะ) อีกอย่างแม่จะสอนเด็กๆ เสมออยู่แล้วว่า เราไม่ต้องไปแข่งกับใคร ขอแค่ให้รู้ว่า ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ และทำให้ดีที่สุดเท่านั้นพอ สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้คนรักเรา เอ็นดูเรา คือการไม่ลืมตัว ฉะนั้นเด็กๆ เข้าใจดี

ถามว่า แม่ร้องไห้จริงไหม ขอตอบว่าจริง แต่ด้วยความที่เราผ่านอะไรกันมามาก แม่จะเป็นคนที่อ่อนไหวกับเรื่องลูกๆ มาก ไม่ว่าลูกจะดีใจก็ร้องไห้ ลูกเสียใจก็ร้องไห้ ร้องไห้เก่งมากค่ะ ครั้งนี้ที่ร้องไห้ ยอมรับว่าค่อนข้างเป็นห่วงความรู้สึกลูก เพราะเกือบ 2 ปีกับเรื่องโควิด ทำให้เราไม่ได้พบกันเลย และ 2 ปีนี้ เป็นช่วงที่ลูกต้องกังวลตามลำพังคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการย้ายค่าย การต้องทำงานกับคนใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย การต้องทำงานเพียงคนเดียวจากที่มีพี่ๆ อีก 6 คนทำด้วยกัน

การต้องพยายามทำงานเดี่ยวของตัวเองให้ออกมาเป็นที่ยอมรับของแฟนๆ ให้ได้ ทั่งเรื่องการแต่งเพลง และการร้องเพลงที่คนค่อนข้างจับตามองมาก แม่เลยค่อนข้างกังวลกับความรู้สึกของแบมมากกว่าเดิมค่อนข้างมาก มิได้มีจุดประสงค์ที่จะก่อดรามาอะไรทั้งสิ้น ลูกๆ เห็นก็อาจจะเป็นห่วงแม่มากไปหน่อยเช่นกัน

ท้ายนี้แม่ดีใจที่ได้อธิบายให้คุณมดดำฟังเช่นกัน และอยากบอกจริงๆ ว่าอย่ากังวลมากไปจนทำงานไม่เป็นตัวของตัวเอง จะยังคงติดตามฟังคุณมดดำเล่าข่าวต่อไปนะคะ และที่ชอบที่สุด ชอบฟังคุณมดดำเล่าเรื่องผี สิ่งลี้ลับต่างๆ มากๆ ค่ะ อีกเรื่องที่ลืมบอกไม่ได้เลยคือ ขอให้คุณมดดำเข้าใจแฟนคลับของแบมค่ะ เพราะจริงๆ ส่วนใหญ่รักแบมเหมือนลูก จึงคอยปกป้องแบมอยู่เสมอ พวกเขาเรียกตัวเองว่า แม่ทิพย์ ปัจจุบัน คุณแม่ทิพย์นี้ คอยเลี้ยงดู และดูแลแบมแบม มากกว่าแม่จริง พวกเขาจึงหวง และห่วงแบมมากๆ ค่ะ เข้าใจแม่ๆ ด้วยนะคะ"
#9459


นายศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล กรรมการ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ ครั้งที่ 5/2564 เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2564 ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการยกเลิกมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ประชุมเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2563 วาระที่ 5 (1) เรื่องการอนุมัติการซื้อหวยออนไลน์จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้บุคคลเฉพาะเจาะจง ( Private Placement) จำนวนรวม 3,000,000,000 หุ้น ให้แก่ นายภัทรเดช พูลเกิด จำนวน 1,000,000,000 หุ้น นายธนอรรถ ตรีธิติธัญ 1,000,000,000 หุ้น และนายเฉลิมพงษ์ มหาวาณิชย์วงศ์ 1,000,000,000 หุ้น

เนื่องจากการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวนั้นมิได้ดำเนินการภายในกำหนดระยะเวลา 3 เดือนนับแต่วันที่มีมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 และตามที่กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกำหนด ประกอบกับบริษัทมีแผนที่จะนำเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการออกเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดใหม่


ในการนี้ บอร์ดมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 2,000,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.05 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลเฉพาะเจาะจงจำนวน 1 ราย ได้แก่ บริษัท เมย์พลัส 2005 จำกัด ราคาเสนอขาย หุ้นละ 1.50 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 3,000,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับการได้มาซึ่ง แร่ไพโรลูไซต์ คิดเป็นมูลค่ารวม 3,000,000,000 บาท แทนการชำระด้วยเงินสด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือผู้ลงทุนจะชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทด้วยแร่ไพโรลูไซต์แทนการชำระด้วยเงินสด (Payment in Kind)

ทั้งนี้ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุน ข้างต้น ผู้ลงทุนจะถือหุ้นในบริษัทรวมกันเป็นจำนวนไม่เกิน 2,000,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน ประมาณ 23.44% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วของบริษัทหลังจากการออกเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้) และส่งผลให้โครงสร้างผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรกเปลี่ยนแปลงไป ดังนี้

ผู้ถือหุ้นใหญ่ MORE หลังเพิ่มทุน


นอกจากนี้ บอร์ดยังมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท มอร์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (PROP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจำนวน 38,400,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ PROP โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ในราคาจำหน่ายหุ้นละ 6.51 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 250,000,000 บาท ให้แก่ นายศิวพร ตั้งจิตตพร

ทั้งนี้ นายศิวพร ตั้งจิตตพร เป็นนักลงทุนในตลาดทุนที่มีชื่อเสียงอีกทั้งยังเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การทำรายการดังกล่าว คณะกรรมกรบริษัทได้พิจารณาถึงสถานการณ์สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้น โอกาสในสร้างเม็ดเงินและการทำกำไรจากการดำเนินธุรกิจในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบทงตรงและทางอ้อม และได้พิจารณาถึงกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่จะสามารถสร้างเม็ดเงินและผลกำไรให้กับบริษัทได้ อาทิเช่น กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค กลุ่มธุรกิจน้ำประปา การบำบัดน้ำเสียตามโครงการต่างๆ

ในการนี้คณะกรรมการได้พิจารณาถึงแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ลงทุนในกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค ฯลฯ ดังกล่าว ประกอบกับมีนักลงทุน (นายศิวพร ตั้งจิตตพร) ด้านอสังหาริมทรัพย์มีความสนใจในบริษัท มอร์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาถึงความสามารถในการชำระเงินของผู้ซื้อ และราคาที่จำหน่ายอยู่ในระดับที่ผู้ซื้อจะหาแหล่งเงินทุนสนับสนุนได้

 
#9460
ถมที่ ขุดสระ จัดสวน วางท่อ ติดต่อ 080-022-3804
www.mmee2000.com ทำจริงไม่ทิ้งงาน
#9461
ใคร ๆ ก็ไม่รัก ไปไหนมีแต่คนไม่ชอบหน้า ขาดเสน่ห์ ไม่มั่นใจ

น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตก แค่ท่องคาถา
เจิมที่หน้าผากตัวเรา บังเกิดออร่าน่าจับตามอง
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา
น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตกให้ทุกขวด ขวดละ 399 บาท
ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ
ตะกรุดนะอกแตก เป็นมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม มหาละลวย แก่มนุษย์ทั้งหญิงชายทั้งหลาย
คาถากำกับ
โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ
อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ
นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ
(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)
ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/34

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1867850932-s5770096982...

shopee https://shopee.co.th/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1...
#9463
สินค้ามือสอง ราคาถูกมาก!!!!!
#9465


 "ttb analytics" คาดหนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง 93.0% ในสิ้นปี 64 เพิ่มจากไตรมาส 1 /64 ที่ 90.2% และสิ้นปี 62 ที่ 80% เหตุโควิดยืดเยื้อรุนแรงขึ้น ดันหนี้เพื่อการบริโภคสูงขึ้น หวั่นกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ ชี้ทางออก เร่ง"ปรับโครงสร้างหนี้"ตรงจุดและ"รวบหนี้" แก้ไขปัญหาระยะยาว

หนี้ครัวเรือนไทยปัจจุบันอยู่ในภาวะเปราะบาง ด้วยสัดส่วนหนี้เพื่อการบริโภคที่สูงขึ้นจึงเป็นปัญหากระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ ทางออกคือการปรับโครงสร้างหนี้ให้ตรงจุดและเน้นการรวบหนี้เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว

สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยปัจจุบันโดยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ

นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 หนี้ครัวเรือนของไทยมีการปรับตัวสูงมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจาก 80% ของจีดีพี ณ สิ้นปี 2562 เป็น 90.5% ของจีดีพี ณ ไตรมาส 1/2564 และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศระลอกสามที่ลุกลามยืดเยื้อมาจนถึงครึ่งหลังของปี 2564 ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ  ttb analytics คาดการณ์ว่า ระดับหนี้ครัวเรือนของไทยอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 93.0% ณ สิ้นปี 2564

โดยปริมาณหนี้ครัวเรือนของไทยต่อจีดีพี ที่เร่งขึ้นเร็วในช่วงวิกฤตนี้เกิดจาก 1. ความจำเป็นในการก่อหนี้เพิ่ม เนื่องจากขาดหรือมีสภาพคล่องในครัวเรือนไม่เพียงพอกับรายจ่าย หลังจากที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติในช่วงล็อกดาวน์ การถูกปรับลดเงินเดือนบางส่วนลง รวมถึงการถูกเลิกจ้าง 2. รายได้ที่ลดลงมากเมื่อเทียบกับหนี้ที่เพิ่มขึ้นเร็ว สะท้อนจากหนี้ครัวเรือนไทย ณ ต้นปี 2564 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.6 จากระยะเดียวกันกับปี 2563 ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะซบเซา


ทั้งนี้ สังเกตได้ว่า ในหลายประเทศก็ประสบปัญหาการปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของหนี้ครัวเรือนเช่นเดียวกัน โดยเกาหลีใต้มีหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจาก 93.9% ของจีดีพี เป็น 103.8% ณ ต้นปี 2564 และมาเลเซียที่เพิ่มจาก 82.7% เป็น 93.2% ในปัจจุบัน โดยไทยมีปริมาณหนี้ครัวเรือนอยู่อันดับที่ 17 ของโลก ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน คือ เกาหลีใต้และมาเลเซีย ซึ่งอยู่อันดับที่ 9  และ 14 ตามลำดับ แต่สูงกว่าหนี้ครัวเรือนของสิงคโปร์ซึ่งอยู่อันดับที่ 26 ของโลก  

จึงเห็นได้ว่านอกจากหนี้ครัวเรือนของไทยและประเทศเพื่อนบ้านจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว ยังถือว่ามีปริมาณภาระหนี้สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย ดังนั้น การบริหารจัดการหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ศูนย์วิเคราะห์ฯ ทีทีบี ชี้พิษโควิดดันหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้พุ่งแตะ 93.0%


ประเมินความเสี่ยงหนี้ครัวเรือนไทยเทียบต่างประเทศ

ด้านประเภทของหนี้ครัวเรือนไทยประกอบไปด้วย สัดส่วนหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 47% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด อาทิ หนี้บ้านและรถยนต์ และสัดส่วนหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 35% อาทิ หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป รวมถึงหนี้เพื่อการศึกษา และส่วนที่เหลืออีก 18% เป็นหนี้รายย่อยเพื่อธุรกิจครัวเรือน

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงในระดับโลกใกล้เคียงกันกับไทยเพื่อให้เห็นภาพรวม โดยคำนวณเฉพาะหนี้บ้านต่อหนี้ครัวเรือนทั้งหมด (ไม่รวมหนี้ยานพาหนะ เพราะมีข้อจำกัดของการเข้าถึงข้อมูลสินเชื่อรถยนต์ในบางประเทศ) พบว่า ในต่างประเทศครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นประเภทหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในระดับสูงกว่าไทย อาทิ เกาหลีมีสัดส่วนหนี้บ้านสูงถึง 56% ขณะที่สิงคโปร์และฝรั่งเศส นอกจากจะมีหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีต่ำกว่าไทยแล้ว ยังไม่มีสัดส่วนหนี้อสังหาฯ สูงกว่าด้วย ยกเว้นมาเลเซียที่มีสัดส่วนหนี้บ้านใกล้เคียงกับไทย สะท้อนให้เห็นว่า หนี้ครัวเรือนของไทยมีความเสี่ยงต่อความเปราะบางทางเศรษฐกิจมากกว่าประเทศอื่นที่มีอันดับหนี้ในระดับต้นๆ ของโลกใกล้เคียงกัน

ศูนย์วิเคราะห์ฯ ทีทีบี ชี้พิษโควิดดันหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้พุ่งแตะ 93.0%

 

คุณภาพหนี้ครัวเรือนที่แท้จริง และประสิทธิภาพการช่วยเหลือแก้ไขหนี้

ในส่วนของคุณภาพหนี้ครัวเรือนนั้น เป็นผลโดยตรงมาจากสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ที่รุนแรงและลากยาวนับแต่ปลายปี 2563 ส่งผลซ้ำเติมปัญหาภาระหนี้ครัวเรือนที่มีอยู่แล้วในระดับสูง โดยเมื่อดูข้อมูลหนี้รายย่อยที่ได้ขอเข้าโครงการรับการช่วยเหลือ (รวม SFI) ณ เดือนมิถุนายน 2564  พบว่ามีปริมาณสูงถึง 11% ของจีดีพี ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับเครื่องชี้วัดสำคัญ คือ หนี้ stage 3 หรือเอ็นพีเอล ที่มีอยู่ไม่ถึง 1% ของจีดีพี และหนี้ใน Stage 2 หรือสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิต ที่มีอยู่เพียง 2.2% ของจีดีพี สะท้อนให้เห็นว่า คุณภาพหนี้ครัวเรือนของไทยในความเป็นจริงแย่ลงมากกว่าที่สามารถสะท้อนได้จากเครื่องชี้วัดหลักดังเช่น เอ็นพีเอล

 

เมื่อพิจารณาเป็นประเภทหนี้ที่มาขอรับความช่วยเหลือล่าสุด สำหรับลูกหนี้ของกิจการธนาคารพาณิชย์ กิจการไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non-bank) และธนาคารเฉพาะกิจ (SFI) ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 พบว่า อันดับแรกเป็นหนี้ที่อยู่อาศัยเป็นหลัก (ยอดขอความช่วยเหลือรวมอยู่สูงถึง 4.5% ของจีดีพี เทียบกับยอดเอ็นพีเอลที่ 0.6% ของจีดีพี) รองลงมาเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล (ยอดขอความช่วยเหลือรวม 5.3% เทียบกับยอดเอ็นพีเอล 0.2%) และอันดับสามเป็นหนี้รถยนต์ (มูลค่าขอความช่วยเหลือ 1.1% เทียบกับยอดเอ็นพีเอลที่ 0.1%) โดยกลุ่มลูกหนี้ที่มาขอความช่วยเหลือมักเป็นลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนความสามารถในการชำระหนี้ลดลง ซึ่งหากไม่ได้รับการช่วยเหลือผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ในลักษณะเชิงป้องกัน (Pre-emptive) อย่างทันท่วงที จะส่งผลให้เกิดหนี้เสียเป็นวงกว้างและกระทบต่อเสถียรภาพการเงินและระบบสถาบันการเงินโดยรวมของไทยได้ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งเป็นหนี้ประเภทไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Unsecured loan) และมีสัดส่วนค่อนข้างใหญ่ในโครงสร้างสินเชื่อครัวเรือนของไทย

ศูนย์วิเคราะห์ฯ ทีทีบี ชี้พิษโควิดดันหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้พุ่งแตะ 93.0%

การวางแผนแก้ไขหนี้ครัวเรือนจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเน้นเพื่อช่วยผ่อนคลายภาวะตึงตัวทางการเงินของลูกหนี้ในระยะสั้น และเพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การชำระหนี้ทั้งหมดได้ หลังการแพร่ระบาดยุติลงในระยะยาว โดยสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย (Tailor-made) และไม่ก่อให้เกิดแรงจูงใจเลี่ยงชำระหนี้อย่างไม่เหมาะสม (Moral hazard) เมื่อเปรียบเทียบแนวทางสำคัญในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท. และประเทศอื่นในภูมิภาค พบว่ามีความสอดคล้องกันในหลายด้าน ได้แก่

การเติมสภาพคล่องให้ลูกหนี้รายย่อยเพื่อให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ เช่น ธนาคารกลางเกาหลีได้ขยายกรอบวงเงินช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีและเจ้าของธุรกิจส่วนบุคคลรายย่อย ส่วน ธปท. ได้ขยายเพดานวงเงินสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับลูกหนี้ที่มีความสามารถในการผ่อนชำระ
การลดภาระค่าผ่อนต่องวดลง ตามการเจรจาร้องขอของลูกหนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย (Tailor-made) อาทิ มาเลเซียที่ลดค่างวดตามสถานะการจ้างงานและรายได้ สิงคโปร์ที่ลดค่างวดสำหรับหนี้บ้านซึ่งมีสัดส่วนสูงในหนี้ครัวเรือน รวมถึงการช่วยเหลือเฉพาะหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และ ธปท. ให้ส่วนลดดอกเบี้ยตามยอดชำระค่างวดใหม่ที่เลือก เพื่อเป็นแรงจูงใจแก้ลูกหนี้ที่เข้าโครงการแก้หนี้ ให้พยายามชำระหนี้ตามความสามารถ ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี
การเร่งปรับโครงสร้างหนี้  ทั้งการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้จากระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว ก่อนที่จะเกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้ได้ในอนาคต ซึ่งเป็นแนวทางทั่วไปที่สอดคล้องกันในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย
การรวบหนี้ โดยเฉพาะการนำหนี้ไม่มีหลักประกันมารวมกับหนี้มีหลักประกัน และขยายระยะผ่อนชำระ จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย เพื่อรองรับการปรับโครงแก้ไขหนี้ระยะยาวอย่างยั่งยืน
 

สุดท้ายนี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยในสถานการณ์โควิด นอกจากจะอาศัย ธปท. และภาคธนาคารให้การช่วยเหลือผ่านการลดภาระและปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงต้องดำเนินการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ  ปัญหาเศรษฐกิจที่จะยังคงซบเซาไปอีก 2 ปีข้างหน้า และการให้ความรู้ทางการเงินแก่ภาคครัวเรือน โดยเฉพาะการทำอย่างไรที่จะให้การก่อหนี้กลับมาเป็นการสร้างประโยชน์ และสร้างโอกาสในการหารายได้ซึ่งจะช่วยปลดภาระหนี้ได้ในระยะยาว